เกาะจำ Ocean Beach Resort กระบี่ ความทรงจำดีๆ ที่น่าจดจำ

‘เกาะจำ’ เกาะที่ใครหลายคนหลงรักเมื่อได้สัมผัส และจากไปพร้อมกับ ‘ความทรงจำดีๆ’ ที่มีต่อธรรมชาติ หาดทราย ท้องทะเล และรอยยิ้มของผู้คน ด้วยว่าเกาะจำคือดินแดนอันพิสุทธิ์ เป็นส่วนตัว ยังคงความอุดมของธรรมชาติทั้งบนบกและในท้องทะเล

กว่า 500 ปีมาแล้ว ที่ชาวเลอูรักลาโว้ยกลุ่มแรกได้เดินทางโดยเรือลำน้อย มาตั้งรกรากอยู่บริเวณหัวเกาะจำ พวกเขาใช้ชีวิตเรียบง่าย ผูกพันอยู่กับเกลียวคลื่น หมู่ปลา และการขึ้นลงของกระแสน้ำในแถบนี้ ในเวลาต่อมาชุมชนค่อยๆ ขยายตัวไปสู่บ้านติงไหร และบ้านเกาะปูที่อยู่ไกลออกไป ทำให้เกาะจำคึกคักมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น กระทั่งต่อมา ชาวมาเลเซียและชาวจีนที่โล้สำเภาเข้ามาค้าขาย ก็ได้ตั้งรกรากลงบนเกาะจำเช่นกัน เกิดเป็นความหลากหลายของชาติพันธุ์ อันเป็นเสน่ห์ของเกาะจำมาจวบทุกวันนี้

แม้ว่าเกาะจำจะมิใช่หมุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดกระบี่ ทว่านี่คือข้อดี ที่ช่วยเก็บรักษาความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของผู้คนบนเกาะจำไว้ได้อย่างงดงาม ทุกวันนี้เรายังสามารถเข้าไปสัมผัสหาดทรายอันเงียบสงบ ปราศจากความวุ่นวาย ไร้ความอึกทึก เกาะจำจึงกลายเป็นหมุดหมายแห่งการมาพักผ่อน และช๊าตพลังชีวิตของเราอย่างแท้จริง ไม่ต่างจาก

สวรรค์ส่วนตัวที่แอบซ่อนอยู่ในหมู่เกาะทะเลกระบี่

การเดินทางสู่เกาะจำนั้นแสนง่ายดาย ถ้าไม่ซื้อแพ็กเกจทัวร์ของรีสอร์ทต่างๆ ก็สามารถเดินทางเอง

คือเมื่อลงเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติกระบี่แล้ว สามารถต่อรถแท็กซี่จากสนามบิน ระยะทาง 25 กิโลเมตร สู่ท่าเรือแหลมกรวด อ.เหนือคลอง เพื่อลงเรือเมล์โดยสารที่มีบริการเกือบตลอดวัน (ค่าโดยสาร คนไทย 50 บาท / ชาวต่างชาติ 100 บาท) สู่เกาะจำที่ท่าเรือมูตู จากนั้นสามารถเหมารถสองแถวที่ท่าเรือไปยัง
หนึ่งในรีสอร์ทสวยที่สุดและกลมกลืนกับธรรมชาติที่สุดบนเกาะจำ ตั้งอยู่บนหาดติงไหร ‘เกาะจำ โอเชี่ยน บีช รีสอร์ท’ (Koh Jum Ocean Beach Resort) รีสอร์ทสวยที่สร้างกลมกลืนอยู่กับธรรมชาติ สายลม แสงแดด เกลียวคลื่น และความสงบงามของเกาะจำ ที่ยังคงบริสุทธิ์เหลือเกินบ้านพักของ Koh Jum Ocean Beach Resort มี 5 แบบ แต่ละแบบสร้างกลมกลืนกับแมกไม้ชายเขาและหาดทราย โดยเฉพาะบ้านเรือ (Boat House) 2 หลัง ที่เหมาะจะไปฮันนีมูนกันสุดๆต้นไทรใหญ่อายุกว่า 300 ปี ที่แผ่กิ่งก้านอยู่ภายในรีสอร์ท ถือเป็น Landmark สำคัญ และเป็นเหมือนจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ ที่ช่วยปกปักรักษาผู้คนที่นี่ให้อยู่รอดปลอดภัย

บ้านพัก 5 แบบ ของที่นี่ ประกอบด้วย Ocean View Superior Cottage,  Ocean View Deluxe Cottage, Ocean View Honeymoon Villa, Beach Front Boat House และ Beach Front Family 

ภายในบ้านพักแต่ละหลัง ใช้โทนสีอบอุ่นเป็นหลัก เพิ่มบรรยากาศให้น่าพัก อีกทั้งใช้วัสดุที่แลกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ ห้องฮันนีมูน ก็ต้องมีอะไรเก๋ๆ หวานๆ แบบนี้ประดับตกแต่งเมื่ออาทิตย์ลาลับ ราตรีค่อยๆ คืบคลานเช้ามา Koh Jum Ocean Beach Resort ก็สว่างไสวสวยงามด้วยแสงไฟมลังเมลือง เพิ่มเติมชีวิตชีวาให้กับผู้เข้าพักนอกจากทะเลจริงที่เราสามารถไปดำผุดดำว่ายได้แล้ว ที่นี่ยังมี สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ให้ได้สนุกกันทั้งครอบครัวด้วยนั่งเล่นปล่อยอารมณ์พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้ว ที่สระว่ายน้ำของ Koh Jum Ocean Beach Resortนั่งเล่นบนชิงช้าหน้าหาด คือความสุขเล็กๆ อย่างหนึ่งที่ค้นพบ ณ Koh Jum Ocean Beach ResortOcean Spa พักผ่อนนอนนวดไทย ได้ฟังเสียงคลื่นไปด้วย น่าอิจฉาจริงๆ หาดติงไหร ด้านหน้า Koh Jum Ocean Beach Resort คือหนึ่งในจุดชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดบนเกาะจำ มาพักที่ Koh Jum Ocean Beach Resort ไม่มีคำว่าน่าเบื่อแน่นอน เพราะตอนกลางวันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งการพายเรือคายัค, แพดเดิล บอร์ด, เดินป่าขึ้นจุดชมวิวบนยอดเขา, นั่งเรือสปีตโบ๊ทออกไปดำน้ำตื้นกันที่เกาะไผ่ เกาะยูง และหมู่เกาะพีพี แบบ One Day หรือ Half Day Trip เกาะไผ่ เป็นจุดดำน้ำที่ยังมีปะการังและฝูงปลานานาชนิดให้ชม
เที่ยวเกาะพีพีดอน
แวะไปจอดเรือชมอ่าวมาหยาจากด้านหน้าลิบๆ เพราะตอนนี้ยังปิดให้ธรรมชาติฟื้นตัว แบบไม่มีกำหนดหลังจากออกไปดำน้ำเล่นเที่ยวเกาะกันมาท้ังวัน ยามเย็นก็กลับสู่ Koh Jum Ocean Beach Resort อีกครั้ง นั่งชิลริมหาด พร้อมเครื่องดื่มที่โปรดปราน Dinner พร้อมเพื่อนๆ และคนรู้ใจ อิ่มอร่อยกับ Seafood จัดเต็ม ทั้งกั้ง กุ้ง ปูม้า หมึก ปลา และหอยชักตีน ที่ถือเป็น Signature Cuisine ของจังหวัดกระบี่กั้งตัวใหญ่ๆ จับกันมาสดๆ โดยชาวประมงพื้นบ้านที่รอบๆ เกาะจำนี่เองปูม้าตัวเขื่อง เนื้อแน่นอย่าบอกใครหอยชักตีนตัวใหญ่มาก เกาะจำยังมีให้ชิมเพียบเกาะจำเป็นแหล่งที่ยังคงพบกุ้งมังกรได้เสมอ เพราะท้องทะเลที่นี่อุดมสมบูรณ์ มีเพียงการประมงขนาดเล็ก ของชาวประมงชายฝั่งที่จับขายแบบพอเพียงเกาะจำถือเป็นบ้านของกั้งทะเลหลายชนิด ทั้งกั้งกระดาน, กั้งตั๊กแตน, กั้งนางฟ้า, กั้งลายเสือ ฯลฯ แต่อาจจะไม่ได้จับกันทุกวัน ถ้าอยากกินต้องสั่งชาวบ้านล่วงหน้าวิถีชีวิตของชาวบ้านบนเกาะจำ ยังกินอยู่อย่างเรียบง่ายพอเพียงจริงๆ และอิงอยู่กับทรัพยากรทางทะเลเป็นหลัก เกาะจำเป็นสังคมแบบพหุวัฒนธรรม คือมีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบมาหลายชั่วอายุคน ทั้งชาวเล ชาวไทยจีน ชาวไทยมุสลิม แลชาวไทยพุทธ ป่าชายเลนของเกาะจำยังอุดมสมบูรณ์มาก จึงกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ และอนุบาลสัตว์ทะเลตามธรรมชาติ ซึ่งจะเติบโตไปเป็นกุ้งหอยปูปลาให้จับขายจับกินได้ไม่มีวันหมด ศาลเจ้าพ่อโต๊ะบุหรง เป็นศูนย์รวมจิตใจผู้คนบนเกาะจำมาเนิ่นนาน เพราะเป็นเสมือนผู้ปกปักรักษาผู้คนให้สงบสุขคิดจะเที่ยวกระบี่ครั้งต่อไป ถ้าไม่อยากไปแออัดอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวเดิมๆ ต้องไม่ลืมนึกถึง ‘เกาะจำ’ ความทรงจำดีๆ ที่มีให้เราเสมอสนใจติดต่อ Koh Jum Ocean Beach Resort เกาะจำ จ.กระบี่ โทร. 06-3079-0944 / www.kohjumoceanbeachresort.com / 

