“โอ่โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา มีน้ำภูเขา ทะเลกว้างไกล จะไปไหน ปักษ์ใต้บ้านเรา…” บทเพลงไพเราะแสนอมตะของวงดนตรี Hammer นี้ ยังคงก้องอยู่ในใจผมเสมอ ฟังทีไรทำให้นึกถึงภาพภูเขา ป่าไม้ และหาดทรายชายทะเล เกาะแก่งน้อยใหญ่ของภาคใต้ขึ้นมาทุกที และทริปนี้ก็เหมือนเคย เพราะผมได้มายืนอยู่บนหาดทรายสีทองเนื้อละเอียดยิบของ “เกาะคอเขา” อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา แล้วนะสิครับ
เกาะคอเขาเป็นเกาะขนาดใหญ่ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ เงียบสงบ เหมาะจะพาตัวและหัวใจมาพักผ่อนฟังเสียงกระซิบจากธรรมชาติ และเกลียวคลื่นอย่างแท้จริง เกาะนี้มีความยาวจากเหนือจรดใต้ถึง 28 กิโลเมตร มีถนนหนทางอย่างดีให้รถวิ่งได้ การท่องเที่ยวจึงสะดวกโยธินซะจริงๆ
ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของเกาะคอเขาก็คือ ในบางหาดจะมีปูเสฉวนนับพันๆ ตัว (โดยเฉพาะเวลากลางคืน) ขึ้นมาเดินต้วมเตี้ยมตามหาดทราย น่ารักน่าชังมาก มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ หลากสี บ่งบอกถึงธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ไม่ถูกรบกวนโดยนักท่องเที่ยวมากนัก
เจ้าตัวนี้เป็นพี่ใหญ่ ตัว BIG มาก เลยต้องหาเปลือกหอยอันใหญ่มาเป็นบ้าน เชื่อหรือไม่ว่าพวกมันเปลี่ยนเปลือกหอยกันอยู่เสมอ คงเพราะตัวมันโตขึ้น เลยต้องหาเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปด้วยไงล่ะ
จากท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ลงเรือเล็กข้ามฝั่งไปเกาะคอเขา ใช้เวลาแค่ 5 นาทีเอง
เกาะคอเขาเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ ชอบดูนก ดูดาว เล่นน้ำทะเล และชอบศึกษานิเวศน์ธรรมชาติกับพรรณพืชแปลกๆ ใจกลางเกาะมีสภาพเป็นป่าพรุ (Peat Swamp Forest) คล้ายบนเกาะพระทอง ดินเป็นดินปนทรายสีขาว มีความเค็มสูง ในที่ลุ่มจะกลายเป็นห้วยหนองคลองบึงตื้นๆ กระจายกันอยู่ โดยมีต้นเสม็ดขาวและทุ่งหญ้างอกงามอยู่สลับกัน ส่วนชายน้ำก็จะมีไม้พุ่มและเฟินต่างๆ เพียบ แต่ที่เจ๋งมากคือในน้ำมีบัวบา เป็นบัวสีขาวดอกจิ๋วเดียวให้ชมกันด้วย ส่วนนักดูนกต้องชอบ เพราะเกาะคอเขามีนกมากถึง 300 ชนิด!
ดูดูไป เกาะคอเขาของเราก็คล้ายป่าอะเมซอนเมืองไทยเหมือนกันนะ ฮาฮาฮา
บริเวณชายน้ำมักมีพืชกินแมลงงอกงามอยู่ดาษดื่น โดยเฉพาะหม้อข้าวหม้อแกงลิง ชนิดหม้อใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พวกมันเป็นพืชกินแมลงที่สามารถปรับตัวอยู่ในสภาพนิเวศน์แห้งแล้งขาดแคลนอาหารนี้ได้ โดยพัฒนาให้มีส่วนกระเปาะ (หม้อ) งอกยาวออกไปจากปลายใบ เพื่อใช้ดักจับแมลงมาย่อยกินเป็นอาหารอย่างน่าอัศจรรย์
ในกระเปาะของหม้อข้าวหม้อแกงลิง (บางคนเรียกว่า น้ำเต้าฤาษี) จะมีเมือกลื่นๆ ให้แมลงลื่นตกลงไปในน้ำย่อยด้านล่าง เป็นกับดักธรรมชาติที่ได้ผลมานับล้านปีแล้ว!
