ตามรอยพระบาทเขื่อนภูมิพล ตาก ฟังเพลงพระราชนิพนธ์เหนือสันเขื่อน
17 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 วันดังกล่าวคือวันสำคัญวันหนึ่ง ซึ่งคนไทยทั้งประเทศควรจดจำ เพราะเป็นวันที่พ่อหลวงของเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประทาน ในการเปิด ‘เขื่อนภูมิพล’ หรือ ‘เขื่อนยันฮี’ อย่างเป็นทางการ ถือเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของเมืองไทย กั้นลำน้ำปิงที่บริเวณเขาแก้ว อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เป็นทั้งเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า เขื่อนเพื่อการชลประทาน เพื่อการเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด และปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับต้นๆ ของ ‘เมืองตาก’ ไปแล้ว
ด้วยพระอัจฉริยภาพและสายพระเนตรอันยาวไกล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เขื่อนภูมิพลแห่งนี้จึงถือกำเนิดขึ้น เป็นเขื่อนที่กักเก็บน้ำได้มากถึง 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร ผลิตกระแสไฟฟ้าให้คนไทยได้กว่า 779.2 เมกกะวัตต์ ถือเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ และใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก เลยทีเดียว ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อเป็นการถวายพระอาลัย และรำลึกถึงพระองค์ท่าน จังหวัดตาก โดย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนภูมิพล (ท่านผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงร่วมกันจัดงานยิ่งใหญ่ ‘รวมใจภักดิ์ รักพ่อ สานต่อ ปณิธาน’ ระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2560 อันเป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบาย
ในยามค่ำของวันที่ 28 มกราคม 2560 มีพิธีแสดงความรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ด้วยการจุดเทียนชัย และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญถวายพระองค์ท่าน พระผู้เป็นที่รักของปวงชนชาวไทย และจะทรงสถิตอยู่ในใจเราตลอดไป
บรรยากาศการจุดเทียนชัย ในงาน ‘รวมใจภักดิ์ รักพ่อ สานต่อ ปณิธาน’ เหนือสันเขื่อนภูมิพล เป็นไปด้วยความซาบซึ้งตรึงใจ บางท่านถึงขนาดน้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้ม ไฮไลท์ของงานนี้ คือการร่วกันรับฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ อันแสนไพเราะและซาบซึ้ง จากวงดุริยางค์ทหารเรือ ซึ่งยกทัพนักดนตรีกันมานับร้อยชีวิต ขอบรรเลงเพลงนี้ เพื่อถวายพระองค์ท่าน พระผู้ทรงสถิตอยู่บนสวรรคาลัย
นอกจากนี้ ในงานยังมีการแสดงหลายชุด ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้ชม ตั้งแต่วันที่ 28-30 มกราคม 2560 ทุกชุดล้วนน่าตื่นตาตื่นใจ และบ่งบอกถึงความรักที่ชาวจังหวัดตาก มีต่อพ่อหลวง และพร้อมสานต่อคำสอนของพระองค์ท่าน ด้วยการทำดีต่อไปไม่สิ้นสุด เมื่อรับชมดนตรีไพเราะในยามค่ำกันอย่างซาบซึ้งแล้ว ในรุ่งเช้าของวันถัดไป หากใครมีเวลาเหลือ สิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ การเดินเที่ยวชมวิวสวยๆ พร้อมกับสูดอากาศสดชื่นเย็นสบายบนสันเขื่อนภูมิพลในยามเช้า มองออกไปจะเห็นทะเลสาบสีฟ้าครามกว้างไกลสุดสายตาเหนือสันเขื่อน พร้อมด้วยเกาะต่างๆ มีเรือและแพนักท่องเที่ยวที่แล่นออกไปหาความสำราญกันได้ทั้ง 365 วันบริเวณท่าเรือของเขื่อนภูมิพล มีจุดลงแพและเรือหางยาว เพื่อการล่องเข้าไปเที่ยวชมทัศนียภาพได้ ทั้งแบบสองสามชั่วโมง เป็น One Day Trip หรือจะไปค้างคืนในแพกลางเขื่อนเลยก็ได้ หรือถ้าใครมีเวลามากหน่อย แพสามารถแล่นไปได้จนถึงบริเวณทะเลสาบดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ เลยล่ะ การล่องแพค้างคืนในเขื่อนภูมิพล เป็นกิจกรรมยอดฮิตอย่างหนึ่ง เพราะด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ มองเห็นเทือกเขาโดยรอบ อีกทั้งอากาศเย็นสบายจากผืนน้ำสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับจิตใจ เป็นการท่องเที่ยวแบบ Slow Life ที่น่าไปสัมผัสอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ฟ้าแจ่มใส หรือในฤดูร้อนก็จะผ่อนคลายกายใจได้ดีเยี่ยมสำหรับการล่องเรือหางยาวเที่ยว ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่า การไปเที่ยวที่ ‘เขาหน่อ’ หรือเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนบนสุดเป็นยอดเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำรูปทรงแปลกตา แถมยังมีวัดเขาหน่ออยู่ด้านบนด้วย เห็นแล้ว Amazing ไม่น้อยเลยบนเขาหน่อมีพระเจดีย์ขนาดใหญ่อยู่ 3 กลุ่ม พร้อมด้วยรอยพระพุทธบาทจำลองให้ผู้ศรัทธาได้กราบไหว้เดิมบริเวณเขาหน่อตรงนี้ คือจุดที่แม่น้ำปิงสายเดิมเคยไหลผ่าน ก่อนที่จะมีการกั้นลำน้ำเพื่อสร้างเขื่อนภูมิพลจนน้ำเอ่อท้นท่วมขึ้นมาเมื่อจอดเรือหางยาวแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อขา เดินขึ้นบันไดชิลชิลแค่ 300 ขั้น ขึ้นสู่ยอดเขาหน่อ ขอบอกว่าไม่ต้องรีบ เพราะเรือหางยาวเขารอแน่นอน ไม่ทิ้งเราไปไหน ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ หยุดถ่ายภาพชมวิวไปเป็นระยะๆ และขอแนะนำให้พกน้ำขวดเล็กๆ ขึ้นไปด้วย เพราะบนยอดเขาไม่มีน้ำขายนะจ๊ะถึงแล้ว ยอดเขาหน่อ โชคดีมาเที่ยวในฤดูหนาว จึงมองเห็นต้นไม้ต่างๆ เริ่มผลัดใบสีสันสดใส เพื่อเตรียมพักตัวเข้าฤดูแล้ง จากบนยอดเขานี้สามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำ ผืนป่า ทิวเขา และองค์พระเจดีย์ เรียงรายอยู่ในตำแหน่งสวยงามลงตัว ถ้าไม่เดินขึ้นมาคงเสียดายแย่!จากยอดเขาหน่อ มองลงไปในทะเลสาบเหนือเขื่อนภูมิพล แลเห็นแสงแดดอุ่นๆ ของยามเช้าสะท้อนผิวน้ำเต้นเป็นประกายระยิบ สลับกับริ้วลายคลื่นน้ำไล่โทนสีไปมา ราวกับภาพศิลปะชั้นเลิศความงามของวิวทะเลสาบเขื่อนภูมิพล มองจากยอดเขาหน่อไปทางทิศตะวันตกบนยอดเขาหน่อมีทางเดินลาดปูนอย่างดี เชื่อมต่อองค์พระเจดีย์ทั้ง 3 กลุ่ม เข้าด้วยกันเสาอโศกบนยอดเขาหน่อ บ่งบอกถึงพระพุทธศาสนาที่ตั้งมั่นอยู่ในดินแดนนี้ และสร้างสิริมงคลแด่เขื่อนภูมิพลตลอดไปรอยพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขาหน่อ แม้มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็งดงาม และสะท้อนถึงความศรัทธาของผู้คนได้เป็นอย่างดีหลังจากฟังเพลงพระราชนิพนธ์อันสุดแสนจะไพเราะ และล่องเรือเที่ยวเขื่อนภูมิพลกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางออกเที่ยวชมความมหัศจรรย์อันหลากหลาย ของจังหวัดตากไปที่ ‘อุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหิน’ อำเภอบ้านตาก อุทยานแห่งชาติใหม่เอี่ยมถอดด้ามของไทย ที่เพิ่งได้รับการยกฐานจะ ‘วนอุทยาน’ มาเป็น ‘อุทยานแห่งชาติ’ เมื่อ 1 ปีที่แล้วนี้เอง โดยความเจ๋งของที่นี่ คือมีการขุดพบซากฟอสซิลต้นไม้กลายเป็นหิน ขนาดยาวที่สุดในเมืองไทยและในโลก! คือซากฟอสซิลคล้ายต้นทองบึ้ง ที่ยาวถึง 72.22 เมตรก่อนไปชมไม้กลายเป็นหินของจริง ก็ควรเข้าไปที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Visitor Center) ก่อน เพื่อศึกษาว่าต้นไม้กลายเป็นหินได้อย่างไร อธิบายง่ายๆ คือ ในบริเวณนี้เมื่อ 800,000 ปีก่อน เคยเป็นป่าดงดิบ แต่เกิดอุทกภัยใหญ่ ต้นไม้เหล่านี้จึงล้มลง แล้วถูกโคลนตะกอนทับถมทันที มันจึงไม่เน่าเปื่อยสลายไป ประกอบกับบริเวณนี้มีมีสารซิลิก้าเข้มข้นอยู่ในดิน สารนี้จึงค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในเนื้อไม้ คือเมื่อซิลิก้าเข้าแทนที่เซลลูโลสหรือเนื้อไม้ ในที่สุดจึงเกิดไม้กลายเป็นหินขึ้น บางต้นอยู่ลึกสภาพจึงสมบูรณ์ ผิดกับบางต้นที่อยู่ใกล้ผิวดิน ก็จะแตกสลายมากกว่าหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหิน นำคณะนักท่องเที่ยวและผู้ศึกษาดูงาน เข้าชมจุดที่ขุดค้นพบซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน ซึ่งปัจจุบันกรมทรัพยากรธรณีได้เข้ามามีส่วนร่วมบูรณะ จัดภูมิทัศน์ และรักษาสภาพไม้กลายเป็นหินไม่ให้ถูกแดดลมจนเสื่อมสภาพไป ในอนาคตเราหวังว่า อุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหิน คงจะได้รับการประกาศให้เป็น ‘อุทยานธรณี’ หรือ Geo Park โดยองค์การ UNESCOปัจจุบันนี้มีการขุดค้นและเปิดให้ชมไม้กลายเป็นหินได้แล้ว 7 ต้น เป็นต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ ต้นทองบึ้ง และ ต้นมะค่าโมง ในยุคปัจจุบัน โดยทั้งหมดนั้น มีอายุกว่า 800,000 ปี!
ไม้กลายเป็นหินถือเป็นฟอสซิล หรือซากโบราณคดีทางธรณีวิทยาบรรพกาลที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง นับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ ที่เราต้องช่วยกันปกปักรักษา และทำให้จุดนี้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาระดับโลกซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน ต้นนี้คือต้นทองบึ้ง ที่ยาวกว่า 70 เมตรจุดชมต้นไม้กลายเป็นหินทั้ง 7 ต้น ที่เปิดให้ชมแล้ว มีการสร้าง Walk Board หรือสะพานไม้ยกระดับเตี้ยๆ เชื่อมต่อถึงกันในต้นที่ 1-4 ผ่านป่าเต็งรังอุดมสมบูรณ์ ได้ศึกษาพรรณมไม้ นก และผีเสื้อสวยๆ หลายชนิด ส่วนไม้กลายเป็นหินต้นที่ 5-7 ต้องนั่งรถยนต์ไปชม เพราะตั้งอยู่ห่างออกไปจากจุดนี้พรรณไม้ในป่าเต็งรังเร่ิมผลัดใบสีสันสดใสในปลายฤดูแล้งจากความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เราลองมาสัมผัสเรื่องราวของประวัติศาสตร์และศาสนากันบ้าง จุดแรกที่แนะนำคือ ‘ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน’ ในอำเภอเมืองตาก ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสำนักงาน ททท. สำนักงานตาก มากนัก ศาลแห่งนี้ประชาชนชาวเมืองตากช่วยกันสร้างขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ถวายแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์นักรบไทยในสมัยกรุงธนบุรี ผู้ทรงกอบกู้เอกราชไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้แก่พม่า ตัวศาลสร้างเป็นทรงไทยยุครัตนโกสินทร์ ภายนอกโดยรอบมีการนำรูปปั้นช้าง ม้า และไก่ จำนวนนับพันๆ ตัว มาถวายสักการะแด่พระองค์ท่านภายในศาล มีรูปหล่อพระบรมรูปของพระองค์ท่านในพระอิริยาบถประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา ที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกว่า ‘พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2277 สวรรคต พ.ศ. 2325 รวม 48 พรรษา’ส่วนบนเพดานและผนังภายในศาล มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม แสดงเหตุการณ์สำคัญๆ ในรัชสมัยของพระองค์ท่าน เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสถานที่ต่อไปที่น่าไปเยือนก็คือ ‘วัดชลประทานรังสรรค์’ อำเภอสามเงา เหตุที่ชื่อวัดเป็นอย่างนี้ ก็เพราะสร้างขึ้นโดยกรมชลประทาน คือหลังจากมีการเริ่มสร้างเขื่อนยันฮี (เขื่อนภูมิพล) เมื่อ พ.ศ. 2501 น้ำก็เริ่มเอ่อท่วมบริเวณหมู่บ้านและวัดที่เคยมีชาวบ้านอาศัยอยู่ กรมชลประทานจึงช่วยอพยพชาวบ้านขึ้นมาอยู่ ณ ตำแหน่งปัจจุบัน พร้อมกับสร้างวัดชลประทานรังสรรค์ขึ้น โดยเป็นการรวมเอาวัดที่ถูกน้ำท่วม 8 วัด เข้ามาในวัดเดียวกัน คือ วัดดอนแก้ว, วัดศรีแท่น, วัดหลวง, วัดบ้านท่าเดื่อ, วัดท่าโปร่ง, วัดบ้านห้วย, วัดอมวาบ และวัดพระบรมธาตุลอยพระบรมธาตุลอย คือจุดเด่นอย่างหนึ่งของวัดชลประทานรังสรรค์ เพราะเป็นพระเจดีย์สีทองอร่าม น่าเลื่อมใส โดยเป็นพระเจดีย์องค์ใหม่ที่สร้างทับองค์เก่าในแบบล้านนา ให้มีความคล้ายคลึงองค์เก่ามากที่สุด พระเจดีย์องค์นี้ส่วนยอดฉัตรหุ้มทองคำหนักถึง 39 บาท สูง 27.50 เมตร ใช้อิฐในการก่อสร้างทั้งหมด 1,273,400 ก้อน พร้อมกับหุ้มแผ่นทองจังโกไว้อย่างงดงาม นับเป็นอัญมณีชิ้นเอกทางพุทธศาสนาแห่งเมืองตากภายในโบสถ์ของวัดชลประทานรังสรรค์ ประดิษฐาน ‘พระเจ้าทันใจ 3 พี่น้อง’ อันหาได้ยากยิ่งบนแผ่นดินสยาม โดยเฉพาะในด้านความศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันกว่าเมื่อไปกราบไหว้ขอสิ่งใดจากท่าน ก็จะได้สิ่งนั้นสมปรารถนาอย่างรวดเร็วดังใจหวัง (แต่ก็ต้องเป็นสิ่งที่ไม่เกินจริงนะ ฮาฮาฮา)พระเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์นี้ มีมาตั้งแต่ก่อนสร้างเขื่อนภูมิพลแล้ว หล่อด้วยทองลงหินปางมารวิชัย องค์ใหญ่หน้าตักกว้าง 19 นิ้ว สูง 32 นิ้ว, องค์กลาง หน้าตักกว้าง 16 นิ้ว สูง 31 นิ้ว และองค์เล็กสุด หน้าตักกว้าง 9 นิ้ว สูง 13 นิ้ว ทั้ง 3 องค์เป็นศิลปะแบบเชียงแสนจากวัดชลประทานรังสรรค์ เราสามารถนั่งรถต่อไปสู่ ‘วัดพระบรมธาตุ’ ในอำเภอบ้านตากได้อย่างสบาย เพราะถนนหนทางของจังหวัดตากทุกวันนี้เขาดีมากๆ เมื่อได้เห็นความงดงามอลังการของวัดพระบรมธาตุ ถึงกับทำให้ตกตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยศิลปกรรมอันงดงามอลังการ จำลองย่อส่วนพระมหาเจดีย์ชเวดากองในพม่ามาไว้บนแผ่นดินสยามได้อย่างสมศักดิ์ศรี