info@kohjumoceanbeachresort.com

12 ที่เที่ยวผจญภัย มุมมองใหม่ใน ‘สตูล’

1. ถ้ำเลสเตโกดอน อ.ทุ่งหว้า ‘ถ้ำลอดทะเลยาวที่สุดในเมืองไทย’ ความภูมิใจของ Geo Park สตูล

แหล่งท่องเที่ยวสุดตื่นเต้น กับการพายเรือคายัคในถ้ำลอดทะเลยาวที่สุดในเมืองไทย กว่า 4 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ถ้ำนี้เดิมชื่อถ้ำวังกล้วย มีการค้นพบฟันกรามของช้างสเตโกดอนโบราณ อายุกว่า 1.8 ล้านปี รวมถึงกระดูกบรรพบุรุษแรดและหมึกโบราณด้วย ภายในถ้ำเป็นปล่องให้เราพายเรือคายัคเข้าไปชมหินงอก หินย้อย เสาหิน บางจุดเป็นม่านหินย้อย (Flow Stone) ที่มีเกล็ดผลึกแร่แคลไซต์และซิลิก้า สะท้อนแสงไฟฉายของเราเป็นประกายระยิบระยับ ภายในถ้ำนี้ไม่ร้อนและไม่อับชื้น เพราะมีลมอ่อนๆ พัดผ่านอยู่เกือบตลอดเวลา (สนใจ ติดต่อล่วงหน้า โทร. 08-4858-5100 เพราะรับนักท่องเที่ยวแค่ 200 คน/วัน) 
2. ปราสาทหินพันยอด เกาะเขาใหญ่ อำเภอละงู ‘เวิ้ง Lagoon หินปูนมหัศจรรย์ในท้องทะเล’

เกาะเขาใหญ่ เป็นเกาะหินปูนกลางทะเลในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา นั่งเรือสปีตโบ๊ท ออกไปจากท่าเรือปากบาราเพียง 40 นาที เป็นที่ตั้งของ ‘ปราสาทหินพันยอด’ ซึ่งเป็นเกาะหินปูนสีเทายอดแหลมตะปุ่มตะป่ำเหมือนฟันเลื่อยอยู่กลางทะเล ส่วนฐานมีโพรงหินให้เราพายเรือคายัคลอดเข้าไปสู่ลากูนด้านใน จากนั้นสามารถเท่ียวต่อ โดยนั่งเรือหางยาวอ้อมไปอีกด้านของเกาะเขาใหญ่ สู่ ‘อ่าวฟอสซิล’ ซึ่งจะพบทั้งซากฟอสซิลนอร์ติลอยด์ (หมึกทะเลโบราณ) และไทรโลไบต์ (แมงดาทะเลโบราณ) ปรากฏอยู่บนหน้าผาหินอย่างชัดเจน แถมยังมีช่องหินรูปหัวใจให้เราถ่ายภาพคู่ด้วยอย่างเก๋ไก๋
3. สะพานข้ามกาลเวลา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา อำเภอละงู ‘ร่องรอยบนภูผาหิน และสุดยอดจุดชม Sunset’

บริเวณเขาโต๊ะหงายใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในเชิงธรณีให้ชม คือ ‘สะพานข้ามกาลเวลา’ ที่มีกิมมิกเก๋ไก๋ สร้างเป็นสะพานเดินเลียบทะเลยาวเหยียด ไปชมหน้าผาหินสองสี ของสองช่วงเวลาทางธรณีของโลก คือมีหินทรายสีแดงในยุคแคมเบรียน (อายุ 542-488 ล้านปี) แทรกสลับอยู่กับหินปูนสีเทายุคออร์โดวิเชียน (อายุ 488-444 ล้านปี) ชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก (สอบถามเพิ่มเติม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา โทร. 0-7474-0272)

4. ถ้ำภูผาเพชร อำเภอมะนัง ‘ถ้ำใหญ่อันดับ 4 ของโลก’

หนึ่งในถ้ำใหญ่และสวยงามที่สุดของไทย ปากทางเข้าอยู่ที่หมู่ 9 บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา ถ้ำนี้มีเนื้อที่ถึง 50 ไร่ แบ่งเป็นห้องใหญ่ๆ กว่า 20 ห้อง แค่มุดปากถ้ำเข้าไปเห็นโถงแรกถึงกับตะลึง เพราะเพดานถ้ำสูงกว่า 100 เมตร อลังการด้วยเสาหินปูนยักษ์ และหินงอกหินย้อยนับไม่ถ้วน ประวัติเล่าว่าค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2517 กระทั่งปี พ.ศ. 2541 มีการสำรวจพบกระดูกมนุษย์โบราณ และเศษภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ จึงสันนิษฐานกันว่า ถ้ำภูผาเพชรเคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว

            ไฮไลท์ในถ้ำภูผาเพชรมีอยู่เพียบ เช่น ‘ห้องโดมศิลาเพชร’ ที่ต้องหยุดยืนมองราวต้องมนต์สะกด เพราะหินงอกหินย้อยเมื่อต้องแสงไฟจะทอประกายระยิบจับตาจับใจ ถัดมาคือ ‘ห้องปะการัง’ มีหินงอกหินย้อยรูปทรงคล้ายปะการังใต้ทะเล ส่วน ‘ห้องผ้าม่าน’ ก็มีแผ่นหินแผ่เป็นริ้วคล้ายม่านผืนใหญ่ นอกจากนี้ยังมี ‘ห้องลานเพลิน’ เป็นลานหินกว้างคล้ายเวทีการแสดง และ ‘ห้องมรกต’ ก็มีโพรงขนาดยักษ์ เปิดทางให้เห็นป่าดิบภายนอก จนแสงแดดส่องเข้ามาสะท้อนกับตะไคร่และมอสจนกลายเป็นสีเขียวมรกตทั้งถ้ำ
5. ถ้ำเจ็ดคต อำเภอมะนัง ‘ความงามใต้พิภพ 400 ล้านปี’

เป็นถ้ำน้ำทะลุให้พายเรือคายัคลอดไปได้อย่างสนุกตื่นเต้น เริ่มต้นจากปากทางเข้าที่ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง ไปทะลุงที่ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู ระยะทางประมาณ 700 เมตร ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ถ้ำเจ็ดคตกว้าง 70-80 เมตร แบ่งเป็น 7 คูหา บางช่วงเพดานถ้ำสูงถึง 100-200 เมตร ลำคลองที่ไหลผ่านในถ้ำคือ คลองมะนัง มีน้ำไหลตลอดปี แต่ฤดูแล้งน้ำจะตื้นหน่อย แต่ก็ยังใสเย็นอยู่

6. ล่องแก่งวังสายทอง (คลองลำโลน) อำเภอละงู ‘ล่องแก่งผจญไพรในป่าดิบ’

คลองลำโลน หรือคลองวังสายทอง สามารถล่องแก่งได้ทั้งปี เป็นแก่งที่ไม่อันตราย เพราะกระแสน้ำแรงเพียงระดับ 1-3 เท่านั้น จึงล่องได้สนุกทั้งครอบครัว สองฟากฝั่งเป็นป่าดิบ มีแมกไม้พงไพรพืชพรรณนานาชนิดให้ชม  บางจุดมีหาดทรายเล็กๆ เป็นโป่งผีเสื้อด้วย น่ารักมากๆ การล่องแก่งนี้ระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง นับว่าคุ้มค่ากับการไปเยือนจริงๆ

