เที่ยวในประเทศ

ตามรอยพระบาทเขื่อนภูมิพล ตาก ฟังเพลงพระราชนิพนธ์เหนือสันเขื่อน

ตาก 217 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 วันดังกล่าวคือวันสำคัญวันหนึ่ง ซึ่งคนไทยทั้งประเทศควรจดจำ เพราะเป็นวันที่พ่อหลวงของเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประทาน ในการเปิด ‘เขื่อนภูมิพล’ หรือ ‘เขื่อนยันฮี’ อย่างเป็นทางการ ถือเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของเมืองไทย กั้นลำน้ำปิงที่บริเวณเขาแก้ว อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เป็นทั้งเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า เขื่อนเพื่อการชลประทาน เพื่อการเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด และปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับต้นๆ ของ ‘เมืองตาก’ ไปแล้ว
ตาก 3ด้วยพระอัจฉริยภาพและสายพระเนตรอันยาวไกล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เขื่อนภูมิพลแห่งนี้จึงถือกำเนิดขึ้น เป็นเขื่อนที่กักเก็บน้ำได้มากถึง 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร ผลิตกระแสไฟฟ้าให้คนไทยได้กว่า 779.2 เมกกะวัตต์ ถือเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย  และเอเชียอาคเนย์ และใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก เลยทีเดียวตาก 4 ตาก 5ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อเป็นการถวายพระอาลัย และรำลึกถึงพระองค์ท่าน จังหวัดตาก โดย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนภูมิพล (ท่านผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงร่วมกันจัดงานยิ่งใหญ่ ‘รวมใจภักดิ์ รักพ่อ สานต่อ ปณิธาน’ ระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2560 อันเป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบาย
ตาก 6ในยามค่ำของวันที่ 28 มกราคม 2560 มีพิธีแสดงความรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ด้วยการจุดเทียนชัย และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญถวายพระองค์ท่าน พระผู้เป็นที่รักของปวงชนชาวไทย และจะทรงสถิตอยู่ในใจเราตลอดไป
ตาก 7บรรยากาศการจุดเทียนชัย ในงาน ‘รวมใจภักดิ์ รักพ่อ สานต่อ ปณิธาน’ เหนือสันเขื่อนภูมิพล เป็นไปด้วยความซาบซึ้งตรึงใจ บางท่านถึงขนาดน้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้มตาก 8 ตาก 9 ตาก 10ไฮไลท์ของงานนี้ คือการร่วกันรับฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ อันแสนไพเราะและซาบซึ้ง จากวงดุริยางค์ทหารเรือ ซึ่งยกทัพนักดนตรีกันมานับร้อยชีวิตตาก 11 ตาก 12ขอบรรเลงเพลงนี้ เพื่อถวายพระองค์ท่าน พระผู้ทรงสถิตอยู่บนสวรรคาลัย
ตาก 13 ตาก 14 ตาก 15นอกจากนี้ ในงานยังมีการแสดงหลายชุด ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้ชม ตั้งแต่วันที่ 28-30 มกราคม 2560 ทุกชุดล้วนน่าตื่นตาตื่นใจ และบ่งบอกถึงความรักที่ชาวจังหวัดตาก มีต่อพ่อหลวง และพร้อมสานต่อคำสอนของพระองค์ท่าน ด้วยการทำดีต่อไปไม่สิ้นสุดตาก 16 ตาก 17 ตาก 18เมื่อรับชมดนตรีไพเราะในยามค่ำกันอย่างซาบซึ้งแล้ว ในรุ่งเช้าของวันถัดไป หากใครมีเวลาเหลือ สิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ การเดินเที่ยวชมวิวสวยๆ พร้อมกับสูดอากาศสดชื่นเย็นสบายบนสันเขื่อนภูมิพลในยามเช้า มองออกไปจะเห็นทะเลสาบสีฟ้าครามกว้างไกลสุดสายตาเหนือสันเขื่อน พร้อมด้วยเกาะต่างๆ มีเรือและแพนักท่องเที่ยวที่แล่นออกไปหาความสำราญกันได้ทั้ง 365 วันตาก 19บริเวณท่าเรือของเขื่อนภูมิพล มีจุดลงแพและเรือหางยาว เพื่อการล่องเข้าไปเที่ยวชมทัศนียภาพได้ ทั้งแบบสองสามชั่วโมง เป็น One Day Trip หรือจะไปค้างคืนในแพกลางเขื่อนเลยก็ได้ หรือถ้าใครมีเวลามากหน่อย แพสามารถแล่นไปได้จนถึงบริเวณทะเลสาบดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ เลยล่ะตาก 20 ตาก 21 ตาก 22การล่องแพค้างคืนในเขื่อนภูมิพล เป็นกิจกรรมยอดฮิตอย่างหนึ่ง เพราะด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ มองเห็นเทือกเขาโดยรอบ อีกทั้งอากาศเย็นสบายจากผืนน้ำสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับจิตใจ เป็นการท่องเที่ยวแบบ Slow Life ที่น่าไปสัมผัสอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ฟ้าแจ่มใส หรือในฤดูร้อนก็จะผ่อนคลายกายใจได้ดีเยี่ยมตาก 23สำหรับการล่องเรือหางยาวเที่ยว ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่า การไปเที่ยวที่ ‘เขาหน่อ’ หรือเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนบนสุดเป็นยอดเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำรูปทรงแปลกตา แถมยังมีวัดเขาหน่ออยู่ด้านบนด้วย เห็นแล้ว Amazing ไม่น้อยเลยตาก 24บนเขาหน่อมีพระเจดีย์ขนาดใหญ่อยู่ 3 กลุ่ม พร้อมด้วยรอยพระพุทธบาทจำลองให้ผู้ศรัทธาได้กราบไหว้ตาก 25เดิมบริเวณเขาหน่อตรงนี้ คือจุดที่แม่น้ำปิงสายเดิมเคยไหลผ่าน ก่อนที่จะมีการกั้นลำน้ำเพื่อสร้างเขื่อนภูมิพลจนน้ำเอ่อท้นท่วมขึ้นมาตาก 26เมื่อจอดเรือหางยาวแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อขา เดินขึ้นบันไดชิลชิลแค่ 300 ขั้น ขึ้นสู่ยอดเขาหน่อ ขอบอกว่าไม่ต้องรีบ เพราะเรือหางยาวเขารอแน่นอน ไม่ทิ้งเราไปไหน ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ หยุดถ่ายภาพชมวิวไปเป็นระยะๆ และขอแนะนำให้พกน้ำขวดเล็กๆ ขึ้นไปด้วย เพราะบนยอดเขาไม่มีน้ำขายนะจ๊ะตาก 27ถึงแล้ว ยอดเขาหน่อ โชคดีมาเที่ยวในฤดูหนาว จึงมองเห็นต้นไม้ต่างๆ เริ่มผลัดใบสีสันสดใส เพื่อเตรียมพักตัวเข้าฤดูแล้ง จากบนยอดเขานี้สามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำ ผืนป่า ทิวเขา และองค์พระเจดีย์ เรียงรายอยู่ในตำแหน่งสวยงามลงตัว ถ้าไม่เดินขึ้นมาคงเสียดายแย่!ตาก 28จากยอดเขาหน่อ มองลงไปในทะเลสาบเหนือเขื่อนภูมิพล แลเห็นแสงแดดอุ่นๆ ของยามเช้าสะท้อนผิวน้ำเต้นเป็นประกายระยิบ สลับกับริ้วลายคลื่นน้ำไล่โทนสีไปมา ราวกับภาพศิลปะชั้นเลิศตาก 29ความงามของวิวทะเลสาบเขื่อนภูมิพล มองจากยอดเขาหน่อไปทางทิศตะวันตกตาก 30บนยอดเขาหน่อมีทางเดินลาดปูนอย่างดี เชื่อมต่อองค์พระเจดีย์ทั้ง 3 กลุ่ม เข้าด้วยกันตาก 31ตาก 32เสาอโศกบนยอดเขาหน่อ บ่งบอกถึงพระพุทธศาสนาที่ตั้งมั่นอยู่ในดินแดนนี้ และสร้างสิริมงคลแด่เขื่อนภูมิพลตลอดไปตาก 33รอยพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขาหน่อ แม้มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็งดงาม และสะท้อนถึงความศรัทธาของผู้คนได้เป็นอย่างดีตาก 34หลังจากฟังเพลงพระราชนิพนธ์อันสุดแสนจะไพเราะ และล่องเรือเที่ยวเขื่อนภูมิพลกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางออกเที่ยวชมความมหัศจรรย์อันหลากหลาย ของจังหวัดตากไปที่ ‘อุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหิน’ อำเภอบ้านตาก อุทยานแห่งชาติใหม่เอี่ยมถอดด้ามของไทย ที่เพิ่งได้รับการยกฐานจะ ‘วนอุทยาน’ มาเป็น ‘อุทยานแห่งชาติ’ เมื่อ 1 ปีที่แล้วนี้เอง โดยความเจ๋งของที่นี่ คือมีการขุดพบซากฟอสซิลต้นไม้กลายเป็นหิน ขนาดยาวที่สุดในเมืองไทยและในโลก! คือซากฟอสซิลคล้ายต้นทองบึ้ง ที่ยาวถึง 72.22 เมตรตาก 35ก่อนไปชมไม้กลายเป็นหินของจริง ก็ควรเข้าไปที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Visitor Center) ก่อน เพื่อศึกษาว่าต้นไม้กลายเป็นหินได้อย่างไร อธิบายง่ายๆ คือ ในบริเวณนี้เมื่อ 800,000 ปีก่อน เคยเป็นป่าดงดิบ แต่เกิดอุทกภัยใหญ่ ต้นไม้เหล่านี้จึงล้มลง แล้วถูกโคลนตะกอนทับถมทันที มันจึงไม่เน่าเปื่อยสลายไป ประกอบกับบริเวณนี้มีมีสารซิลิก้าเข้มข้นอยู่ในดิน สารนี้จึงค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในเนื้อไม้ คือเมื่อซิลิก้าเข้าแทนที่เซลลูโลสหรือเนื้อไม้ ในที่สุดจึงเกิดไม้กลายเป็นหินขึ้น บางต้นอยู่ลึกสภาพจึงสมบูรณ์ ผิดกับบางต้นที่อยู่ใกล้ผิวดิน ก็จะแตกสลายมากกว่าตาก 36หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหิน นำคณะนักท่องเที่ยวและผู้ศึกษาดูงาน เข้าชมจุดที่ขุดค้นพบซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน ซึ่งปัจจุบันกรมทรัพยากรธรณีได้เข้ามามีส่วนร่วมบูรณะ จัดภูมิทัศน์ และรักษาสภาพไม้กลายเป็นหินไม่ให้ถูกแดดลมจนเสื่อมสภาพไป ในอนาคตเราหวังว่า อุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหิน คงจะได้รับการประกาศให้เป็น ‘อุทยานธรณี’ หรือ Geo Park โดยองค์การ UNESCOตาก 37ปัจจุบันนี้มีการขุดค้นและเปิดให้ชมไม้กลายเป็นหินได้แล้ว 7 ต้น เป็นต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ ต้นทองบึ้ง และ ต้นมะค่าโมง ในยุคปัจจุบัน โดยทั้งหมดนั้น มีอายุกว่า 800,000 ปี!
ตาก 38ไม้กลายเป็นหินถือเป็นฟอสซิล หรือซากโบราณคดีทางธรณีวิทยาบรรพกาลที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง นับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ ที่เราต้องช่วยกันปกปักรักษา และทำให้จุดนี้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาระดับโลกตาก 39ซากฟอสซิลไม้กลายเป็นหิน ต้นนี้คือต้นทองบึ้ง ที่ยาวกว่า 70 เมตรตาก 40จุดชมต้นไม้กลายเป็นหินทั้ง 7 ต้น ที่เปิดให้ชมแล้ว มีการสร้าง Walk Board หรือสะพานไม้ยกระดับเตี้ยๆ เชื่อมต่อถึงกันในต้นที่ 1-4 ผ่านป่าเต็งรังอุดมสมบูรณ์ ได้ศึกษาพรรณมไม้ นก และผีเสื้อสวยๆ หลายชนิด ส่วนไม้กลายเป็นหินต้นที่ 5-7 ต้องนั่งรถยนต์ไปชม เพราะตั้งอยู่ห่างออกไปจากจุดนี้ตาก 41พรรณไม้ในป่าเต็งรังเร่ิมผลัดใบสีสันสดใสในปลายฤดูแล้งตาก 42จากความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เราลองมาสัมผัสเรื่องราวของประวัติศาสตร์และศาสนากันบ้าง จุดแรกที่แนะนำคือ ‘ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน’ ในอำเภอเมืองตาก ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสำนักงาน ททท. สำนักงานตาก มากนัก ศาลแห่งนี้ประชาชนชาวเมืองตากช่วยกันสร้างขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ถวายแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์นักรบไทยในสมัยกรุงธนบุรี ผู้ทรงกอบกู้เอกราชไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้แก่พม่า ตัวศาลสร้างเป็นทรงไทยยุครัตนโกสินทร์ ภายนอกโดยรอบมีการนำรูปปั้นช้าง ม้า และไก่ จำนวนนับพันๆ ตัว มาถวายสักการะแด่พระองค์ท่านตาก 43ภายในศาล มีรูปหล่อพระบรมรูปของพระองค์ท่านในพระอิริยาบถประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา ที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกว่า ‘พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2277 สวรรคต พ.ศ. 2325 รวม 48 พรรษา’ตาก 44ส่วนบนเพดานและผนังภายในศาล มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม แสดงเหตุการณ์สำคัญๆ ในรัชสมัยของพระองค์ท่าน เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณตาก 45สถานที่ต่อไปที่น่าไปเยือนก็คือ ‘วัดชลประทานรังสรรค์’ อำเภอสามเงา เหตุที่ชื่อวัดเป็นอย่างนี้ ก็เพราะสร้างขึ้นโดยกรมชลประทาน คือหลังจากมีการเริ่มสร้างเขื่อนยันฮี (เขื่อนภูมิพล) เมื่อ พ.ศ. 2501 น้ำก็เริ่มเอ่อท่วมบริเวณหมู่บ้านและวัดที่เคยมีชาวบ้านอาศัยอยู่ กรมชลประทานจึงช่วยอพยพชาวบ้านขึ้นมาอยู่ ณ ตำแหน่งปัจจุบัน พร้อมกับสร้างวัดชลประทานรังสรรค์ขึ้น โดยเป็นการรวมเอาวัดที่ถูกน้ำท่วม 8 วัด เข้ามาในวัดเดียวกัน คือ วัดดอนแก้ว, วัดศรีแท่น, วัดหลวง, วัดบ้านท่าเดื่อ, วัดท่าโปร่ง, วัดบ้านห้วย, วัดอมวาบ และวัดพระบรมธาตุลอยตาก 46พระบรมธาตุลอย คือจุดเด่นอย่างหนึ่งของวัดชลประทานรังสรรค์ เพราะเป็นพระเจดีย์สีทองอร่าม น่าเลื่อมใส โดยเป็นพระเจดีย์องค์ใหม่ที่สร้างทับองค์เก่าในแบบล้านนา ให้มีความคล้ายคลึงองค์เก่ามากที่สุด พระเจดีย์องค์นี้ส่วนยอดฉัตรหุ้มทองคำหนักถึง 39 บาท สูง 27.50 เมตร ใช้อิฐในการก่อสร้างทั้งหมด 1,273,400 ก้อน พร้อมกับหุ้มแผ่นทองจังโกไว้อย่างงดงาม นับเป็นอัญมณีชิ้นเอกทางพุทธศาสนาแห่งเมืองตากตาก 47ภายในโบสถ์ของวัดชลประทานรังสรรค์ ประดิษฐาน ‘พระเจ้าทันใจ 3 พี่น้อง’ อันหาได้ยากยิ่งบนแผ่นดินสยาม โดยเฉพาะในด้านความศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันกว่าเมื่อไปกราบไหว้ขอสิ่งใดจากท่าน ก็จะได้สิ่งนั้นสมปรารถนาอย่างรวดเร็วดังใจหวัง (แต่ก็ต้องเป็นสิ่งที่ไม่เกินจริงนะ ฮาฮาฮา)ตาก 48พระเจ้าทันใจทั้ง 3 องค์นี้ มีมาตั้งแต่ก่อนสร้างเขื่อนภูมิพลแล้ว หล่อด้วยทองลงหินปางมารวิชัย องค์ใหญ่หน้าตักกว้าง 19 นิ้ว สูง 32 นิ้ว, องค์กลาง หน้าตักกว้าง 16 นิ้ว สูง 31 นิ้ว และองค์เล็กสุด หน้าตักกว้าง 9 นิ้ว สูง 13 นิ้ว ทั้ง 3 องค์เป็นศิลปะแบบเชียงแสนตาก 49จากวัดชลประทานรังสรรค์ เราสามารถนั่งรถต่อไปสู่ ‘วัดพระบรมธาตุ’ ในอำเภอบ้านตากได้อย่างสบาย เพราะถนนหนทางของจังหวัดตากทุกวันนี้เขาดีมากๆ เมื่อได้เห็นความงดงามอลังการของวัดพระบรมธาตุ ถึงกับทำให้ตกตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยศิลปกรรมอันงดงามอลังการ จำลองย่อส่วนพระมหาเจดีย์ชเวดากองในพม่ามาไว้บนแผ่นดินสยามได้อย่างสมศักดิ์ศรี ตาก 50

เดิมวัดพระบรมธาตุเป็นเมืองตากเก่า ก่อนที่จะมีการย้ายตัวเมืองไปอยู่ที่ตำบลระแหง (ตัวเมืองตากปัจจุบัน) ซึ่งห่างออกไปทางทิศใต้ราวๆ 30 กิโลเมตร อันมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีล่องเรือเสด็จไปเมืองลำพูน ทรงหยุดพักบริเวณแห่งนี้ พบว่าเป็นเมืองร้าง ทรงรับสั่งให้ฟื้นฟูบูรณะเมืองนี้ใหม่จนกลายเป็นชุมชนเมืองตาก นอกจากนี้ในบริเวณวัดพระบรมธาตุบ้านตาก ยังมีการขุดพบศิลาจารึพ่อขุนรามคำแหง ที่ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะศึกเจ้าเมืองฉอดบนเนินเขาใกล้กับพระบรมธาตุ ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ด้วย

ตาก 51เจดีย์ยุทธหัตถีทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ศิลปะสุโขทัยปลายพุทธศตวรรษที่ 19-21
ตาก 52สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงเสด็จมาที่พระเจดีย์แห่งนี้ แล้วทรงมีพระราชวินิจฉัยเบื้องต้นว่า น่าจะเป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในการที่พ่อขุนรามคำแหงทรงชนช้างชนะพ่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ตามที่มีเรื่องราวจารึกไว้ในศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ 1
ตาก 53ตระเวนเที่ยวตากกันมาก็หลายที่ ตอนนี้ท้องชักจะเร่ิมหิว ได้เวลาขับรถชิลชิลข้ามแม่น้ำปิงกลับเข้าตัวเมือง พอดีในช่วงปลายฤดูหนาว เมื่อลำน้ำปิงลดระดับลง ก็จะเกิดเกาะกลางน้ำที่เกิดจากตะกอนอันอุดมสมบูรณ์ทับถม แต่ชาวตากเขาทำเก๋ ไม่ปล่อยให้ที่ดินสูญเปล่า ชวนกันเพิ่มคุณค่าด้วยการปลูกดอกไม้สวยๆ บนเกาะกลางน้ำ จนกลายเป็น Landmark น่ารักๆ และ Photo Point มุมมองใหม่เมืองตากวันนี้ตาก 54เกาะดอกไม้กลางน้ำแห่งจังหวัดตาก น่ารักเหลือเกิน!ตาก 55ร้านแรกที่เราจะพาไปชิม ขอบอกว่าต้องถูกใจวันรุ่น GEN Y อย่างแน่นอน ชื่อร้าน ‘เถียงนา’ Coffee and Bakery Farm อยู่ในอำเภอเมืองตาก (โทร. 08-4328-3883, 08-6778-0130)ตาก 56ร้านเถียงนา coffee and Bakery Farm เป็นการผสมผสานความน่ารักเก๋ไก๋ของนาข้าวแบบวิถีไทย, แปลงผักปลอดสารพิษ และความโมเดิร์นของร้านเบเกอร์รี่น่ารักๆ ได้ลงตัวอย่างที่สุดตาก 57ร้านนี้ไม่ได้มีแต่เบเกอร์รี่สไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ ให้ชิมเท่านั้น แต่ยังมีอาหารหลักอร่อยๆ รสชาติไม่ธรรมดาให้ชิมด้วย มีทั้งโซน Outdoor รับลมธรรมชาติ และโซน Indoor ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ให้นั่งชิลได้นานๆตาก 58ลองชิมครัวซองเนยสด กับครัวซองส้ม ที่เนื้อนุ่มกำลังดี หอมมาก ทานคู่กับช็อกโกแลตร้อนหรือเย็น ส่วนคนที่รักสุขภาพอาจสั่งน้ำแครอทหรือน้ำผักเย็นๆ มาด้วย เข้ากั้นเข้ากัน
ตาก 59เมนูหลักอย่างหนึ่งที่ถือเป็น Signature ของร้านนี้ คือ ข้าวกล้องปลาแซลมอนทอดกระเทียม ราดน้ำยำแบบไทยๆ เป็นเมนู East Meet West ที่อร่อยได้เรื่องเลยล่ะ ฮาฮาฮาตาก 60แต่ถ้าใครอยากอุดหนุนอาหารพื้นบ้านของตาก ก็ต้องไม่พลาดชิมเมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวหมูแดงร้านแม่บางหัวเดียด (โทร. 08-6928-5876) และ ร้านป้ามะลิ (โทร. 08-6737-8157) ตรงถนนเส้นเลียบแม่น้ำปิง ในอำเภอเมืองตาก โดยทั้งสองร้านนี้เป็นร้านเก่าร้านดัง ลักษณะเป็นก๋วยเตี๋ยวโบราณ ที่ใส่เครื่องเยอะ โดยเฉพาะหมูสับ กากหมู ถั่วงอก ถั่วฝักยาว และหมูแดง ส่วนเส้นก็มีครบทุกแบบให้ชิม ถ้าใครสั่งต้มยำจะได้ชิมความเข้มข้นของน้ำที่ซดคล่องคอ นั่งชิมไปมองสายน้ำปิงไหลเอื่อยๆ แหม มีความสุขเกินร้อยจริงๆ ครับ มาเที่ยวตากทริปนี้LOGO TATSpecial Thanks : ขอขอบคุณ คุณธมลวรรณ เรืองขจร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก สนับสนุนการเดินทางไปจัดทำสารคดีเรื่องนี้อย่างดียิ่ง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตาก โทร. 0-5551-4341 -3

มหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยว ครั้งที่ 1

_IND7830

เชิญทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการท่องเที่ยววิถีไทย ในงานมหกรรมการท่องเที่ยวที่ บูรณาการแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาเข้ากับเทคโนโลยีสุดล้า ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๙ มกราคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๔.๐๐ – ๒๒.๐๐ น.

โดยวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๐ น. นายทศพร นุชอนงค์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดงานเที่ยวท่ัวไทยประจาปี ๒๕๖๐ ในโซน ‘งานมหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยว คร้ังที่ ๑’ ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมฟรี ผู้เข้าร่วมงานสามารถเดินทาง ด้วยรถประจาทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสีลม รถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง

_IND7837

ทางกรมทรัพยากรธรณีในฐานะผู้จัดงาน มีวัตถุประสงค์ในการจัดงาน “มหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยา เพื่ออการท่องเที่ยว ครั้งที่ ๑ กรุงเทพมหานคร ณ สวนลุมพินี” ภายใต้คอนเซป “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง” ของงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ๒๕๖๐ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงวิชาการภายในพื้นที่ศักยภาพ อุทยานธรณี รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้เป็นท่ีรู้จักโดยท่ัวไปผ่านการจัดนิทรรศการในระดับประเทศ ซึ่ จะทำให้แหล่งธรณีวิทยาดังกล่าวที่อยู่ในพื้นที่ศักยภาพอุทยานธรณีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของประเทศ นำไปสู่วงรอบของการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพท่ีสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น

_IND7851

มหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยวในปีนี้จัดขึ้นเป็นคร้ังแรก ภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมสุดพิเศษมากมายทั้งชม ช๊อป สินค้าของที่ระลึกทางธรณีวิทยา, ร่วมสนุกไปกับโซนระบายสีไดโนเสาร์ ผ่าน เทคโนโลยี Interactive Painting, เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่จะเชื่อมต่อความรู้สึกของท่านกับ สถานที่จริง “อุทยานธรณี (Geopark)” แบบ ๓๖๐ องศา ผ่านเทคโนโลยี Visual Reality, ร่วมเรียนรู้ไปกับโซน พิพิธภัณฑ์ธรณีประเทศไทย ที่จะแนะนาแหล่งท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ธรณีทั้ง 7 แห่งในประเทศไทย, ตื่นตาตื่นใจไปกับรถไฟ ทะลุมิติข้ามจักวาลแห่งกาลเวลาไปชมป่าดึกดาบรรพ์ในยุคอดีตกาล พร้อมกันนั้นยังขอเชิญท่านสนุกสนานไปกับการ ขุดหาฟอสซิลรูปแบบใหม่ท่ีจะทาให้ผู้เข้าชมตื่นตาตื่นใจ ในกระบะทรายสุดล้ำผ่านเทคโนโลยี Interactive Sandbox รวมไปถึงโซนเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทางกรมทรัพยากรธรณีจึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานครั้งนี้

IMG_6473 _IND7859 _IND7863ภายในงานนี้ เราจะได้สัมผัสกับไดโนเสาร์ไทย ที่มีการสำรวจพบชนิดใหม่สกุลใหม่ถึง 9 สายพันธุ์ อาทิเช่นIMG_6465 IMG_6466 IMG_6467 IMG_6468 IMG_6469 IMG_6470 IMG_6471 IMG_6472สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กรมทรัพยากรธรณี โทร. : ๐-๒๖๒๑-๙๖๐๑ ต่อ ๐๕  เว็บไซต์ www.dmr.go.th

_IND7869

มหาลาภ ลาบยโสธรแท้ แซ่บนัวเด้อ!

_IND7774 _IND7784ปีนี้งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2560 ที่สวนลุมพินี ระหว่างวันที่ 25-29 มกราคม 2560 คึกคักกว่าทุกปี โดยเฉพาะในโซนอาหารแซ่บนัวของภาคอีสาน เพราะมีอาหารอร่อยๆ ให้ชิมเพียบ

หนึ่งในนั้นคือลาบจากจังหวัดยโสธรแท้ๆ รสชาติดั้งเดิม ‘ร้านแม่อ้อมลาบเป็ด’ หรือ ‘ร้านมหาลาภ’ ในบูธที่ NEF 16 ณ ลานแซ่บนัว (โทร. 08-3734-2658, 08-1318-3561)
ยโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 48ลองมาชิม ลาบยโสธรแท้ๆ ที่ต้องใช้คำว่า ‘นัว’ เพราะรสชาติกลมกล่อม ไม่มีรสใดโดดขึ้นมากว่ารสอื่น อีกทั้งเนื้อเป็ดที่ใช้ยังเป็นเป็ดบ้านที่เหนียวนุ่ม เลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ

พลาดไม่ได้ต้องชิม ‘เมนูมหาลาภ’ ประกอบด้วยลาบ 5 อย่าง คือ ลาบเป็ด, ลาบหมู, ลาบปลา, ลาบเห็ด และลาบไข่ ซึ่งลาบไข่เป็นเมนูพิเศษที่เพิ่งคิดค้นขึ้นใหม่ ให้ลองชิมกันในงานนี้เลย ชิมแล้วนอกจากอร่อย ยังได้ความมงคลจากชื่อมหาลาภด้วยนะจ๊ะยโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 49 ยโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 50_IND3946_IND7777สำหรับราคาขายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2560 มหาลาภลดพิเศษเหลือเมนูละ 60 บาทเท่านั้น ส่วนคนที่พลาดชิม ก็ไม่เป็นไร ตามไปกินได้ที่ร้านแม่อ้อมลาบเป็ด ในราคาย่อมเยาเพียง เมนูละ 70 บาทเท่านั้นจ้า_IND7792 _IND7804ลูกค้าเข้าร้านตลอดวัน เพราะอยากชิมว่าลาบยโสธรแท้ๆ รสชาติจะเป็นอย่างไรนะ_IND7822แม้แต่พี่ฝรั่ง ก็ยังชื่นชอบลาบยโสธรเลยจ้า_IND7826รีบมาเลย ที่ลานแซ่บนัวภาคอีสาน งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2560 จ้า_IND7782 _PPL8937ส่วนใครที่ยังติดใจในรสชาติ ‘มหาลาภ’ ก็ต้องตามไปกินให้ถึงที่ บ้านกว้าง-ท่าเยี่ยม อำเภอเมือง จ.ยโสธร ‘ร้านแม่อ้อมลาบเป็ด’ เป็นที่รู้จัก ขึ้นชื่อลือชาในรสชาติมานานแล้ว

แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้เชิงวิถีชุมชนน่ารักๆ ที่โดดเด่นทั้งในแง่วิถีข้าว และการทำบั้งไฟยโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 4ไปร่วมแห่บังไฟที่วัดบ้านกว้าง ท่าเยี่ยม จ.ยโสธร กับชาวบ้านน่ารักๆ เปี่ยมน้ำใจไมตรียโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 13บั้งไฟบ้านกว้างท่าเยี่ยมยโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 15ในช่วงฤดูทำนา จะมีพิธีทำขวัญข้าว บูชาพระแม่โพสพ ให้ชมด้วยยโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 23ความสงบงาม แบบ Slow Life ของผืนนาเขียวขจี ที่บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม จ.ยโสธรยโสธร บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม 45วิถีชาวบ้านอีสาน ณ บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม ยังยึดถือฮีต 12 คอง 14 อย่างเหนียวแน่น น่าชื่นชม_IND7781อย่าลืม! ‘ร้านแม่อ้อมลาบเป็ด’ หรือ ‘ร้านมหาลาภ’ จ.ยโสธร โทร. 08-3734-2658, 08-1318-3561_IND7786

ร่วมยินดี สมาคม TEATA ได้นายกสมาคมท่านใหม่

TEATA 1เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) หรือ The Ecotourism & Adventure Travel Association หรือ TEATA ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2559 ณ ห้องประชุมชั้น 5 โรงแรมใบหยกสวีท ประตูน้ำ โดยเป็นการรายงานผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งเพื่อเลือกตั้งนายกสมาคม และคณะทำงานชุดใหม่ ตามที่ชุดเก่าได้หมดวาระลง

เว็บไซต์ Shutter Explorer ขอแสดงความยินดีกับ คุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคม TEATA ท่านใหม่ ซึ่งได้รับเลือกและเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 18 มกราคม 2560TEATA 3สมาคม TEATA เป็นสมาคมที่ทำงานโดยไม่หวังผลกำไร ถือเป็นหนึ่งในสมาคมที่ทำงานด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ ทั้งในแง่วิชาการ การอนุรักษ์ การผจญภัย และการทำงานกับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันสมาคมมีอายุครบ 20 ปีแล้ว ได้ร่วมงานกับหน่วยงานใหญ่ๆ ระดับประเทศหลายองค์กร อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ อพท. ฯลฯ ก่อให้เกิดเครือข่ายคนทำงานด้านการท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์ ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในเมืองไทย ทว่า TEATA ได้ก้าวออกสู่เวทีโลกในหลายประเทศ เพื่อสร้างเครือข่าย และนำองค์ความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาการท่องเที่ยวไทยด้วยTEATA 4 ผลการเลือกตั้งคณะกรรมการสมาคม TEATA ชุดใหม่ ปี 2560-2562 มีดังนี้คือ

1. คุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคม

2. คุณศรีพิจิตต์ เติมชัยเจริญศักดิ์ อุปนายก 1 (องค์กรสัมพันธ์)

3. คุณวันชัย สุวัฒน์ศิริพล อุปนายก 2 (วิชาการ)

4. คุณวสุมน เนตรกิจเจริญ อุปนายก 3 (ตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ)

5. คุณชัชวาล ศูรางกูล อุปนายก 4 (ตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ)

6. คุณปาริชาต สุนทรารักษ์ (เลขาธิการสมาคม)

7. คุณสุวิมล งามศรีวิโรจน์ (เหรัญญิก)

8. คุณสราวุทธ์ เกวียกกุทัณฑ์ (นายทะเบียน)

9. คุณกฤติกา ผิวเกลี้ยง (ปฏิคม)

10. คุณบูรณาการ จตุพรไพศาล (ประชาสัมพันธ์)

11. คุณชฎาทิพย์ สุวัฒน์ศิริผล (กรรมการกลาง)

12. คุณกิติชัย ศรีประภานุรัตน์ (กรรมการกลาง)

13. คุณเผ่าพิพัธ เจริญพักตร์ (กรรมการกลาง)

14. คุณฐาปณี ณ พัทลุง (กรรมการกลาง)

15. คุณณัฐวัฒน์ วัฒนาประสิทธิ์ (กรรมการกลาง)

TEATA 5

สำหรับที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ของสมาคม TEATA ได้แก่

  1. คุณดวงกมล จันสุริยวงศ์
  2. คุณสุมิตรา มัทธุรนนท์
  3. คุณสุภาภรณ์ ปราชญ์อำไพ
  4. คุณอุดม ชิดนายี
  5. คุณอรนุช ผการัตน์
  6. คุณสุภาวดี ฤตวิรุฬห์TEATA 6 TEATA 7ในการประชุมครั้งนี้ ดร.วีรศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธาน สสปน. (สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ) ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘เทรนด์การท่องเที่ยวโลก และการท่องเที่ยวในประเทศไทย’TEATA 8ดร.วีรศักดิ์ โควสุรัตน์ ได้บรรยายให้ความรู้และแนวคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งในด้านนักท่องเที่ยว (Demand Side) และผู้ประกอบการ (Supply Side) เช่น ในอนาคตการท่องเที่ยวไทยต้องเน้นสินค้าและบริการคุณภาพ, ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Serious Bussiness Traveller มากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้แม้จะเดินทางเข้ามาประชุม สัมมนา แต่ก็มีช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวด้วย, การท่องเที่ยวจะต้องนำไปสู่ การเข้าถึงเชิงประสบการณ์กับชุมชน เพราะชุมชนคือชีวิต หรือ Community is Life, แนวโน้มการท่องเที่ยวต่อจากนี้ จะกลายเป็นแบบ Exotic Traveller มากขึ้น หมายถึง นักท่องเที่ยวจะค้นหาจุดหมายปลายทางแปลกใหม่ ซึ่งไม่ใครมีเคยเห็น หรือไปถึงมาก่อน เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้ ประเทศไทยต้องมีความพร้อมในการต้อนรับ และจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยความยั่งยืนนั้น แท้จริงแล้วคือ ‘ชุมชนยั่งยืน’ นั่นเอง

นอกจากนี้ ในอนาคตประเทศไทยสามารถสร้างสินค้าทางการตลาดท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีเอกลักษณ์ สร้างรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองให้กับคนท้องถิ่นได้ ด้วยหลัก 5F คือ Food (อาหารท้องถิ่นไทย), Fruit (ผลไม้เมืองร้อนของไทย), Film (ภาพยนตร์และเพลงไทย), Fighting (มวยไทย) และ Festival (เทศกาลงานประเพณีไทย)TEATA 9คุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคม TEATA ท่านใหม่ มอบของที่ระลึกให้กับ ดร.วีรศักดิ์ โควสุรัตน์ หลังจากบรรยายเสร็จเรียบร้อยแล้วTEATA 10 TEATA 11คุณยุวดี นิรัตน์ตระกูล จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษ หัวข้อ ‘อนาคตการตลาดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์’ โดยคุณยุวดีได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นับแต่นี้ต่อไป ผู้ประกอบการการท่องเที่ยว หรือฝั่ง Supply Side จำเป็นที่จะต้องปรับทัศนคติของตนเองในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคน GEN Y (คนอายุ 18-35 ปี) เช่น การใช้คำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางการท่องเที่ยว จะมีคำว่า Culture (วัฒนธรรม), Responsible (ความรับผิดชอบ), Local Community (ชุมชนท้องถิ่น), Eco Friendly (เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม), Volunteer (อาสาสมัคร หรือจิตอาสา), Experience & Learning (ประสบการณ์ และการเรียนรู้), Ordinary (ความเป็นธรรมดาสามัญ), Minimal (ความต้องการปริมาณต่ำ), Bleasure (การเดินทางมาพักผ่อน และทำธุรกิจไปพร้อมๆ กัน) ฯลฯ โดยคำทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปนั่นเอง

คุณยุวดียังได้ให้ความรู้อีกว่า ในปี ค.ศ.2020 ประเทศไทยจะมีปริมาณนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 40-70 ล้านคน โดยในปัจจุบันไทยเราได้รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มากเป็นอันดับ 6 ของโลก ทว่าในขณะเดียวกันเรากลับมีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวเป็นอันดับ 35 ของโลก! ทั้งหมดนี้คือโจทย์ใหญ่ ที่เราต้องตั้งคำถามตัวเองว่า ประเทศไทยจะจัดวางตำแหน่งของตนเองไว้ ณ จุดใด จะเน้นการท่องเที่ยวเชิงปริมาณ กับ Mass Tourism หรือจะเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะด้าน หรือ Niche Market มากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น เทรนด์การท่องเที่ยวของโลกกำลังมุ่งไปสู่ ‘การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ’ ทั้งสิ้นTEATA 12ในส่วนของ นายกสมาคม TEATA คนใหม่ คุณนีรชา วงศ์มาศา ได้แถลง วิสันทัศน์ (Vision)ในการดำเนินงานของสมาคมต่อจากนี้ คือ “พัฒนาต่อยอดจุดแข็งด้านวิชาการ ด้วยการตลาดเชิงรุก ให้ทันยุคสมัย มุ่งสู่การสร้างประโยชน์ต่อสมาชิก”

มุมมองและทิศทางของสมาคม คือ

  1. ก้าวสู่ระดับนานาชาติ
  2. ผู้นำด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
  3. สร้างเครือข่ายภายในและต่างประเทศ

ภารกิจ (Mission) หลักการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย คือ

  1. ผลักดันสมาชิกให้มีบทบาท ร่วมทำงาน ร่วมรับประโยชน์  (Win-Win)
  2. เผยแพร่ผลงานทางวิชาการให้เป็นที่รู้จัก และยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
  3. ส่งเสริมกิจกรรมและผลงานของสมาชิกสู่ตลาดในและต่างประเทศ ด้วยการตลาดเชิงรุก

TEATA 13 ท่านที่สนใจกิจกรรมด้านต่างๆ ของ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) หรือ TEATA สามารถไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.teata.or.th
Logo TEATA

เที่ยวชิลสุขใจไป สุราษฎร์ธานี

BV712(1) อุทยานแห่งชาติเขาสก และล่องทะเลสาบเขื่อนเชี่ยวหลาน (เขื่อนรัชชประภา) มหัศจรรย์แห่งสุดยอดเทือกเขาหินปูนแดนใต้ ฉายา ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’

BV701,702

BV705

_ONG4887 _ONG4896 _ONG4906 _ONG4917 ถ้ำน้ำทะลุ 1

BV706

_ONG4980 _ONG5025 บัวผุด เขาสก 2บัวผุด เขาสก 1 จักจั่นงวง 1

IslBG

(2) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ล่องเรือเที่ยวหมู่เกาะสวรรค์แห่งอ่าวไทย ชื่นชมทะเลใน ลากูนสีมรกตอันซ่อนเร้นกลางเกาะหินปูน

หมู่เกาะอ่างทอง 04 หมู่เกาะอ่างทอง 05หมู่เกาะอ่างทอง 06 หมู่เกาะอ่างทอง 02 หมู่เกาะอ่างทอง 07 อ่าวบ้านดอน 6(3) สินมานะ ฟาร์มสเตย์ โฮมสเตย์กลางทะเลอ่าวบ้านดอน  ล่องเรือไปนอนกลางฟาร์มหอยนางรมกลางทะเล ชิมหอยนางรมใหญ่เท่าฝ่ามือ สด รสอร่อยสุดยอด
อ่าวบ้านดอน 4_FUC5957 farm stay 20_FUC5976 _ONG4526 farm stay 5 farm stay 6 farm stay 9 สุดยอดหิ่งห้อย

(4) ล่องเรือยามค่ำแม่น้ำตาปี ตื่นตาอาณาจักรหิ่งห้อยแสนตัว เหมือนแสงดาวพร่างพราวกะพริบตลอดสองฝั่งน้ำ_FUC6103_ONG4772 _ONG4780 _ONG4809_ONG4442

(5) วิทยาลัยฝึกลิงสุราษฎร์ธานี ชมความน่ารักของลิงเก็บมะพร้าว ภูมิปัญญาและความผูกพันของคนกับสัตว์แสนรู้
_ONG4375 _ONG4407 _ONG4463_FUC5820

(6) วัดพระบรมธาตุไชยา ศูนย์รวมศรัทธาชาวสุาราษฎร์ธานี กราบขอพรพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตดินแดนศูนย์กลางอาณาจักรศรีวิชัย_FUC5828 _ONG4070 _ONG4082 _ONG4100_ONG4146

(7) วัดสวนโมกขพลาราม ของท่านพุทธทาส หาเวลาไปเจริญสมาธิภาวนา ปฏิบัติธรรมให้จิตใจผ่องใส ภายในวัดป่าร่มรื่น เพื่อนำแก่นหลักธรรมมานำชีวิตลานหินโค้ง โบสถ์ของสวนโมก _ONG4159 _ONG4214 _ONG4241 ดวงตาเห็นธรรม ท่านพุทธทาส พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โรงมหรสพทางวิญญาณ

พัทลุง เมืองน้อยน่ารักแห่งปักษ์ใต้

%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b8-1เขาอกทะลุ คือภูเขาที่อยู่ในตราประจำจังหวัดพัทลุง เขาลูกนี้มีความสำคัญเพราะทำหน้าที่เป็นเหมือน Landmark เด่นในเทศบาลเมือง มองจากจุดใดก็เห็นเด่นชัด เขาลูกนี้สูงประมาณ 250 เมตร มีทางเดินป่าปีนเขาขึ้นไปชมวิวเมืองพัทลุงจากด้านบนได้ ความพิเศษคือมีโพรงหินปูนเป็นช่องทะลุ รูปร่างวงกลมขนาดใหญ่เหมือนยักษ์มาเจาะรูเอาไว้ ปู่ย่าตายายเขาแต่งนิทานอธิบายว่า อดีตมีพ่อค้าชื่อนายเมือง มีเมีย 2 คน ชื่อนางสินลาลุดีเป็นเมียหลวง และนางบุปผาเป็นเมียน้อย อยู่มาวันหนึ่งสองคนนี้ทะเลาะกัน นางสินลาลุดีกำลังทอผ้าอยู่จึงใช้ฟืมทอผ้าตีหัวนางบุปผาแตก ส่วนนางบุปผากำลังตำข้าว ก็ใช้สากเสียบอกอีกฝ่าย ตายด้วยกันทั้งคู่ นางสินลาลุดีจึงกลายเป็นเขาอกทะลุ และนางบุปผากลายเป็นเขาหัวแตก ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในเมืองพัทลุงมาตราบทุกวันนี้%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-1

ทะเลน้อย ชื่อนี้น้อยแต่ชื่อ ทว่าเมื่อได้ไปชมสถานที่จริงจะต้องตะลึง! เพราะมีทะเลบัวผืนใหญ่สุด ของภาคใต้ เนื้อที่กว่า 17,500 ไร่ กินอาณาเขตจังหวัดพัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช จริงๆ แล้วทะเลน้อยคือส่วนด้านบนสุดของทะเลหลวงและทะเลสาบสงขลา แต่ทะเลน้อยมีน้ำจืดสนิทตลอดปี จึงเกิดทะเลบัวแดงนับแสนๆ ดอกเบ่งบานในช่วงฤดูหนาว-ต้นฤดูร้อน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ไปล่องเรือเที่ยวชมอาณาจักรแห่งสรรพชีวิตในเวิ้งน้ำทะเลสาบกว้างกันตั้งแต่เช้าตรู่ ดูนกตื่นนอน เกี้ยวพาราสี ฟักไข่ เลี้ยงลูก แถมยังได้ชมทะเลบัวเบ่นบานรับแสงตะวันอุ่นยามเช้า สูดโอโซนแสนสดชื่น พร้อมๆ กับชมนกอพยพฤดูหนาวนับร้อยชนิด อย่างนกกระสาแดง, นกกระสานวล, นกอีโก้ง, นกเป็ดผี, นกกาน้ำเล็ก รวมถึงฝูงเป็ดแดงนับหมื่นตัว ปัจจุบันทะเลน้อยได้รับอนุรักษ์เป็น เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุง 32 กิโลเมตร ไปตามถนนหมายเลข 4048 (พัทลุง-ควนขนุน) ที่นี่มีบ้านพัก และร้านอาหารด้วย โทร. 0-7468-5230, 0-7461-5722

%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-2 %e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-3 %e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-4 %e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-5%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0-%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%a2%e0%b8%ad %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-17 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%a2%e0%b8%ad-1 %e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-6%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b9%8c-3

น้ำตกไพรวัลย์ ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกสวยที่สุดของเมืองพัทลุง ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อำเภอกงหรา จัดว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามและใหญ่ที่สุดของพัทลุง น้ำตกนี้มีน้ำหลากไหลตลอดปี แวดล้อมด้วยป่าดิบชื้นร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ ตัวน้ำตกลักษณะเป็นลาดผาหินใหญ่สูงนับร้อยเมตร และลาดชันไม่น้อยกว่า 45 องศา ม่านน้ำตกจึงทิ้งตัวลงมาเป็นทางยาวสีขาว ลงสู่วังน้ำและโขดหินน้อยใหญ่สลับอยู่เป็นช่วงๆ สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ระหว่างทางเดินเข้าสู่น้ำตก ยังมีสะพานข้ามห้วย และหนทางที่มีพืชพรรณนานาชนิด เหมาะจะดูนก ดูผีเสื้อ ศึกษาพรรณไม้ได้อย่างมีความสุข