เจดีย์ยุทธหัตถีทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ศิลปะสุโขทัยปลายพุทธศตวรรษที่ 19-21
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงเสด็จมาที่พระเจดีย์แห่งนี้ แล้วทรงมีพระราชวินิจฉัยเบื้องต้นว่า น่าจะเป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในการที่พ่อขุนรามคำแหงทรงชนช้างชนะพ่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ตามที่มีเรื่องราวจารึกไว้ในศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ 1
ตระเวนเที่ยวตากกันมาก็หลายที่ ตอนนี้ท้องชักจะเร่ิมหิว ได้เวลาขับรถชิลชิลข้ามแม่น้ำปิงกลับเข้าตัวเมือง พอดีในช่วงปลายฤดูหนาว เมื่อลำน้ำปิงลดระดับลง ก็จะเกิดเกาะกลางน้ำที่เกิดจากตะกอนอันอุดมสมบูรณ์ทับถม แต่ชาวตากเขาทำเก๋ ไม่ปล่อยให้ที่ดินสูญเปล่า ชวนกันเพิ่มคุณค่าด้วยการปลูกดอกไม้สวยๆ บนเกาะกลางน้ำ จนกลายเป็น Landmark น่ารักๆ และ Photo Point มุมมองใหม่เมืองตากวันนี้เกาะดอกไม้กลางน้ำแห่งจังหวัดตาก น่ารักเหลือเกิน!ร้านแรกที่เราจะพาไปชิม ขอบอกว่าต้องถูกใจวันรุ่น GEN Y อย่างแน่นอน ชื่อร้าน ‘เถียงนา’ Coffee and Bakery Farm อยู่ในอำเภอเมืองตาก (โทร. 08-4328-3883, 08-6778-0130)ร้านเถียงนา coffee and Bakery Farm เป็นการผสมผสานความน่ารักเก๋ไก๋ของนาข้าวแบบวิถีไทย, แปลงผักปลอดสารพิษ และความโมเดิร์นของร้านเบเกอร์รี่น่ารักๆ ได้ลงตัวอย่างที่สุดร้านนี้ไม่ได้มีแต่เบเกอร์รี่สไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ ให้ชิมเท่านั้น แต่ยังมีอาหารหลักอร่อยๆ รสชาติไม่ธรรมดาให้ชิมด้วย มีทั้งโซน Outdoor รับลมธรรมชาติ และโซน Indoor ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ให้นั่งชิลได้นานๆลองชิมครัวซองเนยสด กับครัวซองส้ม ที่เนื้อนุ่มกำลังดี หอมมาก ทานคู่กับช็อกโกแลตร้อนหรือเย็น ส่วนคนที่รักสุขภาพอาจสั่งน้ำแครอทหรือน้ำผักเย็นๆ มาด้วย เข้ากั้นเข้ากัน
เมนูหลักอย่างหนึ่งที่ถือเป็น Signature ของร้านนี้ คือ ข้าวกล้องปลาแซลมอนทอดกระเทียม ราดน้ำยำแบบไทยๆ เป็นเมนู East Meet West ที่อร่อยได้เรื่องเลยล่ะ ฮาฮาฮาแต่ถ้าใครอยากอุดหนุนอาหารพื้นบ้านของตาก ก็ต้องไม่พลาดชิมเมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวหมูแดงร้านแม่บางหัวเดียด (โทร. 08-6928-5876) และ ร้านป้ามะลิ (โทร. 08-6737-8157) ตรงถนนเส้นเลียบแม่น้ำปิง ในอำเภอเมืองตาก โดยทั้งสองร้านนี้เป็นร้านเก่าร้านดัง ลักษณะเป็นก๋วยเตี๋ยวโบราณ ที่ใส่เครื่องเยอะ โดยเฉพาะหมูสับ กากหมู ถั่วงอก ถั่วฝักยาว และหมูแดง ส่วนเส้นก็มีครบทุกแบบให้ชิม ถ้าใครสั่งต้มยำจะได้ชิมความเข้มข้นของน้ำที่ซดคล่องคอ นั่งชิมไปมองสายน้ำปิงไหลเอื่อยๆ แหม มีความสุขเกินร้อยจริงๆ ครับ มาเที่ยวตากทริปนี้Special Thanks : ขอขอบคุณ คุณธมลวรรณ เรืองขจร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก สนับสนุนการเดินทางไปจัดทำสารคดีเรื่องนี้อย่างดียิ่ง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตาก โทร. 0-5551-4341 -3