7. หมู่บ้านชาวเซียมัง อำเภอละงู ‘ชนเผ่าแห่งพงไพรในคาบสมุทรภาคใต้’

ชาว ‘เซียมัง’ เป็นคนละเผ่ากับ ‘ซาไก’ เพราะชาวซาไกเป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในแหลมมลายูตอนล่างของมาเลเซีย (พบในรัฐเประ ปะหัง และสลังงอร์) มีผิวสีดำแดงคล้ำหรือเหลือง ตัวค่อนข้างสูง ผมขดไปมาเป็นลอนไม่หยิก ส่วนคนป่าเซียมัง มีถิ่นเดิมอยู่ในแอฟริกา ผิวดำเข้ม ตัวเตี้ย ริมฝีปากหนา ผมหยิกหย็องหรือขมวดกลมเป็นก้นหอย ปัจจุบันพบชาวเซียมังในไทยประมาณ 300 คน อาศัยหากินอยู่กลางป่าลึกในจังหวัดตรัง และสตูล การเข้าชมต้องให้ไกด์ท้องถิ่นในอำเภอละงูพาไปครับ 8. พิพิธภัณฑ์ Geo Park  อำเภอทุ่งหว้า ‘ย้อนรอยอดีตสัตว์โลกล้านปีในสตูล’

หลังจากจังหวัดสตูล ได้รับการประกาศให้เป็น ‘อุทยานธรณีโลก’ หรือ Geo Park โดยองค์การ UNESCO เมื่อปี พ.ศ. 2559 ครอบคลุม 4 อำเภอ คือ เมือง, ทุ่งหว้า, มะนัง, ละงู ก็ได้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์อุทยานธรณี อ.ทุ่งหว้า ขึ้น เพื่อให้ผู้สนใจได้รับทราบข้อมูลเชิงลึก ว่าในอดีตเมื่อหลายล้านปีก่อน สตูลมีสัตว์ทะเลและสัตว์โลกโบราณอะไรอยู่บ้าง (สนใจ ติดต่อ สำนักงานอุทยานธรณีสตูล อ.ทุ่งหว้า โทร. 06-3465-4924 www.satun-geopark.com) 9. ปันหยาบาติก อำเภอละงู ‘แรงบันดาลใจหัตถศิลป์จากธรรมชาติ’

หลังจากผจญภัยเที่ยวธรรมชาติ ย้อนอดีตหลายล้านปีในสตูลกันจนจุใจแล้ว ก็ได้เวลาช้อปปิ้งก่อนกลับบ้าน ที่ร้าน ‘ปันหยาบาติก‘ ซึ่งเขาใช้สีธรรมชาติ และคิดค้นลายสัตว์ทะเลโบราณมาพิมพ์ลงบนผ้า ให้เข้ากับคอนเซปต์การท่องเที่ยว Geo Park สตูล ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยกิจกรรม DIY ให้นักท่องเท่ียวได้ทดลองมัดย้อมผ้าด้วยตัวเองด้วย เก๋มากๆ (สนใจ โทร. 08-1093-4222, 08-6790-0993) 10. มุกอันดามัน อำเภอท่าแพ ‘เลอค่าไข่มุกแห่งทะเลใต้’

ทะเลสตูลเป็นน่านน้ำที่มีแร่ธาตุและแพลงก์ตอนอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งน้ำก็ยังสะอาด จึงเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยมุกพันธุ์ดี ซึ่งวันนี้ได้ยกระดับทั้งคุณภาพ ดีไซน์ และความสวยงาม ลองแวะชม และครอบครองเป็นเจ้าของกันได้ โดยเฉพาะคุณสาวๆ มีหลายแบบหลายราคาให้เลือกครับ (สนใจ โทร. 08-9735-0707, 08-3657-2165 )
11. ฉิม Melon อำเภอทุ่งหว้า ‘ความอร่อยที่ไม่กล้าปฏิเสธ’

สตูลวันนี้มีคนทำเกษตรแนวก้าวหน้า เชิง Agro-Tourism นำเมล่อนพันธุ์ดีจากญี่ปุ่นเข้ามาปลูก ขายทั้งผลสดเนื้อหวานฉ่ำ อีกทั้งมีแปรรูปเป็นแยม น้ำเมล่อน และไวน์เมล่อนเจ้าแรกในเมืองไทย สนใจแวะเที่ยวแวะชิม หรือซื้อกลับบ้านได้เลยจ้า หรือจะเข้ามาดูงานเป็นหมู่คณะก็ได้ (สนใจ โทร. 08-1839-8022) 12. ร้านวิสาหกิจชุมชนปากน้ำ ซีแอนด์ฟิชชิ่งทัวร์ อ่าวนุ่น อำเภอละงู ‘ชิมเนูระดับประเทศ ในคอนเซป์ Geo Park’

ชิมเมนูของหวานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ เพื่อตอบรับคอนเซปต์การท่องเที่ยวอุทยานธรณีสตูล (Satun Geo Park) คือ ‘ดาวล้อมเดือนสะเทือนไตรโลไบรท์’ ลักษณะคล้ายบัวลอยลูกใหญ่ เนื้อแป้งนุ่มเหนียว ไส้ในเป็นไข่แมงดาทะเลกรุบกรอบ หวานๆ ไม่เหม็นคาวแม้แต่น้อย ส่วนน้ำกะทิก็หอมชื่นใจ กินได้กินดี (สนใจ โทร. 08-1738-3219)

ขอบคุณ ททท. สำนักงานจังหวัดสตูล สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2595-7748

จากพุกามถึงย่างกุ้ง ย้อนรอยทุ่งพระเจดีย์ที่โลกตะลึง

แสงแรกของอรุณเบิกฟ้าส่องประกายสีทองอาบไล้ไปทั่วนภาและหมู่เมฆ พลันแสงทองมลังเมลืองค่อยๆ ทวีความเข้มข้นของรังสีแสง ฉานฉายไปตกต้องยอดเจดีย์สีทององค์มหึมา และเจดีย์น้อยใหญ่อีกกว่า 3,000 องค์ในทุ่งราบกว้างสุดลูกหูลูกตานั้น พุกาม เมืองโบราณที่ตั้งซ้อนทับอยู่ในห้วงเวลาปัจจุบัน พลันนำเราย้อนกลับสู่อดีตกาลได้อย่างอัศจรรย์sunrise เจดีย์ธรรมะยาสิกา 1 sunrise เจดีย์ธรรมะยาสิกา 2 sunrise เจดีย์ธรรมะยาสิกา 3 sunrise เจดีย์ธรรมะยาสิกา 4 sunset 1 sunset 2

            ถ้าสยามประเทศคือเมืองแห่งวัด กัมพูชาคือเมืองแห่งปราสาทหิน ก็แน่นอนว่า พุกาม’ (Bagan) ย่อมต้องเป็นเมืองแห่งเจดีย์อย่างแน่นอน สะท้อนว่าในยุคอดีตที่พุกามเคยเป็นเมืองหลวงของเมียนมาร์นั้น ดินแดนบนที่ราบกว้างใหญ่ห่างจากย่างกุ้งขึ้นมาทางทิศเหนือ 700 กิโลเมตรนี้ คือศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา อันรุ่งเรืองสุดขีด ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ ราชนิกุล ขุนนาง พ่อค้า ไปจนถึงปุถุชนธรรมดา ล้วนแข่งกันสร้าง ‘เจดีย์’ เพื่อใช้เป็นตัวแทนแห่งพุทธองค์ จนในยุคอดีตนั้นกล่าวกันว่ามีเจดีย์น้อยใหญ่อยู่กว่า 5,000 องค์!