ชนิดนี้เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงจิ๋ว งอกอยู่กับพื้นดินทราย สูงไม่ถึง 3 นิ้ว และมีสีแดงต่างจากหม้อขาวหม้อแกงลิงสีเขียวขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ตามต้นไม้ ในภาพจะเห็นดอกกระดุมเงินจุ๋มจิ๋มน่ารักอยู่เคียงคู่กันด้วย
หยาดน้ำค้าง เป็นพืชกินแมลงจิ๋วอีกชนิดหนึ่ง ที่พบอยู่ทั่วไปบนพื้นดินใกล้ชายน้ำ ตุ่มน้ำขาวๆ ที่เห็นอยู่ตามปลายขนสีแดง แท้จริงเป็นเมือกเหนียวที่ใช้ดักแมลงต่างหากล่ะ!
ใกล้ชายน้ำเป็นสังคมพืชที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะมีเฟินโบราณอายุเป็นล้านปีพวก สามร้อยยอด หรือไลโคโพเดียม งอกงามอยู่ดาษดื่น
ดอกไม้ในวงศ์ถั่วสีม่วงน่ารัก เบ่งบานอยู่ริมถนน เราเลยจอดรถลงไปเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ
ดอกบัวบา ถือเป็นดอกบัวชนิดที่เล็กที่สุดของไทย พบเห็นได้ทั่วไปตามแอ่งน้ำธรรมชาติบนเกาะคอเขาครับ
ทุ่งดอกหญ้าสีทองบนเกาะคอเขา พัดพลิ้วไปตามกระแสลมอย่างน่ารักมาก
นอกจากเรื่องธรรมชาติแล้ว บนเกาะคอเขายังมี “เมืองโบราณบ้านทุ่งตึก” ซึ่งคาดว่าน่าจะเก่าแก่นับพันปี มีการค้นพบซากเมืองโบราณ หมู่บ้าน บ่อน้ำ ซากเจดีย์เก่า ซากประภาคาร ซากเครื่องเคลือบจีน และเศษลูกปัดจำนวนมาก ซึ่งมีการมาสำรวจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ในภาพเป็นหินที่ใช้รองฐานอาคาร มีหลุมสี่เหลี่ยมตรงกลางใช้ปักไม้ลงไป พบอยู่ทั่วไปในเขตเมืองโบราณทุ่งตึก
เศษกระเบื้องดินเผา และเคลื่องเคลือบจีน ที่ขุดพบ
ซากกระเบื้องดินขอโบราณ ซึ่งชาวทุ่งตึกเคยใช้มุงหลังคา
ซากฐานพระเจดีย์โบราณ หรือเป็นส่วนของฐานประภาคาร ก็ยังไม่แน่ เพราะเลยไปนิดเดียวเป็นทะเลแล้ว คาดว่าสมัยก่อนเรือสำเภาจะเข้ามาเทียบท่าใกล้ๆ ตรงนี้เลย
เที่ยวชมเมืองโบราณกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ตระเวนซึมซับบรรยากาศชายทะเลเงียบสงบใต้ทิวสนกันต่อ
บนเกาะคอเขามีควายอยู่เยอะมาก แต่ชาวบ้านที่นี่เขาเลี้ยงแบบปล่อย เรียกกันว่า ควายทุ่ง หรือควายปละ โดยปล่อยให้มันเดินหากินเองตอนกลางวัน และก็น่าแปลก เพราะตกเย็นมันจำทางได้ เดินกลับมาเข้าคอกเองซะงั้น ถ้าโชคดีไปเที่ยวในวันที่แดดจ้า ฟ้าใส ควายมันร้อน ช่วงเย็นๆ ไปดักซุ่มดู จะเห็นฝูงควายลงอาบน้ำทะเลกันด้วยล่ะ! Amazing มากๆ
อีกหนึ่งความ Amazing ของเกาะคอเขาก็คือ เราจะได้ชมปูเสฉวนนับพันตัว ปีนต้นไม้!
ก่อนปีนต้นไม้ บางตัวจะหาเปลือกหอยเปลี่ยน เหมือนเปลี่ยนบ้านเพื่อไม่ให้คับกับตัวที่โตขึ้น จะได้อยู่สบายขึ้น เจ้าของรีสอร์ทชายทะเลบางแห่งเลยหาเปลือกหอยเปล่าๆ ไปวางเรียงไว้ให้ปูเสฉวนมาเลือกเปลี่ยน ยังกับเป็น Super Market เปลือกหอยยังไงยังงั้นเลย ฮาฮาฮา
เจ้าตัวนี้คงมีความสุขมาก กับเปลือกหอยใหม่ที่ได้ เลยปีนต้นสนเล่นซะงั้น
ส่วนเจ้าตัวนี้ตัวเล็ก เลยหาเปลือกหอยสีดำรูปกรวยอันเล็กๆ ให้เหมาะกับขนาดตัวมันเอง ถ้าเราเรียนรู้จากธรรมชาติ ก็จะเข้าใจสมดุลย์ และความพอดีที่ธรรมชาติดำเนินไป และทั้งหมดนี้คือบางส่วนเสี้ยวของความงาม และความมหัศจรรย์บนเกาะคอเขา จังหวัดพังงา ครับผม
Special Thanks : ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา (โทร. 0-7648-1900-2) และ คุณนครพจน์ ปิ่นมิ่ง ททท. ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (โครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย) สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้
Traveler’s Guide
Best season : ท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่ช่วงฟ้าใส คลื่นลมสงบสุด ต้องช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน
How to go : ข้ามไปเที่ยวเกาะคอเขา ต้องไปลงเรือหรือแพขนานยนต์ที่บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า มี 2 เส้นทาง คือ เส้นทาง ภูเก็ต–ตะกั่วป่า โดยใช่ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่าน ตำบลโคกกลอย–ตำบลท้ายเหมือง-ตำบลทุ่งมะพร้าว-บ้านทับละมุ–เขาหลัก ลงไปผ่านตลาดบางม่วง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปในหมู่บ้านน้ำเค็ม ถ้าหากต้องการเดินทางผ่านตัวเมืองพังงา และอำเภอกะปง ก็ให้มุ่งหน้าไปทางอำเภอตะกั่วป่า ผ่านตลาดย่านยาว และที่ว่าการอำเภอ แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปที่หมู่บ้านน้ำเค็มติดกับอาคารสำนักงานตำรวจทางหลวงอำเภอตะกั่วป่า เมื่อเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางบ้านน้ำเค็ม ก็ตรงไปจนพบทางแยก เลี้ยวขวาเข้าไปยังท่าเทียบเรือบ้านน้ำเค็มตามป้าย ถ้าเอารถยนต์ลงแพขนานยนต์ คันละ 150 บาท มอเตอร์ไซค์ คันละ 20 บาท และค่าเรือข้ามฟาก คนละ 10 บาท เท่านั้นเอง
Where to stay : แนะนำ C&N Kho Khao Beach Resort เลขที่ 89 หมู่ 3 เกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โทร. 08-6470-4789, 08-1797-0827 www.cnkhokhaobeachresort.com
More info : สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อบต.เกาะคอเขา โทร.0-7641-7017 / ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทร. 0-7648-1900-2