%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b9%8c-1 %e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b9%8c-2%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-1ไม่น่าเชื่อเลยว่าประเทศไทยเราจะเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ส่งออกรังนกมากที่สุดในโลก! และไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่า รังนกคุณภาพดีที่สุดในโลกนั้นมาจากประเทศไทยนี่เอง! โดยเแหล่งผลิตที่ดีที่สุด อยู่ที่ “เกาะสี่ เกาะห้า แห่งตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ 3 น้ำ คือน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ธรรมชาติจึงอุดม มีนกแอ่นกินรังเข้ามาทำรังหากินในถ้ำไม่น้อยกว่า 80 แห่ง บนเกาะสี่ เกาะห้า ซึ่งเป็นเกาะสัมปทานรังนกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวถาวร แต่ถ้าขออนุญาตไปล่วงหน้า ก็นั่งเรือเข้าไปชมได้บางจุด โดยลงเรือได้ที่ท่าปากพะยูน หรือท่าเรือลำปำ บนเกาะมีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 และผลิตภัณฑ์ของ บริษัท สยามรังนกทะเลใต้ ให้ชม ติดต่อเรือได้ที่ เขาชันรีสอร์ท เกาะหมาก โทร. 08-9812-1276, 08-9611-9372 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-2 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-3 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-4 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-5 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-6 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-7 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-8 %e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-9%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b3-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-1พัทลุงเป็นเมืองเงียบเรียบง่าย กินอยู่สบาย เที่ยวสนุก อากาศก็ดีตลอดปี เพราะมีลมเย็นจากทะเลน้อย และทะเลสาบสงขลาพัดโชยมาชื่นใจ คนพัทลุงเขาน่าอิจฉามีที่เที่ยวนั่งพักผ่อนปิกนิกกันเยอะแยะ โดยเฉพาะ “หาดแสนสุขลำปำ” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน่าสุขใจซะเหลือเกิน จุดนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุงไปทางตะวันออก 7 กิโลเมตร ด้วยถนนสาย 4047 (พัทลุง-ลำปำ) ตรงนี้มีสภาพเป็นสวนสาธารณะร่มรื่น และทางเดินเลียบชายฝั่งทะเลสาบสงขลา น่านั่งชิลกันทั้งวัน มองไปเบื้องหน้าเห็นวิวทะเลสาบกว้างไกล ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบายสุดๆ และเมื่อมองออกไปไกลๆ ลิบๆ ก็จะเห็นเกาะสี่ เกาะห้า ซึ่งเป็นเกาะรังนก ทอดตัวอยู่ บริเวณหาดแสนสุขลำปำมีร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม และรีสอร์ทไว้บริการด้วย ถ้าใครจะหาที่พักสงบๆ เป็นส่วนตัว ไม่ถูกรบกวนจากความวุ่นวายของโลกภายนอก มาเที่ยวที่นี่ไม่ผิดหวังจ้า %e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b3-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-2 %e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b3-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-3 %e0%b8%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-1

วังเก่าเจ้าเมืองพัทลุง ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวัง ในเขตอำเภอเมืองพัทลุง เดิมใช้เป็นที่ว่าราชการ และที่อยู่อาศัยของเจ้าเมืองพัทลุง ลักษณะเป็นหมู่เรือนไทยภาคกลางสร้างด้วยไม้ผสมปูนอย่างงดงาม ส่วนที่เหลืออยู่คือวังเก่าสร้างสมัยพระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการ ต่อมาตกทอดสู่นางประไพ มุตามะระ บุตตรีของหลวงศรีวรฉัตร ส่วนวังใหม่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์ฯ (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของเจ้าเมืองพัทลุง ปัจจุบันทายาทตระกูลจันทโรจวงศ์ได้มอบให้กรมศิลปากร ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติและเป็นโบราณสถาน เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร) เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. ค่าเข้าชมคนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท ภายในมีห้องหับต่างๆ ทั้งห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ฯลฯ พร้อมด้วยเครื่องเรือนสมัยโบราณในสภาพดีเยี่ยม น่าชมมาก

%e0%b8%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-2 %e0%b8%88%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-3 %e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%b9%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%8c-1ศาสนสถานสำคัญที่ตั้งอยู่กลางเมืองพัทลุงมาตั้งแต่ยุคโบราณก็คือ “วัดถ้ำคูหาสวรรค์” (วัดสูง, วัดคูหาสวรรค์) เนื่องจากวัดตั้งอยู่เชิงเขาเป็นที่สูงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเชิงเขาคูหาสวรรค์ (เขาหัวแตก) อยู่ห่างจากสถานีรถไฟพัทลุงไปทางทิศตะวันตกเพียง 500 เมตรเท่านั้น แต่น่าเสียดายว่าไม่มีบันทึกแน่ชัด ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด มีบันทึกคร่าวๆ ว่าในอดีตเมืองพัทลุงเคยถูกโจรสลัดบุกปล้น วัดถ้ำคูหาสวรรค์จึงถูกทิ้งร้าง เพิ่งมาได้รับการบูรณะในสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2432 เพื่อเตรียมรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อ รศ. 108 วัดถ้ำคูหาสวรรค์จึงกลายเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของพัทลุง จุดเด่นที่เราเข้าไปเดินชมได้ง่ายๆ คือในโถงถ้ำใหญ่ ซึ่งมีพระพุทธรูปปางสมาธิและปางไสยาสน์ประดิษฐานเรียงรายอยู่ตามผนังถ้ำหลายสิบองค์ ส่วนเพดานหินตรงปากถ้ำ ก็มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ปรากฏอยู่ด้วย %e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%b9%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%8c-2 %e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%b9%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%8c-3%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-1

วัดเขียนบางแก้ว เป็นวัดเก่าแก่ของพัทลุง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อสมัยอยุธยาตอนต้น จุดเด่นที่น่าไปชมคือพระธาตุบางแก้ว ซึ่งดูให้ดีจะรู้สึกว่าคล้ายกับสร้างจำลองแบบมาจาก พระบรมธาตุนคร (นครศรีธรรมราช) ยังไงยังงั้น แต่สร้างให้มีขนาดย่อมกว่า คนที่ชอบศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดีต้องชอบที่นี่ เพราะเชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่เมืองเก่าพัทลุงเคยตั้งอยู่ มีการขุดค้นพบซากปรักหักพังของศิลาแลงจำนวนมาก รวมถึงพระพุทธรูปโบราณแบบดินเผา, หม้อ ไห จาน ชาม, เครื่องเคลือบจีน, เหรียญกษาปณ์, เงินพดด้วง, สร้อยหินสีลูกปัด, ตำราโบราณ, อาวุธโบราณ และวัตถุโบราณประเมินค่ามิได้อีกนับไม่ถ้วน ส่วนหนึ่งจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัดเขียนบางแก้วนี่เอง

การเดินทางจากตัวเมืองพัทลุง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4081 เลยอำเภอเขาชัยสนไป 7 กิโลเมตร ในเขตบ้านบางแก้วใต้ ตรง กม.14 มีป้ายบอกทางเข้าวัดอยู่ด้านซ้ายมือ ไปอีก 2.5 กิโลเมตร โดยวัดเขียนตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา บรรยากาศร่มรื่น สงบมาก

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-3 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87-1แม้จะเป็นวัดเล็กๆ แต่ “วัดวัง ก็คือหนึ่งในวัดสำคัญที่สุดของพัทลุง ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านลำปำ ตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง วัดวังเป็นโบราณที่เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตามพงศาวดารเมืองพัทลุงกล่าวว่า พระยาพัทลุง (ทองขาว) เป็นผู้สร้างวัดนี้ แล้วมีการฉลองเมื่อวันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 พ.ศ. 2359 ต่อมาพระยาพัทลุง (ทับ) ได้ทำการบูรณะ โดยให้หลวงยกกระบัตร (นิ่ม) ไปรื้ออิฐจากกำแพงเมืองเก่าเขาชัยบุรี มีการฉลองวัดอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 2403 ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถถือว่าเขียนโดยช่างชั้นครู ที่เป็นช่างชุดเดียวกับผู้วาดภาพจิตกรรมฝาผนังในพระอุโบสถใหญ่วัดพระแก้ว โดยนายช่างได้ใช้สีแดง น้ำเงิน ขาว และดำ เป็นหลัก โดยเฉพาะสีน้ำเงินนั้นทำมาจากต้นครามแท้ๆ แต่ยังอยู่มาได้หลายร้อยปีจนถึงทุกวันนี้! %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87-3 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87-5%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b2-1

ถ้ามาเที่ยวพัทลุง แล้วไม่ได้ชมการแสดงพื้นบ้านอันมีเอกลักษณ์อย่าง “โนรา และ “หนังตะลุง ก็เหมือนกับว่ามาไม่ถึง เพราะศิลปะการแสดงสองอย่างนี้ซึมซาบอยู่ในวิถีชีวิตของคนพัทลุงมานับร้อยๆ ปีแล้ว ตั้งแต่ยุคอดีตที่ไม่มีทีวีวิทยุ ยามค่ำก็ได้มหรสพเหล่านี้ปลอบประโลมใจ ดูแล้วสนุก เฮฮา ครื้นเครง ได้หัวเราะทำให้หายเหนื่อยจากการทำงาน โนราหรือมโนห์รา เป็นละครรำละครร้องเรื่องยาว คล้ายละครชาตรีของภาคกลาง แต่มีท่ารำที่เน้นการต่อตัว ดัดตัว และมีเครื่องแต่งกายสีสันฉูดฉาดด้วยลูกปัด และเทริดสวมหัว (มงกุฎทรงสูง) บทร้องมีทั้งขบขัน สองแง่สองง่าม ส่วน หนังตะลุง ก็เป็นหุ่นเงาที่ได้รับอิทธิพลมาจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย สนใจหาชมได้ที่วัดท่าแค อำเภอเมืองพัทลุง หรือสอบถาม ททท. พัทลุง ก่อนล่วงหน้า ว่าช่วงใดจะมีการแสดง

%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b2-2 %e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b2-3%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-1 %e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-2 %e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-3%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%88%e0%b8%b9%e0%b8%94-1พัทลุงมีของฝากประเภท Handmade Souvenir จากธรรมชาติหลายอย่าง โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าวและเสื่อกระจูด ซึ่งเป็นวัสดุในท้องถิ่นหาได้ทั่วไป นำมาแปรรูปเป็นสินค้าน่าใช้ หลากหลาย อาทิ โคมไฟ, ทับภีตักข้าว, กระเป๋าสาน, ที่รองจาน, หมวก, รองเท้า, เสื่อ, กล่องใส่ทิชชู ฯลฯ สนใจติดต่อ กลุ่มบ้านต้นกระจูด โทร. 08-6961-7906, 08-7969-5331 หรือจะซื้ออินทรีย์อุดมคุณค่า ไปกินกันที่บ้านก็ได้ เป็นข้าวพันธุ์สังข์หยดที่มีมาแต่โบราณในถิ่นนี้ มีวิตามินสูงมาก ตอนนี้ปลูกขายแทบไม่ทัน! %e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%88%e0%b8%b9%e0%b8%94-2 %e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%88%e0%b8%b9%e0%b8%94-3%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%93%e0%b8%91%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-1 %e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%93%e0%b8%91%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b0%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-2%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-1%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-30 %e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-2%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87มาถึงทะเลน้อยทั้งที ต้องชิม “ปลาดุกร้า” อาหารจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมานับร้อยปี เป็นการถนอมอาหารไว้กินได้อร่อยโดยไม่เน่าเสีย ปลาดุกร้าคล้ายปลาเค็ม แต่มีรสชาติเฉพาะตัวที่แตกต่างคือ มีรสเค็มปนหวานและมีกลิ่นหมัก เมื่อนำไปทอดหรือย่างจะมีกลิ่นหอมชวนกิน ยิ่งบีบมะนาว กินกับเครื่องเคียงอย่างพริก หอมซอย จะยิ่งเพิ่มรสชาติ แนะนำให้ไปชิมที่ ร้านสามกั๊กทะเลน้อย โทร. 08-9653-5952 / ศรีปากประ รีสอร์ท โทร. 08-1969-3791 / ลำปำรีสอร์ท โทร. 0-7461-1486

เที่ยววิถีข้าววิถีไทย อิ่มทั้งใจ อิ่มทั้งท้อง

tigerland-farm-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-1(1) Tigerland Farm จ.เชียงราย
tigerland-farm-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-2 tigerland-farm-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-3 tigerland-farm-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-4%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a2%e0%b9%8c-1

(2) ไร่รื่นรมย์ จ.เชียงราย%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a2%e0%b9%8c-2 %e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a2%e0%b9%8c-3 %e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2-%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a2%e0%b9%8c-4 %e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-green-valley-1

(3) พร้าว Green Valley อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-green-valley-2 %e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-green-valley-3 %e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-green-valley-4 %e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-green-valley-5 %e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7-green-valley-6%e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%aa%e0%b8%98%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2

(4) บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม อ.เมือง จ.ยโสธร
%e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%aa%e0%b8%98%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2 %e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%aa%e0%b8%98%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2 %e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%aa%e0%b8%98%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2 %e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%aa%e0%b8%98%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2 %e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%aa%e0%b8%98%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-1

(5) ข้าวเขาวง จ.กาฬสินธุ์
%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-2 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-3 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-4 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-5 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-6 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-7 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%87-dr-jame-8%e0%b8%ad%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2

(6) บ้านนาหมอม้า จ.อำนาจเจริญ
%e0%b8%ad%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2 %e0%b8%ad%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2 %e0%b8%ad%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2 %e0%b8%ad%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d-%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%97-%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b2-1

(7) บ้านบ่าวปรีดา จ.ชัยนาท%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%97-%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b2-2 %e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%97-%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b2-3 %e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%97-%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%94%e0%b8%b2-4%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%b5-buffalo-farm-1

(8) Buffalo Farm จ.ปราจีนบุรี%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%b5-buffalo-farm-2 %e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%b5-buffalo-farm-3 %e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%b5-buffalo-farm-4%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b9%8c-1

(9) โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ จ.สระแก้ว%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b9%8c-2 %e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b9%8c-3 %e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b9%8c-4%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-1

(10) ข้าวสังข์หยด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-2 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-3 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-4 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-5 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-6 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%8c%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b8%94-7%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-1

(11) เกาะยาวน้อย จ.พังงา%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-2 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-3 %e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2-4

เที่ยวพะเยา Gate Way สู่ล้านนา

%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%8a%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-1

เดินทางสู่ จังหวัดพะเยา และอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง กล่าวคำทักทาย Gate Way ประตูสู่ล้านนา จุดเชื่อมโยงภาคกลางตอนบนเข้าสู่ภาคเหนือตอนล่าง ดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเต็มไปด้วยสีเขียวของแมกไม้ร่มรื่น วันนี้พะเยาและเถินยังเป็นเมืองน้อยน่ารักที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก จึงมีหลากหลายแง่มุมอันสงบน่าพัก น่าเที่ยว ไม่แพ้เมืองอื่นๆ ของล้านนาเลยสักนิด

%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%8a%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-2กว๊านพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไทย ถือเป็นโอเอซิสกลางเมืองพะเยาเลยล่ะ  เพราะระบบนิเวศน์ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยปลาน้ำจืด ทะเลบัวแดง และนกนานาชนิด โดยรอบมีสวนสาธารณะให้ผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจ ทุกเช้าบริเวณท่าเรือริมกว๊านฯ จะมีการตักบาตรข้าวเหนียว   พอตกสายหน่อยบรรดาร้านค้าโดยรอบก็เริ่มทยอยเปิด ขายอาหารรสเลิศไปจนถึงค่ำ %e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%8a%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-3ในกว๊านพะเยามีการค้นพบซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ สมัยพระเจ้าติโลกราช คือ “วัดติโลกอาราม” ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ยอดพระธาตุโผล่พ้นน้ำขึ้นมา และยังมีการค้นพบพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย อายุหลายร้อยปีด้วย ทุกวันนี้เราสามารถนั่งเรือรับจ้างของชาวบ้านขึ้นไปสักการะองค์พระได้ โดยในวันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา จะมีการเวียนเทียนกลางน้ำแห่งเดียวในโลก! ตื่นตาน่าชมมาก %e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%8a%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-4 %e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%8a%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-5 %e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%8a%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-6การตักบาตรยามเช้าให้จิตใจผ่องใส ที่ริมกว๊านพะเยา%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%8b%e0%b8%b2%e0%b8%87-1

น้ำตกภูซาง เป็นน้ำตกอุ่นแห่งเดียวในเมืองไทย! คือน้ำมีอุณหภูมิประมาณ 33 องศาเซลเซียส ลงแช่ตัวได้สบาย ช่วยผ่อนคลายหายปวดเมื่อย เพราะในน้ำมีแร่ธาตุอุดมคุณค่าจากใต้ดินเจือปนอยู่ด้วยนั่นเอง ยิ่งกว่านั้นน้ำยังใสแจ๋วจนมองเห็นปลาที่แหวกว่ายไปมา แถมน้ำยังไม่มีกลิ่นฉุนของกำมะถันเหมือนน้ำพุร้อน หรือน้ำตกร้อนทางภาคใต้ น้ำตกภูซางจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่พิเศษสุดแบบ Unseen เลยก็ว่าได้