เจดีย์ชเวสิกอง 1

เจดีย์ชเวสิกอง สถานที่แรกในพุกามที่ฉันไปเยือน คือ 1 ใน 5 มหาบูชาสถานของเมียนมาร์ ด้วยว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุสำคัญที่สุดในพุกาม ทั้งส่วนพระนลาฏ (หน้าผาก) และพระเขี้ยวแก้ว (พระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า) เจดีย์นี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเก่าพุกาม สร้างโดยพระเจ้าอนิรุทธ์ ทรงอธิษฐานให้ช้างเผือกที่มีพระเขี้ยวแก้วจากศรีลังกาอยู่บนหลังออกเดินเสี่ยงทาย ในที่สุดช้างมาหยุดอยู่ตรงนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ชเวสิกองขึ้นโดยใช้เจดีย์ชเวดากองเป็นต้นแบบ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังทองเรืองรองบนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกัน 3 ชั้น เจดีย์นี้ส่วนฐานตัน ไม่สามารถเข้าไปภายในฐานได้แบบเจดีย์วิหาร

เจดีย์ชเวสิกอง 2 เจดีย์ชเวสิกอง 3 เจดีย์ชเวสิกอง 4 เจดีย์ชเวสิกอง 5 เจดีย์ชเวสิกอง 6

เจดีย์สัพพัญญู หรือวัดถัดบินยู เป็นเจดีย์สูงที่สุดในพุกาม สูง 61 เมตร ทว่าได้รับความเสียหายหนักจากแผ่นดินไหว ค.ศ. 2016 จึงปิดบูรณะ ปัจจุบันยังไม่เปิดให้เดินขึ้นไปด้านบนได้ ภาพเก่าๆ ที่เราเห็นแสงยามเช้าตรู่ที่มีเจดีย์นับร้อยๆ องค์อยู่ในทุ่ง ส่วนมากก็ถ่ายภาพจากเจดีย์สัพพัญญูนี่เอง เจดีย์นี้มีความพิเศษมากเพราะสร้างขึ้นราวกลางศตวรรษที่ 12 ด้วยศิลปะแบบปาละอินเดีย ซึ่งในกาลต่อมาได้กลายเป็นแม่แบบของศิลปะพุกามเลยทีเดียว เจดีย์แบ่งสัดส่วนเป็น 5 ชั้น โดยชั้นล่างสุดก่อเป็นสี่เหลี่ยมคล้ายตึก ต่อด้วยชั้นลดหลั่นขึ้นไปสู่ปรางบนสุด นับเป็นเจดีย์ที่สวยสง่า และตั้งอยู่ใกล้กับเจดีย์อนันดาอันมีชื่อเสียงอีกองค์หนึ่งของพุกามเจดีย์ สัพพัญญูเจดีย์อนันดา ถือเป็นเจดีย์ที่งามเข้าขั้นเอกอุของพุกาม ยากจะหาเจดีย์ใดเปรียบได้ เพราะงามทั้งรูปทรง สมบูรณ์ด้วยหลักวิศวกรรมศาสตร์ และพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอย เป็นเจดีย์ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดองค์หนึ่ง ของพุกามก็ว่าได้ เพราะส่วนยอดนั้นฉาบไปด้วยทองคำแท้เหลืองอร่ามสุกปลั่งอย่างน่าตื่นตะลึง เจดีย์อนันดาเป็นเจดีย์วิหาร ภายในส่วนฐานจึงเข้าไปไหว้พระได้ โดยทั้งสี่ทิศมีพระพุทธรูปแกะสลักด้วยไม้ สูงกว่า 9.50 เมตรประจำทิศ ตำนานการสร้างนั้นเล่าว่า พระเจ้ากยันสิตถาเกิดนิมิตเห็นถ้ำในเทือกเขาหิมาลัย อันเป็นที่สถิตของพระอรหันต์และพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1091 เสร็จแล้วก็สั่งประหารช่างฝีมือทั้งหมด! เพื่อไม่ให้มีการสร้างเลียนแบบได้งามเท่า!

เจดีย์ อนันดา 1 เจดีย์ อนันดา 2เจดีย์สุลามณี แม้ปัจจุบันส่วนยอดจะหักพังลงมาจากแผ่นดินไหว ค.ศ. 2016 แต่เจดีย์สุลามณี ก็ยังคงความงามขั้นเอกอุ ด้วยการก่ออิฐที่กล่าวกันว่างดงามที่สุดแห่งหนึ่งในพุกาม เพราะพระเจ้านราสินธู ผู้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างทรงเข้มงวดกับการเรียงอิฐมาก ตัวเจดีย์วิหารนี้มีลักษณะคล้ายเจดีย์ติโลมินโล ส่วนปรางค์ยอดมีความคล้ายคลึงกับเจดีย์อนันดามาก ทว่ามิได้หุ้มทองคำไว้ ภายในงามล้ำด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครู พระพุทธรูปประจำทิศทั้งสี่งามเหลือกำลัง ถูกแสงภายนอกส่องเข้ามาตกต้องด้วยการจัดแสงผ่านซุ้มประตูโค้งอันชาญฉลาด จึงงามล้ำข้ามกาลเวลาเจดีย์ Sulamani 1 เจดีย์ Sulamani 2 เจดีย์ Sulamani 3 เจดีย์ Sulamani 4 เจดีย์ Sulamani 5 เจดีย์ Sulamani 6เจดีย์นันพญา เป็นเจดีย์ที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมาก เพราะพระเจ้าอโนรธา มหาราชองค์แรกของเมียนมาร์ เคยใช้เป็นที่จองจำเชลยศักดิ์คือพระเจ้ามนูหะกษัตริย์มอญที่กระด้างกระเดื่อง โดยระหว่างนั้นพระเจ้ามหูหะได้สร้างวิหารมนูหะขึ้นในบริเวณใกล้ๆ กัน เพื่อใช้ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งไว้ภายในวิหารเล็กจิ๋วจนแลคับแคบ ปัจจุบันเรียกกันว่า ‘พระเจ้าอึดอัด’ เพื่อใช้แทนภาวะที่พระองค์ต้องถูกคุมขังอยู่ และในส่วนของเจดีย์นันพญานั้น กล่าวกันว่าเป็นเจดีย์ที่มีการผสมผสานของพุทธศาสนาสกลุช่างพุกามและฮินดูเข้าด้วยกัน เพราะภายในมีฐานที่เคยใช้ประดิษฐานพระพุทธรูป ทว่าปัจจุบันเต็มไปด้วยลายหินจำหลักนูนต่ำแบบฮินดู นี่คือการเลื่อนไหลของวัฒนธรรมจากชมพูทวีป ผ่านพุกาม เข้าไปสู่เมืองขอม และสยามประเทศ

เจดีย์ Nanpaya 1 เจดีย์ Nanpaya 2 เจดีย์ Nanpaya 3เจดีย์ธัมมะยังจี เป็นหนึ่งในมหาเจดีย์ยิ่งใหญ่ที่สุดของพุกาม ซึ่งฝรั่งตะวันตกเห็นแล้วแตกตื่น เนื่องจากรูปทรงคล้ายพีระมิดของอียิปต์หรือพีระมิดของแม็กซิโกนั่นเอง! นอกจากนี้ยังถือเป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของพุกามด้วย ประวัติบันทึกว่าสร้างโดยพระเจ้านราสุ ที่ลอบฆ่าพระบิดาของตนเองเพื่อขึ้นครองราชย์ พระเจ้านราสุจึงสร้างเจดีย์ธัมมะยังจีเพื่อไถ่บาปตนเอง ให้เป็นมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่เทียบเจดีย์อนันดาและเจดีย์สัพพัญญู โดยทรงสั่งให้ช่างเรียงอิฐให้แน่นสนิทที่สุด เวลามาตรวจงานจะทรงใช้เข็มหมุดสอดเข้าไประหว่างช่องอิฐ ถ้าสอดเข็มได้ช่างคนนั้นจะถูกตัดแขน! หรือแม้แต่ซุ้มประตูโค้งต่างๆ ก็ยังใช้การเรียงอิฐที่ชิดสนิทแนบอย่างเหลือเชื่อ!เจดีย์ ธรรมะยังยี 1 เจดีย์ ธรรมะยังยี 2 เจดีย์ ธรรมะยังยี 3เจดีย์โลกะนันดา เป็นหนึ่งในเจดีย์เก่าแก่ที่สุดของพุกาม สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าอโนรธา ครั้งพระพุทธศาสนาในพุกามรุ่งเรืองสุดขีด ตัวเจดีย์สร้างเป็นทรงน้ำเต้าแบบพุกามสมัยนิยม เคลือบคลุมด้วยทองคำเหลืองอร่าม ที่สำคัญคือตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี ชาวเรือแต่โบราณล่องไปมา จึงแลเห็นเจดีย์โลกะนันดาตั้งเด่นดั่งหมายแดนสวรรค์ นอกจากจะได้มาเคารพพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิว นั่งพักผ่อน และมีแม่ค้านำกุ้งฝอยในแม่น้ำอิรวดีมาชุบแป้งทอดเป็นกุ้งแพขายอย่างอร่อยเจดีย์ Lawkananda 1 เจดีย์ Lawkananda 2ภูเขาโปป้า (Mt. Popa) มองเผินๆ ก็คือภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว อยู่ห่างจากพุกามไประยะรถวิ่ง 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าดูกันลึกๆ นี่คือมหาคีรีศักดิ์สิทธิ์แสนลึกลับ และคือที่สุดแห่งความเชื่อเรื่องผีสางของชาวเมียนมาร์เลยล่ะ! เพราะเมื่อหลายพันปีก่อนชาวพม่าไม่ได้นับถือพุทธศาสนา แต่นับถือผี หรือ ‘นัต’ ซึ่งก็คือวิญญาณของคนที่ตายร้ายหรือตายผิดธรรมชาติ แต่เป็นผีมีพลังกลับมาช่วยผู้คน ชาวเมียนมาร์จะทำอะไรจึงต้องไหว้นัตทุกครั้ง ต่อมาสมัยพระเจ้าพระเจ้าอโนรธา ทรงนำพุทธศาสนานิกายเถรวาทเข้าสู่พุกาม แต่คนก็ยังไม่เลิกกราบไหว้นัต พระองค์จึงทรงจัดระเบียบนัตใหม่ จากนัตเป็นร้อยๆ ที่เคยมี ทรงกำหนดให้เหลือแค่ 37 ตน แล้วนำไปสถิตไว้บนภูเขาโปป้า หรือ ‘มหาคีรีนัต’ ให้คนนับถือควบคู่กับพุทธศาสนา ปัจจุบันนี้ใครอยากไหว้นัตก็ต้องเดินขึ้นบันได 777 ขั้น สู่ยอดเขา ขอเตือนว่าลิงที่มีอยู่ตลอดทางเดินขึ้นลงเขานั้นน่ากลัวกว่านัต! เพราะพวกมันรอฉกของจากเราอยู่นะสิ!mt popa 1 mt popa 2.1 mt popa 2 mt popa 3 mt popa 4 mt popa 5

ฉันบินกลับจากพุกามสู่ ย่างกุ้ง ราวกับการพาตัวเองย้อนกลับจากอดีตสู่ปัจจุบันอย่างฉับพลัน กลิ่นอายของความทรงจำดีๆ ภาพของอิฐหินนับล้านก้อนที่ก่อรูปขึ้นเป็นเจดีย์พันๆ องค์ ยังคงตรึงอยู่ในใจฉัน แต่ก่อนกลับบ้านฉันมีเวลาอยู่ในย่างกุ้งอีก 1 วัน 1 คืน เพื่อ Say Hello กับอดีตเมืองหลวงของเมียนมาร์นี้ เพราะถ้าไม่ได้เที่ยวย่างกุ้ง ก็จะเหมือนฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย แล้วไม่ได้แวะ กทม.!

            ย่างกุ้ง (Yangon) หรือ หยั่นก่ง, ร่างกุ้ง (แล้วแต่จะออกเสียง) ในภาษาเมียนมาร์แปลว่า ‘ปราบศรัตรูจนราบคาบ’ หรือ ‘เมืองที่ไร้ศัตรู’ เป็นเมืองเก่ากว่า 2,500 ปี จึงมีเรื่องราวเล่าขานไม่รู้จบ แต่ในเมื่อมีเวลาแค่ 1 วัน ฉันจึงเลือกเที่ยวไฮไลท์ให้คุ้มค่าเวลาที่สุดย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากอง 1เจดีย์ชเวดากอง เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในเมียนมาร์ และถือเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานของเมียนมาร์ ด้วย โดยคำว่า ‘ชเว’ แปลว่า ‘ทองคำ’ และ ‘ดากอง’ หรือ ‘ตะเกิง’ ก็คือชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้งนั่งเอง เจดีย์ชเวดากองสร้างขึ้นเมื่อ 2,500 ปีก่อน โดยตปุสสะและภัลลิกะ วาณิชสองพี่น้องที่เข้าเฝ้าขอประทานพระเกศา 8 เส้นจากพุทธองค์ ทั้งสองจึงอัญเชิญมาบนเนินเขาเสนคุตตระ พระเจ้าโอกะลัปจึงทรงสร้างเจดีย์ครอบไว้ ตัวเจดีย์มีขนาดใหญ่โตโอฬารมาก หุ้มด้วยทองคำ 9,272 แผ่น ส่วนยอดประดับเพชร 4,531 เม็ด ทับทิม ไพลิน และบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด รวมทั้งระฆังทอง 1,065 ใบ พร้อมด้วยเพชรหนักถึง 72 กะรัต ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือบนยอดสุด ทุกวันนี้มีผู้ศรัทธาไปสักการะเนืองแน่นทุกวัน ย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากอง 2 ย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากอง 3 ย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากอง 4 ย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากอง 5เจดีย์โบตะทาว และเทพทันใจ ไม่ห่างจากแม่น้ำอิรวดีมากนัก คือที่ตั้งของเจดีย์โบตะทาว ซึ่งประดิษฐานพระเกศาของพระพุทธเจ้าเอาไว้ โดยเมื่อ 2,500 ปีก่อน เมื่อปุสสะและภัลลิกะได้นำพระเกศา 8 เส้น ของพระพุทธองค์มายังย่างกุ้งแล้ว ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่นี่เป็นจุดแรก โดยใช้ทหารถึง 1,000 นาย คอยอารักขา จากนั้นจึงแบ่งพระเกศา 1 เส้น บรรจุไว้ใน ‘เจดีย์โบตะทาว’ จึงแปลว่า ‘1,000’ คือทหารทั้งหนึ่งพันนายที่ปกป้องพระเกศาไว้นั่นเอง เจดีย์แห่งนี้เคยถูกทหารสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดจนพังพินาศ จึงมีการค้นพบผอบที่บรรจุเส้นพระเกศา ใกล้ๆ กับเจดีย์โบตะทาวคือวิหารเทพทันใจ หรือนัตโบโบยี ที่กล่าวกันว่าอธิษฐานขอสิ่งใด (ที่ไม่เกินจริง) ก็จะได้สมปรารถนาอย่างรวดเร็วดังติดจรวด!เทพทันใจ 1 เทพทันใจ 2 เทพทันใจ 3 เทพทันใจ 4 เทพทันใจ 5 เทพทันใจ 6เรือ Vintage Luxury Yacht Hotel ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ มาพักในเรือสำราญเก่าที่จอดเทียบลอยลำนิ่งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดีในย่างกุ้ง (ห่างจากเจดีย์โบตะทาวแค่เดิน 10 นาที) ต้องไม่พลาดโรงแรมลอยน้ำแห่งนี้ ความพิเศษอยู่ที่การตกแต่งสไตล์อังกฤษวินเทจ ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ ราวกับว่าเราเป็นแขกคนพิเศษเสมอ (www.vintageluxuryhotel.com)เรือ Vintage Luxury ย่างกุ้ง 1เรือ Vintage Luxury ย่างกุ้ง 2 เรือ Vintage Luxury ย่างกุ้ง 3 เรือ Vintage Luxury ย่างกุ้ง 4 เรือ Vintage Luxury ย่างกุ้ง 5 เรือ Vintage Luxury ย่างกุ้ง 6

ลาก่อนพุกาม ลาก่อนย่างกุ้ง ลาก่อนเมียนมาร์ นี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะพบกัน ฉันขอสัญญา

Special Thanks : ขอบคุณสายการบิน Myanmar National Airlines สนับสนุนการเดินทางจัดทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี สนใจติดต่อ www.flymna.com

 

Traveler’s Guide

When to go : เที่ยวได้ตลอดปี แต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อากาศเย็นสบายที่สุด

Getting there : เดินทางสะดวกง่ายดาย ด้วยการบินตรงจากกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง กับสายการบิน Myanmar National Airlines ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาที (สำรองที่นั่ง www.flymna.com) มีบินทุกวัน วันละ 2 เที่ยว จากนั้นบินต่อย่างกุ้ง-พุกาม ด้วยสายการบิน Myanmar National Airlines เช่นกัน ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง

Over night : ย่างกุ้ง แนะนำโรงแรมในเรือสำราญบนแม่น้ำอิระวดี Vintage Luxury Yacht Hotel (www.vintageluxuryhotel.com) และ Sedona Yangon โรงแรมห้าดาวสุดหรู (www.sedonahotels.com.sg/yangon) / ที่พุกาม แนะนำ Bagan Star Hotel (www.baganstarhotel.com)

Special Activity : ขึ้นบอลลูนพุกามกับ Oriental Ballooning (www.orientalballooning.com) และ ล่องเรือแม่น้ำอิระวดีจากพุกาม-มัณฑะเลย์ หรือ พุกาม-ย่างกุ้ง ติดต่อ RV Paukan 2012 (www.paukan.com)

Cuisine : มาเที่ยวเมียนมาร์ทั้งที ถ้าไม่หม่ำอาหารพื้นบ้านแท้ๆ ก็น่าเสียดาย แนะนำ ‘โมฮิงกา’ หรือ ‘ม่งฮิงคา’ (ขนมจีนพม่า) นิยมกินเป็นอาหารเช้า อีกเมนูคือ ‘ข้าวซอยโต้ก’ หรือยำบะหมี่ เหมาะสำหรับคนชอบกินผักเยอะ

Souvenirs : ตุ๊กตาหุ่นเชิดพม่า, งานไม้แกะสลัก, เครื่องเงิน, พลอย, เครื่องเขิน, ผ้าทอ, ผ้าปักลาย, โสร่งพม่า

More info : www.visit-bagan.com และ www.go-myanmar.com

Scuba Diving Lover’s Point! ตะลุยทริปดำน้ำที่เกาะช้างกับที่พักสุดฟิน

Scuba Diving Lover’s Point! ตะลุยทริปดำน้ำที่เกาะช้างกับที่พักสุดฟิน

Cover_resize

ทริปนี้เราขอเอาใจคนที่รักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจหรือมีใจอยากลองดำน้ำดูสักครั้ง! Destination ของเราในครั้งนี้จึงขอมุ่งหน้าไปที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยอย่าง เกาะช้าง จ.ตราด แน่นอนว่ากิจกรรมเด็ดของเกาะนี้ นอกจากนอนอาบแดดให้ผิวแทนแบบเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ, เล่นน้ำทะเลใสๆ, ทานซีฟู้ดให้จุใจ อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็คือ ดำน้ำ! ความสวยงามใต้ท้องทะเลของเกาะช้าง ถือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่รักการดำน้ำเป็นที่สุด และวันนี้จะหยิบเอาจุดน้ำดำดีๆ ของเกาะช้างแห่งนี้มาฝากเพื่อนๆ รับรองเลยว่าไม่มีผิดหวัง

Koh Chang_resize

Koh Chang Featured Image_resize

จุดดำน้ำยอดฮิตของเกาะช้าง ที่มีความสวยงามระดับตัวท็อปเรียกแม่จะอยู่ที่ 5 จุดใหญ่ๆ ได้แก่ เกาะยักษ์ใหญ่ เป็นสมาชิกของหมู่เกาะรังที่มีปะการังเขากวางสวยๆ ให้เราได้ชม เกาะยักษ์เล็ก เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องดอกไม้ทะเลมากๆ แถมปะการังที่ของที่นี่ยังมีสีสันสดใสถูกใจวัยรุ่นแน่นอน จุดต่อมาคือเกาะมะปริง เกาะเล็กๆ แต่ปะการังสวยมาก แต่ความสวยของที่นี่มาพร้อมกับความอันตรายที่แฝงตัวมาด้วยนิดหน่อย สำหรับใครที่อยากไปลองดำน้ำที่เกาะมะปริงต้องระวังให้ดี เพราะพิกัดของเกาะนี้เป็นช่วงทะเลเปิด อาจถูกน้ำทะเลพัดออกไปไกลจากเกาะได้ง่ายๆ ขยับออกมาจากตัวเกาะช้างเล็กน้อยก็จะเป็นเกาะคลุ้ม เป็นอีกจุดที่ปะการังสวยสวรรค์สร้างจริงๆ ปิดท้ายด้วยเกาะรัง เกาะเล็กๆ ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เกาะเงียบๆ ที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ บรรยากาศสุดธรรมชาติ หาดทรายขาว น้ำใสจนเห็นแนวปะการังและโขดหินใต้น้ำ เป็นสีสันของท้องทะเลที่แท้จริง

หลังจากรู้พิกัดจุดดำน้ำกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาหาหนทางให้ได้ไปพิชิตความสวยงามใต้ท้องทะเล การไปดำน้ำที่เกาะช้างนั้น ไม่ใช่ว่ามีเรือก็จะไปกันง่ายๆ นะ เรื่องของท้องทะเลเป็นเรื่องไม่น่าไว้ใจ ทางที่ดีแนะนำว่าให้ซื้อแพ็กเกจทัวร์ราคาไม่แพงที่สามารถหาได้ทั่วไปค่ะ หรือให้ดูเป็นส่วนตัวหน่อยก็ต้องเช่าแล้วหาคนขับเรือไปให้น่าจะดีที่สุด ดังนั้นก็หาที่พักเกาะช้างใกล้กับท่าเรือ หรือบริษัทขายทัวร์จะเป็นหนทางที่ง่ายต่อการเดินทางจะช่วยตอบโจทย์ทริปดำน้ำที่เกาะช้างของเราที่สุดแล้ว! และครั้งนี้เราได้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการหาที่พักในเกาะช้างอย่าง Traveloka มาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น ในการหาที่พักเกาะช้าง ให้ถูกใจ ราคาสบายกระเป๋า แถมยังจองง่าย จ่ายง่ายไม่วุ่นวายปวดหัว จองที่พักเกาะช้างกับ Traveloka กันได้เลย หรือจะลองมาดู 5 ที่พักเกาะช้างเหล่านี้ที่สวยและดีจนอยากบอกต่อ!

1. ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา (Sea View Resort & Spa)

sea view resort_resize

ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะช้าง บนไหล่เขาพร้อมชายหาดส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม ล้อมรอบด้วยต้นมะพร้าวและดอกไม้สวยๆ ตอบโจทย์บรรยากาศทะเล๊ทะเลได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าได้ชมวิวจากห้องพักจะเห็นท้องทะเลคราม พร้อมหาดทรายขาวละเอียดดีต่อใจสุดๆ จนต้องร้องว้าว! ส่วนเรื่องความสะดวกสบายของที่นี่บอกเลยว่า หายห่วง เพราะอุปกรณ์ เครื่องใช้อำนวยความสะดวกครบครัน แถมมีกิจกรรมให้เราได้เล่นอีกเยอะแยะมากมาย และด้วยพิกัดของ ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา แห่งนี้ตั้งอยู่บนหาดไก่แบ้ ซึ่งเป็นพิกัดที่มีบริษัททัวร์ดำน้ำมากมายให้เราได้เลือกสรร รับรองว่าช่วยแบ่งเบาภาระในการหาทัวร์ได้ง่ายทีเดียว

  • ราคาเริ่มต้นที่ 2,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา กับ Traveloka คลิกที่นี่

 

2. บ้านปู เกาะช้าง (Banpu Koh Chang)

banpu_resize

รีสอร์ทแนวธรรมชาติบนหาดทรายขาวที่จะมอบความรู้สึกส่วนตั๊วส่วนตัวให้กับทุกคน ภายใต้ความสวยงามของธรรมชาติและมุมสวยๆ ของหาดทรายขาวแห่งนี้ ตัวห้องพักถูกออกแบบตกแต่งจากความประณีตของช่างฝีมือดีที่มิกซ์แอนด์แมชต์ความพื้นเมืองและความทันสมัยให้เข้ากันได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกแบบฟูลออฟชั่นที่จะช่วยปลดปล่อยความเครียดให้หายไปกับสายลมทะเล และเกลียวคลื่นสีคราม และแน่นอนว่าเพื่อให้ตอบโจทย์ทริปดำน้ำครั้งนี้ บ้านปู เกาะช้างจึงสามารถเดินทางไปบริษัททัวร์ดำน้ำได้ง่ายๆ ไม่ไกลนักและมีหลายบริษัทให้เราได้เลือกตามสบาย

  • ราคาเริ่มต้นที่ 2,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก บ้านปู เกาะช้าง กับ Traveloka คลิกที่นี่

 

3. เซ็นทาราเกาะช้างทรอปิคานารีสอร์ท (Cantara Koh Chang Tropicana Resort)

centara koh chang_resize

ทำเลดีสมกับเป็นเซ็นทาราจริงๆ เซ็นทาราเกาะช้างทรอปิคานารีสอร์ทบนหาดคลองพร้าว ใจกลางเกาะช้างฝั่งตะวันตกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเกาะช้าง ให้ความเงียบสงบเป็นส่วนตัวพร้อมกิจกรรมสนุกๆ ทั้งกีฬาทางน้ำ สปา สระว่ายน้ำริมทะเล และใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น เส้นทางเดินป่า น้ำตก หมู่บ้านชาวประมง แคมป์ช้าง รวมถึงท่าเรือและบริษัททัวร์ดำน้ำที่จะพาเราออกไปเที่ยวชมโลกใต้ท้องทะเลในเกาะอื่นๆ ด้วย

  • ราคาเริ่มต้นที่ 3,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก เซ็นทาราเกาะช้างทรอนิคานารีสอร์ท กับ Traveloka คลิกที่นี่

 

4. Resolution Resort

resolution resort_resize

ที่พักส่วนตัวที่เราขอยกให้เป็น One-stop Service เลยก็ว่าได้ เพราะที่ Resolution Resort แห่งนี้สามารถอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ครบจริงๆ ทั้งติดทะเลเพียงแค่ใช้เวลาเดิน 1 นาที มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง อุปกรณ์กีฬาทางน้ำประเภทต่างๆ บริการห้องพักริมชายหาดที่ถูกตกแต่งแบบไทยสมัยใหม่ พร้อมระเบียงอาบแดด เสิร์ฟอาหารท้องถิ่น อาหารนานาชาติและบาร์เครื่องดื่ม พร้อมฟรีเรือรับส่งไปยังท่าเรืออ่าวบางเบ้าที่อยู่ห่างแค่ 2 กิโลเมตร แถมยังมีบริการจัดทริปเที่ยวให้เราแบบไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ และใกล้แหล่งทัวร์ดำน้ำด้วย พักที่ Resolution Resort แห่งนี้นอกจากจะได้ชมสวยๆ ของอ่าวไทยแล้วยังได้ความสะดวกสบายไปในตัวด้วย คุ้มเว่อร์!

 

5. Amber Sands Beach Resort

amber sands beach_resize

สำหรับใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายทั้งปวง เราขอแนะนำ Amber Sands Beach Resort ทางฝั่งตะวันออกของเกาะช้าง รีสอร์ทเล็กๆ ที่มีห้องพักอยู่เพียงแค่ 8 ห้องเท่านั้น เติมเต็มความทรงจำวันหยุดสบายๆ ด้วยสวนสวยๆ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง การต้อนรับที่อบอุ่น ความเงียบสงบบนชายหาดส่วนตัว วิวทะเลสวยจากระเบียงห้องพัก กิจกรรมทางน้ำ ปั่นจักรยาน และสามารถดำน้ำลึก ดำน้ำตื้นกับทางรีสอร์ทได้แบบไม่ต้องไปไหนไกล นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากท่าเรืออ่าวสับปะรด เพียงแค่ 3-4 กิโลเมตรเท่านั้นพร้อมบริการรับส่งฟรี สะดวกต่อการเดินทางและการดำน้ำสุดๆ

  • ราคาเริ่มต้นที่ 3,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก Amber Sands Beach Resort กับ Traveloka คลิกที่นี่

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วถ้าไม่ไปเที่ยว ดำน้ำที่เกาะช้างก็คงไม่ได้แล้ว! แต่ถ้าใครยังคิดไม่ตก สถานที่ดำน้ำสวยๆ ก็ไม่มีให้เลือกแค่เกาะช้างหรอกนะ ประเทศไทยยังมี Destination ดีๆ ให้เราได้ไปเยือน ไปเหยียบ ไปดำน้ำกันอีกหลายเกาะ แต่ไม่ว่าจะไปเกาะไหนก็อย่าลืมใช้บริการจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินดีกับ Traveloka ล่ะ ส่วนใครที่ตัดสินใจจะไปเกาะช้างแน่ๆ ก็คลิกเข้าไปหาที่พักเกาะช้างกับ Traveloka ได้เลย รับรองถูกชัวร์!

5 ที่เที่ยวสิงคโปร์ต้องแชะ สำหรับสายอินสตาแกรมสุดชิค

5 ที่เที่ยวสิงคโปร์ต้องแชะ สำหรับสายอินสตาแกรมสุดชิค

Cover_Singapore_resize

สิงคโปร์ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด แม้จะเคยไปมาแล้ว ก็ยังกลับไปเที่ยวอีกได้ โดยเฉพาะสายแชะ ชอบอัพอินสตาแกรมต้องมาเช็คทางนี้ เพราะครั้งนี้เราได้ Traveloka กูรูจัดการเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่าย มาอัพเดทที่เที่ยวสิงคโปร์ถ่ายรูปสวยมาฝากกัน

ที่พักสิงคโปร์_resize

แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก่อนจะไป เค้าก็แนะนำให้จองที่พักสิงคโปร์กันก่อนที่ Traveloka เพราะรับประกันว่ามีที่พักดีๆ ให้เลือกเยอะเลยทั้งแบบโรงแรมบรรยากาศดี เดินทางสะดวก ไปจนถึงโฮสเทลราคาประหยัด เอาเป็นว่ามีบัดเจ็ทเท่าไหร่ ก็หาที่พักสิงคโปร์ราคาดีได้ที่ Traveloka งั้นรีบจอง แล้วไปเที่ยวกันเลย

 

1. Fort Canning Park

Fort Canning Park _ Singapore_resize

Fort Canning Park _ Singapore 2_resize

เริ่มที่แรกกับ Fort Canning Park สวนสาธารณะที่ตอนนี้หลายๆ คนคงจะเคยเห็นมุมยอดฮิตอุโมงค์ต้นไม้นี้ผ่านตาในอินสตราแกรมไม่มากก็น้อย ซึ่งการมาที่นี่ก็ไม่ยาก เพียงมาลงที่สถานี Dhoby Ghaut MRT Station ออกทางออก B เดินไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึง แต่นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีประวัติศาสตร์ จากการเคยเป็นที่ตั้งของวังกษัตริย์ชาวมาเลย์และป้อมปราการ โดยรอบๆ นี้ยังมีสิ่งก่อสร้างหลงเหลือไว้ให้เราได้ชมอีกด้วย

 

2. หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์

National Gallery Singapore 1_resize

National Gallery Singapore 2_resize

National Gallery Singapore 3_resize

หรือ National Gallery Singapore ซึ่งนับได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดและใหม่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ว่าได้ แน่นอนว่าที่นี่เป็นที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะต่างๆ ทุกแขนง แต่ไฮไลท์ย่อมเป็นสถาปัตยกรรมการตกแต่งของที่นี่ซึ่งอลังการงานสร้างเป็นที่ถูกใจของสายแชะ ด้วยภายนอกเป็นอาคารแบบโคโลเนียล ด้านในเป็นการตกแต่งแบบนีโอคลาสสิคที่ผสมผสานความโมเดิร์นไว้อย่างลงตัว ส่วนวิธีการไปก็ไม่ยากมาลงที่สถานี City Hall Station แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 7-10 นาที

 

3. Little India

Little India district 1_resize

Little India district 2_resize

Residence of Tan Teng Niah_Singapore_resize

ย่านที่เต็มไปด้วยความเป็นวัฒนธรรมและสีสันสดใส แน่นอนว่าต้องถ่ายรูปสวยอย่างแน่นอน โดยความโดดเด่นในย่าน Little India เห็นทีจะเป็นร้านค้าเก่าแก่และร้านค้าใหม่ๆ สำหรับการช้อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงแรมที่พักสิงคโปร์ที่เดินทางสะดวก และสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดฮินดูและมัสยิส พร้อมกับอีกหนึ่งจุดห้ามพลาดคือ Residence of Tan Teng Niah อาคารสีสันสดใส สัญลักษณ์ของย่าน Little India นั่นเอง

 

4. Marina Barrage

Marina Barrage 1_resize

Marina Barrage 2_resize

หากคุณอยากถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คดังๆ ของสิงคโปร์ให้ได้พร้อมๆ กัน ลองมาลงที่สถานี MRT Marina Bay Station ทางออก B ดู แล้วเดินมาที่ Marina Barrage ซึ่งที่นี่นอกจากจะเป็นเขื่อนกั้นน้ำประเทศสิงคโปร์ขนาดใหญ่แล้ว ด้านบนดาดฟ้ายังถูกออกแบบมาให้เป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ ที่สามารถมองวิวทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา บอกเลยว่าที่นี่แหละ จะทำให้คุณเห็นทั้ง Singapore Flyer, Marina Bay Sands Skypark และ Gardens By The Bay เป็นต้น

 

5. Bugis

Haji Lane_Bugis_resize

Singapore_s Bugis Village_resize

MICA Building_resize

นอกจากบูกิสจะเป็นย่านช้อปที่มีชื่อเสียง โดยมีตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าหรูหราไปจนถึงช้อปปิ้งสตรีทสุดฮิปอย่างฮาจิเลน อันเป็นแหล่งช้อปสุดฮิปที่ถ่ายรูปสวยเหมือนกันแล้ว ในย่านนี้ยังมีจุดอื่นๆ ที่ชาวสิงคโปร์เองก็มักแวะไปถ่ายรูปเล่นกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Bugis Village ซึ่งเป็นอาคารสไตล์โคโรเนียล ตกแต่งด้วยสีสันและมีบันไดวนต่อๆ กัน รวมไปถึง MICA Building อาคารกองบัญชาการตำรวจเก่า ที่ไปได้ไม่ไกลจากย่านนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
สำหรับใครที่เห็นว่าสิงคโปร์น่าเที่ยวและเต็มไปด้วยสีสันที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ห้ามพลาดที่จะกลับไปเที่ยวกันใหม่ และอย่าลืมจัดการเรื่องเที่ยวให้เป็นเรื่องง่าย ทั้งการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักในสิงคโปร์กับ Traveloka ได้เลย

5 ที่พักภูเก็ตอัพเดทใหม่ ต้องลองไปสักครั้ง

เรื่องฮอตๆ ใหม่ๆ ใครๆ ก็ชอบ เราเลยต้องรีบมาบอกที่พักในภูเก็ตสุดฮิตที่คนฮอตๆ จะต้องไปเช็คอิน…หากได้มีโอกาสไปเที่ยวภูเก็ตก็ต้องลองไปพักกับ 5 โรงแรมนี้ดูสักครั้ง ใครมีพักร้อนยาวๆ รีบจัด ใครยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนก็รีบจอง เพราะที่พักภูเก็ตราคาไม่แรง ไม่ได้ว่างกันง่ายๆ เช็คราคา ตรวจสอบห้องว่างกันล่วงหน้าได้ที่ Traveloka นอกจาก 5 ที่พักในภูเก็ตสวยๆ ที่เรากำลังจะมาแนะนำแล้ว ยังมีที่พักอื่นๆ ให้ได้เลือกกันอีกเพียบ จองที่พักล่วงหน้าเพื่อแผนเที่ยวที่ราบรื่น เพราะภูเก็ตจะเที่ยวฤดูไหนก็ได้ นอกจากทะเลสวยๆ ก็ยังมีย่านเมืองเก่าให้ได้เดินเล่น มีของอร่อยๆ ให้ได้ชิมกันทั้งวันทั้งคืน ถ้าไม่รีบจับจองไว้ก่อนที่พักภูเก็ตสวยๆ อาจจะเต็มได้นะคะ

Bottom

1. หลับดี ภูเก็ต ป่าตอง (Lub D Phuket)

หลับดี1

หลับดี2

หลับดี3

ขึ้นชื่อว่าเป็นโฮสเทลใหญ่ที่สุดในเอเชีย เปิดได้ไม่นานอยู่ในย่านป่าตอง ใกล้สถานบันเทิงดังยามค่ำคืน อย่าง ‘บางลา’ หรือแม้แต่ห้างจางซีลอน ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชื่นชอบความมีสีสันช่วงเวลากลางคืน “หลับดี ภูเก็ต ป่าตอง โดดเด่นด้วยการบริการที่ครบวงจรระดับโรงแรม มาพร้อมราคาเบาๆ อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีกิจกรรมให้ทำมากมายเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

 

2. มาซิ ดีไซน์ โฮเทล (Mazi Design Hotel)

มาซิ ดีไซน์ 1_resize

มาซิ ดีไซน์ 2_resize

มาซิ ดีไซน์ 3_resize

 

 

เพราะอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ตย่านป่าตอง ทำให้โรงแรมนี้มีที่จอดรถค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้บริการรถสาธารณะ โดดเด่นด้วยการดีไซน์ของโรงแรมนี่แหละ มีความเก๋ตั้งแต่ด้านหน้าล็อบบี้เลย พอเดินผ่านล็อบบี้เข้าไปด้านในคุณจะได้เจอกับสระว่ายน้ำขนาดยาวถึงแม้ว่าจะไม่กว้างมาก แต่ก็มีน้ำตกเล็กๆ ให้ได้เล่นเพลินๆ เป็นไอเท็มเพิ่มเติมทำให้ผู้เข้าพักอย่างเราๆ มีความสุขได้ไม่น้อย ส่วนห้องพักก็ตกแต่งไว้อย่างเท่ๆ เรียบง่ายเน้นโทนสีเทา ขาว ดำ เตียงกว้างขวางนอนกัน 3 คนได้สบาย

 

3. ลิตเติ้ล ยอนย่า (Little Nyonya Hotel)

ลิตเติ้ล ยอนย่า 1_resize

ลิตเติ้ล ยอนย่า 2_resize

ลิตเติ้ล ยอนย่า 3_resize

เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่สวยงามและราคาไม่แพง โดดเด่นด้วยการตกแต่งสไตล์ชิโน-โคโลเนียล เพื่อให้เข้ากับสถาปัตยกรรมชื่อดังของภูเก็ตอย่าง ‘ชิโน-โปรตุกีส’ เน้นโทนสีขาว ให้ความสะอาดและสบายตา เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งมีความน่ารัก อบอุ่น เป็นกันเอง อย่างปลอกหมอนในห้องก็เป็นลายดอกไม้เพื่อให้แขกผู้มาพักรับรู้ได้ถึงความสดชื่น ที่นี่มีห้องพักเพียง 10 ห้องเท่านั้น หากสนใจเข้าพัก เหมือนเดิมคือแนะนำให้จองล่วงหน้า

 

4. บลู มังกี้ ฮับ แอนด์ โฮเต็ล (Blue Monkey Hub and Hotel)

บลู มังกี้ 1_resize

บลู มังกี้ 2_resize

บลู มังกี้ 3_resize

ที่นี่หาไม่ยาก อยู่ในย่านป่าตองเช่นกัน หาไม่เจอถามคนย่านนั้นรู้จักกันหมด ถ้าเห็นตึกสูงๆ เท่ๆ แสดงว่าคุณเจอแล้ว ที่นี่เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาว-ดำ ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่โก้ ด้านหน้าโรงแรมจะมีป้ายชื่อ “บลู มังกี้ ฮับ แอนด์ โฮเต็ล จัดเรียงไว้อย่างน่าสนใจ คล้ายๆ เกมส์ Cross Word ยิ่งเวลากลางคืนจะเปิดไฟที่ตัวหนังสือสวยงามมากเลยทีเดียว เราลองมาเซลฟี่กับป้ายชื่อโรงแรมด้วย แต่ว่าไม่สวยเท่าไร ถ่ายแล้วหน้ามันจะเกิดอาการมืดๆ หน่อย และหากทาร์เก็ตของคุณคือ ชาวต่างชาติสาย ฝ. ไม่ว่าจะหญิงหรือชายแนะนำว่าที่นี่คือเป้าหมายควรคู่มาพักจริงๆ งานดีทั้งนั้น 10 10 10 ไปเลยจ้า

 

5. หนุกดี บูทิก รีสอร์ท (Nook Dee Boutique Resort)

หนุกดี บูทิก 1_resize

หนุกดี บูทิก2_resize

หนุกดี บูทิก3_resize

สนุกสมชื่อสำหรับ หนุกดี บูทิก รีสอร์ท” ไม่ว่าใครหากได้มาพักก็สัมผัสได้ถึงความสุข ความสนุกกันทั้งนั้น นอกจากตั้งอยู่ที่ย่านหาดกะตะ ขึ้นชื่อเรื่องน้ำทะเลสวย หาดทรายขาวแล้ว ดังนั้นเรื่องวิวคือสวยเริ่ด! อีกทั้งการตกแต่งแบบไทยร่วมสมัยก็ทำให้ผู้ที่เข้าพักมีความสุนทรีย์มากขึ้นไปด้วย ทุกมุม ทุกโซน สวย มีเสน่ห์แบบไทยๆ สามารถเก็บภาพประทับใจไว้ได้มากมาย ไปเที่ยวพักผ่อนถ่ายรูปปีนี้มีอัพโซเชียลได้ถึงปีหน้ากันไปเลย

 

ท่องเที่ยววิถีไทยสไตล์อินเทรนด์ ที่พักดีต้องบอกต่อ ใครกำลังอยากเที่ยว เริ่มต้นง่ายๆ กับภูเก็ต เมืองเก่าแต่คลาสสิค ถ่ายรูปก็ได้ ศึกษาวัฒนธรรมก็ดี มีประเพณีมากมายให้ได้เรียนรู้ จะมัวช้าอยู่ทำไม ไปเที่ยวภูเก็ตกันเล๊ยยย