เที่ยวในประเทศ

บุกโลกไดโนเสาร์ล้านปี ขอนแก่น-กาฬสินธุ์

02

ภาคอีสานตอนกลางเป็นบริเวณที่มีเอกลักษณ์น่าเที่ยว ต่างจากอีสานตอนเหนือบริเวณริมลำน้ำโขง หรืออีสานตอนใต้ที่ได้รับอิทธิพลจากอาณาจักรเขมรในอดีต ทว่าอีสานภาคกลางบริเวณขอนแก่น-กาฬสินธุ์ มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สลับกับเนินเขาที่ไม่สูงมาก มักเป็นภูเขาลูกเดี่ยวๆ โดดๆ แหล่งท่องเที่ยวของเขาจึงเน้นไปที่วัดวาอาราม ประเภทวัดป่า รวมถึงแหล่งโบราณคดีไดโนเสาร์ล้านปี ซึ่งเคยมีชีวิตครองความเป็นใหญ่ในบริเวณนี้เมื่อหลายสิบล้านปีก่อน ลองหลับตานึกจินตนาการตามฉันดูซิ ว่าในยุคหนึ่งเคยมีไดโนเสาร์ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก ทั้งพวกกินเนื้อและกินพืช เดิมท่อมๆ หากิน ฝากรอยเท้าไว้แถวนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะปัจจุบันยังมีหลักฐานทางบรรพชีววิทยา (สิ่งมีชีวิตในอดีต) ปรากฏเป็นซากฟอสซิล มีการขุดค้นพบมากมาย และไดโนเสาร์หลายชนิดที่พบบริเวณนี้ก็ถือเป็นชนิดใหม่ของโลกซะด้วย!

03

กล่าวกันว่าไดโนเสาร์พวกแรกปรากฏกายขึ้นเมื่อ 225 ล้านปีก่อน มีชีวิตอยู่ วิวัฒนาการ และแพร่พันธุ์ครอบครองโลกนานถึง 165 ล้านปี ก่อนจะสูญพันธุ์ไปหมดโลกเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว สันนิษฐานว่าด้วยสาเหตุอุกาบาตยักษ์ชนโลก แล้วทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ส่วนในเมืองไทยเรา มีการขุดค้นพบซากไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2519 ที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่นั้นมาก็มีการค้นพบไดโนเสาร์ที่อยู่ในช่วงยุคจูราสสิกแล้วถึง 16 ชนิด โดย 6 ชนิด ถือเป็นชนิดใหม่ของโลก และอีก 5 ชนิด อยู่ในกลุ่มสกุลใหม่ของโลก เห็นไหมล่ะว่าภาคอีสานตอนกลางของไทยเราไม่ธรรมดาจริงๆ

เมื่อฉันมาเที่ยวถึงขอนแก่นแล้ว ก็ไม่พลาดไปชม “พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง” อำเภอเวียงเก่า ซึ่งขุดพบซากไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์จำนวนมาก และเป็นอุทยานไดโนเสาร์แห่งแรกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการค้นพบซากไดโนเสาร์ที่ได้รับการตั้งชื่อตระกูลใหม่หลายชนิด เช่น สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส (Siamotyrannus isanensis) ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน (Phuwiangosaurus suteethorni) และกินรีมิมัส ขอนแก่นเอนซิส (Kinnareemimus Khonkaenensis) ฯลฯ โดยเฉพาะพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ได้รับการตั้งชื่อขึ้นตามพระนามของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นชนิดที่โด่งดัง เพราะเป็นชนิดใหม่ของโลก

ภายในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จัดแสดงไดโนเสาร์ขนาดเท่าจริงแสดงไว้หลายสิบชนิด ภายในห้องนิทรรศการติดแอร์เย็นฉ่ำ ส่วนบริเวณอุทยานแห่งชาติภูเวียง เราก็สามารถเดินไปดูหลุมขุดค้นจริงได้ใกล้ชิด

ระหว่างทางกลับจากพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง ที่อำเภอเวียงเก่า ฉันแวะที่ สวนไดโนเสาร์ศรีเวียงเป็นสวนสาธารณะสวยกว้างถึง 25 ไร่ โดยเขามีการจำลองไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ให้ชมอย่างใกล้ชิด ในลักษณะสวนกลางแจ้งที่มีเทือกเขาภูเวียงเป็นฉากหลังอยู่ไกลลิบๆ

04

ฉันเลยตามรอยไดโนเสาร์ต่อไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ พิพิธภัณฑ์สิรินธร บริเวณภูกุ้มข้าว อำเภอสหัสขันธ์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดของไทย และในอาเซียน โดยเป็นแหล่งไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย มีการขุดค้นพบซากฟอสซิลกระดูกมากกว่า 700 ชิ้น! เป็นไดโนเสาร์กินพืชไม่น้อยกว่า 7 ตัว และไม่ทราบชนิด 1 ตัว คาดว่าอาจจะเป็นสกุลและชนิดใหม่ของโลก! พิพิธภัณฑ์สิรินธรทำเอาฉันตื่นเต้นไม่น้อย เพราะห้องโถงแรกที่เดินเข้าไป ก็เจอเข้ากับเจ้าตัวกินเนื้อ เป็นไดโนเสาร์ทีเร็กจำลองตัวสูงใหญ่ หน้ายาว ฟันแหลมคม เหมือนกับที่ดูในหนังฮอลลีวู๊ดเรื่อง Jurassic Park ไม่มีผิด ตอนนี้มันยืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงหน้าฉันจริงๆ แล้วน่ะสิ!