น้ำตกภูซางเป็นน้ำตกขนาดเล็ก สูงเพียง 25 เมตร และเที่ยวง่าย เพราะตั้งอยู่ริมถนนในอุทยานแห่งชาติภูซาง ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับลาว ป่าผืนนี้สมบูรณ์มากจึงมีสัตว์ชนิดพิเศษแสนหายาก น่ารักมากๆ ให้ชม คือ เต่าปูลู เป็นเต่าบกที่ปีนต้นไม้ได้ ตัวเล็กน่ารัก หางยาว และมีเล็บแหลมทั้งสี่ตีน เพื่อเอาไว้ปีนต้นไม้หนีภัยหรือไฟป่า (อุทยานแห่งชาติภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา โทร. 0-5440-1099)

%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad-1

ไทลื้อ คือกลุ่มชนที่เคยอยู่อาศัยในแคว้นสิบสองปันนาของจีน (รวมถึงบางส่วนของลาวเหนือ) และได้อพยพเข้าสู่ภาคเหนือของไทยเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว โดยในจังหวัดพะเยามีอยู่จำนวนมาก พวกเขามีเอกลักษณ์การแต่งกายของตนเอง และมีผ้าทอไทลื้อเป็นหัตถกรรมโดดเด่น

%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad-2 %e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad-3ชวนกันไปเที่ยว บ้านป้าแสงดา ที่บ้านธาตุสบแวน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นบ้านไทลื้อสมบูรณ์ที่สุดหลังสุดท้าย ในจังหวัดพะเยาปัจจุบัน! บ้านป้าแสงดาเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มทุกวัน ลักษณะเป็นบ้านไม้โบราณ บรรยากาศร่มรื่น หลังคามุงด้วยไม้แป้นเกล็ดซ้อนๆ กัน พอถอดรองเท้าขึ้นชมบนบ้านก็ต้องตะลึง เพราะจะได้เห็นห้องนอนและห้องครัวแบบโบราณของแท้ ของจริง โดยมีคุณป้าแสงดานำชมอย่างเป็นมิตร ที่ใต้ถุนบ้านมีกี่ทอผ้า และแคร่ไม้ไผ่เอาไว้ให้นั่งเล่นพูดคุยกันด้วย เพื่อเรียนรู้เรื่องเก่าๆ จากคุณป้าแสงดา %e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad-4รอยยิ้มของป้าแสงดา ช่างน่าประทับใจและอบอุ่นจริงๆ
%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a5%e0%b8%ad-1

พะเยาเป็นเมืองโบราณแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญ อย่างเช่นที่ วัดศรีปิงเมือง วัดเก่าแก่ในเขตเมืองโบราณเวียงลอ เมืองเก่าสมัยศตวรรษ 17 ซึ่งแต่เดิมภายในบริเวณนี้มีวัดร้างอยู่กว่า 50 แห่ง โดยตามวัดร้างจะขุดพบพระพุทธรูปหินทรายและพระพุทธรูปทองสำริดจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายหรือสูญหายไปเกือบหมดแล้ว จะเหลือสภาพสมบูรณ์ก็คือที่ พระธาตุศรีปิงเมือง อายุกว่า 900 ปี

%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a5%e0%b8%ad-2ภายในวัดนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมเอาชิ้นส่วนพระพุทธรูป และโบราณวัตถุล้ำค่าต่างๆ ที่ขุดพบภายในเมืองโบราณเวียงลอให้ชม อาทิ ถ้วยชามเครื่องปั้นดินเผา, อาวุธโบราณ, เงินโบราณ, หินลูกปัด ฯลฯ วัดศรีปิงเมืองอยู่ที่บ้านเวียงลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พิพิธภัณฑ์ไม่ได้เปิดตลอดเวลา ต้องไปแจ้งทางวัดจึงจะเปิดให้ เพื่อป้องกันความปลอดภัยของวัตถุโบราณ โทร. 08-1783-7294 %e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a5%e0%b8%ad-3วัตถุโบราณที่ขุดพบภายในเมืองโบราณเวียงลอ%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%a5%e0%b8%ad-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%99-1วัดพระเจ้านั่งดิน เป็นวัดสำคัญศูนย์รวมศรัทธาของผู้คนในตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ความโดดเด่นที่ควรไปชมคือ พระประธานในโบสถ์ไม่มีฐานชุกชีรองรับเหมือนกับพระประธานในวัดอื่นทั่วๆ ไป ชาวบ้านเคยลองอัญเชิญพระประธานองค์นี้ขึ้นประดิษฐานบนฐานชุกชีที่สร้างขึ้น แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไรก็ยกไม่ขึ้น! จึงเรียกสืบต่อกันมาว่า พระเจ้านั่งดิน %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%99-2สันนิษฐานกันว่า พระเจ้านั่งดิน น่าจะมีอายุกว่า 2,500 ปี อ้างอิงจากตำนานที่เล่าว่าพระพุทธรูปนี้สร้างตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ โดยใช้เวลาในการสร้างพระพุทธรูป 1 เดือน กับอีก 7 วัน จึงเสร็จ เมื่อสร้างเสร็จได้ประดิษฐานไว้บนพื้นราบ ไม่มีฐานชุกชีอย่างพระพุทธรูปทั่วไป เวลาเราเข้าไปสักการะจึงควรแต่งกายให้สุภาพ และนั่งลงให้เรียบร้อย %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-1

วัดเวียง แห่งบ้านเวียง ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เป็นวัดเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ที่มีศิลปะคู่แฝดกับวัดพระธาตุลำปางหลวง โดยในอดีตวัดเวียงถือเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวเถิน มีการค้นพบศิลปะวัตถุสมัยเชียงแสน และแนวกำแพงล้อมรอบวัดเวียงออกไปหลายชั้น บ่งบอกถึงความสำคัญ ยิ่งกว่านั้นด้านหลังวัดยังมีต้นขนุนของพระนางจามเทวีปลูกอยู่ด้วย ถือเป็นต้นขนุนศักดิ์สิทธิ์ที่พระนางปลูกไว้ 3 ต้น (อยู่ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่, วัดพระธาตุลำปางหลวง ลำปาง, วัดเวียง ลำปาง) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพระนางจามเทวีเคยเสด็จผ่านมาทางนี้ โดยปัจจุบันต้นขนุนนี้ยังมีชีวิตออกลูกออกหลาน %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-2ในพิพิธภัณฑ์ของวัดเวียงมีโบราณวัตถุสูงค่าเก็บรักษาไว้มากมาย โดยเฉพาะตู้พระธรรมใบลานพุทธศิลป์งามล้ำ (สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณปัญญา หลำน้อย โทร. 08-5035-1388 เว็บไซต์ www.thoentoday.com) %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-3

พระอุโบสถใหม่ของวัดเวียง%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-4

ต้นขนุนที่พระนางจามเทวีปลูกไว้ ในวัดเวียง อำเภอเถิน%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-5 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-1วัดอุมลอง ตั้งอยู่ที่บ้านอุมลอง ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เป็นวัดโบราณอายุกว่า 2,000 ปี! โดยมีจุดเด่นอยู่ที่พระธาตุอุมลองอันศักดิ์สิทธิ์ องค์พระธาตุสร้างเป็นทรงเหลี่ยมย่อมุม ยอดหุ้มทอง ภายในบรรจุกระดูกท่อนแขนใต้ข้อศอกของพระพุทธเจ้าเอาไว้ ส่วนในวิหารวัดอุมลองที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2463 ก็งามอลังการด้วยศิลปะล้านนาแท้ ประดับกระจกแก้วสีตามเสาและฝาผนังสะท้อนแสงมลังเมลือง องค์พระประธานก็มีพระพักตร์สงบเปี่ยมเมตตา %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-3พระอุโบสถหลังเก่าของวัดอุมลอง%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-4พระอุโบสถ์ใหม่ของวัดอุมลอง%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-5แต่จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนวัดอุมลองก็คือการได้ชม หอจำศีล (หอสวดมนต์) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2465 โดยใช้เป็นหอสวดมนต์ นั่งสมาธิในวันพระของอุบาสกป้อง มั่นคง หอสวดมนต์นี้เองถูกโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ลอกเลียนแบบไป จนเป็นที่วิพากวิจารณ์กันว่า เหมาะสมหรือไม่ที่นำสิ่งก่อสร้างทางศาสนาไปใช้ในเชิงธุรกิจเช่นนั้น!? %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-6

ลายจำหลักไม้อันประณีตงดงาม ที่วัดอุมลอง%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-7

ความงามของพุทธศิลป์ถิ่นล้านนา ที่วัดอุมลอง%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a7-1“สวัสดีกว๊านพะเยา สบายดีหลวงพระบาง” คือสโลแกนแสนน่ารักของประตูสู่หลวงพระบาง “จุดผ่อนปรนบ้านฮวก (กิ่วหก)” หมู่ 12 ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ซึ่งเราสามารถเข้าไปเที่ยว ในแขวงไชยะบุรีของลาวได้ โดยฝั่งลาวเรียกว่าด่านบ้านปางมอญ เมืองคอบ ด่านนี้กำลังเปลี่ยนจากจุดผ่อนปรนชั่วคราวเป็นด่านถาวรต้อนรับ AEC มีการลาดยางถนนให้รถวิ่งเที่ยวสะดวก บนเส้นทางบ้านฮวก-เมืองคอบ (42 กิโลเมตร)-ปากทา-ปากคอบ-เชียงฮ่อน (ลาว) รวม 180 กิโลเมตร %e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a7-2

บ้านฮวกเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP Village Champion ขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอไทลื้อ โดยมีตลาดนัดสินค้าไทย-ลาวทุกวันที่ 10, 20 และ 30 ของเดือน แถมทุกปีใหม่ยังมีประเพณี ตักบาตรสองแผ่นดิน ที่พระจากลาวจะเดินเข้ามาบิณฑบาตรถึงบ้านฮวกด้วย ปัจจุบันด่านบ้านฮวกเปิดเวลา 06.00-18.00 น.ทุกวัน ไม่หยุดพักเที่ยง (สอบถาม ที่ว่าการอำเภอภูซาง โทร. 0-5446-5054 ในเวลาราชการ)

%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a7-3 %e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-park-resort-1แนะนำที่พักแสนสะดวกสบาย มีสไตล์ กว้างขวาง ร่มรื่น ที่ Thoen Park 2454 Resort ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน จุดเด่นคือเรือนพักแบบเรือนล้านนาประยุกต์ หลังคามุงกระเบื้องดินขอโบราณแท้ๆ บรรยากาศเงียบสงบมาก โทร. 08-9759-1786 เฟสบุ๊ค www.facebook.com/Thoenpark.2454 %e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-park-resort-2เรือนไทยลื้อแบบเก่า ภายในเถิน ปาร์ค รีสอร์ท%e0%b9%80%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%99-park-resort-3%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%96%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-1

ส่วนของฝากจากพะเยา แนะนำ ผลิตภัณฑ์ผักตบชะวาแปรรูป ทำเป็นหมวกและกระเป๋าเก๋ไก๋ รูปลักษณ์สวยงามทันสมัยน่าใช้ ติดต่อ กลุ่มหัตถกรรมจักสานผักตบชวา บ้านสันป่าม่วง โทร. 0-5445-8633, 08-1602-7771

%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%96%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-2 %e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%96%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%9e%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%b2-3ของฝากสุดเจ๋งจากอำเภอเถินคือ แก้วโป่งข่าม ทำเป็นเครื่องประดับ ใส่แล้วนำโชคเสริมดวงชะตา โทร. 08-6194-6655

เที่ยวเมืองไก่ขันวันแสนสุข ลำปาง

%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-5

ชวนกันไปเที่ยว ลำปางเขลางค์นคร เมืองไก่ขาวแห่งล้านนาที่บรรจุไว้ด้วยมนต์เสน่ห์เมืองเหนือ ครบครัน ทั้งธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และกิจกรรมสนุกๆ โดยเฉพาะวัดวาอารามเก่าแก่ ที่ได้รับอิทธิพลจากพม่าหรือไทยใหญ่ เอกลักษณ์โดดเด่นของลำปางคือการนั่งรถม้าแอ่วเมือง ตระเวนเที่ยวชมความงามของบ้านเรือนโบราณ และถนนคนเดินอันเนิบช้า ที่ใครๆ ก็ต้องหลงรัก%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-1

กาดกองต้า (ตลาดจีนเก่า) เป็นชุมชนโบราณเลียบแม่น้ำวัง ที่กำเนิดขึ้นจากการเป็นศูนย์กลางค้าขาย มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่ลำปางเคยเป็นศูนย์กลางสัมปทานทำไม้สัก จึงมีคนอังกฤษ, พม่า, จีน เข้ามาอาศัยจำนวนมาก คนจีนชวนกันเปิดร้านขายของ ส่วนคนอังกฤษก็ทำธุรกิจค้าไม้สัก สร้างบ้านพักอยู่ที่นี่ โดยจ้างหัวหน้าคนงานเป็นชาวพม่า และอาศัยแม่น้ำวังเป็นเส้นทางล่องไม้ซุงลงสู่นครสวรรค์และบางกอก %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-2 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-3

โรงเรียนสอนทำตุงแบบโบราณล้านนา ที่กาดกองต้าลำปาง%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-4 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-5

ทุกวันนี้กาดกองต้าน่าเที่ยวน่าเดิน พาตัวเองย้อนเข้าสู่บรรยากาศอดีต ชื่นชมบ้านเรือนเก่าๆ อายุนับร้อยปี มีทั้งเรือนไม้ร้านตลาด และเรือนไม้สไตล์ขนมปังขิงอังกฤษ จุดเด่นคือการฉลุลายไม้ตามประตู หน้าต่าง ชายคา และช่องลม อย่างละเอียดสวยงาม มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ปัจจุบันนี้ทุกคืนวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณห้าโมงเย็นไปจนถึงสี่ห้าทุ่ม กาดกองต้าจะเปิดเป็นถนนคนเดินชิลชิล ยาวเหยียดเกือบ 2 กิโลเมตร ละลานตาด้วยสินค้าพื้นเมืองเก๋ๆ นานาชนิด เดินชมการแสดงพื้นเมือง ชิมอาหารอร่อย แล้วเข้าไปนั่งพักในร้านเรือนไม้ตกแต่งน่ารัก สไตล์เอาใจวัยรุ่น ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวคนจะยิ่งแน่น %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-6

ชามตราไก่ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลำปาง หาซื้อได้เพียบที่กาดกองต้า%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-7

การแสดงพื้นเมืองของสาวน้อยน่ารัก ที่กาดกองต้า%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-8 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-1

บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ชวนกันไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน แหล่งธรรมชาติแสนบริสุทธิ์เพื่อการพักผ่อน แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ 9 บ่อ ในพื้นที่ 3 ไร่ ทั้งใหญ่และเล็ก โดยมีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ โชยขึ้นมาจากบ่อไอน้ำลอยกรุ่นตลอดเวลา ยามเช้าตรู่เมื่อไอร้อนกระทบกับอากาศเย็น จะเกิดกลุ่มหมอกลอยอ้อยอิ่ง น้ำพุร้อนนี้มีอุณหภูมิราวๆ 73 องศาเซลเซียส คนนิยมนำไข่ไก่มาแช่ประมาณ 17 นาที ไข่แดงก็จะแข็งมีรสชาติมันอร่อย และไข่ขาวจะเหลวคล้ายไข่เต่า ส่วนในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะพบจักจั่นนับหมื่นตัวในบริเวณน้ำพุ เชื่อว่าจักจั่นหลังจากผสมพันธุ์แล้วก็จะมาดื่มกินน้ำแร่ก่อนตาย

%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-2 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-3 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-4

การอาบน้ำแร่ที่นี่ มีทั้งห้องเดี่ยว ค่าบริการ 50 บาท/คน หรือห้องรวมแต่แยกชาย-หญิง ค่าบริการ 20 บาท/คน และมีบ่อกลางแจ้งคล้ายสระน้ำ ค่าบริการ 10 บาท/คน เปิดเวลา 08.00-17.00 น. อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทร. 0-5438-0000, 08-9851-3355 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-1

ในจังหวัดลำปางคงไม่มีพุทธสถานแห่งใดจะยิ่งใหญ่และสำคัญเท่า “พระธาตุลำปางหลวง” อีกแล้ว เพราะเป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณซากเมืองโบราณลัมพกัปปะนคร พระนางจามเทวีเคยเสด็จมานมัสการ แล้วทำการบูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอ จึงถือเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ มีความสวยงาม และยอดเยี่ยมทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม โดยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วดอนเต้า อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวลำปางทั้งมวล %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-2 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-3 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-4 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-5

นอกจากนี้ในวิหารเล็กด้านหลังองค์พระธาตุ ยังปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ Unseen ล้านนา คือ “พระธาตุหัวกลับ ซึ่งก็คือเงาแสงสะท้อนขององค์พระธาตุ ที่ลอดผ่านช่องแตกของประตูวิหารเล็กเข้าสู่ห้องภายในที่มืดสนิท ปัจจุบันมีการนำผ้าขาวผืนใหญ่ขึงไว้ด้านใน ให้เงาสะท้อนนี้ทาบลงจึงเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น วัดพระธาตุลำปางหลวงตั้งอยู่ที่อำเภอเกาะคา ห่างจากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 18 กิโลเมตร ติดต่อ โทร. 0-5432-8327 %e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87-1

ลำปางได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรถม้า เพราะเป็นจังหวัดเดียวในเมืองไทยที่ยังคงมีรถม้าวิ่งอยู่ ไม่ต่างจากรถแท็กซี่ในเมืองกรุง แต่รถม้าลำปางเก๋กว่าเยอะ เพราะเป็นพาหนะเนิบช้าที่ไม่ก่อมลพิษสักนิด เวลานั่งจะได้ยินแค่เสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นถนน ดังกุบกับๆ เบาะนั่งก็กว้างขวางนุ่มสบาย เป็นรถเปิดประทุน นั่งได้คันละ 2 คน พาเราแอ่วเมืองลำปางทุกวัน แต่อากาศจะเย็นสบายมากที่สุดช่วงเช้าและเย็นแดดร่มลมตก เขามีบริการพาชมเมืองวงรอบเล็ก 150 บาท 25-30 นาที, รอบเมืองกลาง 200-300 บาท 45 นาที-1 ชั่วโมง รอบเมืองใหญ่ 500 บาท 1.30-2 ชั่วโมง หรือเช่าชั่วโมงละ 300 บาท คิวจอดรถม้าอยู่ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า ระหว่าง 05.00-20.00 น. ส่วนคิวหน้าโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง โรงแรมเวียงลคอร และโรงแรมลำปางเวียงทอง มีบริการเวลา 05.00-21.00 น.

%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87-2 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-1

ลำปางเป็นเมืองแห่งตำนานไก่ขาว สมัยที่ยังมีชื่อเดิมของเมืองว่า “กุกกุฏนคร” เล่ากันว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ที่เมืองนี้ พระอินทร์จึงจำแลงองค์ลงมาเป็นไก่ขาว เพื่อขันปลุกชาวเมืองทุกเช้า ให้ตื่นขึ้นมาตักบาตรพระพุทธองค์ ไก่ขาวจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของลำปาง เช่นเดียวกับที่ไปปรากฏอยู่บน “ชามตราไก่” อันมีเอกลักษณ์ แหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่ โรงงานเซรามิคธนบดี อำเภอเมืองลำปาง โทร. 0-5482-1558, 0-5435-1099 www.dhanabadee.com

%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-2 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-3 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-4 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-5 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-6

เตามังกรอันเก่าแก่ ของโรงงานเซรามิคธนบดี
%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-7

พิพิธภัณฑ์บอกเล่าอดีตความเป็นมา ของโรงงานเซรามิคธนบดี%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-1

ถ้าจะเรียกว่าลำปางเป็นเมืองแห่งวัดไม่แพ้เชียงใหม่ก็คงไม่ผิดนัก เพราะทั่วเมืองมีวัดน้อยใหญ่อยู่นับ ร้อยแห่ง หนึ่งในนั้นคือ “วัดปงสนุก” วัดโบราณอายุกว่า 1,328 ปี ที่ได้รับรางวัล Award of Merit จาก UNESCO เมื่อ ค.ศ. 2008 สาขาการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามโครงการ 2008 Asia-Pacific Heritage Award for Cultural Heritage Conservation %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-2

วัดปงสนุก ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง เป็นวัดสำคัญคู่เมืองเขลางค์นครมาช้านาน สร้างขึ้นสมัยที่เจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (ลำพูน) ผู้เสด็จมาสร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) เมื่อ พ.ศ. 1223 จึงเป็นสถานที่ตั้งเสาหลักเมืองอันแรกของลำปาง ซึ่งยังคงพบเห็นได้ตราบทุกวันนี้ ความโดดเด่นของวัดปงสนุกคือมีพุทธศิลป์อันงดงามอ่อนช้อย ไล่ตั้งแต่บันไดนาคขึ้นไปลอดซุ้มประตูโขงเข้าวัด จนถึงวิหารพระเจ้าพันองค์ (หรือวิหาร 12 ราศี, วิหารสะเดาะเคราะห์) ที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ภายในมีพระพุทธรูปสี่องค์หันพระพักตร์ไปสี่ทิศ พร้อมด้วยการแกะสลักลายไม้เป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรพิสดาร %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-3 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-1

เชื่อหรือไม่ว่า ก่อนที่พระแก้วมรกตจะได้มาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้วในกรุงเทพฯ เหมือนปัจจุบัน ได้เคยประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม” อยู่นานถึง 575 ปี (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 1979)

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-3

วัดพระแก้วดอนเต้าฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง เป็นวันเก่าแก่นับพันปี จุดเด่นคือองค์พระแก้วดอนเต้าและวิหารที่ได้รับอิทธิพลพม่า รวมถึงเขตติดต่อกันเป็นบ้านเก่าของนางสุชาดา มีตำนานเล่าว่า นางสุชาดาได้พบแก้วมรกตในแตงโม (หมากเต้า) จึงนำมาถวายพระเถระ ท่านจึงจ้างช่างให้แกะสลักเป็นพระพุทธรูป ซึ่งก็คือพระแก้วดอนเต้า และต่อมาได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุลำปางหลวง เพราะมีผู้ไปฟ้องเจ้าเมืองลำปาง กล่าวหาว่าพระเถระและนางสุชาดาเป็นชู้กัน เจ้าเมืองลำปางจึงให้จับนางสุชาดาไปประหารชีวิต! ส่วนพระเถระองค์ได้อัญเชิญพระแก้วดอนเต้าหนีไปฝากไว้ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงจนถึงปัจจุบัน ต่อมาภายหลังความจริงปรากฏว่าทั้งสองบริสุทธิ์ จึงมีผู้เห็นคุณงามความดีของนาง ได้บรินาคเงินสร้างวัดเล็กๆ ขึ้นในบริเวณบ้านของนาง และยังมีอนุสาวรีย์นางสุชาดายืนอุ้มลูกแตงโม ให้เราไปสักการะจนถึงทุกวันนี้ %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-5 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-1

ชวนกันไปกราบพระที่ “วัดไหล่หินหลวง” หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังเรื่องสุริโยทัย แต่บางคนก็ว่าวัดนี้มีอาถรรพ์ เพราะช่างคนใดที่ไปรื้อกำแพงรอบวัดเพื่อบูรณะ ก็จะต้องประสบเภทภัยที่คนเหนือเรียกว่า “ขึด” (ประหลาด) ทุกครั้งที่จะบูรณะจึงต้องมีการจัดพิธี “แก้ขึด” ก่อน

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-3

วัดไหล่หินหลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา ห่างจากตัวเมืองลำปาง 18 กิโลเมตร และห่างจากพระธาตุลำปางหลวงเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น แม้วันนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็โบราณมาก คือสร้างในสมัยพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2226 มาเที่ยววัดนี้แล้วห้ามพลาดชมวิหารหลังเล็ก ซึ่งบรรจุสุดยอดศิลปกรรมปูนปั้นโดยช่างลำปางเอาไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ซุ้มประตูเข้าด้านหน้าอันวิจิตร ไปจนถึงตัววิหารไม้ที่มีการจำหลักลวดลายละเอียดยิบจนเราต้องตะลึง! แถมยังประดับด้วยกระจกสีอีก ประวัติว่าสร้างขึ้นสมัยเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้ายนั่นเอง

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-5 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-6

ไม้ค้ำโพธิ์ ตามความเชื่อของชาวล้านา ที่วัดไหล่หินหลวง%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-1

สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาว ถือเป็น Landmark สัญลักษณ์สำคัญของเมืองลำปาง มานานแล้ว มีลักษณะเป็นสะพานปูนขนาดใหญ่ ทรงโค้งสี่โค้ง (คนลำปางเรียก “ขัวสี่โก๊ง”) ข้ามแม่น้ำวัง โดยอยู่ติดกับทางเข้าตลาดจีนเก่า หรือกาดกองต้านั่นเอง เดิมสะพานนี้เป็นโครงไม้ที่เจ้านรนันทไชยชวลิต เจ้าผู้ครองนครลำปางสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวาระที่รัชกาลที่ 5 ทรงครองราชย์ครบ 25 ปี เมื่อ พ.ศ. 2437 ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ได้ทาสีพรางตาเพื่อไม่ให้เครื่องบินเห็น จึงรอดจากการโจมตีทิ้งระเบิดมาได้! จากนั้นจึงมีการสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ. 2460 เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณหัวสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาวและครุฑหลวงประดับไว้ บ่งบอกถึงคุณค่าความสำคัญ %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-2 %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-3 %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-4

ตอนเช้าๆ ตรงเชิงสะพานรัษฎาภิเศก จะมีกาดเช้า (ตลาดเช้า) อันแสนคึกคัก เต็มไปด้วยของกินอร่อย และของใช้พื้นบ้านนานาชนิด ผู้คนคึกคัก อากาศสดชื่น มีพระเดินบิณฑบาตรด้วย รีบตื่นเช้าๆ ไปชมกันเถอะ

เรื่องเล่าจากเชียงคาน เรือนไม้โบราณริมโขง

 

เชียงคาน 2

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ “เชียงคาน” อำเภอน้อยริมโขง แห่งจังหวัดเลย ได้กลายเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวไทย ถึงขนาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิต คลื่นนักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปชื่นชม จนบางปีในฤดูหนาวเชียงคานล้น หนาแน่นเกินความสามารถที่จะรับนักท่องเที่ยวได้ไหว! บางคนจึงมองว่า เชียงคานกำลังถูกกระแสบริโภคนิยมจากภายนอกทำให้เปลี่ยนไป จนสูญเสียตัวตนที่เคยน่ารัก ดีงาม

แต่ลึกๆ เชียงคานยังมีลมหายใจ ยังมีจิตวิญญาน มีเรื่องเล่า ความเป็นมา แอบซ่อนอยู่อีกมากมายในแต่ละตรอกซอกซอย การเที่ยวชมเชียงคานให้ละเอียดอย่างเนิบช้า ด้วยการเดินหรือปั่นจักรยาน พูดคุยกับชาวบ้านพร้อมรอยยิ้ม จะทำให้เราพานพบ “เชียงคาน” ในอีกแง่มุมหนึ่งอย่างแน่นอน…
เชียงคาน 3

คนเชียงคานดั้งเดิมแล้วอพยพข้ามโขงมาจากเมืองสานะคาม (เมืองชนะสงคราม) ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง หรือประเทศลาวในปัจจุบัน ณ บ้านเวินคำ โดยย้ายมาอยู่ที่ฝั่งผืนดินสยามบริเวณ บ้านท่านาจัน แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองเชียงคาน” จนกลายมาเป็นอำเภอเชียงคาน ส่วนใหญ่คนที่นี่มีชื่อสายจากคนหลวงพระบาง จึงนำวิถีวัฒนธรรม การใส่บาตรข้าวเหนีว ภาษาการพูดด้วยสำเนียงอ่อนหวาน และนำอาหารการกินอร่อยๆ ติดตัวมาด้วย
เชียงคาน 4

คนเชียงคานแท้ๆ ต้องตื่นแต่เช้า หุงข้าวเหนียว เพื่อรอใส่บาตรในยามเช้าตรู่ จากนั้นยามสายจึงค่อยนำกับข้าวไปถวายเพลที่วัด ทว่าวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป เร่งรีบมากขึ้น มีเวลาน้อยลง ทำให้วัฒนธรรมการใส่บาตรข้าวเหนียวเชียงคาน ถึงกาลต้องเปลี่ยนไป!
เชียงคาน 5

จุดเด่นของเมืองเชียงคานที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธในความงามก็คือ ทัศนียภาพริมโขงที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกโปร่ง โล่ง สบายใจ หายใจหายคอได้เต็มปอด สายน้ำโขงที่ไหลเอื่อยๆ อยู่ชั่วนาตาปีไม่เคยเหือดแห่ง คือเส้นเลือดหลัก หล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำนี้มาหลายชั่วรุ่น

การขนส่งทางน้ำจากเมืองหลวงพระบางลงมายังเชียงคาน ทำให้เมืองนี้เติบโต รุ่งเรืองขึ้นในฐานะเมืองท่าขนาดใหญ่ที่สุดของลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ทว่าหลังจากลาวเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง สยามเลิกค้าขายกับลาว เมืองเชียงคานจึงซบเซาลง ทว่าเมื่อการท่องเที่ยวเพิ่มบทบาทมากขึ้น เชียงคานจึงเปลี่ยนจาก “เมืองท่าสู่เมืองเที่ยว” ในที่สุด

เชียงคาน 6

บรรยากาศยามเช้าเย็น ริมฝั่งโขงเชียงคาน คือภาพตระการตาของธรรมชาติแสงสีบนฟากฟ้า ที่จะประทับใจเรา มิรู้ลืมเชียงคาน 7

นอกจากตัวเมืองเชียงคานที่เด่นด้วยเรือนไม้เก่ายาวเหยียดอยู่ริมโขงแล้ว ใกล้ๆ กันยังมีภูทอก เป็นจุดชมทะเลหมอกตระการตา โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและหน้าฝน ตื่นเช้าจากเชียงคานนั่งรถขึ้นภูทอก ได้ชมทะเลหมอกแสนสดชื่นเชียงคาน 8

คนเชียงคานเองก็น่ารัก ยิ้มง่าย ใจดี มีอัธยาศัยไมตรี พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน หากเรามีเวลาได้นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับชาวเชียงคาน ก็จะได้รับรู้ถึง “เรื่องเล่าที่ซ่อนเร้น” หรือ The Untold Story of Chiangkhan ซึ่งมีมิติมุมมองลุ่มลึก หลากหลาย ทั้งในเรื่องวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม ภาษา อาหาร และอีกมากมาย

การฟ้อนแบบเชียงคาน ก็คือการฟ้อนหลวงพระบางอย่างหนึ่ง ซึ่งได้รับการดัดแปลงให้สอดรับกับยุคสมัยเชียงคาน 9

คงมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า ณ ถนนเชียงคาน ซอย 4 (ล่าง) ที่บ้านของ คุณตาคูณ จูงใจ จะมีเรื่องราวของศิลปะการตัดกระดาษสีที่แทบจะหาดูไม่ได้แล้ว โดยคุณตาคูณ เคยได้รับรางวัลครูศิลป์แห่งแผ่นดิน ประเภทการตัดกระดาษสี (Decorative Paper Cutting) จากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ SACICTเชียงคาน 10

กระดาษสีที่ตัดออกมาแล้ว จะมีทั้งเป็นแผ่นรูปดาว ดอกมะลิ และเป็นพวงห้อยระย้า เพื่อใช้ในพิธีมงคลต่างๆ หากจะมีใครสนใจไปสืบทอดไว้ก็ไม่เสียหลาย เพราะนี่คือมรดกของแผ่นดินเชียงคาน และเมืองไทย ที่ประเมินค่ามิได้
เชียงคาน 11