05

06

07

หลังจากกลับเข้ามานอนที่ขอนแก่นอย่างสบายอารมณ์แล้ว วันที่สองฉันจัดให้เป็นวันทัวร์ไหว้พระ โดยมี อาจารย์คฑา ชินบัญชร เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ให้ เริ่มจากการไปกราบ พระมหาธาตุแก่นนคร ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบึงแก่นนครกลางเมืองขอนแก่น ความพิเศษคือเป็นพระธาตุทรงสี่เหลี่ยม สูงมากถึง 80 เมตร แบ่งเป็น 9 ชั้น ฉันก้มลงกราบพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) และพระธาตุของพระสาวกประมาณ 100 องค์ ที่บรรจุอยู่ในโถแก้ว พร้อมกับอธิษฐานให้ชีวิตมีแต่สุขสวัสดี จากนั้นก็นั่งรถต่อไปยัง พระธาตุขามแก่นเพื่อเวียนเทียนและห่มผ้าพระธาตุเพื่อสิริมงคลในชีวิต

08

09

พระธาตุขามแก่นเป็นหนึ่งในพระธาตุสำคัญคู่บ้านคู่เมืองขอนแก่นมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว ตำนานเล่าว่าในครั้งที่กำลังมีการก่อสร้างพระธาตุพนมอยู่นั้น โมริยกษัตริย์แห่งเขมรเกิดความศรัทธา ต้องการจะนำฝุ่นพระธาตุที่ตนมีไปร่วมบรรจุไว้ในพระธาตุพนมด้วย จึงจัดขบวนเดินทางไกลมา แต่ไปไม่ทัน องค์พระธาตุพนมสร้างเสร็จไปก่อน ขากลับได้แวะพักในป่ามะขาม พบว่าตอมะขามที่ตายแล้ว ซึ่งพระองค์ได้นำโถบรรจุฝุ่นพระธาตุไปวางไว้ในตอนขาไป บัดนี้ได้ฟื้นคืนชีวิตงอกแตกใบขึ้นใหม่เป็นอัศจรรย์ จึงได้สร้างพระธาตุคร่อมตอมะขามนั้น จนกลายเป็นพระธาตุขามแก่นอันศักดิ์สิทธิ์มาตราบทุกวันนี้ ใครที่ตั้งใจไปกราบไหว้อธิษฐานขอพรให้ฟื้นคืนหายจากโรคภัยต่างๆ ก็มักจะได้สมดังหวังอย่างไม่น่าเชื่อ!

010

011

“วัดไชยศรี” บ้านสะวี อำเภอเมืองขอนแก่น เพื่อชม “สิม” หรือโบสถ์แบบอีสาน ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2408 ทำไมต้องมาชม? เพราะสิมแห่งนี้ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เนื่องจากทั้งภายในและภายนอกมี “ฮูปแต้ม” หรือภาพจิตรกรรมฝาผนัง วาดไว้แทบทุกซอกทุกมุม โดยจิตกรพื้นบ้านนามว่า นายทอง ทิพย์ชา ชาวมหาสารคาม ส่วนใหญ่วาดเป็นรูปพุทธประวัติ พระเวสสันดรชาดก และนิทานพื้นบ้านเรื่องสังข์สินไชย อันเป็นนิทานพื้นบ้านยอดฮิตของอีสานมาแต่โบราณ นายทองได้ใช้สีธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น คือสีน้ำเงินจากต้นคราม สีเหลืองจากต้นเข และสีขาวจากปูนขาว ทำให้ภาพมองสบายตา ที่พิเศษอีกอย่างคือตรงประตูทางเข้าโบสถ์นายทองได้วาดเป็นรูปนรกภูมิ ดูน่าขนลุก!

012

013

“Farm View” อยู่ในโรงแรงแรมเมเจอร์แกรนด์ อำเภอชุมแพ ต้องบอกเสียงดังๆ เลยว่า ตอนนี้ขอนแก่นเขาก็มีน้องแกะเอาไว้ให้ไปถ่ายภาพคู่แล้วเหมือนกันนะ ความน่ารักของน้องแกะฝูงเล็กๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวๆ ด้านหลังสร้างเป็นโรงนาสีแดงสดสไตล์ American Farm House ทำให้บรรยากาศขอนแก่นวันนี้ดูสวยผิดหูผิดตาไปจริงๆ

014

015

016

“วัดภูค่าว” (หรือวัดพุทธนิมิต) อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอบอกว่าวัดนี้ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะนอกจากจะมีโบสถ์ไม้สักใหญ่โตมโหฬาร แกะสลักอย่างวิจิตรแล้ว ยังมีพระมหาธาตุเจดีย์สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนิมิตเหล็กไหลสีดำสนิท น่าศรัทธาเลื่อมใสอย่างยิ่ง ฉันเดินชมภายนอกพระมหาธาตุเจดีย์ถึงกับตะลึง เพราะด้วยขนาดอันใหญ่โต จนต้องมองคอตั้งบ่า ส่วนภายนอกนั้นบุไว้ด้วยแผ่นดินเผาสีน้ำตาลเป็นลวดลายต่างๆ อย่างน่าทึ่งจริงๆ

017

018

ศาลาไหมไทย แหล่งรวมผ้าไหมของอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น อุตส่าห์เตรียมตังค์มาซื้อผ้าไหมฝากแม่แล้วทั้งที ก็ต้องแวะให้ถึงแหล่งผลิต จะได้ชมสาธิตวิธีการทอ การทำ การสาวไหมด้วย เห็นแล้วต้องยอมควักเงินซื้อเลยเต็มที่ เพราะกว่าจะได้ผ้าไหมมัดหมี่มาแต่ละผืน ต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ใส่ฝีมือ บวกกับความชอบ ลงไปแบบเต็มๆ เรียกว่างานทอผ้าไหมนี่นะ ใครไม่รักไม่ชอบจริงคงนั่งทออยู่เป็นวันๆ ไม่ได้แน่ ฉันกับเพื่อนๆ เลยช่วยกระจายรายได้ให้กลุ่มแม่บ้านไป จนกระเป๋าตังค์เบาหวิว แต่ก็ดีใจที่ได้ช่วยอุดหนุนเป็นกำลังใจให้ผ้าไหมอำเภอชนบทสามารถเดินหน้าต่อไปได้

019

020

Special Thanks : ขอขอบคุณ คุณสามพร มณีไมตรีจิต ผู้อำนวยการกองตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ททท. สำนักงานขอนแก่น-กาฬสินธุ์ สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

 Traveler’s Guide

When to go : เส้นทางอีสานตอนกลาง ขอนแก่น-กาฬสินธุ์ เที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะฤดูฝนและหนาว อากาศเย็นสบาย ถ่ายรูปได้สวย ที่พักที่กิน รวมถึงถนนหนทางสะดวกมาก

How to go : เดินทางสะดวกรวดเร็ว และประหยัด แนะนำบินตรงกรุงเทพฯ-ขอนแก่น จากนั้นเช่ารถตู้ หรือรถยนต์ขับเที่ยวได้สบาย เส้นทางเชื่อมโยงขอนแก่น-กาฬสินธุ์-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด เที่ยวได้หลากหลาย

Where to stay : แนะนำ โรงแรม Pullman อยู่กลางเมืองขอนแก่น โทร. 0-4332-2155 www.pullmanhotels.com หรือถ้าอยากได้ที่อยู่ติดสนามบินขอนแก่น ราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล โทร. 0-4346-8222 www.rachawadeehotel.com เดินทางต่อเข้าเมืองได้สบายด้วยบริการแท็กซี่ 24 ชั่วโมง

What to eat : มาขอนแก่นอย่าลืมชิมอาหารพื้นเมือง พวกไข่กระทะ ขนมปังบาแกตต์, ส้มตำไก่ย่าง, โจ๊กจั๊บเส้น, ข้าวเปียกเส้น, หมูยอ ฯลฯ แนะนำ ร้านไอยรา คอฟฟี่ & คิชเช่น ถนนอนามัย โทร. 08-7263-7288

Souvenirs : ผ้าไหมมัดหมี่ อำเภอชนบท, หมูยอขอนแก่น, เสื้อยืดและตุ๊กตาไดโนเสาร์, ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์

More info : ททท. สำนักงานขอนแก่น-กาฬสินธุ์-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด โทร. 0-4322-7714-6 / บริษัท ฟูจิ ทัวร์ โทร. 09-8273-4435 ,08-7695-9582

Colourful Life @สวนผึ้ง

มีคนเคยกล่าวว่า สวนผึ้ง คือผืนป่าที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะอยู่ห่างกันแค่ไม่เกิน 160 กิโลเมตรเท่านั้น พื้นที่กว่าร้อยละ 90 ของสวนผึ้งยังฉาบทาไว้ด้วยสีเขียวของผืนป่า แมกไม้ สายธาร และสายหมอกขาวที่ลอยคลอเคลียยอดเขาอยู่ในเวลาเช้า ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดพาเอาความชื้นเข้ามาจากชายทะเลเมืองทวายของเมียนมาร์ ได้พัดเลยเข้าสู่สวนผึ้ง ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบาย โดยเฉพาะในฤดูหนาวและฝน ที่อากาศเย็นฉ่ำไม่แพ้ภาคเหนือเลยสักนิดเดียว ใครไม่อยากเดินทางไกลไปขึ้นดอยตอนปลายปี ต้องไปแย่งกิน แย่งเที่ยว แย่งนอน กับคนนับไม่ถ้วน ลองมาสัมผัสสวนผึ้ง ก็น่าจะเป็นตัวเลือกสำหรับการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

ที่มาของชื่ออำเภอ สวนผึ้ง” เขาบอกว่ามาจากพื้นที่โดยทั่วไปของเขตนี้มีสภาพเป็นธรรมชาติ ป่าไม้ เทือกเขา โดยมีต้นไม้อยู่ชนิดหนึ่ง เป็นต้นไม้ที่มีเปลือกสีขาวนวล ไม่มีเปลือกกะเทาะหรือลอกให้เห็น ที่สำคัญคือจะมีผึ้งจำนวนมากมาอาศัยทำรังอยู่บนต้นไม้ชนิดนี้เท่านั้น ชาวบ้านจึงเรียกต้นไม้ต้นนั้นว่า ต้นผึ้ง” และได้กลายเป็นชื่ออำเภอในปัจจุบัน

021-620x411

031-620x404

04-620x412

ความ Unseen อีกอย่างของสวนผึ้งที่แทบไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลยก็คือ สวนผึ้งมีทุ่งดอกไม้กับเขาด้วย เรียกว่า ทุ่งปอเทือง ซึ่งชาวบ้านแถบนี้นิยมปลูกกันมากในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เท่านั้น เพื่อเป็นการบำรุงดิน ระหว่างที่พักดินไม่ได้ปลูกพืชไร่หลักๆ โดยในช่วงเดือนดังกล่าว ต้นปอเทืองที่ขึ้นเบียดกันแน่นพรึบจะพร้อมใจกันออกดอกสีเหลืองสดใสฉูดฉาดบาดตา จะขับรถมาแวะชม ถ่ายภาพ หรือปั่นจักรยานชมทุ่งปอเทือง ก็นับเป็นภาพที่วิเศษ ไม่แพ้ทุ่งดอกทานตะวัน หรือทุ่งดอกบัวตอง เลย เพียงแต่ว่าทุ่งปอเทืองไม่ได้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ทว่าปลูกกระจายกันอยู่หลายแห่งในสวนผึ้ง จึงต้องขยันขับรถหากันนิดนึงนะ

051-620x412

061-620x412

บรรยากาศในบางรีสอร์ทของสวนผึ้ง ดูๆ ไปช่างหน้าตาเหมือนกับแคว้น Provence ในฝรั่งเศสตอนใต้ซะเหลือเกิน

07-620x412

            กิจกรรมน่าสนุกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ที่สวนผึ้งก็คือ การปั่นจักรยานเที่ยว ชมธรรมชาติ และวิวป่าไม้ วิวภูเขาสวยๆ ไปตามเส้นทางต่างๆ ซึ่งปัจจุบันทางชมรม I Love สวนผึ้ง และกลุ่มนักปั่นจักรยานสวนผึ้ง ได้ร่วมกันจัดทำเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวไว้มากถึง 5 เส้นทาง คือ เส้นทาง 17 กิโลเมตร, 30 กิโลเมตร, 32 กิโลเมตร, 33 กิโลเมตร และ 50 กิโลเมตร ฟังดูอาจเหมือนไกล แต่สำหรับนักปั่นมืออาชีพคงบอกว่า แค่นี้มันจิ๊บจ้อยมาก ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ปั่นจักรยานไม่ไหว แต่อยากเที่ยวตามเส้นทางอันสวยงามนี้ ก็สามารถขับรถชมธรรมชาติตามรอยไปได้อย่างสบาย

08-620x412

ไปเล่นกับน้องแกะแสนน่ารักที่ The Scenery Vintage Farm

09-620x412

บรรยาากาศภายใน The Scenery Farm ดูๆ ไปคล้ายบ้านไร่ในยุโรป หรือไม่ก็เป็น Farm House สไตล์อเมริกันจ๋า

013-620x412

ในช่วงฤดูหนาว ที่ The Scenery Farm มักจะมีการจัดงาน event เก๋ๆ เพิ่มเสน่ห์เพิ่มสีสันให้กับฟาร์มแกะแห่งนี้ ในภาพเป็นการจัดเทศกาล Art in Ratchaburi มีการจุดเทียนหอมนับหมื่นดวงทั่วงานา

010-620x412

“Morning Glory Resort” เขาไม่ได้เป็นแค่ที่พักเก๋แบบบูติกสี่ดาวเท่านั้น ทว่ายังมี ฟาร์มกระต่าย” ที่สาวๆ หลายคนเห็นแล้วกรี๊ด รีบวิ่งลงไปเล่นกับน้องกระต่ายแสนน่ารัก ทีแรกเจ้ากระต่ายน้อยอาจจะเขินอาย แอบหลบอยู่ในโพรงใต้ดิน หรือในบ้านหลังน้อยที่เขาสร้างไว้ให้มันหลบพัก แต่พอเริ่มคุ้นกับเรา มันก็จะอยู่นิ่งๆ ให้อุ้ม ให้ลูบเล่น อย่าลืมเอาอาหารกระต่ายที่เขาเตรียมไว้ให้ใส่มือเรา แล้วยื่นให้เจ้ากระต่ายน้อยเข้ามากิน จะรู้สึกจั๊กระจี๊ดี พอเล่นกับน้องกระต่ายเสร็จ ก็ล้างมือล้างไม้ให้เรียบร้อย ตรงรี่เข้าไปที่ Morning Glory The Bakery House ร้านเบเกอร์รี่ของรีสอร์ทสุดฮิป ที่คนกรุงเทพฯ ขับรถไปชิมกันไม่ได้ขาด ก็เพราะเขามีเชฟสาวสวยคนเก่ง คอยคิดค้นสูตรเค้กพิเศษๆ แบบ Home Made เองกับมือ โดยเฉพาะเค้กดาร์กช็อกโกแลต และเค้กมะพร้าวอ่อน รสหวานนุ่มนวล กินคู่กับกาแฟยามบ่ายสไตล์อังกฤษ พร้อมกับชมวิวภูเขาตรงหน้า จะมีอะไรสุขมากไปกว่านี้อีกเล่า?

011-620x932

น้องกระต่ายแสนน่ารักและแสนเชื่อง ที่ Morning Glory

 012-620x412

ต้นผึ้งใหญ่อายุหลายร้อยปี ที่มาของชื่อำเภอสวนผึ้ง ปัจจุบันอยู่ที่ สวนผึ้งฟาร์ม

 015-620x932

ภาพนี้สวยแบบวิ้งๆ Background มีโบเก้เป็นวงสวยงาม ช่วยชับเน้นเทียนในแก้วให้ดูเด่นขึ้นมาอย่างมีเสน่ห์ เพราะใช้เลนส์ 50 มม. f1.4 เปิดหน้ากล้องที่ประมาณ f2 ทำให้ได้ฉากหลังเบลอสวยแบบนี้ล่ะ

บ้านหอมเทียน แห่งสวนผึ้ง เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่โด่งดังมานาน และทุกวันนี้ก็ยังคงเสน่ห์เหมือนเดิม แค่เดินเข้าไปด้านหน้า ก็จะได้กลิ่นหอมของเทียนรูปร่างหน้าตาแปลกๆ เก๋ๆ น่ารักๆ มีทั้งทรงสี่เหลี่ยม วงกลม สามเหลี่ยม ใส่โถแก้ว และอีกมากมาย เอาไว้ให้เราไปจุดเล่นที่บ้าน เทียนหอมบางกลิ่น อย่างกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ จุดแล้วช่วยให้ผ่อนคลายหายเหนื่อย หลับสบายได้จริงๆ

Special Thanks : ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้ เป็นอย่างดี

 

Traveler’s Guide

When to go : ท่องเที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อากาศเย็นสบายที่สุด

How to go : สะดวกสุด ใช้รถยนต์ส่วนตัว ทางหลวงหมายเลข 35 (เส้นถนนพระราม 2 – ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เลี้ยวขวาเข้าอำเภอปากท่อ ผ่านตัวเมืองราชบุรี เขาแก่นจันทร์ แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3208 มุ่งหน้าสู่อำเภอสวนผึ้ง รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร

Where to stay : แนะนำ Ashcarya Boutique Resort โทร. 0-3220-6345 www.ashcarya.com และ Morning Glory Resort โทร. 08-1355-5567, 08-1938-2000 www.morninggloryresort.com

What to eat : ครัวม่อนไข่ อร่อยกับเมนูอาหารสุขภาพ อาทิ ผักกูดผัดกะทิ, ปลาเนื้ออ่อนทอดกรอบกระเทียม, น้ำพริกปลาทู, ปีกไก่ทอดเกลือ, ต้มยำไก่, กาแฟปั่นใส่น้ำผึ้ง ฯลฯ ส่วนขนมหวานแสนอร่อย แนะนำ เค้กมะพร้าวอ่อน ที่ Morning Glory The Bakery House รสชาติหวานนวลกลมกล่อมเป็นที่สุด

Souvenirs : ของที่ระลึกเก๋ไก๋ มีทั้งเทียนหอม, ตุ๊กตาแกะ, เสื้อยืดสวยๆ, โปสการ์ด ฯลฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์ชุมชน อย่างน้ำผึ้งป่า, ผักกูด, เห็ด, สับปะรด ฯลฯ

More info : ททท. สำนักงานราชบุรี โทร. 0-3247-1005-6 / ชมรม I Love สวนผึ้ง โทร. 09-2371-7799, 0-3239-5248 เฟสบุ๊ค www.facebook.com/ilovesuanphueng อีเมล ilovesuanphueng@gmail.com

เทศการถือศีลกินผัก ภูเก็ต 2014

 

เทศกาลถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต เป็นความเชื่อขนบธรรมเนียม และประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา กว่า 200 ปีแล้ว! โดยมิได้ขาด มักเริ่มในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ซึ่งก็มักตรงกับช่วง ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปีนั่นเอง ช่วงดังกล่าวตัวเมืองภูเก็ตจะดูมีสีสันเป็นพิเศษ เพราะจะมีการประดับริ้วผ้าธงทิวปลิวไสว บ่งบอกถึงเทศกาลถือศีลกินผักที่มาถึงแล้ว เป็นสัญญาณให้ผู้คน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้เฒ่า พร้อมใจกันนุ่งขาวห่มขาว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ไปถือศีล สวดมนต์ งดเว้นการเบียดเบียนสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด บรรยากาศตลอดเทศกาลนี้จึงทำให้เกาะภูเก็ต เต็มไปด้วยมนต์ขลังของกลิ่นธูปควันเทียนอบอวล และเคล้าด้วยเสียงสวดมนต์ตามศาลเจ้าต่างๆ อย่างคึกคัก เช่นเดียวกับที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ในตอนกลางคืนจะมีการประดับโคมไฟมังกรอย่างสว่างไสวสวยงาม

2

น้องๆ ชาวภูเก็ตออกมาร่วมขบวนแห่ม้าทรง (แห่พระ) จากศาลเจ้าต่างๆ กันอย่างสนุกสนานเอิกเริก

 

3

สาวน้อยหน้าใสในขบวนแห่ม้าทรงไปรอบเมืองภูเก็ต ดูไว้เลย กินเจแล้วหน้าใสแบบนี้ล่ะ

 

4

สาวภูเก็ตน่ารักๆ อีกคน ยืนรอรับขบวนแห่ม้าทรง ซึ่งจัดสลับสับเปลี่ยนกันตลอดสิบวันของเทศกาลถือศีลกินผัก

 ศูนย์กลางของเทศกาลถือศีลกินผักภูเก็ตอยู่ที่ศาลเจ้าน้อยใหญ่ทั่วเกาะ ที่มีทั้งโรงทาน การสักการะบูชา และเป็นจุดเริ่มต้นของการเชิญเจ้ามาประทับทรงยังร่างทรง ที่เรียกันว่า “ม้าทรง” หรือ “พระ” อันเป็นตัวแทนของเทพ หรือพระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ ผู้ลงมาโปรดสัตว์ให้อยู่สงบร่มเย็นในช่วงนี้ ทว่าก็มีเทพเจ้าปางดุหลายองค์ที่เมื่อประทับทรงแล้ว ก็จะใช้เหล็กแหลมเสียบแทงตามร่างกาย สร้างความหวาดเสียว เป็นอีกมุมอีกภาพหนึ่งของงานเทศกาลถือศีลกินผัก ในเชิงอิทธฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ซึ่งเราต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ แต่ก็ต้องไม่ลืมหัวใจของเทศกาลนี้ นั่นคือการทำกายใจให้บริสุทธิ์ เคร่งอยู่ในศีลในธรรมตลอดเวลา ทว่าใครที่ไม่สามารถถือศีลกินเจได้ครบทั้ง 9 วัน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถทำได้ตามความสะดวก แค่มีเจตนาบริสุทธิ์ก็ได้บุญกุศลล้นเหลือแล้วล่ะ

5

ม้าทรง หรือพระ ที่ประทับทรงเทพองค์ต่างๆ กำลังให้พรกับผู้ศรัทธาที่มารอขบวนแห่กันแต่เช้า

 

6

เมื่อม้าทรงมีองค์เทพลงประทับแล้ว ก็จะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง และสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งๆ ที่ปกติพูดภาษาจีนไม่ได้เลย!

คุณประเสริฐ ฟักทองผล ประธานชมรมอ๊ามภูเก็ต (อ๊าม แปลว่า “ศาลเจ้า”) ได้ให้ความรู้ว่า นอกจากงานเทศกาลถือศีลกินผักจะจัดขึ้นเพื่อเอาบุญแล้ว ยังเป็นการสานความสามัคคีของคนภูเก็ต ทั้งเอกชน และภาครัฐ ที่มาร่วมจับมือกันจัดงานนี้ทุกปี ที่พิเศษสุดๆ คือ ปี 2557 นี้ จะมีเดือน 9 ถึง 2 ครั้ง ซึ่งนับว่าหาได้ยากยิ่งในช่วงชีวิตของคนๆ หนึ่ง โดยครั้งแรกตรงกับวันที่ 24 กันยายน-2 ตุลาคม 2557 และครั้งที่ 2 ตรงกับวันที่ 24 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2557 จึงนับว่าเป็นปีมหามงคล ที่เราสามารถร่วมบุญ งดเว้นการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ได้อย่างเต็มที่ เพราะกว่าจะมีเดือน 9 สองหนแบบนี้ต้องรอนานมาก โดยก่อนหน้านี้มีเมื่อ 182 ปีที่แล้ว และครั้งต่อไปต้องรออีก 95 ปีข้างหน้าโน่นเลย! ปีนี้เกาะภูเก็ตจึงจัดงานครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ส่วนครั้งที่สองจะจัดกันเฉพาะในอ๊าม (ศาลเจ้า) ไม่ได้มีขบวนแห่ยิ่งใหญ่ แต่เน้นไปที่การถือศีลปฏิบัติธรรม มาร่วมกินเจกันที่อ๊ามมากกว่า

7

เทพบางองค์ที่มาลงประทับในร่างม้าทรง ก็เป็นเทพเด็ก หรือเทพหญิงสาว จึงต้องหาม้าทรงที่มีความเหมาะสมกัน

อ๊ามใหญ่ๆ ของภูเก็ตมีอยู่นับสิบแห่ง ล้วนสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาและทุนทรัพย์ของผู้คนบนเกาะ อาทิ ศาลเจ้ากะทู้ (ศาลเจ้าแห่งแรกที่จัดให้มีงานเทศกาลถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ต), ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง, ศาลเจ้าบางเหนียว, ศาลเจ้าบ้านท่าเรือ, ศาลเจ้าสามกอง, ศาลเจ้าสะปำ, ศาลเจ้าชุ่ยบุ่นต๋อง, ศาลเจ้าเจ่งอ๋อง และศาลเจ้าบ้านดอน เป็นต้น ประวัติการเริ่มต้นงานเทศกาลถือศีลกินผักที่ศาลเจ้ากะทู้เมื่อ 200 ปีก่อน เล่าสืบต่อกันมาว่า ในยุคนั้นบริเวณอำเภอกะทู้เรียกว่า ไล่ทู หรือ ในทู เป็นย่านทำเหมืองแร่ดีบุกที่เฟื่องฟูมาก เต็มไปด้วยร้านค้าและบ้านเรือนนับร้อยหลัง มีการว่าจ้างคณะงิ้วจากเมืองจีนให้มาเล่นประจำที่ศาลเจ้านี้ทั้งปี ทว่าต่อมาเกิดโรคระบาดขึ้น หัวหน้าคณะงิ้วจึงนึกขึ้นได้ว่าอาจเป็นเพราะตนลืมทำพิธีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ซึ่งตนเคยปฏิบัติเป็นประจำทุกปีที่เมืองจีน หลังจากมีการจัดพิธีนี้แล้ว โรคระบาดก็ลดน้อยจนหายไปหมดสิ้น! เป็นที่อัศจรรย์ จึงมีการจัดงานเทศกาลถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ตสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

8

ม้าทรงในชุดเต็มยศ แบบนี้หาดูได้เพียงปีละครั้งในช่วงปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม และมีให้ชมเพียงที่เดียวที่ภูเก็ต

 

9

ในช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก ศาลเจ้าทั่วเกาะภูเก็ตจะได้รับการประดับประดาให้สวยงามเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม การจะเข้าร่วมถือศีลกินผักให้สมบูรณ์ มิใช่อยู่ที่การสวมชุดขาวเพียงอย่างเดียว เขามีหลักปฏิบัติอันเคร่งครัด 10 ข้อ คือ ห้ามฆ่าสัตว์และบริโภคเนื้อสัตว์, ห้ามกล่าวเท็จ, ห้ามเล่นการพนัน, ห้ามดื่มสุราและของมึนเมา, ห้ามลักขโมย, ห้ามีเพศสัมพันธ์, ห้ามสวมใส่เครื่องประดับและเครื่องหนัง, ควรสวมชุดขาว, ผู้ที่อยู่ระหว่างไว้ทุกข์ หญิงมีครรภ์ หญิงมีประจำเดือน ไม่ควรร่วมพิธีกรรมใดๆ และประการสุดท้ายคือ ให้ทำความสะอาดเครื่องครัว และแยกเครื่องใช้คนละส่วนกับคนที่ไม่ได้ถือศีลกินผักด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่ง 3 อย่างคือ กินผัก สวดมนต์ถือศีล และอยู่ในอาการสงบนิ่ง

งานเทศกาลถือศีลกินผักที่สมบูรณ์ประกอบด้วยพิธีต่างๆ มากมาย สุดแล้วแต่ว่าใครจะมีเวลาพอ เข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ เขาไม่บังคับกัน เริ่มตั้งแต่พิธีป้างกุ้น (พิธีเชิญเทพทหารเพื่อรักษาปริมณฑลงาน), พิธีโข้กุ้น (พิธีเลี้ยงอาหารเทพทหารที่รักษาบริเวณงานกินผัก), พิธีส่งเก๊ง (พิธีสวดมนต์), พิธีป่ายชิดแช (พิธีบูชาดาว), การเล่นประทัดเพื่อต้อนรับขบวนแห่, พิธีอิ้วเก้ง (พิธีแห่พระ), พิธีโก้ยโห้ย (พิธีลุยไฟ), พิธีโก้ยห่าน (พิธีสะเดาะเคราะห์) และพิธีส่งพระในวันสุดท้าย โดยถือว่าช่วง 3 วันสุดท้ายของงาน จะจัดกันอย่างยิ่งใหญ่คึกคักที่สุด ขบวนแห่ของศาลเจ้าใหญ่ๆ ก็จะแห่รอบเมืองกันในช่วงท้ายๆ นี่เอง บางขบวนแห่กันตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเที่ยงเพิ่งจะสุดขบวน! มีการจุดประทัดรับเทพกันเป็นล้านๆ นัด เสียงดังกึกก้องควันตลบฟุ้งไปทั่วตัวเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยพิธีลุยไฟ ปีนบันไดมีด เคล้าเสียงกลองจีนรัวไม่หยุด

 

10

ตลอดสิบวันในช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก จะมีขบวนแห่จากศาลเจ้าต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกเดินไปรอบเมือง

 

11

เมื่อได้ยินเสียงกลองโหมระทึก และแลเห็นธงทิวสีสันสดใสแบบนี้มาแต่ไกล ก็เป็นสัญญาณว่าขบวนแห่ม้าทรงจากศาลเจ้าต่างๆ ได้มาถึงแล้ว

 

12

เมื่อเจ้าประทับทรงองค์ในร่างม้าทรงแล้ว ก็จะถูกพี่เลี้ยงแต่งองค์ทรงเครื่องให้ จากนั้นท่านก็จะเดินลงมาโปรดลูกศิษย์ที่เกี้ยวซึ่งจะเดินแห่กันต่อไป

 

13

ม้าทรงของเทพแต่ละองค์จะมีพฤติกรรมต่างกันไป บางองค์เต้นเหมือนลิง บางองค์เดินเหมือนคนแก่ แต่องค์นี้เหมือนจะเต้นรำไปมา

 

14

ขณะขบวนแห่พระ (แห้ม้าทรง) เริ่มออกจากศาลเจ้า จะมีการจุดประทัดเป็นพันๆ นัด เพื่อเป็นสัญญาณ ขอบอกว่ากว่าจะได้ภาพนี้มาหูดับไปเลย! แถมสะเก็ดประทัดยังปลิดว่อนไปทั่ว ต้องคอยระวังให้ดีด้วย

 

15

สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนอยากมาชมขบวนแห่ในเทศกาลถือศีลกินผัก ภูเก็ต ก็เพราะอยากมาชมม้าทรง อย่างท่านนี้ใช้เข็มฉีดยาหลายร้อยอันแทงตัวเอง ประดับให้เหมือนหนวดเคราของคนแก่ ซึ่งก็คือองค์เทพที่ลงมาประทับทรงนั่นเอง

 

16

มีคนบอกว่า ถ้าม้าทรงคนใดมีดวงตาเหลือกมองขึ้นไปด้านบนแบบนี้ แสดงว่าเป็นของจริง ตัวจริง เหมือนกับเขากำลังสื่อสารกับเทพบนสวรรค์อยู่!

 

17

ม้าทรงในสภาวะจิตว่าง ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่เป็นตัวของตัวเอง ภาพหวาดเสียวแบบนี้คงทำให้หลายคนทนดูไม่ได้ แต่ก็เป็นอีกแง่ของความศรัทธา และความเชื่อ ส่วนหนึ่งของเทศกาลถือศีลกินผัก

 

18

ศาลเจ้าต่างๆ ในเกาะภูเก็ต ต่างก็มีความศรัทธา ความเชื่อ ในเทพเจ้าหรือเซียนองค์ต่างๆ กันไป

 

19

แสงสีสดใสในยามค่ำคืน บริเวณวงเวียนหอนาฬิกากลางเมืองภูเก็ต กลายเป็นจุดนับพบของหนุ่มสาวนับร้อย ที่ออกมาเก็บเกี่ยวช่วงเวลาอันน่าจดจำ ของเทศกาลถือศีลกินผัก 2014

 

20

ปีนี้ทางเทศบาลจังหวัดภูเก็ต ได้เนรมิตวงเวียนหอนาฬิกากลางเมือง ให้กลายเป็นลานแสดงโคมไฟมังกร สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

 

21

เห็นโคมไฟจีนแบบนี้ อย่าเข้าใจผิดคิดว่ากำลังอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่นะ ที่แท้คือเกาะภูเก็ต แหล่งของชาวจีนฮกเกี๊ยนนี่เอง

 

22

ผู้คนมากมายพากันมารวมตัวที่วงเวียนหอนาฬิกา เพื่อชมแสงสีของโคมไฟตุ๊กตาจีนน่ารักๆ

 

24

 ในช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก เมืองภูเก็ตจะดูมีสีสันมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการประดับประดาแสงสีหลากหลายในยามราตรี คนที่ชอบถ่ายภาพไม่ควรพลาดนะจ๊ะ

 

25

 รับรองว่าช่วงเทศกาลถือศีลกินผักที่ภูเก็ตทุกปี จะมีเมนูอาหารเจ อาหารสุขภาพ ที่ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไว้คอยให้ชิมกันจนละลานตา

 

ดูขบวนแห่เหนื่อยแล้ว ก็แวะพักเข้าไปหาอาหารเจอร่อยๆ ชิมกัน ช่วงนี้หาง่าย มีขายกันทั้งเมือง โดยเฉพาะที่ถนนเส้นด้านหลังศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย จะจัดเป็นถนนอาหารเจยาวเหยียดกว่าครึ่งกิโลเมตร หรือจะเข้าไปนั่งในห้องแอร์เย็นฉ่ำ สั่งอาหารเจแสนอร่อยมาชิม ภูเก็ตเขาก็มีหลายร้าน อย่างร้านดอกบัว รับรองว่าบรรยากาศชิลมาก ช่วยให้การถือศีลกินผักของเราง่าย สะดวก และน่าประทับใจไปอีกนานแสนนาน

26

 ร้านน้อยใหญ่ในภูเก็ต ต่างแข่งกันปรุงอาหารเจอย่างสุดฝีมือ เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการทำกายใจให้บริสุทธิ์

 

27

 เดินไปแถวด้านหลังศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย จะมีถนนคนเดินสายอาหารเจ เปิดขายกันตลอดวันตลอดคืน ไม่ต้องกลัวจะอดหรือหิวเลย

 

28

 ลูกค้าเนืองแน่น ดาหน้ากันเข้ามาชิมอาหารเจอร่อยๆ ตลอดสิบวันของช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก 2014

Special Thanks : ขอขอบคุณ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ททท. สำนักงานภูเก็ต สนับสนุนการเดินทางทริปนี้เป็นอย่างดี

Traveler’s Guide

When to go : เกาะภูเก็ต จัดงานเทศกาลกินเจเป็นประจำทุกปี ช่วงปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคม รวม 10 วัน กำหนดการที่แน่นนอนในแต่ละปี โทรสอบถามที่ ททท. สำนักงานภูเก็ต ได้

How to go : สะดวกรวดเร็วสุด แนะนำให้บินตรงกรุงเทพฯ-ภูเก็ต มีบริการทุกวัน เช่น สายการบิน Thai Smile (www.thaismileair.com) และ Airasia (www.airasia.com) ฯลฯ

Where to stay : แนะนำ โรงแรม The Metropole โทร. 0-7621-4020-9 เว็บไซต์ www.metropolephuket.com เพราะโรงแรมนี้ตั้งอยู่ติดกับวงเวียนหอนาฬิกากลางเมืองภูเก็ต ซึ่งขบวนแห่ของศาลเจ้าต่างๆ จะผ่าน

What to eat : แนะนำ ร้านอาหารเจอร่อยๆ ในภูเก็ต เช่น ร้านดอกบัว ถนนหงษ์หยกอุทิศ โทร. 0-7635-5246 / ร้านอาหารเจร่วมใจ ถนนระนอง โทร. 0-7622-2821 / ร้านอาหารเจเหอซั่น ถนนระนอง โทร. 0-7625-6611 / ร้านโยโภชนา ถนนเยาวราช โทร. 08-4063-7051

More info : ททท. สำนักงานภูเก็ต โทร. 0-7621-2213, 0-7621-1036, 0-7621-7138

เที่ยวภูเก็ต ไข่มุกอันดามัน สวรรค์แห่งท้องทะเล

ภูเก็ต (หรือที่แต่เดิมเรียกกันว่า “ภูเก็จ”) คือเกาะใหญ่แห่งทะเลอันดามัน ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นจากธุรกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต จวบจนวันนี้ ภูเก็ตได้ก้าวขึ้นมาเป็นเมืองหลงแห่งการท่องเที่ยวของภาคใต้ อาบอิ่มด้วยมนต์เสน่ห์ของหาดทราย สายลม และท้องฟ้าสีคราม ใครเหนื่อยล้าเครียดกับความสับสนของเมืองใหญ่ ลองไปภูเก็ตสักครั้งแล้วคุณจะหลงรัก โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน หรือฤดูเปิดการท่องเที่ยวอันดามัน ท้องทะเลภูเก็ตจะสวยแจ่มจี๊ดจ๊าดที่สุด ได้เวลาเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันแล้วพวกเรา เฮ…

3-620x412

ภูเก็ตวันนี้ยังมีมุมสวยๆ สงบๆ ไว้ให้หลบไปพักร้อนนอนเล่น ฟังเสียงคลื่นเคล้าคลอหาดทรายใต้ฟ้าใสๆ

4-620x412

จะอดใจไหวได้ไงกับน้ำทะเลใสๆ ที่ภูเก็ต ยิ่งเป็นช่วงฤดู High Season เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ด้วยแล้ว ยิ่งใสปิ๊งน่าเล่นแบบนี้ล่ะ

5-620x413

ภูเก็ตวันนี้หลังการจัดระเบียบหาดใหม่ ไม่มีร่มชายหาดเป็นหมื่นๆ อัน ปิดบังความงามของผืนทรายสวยอีกแล้ว

6-620x405

หาดป่าตองวันนี้หลังการจัดระเบียบใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสผืนทราย สายลม แสงแดด และเกลียวคลื่นอย่างเต็มที่ ไม่มีร่มรกๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

7-620x406

น้ำทะเลใสๆ กับวันสวยๆ อันน่าจดจำที่หาดป่าตอง

8-620x412

เรือลากร่มเหินเวหาน่าสนุก ที่หาดป่าตอง

9-620x413

หาดป่าตองวันนี้ หลังจากการจัดระเบียบใหม่ ดูโล่งสะอาดตาเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน เอ… จะอยู่ในสภาพนี้ได้นานแค่ไหนกันนะ?

10-620x425

บรรยากาศเหงาๆ กับอาทิตย์อัสดงที่แหลมพรหมเทพ จุดชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดบนเกาะภูเก็ต

11-620x413

แสงสุดท้ายของวัน ยามอาทิตย์ลาลับลงจูลผืนทะเล ที่แหลมพรหมเทพ

Colonial-Building-2-ong-620x415

เสน่ห์ Phuket Old Town ยามค่ำคืน

12-620x412

ย่าน Phuket Old Town คือศูนย์กลางของชุมชนคนค้าขาย และธุรกิจทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต ซึ่งวันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นย่าน Downtown ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

13-620x413

Phuket Old Town ในยามค่ำ มีการประดับแสงสีเพิ่มชีวิตชีวา น่าเดินเที่ยวถ่ายภาพกันแบบชิลชิล

14-620x930

Phuket Old Town กับมุมเก่าเล่าเรื่องอดีต ภายในตึกแบบ Chino-European แบบยุโรปผสมจีนอันมีเอกลักษณ์

15-620x413

Phuket Old Town วันนี้เต็มไปด้วยสีสันจังหวะของชีวิต เพราะร้านรวงต่างๆ เต็มไปด้วยลูกค้า ผู้กลับมาแสวงหาบรรยากาศเมืองเก่าของอันดามัน

16-620x932

เชิญชิมกันเลยครับ อาหารทะเลรสเลิศของภูเก็ตไม่เคยทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

17-620x412

กุ้งล็อบสเตอร์ยักษ์ของภูเก็ต มีชื่อเสียงก้องโลก มาถึงทั้งทีต้องห้ามพลาดชิม โดยเฉพาะในงานเทศกาลอาหารทะเล Phuket Food Fiesta

18-620x413

ภูเก็ตได้ชื่อว่ามีสปาที่ดีที่สุดในประเทศอยู่หลายแห่ง หลังจากเล่นน้ำทะเล และเดินเที่ยวชม Phuket Old Town เสร็จแล้ว ก็ได้เวลามานอนทำสปา อาบน้ำแร่แช่น้ำนมกัน

19-620x412

บรรยากาศแสนโรแมนติกที่แหลมพรหมเทพในยามอาทิตย์อัสดง แอบอิจฉาคู่นี้จนตาร้อนผ่าวๆ!

20-620x412

 พระอาทิต์ตกที่แหลมพรหมเทพ กับช่วงเวลาสุขใจน่าจดจำของสามสาว วันหน้าขอกลับมาเที่ยวภูเก็ตอีกแน่นอนจ้า