คุณตาคูณเล่าว่า ในอดีตไม่มีกรรไกร ต้องใช้มีดพร้ากับฆ้อนตอกลงบนกระดาษสี จึงต้องเชี่ยวชาญจริงๆเชียงคาน 12

ที่บ้านของ คุณลุงเสี่ยน อ้วนคำ ซอย 16 (ล่าง) ท่านคือผู้เชี่ยวชาญการ “สานกระติ๊บข้าวเหนียว” คุณภาพเยี่ยม สานมาทั้งชีวิต สองมือของท่านจึงเคลื่อนไหวด้วยความแคล่วคล่องอย่างอัตโนมัติ อีกทั้งท่านเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย ชอบพูดคุยกับลูกหลานที่ไปเยือน นี่คือหนึ่งในปราชญ์แห่งเชียงคานที่แทบไม่มีใครพูดถึง
เชียงคาน 13

คุณลุงเสี่ยน ตรวจสอบผลงานการสานกระติ๊บข้าวเหนียวอย่างตั้งใจ ละเอียดถี่ถ้วนเชียงคาน 14

ใกล้ๆ กับบ้านของลุงเสี่ยน ซอย 16 (ล่าง) คือบ้านของ คุณตาอ้วน และคุณยายสมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญการ สานกระติ๊บข้าวเหนียว และหวดนึ่งข้าวเหนียว ผลงานของท่านละเอียดประณีต มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาไม่ขาด สะท้อนถึงวัฒนธรรมอีสานที่ยังต้องการใช้งานหัตถกรรมประเภทนี้ในชีวิต ทว่าช่างฝีมือเหล่านี้ต่างหาก ที่กำลังลดลง และล้มหายตายจากบ้านเมืองของเราไปเรื่อยๆ

คุณตาอ้วนเล่าว่า มีนักท่องเที่ยวฝรั่งซื้อกระติ๊บข้าวเหนียวของท่านไปถึงอเมริกาและยุโรปด้วย น่าภูมิใจจริงๆเชียงคาน 15

คนทั่วไปรู้จักผีตาโขน แห่งอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย แต่ใครจะรู้บ้างว่าจังหวัดนี้ยังมีอีกหนึ่งผีที่แสนน่ารัก “ผีขนน้ำ”บ้านนาซ่าว อำเภอเชียงคาน แม้จะดูเผินๆ ภายนอกคล้ายผีตาโขน แต่ในรายละเอียดต่างกันมาก เพราะผีขนน้ำคืองานบุญเดือนหก ก่อนลงมือทำการเกษตร ประมาณเดือนพฤษภาคมเชียงคาน 16 ชาวบ้านนาซ่าว ซึ่งเป็นชาวไทยพวน เชื่อว่า ผีขน คือ วัว ควาย ที่ตายไปแล้ว แต่วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ตามห้วย หนอง คลอง บึงรอบหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านไปตักน้ำกลับมา ผีขนก็จะตามมาด้วย โดยได้ยินแต่เสียงกระดิ่งกระดึงที่ผูกคอมันไว้ ในอดีตเมื่อมีการละเล่นแห่ผีขนน้ำแล้ว ฝนมักจะตก ทุกวันนี้การเล่นผีขนน้ำจึงกลายเป็น “ผีขอฝน” นั่นเอง

ลายที่วาดบนหน้ากากผีขนน้ำมักจะน่ารัก ประดับด้านบนด้วยผ้าริ้วเป็นสีสดใส แสดงถึงสายฝนและความอุดมสมบูรณ์เชียงคาน 17 ผีขนน้ำบ้านนาซ่าว สืบทอดกันมาถึงรุ่นที่ 6 หรือ 7 แล้ว ทว่าคนนอกอำเภอเชียงคานแทบไม่รู้จักประเพณีการละเล่นผีขนน้ำเลย นับเป็นอีกหนึ่งประเพณี UNSEEN of Chiangkhan อย่างแท้จริงเชียงคาน 18

หน้ากากผีขนน้ำบ้านนาซ่าว ทำจากไม้นุ่น หรือไม้งิ้ว นำมาสลักให้เป็นรูปใบหน้า แล้วทาสีวาดลายตามต้องการ ส่วนหน้ากากผีตาโขนที่เราคุ้นเคย ทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียว แค่นี้ก็ต่างกันแล้ว

ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนบ้านนาซ่าว สามารถทดลองทำหน้ากากผีขนน้ำได้ด้วยตนเอง สนใจติดต่อ คุณวิชิต ทำทิพย์ โทร. 08-8548-1688เชียงคาน 19เชียงคานในฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นยะเยือกจับใจ ผู้คนที่นี่จึงเรียนรู้การทำ “ผ้าห่มนวม” ขึ้นใช้เอง และจำหน่ายเป็นสินค้ามีชื่อเสียง โดยเฉพาะที่ โรงหีบฝ้ายบ่วยเฮียงในตลาดเชียงคาน เป็นโรงหีบฝ้ายแห่งแรกของเชียงคาน มีทั้งหน้าร้านจำหน่าย และเปิดให้เข้าชมโรงงาน ขั้นตอนวิธีผลิตอย่างละเอียด ตั้งแต่การหีบฝ้าย (แยกเมล็ดฝ้ายออกจากปุยฝ้าย), การขึ้นเส้นโครงผ้าห่ม, การบุฝ้าย, การตีฝ้าย จนกลายเป็นผ้าห่มแสนอุ่นสบาย
เชียงคาน 20

ผ้าห่มนวมเชียงคานไม่ได้มีแต่ที่ร้านบ่วยเฮียง แต่ยังมีที่ร้านนิยมไทย (อยู่ระหว่างซอย 13 และ 14 ล่าง), ร้านไดเฮง (ซอย 12 บน), บ้านคุณป้าคำหล้า สิงห์หล้า (ซอย 10 บน) ฯลฯ
เชียงคาน 21

หนึ่งวัฒนธรรมอันแสนน่ารัก ดีงาม ที่บรรพบุรุษชาวหลวงพระบางนำมาสู่เชียงคานเมืองริมโขง ก็คือ “ประเพณีผาสาดลอดเคราะห์” (หรือ ปราสาทลอยเคราะห์) ที่เชื่อกันว่าเป็นเหมือนการสะเดาะห์เคราะห์ นำโชคร้าย สิ่งไม่ดีออกจากตัวด้วยการทำกระทงกาบกล้วยทรงสี่เหลี่ยม ประดับประดาอย่างงดงาม เพื่อไปลอยในแม่น้ำโขงเชียงคาน 22

กระทงผาสาดลอยเคราะห์ ตามแบบประเพณีนิยมดั้งเดิม นอกจากเชื่อว่าจะนำเคราะห์โศรก โรคภัย สิ่งไม่ดีทั้งปวงออกจากตัวเราแล้ว ยังช่วยให้มีโชคดีติดตามมาด้วยเชียงคาน 23

ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่สนใจในประเพณีผาสาดลอยเคราะห์ สามารถทดลองทำ แล้วนำไปลอยในแม่น้ำโขงได้ด้วยตัวเอง หรือติดต่อที่บ้านป้านาง ซอย 8 (ล่าง) ช่วยกันสืบสานสิ่งดีๆ ไม่ให้สูญหายนะจ๊ะเชียงคาน 24

เมื่อทำกระทงผาสาดลอยเคราะห์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลงเรือล่องโขง ออกไปหาจุดเหมาะๆ ลอยเคราะห์ไปกับสายน้ำเชียงคาน 25

นั่งเรือชมธรรมชาติสองฝั่งโขง พร้อมกับผาสาดลอยเคราะห์ในมือ ที่เราประดิษฐ์ขึ้นด้วยตนเองอย่างภาคภูมิใจเชียงคาน 26

ลอยผาสาดลอยเคราะห์กลางแม่นำ้โขง เชียงคาน ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องจดจำ เชื่อกันว่าเมื่อลอยไปแล้ว ห้ามมอง ต้องปล่อยสิ่งไม่ดี โชคร้าย ความเศร้าโศรกไปกับกระทงนั้นเชียงคาน 27

กลับจากผาสาดลอยเคราะห์เข้าฝั่งเชียงคาน แสงอาทิตย์ก็คล้อยต่ำเย็นย่ำอ่อนแรง เปลี่ยนบรรยากาศริมโขงให้อ่อนหวาน เนิบช้า สงบเย็น นี่ล่ะเสน่ห์แท้จริงของเมืองริมโขงอย่างเชียงคาน ที่เราสัมผัสได้ตลอดปีเชียงคาน 28

เมื่ออาทิตย์อัสดง สายน้ำโขงเชียงคานก็ถูกแต่งแต้มเปลี่ยนเฉดสีไปตามธรรมชาติสร้างสรรค์ สีของฟากฟ้าสะท้อนลงมาเจือเป็นเนื้อเดียวกับสีสายน้ำโขง บ่งบอกเรื่องราวธรรมชาติ และชีวิตสองฟากฝั่ง โรแมนติกอย่าบอกใครเชียว
เชียงคาน 29

เชียงคานเป็นเมืองรุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ไม่ได้มีแต่ถนนคนเดินไว้ให้ช้อปปิ้งอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด โรงเรียนเชียงคาน คือแหล่งสืบทอดการรำเบิ่งโขง พร้อมด้วยการแต่งกายอย่างคนหลวงพระบาง บรรพบุรุษของชาวเชียงคาน ลีลาอ่อนช้อย และเนื้อเพลงอันน่าฟัง สะท้อนถึงความผูกพันของผู้คนกับสายน้ำโขง มาหลายชั่วรุ่นเชียงคาน 30

งามอย่างเชียงคาน กับลีลาการรำเบิ่งโขงอันอ่อนหวาน ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้พบเห็นเชียงคาน 31

นักเรียนของโรงเรียนเชียงคานทุกคน สามารถรำเบิ่งโขงได้ และในหนึ่งสัปดาห์ ต้องแต่งชุดประจำถิ่นของเชียงคาน เพื่อช่วยกันอนุรักษ์สืบสานอัตลักษณ์ ตัวตน คนเชียงคาน ให้คงอยู่ไปอีกนานแสนนานเชียงคาน 32

การเที่ยวสัมผัสเชียงคานอย่างมีคุณค่า ควรหาโอกาสไปที่บ้าน “อาจารย์สมโภช ดนตรีไทย” (โทร. 09-3449-3399, 09-4558-9388) อยู่ที่ซอย 10 (บน) เป็นแหล่งเรียนรู้ดนตรีไทยและดนตรีสากล ซึ่งผู้ใหญ่และเด็กรุ่นใหม่ในเชียงคานสนใจมาก การเที่ยวชมเป็นหมู่คณะก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องติดต่อล่วงหน้า ไปร่วมกันซึมซับสัมผัสเสียงดนตรีอันไพเราะ เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณความเป็นไทย แล้วคุณจะรักเมืองไทยมากขึ้นอย่างแน่นอนเชียงคาน 33

ที่บ้านป้านาง (ซอย 8 ล่าง) เวลามีแขกไปใครมาเยือน ตอนเย็นๆ ก็จะมีจัดเลี้ยงอาหารพื้นเมือง เสร็จแล้วก็ร่วมวงฟ้อนรำกันสนุกสนาน บางวันอาจารย์สมโภชก็มาร่วมบรรเลงด้วย สร้างความประทับใจไปอีกนานแสนนานเชียงคาน 34

แม้วันเวลาจะล่วงเลยไปนานเพียงไร จิตวิญญาณที่แท้จริงอย่างหนึ่งของเชียงคาน ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนก็คือ “เรือนไม้เก่าริมโขง” ไล่ตั้งแต่ซอย 0 ถึงซอย 20 นับเป็นหนึ่งในชุมชนเรือนไม้เก่าริมแม่นำ้โขงที่โดดเด่นที่สุดในสยาม แม้หลายหลังจะถูกทิ้งร้าง ทว่าส่วนใหญ่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ ส่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น
เชียงคาน 35

เรือนไม้เก่าริมโขงเชียงคาน บริเวณถนนศรีเชียงคาน ถือเป็นหัวใจของเมืองน้อยน่ารักแห่งนี้เชียงคาน 36

เรือนไม้เก่าบางหลัง ด้านที่ติดถนนศรีเชียงคานอาจจะปิดประตูบานพับไม้ไว้มิดชิด แต่เมื่อเดินไปที่ถนนชายโขงตรงริมแม่น้ำ เรายังเห็นผู้คนเปิดบ้านใช้ชีวิต รับลมแม่น้ำพัดพรูเข้ามาสร้างความชื่นใจ เป็นโลกสองด้านที่เราต้องเปิดใจรับรู้เชียงคาน 37

รถสามล้อสกายแลป คือพาหนะสุดเท่ห์ที่ผู้คนใช้เป็นรถรับส่งสาธารณะ ขนคนขนของ รับใช้ชุมชนนี้มาเนิ่นนาน เป็นพาหนะเอกลักษณ์เมืองชายโขงที่เข้าคู่กับเรือนไม้เก่าได้ลงตัว นั่งเที่ยวชมเชียงคานและแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง อย่างแก่งคุดคู้, ภูทอก, พระพุทธบาทภูควายเงิน, ภูช้างน้อย ฯลฯ ได้สบายมากๆ
เชียงคาน 38

เชื่อหรือไม่ว่าเชียงคานในอดีตเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรืองมาก ถึงขนาดมีโรงหนังถึง 3 แห่ง คือ ราชาภาพยนตร์, สุวรรณรามา และพรเทพ โดยเฉพาะบนถนนซอย 9 ที่ตรงขึ้นมาจากท่าเรือเก่า ไปสู่ตลาดเชียงคาน แม้แต่คนฝั่งลาวยังนั่งเรือมาชมเวลามีโปรแกรมหนังใหม่ๆ ดังๆ เข้าฉายในวิก แต่เมื่อถึงยุคมีม้วนเทปวีดีโอ แผ่นซีดี ดีวีดี จนมาถึงยุคดูหนังฟรีทางอินเตอร์เน็ท โรงหนังทั้งหมดก็ปิดตัวลงอย่างถาวร สะท้อนสัจธรรมความเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่งของโลกใบนี้เชียงคาน 39

คุณลุงเจ้าของโรงหนังราชาภาพยนตร์ เปิดที่พักเก๋ไก๋น่ารัก พร้อมกับนำเครื่องฉายภาพยนตร์ เก้าอี้ไม้เก่า และโปสเตอร์หนังสุดรัก มาตกแต่งคล้าย Mini Theater หรือโรงหนังขนาดย่อมในด้านล่างของที่พักแบบไม่เหมือนใครจริงๆเชียงคาน 40

โรงหนังสุวรรณรามา ซอย 9 (บน) ทางเข้าตลาดเชียงคาน ปัจจุบันผันตัวเองไปเป็นร้านอาหาร และคอร์ตแบตมินตัน แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายโรงหนังเก่าในอดีตให้สัมผัส ทั้งม้วนฟิล์มเก่า, เก้าอี้ไม้, เครื่องฉายหนัง, โปสเตอร์ภาพยนตร์ เป็นเสน่ห์ของเมืองเล็กๆ ริมโขง ที่ทำให้ผู้มาเยือนคนแล้วคนเล่าหลงรักจนหมดใจเชียงคาน 41เรือนไม้เก่าของเชียงคาน ถือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมท้องถิ่นอันทรงคุณค่ายิ่ง แต่ละหลังเปี่ยมด้วยเรื่องราวน่าค้นหา อย่าง “บ้านตาสิงห์คำ” (ซอย 19 ล่าง ถนนศรีเชียงคาน) ที่เก่าแก่กว่า 150 ปีเป็นอย่างน้อย เป็นเรือนหลังเดียวในเชียงคาน ที่มีเสาใต้ถุนเป็นปูนทรงสี่เหลี่ยมแบบยุโรป บนตัวบ้านก็กว้างขวาง และหลังบ้านยังมียุ้งฉางข้าวแบบโบราณให้ชมด้วย

เชียงคาน 42

เรือนไม้เก่าอายุนับร้อยปีของตาสิงห์คำ เต็มไปด้วยเรื่องเล่าในทุกอณูของตัวบ้าน
เชียงคาน 43 บ้านตาอูบ ปากซอย 14 (ล่าง) ถนนศรีเชียงคาน คือเรือนไม้โบราณอันทรงคุณค่า แสดงให้เห็นถึงวิธีการสร้างเรือนของคนเชียงคานในอดีต ที่นิยมใช้ไม้ไผ่ขัดแตะแล้วฉาบปูนบางๆ ปิดทับเป็นฝาผนัง แม้ปัจจุบันบ้านหลังนี้จะปิดร้าง แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็น Landmark ของเชียงคาน ที่ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่เสื่อมคลายเชียงคาน 44

ด้านหลังบ้านตาอูบ ปัจจุบันกลายเป็นที่จอดรถสาธารณะ ทว่าตัวบ้านนั้นยังคงโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์ สมควรได้รับการอนุรักษ์ ฟื้นฟูให้เป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนเพื่อการเรียนรู้ต่อไปเชียงคาน 45

เรือนไม้เก่าเชียงคานทุกหลังมีอดีต มีเรื่องเล่า พร้อมให้เราเข้าไปเรียนรู้ ถ้าเราเปิดใจอย่างเต็มที่เชียงคาน 46

ซอย 9 คือหัวใจหลักของเชียงคานในอดีต เพราะท่าเรือเก่าอยู่ที่ริมน้ำซอย 9 พอขึ้นฝั่งมาก็จะพบกับร้านค้าของชาวจีน ที่มีทั้งร้านโชห่วย ร้านกาแฟ ร้านขายยา รวมถึงโรงหนัง และโรงแรมเล็กๆ เรียงราย จากถนนชายโขง ผ่านถนนศรีเชียงคาน ขึ้นไปยังตลาดเชียงคาน แม้แต่โรงแรมพูลสวัสดิ์ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเชียงคาน มี 9 ห้อง ก็อยู่ในซอย 9 นี้เช่นกันเชียงคาน 47

เรือนไม้เก่าเชียงคาน แม้เก่าก็เพียงตัวบ้าน ทว่ารอยยิ้มของผู้เป็นเจ้าของ ที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวให้เราฟังนั้น ไม่ได้เก่าไปด้วยเลย แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์วิถีชุมชน ที่ไม่ยอมละทิ้งบ้านเรือนของตนไปไหนไกลเชียงคาน 48 เชียงคาน 49

เชียงคานบุรี เรือนไม้ 3 ชั้นเพียงแห่งเดียวของเชียงคาน เป็นโรงแรมสร้างใหม่บริเวณซอย 11 (ล่าง) พอขึ้นไปชั้นบนสุด จะมองเห็นวิวตัวเมืองได้สวยงาม ใครจะไปพักต้องจองนะจ๊ะ จะบอกให้เชียงคาน 50

โรงแรม White House (อยู่ระหว่างซอย 5-6 ล่าง ถนนศรีเชียงคาน) เป็นตึกฝรั่งทรงโคโลเนียลสีขาวอันสวยงาม สะท้อนวันเวลาท่ีฝรั่งเศสเคยมีอิทธิพลเหนือล้านช้าง หรือลาวในอดีต แถมยังแผ่อิทธิพลข้ามโขงมาถึงเมืองเชียงคานด้วย ปัจจุบัน Whit House คือโรงแรมน่าพัก ที่พาเราย้อนกลับไปสู่อดีตได้ราวกับ Time Capsuleเชียงคาน 51

เชียงคานเป็นเมืองพุทธ เมืองสงบ ที่ผู้คนยังคงยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม วัดวาอารามกว่า 10 แห่งในย่านริมโขง ทำให้คนใกล้วัด ไม่ลืมทำบุญสุนทาน และในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญด้วย เด่นที่สุดคือ “วัดศรีคุณเมือง” อยู่ระหว่างซอย 6-7 (ล่าง) ใกล้แม่น้ำโขง
เชียงคาน 52

วัดศรีคุณเมือง เดิมชื่อ วัดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2119 เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยพุทธศิลป์แบบล้านช้าง (ลาว) เห็นได้จากหลังคาโบสถ์ที่ลดหลั่นกันลงมาในทรงเตี้ยแบบล้านช้าง, พระพุทธรูปไม้จำหลักปิดทอง และภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบล้านช้างแท้ๆ นับเป็นศูนย์กลางรวมใจรวมศรัทธาของชาวเชียงคานเชียงคาน 53 พระประทานในโบสถ์วัดศรีคุณเมือง สร้างด้วยศิลปกรรมล้านช้างแท้ๆ เป็นทองสำริด เชียงคาน 54

วัดศรีคุณเมือง ที่เชียงคาน แท้จริงแล้วเป็นชื่อวัดเดียวกับ วัดสีคุนเมือง ของเมืองหลวงพระบางในประเทศลาว เป็นวัดที่ราชวงศ์ลาวให้การอุปถัมป์ เมื่อผู้คนอพยพลงมาสร้างบ้านแปงเมืองอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน จึงนำชื่อวัดในบ้านเกิดมาด้วยเชียงคาน 55

วัดมหาธาตุ คือวัดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงคานใกล้ริมโขง บริเวณซอย 14 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2197 เป็นวัดที่เก่าแก่มาก เด่นด้วยพระอุโบสถไม้หลังเก่าศิลปะล้านช้าง เชื่อกันว่าเจดีย์ขาวที่วัดมหาธาตุนี้ สร้างอุดรูพญานาคไว้ เพราะเชื่อว่าเป็นทางผ่านของพญามุจลินทร์นาคราช ที่เข้ามากราบไหว้หลวงพ่อใหญ่ แล้วกลับลงสู่แม่น้ำโขงเชียงคาน 56

นอกจากความเชื่อเรื่องพญานาคแล้ว วัดมหาธาตุยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และวัตถุโบราณเก็บรักษาไว้ อีกทั้งยังมีส้วมฝรั่ง ที่เป็นห้องน้ำก่ออิฐถือปูนทรงโคโลเนียล เพราะจุดนี้เคยใช้เป็นที่ตั้งที่ว่าการเมืองเชียงคานเก่า สมัยพระยาศรีอรรคฮาตเชียงคาน 57

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดมหาธาตุ เป็นฝีมือช่างพื้นบ้านสกุลช่างล้านช้าง แม้ทุกวันนี้จะลบเลือนไปมาก แต่ก็ยังพอเห็นเค้าโครงกลิ่นอายความงามของพุทธศิลป์แห่งศรัทธา
เชียงคาน 58

หลวงพ่อใหญ่แห่งวัดมหาธาตุ ที่เชื่อกันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก
เชียงคาน 59

เชียงคานเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายสุดๆ ทั้งในแง่วัฒนธรรม ชุมชน งานประเพณี เชิงเกษตร และธรรมชาติ โดยเฉพาะที่ “ภูทอก” แหล่งชมทะเลหมอกใกล้เชียงคาน มองออกไปเห็นแม่น้ำโขงและฝั่งลาวได้ชัดเจน ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวด้วยแล้ว ทะเลหมอกจะแน่นเป็นผืนพรมคล้ายปุยนุ่นทีเดียว เชียงคาน 60

แก่งคุดคู้ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานไปทางตะวันออก 2 กิโลเมตร เป็นแก่งใหญ่กลางแม่น้ำโขง ที่จะเผยตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนในยามฤดูแล้ง ปัจจุบันมีร้านอาหาร จุดชมวิว และบริการล่องเรือเที่ยวชมธรรมชาติลำน้ำโขง ชิลสุดๆเชียงคาน 61

ตำนานแก่งคุดคู่เล่าว่า ในอดีตมีพรานคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ชื่อ ตาจึ่งขึ่งดังแดง ไล่ตามควายเงินมาจากฝั่งลาว โดยหมายจะยิงมันให้ได้ แต่พอมาถึงแก่ง ก็มีพ่อค้าจากหลวงพระบางถ่อเรือมาถึงพอดี ควายเงินตกใจ เผ่นหนีขึ้นไปซ่อนอยู่ที่ปลักบนภูควายเงิน พรานโกรธมากจึงนำหินมาก่อเรียงขวางลำน้ำ เพื่อไม่ให้ใครถ่อเรือผ่านไปได้อีก พระอินทร์จึงแปลงร่างลงมาเป็นเณรน้อย ออกอุบายให้พรานใช้ไม้ไผ่ทำคานแบกหิน ทว่าไม้ไผ่ไม่แข็งแรงพอ จึงหักลงมาบาดคอตายในท่านอนคุดคู้ บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า “แก่งคุดคู้” มาจนทุกวันนี้เชียงคาน 62

เวลาไปเที่ยวแก่งคุดคู้ นอกจากกุ้งแพ (กุ้งฝอยแม่น้ำโขง ชุบแป้งทอดเป็นแพ กินกับน้ำจิ้มแสนอร่อย) แล้ว สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดชิมคือ มะพร้าวแก้วแก่งคุดคู้ ผลิตกันที่นี่มาช้านาน มีหลายเจ้า ขอเข้าชมการผลิตได้ เอกลักษณ์คือเนื้อมะพร้าวต้องนุ่ม รสชาติหวานนวลๆ กินเล่นได้เพลินๆ จ้าเชียงคาน 63

การผลิตมะพร้าวแก้วแก่งคุดคู้ ต้องใช้เนื้อมะพร้าวคุณภาพดี ทำความสะอาด แล้วผ่ารีดเป็นแผ่นบางๆ ก่อนนำไปเชื่อม
เชียงคาน 64

การเชื่อมมะพร้าวแก้ว แก่งคุดคู้ ของกินเล่นยอดฮิตที่เหมาะจะซื้อเป็นของฝากกลับบ้านเชียงคาน 65

ใครที่สนใจวิถีท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือ Agro-Tourism แนะนำให้ไปเที่ยวที่ “สวนผลไม้บ้านบุฮม” อยู่ห่างจากเชียงคานไปทางตะวันออก 14 กิโลเมตร ตามถนนเส้นเลียบโขงอันสวยงาม เราจะเห็นสวนมะม่วง สวนฝรั่ง สวนแก้วมังกร สวนกระท้อน สวนมะขามหวาน และอีกสารพัดสวน ให้เข้าชม ชิม และซื้อกลับบ้าน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอดปีเชียงคาน 66

มะม่วงบ้านบุฮม มีพ่อค้ามาซื้อเหมากันไปถึงที่เลย รสชาติหวานอร่อยสุดยอด เพราะดินแถวริมโขงมีแร่ธาตุเยอะมากเชียงคาน 67

เชียงคานมีอาหารอร่อย เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอยู่หลายอย่าง เช่น ที่ซอย 0 มี “ข้าวหลามยาว” ซึ่งเมื่อก่อนยาวมากถึง 1.5 เมตร (เกือบ 2 เมตรก็มี!) ถือเป็นข้าวหลามที่ยาวที่สุดในเมืองไทย เอกลักษณ์คือเนื้อข้าวเหนียวจะนุ่ม หอม หวานอ่อนๆ มีทั้งข้าวเหนียวดำและข้าวเหนียวขาว เหมาะจะกินเล่นจิ้มนมข้นหวาน ที่นี่ทำขายตอนเช้าเท่านั้นจ้าเชียงคาน 68

น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ไม้ไผ่ยาวๆ ในบ้านเราแทบไม่มีแล้ว หรือถ้ามีก็อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ เข้าไปตัดมาใช้งานไม่ได้ ข้าวหลามยาว ซอย 0 เชียงคาน เลยต้องรับซื้อไม้ไผ่มาจากฝั่งลาวแทนเชียงคาน 69

เมื่อปิ้งข้าวหลามจนสุกดีแล้ว ก่อนหม่ำก็ต้องมาเหลาเปลือกให้บางเฉียบ จนสามารถใช้มือปอกข้าวหลามกินได้ทันที นี่คือเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของข้าวหลามยาวเชียงคาน
เชียงคาน 70

เที่ยวชมเชียงคานกันมาจนเหนื่อยแล้ว ได้เวลาเติมพลัง กับ “ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว” ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากลาว (ต้นตำรับคือเวียดนาม) แท้จริงแล้วก็คือเส้นขนมจีน ใส่น้ำซุป และเครื่องในหมู เนื้อหมู กินกับผักแกล้ม พริก กะปิ มะนาว คล้ายๆ เฝอ (ก๋วยเตี๋ยว) เวียดนามนั่นล่ะ

เชียงคาน 71

ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว คืออาหารเช้ายอดฮิตของคนเชียงคาน ชื่อดังสุดคือ ข้าวปุ้นน้ำแจ่วป้าบัวหวาน ซอย 14 (บน)เชียงคาน 72

ส้มตำด้องแด้ง แห่งร้านจิตส้มตำ ปากซอย 21 (บน) ใกล้โรงพยาบาลเชียงคาน เป็นส้มตำเจ้าเด่นเจ้าดัง รสชาติแซ่บถึงใจ สั่งได้ตามต้องการ มีตำทุกประเภทให้เลือก โดยเฉพาะส้มตำด้องแด้ง ซึ่งมีต้นกำเนิดที่นี่เชียงคาน 73

จุ่มนัวยายพัด หรือสุกี้หลวงพระบาง ขายอยู่ที่ซอย 10 (ล่าง) รสชาติอร่อยกลมกล่อม ลูกค้าแน่นตลอดวัน ขายมาหลายสิบปี ร้านนี้ยังมีขนมหวานแบบไทยๆ ให้กินล้างปากด้วย โดยเฉพาะลอดช่อง, กล้วยบวชชี, ฟักทองแกงบวช สุดยอด!!!เชียงคาน 74

ตื่นเช้าเดินไปเที่ยวตลาดเชียงคาน ถ้าหิวขึ้นมา ก็เดินไปชิม “ปาท่องโก๋ยัดไส้” กินคู่กับกาแฟ โอวัลติน ชาร้อน ต้อนรับวันใหม่ให้สดชื่นอิ่มท้องเชียงคาน 75

มีคนเคยบอกว่า ตลาดเช้าคือสิ่งที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นๆ ได้ดี มันคือความจริง เพราะในตลาดเช้าเชียงคาน จะมีพืชพักผลไม้ในท้องถิ่นมาขายหลากหลายตามฤดูกาล รวมถึงพืชผัก ข้าวเหนียว แกง อ่อม หมก แหนม ฯลฯ อุดมสมบูรณ์ คนที่อยากใส่บาตรข้าวเหนียว ตื่นเช้าเอากระติ๊บมาซื้อข้าวเหนียวร้อนๆ ที่นี่ได้เลย
เชียงคาน 76

เชียงคาน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ของเรื่องราว ชีวิต วัฒนธรรม และธรรมชาติงามริมโขง เรือนไม้เก่าทุกหลังล้วนมีอดีต เรื่องเล่า ที่พร้อมให้เราเข้าไปเรียนรู้ เชียงคานไม่ได้มีแต่ถนนคนเดิน แม้เชียงคานจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่นั่นคือการปรับตัวตามวิวัฒนาการของเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว คำถามคือ เราจะทำอย่างไรที่จะช่วยกันรักษาเชียงคานให้คงอยู่ พร้อมกับรักษาอัตลักษณ์ตัวตนไว้ได้ด้วย

เชียงคานไม่ใช่เมืองที่ถูกแช่แข็งไว้ในกาลเวลา แต่เป็นเมืองที่มีความเติบโตไปตามยุคสมัย วันนี้เชียงคานยังน่านัก เต็มไปด้วยเรื่องราวของชีวิตที่หมุนไป ไม่หยุดหย่อน เราจึงต้องเคารพความเป็นเชียงคาน ไปเรียนรู้ในสิ่งที่เขาเป็น อย่าให้เขาต้องเปลี่ยนเพื่อคนนอก

นี่คือเมืองแห่งเรือนไม้เก่าริมโขง ที่ฉันหลงรักจนหมดใจ ในความน่ารักและรอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง