เที่ยวในประเทศ

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 2)

d12

ยิ่งอยู่ “บุรีรัมย์” นานขึ้นๆ พวกเราในทีมก็ย่ิงมีความคิดตรงกันว่า บุรีรัมย์เขามี Style ของตัวเอง มากซะจนเราตั้งฉายาให้ว่า “BURIRAM STYLE” มันเป็นสไตล์ที่ออกจะอธิบายยากหน่อย ว่าจริงๆ แล้วเป็นไง?! แต่สิ่งที่พอจะอธิบายได้ก็คือ BURIRAM STYLE เป็นการผสมผสานระหว่างความเก่า ความใหม่ และความฮิปแบบบ้านๆ ได้น่ารักดี

คงเพราะหลังจากมีสนามฟุตบอล i-Mobile และมีสนามแข่งรถระดับโลก Chang International Curcuit ก็ทำให้บุรีรัมย์โตแบบก้าวกระโดด! บุรีรัมย์วันนี้จึงมีความเป็น INTER อยู่ในตัวเอง ทว่าในขณะเดียวกันยังมีกลิ่นอายของอีสานใต้ ปะปนอยู่ในวิถีชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม เราอาจเห็นสาวสวยมากๆๆๆ ใส่ชุดเดรสยาว สีแดงแป๊ด มีลายซิลค์สกรีนสีขาว คำว่า Buriram อยู่ตรงกลางอกเสื้อ นั่งกินส้มตำปูปลาร้าอยู่ที่ถนนคนเดิน! นี่ล่ะ BURIRAM STYLE ที่เราพอจะอธิบายเป็นรูปธรรมให้คุณเข้าใจได้… แต่จริงๆ ผมว่ามันลึกซึ้งกว่านั้นอีก!

d61

เช้าวันที่ 3 ของการไปเที่ยวบุรีรัมย์ ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มปี๊ด อากาศเย็นสบาย จนเราเคลิ้มไปเลยว่า นี่มันหน้าหนาวหรือหน้าฝนกันแน่นะ!? อย่างนี้ต้องไปขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาเมืองเพื่อเป็นสิริมงคลกันหน่อยแล้ว จากที่พักเราเลยขับรถเข้าใจกลางเมือง ไปกราบ “ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์” ซึ่งแปลกกว่าศาลหลักเมืองจังหวัดอื่น! เพราะภายในมีเสาหลักเมืองอยู่ถึง 2 ต้น โดยเสาต้นหนึ่งสูงกว่า ตั้งตรง เป็นทรง 8 เหลี่ยม โผล่พ้นจากพื้น 1.99 เมตร และยังมีเสาต้นเล็กที่เอียงอยู่ โผล่พ้นดินขึ้นมาเพียง 1.15 เมตร จุดที่ตั้งศาลหลักเมืองนี้เคยเป็นจุดที่รัชกาลที่ 1 ทรงเคยเสด็จมาพักทัพ เพราะบริเวณนี้มีทำเลเหมาะสม มีสระน้ำ มีต้นแปะขนาดใหญ่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองแปะ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองบุรีรัมย์” ในภายหลัง

ตัวสถาปัตยกรรมของศาลหลักเมืองเพิ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ โดยสร้างเลียนแบบปราสาทพนมรุ้งครับ สง่างามมาก

d62 d63

ในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า” เป็นศาลเจ้าจีน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2551 ภายในประดิษฐานรูปเจ้าพ่อหลักเมืองและเทพเจ้าจีน คือ ปึงเถ่ากง-ปึงเถ่าม่า เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งคนจีนเคารพนับถือกันอย่างมากนั่นเอง เพี้ยงงงงงงง ขอให้ลูกช้างรวยๆ กะเขามั่งเหอะ!!!

d64 d65 d66 d67

ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ คือที่ตั้งของพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองบุรีรัมย์ “วัดกลางพระอารามหลวง” เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ เปี่ยมด้วยมนต์ขลังของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้านข้างโบสถ์ เรียกว่า “สระสิงโต” เป็นจุดที่เจ้าพระยาจักรี (หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในเวลาต่อมา) ทรงหยุดพักทัพ ระหว่างไปทำศึกกับเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ โดยน้ำในสระนี้ได้รับการนำไปประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และเมื่อคราวที่มีการจัดพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 ก็มีการอัญเชิญน้ำในสระนี้ไปทูลเกล้าถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย

ไม่น่าเชื่อเลยว่าบุรีรัมย์ที่วันนี้ดูโตแบบก้าวกระโดด และทันสมัยสุดๆ จะมีประวัติศาสตร์สำคัญอันยาวนานเช่นนี้

d68 d69

เก้าโมงกว่าแล้ว ได้เวลาตามล่าหาร้านอาหารอร่อยตาม Style ของพวกเรา เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง วันนี้ยังมีคิวเที่ยวๆๆ อีกมาก! ฮาฮาฮา ในที่สุดก็มาลงเอยกันที่ “ร้านข้าวหมูแดง กวางเจา” ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมแกรนด์ และร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นที่เราไปกินเมื่อวานนั่นเอง แหม ย่านนี้เป็นย่านรวมความอร่อยๆ จริงๆ เขาเรียกว่าถนนนิวาศ หาง่าย เพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟนั่นเองจ้า

คุณป้าเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ขายมาตั้งสี่สิบห้าสิบปีแล้วมั้ง ไม่ได้นับ! เป็นสูตรดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเตี่ยเลย ข้าวหมูแดงร้านกวางเจาจะไม่มีไข่กับกุนเชียงใส่มาให้แบบร้านอื่น แต่จะมีเฉพาะหมูแดงกับหมูกรอบ ที่กรอบกำลังดี ไม่แข็งจนเคี้ยวแล้วปวดฟันเหมือนบางร้าน! กินกับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำใสใส่พริกสดมาเพิ่มรสชาติจี๊ดๆ แต่ถ้าจะให้เด็ด ต้องสั่งเกาเหลาใบตำลึงมาซดให้คล่องคอด้วย มีทั้งแบบใส่เครื่องใน ใส่ตับ ใส่เลือด หรือจะใส่เฉพาะหมูสับก้อนก็ได้ จัดกันไปคนละชามสองชาม ได้เวลาไปซิ่งกันที่สนามแข่งรถแล้ว…

d70

วันนี้เราจะไปดูเด็กแว้นกัน!!! แต่ไม่ใช่แว้นกวนเมือง หรือซิ่งทำให้ชาวบ้านเขาเดือนร้อนนะ เพราะวันนี้เราจะไปดูการแข่งมอเตอร์ไซค์ Drag Bike หรือมอเตอร์ไซค์ทางเรียบในลู่วิ่งตรงๆ ยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งสนามนี้อยู่ใกล้กับสนามแข่งรถ Chang International Circuit นั่นเอง

ช่วงเช้าจะเป็นการซ้อม และเริ่มแข่งจริงตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน มีนักซิ่งจากทั่วประเทศมาเข้าร่วม! น่าตื่นตาตื่นใจมากเวลาเห็นมอเตอร์ไซค์รูปร่างแปลกๆ สวยๆ มารวมตัวกันเป็นพันคันขนาดนี้! แต่ละกันก็มีช่างประจำเครื่องมาปรับแต่งกันถึงสนาม บ้างยกทีมมาจากภาคใต้ เพื่อมาประลองความเร็วกันในสนามอย่างถูกกฎกติกา เราซื้อตั๋วแล้วขึ้นไปนั่งรวมกับผู้ชมนับพันบนอัฐจรรย์ ดูการซ้อมวิ่งของนักบิด Drag Biker! ด้วยความแรงของเครื่องที่เร่งรออยู่ก่อนแล้ว พอให้สัญญาณปล่อยตัว ล้อหน้ามอเตอร์ไซค์ก็มักจะเหินขึ้นไปในอากาศ! แล้วพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดแรง!!! พร้อมกับเสียงเครื่องที่แผดออกมาจนหูเราดับไปเลย!!! สังเกตได้จากรอยดำบนพื้นลู่วิ่งอันโชกโชน คงจะเกิดจากรอยยางรถมอเตอร์ไซค์ที่บดกับพื้นสนามด้วยแรงเสียดทานมหาศาล ครั้งแล้วครั้งเล่า!!!

d71 d72 d73

นอกสนาม Drag Bike มีเต็นท์สำหรับนักแข่งแต่ละทีม ได้ปรับเครื่องจูนรถของตัวเองให้แรงสะใจ แต่ด้วยความเชื่อและจิตวิญญาณแบบไทย ก็ยังมีการนำพวงมาลัยมาบูชาแม่ย่านางรถด้วย นี่ล่ะ หนึ่งใน BURURAM STYLE ใหม่ผสมเก่า

d74 d75

ดูการแข่ง Drag Bike กันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาเข้าไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่า สนามแข่งรถ Chang International  Circuit ที่เขาว่าได้มาตรฐานโลก จนสามารถแข่งรถยนต์ Formula 1 และรถ Super GT นั้น เป็นยังไง? พอขึ้นไปบนอัฐจรรย์ก็ต้องอึ้ง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนสนามที่เคยเห็นในต่างประเทศไม่มีผิด! อีกทั้งยังเป็นสนามแข่งรถเดียวในโลก ที่ผู้ชมบนอัฐจรรย์สามารถมองเห็นได้ทุกโค้งด้วย Amazing จริงๆ! เสียดายวันนี้ไม่มีแข่งรถยนต์

d76 d77

สนามแข่งรถระดับโลก ทำให้บุรีรัมย์วันนี้กลายเป็นศูนย์กลางของ Big Biker ทั่วประเทศ เราจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์เจ๋งๆ สวยๆ ราคาแพงลิ่วระดับครึ่งล้าน! วิ่งกันเกลื่อนเมือง โดยมากจะมากันเป็นแก็งค์ Big Bike เพื่อมาเชียร์ฟุตบอล หรือมาชมการแข่งรถยนต์ สิ่งนี้ได้สร้างกระแสความคลั่งไคล้กีฬา และสร้างต้นแบบการใช้ชีวิตของการเป็นนักเดินทาง แสวงหา ด้วยสองล้อแรงม้าสูง ให้กับคนรุ่นใหม่ในบุรีรัมย์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง BURURAM STYLE ที่เราค้นพบ

d78

 ต้องรวยจริงถึงจะซื้อคันนี้ได้!!! เพราะเป็นระดับ Harley Devison ของแท้จากอเมริกา ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเห็นวิ่งอยู่ที่บุรีรัมย์ ขนาดในกรุงเทพฯ เมืองหลวงแท้ๆ ยังไม่เคยเห็นเลยเนอะ!

d79

ออกจากสนามช้าง เราบึ่งรถฝ่าเปลวแดดร้อนแรงในยามบ่าย ตรงไปที่สนามฟุตบอล i-Mobile Stadium ที่อยู่ใกล้ๆ กัน  เสียดายวันนี้ไม่มีแข่งฟุตบอล แต่ก็ยังดีที่เขามีจัดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เป็นรอบๆ ตลอดวัน สนามแห่งนี้สร้างความฮือฮาได้ตั้งแต่แรกเปิดตัว เพราะเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า , เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ โดยเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน! มองจากด้านนอก บอกได้คำเดียวว่า ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ!

d80

ดูกันให้เต็มตาครับ กับภายในสนามฟุตบอล i-Mobole Stadium หรือในชื่ออย่างเป็นทางการ Thunder Castle Stadium ความภูมิใจของบุรีรัมย์ยุคใหม่ ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จนบุรีรัมย์วันนี้กลายเป็นเมืองกีฬามาตรฐานโลก

d81 d82 d83

ด้านข้างสนามฟุตบอล i-Mobile มีร้านขายของที่ระลึก ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ Buriram FC จุดนี้ต้องขอชื่นชมเลยว่า แค่กีฬาฟุตบอลอย่างเดียวก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้บุรีรัมย์และจังหวัดอีสานใต้โดยรอบได้มหาศาล! สินค้าต่อเนื่องจากกีฬาฟุตบอล ทั้งเสื้อยืดและของที่ระลึกอีกนับร้อยแบบ ทำให้เกิดเงินสะพัดหมุนเวียนนับไม่ถ้วน! น้องพัชชี่ไปเจอเสื้อยืดสวยๆ ในร้าน ผมเลยจัดมา 2 ตัว ตัวละ 440 บาท เนื้อผ้าดีมากครับ ลายซิลค์สกรีนก็อย่างดีด้วย

d84 d85

เข็มนาฬิกาเลยเที่ยงมาสองชั่วโมงแล้ว! ขณะที่เราขับรถออกจากสนามฟุตบอล i-Mobile ตรงไปที่ ร้านสองพี่น้อง ซึ่งอยู่บนถนนสายเดียวกัน เราขอฝากท้องสำหรับ Late Lunch ไว้ที่ร้านนี้ครับ เพราะได้ข่าวว่าเป็นร้านอาหารพื้นเมืองรสเด็ด รสแซ่บ ที่โด่งดังมากแห่งหนึ่งในบุรีรัมย์ จุดสังเกตทางเข้าร้านก็ง่ายมาก ถึงมากที่สุด เพราะมีรูปปั้นไดโนเสาร์ยักษ์ยืนจังก้าอยู่ ฮาฮาฮา จนบางคนเรียกร้านสองพี่น้องว่า “ร้านไดโนเสาร์” เลยล่ะครับ

พอได้ชิมก็แซ่บเวอร์สมคำร่ำลือ อาหารอีสานร้านนี้รสกลมกล่อมมากทุกอย่าง ในร้านก็นั่งสบาย ลมถ่ายเทดี แถมระหว่างกินยังมีแม่ค้าเดินเอาหมูยอมาขายอีก เราเลยช่วยอุดหนุน เป็นหมูยอเนื้อผสมพริกไทย อร่อยเหาะไปเลย ฮิฮิ

d86 d87

นั่งพักกันพอข้าวเรียงเม็ด แม้แดดจะยังค่อนข้างร้อน แต่ก็ได้เวลาพากันขึ้นไปสัมผัสความมหัศจรรย์ธรรมชาติ “ภูเขาไฟกระโดง” (หรือวนอุทยานเขากระโดง) 1 ใน 6 ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วของบุรีรัมย์ แสดงให้เห็นว่าในครั้งอดีตกาลนานโพ้น แดนดินถิ่นอีสานใต้นี้เคยมีภูเขาไฟและไดโนเสาร์อาศัยอยู่จริง Amazing BURURAM STYLE!

d88

วิธีการขึ้นเขากระโดงมี 2 แบบ คือใครฟิตหน่อย ก็สามารถหอบสังขารเดินขึ้นบันไดทดสอบศรัทธาสาธุชน (หรือบันไดนาคราช) 297 ขั้นไปจนถึงยอดเขาตามในภาพนี้ แต่ถ้าใครเริ่มอายุเกินหลัก 40 หรือคิดว่าสังขารเริ่มจะไม่อำนวย ข้อเข่าเสื่อม อะไรประมาณนี้ เลี้ยวขวาไปจากหน้าบันไดทางขึ้นนี้ ก็เป็นถนนสายเล็กๆ นำไปถึงยอดเขาได้เช่นกัน อันไหนง่ายกว่า? เลือกเอาเองนะ ไม่ได้บังคับ!

d89

ทีมเราฟิตจัด เลยเลือกขับรถขึ้นเขากระโดง! (ไม่ใช่ร่างกายฟิต แต่เป็นเอวกางเกงฟิตมากกว่า ฮาฮาฮา) จะให้เดินขึ้นไหวได้ไงล่ะ ก็เพิ่งกินข้าวกันมาอิ่มๆ แดดก็เปรี้ยงๆ ซะขนาดนี้ แต่ขับรถเที่ยวก็ชิลดี สภาพทางขึ้นเขาเป็นถนนเส้นเล็กๆ พอให้รถแล่นสวนกันได้ สองข้างทางมีป่าละเมาะแผ่กิ่งก้านปกคลุมร่มรื่น พอขึ้นไปถึงกลางทาง ด้านขวามือมีสะพานแขวนลวดสลิงชื่อ “สะพานแขวนลาวา” ให้เราเดินข้ามไปชมปล่องภูเขาไฟเก่าที่ดับแล้ว! ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นหลุมตื้นๆ มีหญ้าปกคลุมเขียวขจี ถ้าไม่บอกคงไม่รู้แน่ๆ เลยครับ

d90

นี่คือปากปล่องภูเขาไฟ ของภูเขาไฟกระโดง ซึ่งนักธรณีวิทยาบอกว่าเป็นปากปล่องภูเขาไฟอายุ 3-9 แสนปี! ถือเป็นภูเขาไฟอายุน้อยที่สุดของเมืองไทยด้วยล่ะ อีกทั้งยังมีสภาพสมบูรณ์มาก โดยปากปล่องนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร เป็นรูปจันทร์ครึ่งซีก มีขอบปล่องด้านทิศใต้เรียกว่า เขาใหญ่ ส่วนขอบปล่องด้านทิศเหนือเรียกว่า เขาน้อย หรือเขากระโดง นั่นเอง ปัจจุบันมีการจัดทำเส้นทางเดินชมรอบปล่องไว้ด้วย เที่ยวสะดวกมากๆ

d91

ในที่สุดก็ขึ้นถึงยอดเขาจนได้ จากลานจอดรถเดินไปอีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถึงโซนร้านขายของ และมีปราสาทเล็กๆ สีขาว ชื่อว่าปราสาทเขากระโดง อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ส่วนองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ที่เห็นได้จากเชิงเขาแต่ไกล มีนามว่า พระสุภัทรบพิตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองบุรีรัมย์ ภายในเศียรบรรจุพระธาตุ สร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 แล้ว มีผู้คนมาสักการะเป็นนิจ

d92

พระพุทธบาทจำลองบนเขากระโดง

d93หนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติบนเขากระโดงก็คือ “หินลอยน้ำ” เพราะอย่างที่บอกว่านี่คือภูเขาไฟเก่า จึงเต็มไปด้วยหินบะซอลต์ที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟปะทุออกมาเหนือเปลือกโลก เมื่อมันเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว จึงเกิดฟองอากาศค้างอยู่ภายในหินเต็มไปหมด หินบะซอลต์เขากระโดงจึงมีรูพรุน เหมือนทุ่นลอยน้ำได้ ไม่ใช่อภินิหารวิเศษเลยนะครับ

d94

จากยอดภูเขาไฟกระโดง อันเป็นจุดที่พระสุภัทรบพิตรประดิษฐานอยู่ มองลงไปทางทิศเหนือจะเห็น อ่างเก็บน้ำเขากระโดง  (อ่างเก็บน้ำวุฒิสวัสดิ์) เป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะมากในการไปศึกษาธรรมชาติ เพราะมีนกประจำถิ่นและนกหนีหนาวในช่วงปลายปี อพยพมาหากินจำนวนมาก อีกทั้งรอบอ่างเก็บน้ำเขากระโดงมีเส้นทางเดินศึกษาพรรณไม้ป่าเต็งรังนานาชนิด รวมถึงมีที่กางเต็นท์ค้างแรมสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดด้วย

d95

พอชมวิวเสร็จแล้ว ระหว่างเดินไปร้านขายน้ำ น้องพัชชี่ก็เหลือบไปเห็นป้าย “ไหลสิเด้อ” อะไรกันหว่า? ที่แท้คือทางลื่นให้นั่งแล้วไถลตัวลงเขาแบบไม่ต้องเสียเวลา! แต่เขามีป้ายเตือนว่า ถ้าทางลื่นนี้เปียกเมื่อใด ห้ามเล่น! เพราะมันจะลื่นมากจนเราไม่สามารถหยุดหรือบังคับตัวเองได้ อาจจะเบรคแตก พุ่งออกไปนอกลู่เลยดิ!!! โอ้ว แม่เจ้า แต่โชคดีวันนั้นน้องพัชชี่ของเราเบรคทัน ดูหน้าน้องเขาฟินมาก และแน่นอนว่าเสียงกรี๊ดต้องสนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย อิอิd96

อากาศที่ร้อนอบอ้าวมาตลอดวัน ทำให้รู้สึกเพลียไม่ใช่เล่น เราเลยกลับไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนที่บ้านเตอร์ รีสอร์ท จากนั้นตอนหัวค่ำก็เปลี่ยนชุดหล่อสวย ออกมาเดินเล่นเพลินๆ ช้อปปิ้งกันที่ “ถนนคนเดินเซราะกราว” ซึ่งเป็นถนนคนเดินเย็นวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ กลางเมืองบุรีรัมย์ ที่ถนนหน้าจวนผู้ว่านั่นเอง

ใครรู้บ้างว่า เซราะกราว ในภาษาเขมรแปลว่าอะไร? ใช่แล้ว แปลว่า “บ้านนอก” ฮาฮาฮา แต่ในความจริง ถนนคนเดินเส้นนี้ Inter เอามากๆ จนเรางงเลยทีเดียวเชียว โดยส่วนตัว ผมว่า เซราะกราว Walking Street มีเสน่ห์มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครตรงผ้าทอพื้นบ้านแนวเขมรนี่ล่ะ อย่างผ้าทอของอำเภอพุทไธสง ซึ่งเป็นแหล่งทอผ้าไหมซิ่นตีนแดงลายจกอันมีชื่อเสียงมาช้านาน เป็นผ้าที่ได้รับอิทธิพลมาจากเขมรครับ ดูได้จากการใช้สีแดงเป็นหลัก วันนี้เราได้เจอคุณยายซึ่งเป็นช่างทอผ้าตัวจริงเลย ดีใจมาก ขอกราบครับคุณยาย
d97 d98

ราคาแค่ 220 บาท ลายฮิปสเตอร์มากๆ น้องพัชชี่จัดไปปปปปป!

d99 d100 d102

ที่ถนนคนเดินเซราะกราว Walking Street มีหมอลำให้นั่งฟังกันเพลินๆ ด้วย บรรยากาศชิลชิล
d103 d104

หิวแล้วจ้า ชวนกันไปหม่ำมันเกลียวรองท้องไปก่อน เดี๋ยวค่อยกินของหนักตามหลังเด้อd105 d106

นอกจากเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ผ้าทอ และงานผีมือเก๋ๆ น่ารักๆ ในเซราะกราว Walking Street แล้ว เขายังมีพืชผักปลอดสารพิษ ที่กลุ่มชาวบ้านปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ พร้อมใจกันรวมตัวนำมาขายในราคามิตรภาพ ใครจะเชื่อว่าผักบุ้งสดๆ ใหม่ๆ น่าทาน กำละ 5 บาทจะยังมีอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพงอย่างนี้ แต่ที่บุรีรัมย์มีจ้า!d107

รีบออกจากถนนคนเดินเซราะกราว เพราะได้ข่าวจากคนบุรีรัมย์ว่า คืนนี้ทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ FC จะไปเยือนทีมนครราชสีมา FC ถึงถิ่น! และถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าลานด้านหน้าสนามฟุตบอล i-Mobile จะต้องเนืองแน่นไปด้วยสาวกทีมบุรีรัมย์อย่างแน่นอน! เราจึงรีบบึ่งรถไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา ว่าแฟนบอลบุรีรัมย์เขาจริงจัง คลั่งไคล้ เข้าขั้น Crazy ขนาดไหน!? กับกีฬาค้าแข้งนี้ พอไปถึงหน้าสนามก็ต้องตะลึง เพราะมีประชาชนนับพัน (ซึ่งส่วนนมากใส่เสื้อทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ด้วย) ทั้งลูกเด็กเล็กแดง หนุ่มสาว คู่รัก ไปจนถึงคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย มานั่งเชียร์ฟุตบอลอยู่อย่างล้นหลาม! เพราะเขามีทีวีจอยักษ์มาฉายให้ชมฟรี! เวลาทีมปราสาทสายฟ้าบุรีรัมย์พาลูกบอลเข้าไปในเขตโทษของทีมนครราชสีมา แล้วยิงประตู ไม่ว่าจะเข้าหรือไม่ เราจะได้ยินเสียงเชียร์สนั่น ผลคือคืนนั้นเสมอกัน 1-1 แบ่งแต้มกันไป

นี่คือกระแสคลั่งฟุตบอล ที่ซึมเข้าไปแล้วในกระแสเลือดของชาวบุรีรัมย์ มันเป็นความภาคภูมิใจในทีมฟุตบอลบ้านเกิด ซึ่งไปทำผลงานคว้าแช้มป์หลายสมัยติดต่อกัน และเราก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเชียร์บอลคืนนี้ครับ
d108 d109

อีกหนึ่งวันอันยาวนาน และเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่บุรีรัมย์ จบลงที่ราดหน้ายอดผัก ณ ตลาดไนท์เก่า การได้กินอะไรอุ่นๆ ท้องก่อนเข้านอนนี่มันเป็นความสุขแท้ แต่ถ้าจะให้ดี จะมีคืนไหนบ้างนะที่เราได้เข้านอนหัวค่ำกะเข้าบ้างเนี่ย? ไหนบอกว่ามาเที่ยวกันไง? ไม่ได้มาทำงาน?! ฮะ?LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 1)

logo Amazing Journey 2

คุณคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางไกลคืออะไร? คือรองเท้าดีๆ คือพาหนะสุดเจ๋งๆ หรือคือห้องสุดหรู… เหล่านี้อาจสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่ผมคิดว่าจำเป็นที่สุดสำหรับการแรมทางผ่านหลักกิโลเมตรอันแสนยาวไกลก็คือ “เพื่อนดีๆ”

โครงการ The Amazing Journey Blogging Contest ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่โปรโมท 12 เมืองต้องห้ามพลาด กำลังจะนำผมไปพบกับการเดินทางที่สนุก ฮา และน่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แม้จะเป็นการเดินทางเพียง 6 วัน แต่สิ่งที่ยังตรึงอยู่ในใจผมมากระทั่งบัดนี้ ก็คือมิตรไมตรี รอยยิ้ม และประสบการณ์ดีๆ จากผองเพื่อน ที่ร่วมผจญภัย อดมื้อ กินสองมื้อ (ฮาฮาฮา) ไปด้วยกัน โดยหมุดหมายแห่งการเดินทางของเราอยู่ที่ “จังหวัดบุรีรัมย์” เมืองที่มีคอนเซ็ปต์ว่า “เมืองปราสาทสองยุค” เพราะนอกจากจะเป็นดินแดนอารยธรรมขอมแห่งอีสานใต้อันเก่าแก่แล้ว ทุกวันนี้บุรีรัมย์ยังเป็น “เมืองกีฬามาตรฐานโลก!!!” ประโยคนี้ผมฟังคนอื่นเขามาพูด เลยอยากเห็นกับตาว่าจะจริงแค่ไหน? งั้นรีบไปพิสูจน์กันเถอะพวกเรา…

d2

ทีแรกกะว่าจะบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงบุรีรัมย์เลย เพราะตอนนี้ที่อำเภอสตึก ของบุรีรัมย์ เขามีสนามบินแล้ว Nok Air ก็บินไปลงทุกวัน แต่เพราะว่าสปอนเซอร์รถของเราคือ บริษัท Thai Rent A Car มีฐานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ทีมเราเลยต้องขึ้นเครื่อง Nok Air ไปลงที่ขอนแก่น เพื่อรับรถคันใหญ่ ขับเคลื่อนสองล้อหน้า พร้อมด้วยที่เก็บของกว้างๆ เพราะทีมเราขนสัมภาระกันไปเพียบ โดยเฉพาะอุปกรณ์กล้องที่แทบจะเปิดร้านขายกันได้เลยทีเดียว! ฮาฮาฮา ตกลงนี่จะไปเที่ยวหรือไปทำงานกันแน่??? จริงจังไปอ่ะป่าวนะนาย?

คุณพิม และแคช Blogger ชื่อดังแห่ง “ครัวบ้านพิม” ซึ่งป็นบล็อกสุดเจ๋งเกี่ยวกับการรีวิวอาหาร ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม แคชเป็นพลขับ คุณพิมเป็นคนนำทาง ส่วนอีกคนคือ น้องพัชชี่ Blogger เจ้าของฉายา Tiny Chef ก็มาร่วมแจมร่วมสร้างสีสัน เพราะความน่ารักของน้องพัชชี่ แค่น้องเขายิ้ม ก็ทำให้โลกนี้สดใสแล้วล่ะครับ ฮาฮาฮา อย่าเข้าใจผิด อันนี้ไม่ได้จีบ แต่ชมจากใจจริงนะจ๊ะน้อง

d3 d4

การเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง จากขอนแก่นไปบุรีรัมย์ แม้สภาพถนนจะดีมาก แต่เราก็ทำความเร็วไม่ค่อยได้ เนื่องจากเมฆสีเทาทึบบนท้องฟ้าเดือนกรกฎาคม ได้กลั่นตัวโปรยฝนลงมาต้อนรับให้เย็นชุ่มฉ่ำกันไปตลอด แต่วันนี้เราไม่มีอะไรต้องรีบ ขับชมวิวกันไปชิลชิล ถึงบุรีรัมย์ตอนห้าโมงเย็น Check in เข้าที่พักโรงแรม Best Western เสร็จ ตอนนี้พยาธิในท้องกำลังดิ้นกันดุ๊กดิ๊ก! คงถึงเวลาที่ต้องรีบออกไปหาอาหารอร่อยในบุรีรัมย์หม่ำกันหน่อยแล้ว…

d5

จุดหมายแรกของเราอยู่ที่ “ตลาด Night ใหม่” (ชื่อเต็ม ตลาดไนท์พลาซ่า ใหม่) ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนช่างกินตัวจริง เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เต็มไปด้วยอาหารและขนมละลานตา เล่นเอาน้ำลายสอ ชั่วโมงนี้เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด! เราเลยไม่ลังเล ดิ่งเข้าไปที่ “ร้านผัดไททอม-ดี้” ร้านผัดไทยชื่อดังที่เขาประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น ทอม-ดี้ เออ.. อันนี้ชอบ ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เฮ้ย! ทอมหล่อ! ผมอุทาน! แต่รสชาติจะแซ่บเวอร์ขนาดไหน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสั่งมาชิมมีทั้งผัดไทยกุ้งสด ผัดไทยทะเล รวมถึงหอยทอดด้วย เส้นของเขาเหนียวนุ่มกำลังดี น้ำซอสมะขามที่เอามาผัดก็หอมอร่อย รสออกเปรี้ยวหวานกลมกล่อม แต่สิ่งที่ผมว่า Amazing มากคือ กุ้งตัวใหญ่ที่ใส่มาในผัดไทยนั้นสดมากเลย ไม่ใช่กุ้งแก้วตัวใสแจ๋ว! ทำให้รู้สึกว่ามาเที่ยวบุรีรัมย์ก็ยังพอมี seafood กินแบบขำๆ นะ ฮาฮาฮา

d6 d7

นั่งกินไป ดูคู่ทอม-ดี้ ช่วยกันทำผัดไทยอย่างขยันขันแข็ง มือเป็นระวิง แต่ดูเหมือนสองคนนี้จะพูดน้อย ยิ้มอย่างเดียว สงสัยจะเขินกล้องพวกเรา ยุคนี้ต้องบอกเลยว่า แค่ชื่อร้านที่แปลก ติดหูง่าย “ผัดไททอม-ดี้” ก็เรียกลูกค้าได้ไม่ยากแล้วล่ะ ดูอย่างพวกเราสิ เหินฟ้ามาชิมกันเลยนะเนี่ยะ อิอิ

d8

ขอบอกว่ายังไม่อิ่ม! เลยขับรถไปที่ “ตลาดไนท์ เก่า” ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ตลาดไนท์เก่าวันนี้ดูจะเงียบๆ เหงาๆ ไปบ้าง ผิดกับตลาดไนท์ใหม่ที่มีเนื้อที่กว้างขวางกว่าเยอะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วันนี้ตลาดไนท์เก่าก็ยังมีของดีซุกซ่อนอยู่ไม่น้อย ทำให้รู้สึกได้เลยว่าคนบุรีรัมย์เขาช่างกิน ไม่แพ้คนจังหวัดอื่นเลยล่ะ อย่างราดหน้ายอดผักสูตรโบราณ, ปอเปี๊ยะ-เกี๊ยวทอดแสนอร่อย ฯลฯ รวมถึง “เต้าส่วนร้านเจ้ตุ่ม” ที่มีคนมาเข้าคิวรอซื้อยาวเป็นหางว่าว! จนเจ้ตุ่มแกตักขายแทบไม่ทัน! พอเห็นเรามาถ่ายรูป เจ้ก็ยิ้ม แล้วบอกว่าไม่ต้องมาถ่ายแล้ว แค่นี้ก็ขายไม่ทันแล้ว ฮาฮาฮา

d9 d10

วันแรกของการเดินทางมาทักทาย “บุรีรัมย์” จบลงอย่างอิ่มแปล้ ท้องตึง หนังตาหย่อน จนไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน รู้แต่ว่าห้องพักแอร์เย็นฉ่ำของ โรงแรม Best Western ทำให้ผมหลับเป็นตายเลยทีเดียว

d13

เช้าวันถัดมา เราไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ขับรถวนชมตัวเมืองที่เริ่มคึกคัก วนไปจนถึงหน้าโรงแรมแกรนด์ ซึ่งเป็นตึกสีฟ้า เหมือนโรงแรมสไตล์โบราณสร้างมานานมากแล้ว และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนในตัวเมือง ข้างโรงแรมแกรนด์คือ “ร้านก๊วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นมิตรมงคล” ซึ่งเปิดมาหลายสิบปี รสชาติเป็นที่เลื่องลือในยุทธจักรอาหาร แต่โดยส่วนตัวผมแทบไม่กินเนื้อวัวเลย เพราะมีความรู้สึกว่าเนื้อวัวมีกลิ่นสาบ วันนี้เลยแข็งใจลองชิมดูซิ… แค่คำแรกก็อึ้ง เพราะน้ำซุปหอมหวาน เนื้อตุ๋นก็เปื่อยนุ่ม แต่ยังมี texture ให้ได้ออกแรงเคี้ยว ส่วนลูกชิ้นก็เป็นเนื้อแดง ไม่มีเอ็น เคี้ยวง่าย กินคำนึง คีบผักบุ้งใส่ปากคำนึง แล้วซดน้ำตาม โดยส่วนตัวผมว่าอร่อย น่าแปลกที่เขาสามารถลบความคิดที่ว่า เนื้อวัวเหม็นสาบ ของผมไปได้ส่วนหนึ่งเลยทีเดียวครับ

d14d15

เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสมาก ผิดกับเมื่อวานที่ฝนตกตลอด เล่นเอาซะใจเสีย! วันนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “เพ ลาเพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอทเวนเจอร์ แคมป์” ที่อยู่ห่างจากอำเภอเมืองออกไปพอสมควร ในอำเภอคูเมือง โดยวันนี้ คุณชิมิ PR สาวสวยแสนน่ารักของเพ ลาเพลิน จะเป็นคนพาเราเที่ยวชมด้วยตัวเอง ต้องสนุกแน่ๆ

d16

เพ ลาเพลิน เป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้ ความสนุก และการผจญภัย โดยมีโซนของที่พักไว้บริการด้วย แต่ด้วยเนื้อที่อันกว้างใหญ่มาก อาจทำให้เที่ยวชมแบบละเอียดในวันเดียวไม่ทั่วจริงๆ! โซนด้านหน้าพอเข้ามาจากประตูใหญ่ ก็จะเป็นโซนจดหมายเหตุ ประวัติสำคัญๆ ของสยามในอดีต รวมถึงของโบราณ รถโบราณ นาฬิกาโบราณ ของสะสมต่างๆ ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น โดยทุกมุมเขาเหมือนกับจะรู้ใจ จัดไว้สำหรับพวก Photomania หรือพวกชอบถ่ายภาพล่ะครับ แต่ขอบอกว่าอย่าชักภาพจนเพลิน เพราะนี่แค่น้ำจิ้ม ด้านในยังมีสิ่งน่าสนใจให้ดูอีกเพียบ!

d17

น้องพัชชี่ยิ้มหวาน แปลงร่างเป็นสาวปั่นสามล้อส่งดอกไม้ สดใสร่าเริง ขอบอกว่าชอบมากตรงกางเกงลายผ้าถุงที่น้องพัชชี่นุ่ง เพราะทำให้นึกถึงคุณยาย! เอ้ย… ไม่ใช่ ทำให้นึกถึงแคมเปญเที่ยวิถีไทย เก๋ไก๋ ไม่เหมือนใคร ๒๕๕๘ ของ ททท. ถือว่า OK เลยครับน้อง ทำการบ้านมาดี Costume (เครื่องแต่งตัว) ผ่าน อย่างนี้อนาคตรุ่งแน่ ฮาฮาฮา

d18d19

ในโซนด้านหน้านี้มี Farm House จำลองบ้านไร่แบบตะวันตก ที่มีน้องแกะ และน้องม้าเคราะ (ฝรั่งเรียกว่า Pony) เป็นพระเอกนางเอก สาวๆ และเด็กๆ ชอบ ตรงเข้าไปป้อนหญ้ามันอย่างสนุกสนาน

d20

ในโซนของสะสมโบราณ มีมุมหนึ่งจัดไว้ในเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพทางดนตรีของพระองค์ท่าน เห็นแล้วต้องทึ่ง เพราะพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงไพเราะให้เราฟังนับสิบๆ เพลงเลย

d21

อ้าว ใครฝันจะไปดู หิน Stonehenge ที่อังกฤษ แต่ยังไม่มีตังค์ซื้อตั๋วเครื่องบิน (ผมก็คนนึงล่ะ!) มาเที่ยวเพ ลาเพลินแก้ขัดไปก่อนนะ เพราะเขามีหิน Stonehenge จำลองให้แอ็กท่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จริงๆ แล้วจุดนี้เป็นจุดสื่อความหมายที่ดี สำหรับเด็กๆ ที่เข้ามาเที่ยว เหมือนการเปิดโลกการเรียนรู้ให้เขา และสร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปท่องโลกเมื่อโตขึ้น

d22

ได้เวลาหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน! พาตัวและหัวใจไปร้องกรี๊ดสนั่น กับฐานกิจกรรมผจญภัยสนุกๆ ของเพ ลาเพลิน มีตั้งแต่ปีนหน้าผาจำลอง, ไต่กำแพงตาข่ายเชือก, โรยตัวจากหอเอนปีซ่า, ข้ามสะพานเชือกกลางน้ำ, โรยตัวข้ามน้ำ และวิ่งข้ามน้ำสุดระทึก! ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ลองเล่นเถอะ ดูรอยยิ้มของน้องพัชชี่เป็นเครื่องการันตีได้ครับ ขอบอกว่าเสียงน้องพัชชี่กรี๊ดสนั่น จนกำแพงแทบถล่ม! (sorry แซวเวอร์ไปนิด อิอิ) ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วง ถ้าใครไม่ใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย Safety อย่างถูกต้องครบถ้วน Staff เขาก็จะไม่อนุญาตให้เล่นแน่นอน ไว้ใจได้

d23d24d25d26

สายแล้ว แดดเร่ิมร้อนขึ้น เสร็จจากฐานกิจกรรมผจญภัย เราก็นั่งรถพ่วงวนไปชมรอบๆ บริเวณเพ ลาเพลิน ทำให้เห็นว่าเนื้อที่เขากว้างใหญ่มากจริงๆ มีโซนแปลงปลูกพืชผัก, องุ่น, โรงเรือนไม้ดอกไม้ประดับ และยังมีห้องสมุดลอยฟ้าที่ตั้งอยู่กลางทุ่งดอกกุหลาบสีแดงสด ขานรับกับวันฟ้าใส ไม่ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อจริงๆ ว่านี่คือเมืองไทย!

d27

หนึ่งในอาคารที่น่าเข้าไปเยี่ยมชมมากที่สุด คืออาคารแห่งความจงรักภักดี สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง และสมเด็จพระราชินี ของเราปวงชนชาวไทยครับ ภายในจัดแสดงเรื่องราวพระราชกรณียกิจสำคัญๆ ของทั้งสองพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และเรื่องผ้าไหมไทย ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงส่งเสริมให้ประชาชนสร้างอาชีพมีรายได้ ในอาคารนี้ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากชนิด โดยเฉพาะช่วงที่เราไปเที่ยวเป็นฤดูฝน จึงมีการนำดอกกระเจียวขาว กล้วยไม้ขาว และดอกหงส์เหิน (ดอก Globba) เป็นช่อห้อยระย้ายาว มาตกแต่งอย่างงดงาม สดชื่นมาก

d28d29

 พวกเราตั้งใจฟังคุณชิมิ บรรยายเรื่องการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างตั้งอกตั้งใจ

d30

เที่ยงแล้ว คุณชิมิ PR สาวสวย พาพวกเราไปพักผ่อน หม่ำอาหารที่ เพ ลาเพลิน จัดไว้ต้อนรับอย่างอบอุ่น แสนอร่อย พร้อมกับดื่มน้ำสตอว์เบอร์รี่คั้นสดบรรจุขวดทำเอง ว้าว! ดื่มแล้วหน้าใสกันทั้งทีมเลยนะครับเนี่ยะ

d31

ช่วงบ่าย เป็นการตะลุยเที่ยวชม “อุทยานไม้ดอกเพ ลาเพลิน” ซึ่งต้องขอชมเชยเป็นส่วนตัวเลยว่า Amazing มาก! เพราะเขาสร้างโรงเรือนขนาดใหญ่หลายหลัง จัดแสดงพรรณไม้ทั้งเฟิน, กล้วยไม้, ไม้กินแมลง, ต้นไม้ทะเลทราย, สับปะรดสี ฯลฯ แต่ละโรงเรือนใหญ่ไม่ใช่เล่น แถมสร้างอย่างลงทุน วัสดุที่ใช้บุหลังคาและผนัง นำเข้ามาจากประเทศอิสราเอลแท้ๆ จึงสามารถกันความร้อน รักษาความเย็นภายในโรงเรือนได้ยอดเยี่ยม แถมยังมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำหยดและใบพัดดูดอากาศ แทนการใช้แอร์ เพื่อประหยัดไฟ ช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วย ว้าว! I LOVE YOU ชอบๆ

d32

ดอก Forget Me Not แม้ไม่ใช่ดอกไม้ไทย แต่ก็เบ่งบานได้เพราะชอบอากาศอบอุ่นเช่นกัน

d33

 ดอกกระเจียวสีชมพู เบ่งบานเฉพาะในช่วงฤดูฝนอันชุ่มชื้นฉ่ำเย็น

d34

 ทุ่งกระเจียวและบรรยากาศกังหันลมแบบเนเธอร์แลนด์ ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ East Meet West เลยน่ะเนี่ยะ

d35d36

 ดูกันใกล้ๆ ชัดๆ กับ ดอกหงส์เหิน หรือ Globba ดอกไม้ขนาดเล็กจุ๋มจิ๋มน่ารักในวงศ์ขิงข่า บานเฉพาะหน้าฝน

d37

โรงเรือนเฟิน (Fern) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุดเลยล่ะ เพราะพอเข้าไปอยู่ข้างในจะรู้สึกสดชื่น เย็นฉ่ำ เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง! มีทั้งเฟินต้นเล็กต้นใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เขาบอกว่าตั้งใจจะจัดสวนให้เหมือนกับป่าดึกดำบรรพ์ในยุคจูราสสิก หรือประมาณ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นยุคไดโนเสาร์ครองโลก! เฟินเด่นๆ ก็มีทั้งเฟินมหาสดำ (หรือเฟินต้น : Tree Fern), เฟินชายผ้าสีดา, เฟินข้าหลวงหลังลาย, เฟินอุ้งตีนหมี, เฟินก้านดำ รวมถึงปรงและปาล์มบางชนิด และอื่นๆ อีกเพียบ แต่อย่าตกใจล่ะ เดี๋ยวเดินๆ ไปอาจจะจ๊ะเอ๋! กับเจ้าไดโนเสาร์ที่แอบอยู่!

d38d39d40

ถัดมาคือ โรงเรือนกล้วยไม้ (Orchid) ที่จัดไว้ในคอนเซ็ปต์กินรี มีน้ำตกเล็กๆ ตั้งอยู่กลางโรงเรือน พร้อมด้วยระบบระบายอากาศแบบน้ำหยด และพัดลมดูดอากาศขนาดยักษ์ ทำให้เกิดการหมุนวนของลมภายใน เย็นสบาย เดินถ่ายรูปกล้วยไม้กันเพลิน เพิ่งรู้ว่าในโลกเรานี้มีกล้วยไม้หลายจำพวก ทั้งกล้วยไม้ดิน และกล้วยไม้ที่ขึ้นอิงอาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ นับเป็นพรรณไม้มหัศจรรย์ที่มีดอกสวยงามน่าหลงใหลราวกับสาวแรกแย้ม

d41

 กล้วยไม้ดินแสนน่ารัก สีชมพูหวาน ชื่อ เอื้องดินใบไผ่ (หรือหญ้าจิ้มฟันควาย ตามภาษาชาวบ้าน)

d42

ใกล้ๆ กัน คือ โรงเรือนสับปะรดสี (Bromeliad) ซึ่งเป็นพรรณไม้ญาติสนิทกับสับปะรดที่เรากินกัน มันเป็นพืชที่มีใบและดอกสีสันสดใส หลากหลายมาก ทุกวันนี้ผู้คนนิยมปลูกเลี้ยงไว้ประดับสวนดูเล่น แต่อย่าทำเป็นเล่นไป เพราะพืชวงศ์สับปะรดสี มีด้วยกันทั่วโลกกว่า 3,170 ชนิด! นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทำให้หลายคนร่ำรวยจากการปลูกขายมาแล้ว โรงเรือนนี้เขาจัดไว้ในคอนเซ็ปต์โลกใต้สมุทร มีนางเงือกกับน้องปลาการ์ตูนนีโม่ โดยใช้สับปะรดสีสมมิว่าเป็นปะการัง

d43

 สับปะรดสี หรือ Bromeliad

d44

ดอกกระบองเพชร

d45

 ผีเสื้อตัวน้อยกำลังไต่ตอมดอกสับปะรดสี

d46

 ในโรงเรือนสับปะรดสี ยังมีไม้กินแมลงอันน่าฉงน อย่าง หม้อข้าวหม้อแกงลิง ขนาดใหญ่ให้ชมกันด้วย

d47

จากโรงเรือนที่ดูแน่นทึบชุ่มชื่นที่ผ่านมา ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงทวีปแอฟริกาอันร้อนแล้ง เอ้ย.. ไม่ใช่ มาถึง โรงเรือนพรรณไม้ทะเลทราย (Desert Plant) พวกกระบอกเพชร และปาล์มต่างๆ ขอชมว่าจัดได้สวย น่าเดินมากครับ เพราะเขาสร้างเป็นคอนเซ็ปต์พีระมิดกับฟาร์โรห์ มีการสร้างมหาพีระมิดแห่งกีซ่าจำลอง ให้เราเดินลอดเข้าไปจ๊ะเอ๋ กับฟาร์โรห์ตุตันคามุนด้วย! แถมยังมีการการนำกระบองเพชรรูปทรงแปลกพิสดาร สีสวยๆ มาปลูกเลี้ยงไว้เพียบ โรงเรือนนี้อาจจะร้อนอบอ้าวนิดนึง เพราะเขาต้องรักษาอุณหภูมิให้คล้ายทะเลทรายจริงๆ นะครับ

d48d49

โรงเรือนสุดท้ายที่คุณชิมิพาชมก็คือ โรงเรือนวิถีไทย ซึ่งมีการจำลองบ้านไทยอีสาน กองฟาง และน้องควายแสนน่ารัก ยืนต้อนรับผู้มาเยือน โดยเขามีการปลูกดอกหน้าวัวสีแดงไว้เป็นพระเอก แถมยังมีผ้าไทยอีสานเผ่าต่างๆ จัดไว้ให้ชมกันอย่างใกล้ชิดด้วย เห็นหุ่นน้องควายแล้วนึกถึงควายไทย เพราะของจริงมันเหลือน้อยใกล้สูญพันธุ์แล้ว ถูกคนจับไปกินเกือบหมด! ทั้งๆ ที่ควายเป็นสัตว์น่ารัก ซื่อสัตย์ และเราเคยมีข้าวกินกันก็เพราะน้องควายนี่ล่ะ

d50

ถ้ามีเวลาพอ เราก็อยากจะ Check In เข้าพักที่เพ ลาเพลิน เพราะเขามีโรงแรมแสนน่ารัก จัดเป็นคอนเซ็ปต์ต่างกันไปในแต่ละห้อง ตามชื่อประเทศ ไม่ว่าจะเป็นห้องอังกฤษ, ห้องญี่ปุ่น, ห้องเกาหลี, ห้องเวียดนาม ฯลฯ ขอฝากไว้ก่อนละกันนะไว้โอกาสหน้าจะต้องมานอนเล่นในห้องอังกฤษให้ได้เลย เผื่อจะเก่งภาษาอังกฤษกะเขามั่งนะสิ ฮาฮาฮา

d51

โบกมือ บ้ายบาย เพ ลาเพลิน กลับเข้าเมืองบุรีรัมย์ก็สี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว! พร้อมกับหอบเอาภาพจดจำดีๆ เรื่องราวสนุกๆ กลับมาด้วยเพียบ เป็นใครก็ต้องหมดแรง เที่ยวเล่นสนุกสนานกันตั้งแต่เช้าจดเย็นซะขนาดนี้ ท้องร้องจ๊อกๆๆๆๆ เลยจอดรถที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ดู เพราะได้ข่าวว่าที่นี่มีลูกชิ้นทอดอร่อยๆ ให้ชิมกันด้วยจ้า… แต่แค่เจ้าแรกก็ต้องอึ้ง เพราะนี่มัน “ลูกชิ้นนางฟ้า” ชัดๆ น้องน่ารัก ยิ้มหวานซะขนาดนี้ เหมือนใจพี่จะละลาย เคลิ้มไปเลยนะจ๊ะ อิอิ

d52

จุดนี้มีรถเข็นขายลูกชิ้นทอดเรียงรายกันอยู่เกือบ 10 ร้าน แต่ละร้านก็มีสูตรน้ำจิ้มต่างกันไป แต่โดยมากจะมีรสเผ็ดและหวานนำ ทุกร้านจะมีลูกชิ้นกับไส้กรอกทำเองให้เลือกหลายสิบแบบ! เขาจะเอามาทอดในกระทะใบใหญ่น้ำมันร้อนฉ่า! แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์สุดๆ ก็ต้องยืนกินที่หน้าร้านเลย เขามีหม้อน้ำจิ้ม พร้อมผักแกล้ม เป็นพวกกะหล่ำปลีกับแตงกวาให้ฟรีด้วย ราคาก็ไม่แพง แค่ไม้ละ 5 บาท เราเลยกินกันเพลิน เพราะเผลอใจให้น้องนางฟ้าร้านขายลูกชิ้น!

d53d54

 แค่ร้านแรก ก็ยืนจิ้มกินกันไปเกือบ 20 ไม้แล้ว! นี่พวกเรามันสายแข็งชัดๆ!

d55

โชคดีนะ มาถึงบุรีรัมย์ในวันศุกร์พอดี เลยได้มีโอกาสไปดูการแข่งมอเตอร์ไซค์ทางตรง Drag Bike ในช่วงหัวค่ำ ซึ่งอันนี้เป็นการแข่งแบบไม่เป็นทางการครับ โดยทุกคืนวันศุกร์เขาจะมีการเปิดลู่วิ่งพิเศษ ในถนนด้านข้างสนามฟุตบอล i-Mobile ให้สิงห์นักบิด Bike Boy Bike Girl ทั้งหลาย นำรถของตัวเองที่ปรับแต่งมาแรงแค่ไหนก็ได้ มาวิ่ง Test กันอย่างสุดมัน! บรรยากาศของผู้ชมเรือนหมื่น และมอเตอร์ไซค์ที่รอเข้าแข่งอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 คันเป็นอย่างน้อย! ทำให้เสียงกระหึ่ม เร้าใจ ตื่นเต้นมากๆ โดยเฉพาะวินาทีปล่อยตัวรถออกจากเส้น START นั้น จะมันสุด เพราะส่วนใหญ่จะมีการยกล้อโชว์ ทำให้ผู้ชมเฮกันลั่นสนาม ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาผมก็ไม่เชื่อเลยว่า ทุกวันนี้คนบุรีรัมย์เขาจะคลั่งไคล้กีฬาแข่งรถกันมากถึงขนาดนี้!!!

d56d57d58

นี่แค่วันแรก เรายังตะลุยเที่ยวกันซะจดหมดแรงขนาดนี้ ขอพักให้เต็มอิ่มหน่อยเถอะ เมื่อยไปหมดแล้ว โชคดี คุณพิมหัวหน้าทีมของเรา จองโรงแรมดี้ดีมาล่วงหน้า ชื่อ “บ้านเตอร์ รีสอร์ท” อยู่ห่างจากสนามฟุตบอล i-Mobil แค่ 3-4 กิโลเมตรเอง แถมในห้องของผมยังมีปลาโลมาว่ายอยู่ในอ่างน้ำใหญ่เบ้อเริ่มด้วย! Amazing Buriram Style ฮาฮาฮา มีน้องโลมาจ้องผมทั้งคืน! เดินทางไปเที่ยวมาก็เกือบทั่วไทย ไปเที่ยวมาก็หลายประเทศ ไม่เคยมีแบบนี้เลยอ่ะจ้า! จ๊าก!

d59

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-2/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-3/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-4/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-5/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/17/happy-buriram-ttbn08/

ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TATlogo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram

Happy บุรีรัมย์ เมือง Amazing จิงกาเบล!

logo Amazing Journey 2

“บุรีรัมย์” มหานครแห่งอีสานใต้ที่อาบอิ่มด้วยความรื่นรมย์ของรอยยิ้ม ผู้คน ชีวิต ความทันสมัย และอารยธรรมขอมอันเก่าแก่ วันนี้บุรีรัมย์ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการสร้างความผสมกลมกลืนของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เต็มไปด้วยความคึกคัก น่ารัก น่าเที่ยว จนกลายเป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แล้ว

ทีแรกเราอาจสงสัยว่า บุรีรัมย์จะมีอะไรให้สัมผัสชื่นชมบ้างนะ? ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าไม่ได้ไปเห็นกับตา สัมผัสกับตัว ก็คงไม่เชื่อว่า ณ วันนี้บุรีรัมย์คือเมืองที่ร่ำรวยด้วยเสน่ห์และเรื่องราวให้ค้นหาไม่รู้จบ พร้อมแล้วก็รีบคว้ากระเป๋า โดดขึ้นรถ บิดกุญแจสต๊าทเครื่อง บึ่งไปเที่ยว “บุรีรัมย์” กันเลยดีกว่า ฮาฮาฮา…

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram

1. เพ ลาเพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอทเวนเจอร์ แคมป์ (PLAY LA PLOEN Boutique Resort & Adventure Camp) อ.คูเมือง บุรีรัมย์

เป็นอุทยานเพื่อพักผ่อนเรียนรู้ และทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกันได้ทั้งครอบครัว มาเที่ยวที่นี่แล้วรู้สึกสดชื่น เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกไม้พรรณไม้นานาชนิด ผลิดอกพราว ภายในเพ ลาเพลิน นอกจากจะมีที่พักสุดหรูแล้ว ยังมีสวนน้ำ กิจกรรมผจญภัยเป็นฐานๆ ทั้งปีนผาจำลอง, โรยตัว ฯลฯ แถมยังมีอุทยานพรรณไม้ในโรงเรือนขนาดยักษ์ ถ้าขี้เกียจเดิน เขาก็มีรถพ่วงไว้บริการพาชม นับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสานตอนล่างเลยก็ว่าได้! ขอแอบกระซิบว่า บริเวณเขากว้างใหญ่จริงๆ เที่ยววันเดียวไม่ทั่วแน่นอน! เลยต้อง Check In เข้าไปนอนในโรงแรมสุดฮิปของเขาซะหน่อยแล้ว

CONTACT : โทร. 087-7994936, 087-7981039, 087-7976425  www.playlaploen.com

เพลาเพลิน 1 เพลาเพลิน 2 เพลาเพลิน 3 เพลาเพลิน 4 เพลาเพลิน 5 เพลาเพลิน 6 เพลาเพลิน 7 เพลาเพลิน 8 เพลาเพลิน 9 เพลาเพลิน 11

2. ถนนคนเดินเซราะกราว Walking Street อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ใครรู้บ้างว่าเซราะกราวในภาษาเขมรแปลว่าอะไร? ใช่แล้ว แปลว่า “บ้านนอก” ฮาฮาฮา แต่ในความจริง ถนนคนเดินเส้นนี้ Inter เอามากๆ จนเรางงเลยทีเดียวเชียว

ถนนคนเดินเซราะกราวเป็นถนนคนเดินเย็นวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. ที่ถนนรมบุรีย์ หน้าจวนผู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ รับรองว่าถูกใจขาช็อปทั้งหลาย รวมถึงคนที่ชอบสรรหาของกินอร่อยๆ เขามีการนำผ้าทอเด่นๆ จากชุมชนต่างๆ ทั่วบุรีรัมย์มาวางขายกันอย่างละลานตา! แถมยังมีเสื้อยืด, สินค้าเก๋ไก๋, ของกินพื้นบ้าน, พืชผักปลอดสารพิษ ฯลฯ เดินช๊อปไปเพลินๆ พอเหนื่อยก็หาที่นั่งพัก มีร้านนวด และเวทีแสดงหมอลำขับกล่อม จุดเด่นอีกอย่างคือถนนคนเดินเซราะกราวคนไม่เบียดเสียด จึงเดินเล่นเกี่ยวก้อยกันสบายใจ บรรยากาศ Chill & Chic มากๆ เลย

ถนนคนเดินเซราะกราว 1 ถนนคนเดินเซราะกราว 2 ถนนคนเดินเซราะกราว 3 ถนนคนเดินเซราะกราว 4 ถนนคนเดินเซราะกราว 5 ถนนคนเดินเซราะกราว 6 ถนนคนเดินเซราะกราว 7 ถนนคนเดินเซราะกราว 8

3. ชวนกันไปชิม ลูกชิ้นนางฟ้าหน้าสถานีรถไฟ อ.เมือง บุรีรัมย์

เขาว่าถ้าเราได้กินอาหารตา อาหารใจ และอาหารปาก ไปด้วยพร้อมกัน ก็คงจะเป็นความสุขล้นเหลือ! ฮาฮาฮา ได้เชื่ออย่างสนิทใจในประโยคที่ว่านี้ ก็เมื่อได้มายืนกินลูกชิ้นเสียบไม้ ที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ (อยู่ตรงข้ามวงเวียนหอนาฬิกา) นี่เอง จุดนี้มีรถเข็นขายลูกชิ้นทอดเรียงรายกันอยู่เกือบ 10 ร้าน แต่ละร้านก็มีสูตรน้ำจิ้มแตกต่างกันไป แต่โดยมากจะมีรสเผ็ดและหวานนำ ทุกร้านจะมีลูกชิ้นกับไส้กรอกทำเองให้เลือกหลายสิบแบบ! เขาจะเอามาทอดในกระทะใบใหญ่น้ำมันร้อนฉ่า! แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์สุดๆ ก็ต้องยืนกินที่หน้าร้านเลย เขามีหม้อน้ำจิ้ม พร้อมผักแกล้ม เป็นพวกกะหล่ำปลีกับแตงกวาให้ฟรีด้วย ราคาก็ไม่แพง แค่ไม้ละ 5 บาท เราเลยกินกันเพลิน เพราะเผลอใจไปกับยิ้มหวานของน้องนางฟ้าร้านขายลูกชิ้น! ฮาฮาฮา

ลืมบอกไปว่า มีขายทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเลยอ่ะจ้า

ลูกชิ้น บุรีรัมย์ 1 ลูกชิ้น บุรีรัมย์ 2

4. สนามฟุตบอล i-Mobile Stadium (สนาม Thunder Castel Stadium) อ.เมือง บุรีรัมย์

ตื่นตะลึง! กับสนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่าแห่งแรกของเมืองไทย! ที่สนามฟุตบอล i-Mobile Stadium หรือที่ชาวบุรีรัมย์เรียกกันในอีกหลายชื่อ เช่น สนาม Thunder Castle Stadium และ Buriram Stadium จัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า , เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ โดยเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน!

ต้องร้องว้าว! เวลาเข้าไปอยู่ในสนาม i-Mobile จริงๆ เพราะเราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความเป็น Inter คล้ายกับว่าอยู่ในอังกฤษเลย! ในวันที่ไม่มีการแข่งขัน เขาก็มีเปิดให้เข้าชมสนามได้เป็นรอบๆ ฟรีนะคร้าบ และด้านหน้าสนามยังมีร้านขายของที่ระลึกเพื่อแฟนบอลทีมปราสาทสายฟ้าบุรีรัมย์ ขอบอกว่าเสื้อยืดเขาสวยน่าใส่ เท่ห์ไม่หยอกเลย

สนามฟุตบอล i mobile 1 สนามฟุตบอล i mobile 2 สนามฟุตบอล i mobile 3 สนามฟุตบอล i mobile 5 สนามฟุตบอล i mobile 6

5. สนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (Chang International Circuit) อ.เมือง บุรีรัมย์

ขึ้นชื่อว่าสนามแข่งรถ รับรองว่าต้องมันสะใจสุดๆ อยู่แล้ว! ยิ่งถ้าเป็นสนามแข่งรถระดับโลกด้วยล่ะก็ ความมันคงพุ่งทะลุปรอทแน่นอน! สนามแข่งรถช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งรถมารฐานโลก ที่สามารถแข่งรถสูตร 1 หรือ Formula 1 และแข่งรถ Super GT ได้สบายๆ จุดเด่นคือเป็นสนามแข่งรถเพียงสนามเดียวในโลก ที่ผู้ชมบนอัฐจรรย์สามารถมองเห็นได้ทุกโค้ง! ทำให้ไม่พลาดวินาทีแห่งความมัน ขณะกำลังเชียร์ กำลังลุ้นรถแข่งในดวงใจ

ด้านข้างสนามแข่งรถยนต์ ยังมีสนามแข่งรถมอเตอร์ไซค์แบบ Drag Bike ระยะทาง 200 เมตร ให้ Bike Boy Bike Girl ปรับแต่งรถของตัวเองมากันเต็มที่ เพื่อประลองความเร็วกันบนลู่วิ่งอย่างมีกติกา รู้แพ้รู้ชนะ

CONTACT : โทร. 089-585-0515 , 044-604-200  http://bric.co.th  เวลาเปิด จันทร์ – ศุกร์ 09.00 – 17.00 น.

สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 1 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 2 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 3 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 6 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 7 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 9

6. หมู่บ้านหนองตาไก้ แหล่งเรียนภูมิปัญญาผ้าไหมเลอค่า อ.นางรอง บุรีรัมย์

แม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลหนองกง อำเภอนางรอง แต่ด้วยภูมิปัญญาที่สั่งสมมานานจากบรรพบุรุษ บวกกับความขยันขันแข็งของคนบ้านตาไก้ ช่วยกันสืบสานงานศิลป์บนผืนผ้าให้คงอยู่ คนหมู่บ้านนี้ใจดี น่ารัก ยิ้มง่าย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เราสามารถนั่งรถอีแต๋นชมวิถีชีวิตอันเรียบง่ายพอเพียง แวะดูฐานการผลิตผ้าไหมได้ครบวงจร เริ่มตั้งแต่การปลูกต้นหม่อน เลี้ยงตัวไหม สาวไหม ปั่นเส้นไหม ย้อมสี และทอเป็นผืนด้วยกี่กระตุกแบบโบราณ แต่ไม่ใช่ดูอย่างเดียวนะจ๊ะ เรายังลองทำได้ด้วย นี่คือประสบการณ์ตรงที่หาได้ยาก ตอบสนองปีท่องเที่ยววิถีไทย ฮาฮาฮา แต่ถ้าจะไปเที่ยวก็ควรโทรบอกให้ชาวบ้านเตรียมตัวนิดนึงนะ เพราะถ้าเป็นหน้าฝน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะออกไปทำนา อาจจะไม่ได้เห็นครบทุกขั้นตอนการผลิตผ้าไหมจ้า

CONTACT : ประธานกลุ่มทอผ้าไหม บ้านหนองตาไก้ โทร. 08-5280-8396, 08-5490-5230

บ้านหนองตาไก้ 1 บ้านหนองตาไก้ 2 บ้านหนองตาไก้ 3 บ้านหนองตาไก้ 4

7. บ้านโคกเมือง สัมผัสวิถีชุมชนแสนน่ารัก อ.ประโคนชัย บุรีรัมย์

จากภาพของสนามฟุตบอล และสนามแข่งรถอันทันสมัยระดับโลกในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ลองพาตัวและหัวใจออกไปเปลี่ยนบรรยากาศกันที่อำเภอประโคนชัย สัมผัสชุมชนน่ารักแสนอบอุ่น ที่มีรากฐานประวัติสืบย้อนไปได้ถึงสมัยขอม เพราะพวกเขาเป็นชาวขะแมร์ที่อพยพเข้ามาอยู่บนผืนดินสยาม ณ “บ้านโคกเมือง” ผู้ยังคงสืบทอดภูมิปัญญาหลายอย่างมิให้สูญหาย โดยเฉพาะทักษะการทอเสื่อกก และการทอผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม

บ้านโคกเมืองเป็นชุมชนน่ารักที่เปิดเป็นโฮมสเตย์เล็กๆ แบบอบอุ่น เป็นกันเอง ให้เราเข้าไปพักผ่อนนอนเล่น ได้พูดคุยตั้งวงสนทนากับชาวบ้าน ได้ชิมอาหารพื้นถิ่นอร่อยๆ และได้ออกไปปั่นจักรยานเที่ยวชมนาไร่ สวนเกษตรแบบพอเพียง สวนสมุนไพร จนกระทั่งบ้านโคกเมืองได้รับรางวัลเกี่ยวกับโฮมสเตย์ยอดเยี่ยมมาแล้วอย่างโชกโชนทีเดียว

CONTACT : ผู้นำท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกเมือง คุณน้อย โทร. 08-8193-8840

บ้านโคกเมือง 1 บ้านโคกเมือง 2 บ้านโคกเมือง 3 บ้านโคกเมือง 4 บ้านโคกเมือง 5

8. บ้านเจริญสุข แหล่งผลิตผ้าภูอัคนี สีสันมหัศจรรย์จากดินภูเขาไฟ! อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์

เชื่อหรือไม่ว่าในครั้งอดีตกาลนานโพ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน บุรีรัมย์เคยเป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟ! ปรากฏชัดในหลักฐานทางธรณีวิทยา คือภูเขาไฟที่ดับแล้ว 6 ลูกกระจายอยู่ทั่วจังหวัด! แต่ใครจะไปเชื่อว่า ชาวบ้านเจริญสุข แห่งอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตั้งหมู่บ้านอยู่ใกล้กับภูเขาไฟพระอังคาร จะคิดค้นสรรค์สร้างหัตถศิลป์บนผืนผ้าอันประณีตขึ้นได้ โดยการนำดินโคลนภูเขาไฟ มาหมักสร้างสีสันอันวิเศษให้เกิดผืนผ้าที่ไม่เหมือนใคร ได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

ก็เพราะหมู่บ้านเจริญสุข ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีดินภูเขาไฟ อันอุดมด้วยแร่ธาตุที่ปะทุขึ้นมาพร้อมลาวาในอดีต เมื่อทอผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายเสร็จแล้ว ก็นำลงไปย้อมในดินโคลนภูเขาไฟ ทิ้งไว้ตามเวลาที่ต้องการ ในที่สุด ก็จะได้ผืนผ้าแพรพรรณอันวิเศษ เป็นเอกลักษณ์ สร้างชื่อเสียงจนกลายเป็นหมู่บ้าน OTOP Village Champion ไปแล้วล่ะจ้า

CONTACT : กลุ่มทอผ้าฝ้ายผ้าไหม (ผ้าภูอัคนี) หมู่บ้านเจริญสุข โทร. 08-9526-6071

บ้านเจริญสุข 1 บ้านเจริญสุข 2

9. ปราสาทพนมรุ้ง มหาปราสาทบนภูเขาไฟโบราณ อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์

ปราสาทพนมรุ้ง คือมหาศิลานครอันสวยสดและวิจิรพิสดาร ได้รับการเนรมิตขึ้นบนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงจากพื้นดินเบื้องล่างถึง 200 เมตร จึงแลเห็นได้จากระยะไกลหลายกิโลเมตร โดยสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ อันเป็นเทพสูงสุด 1 ใน 3 ตามความเชื่อขอมโบราณ พนมรุ้งได้รับการสร้างให้มีผังเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อแทนเขาพระสุเมรุนั่นเอง

ทว่าความมหัศจรรย์ของพนมรุ้ง มิได้อยู่ที่ตัวโครงสร้างสถาปัตย์อันใหญ่โตและประณีตในทุกรายละเอียดเพียงอย่างเดียว ทว่ายังอยู่ที่ความมหัศจรรย์ในปริศนาการคำนวณทางคณิตศาสตร์อันลึกล้ำด้วย! เพราะนายช่างขอม ได้ศึกษาธรรมชาติ จนสามารถออกแบบให้ทุกปี จะมี 2 ช่วงเวลา ที่พระอาทิตย์จะขึ้นและตก ได้ตรง 15 ช่องประตูของพนมรุ้งอย่างน่าอัศจรรย์! คือ จะแลเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงทั้ง 15 ช่องประตูได้ ในช่วงเดือนกันยายน ส่วนพระอาทิตย์ตก ตรง 15 ช่องประตู อยู่ในช่วงเดือนเมษายน ผู้คนจะหลั่งไหลไปชมปรากฏการณ์อันน่าฉงนนี้นับหมื่นๆ คน!

นอกจากนี้ ในด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธาน ยังมี “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” ที่เคยหายสาบสูญไปจากสยาม แต่ได้รับการคืนมาติดตั้งไว้ในที่เดิมของมันอย่างสมบูรณ์ เป็นสมบัติของชาติที่ควรหวงแหน

ปราสาทพนมรุ้ง 1 ปราสาทพนมรุ้ง 2 ปราสาทพนมรุ้ง 3 ปราสาทพนมรุ้ง 4 ปราสาทพนมรุ้ง 6

10. ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทหินทรายกลางทะเลจำลอง อ.ประโคนชัย บุรีรัมย์

ห่างจากปราสาทพนมรุ้งเพียง 8 กิโลเมตร บนพื้นที่ราบต่ำใกล้บาราย (หรือสระน้ำขนาดใหญ่) คือที่ตั้งของ “ปราสาทเมืองต่ำ” ปราสาทหินทรายอันแสนพิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสระน้ำล้อมรอบ สี่มุมประดับด้วยนาค 5 เศียร ซึ่งเป็นนาคหัวโล้น ไม่ใช่นาคทรงเครื่องแบบที่พบในปราสาทพนมรุ้ง

แม้จะไม่ใช่ปราสาทขนาดใหญ่โตนัก แต่ด้วยรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมขอมอันประณีต มีปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นกลุ่มปรางค์ประธาน ถือว่าหาได้ยากยิ่ง คนที่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี มาเที่ยวที่นี่คงจะรู้สึกเหมือนได้เดินย้อนอดีตไปในทุกย่างก้าว แถมยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ให้เลือกกันเพียบ

ปราสาทเมืองต่ำ 1 ปราสาทเมืองต่ำ 2 ปราสาทเมืองต่ำ 3 ปราสาทเมืองต่ำ 4

11. ภูเขาไฟกระโดง จุดชมวิวพาโนรามา อ.เมือง บุรีรัมย์

แมกไม้เขียวครึ้มที่งอกงามขึ้นปกคลุม “ภูเขาไฟกระโดง” บ้านน้ำซับ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ แท้จริงคือสิ่งซ่อนเร้นพรางตา ของภูเขาไฟโบราณ 1 ใน 6 ลูก ที่ดับสนิทแล้วของบุรีรัมย์ โดยทุกวันนี้เรารู้จักมันในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง”

ป่ากว้างขวาง 6 พันกว่าไร่ ในวนอุทยาทภูเขาไฟกระโดง คือแหล่งอาศัยพักพิงของสัตว์ป่าขนาดเล็ก และนกนานาชนิด จากเชิงเขาด้านหน้า ถ้าใครฟิตพอ ก็สามารถเดินขึ้นบันไดสูงลิบไปไหว้พระบนยอดเขาได้ แต่ถ้าไม่ไหว เราไม่ว่ากัน เพราะเขามีทางรถยนต์ขึ้นถึงยอดเขาได้เช่นกัน เพื่อนำเราไปสักการะรอยพระพุทธบาทจำลอง หรือจะลองไปเดินเล่นรอบปากปล่องภูเขาไฟโบราณ! เดินข้ามสะพานแขวนลาวา! ตื่นตากับต้นโยนีปีศาจ! (พรรณไม้ประหลาดแห่งเขากระโดง) แต่ถ้ารู้สึกว่าอากาศบนนี้ร้อนเกินไป ก็ลองไปซื้อน้ำเย็นๆ มาซดให้ชื่นใจ พร้อมกับชมวิวจากมุมสูง มองเห็นได้แบบพาโนรามา น่าประทับใจจริงๆ

ภูเขาไฟกระโดง 1 ภูเขาไฟกระโดง 2 ภูเขาไฟกระโดง 3 ภูเขาไฟกระโดง 4

12. ภูพระอังคาร ร่องรอยภูเขาไฟล้านปี! อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์

1 ใน 6 ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วในปัจจุบันของบุรีรัมย์ แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ “ภูพระอังคาร” ปรากฏอยู่ด้วยแน่นอน เพราะภูสูง 331 เมตร ซึ่งมีแมกไม้ป่าละเมาะขึ้นปกคลุมลูกนี้ แท้จริงคือภูเขาไฟรูปโคน (หรือรูปฝาชีคว่ำ) ที่มีอายุเก่าแก่นับล้านปี! จากการสำรวจพบว่าในปากปล่องมีเนื้อที่ถึง 4 หมื่นตารางเมตร! และเคยเป็นทะเลสาบมาก่อนด้วย! ทว่าน้ำนั้นได้ระเหยไปหมดสิ้นนานแล้ว นับเป็นความมัหศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่น่าศึกษา น่าไปยลด้วยตาตนเองเป็นอย่างยิ่ง

การชมภูเขาไฟภูพระอังคารให้ได้เห็นเต็มตา เราต้องขับรถขึ้นไปที่ “วัดเขาอังคาร” แล้วมองไปยังภูพระอังคาร จึงเหมาะที่จะขึ้นไปเที่ยวในตอนเช้าหรือเย็น เพราะแดดจะไม่ร้อนจัด วัดเขาอังคารเป็นวัดโบราณมาก คาดว่าสร้างขึ้นสมัยเดียวกับปราสาทพนมรุ้ง มีร่องรอยของซากโบราณสถานสมัยทวาราวดี และเสมาหินแกะสลักจำนวนมากกระจายอยู่ ทุกวันนี้วัดเขาอังคารมีศิลปะผสมผสานระหว่างใหม่เก่า อันเกิดจากการบูรณะทับซ้อนกันหลายยุคเลยล่ะ

ภูพระอังคาร 1

ภูพระอังคาร 2 ภูพระอังคาร 3

13. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อาณาจักรสรรพสัตว์ในผืนป่ามรดกโลก อ.โนนดินแดง บุรีรัมย์

หลายคนคงไม่เคยรู้เลยว่า บุรีรัมย์ไม่ได้มีแต่สนามแข่งรถระดับโลก และไม่ได้มีแต่สนามฟุตบอลระดับมาตรฐานฟีฟ่า แต่ยังมีป่าใหญ่ผืนสุดท้าย อันเป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ขององค์การ UNESCO เราเรียกที่นั่นว่า “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” บ้านของพืชพรรณและสัตว์ป่าหายากนานาชนิด

ทว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (Wild Life Sanctuary) มิได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ท่องเที่ยวเป็นหลักเหมือนกับ อุทยานแห่งชาติ (National Park) การเข้าไปท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติ จึงต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง ป่าผืนนี้มีโขลงช้าป่าอันแสนน่ารัก มีนกยูงไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ เป็นแหล่งดูผีเสื้ออันยอดเยี่ยม แถมยังมีนกในวงศ์ไก่ป่าและไก่ฟ้าสวยงามหลายชนิด โดยเฉพาะไก่ฟ้าพญาลอ ที่ดุ่มเดิมหากินอยู่อย่างเสรีในราวไพรอันแสนพิสุทธิ์ เป็นภาพที่น่าจดจำมิรู้ลืม

CONTACT : หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ โทร. 08-7868-2500

ป่าดงใหญ่ 1 ป่าดงใหญ่ 3 ป่าดงใหญ่ 4 ป่าดงใหญ่ 5 ป่าดงใหญ่ 6 ป่าดงใหญ่ 7

14. ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ และศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า อ.เมือง บุรีรัมย์

ศาลหลักเมือง คือศูนย์รวมใจรวมศรัทธาของชาวบุรีรัมย์มาช้านาน ตัวอาคารเดิมมีขนาดเล็ก จึงมีการบูรณะสร้างใหม่ให้มีขนาดใหญ่โตอลังการขึ้น โดยเลียนแบบสถาปัตยกรรมของปราสาทหินพนมรุ้ง ทว่าภายในนั้นน่าแปลก เพราะมีเสาหลักเมืองอยู่ถึง 2 ต้น! โดยเสาต้นหนึ่งสูงกว่า ตั้งตรง เป็นทรง 8 เหลี่ยม โผล่พ้นจากพื้น 1.99 เมตร และยังมีเสาต้นเล็กที่เอียงอยู่ โผล่พ้นดินขึ้นมาเพียง 1.15 เมตร จุดที่ตั้งศาลหลักเมืองนี้เคยเป็นจุดที่รัชกาลที่ 1 ทรงเคยเสด็จมาพักทัพ เพราะบริเวณนี้มีทำเลเหมาะสม มีสระน้ำ มีต้นแปะขนาดใหญ่ จึงโปรดเกล้าให้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองแปะ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองบุรีรัมย์” ในภายหลัง

ในบริเวณเดียวกับศาลหลักเมือง ยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า” เป็นศาลเจ้าจีน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2551 ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปเจ้าพ่อหลักเมืองและเทพเจ้าจีน คือ ปึงเถ่ากง-ปึงเถ่าม่า เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งคนจีนเคารพนับถือกันอย่างมากนั่นเอง

ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 1 ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 2 ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 4 ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 5

15. วัดกลางพระอารามหลวง อ.เมือง บุรีรัมย์

ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ คือที่ตั้งของพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองบุรีรัมย์ “วัดกลางพระอารามหลวง” เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ เปี่ยมด้วยมนต์ขลังของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้านข้างโบสถ์ เรียกว่า “สระสิงโต” เป็นจุดที่เจ้าพระยาจักรี (หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในเวลาต่อมา) ทรงหยุดพักทัพ ระหว่างไปทำศึกกับเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ โดยน้ำในสระนี้ได้รับการนำไปประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และเมื่อคราวที่มีการจัดพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 ก็มีการอัญเชิญน้ำในสระนี้ไปทูลเกล้าถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย

วัดกลางอารามหลวง 1 วัดกลางอารามหลวง 4

อนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 บุรีรัมย์

16. ตลาด Night เก่า Night ใหม่ แหล่งของกินหลากหลาย จุใจสุดๆ! อ.เมือง บุรีรัมย์

แหม… ตะลุยเที่ยวกันมาซะทั่วจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ขอย้อนกลับเข้ามานอนพักผ่อนให้สบายตัว ในเมืองบุรีรัมย์ก่อนกลับบ้านสักคืน มื้อเย็นคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการออกไปตระเวนกินให้สะใจ กับหลากหลายร้อยเมนูอร่อย ที่ “ตลาด Night เก่า” และ “ตลาด Night ใหม่” ทั้งของคาว ของหวาน ของทานเล่น ทานจริง เพียบ แค่เตรียมตังค์กับเตรียมพุงไปก็พอ ฮาฮาฮา อย่างที่ตลาด Night เก่า มี เต้าส่วนเจ้ตุ่ม ที่อร่อยจัด! จนคนเข้าคิวรอซื้อกันเลย!!! ตักขายแทบไม่ทัน ส่วนที่ตลาด Night ใหม่ มี ผัดไทยทอมดี้! เฮ้ย ชื่อแปลกดี แถมรสชาติก็ไม่ธรรมดา ต้องไปลองชิมกันเองนะจ๊ะ

ตลาด Night 1 ตลาด Night 2 ตลาด Night 3 ตลาด Night 4

17. ขาหมูนางรอง ต้นตำรับความอร่อยที่ห้ามพลาด! อ.นางรอง บุรีรัมย์

ทริปเที่ยวบุรีรัมย์ของเรา คงจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้าไม่ได้ไปลิ้มลองขาหมูแสนอร่อยแห่งอำเภอนางรองสักครั้ง ที่อร่อยๆ เลยมีอยู่ 2 ร้าน คือ ร้านจิ้งนำ และ ร้านลักษณา แนะนำว่าไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครขายมาก่อน แต่ควรจะสนใจเรื่องรสชาติและรูปแบบมากกว่า คือของร้านลักษณาจะเป็นขาหมูตุ๋นเครื่องยาจีน น้ำขาหมูค่อนข้างใส น้ำรสออกหวานนำ ส่วนเนื้อขาหมูเหนียวนุ่ม กินคู่กับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวกำลังดี และผักกาดดองเปรี้ยวกลมกล่อม

ส่วนของร้านจิ้งนำ (อยู่คนละฝั่งถนน ตั้งประจันหน้ากันเลย) เป็นขาหมูหมั่นโถว รสชาติจะออกหวานนวล เนื้อขาหมูนุ่มตุ๋นมาอย่างดี คากิก็ถึงเครื่อง หนังลื่นไม่ต้องเคี้ยว น้ำราดขาหมูเข้มข้นด้วยเครื่องยาจีน กินแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่เลี่ยนจ้า

CONTACT : ขาหมูร้านจิ้งนำ โทร. 0-4462-2149 / ขาหมู ร้านลักษณา โทร. 0-4463-1158, 0-4463-1774

ขาหมูนางรอง 1 ขาหมูนางรอง 2

 ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TATlogo Nok Airequinox-extreme-78502531logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

คู่มือนักเดินทาง

– รถยนต์ :  จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ผ่านอำเภอหนองกี่ อำเภอนางรอง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ ตามทางหลวงหมายเลข 218 ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 410 กิโลเมตร

– รถไฟ : มีรถไฟสายกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ-สุรินทร์ และนครราชสีมา-อุบลราชธานี ทั้งขบวนรถด่วน รถเร็ว รถธรรมดา และรถดีเซลราง ผ่านสถานีบุรีรัมย์ทุกขบวน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1690, 0-2220-4334, 0-2220-4444

– เครื่องบิน : มีเที่ยวบินตรง จากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกวัน จองตั๋วติดต่อ Nok Air www.nokair.com โดยสนามบินบุรีรัมย์อยู่ที่อำเภอสตึก ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ขึ้นไปทางทิศเหนือ ประมาณ 40 กิโลเมตร ต้องนั่งรถต่อเข้าเมือง มีทั้งรถบัส, รถแท็กซี่, รถยนต์เช่าขับเที่ยวเอง

I Miss You คิดถึงโคราช

เคยรู้ไหมว่าจังหวัดอะไรมีพื้นที่มากที่สุดในเมืองไทย? หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าคำตอบจะเป็น “โคราช” หรือจังหวัดนครราชสีมา แถมยังมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจาก กทม. อีกด้วย โคราชจึงเป็นเมืองเอกแห่งภาคอีสาน มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ผู้คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส คงเพราะอย่างนี้เอง เราจึงรู้สึก “คิดถึงโคราช” จนต้องรีบเก็บกระเป๋าไปชิมผัดหมี่โคราชกันเถอะ

ย่าโม 1 ย่าโม 2

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มาถึงโคราชแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำ คือการไปรายงานตัวต่อ “ย่าโม” (ท้าวสุรนารี) วีรสตรีผู้กอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์กษัตริย์เวียงจันทน์ เมื่อ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมายึดนครราชสีมาได้ คุณหญิงโมและนางสาวบุญเหลือรวมผู้คนต่อสู้ทหารลาว ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 กู้เมืองนครราชสีมากลับคืนมาได้ ปัจจุบันอนุสาวรีย์ย่าโมตั้งอยู่ที่หน้าประตูชุมพล กลางเมืองโคราช เป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่งจากคนทั่วประเทศ

verona 1 verona 2 verona 3 verona 4 verona 5 verona 6 verona 7

โครราชวันนี้เป็นเมืองยุคใหม่ Inter จริงๆ เพราะเขามีแหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-made ที่สวยงามน่าชม เปี่ยมเสน่ห์ นั่นคือ “The Verona at Tublan” อยู่ในเขตทับลาน อำเภอวังน้ำเขียว จำลองมาจากเมืองเวโรน่า (Verona) ในแคว้นเวเนโต้ (Veneto) ประเทศอิตาลี ต้นกำเนิดนวนิยายรักบันลือโลกโรมิโอและจูเลียต มาสร้างเป็น The Verona ที่ให้ความรู้สึกโรแมนติกสุดๆ ด้วยการจำลองสะพาน Castelvecchio ทะเลสาบ Garda ลานกลางแจ้งแบบ Arena หอคอย Lamberti หอนาฬิกา หอระฆัง และจัตุรัสเออร์เบ ที่นี่ยังร้านกว่า 120 ร้าน ให้ได้ชม ชิม ช๊อป แชะ กันอย่างจุใจเชียวล่ะ

ปรสาทพิมาย 1 ปรสาทพิมาย 2 ปรสาทพิมาย 3 ปรสาทพิมาย 4

ปราสาทหินพิมาย เป็นปราสาทหินขอมขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย! ตั้งอยู่ในอำเภอพิมาย สร้างสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ สร้างด้วยรูปแบบศิลปะบาปวนผสมกับศิลปะนครวัด ทำให้ตีความได้ว่าปราสาทนี้ถูกดัดแปลงมาเป็นของพุทธ ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทพิมายเคยเป็นศูนย์กลางเมืองพิมาย หรือวิมายปุระ ผังเมืองเป็นสี่เหลี่ยม ตัวปราสาทอลังการ มีปรางค์ประธานทรงฝักข้าวโพดซึ่งยังสมบูรณ์มาก แถมยังมีปรางค์หินแดง และปรางค์พรหมทัต ขนาบข้าง ถ่ายภาพออกมาเห็นเป็นปรางค์ใหญ่ 3 องค์ ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นอุทยทานประวัติศาสตร์พิมาย เนื้อที่ถึง 115 ไร่

ปราสาทพนมวัน 1 ปราสาทพนมวัน 2 ปราสาทพนมวัน 3 ปราสาทพนมวัน 4 ปราสาทพนมวัน 5

ปราสาทพนมวัน เป็นปราสาทหินขอมใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทย สร้างขึ้นครั้งแรกช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 สมัยแกะแกร์-บาแค็ง เป็นปรางค์ 5 หลัง แล้วมาถูกสร้างทับในยุคใกล้เคียงกันอีก รวมเป็นอาคารอิฐ 10 หลัง ทางด้านทิศตะวันออกมี “บาราย” หรือสระน้ำใหญ่ประจำชุมชน เรียกว่า “สระเพลง” ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงใช้ประโยชน์ได้อยู่ และมีสภาพเป็นบึงบัวอันสวยงาม ปราสาทพนมวันเป็นปราสาทที่สร้างไม่เสร็จ! อาจเพราะเคยมีการพังถล่ม จึงมีการซ่อม หรืออาจเป็นไปตามเรื่องเล่าของชาวบ้านพนมวัน ว่่าฝ่ายหญิงและชายแข่งกันสร้างปราสาทหิน โดยฝ่ายชายถูกฝ่ายหญิงหลอกว่าสร้างเสร็จแล้ว ฝ่ายชายจึงทำลายปราสาทพนมวันของตนลงในที่สุด!

ปราสาทพะโค 1 ปราสาทพะโค 2 ปราสาทพะโค 3

ปราสาทพะโค แม้จะเล็ก แต่ก็แจ๋ว! เพราะเป็นเทวาลัยประจำชุมชน สร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 15-16 ด้วยศิลปะขอมยุคคลาสสิก สังเกตได้จากการแกะสลักหินบนทับหลังเป็นลวดลายอ่อนช้อย ทว่าผ่านกาลเวลามานับพันปีจึงพังทลายลง สิ่งที่น่าฉงนชวนให้ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปราสาทพะโคคือ การถูกทุบทำลายแทบจะราบเป็นหน้ากลองโดยไม่ทราบสาเหตุ!? สันนิษฐานว่าอาจเพราะชุมชนที่นี่นับถือพระวิษณุ (ดูจากทับหลัง) ผิดกับชุมชนขอมส่วนใหญ่ที่นับถือพระศิวะ จึงอาจเกิดความขัดแย้งขั้นรุนแรง ปราสาทพะโคตั้งอยู่ริมถนนสาย 224 ในอำเภอโชคชัย เลยบ้านดินเผาด่านเกวียนไป 30 กิโลเมตร ถ้าไม่สังเกตให้ดีอาจขับรถเลยนะจ๊ะ

ด่านเกวียน 1 ด่านเกวียน 2 ด่านเกวียน 3 ด่านเกวียน 4

เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมานาน ทำสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน อยู่ที่บ้านด่านเกวีน อำเภอโชคชัย กระทั่งปัจจุบันได้ก้าวขึ้นเป็น OTOP ระดับแนวหน้าของโคราชเลยทีเดียว ความโดดเด่นของเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ไม่ได้อยู่ที่รูปทรงสวยงามเท่านั้น แต่ยังเจ๋งตรงเนื้อดินและสี เพราะดินที่นำมาใช้เป็นดินริมแม่น้ำมูล ง่ายต่อการขึ้นรูป และเมื่อเผาแล้วจะทนทาน เนื้อมันวาว ที่สำคัญคือได้ผลิตภัณฑ์สีน้ำตาลแดง และสีแดงเลือดปลาไหล เป็นที่นิยมมาก ในอดีตมีการทำกันเฉพาะหม้อไห แต่ทุกวันนี้เกิดไอเดียบรรเจิด พัฒนารูปแบบเป็นตุ๊กตาน่ารักมาก

สานหวาย 1 สานหวาย 2 สานหวาย 3

คนโคราชมีฝีมือในเรื่องงานหัตถกรรม โดยเฉพาะการจักสานด้วยหวายเป็นเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ เพราะในอดีตไม่มีพลาสติกใช้ ชาวบ้านจึงเข้าป่าหาหวายเหนียวๆ ดีๆ มาสานเป็นเครื่องใช้ไม่สอยในครัวเรือน ไล่ตั้งแต่ตะกร้า แจกัน เก้าอี้ โตกใส่ข้าว กระเป๋าถือ ฉากกั้นห้อง ฯลฯ ก่อนกลับบ้านลองแวะไปที่ ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย เลือกซื้อหาผลิตภัณฑ์หวายชั้นเยี่ยมจากช่างผู้ชำนาญ ราคาไม่ได้สูงอย่างที่คิด แต่ซื้อแล้วคุ้ม เพราะเครื่องหวายแท้ใช้ทนหลายสิบปี แถมยังถือเป็นการช่วยให้งานฝีมือท้องถิ่นคงอยู่ต่อไปด้วยจ้า (ติดต่อคุณละม่อม ฉายพิมาย โทร. 0-4420-0182)

 Special Thanks: ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และโครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวเที่ยวไทย โดยคุณนครพจน์ ปิ่นมิ่ง สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี

โคราช Guide

How to go : นครราชสีมาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 259 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ไปได้หลายทาง เช่น ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงสระบุรี กม. 107 เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ไปจนถึงนครราชสีมา เป็นเส้นทางยอดฮิต / หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านมีนบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอพนมสารคาม กบินทร์บุรี วังน้ำเขียว ปักธงชัย ไปจนถึงนครราชสีมา รวม 273 กิโลเมตร

Where to stay : แนะนำ Rom Yen Garden Place โทร. 0-4426-0116-7 http://romyengardenplace.com

What to eat : มาถึงโคราชแล้วต้องชิม “ผัดหมี่โคราช” คล้ายผัดไทย แต่ต้องใช้เส้นหมี่โคราชเท่านั้น เส้นจะเหนียวนุ่ม รสชาติออกเปรี้ยว เผ็ด หวาน โดยตอนผัดเขาจะใส่พริกป่นลงไปด้วยเล็กน้อย รสแซ่ปดี

Souvenirs : ผ้าไหมชั้นเยี่ยม, เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน, เครื่องหวายตำบลรังกาใหญ่, หมูยอ กุนเชียง หมูแผ่น

More info : ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทร. 0-4421-3030, 0-4421-3666

เมืองต้องห้ามพลาด! “ชุมพร” ประตูสู่ภาคใต้

หาดทรายแดง 1

ได้เวลาเก็บกระเป๋า ชวนกันไปเที่ยว “ชุมพร ประตูสู่ภาคใต้” เมืองแห่งสีเขียวและความเงียบสงบสไตล์ Slow Travel โดยเริ่มต้นกันที่ “เนินทรายยักษ์บางเบิด” บนเขตรอยต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเนินทราย หรือ Sand Dune ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย!!! คือเป็นเนินทรายสีน้ำตาลแดง เม็ดละเอียด ถูกคลื่นลมพัดมากองรวมกันนานนับพันปี! สูงกว่า 10-20 เมตร และยาวถึง 10 กิโลเมตร! มีต้นเตยทะเลขนาดใหญ่งอกงามอยู่ดาษดื่น เป็นภูมิทัศน์มหัศจรรย์ธรรมชาติอันแสนแปลกตาสุดๆ

หาดทรายแดง 2

 ทัศนียภาพสวยงามแปลกตา ณ เนินทรายยักษ์บางเบิด

หาดทรายรี

 หาดทรายรี แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดลมบนของชุมพรมาช้านาน เป็นเวิ้งอ่าวรูปจันทร์เสี้ยว สวยงามสะอาดตา เหมาะจะมาพักผ่อนหรือนั่งปิกนิกชมธรรมชาติกัน เพราะที่หาดนี้มีห้องพักและร้านอาหารให้เลือกมากมาย

ศาลกรมหลวงชุมพร 1

 นอกจากหาดทรายรีจะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวชุมพรแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญคือ “ศาลกรมหลวงชุมพร” อนุสรณ์สถานของ พลเรือเอก พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ผู้ทรงสถาปนากองทัพเรือสมัยใหม่ให้แก่สยามประเทศ จนเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไปในพระนาม “เสด็จเตี่ย” ซึ่งทหารเรือและชาวเรือทุกคนเคารพยิ่ง ก่อนออกเรือต้องระลึกถึงท่านเสมอ เพื่อให้ปลอดภัยกลับมา

ศาลกรมหลวงชุมพร 2ศาลกรมหลวงชุมพร 3ศาลกรมหลวงชุมพร 4

 นอกจากจะได้พระนาม “เสด็จเตี่ย” แล้ว กรมหลวงชุมพรฯ ท่านยังได้ฉายา “หมอพร” จากชาวชุมพรทุกคนด้วย เพราะหลังจากพระองค์ลาออกจากราชการแล้ว ได้ทรงมาทำงานส่วนพระองค์เป็นแพทย์รักษาคนป่วยฟรี อยู่ที่เมืองชุมพร จนเป็นที่รักใคร่ของปวงชน กระทั่งทรงเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2466 ณ หาดทรายรี นี่เอง สิริพระชนมายุเพียง 43 พรรษา ถือว่าพระองค์จากเราไปรวดเร็วเหลือเกิน!

ศาลกรมหลวงชุมพร 5

 เรือรบหลวงชุมพร เป็นเรือตอปิโอขนาดใหญ่ที่ปลดประจำการแล้ว ชาวชุมพรได้ขอให้กองทัพเรือนำขึ้นบกมาจัดแสดงไว้ใกล้ศาลกรมหลวงชุมพร เพื่อเป็นอนุสรณ์ โดยเรือนี้ปลดประจำการเมื่อปี พ.ศ. 2518 และนำมาแสดงไว้ที่หาดทรายรีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 นับเป็นการเทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งราชนาวีไทยอย่างสูง

ศาลกรมหลวงชุมพร 6

 อีกมุมหนึ่งของ ศาลกรมหลวงชุมพร หาดทรายรี

อนุสาวรีย์ ยุวชนทหาร

 ชุมพรเป็นเมืองคนกล้าอย่างแท้จริง มีหลักฐานปรากฏชัดจากอดีตมาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะที่ “อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร” เรื่องจริงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทหารญี่ปุ่นบุกยกพลขึ้นบกที่บริเวณหาดบ้านคอสน ตำบลบางหมาก อำเภอเมืองชุมพร จนมีการปะทะกันอย่างดุเดือดกว่าครึ่งวัน กับกองกำลังผสมฝ่ายสยาม ประกอบด้วยยุวชนทหารที่ 52 โรงเรียนศรียาภัย และกองพันทหารที่ 38 จุดปะทะกันอยู่ที่เชิงสะพานท่านางสังข์ อันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ยุวชนทหารนั่นเอง ปัจจุบันอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 4001 (ถนนสายชุมพร-ปากน้ำ) เข้าไปชมและทำความเคารพได้ไม่ยาก

เขาดินสอ 1

 ทุกปีในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ขณะที่สายฝนชุ่มฉ่ำกำลังพร่างพรมอาบรดผืนดินทั่วชุมพร นั่นคือฤดูกาลแห่ง “การดูเหยี่ยวอพยพ” ที่เขาดินสอ อำเภอปะทิว นักดูนกจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลมาที่นี่นับหมื่นคน! เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์การอพยพของฝูงเหยี่ยวหลายสิบชนิด รวมแล้วนับแสนตัว! ถ้าจะดูให้สนุก ควรมีคู่มือดูนก (Bird Guide) และกล้องส่องทางไกลคุณภาพดีๆ ไปสักตัว จะได้เห็นชัด

เขาดินสอ 2เขาดินสอ 3เขาดินสอ 4

 ดูเหยี่ยวอพยพอย่างเดียวอาจไม่สะใจพอ ต้องขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย โชคดีได้กล้องและเลนส์ Tele 500 มิลลิเมตร f4 VRII NANO จาก Nikon Sales Thailand เลยได้ภาพเหยี่ยวสวยๆ มากฝากกันไงล่ะ

เขามัทรี 1

 ชวนกันขับรถขึ้นไปชมวิวที่ “เขามัทรี” ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร ด้านบนมีจุดชมวิวแบบสุดสายตาพาโนรามา เห็นได้ทั้งทิศตะวันออก-ตะวันตก ทั้งฝั่งอ่าวไทยและชุมชนประมงปากน้ำ บนยอดเขามัทรีเป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมพระโพธิสัตย์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลา จากจุดนี้มองออกไปเห็นเวิ้งอ่าวภราดรภาพ ปากน้ำชุมพร ชุมชน และท่าเทียบเรือ บรรยกาศยามเย็นโรแมนติกสุดๆ อย่ามาคนเดียวล่ะ เดี๋ยวจะเหงา!

เขามัทรี 3เขามัทรี 4เขามัทรี 5เขามัทรี 6

 จากจุดชมวิวยอดเขามัทรี มองไปทางตะวันออกเห็นทะเลอ่าวไทย และเวิ้งอ่าวภราดรภาพ ได้ตระการตาจริงๆ

เชามัทรี 2

 เจ้าแม่กวนอิมพระโพธิสัตย์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลา บนยอดเขามัทรี

สวนลุงนิล 1

 เที่ยวท่องล่องธรรมชาติชุมพรกันมาพอสมควรแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสวิถีชุมชนชาวสวนแบบพอเพียงกันบ้าง ที่ “สวนลุงนิล” ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก ชื่นชมแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ที่ได้รับการนำมาปฏิบัติจนเป็นรูปธรรมของ ลุงนิล (คุณสมบูรณ์ ศรีสุบัติ) เกษตรกรตัวอย่างที่เนรมิตให้ที่ดินเพียง 17.13 ไร่ กลายเป็นสวรรค์ ทำรายได้ให้ปีละหลายล้านบาท!!! จนเหลือกินเหลือใช้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ

สวนลุงนิล 2สวนลุงนิล 3

 ผลจากการลองผิดลองถูก เริ่มต้นด้วยการปลูกสวนทุเรียนอยู่หลายปี จนในที่สุดองค์ความรู้ตกตะกอน กลายเป็นปราชญ์ชาวบ้าน 1 ใน 25 ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ที่สำนักงานการฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) คัดเลือกให้เป็นปราชญ์นำร่อง ขยายองค์ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กว้างขวางย่ิงขึ้น ทุกวันนี้บ้านลุงนิลจึงหัวกระไดไม่แห้งเลย มีคนจากทั่วประเทศมาเยี่ยมชมตลอดทั้งปี เจ๋งสุดคือ แนวคิดการปลูกพืชแบบคอนโด 9 ชั้น อันมีชื่อเสียงของลุงนิล ทำให้คนร่ำรวยกันมานักต่อนักแล้ว!!!

สวนลุงนิล 4

 บ้านลุงนิล ร่มรื่น สมเป็นบ้านสวนจริงๆ เลย

สวนลุงนิล 5

 สวนของลุงนิลแม้มีขนาดไม่ใหญ่ แต่มีต้นไม้ใบหญ้า พืชสมุนไพร ผลหมากรากไม้ ขึ้นผสมกันหลากหลาย อีกทั้งมีการแบ่งฐานเรียนรู้เป็นจุดๆ ด้วย

สวนลุงนิล 6

 ลุงนิล อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเปิดเผย เต็มใจ ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย น่าชื่นชมจริงๆ

สวนลุงนิล 8

 น้ำสมุนไพรสูตรเด็ดจากสวนลุงนิล “น้ำหญิง 1 ชาย 2” อย่าคิดมาก ชื่อนี้ไม่ได้ทะลึ่ง แต่หมายถึงว่ามีส่วนผสมของย่านาง 1 ส่วน กระชาย 2 ส่วน และน้ำผึ้ง 3 ส่วน จนได้เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพสุดเจ๋ง! ขายขวดละ 300 บาทเท่านั้น

 CONTACTสวนลุงนิล เลขที่ 14 หมู่ 6 ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร โทร. 08-7466-0596

LOGO TAT

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง 

สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6

Nikon logo 1

Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd. 

สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

หรรษาฮาเฮ เที่ยวทะเลชุมพร เมืองหาดทรายสวย 400 ลี้!

เกาะลังกาจิว 5

 หลีกหนีความจำเจ ชวนกันล่องเรือโล้คลื่นออกไปชื่นชมน้ำทะเลสีมรกตสดใส ณ “หมู่เกาะทะเลชุมพร” ซึ่งกระจายอยู่มากถึง 40 เกาะ! ไล่จากทิศเหนือ-ใต้ ตั้งแต่อำเภอปะทิว, อำเภอมืองชุมพร, อำเภอสวี, อำเภอทุ่งตะโก และอำเภอหลังสวน ออกไปค้นหานิยามแห่งความสุขในแบบของคุณเอง ในโอเอซิสกลางอ่าวไทย “ทะเลชุมพร”

เกาะลังกาจิว 3

 ว่ายน้ำเล่นในวันฟ้าใส ชุ่มฉ่ำน้ำทะเลสีมรกตหน้าเกาะลังกาจิว

เกาะลังกาจิว 2

 แนวปะการังแข็งหน้าเกาะลังกาจิว กว้างขวางถึง 0.025 ตารางกิโลเมตร ดำน้ำดูปลากันเต็มอิ่มไปเลยล่ะ

เกาะลังกาจิว 12

 กระท่อมคนเฝ้าถ้ำรังนก บนเกาะลังกาจิว

เกาะลังกาจิว 13

 วันฟ้าใสแจ๋ว บนหาดทรายหน้าเกาะลังกาจิว

เกาะลังกาจิว 14

 ปะการังรูปหัวใจ Landmark ใหม่ของทะเลชุมพร

เกาะลังกาจิว 15

 ปะการังรูปหัวใจ ไม่ได้มีแค่ก้อนเดียว ถ้าหาให้ดี จะเจอรูปร่างคล้ายกันอีกหลายก้อนเลยล่ะ

เกาะลังกาจิว 16

 การเป็นเกาะสัมปานทานเก็บรังนก ที่อนุโลมให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้บ้างเป็นครั้งคราว มีข้อดี เพราะช่วยรักษาความสมบูรณ์ของปะการัง ให้ทรุดโทรมช้า หน้าเกาะลังกาจิวจึงไม่ต่างจาก โอเอซิสแห่งท้องทะเลชุมพร

เกาะลังกาจิว 17

 โขดปะการังแข็งก้อนเบ้อเริ่ม! ที่หน้าเกาะลังกาจิว มีลักษณะกลมคล้ายวงแหวนศิลาสีมรกต!

เกาะลังกาจิว 18

 ความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังแข็งน้ำตื้น หน้าเกาะลังกาจิว ยังซุกซ่อนความลับของธรรมชาติไว้อีกมาก รอให้เราไปสัมผัส

เกาะลังกาจิว 19

 ว่ายน้ำเล่นหน้าเกาะลังกาจิว

เกาะลังกาจิว 6

 นกนางนวลแกลบท้ายทอยดำ มาอาศัยทำรังและหากินอยู่บนเกาะลังกาจิว

เกาะลังกาจิว 7

 ฝูงปลาเสือที่คุ้นคน พากันลอยตัวขึ้นมาหากินอยู่บนผิวน้ำหน้าเกาะลังกาจิว สังเกตว่าบางตัวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำด้วยซ้ำ

เกาะลังกาจิว 8

 แม้เกาะลังกาจิว จะเป็นเกาะสัมปทานรังนกที่ห้ามขึ้นบนเกาะ แต่ก็มีการอนุโลมให้ดำน้ำชมปะการังหน้าเกาะได้

เกาะลังกาจิว 9

 ความสวยใสบริสุทธิ์ของน้ำทะเล และแนวปะการังพื้นที่กว่า 0.025 ตารางกิโลเมตร หน้าเกาะลังกาจิว

เกาะลังกาจิว 11

 เกาะลังกาจิว เป็นเกาะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงเคยเสด็จประภาสเพื่อทอดพระเนตรการเก็บรังนกบนเกาะนี้ถึง 3 ครั้ง และได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ของพระองค์ไว้บนผนังหินปากถ้ำ ทางด้านใต้ ซึ่งยังคงปรากฏมาจนทุกวันนี้

เกาะลังกาจิว 21

 เกาะลังกาจิว เป็นเกาะสัมปานเก็บรังนกขาย จึงมีกระท่อมของคนเฝ้ารังนกกระจายอยู่ทั่วเกาะ

เกาะลังกาจิว 22

 เรือพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำเล่นที่เกาะลังกาจิว

เกาะละวะ 1

เกาะละวะ อีกหนึ่งจุดดำน้ำยอดฮิตของหมู่เกาะชุมพร แต่เกาะนี้ไม่มีหาดทรายให้ขึ้นไปเที่ยวนะ เพราะรอบเกาะมีแต่โขดหิน กับแนวปะการังแข็งใต้น้ำอันสวยงาม

เกาะละวะ 2

เรือนำเที่ยวเกาะละวะ

เกาะละวะ 3

ดำน้ำแหวกว่ายทักทายหมู่ปลาและปะการังสวย หน้าเกาะละวะ

อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 1

 บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน (Nature Trail) พร้อมป้ายความรู้เป็นระยะ ให้เราเดินเข้าไปสัมผัสธรรมชาติ โดยต้นโกงกางเหล่านี้เป็นฝีมือการปลูก ของนักเรียนนักศึกษา และคนจิตอาสา เส้นทางเดินนี้จะเลียบลำคลองไปเรื่อยๆ จนถึงท่าเรือเล็ก และสะพานแขวนข้ามคลองไปยังอีกฝั่งได้

อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 2อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 3อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 4

 ป่าโกงกางบริเวณท่าเรือของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร

อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 5อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 6

 เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร

อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 7

 พายเรือคายัคเที่ยวชมป่าชายเลน บริเวณใกล้ๆ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ถ้าให้ปลอดภัยควรสวมเสื้อชูชีพด้วย

อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 8

 จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร สามารถขอยืมเรือคายัคออกไปพายเที่ยวชมธรรมชาติ ศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ซึ่งยังอุดมสมบูรณ์มาก

อุทยาน หมู่เกาะชุมพร 9

 เรือนำเที่ยวจากท่าของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จะใช้เรือประมงดัดแปลงของชาวบ้าน นั่งได้ไม่เกิน 10-15 คน ค่าเช่าเรือ 2,500-2,800 บาท/วัน ส่วนการเช่าเรือออกไปไดหมึก ค่าเช่า 3,000-3,500 บาท/เที่ยว แล้วแต่ตกลงกัน

 CONTACT : อุทยทานแห่งชาติหมู่เเกาะชุมพร  หมู่ 5 บ้านโพงพาง ต.หาดทรายรี อ. เมืองชุมพร จ. ชุมพร 86120 ติดต่อโทร. 0-7755-8144, 0-7755-8145

HOW TO GO : รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง โดยทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าจังหวัดชุมพร เมื่อถึงสี่แยกปฐมพร เลี้ยวซ้ายเข้าไป 8 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวเมืองชุมพร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4001 (อำเภอเมือง-ปากน้ำชุมพร) ประมาณ 13 กิโลเมตร ก่อนจะถึงปากน้ำชุมพรมีสามแยกไปหาดทรายรี ให้เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 20 เมตร จะพบทางแยกให้เลี้ยวขวาอีกครั้ง ไปตามถนน รพช. สายบ้านมัทรี-หาดทรายรี ประมาณ 9 กิโลเมตร จนพบป้ายทางเข้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เลี้ยวขวาไปประมาณ 1 กิโลเมตร จนถึงที่ทำการอุทยานฯ

BEST SEASON : เที่ยวหมู่เกาะชุมพรได้สวยที่สุด ฟ้าโปร่ง คลื่นลมสงบ อากาศแจ่มใส ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม

LOGO TAT

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง 

สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6

Nikon logo 1

Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd. 

สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

เที่ยวเพลิน “ระนอง” เมืองฝน 8 แดด 4 แห่งอันดามัน

LOGO TATNikon logo 1

 

 

 

สนับสนุนการเดินทางและอุปกรณ์ถ่ายภาพ

พระราชวังรัตนรังสรรค์ 1

 ได้เวลาชวนกันไปเที่ยว “ระนอง” เมืองฝน 8 แดด 4 แห่งชายฝั่งทะเลอันดามัน เมืองที่อาบอิ่มด้วยธรรมชาติอันสวยสดงดงาม มีความเขียวของพงไพร และความชุ่มฉ่ำของสายน้ำแร่ น้ำตก ผสานผสมกลมกลืนกับวิถีผู้คน นี่คือเมือง Slow Town ที่มีบรรยกาศเนิบช้า เปี่ยมสุขอย่างแท้จริง “ระนอง”

พระราชวังรัตนรังสรรค์ 2

พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ตั้งอยู่กลางเมืองระนอง บนเนินเขารัตนรังสรรค์ วังแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่เสด็จประทับแรมของรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2433) รัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2452) และรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2471) โดยสร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทั้งหลัง ภายในมีห้องบรรทม ห้องทรงงาน และอื่นๆ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แบบ Muti Media ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย เข้าชมได้ทุกวัน

พระราชวังรัตนรังสรรค์ 3

 ด้านหน้าพระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) มีอนุสาวรีย์ชาวจีนหาบแร่ดีบุก ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของเศรษฐกิจอันมั่งคั่งของระนองมาจนทุกวันนี้

บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์ 1

 ระนองเป็นเมืองน้ำแร่อย่างแท้จริง เพราะตั้งอยู่เหนือรอยเลื่อนของเปลือกโลก ใต้พิภพจึงมีน้ำแร่ร้อนระอุ ผุดขึ้นมาหลายจุดด้วยกัน มีชื่อเสียงที่สุดคือ “บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์” ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง บ่อน้ำร้อนแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์บริการแล้วว่าประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ ไม่มีกำมะถันเจือปน จึงทำให้ไม่มีกลิ่นฉุนของกำมะถัน และมีความบริสุทธิ์สามารถดื่มได้ดี มีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่การรักษาสุขภาพ โดยมีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว

บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์ 2

 น้ำแร่เมืองระนอง เป็นน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดในเมืองไทย อุดมด้วยแร่ธาตุนานาชนิด แต่ไม่มีกลิ่นกำมะถันฉุนๆ เลย

บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์ 3

 บริเวณใกล้บ่อน้ำร้อน มีการจัดภูมิทัศน์เป็นสวนสาธารณะชื่อ “รักษะวาริน” หมายถึง “น้ำที่ใช้รักษาโรคได้” เป็นนามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานไว้เมื่อคราวเสด็จเยือนระนอง พ.ศ. 2510

บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์ 5

 ถึงแม้จะไม่ได้ลงแช่น้ำแร่ทั้งตัว แต่แค่แช่เท้าก็ช่วยรักษาโรคบางอย่าง หรือช่วยให้สุขภาพดีได้แล้ว เพราะเท้าของคนเราเป็นจุดศูนย์รวมประสาทมากมาย

ภูเขาหญ้า 1

 ภูเขาหญ้า หรือเขาหัวล้าน หรือเขาผี อยู่ที่ตำบลบ้านหงาว ฝั่งตรงข้ามน้ำตกหงาว ริมทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา) ตรง กม. 623 เป็นจุดท่องเที่ยวยอดฮิตทางธรรมชาติของระนองมาช้านาน เสน่ห์ของภูเขาหญ้าคือทัศนียภาพแปลกตา ของเนินเขากลมมนซึ่งมีแต่หญ้าปกคลุม ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย ในฤดูฝนแลเขียวขจีสดชื่น ส่วนยามฤดูแล้ง หญ้าจะกลายเป็นสีทอง สามารถเดิน ปั่นจักรยาน หรือขับรถยนต์ขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาด้านบนได้

ภูเขาหญ้า 2วังเก่าเจ้าเมืองระนอง 1

 “จวนเจ้าเมืองระนอง” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2420 ในสมัยของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอ ซู เจียง) เจ้าเมืองระนองคนแรก เดิมเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้แฝด 3 หลังเชื่อมต่อกันด้วยระเบียง ปัจจุบันสองหลังที่อยู่ด้านริมได้ผุพังไปเหลือเพียงเสาและพื้นหิน ส่วนเรือนหลังกลางได้ปรับปรุงทำเป็นศาลบรรพบุรุษ มีป้ายวิญญาณบรรพบุรุษภาพถ่ายเก่าๆ ของคนในตระกูล ณ ระนอง และสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าเมืองระนองคนแรกไว้ให้ชมกัน

วังเก่าเจ้าเมืองระนอง 2

 แม้จะผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยปี แต่กำแพงอิฐของจวนเจ้าเมืองระนองก็ยังคงแข็งแรง ยืนท้าแดดลมอย่างไม่ครั่นคร้าม

 

บ่อน้ำร้อนพรรั้ง 1

 บ่อน้ำร้อนพรรั้ง เป็นบ่อน้ำร้อนชื่อดังอีกแห่งของระนอง ไม่แพ้บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์ อยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและบ่อปูนซีเมนต์ 5 บ่อ โดยน้ำร้อนจะซึมออกมาจากผิวดิน แล้วหลากไหลไปเป็นธารน้ำบริสุทธิ์ กระจายเป็นแอ่ง ถึง 13 ตาน้ำ อุณหภูมิน้ำที่นี่ไม่ร้อนมาก ประมาณ 35-40 องศาเซลเซียส ทว่าในน้ำมีแร่ธาตุที่อุดมคุณประโยชน์หลายอย่าง

บ่อน้ำร้อนพรรั้ง 3บ่อน้ำร้อนพรรั้ง 4บ่อน้ำร้อนพรรั้ง 5บ่อน้ำร้อนพรรั้ง 6บ่อน้ำร้อนพรรั้ง 7

 หลังจากอาบแช่ตัวที่บ่อน้ำร้อนพรรั้งเสร็จแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะที่ร้านค้า ถามหาไข่ดำน้ำ หรือไข่นำ้แร่ ที่ต้มมาจากบ่อน้ำร้อนพรรั้งกันสดๆ แร่ธาตุต่างๆ จึงซึมเข้าไปในไข่ เชื่อว่ากินแล้วช่วยให้แข็งแรงดี

น้ำตกบกกราย ระนอง

 น้ำตกบกกราย อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งระยะ-นาสัก หมู่ 8 ตำบลน้ำจืด ห่างจากตัวจังหวัดระนองไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-ชุมพร) ประมาณ 54 กิโลเมตร ตรงหลัก กม. 556-557 มีป้ายชี้ทางไปน้ำตกบกกราย ประมาณ 9 กิโลเมตร น้ำตกบกกรายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี ส่วนที่เล่นน้ำได้ง่ายคือบริเวณชั้น 1-4 ส่วนชั้นที่ 5-11 ต้องเดินป่าขึ้นไประยะทางไกล ควรให้เจ้าหน้าที่นำทาง ด้านข้างน้ำตกมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติด้วย

น้ำตกปุญญบาล

 น้ำตกปุญญบาล ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี เป็นน้ำตกที่ไหลแรงตลอดปี อยู่ติดกับถนนเพชรเกษมสายเก่า บริเวณ กม. 598 ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 2 กิโลเมตร มีนักท่องเที่ยวแวะชมปีละเกือบแสนคน ต้นน้ำเกิดจากป่าละอุ่นและป่าราชกรูด บริเวณต้นน้ำของน้ำตกปุญญบาลมีต้นพญาไม้ หรือขุนไม้ ต้นสูงใหญ่ถึง 50 เมตร (อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี โทร. 0-7798-8817, 0-7787-0238)

น้ำตกหงาว

 น้ำตกหงาว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นลาดผาหินสูงนับร้อยเมตร โอบล้อมด้วยป่าดิบเขียวครึ้ม สามารถมองเห็นได้จากริมถนนทางหลวงหมายเลข 4 และที่พิศษสุดคือ เป็นที่เดียวในโลก ซึ่งมีการสำรวจพบ “ปูเจ้าฟ้า” หรือ Panda Crab เป็นปูกระดองสีขาว ขาสีดำ อาศัยอยู่ตามธารน้ำของน้ำตกหงาวนี่ล่ะ (อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว โทร. 0-7784-8181, 0-7659-5045)

ตลาดพม่า 2

 บางคนพูดกันเล่นๆ ว่า ระนองเป็นเมืองหลวงของคนพม่าที่เข้ามาทำงานอยู่ในเมืองไทย! จะจริงรึเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าที่แน่ๆ กลางเมืองระนองมี “ตลาดพม่า” ขนาดใหญ่ ขายสินค้าพม่า จีน ปักษ์ใต้ บรรยกาศคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่จนเย็นย่ำ มีสินค้านานาชนิดให้เลือกชมเลือกซื้อ ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ ขนม ของกิน รวมไปถึงปลาสดตัวใหญ่เบ้อเริ่มจากน่านน้ำพม่า!

ตลาดพม่า 1ตลาดพม่า 3ตลาดพม่า 5ตลาดพม่า 7ตลาดพม่า 8วัดบ้านหงาว 1

 วัดบ้านหงาว เป็นวัดดังอันดับต้นๆ ของเมืองระนอง เพราะมีของเด่นดังอยู่ 3 อย่าง คือ พระพุทธรูปดีบุกใหญ่ที่สุดในโลก, โบสถ์แห่งใหม่ที่มีพุทธศิลป์งามล้ำ และวังมัจฉา ที่มีปลาอยู่เพียบ ทั้งปลาดุกยักษ์และปลาบึก นอกจากนี้ วัดบ้านหงาวยังอยู่ใกล้กับภูเขาหญ้า และน้ำตกหงาว แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต

วัดบ้านหงาว 2กาหยูบ้านหงาว 1

 หลังจากไหว้พระที่วัดบ้านหงาวเสร็จแล้ว ใกล้ๆ กันอย่าลืมแวะที่ “ร้านวัชรี” บ้านหงาว แหล่งผลิตและจำหน่ายมะม่วงหิมพานต์ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในจังหวัดระนอง เราสามารถเข้าไปชมขั้นตอนการทำ ตั้งแต่การคั่ว การกระเทาะเปลือก ไปจนถึงการตากแห้ง แถมยังมีร้านจำหน่ายให้ซื้อกลับบ้านกันอย่างจุใจ

กาหยูบ้านหงาว 2

 เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่คั่วด้วยไฟจนสุกแล้ว จะนำมาทุบเอาเปลือกออก เพื่อให้เหลือแต่เนื้อในใช้รับประทาน รสชาติหวานมันดี มะม่วงหิมพานต์ที่คนภาคกลางเรียกกันนั้น คนใต้เขายังเรียกต่างไปอีกหลายชื่อ เช่น กาหยู, เล็ดล่อ (หมายถึง เมล็ดล่อ คือเมล็ดโผล่ออกมา) และบางท้องถิ่นก็เรียกว่า กาหยี ฯลฯ

กาหยูบ้านหงาว 4

 ด้วยดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย มะม่วงหิมพานต์ของระนองจึงเมล็ดใหญ่อวบ หวานมัน น่ากินอย่างนี้เอง

กาหยูบ้านหงาว 5กาหยูบ้านหงาว 6กาหยูบ้านหงาว 7

 ร้านวัชรี ยังใช้การคั่วเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยเตาถ่านแบบโบราณ ขอบอกว่าในห้องคั่วนี่ไฟร้อนระอุมากๆ แถมยังมีน้ำมันจากเมล็ดมะม่วงหิมานต์ที่โดนไฟ กระเด็นออกมา แตกดังเปรี๊ยะๆๆ

กาหยูบ้านหงาว 8กาหยูบ้านหงาว 10

 CONTACT : ร้านวัชรี 55/5 หมู่ 1 ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง 85000 (ใกล้วัดบ้านหงาว) โทร. 0-7782-3783

ก้อง Valley 1

 สำหรับคอกาแฟตัวจริง ณ วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “พี่ก้อง” หรือคุณสุพจน์ กรประสิทธิ์วัฒน์ ผู้ก่อตั้ง “ก้อง Valley” แห่งอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นอาณาจักรเล็กๆ ของคนรักกาแฟ ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ และในอีกหลายประเทศทั่วโลก กาแฟของพี่ก้องมีจุดเด่นคือ เป็นกาแฟโรบัสต้าที่คั่วเอง โดยใช้การคั่วแบบโบราณ จึงหอมกรุ่น รสชาติเข้มข้น ตามสโลแกนของกาแฟระนอง คือ “เข้มแต่ไม่ขม”

ก้อง Valley 2

 เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วมืออย่างช้าๆ ประณีต เอาใจใส่ ด้วยกรรมวิธีโบราณ จะมีหน้าตาแบบนี้เอง

ก้อง Valley 3ก้อง Valley 4ก้อง Valley 5

 มาเที่ยว ก้อง Valley แล้ว ไม่ซื้อกาแฟพี่ก้องไม่ว่า แต่เขาจะชงกาแฟเลี้ยงทุกคน เหมือนกับเลี้ยงเพื่อนที่มาเที่ยวบ้าน เราจึงรู้สึกอบอุ่น พร้อมกับนั่งฟังพี่ก้องเล่าเรื่องกาแฟทั่วโลกจนเพลิน ใครไม่ดื่มกาแฟ ฟังแล้วก็ In ต้องเริ่มดื่มบ้างแล้ว

ก้อง Valley 6

 กาแฟของพี่ก้อง นอกจากจะคั่วบนเตาถ่านแล้ว ยังต้องบดด้วยเครื่องบดมือเท่านั้น อย่างเครื่องบดอันนี้ พี่ก้องได้มาจากประเทศเยอรมนี เป็นเครื่องบดกาแฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โอ้โห ยังใช้ได้ดีเหมือนใหม่จริงๆ

ก้อง Valley 7

 กาแฟที่บดแล้ว พร้อมนำไปคั่วมีหน้าตาเป็นผงละเอียดแบบนี้นี่เอง

ก้อง Valley 8

CONTACT : ก้องกาแฟ (ก้อง Valley) 62/1 หมู่ 8 ตำบลน้ำจืด อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง 85110 (อยู่ก่อนถึงน้ำตกบกกราย) โทร. 08-7268-1285คอคอดกระ 1

มาเที่ยวระนอง ถ้าไม่ได้แวะชม “คอคอดกระ” ก็เหมือนจะดูเป็นทริปที่ไม่สมบูรณ์! เพราะคอดคอดกระ หรือกิ่วกระ (Kra Isthmus) คือส่วนแคบที่สุดของแหลมมลายู โดยมีระยะห่างจากชายฝั่งทะเลทางตะวันตก จรดตะวันออกเพียง 44 กิโลเมตร นับเป็นจุดยุทธศาสตร์และเชื่อมโยงประวัติศาสตร์สำคัญของไทยหลายครั้ง จากจุดนี้สามารถมองเห็นลำน้ำกระบุรี ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลองแคบๆ กั้นไทยกับพม่า ที่อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว

คอคอดกระ 3

 จากจุดชมวิวคอคอดกระ มองข้ามลำน้ำกระบุรีไปเห็นฝั่งพม่าได้ถนัดตา โดยฝั่งพม่ายังมีมีป่าต้นจากแน่นทึบ ในขณะที่ฝั่งไทยมีบ้านเรือนผู้คนปลูกอยู่หนาแน่น

ซาลาเปาทับหลี 1

 ซาลาเปาทับหลี แห่งบ้านทับหลี อำเภอกระบุรี เป็นซาลาเปาพื้นบ้านแสนอร่อยที่ทำสืบทอดกันมากว่า 50 ปีแล้ว จุดเด่นคือ ลูกเล็ก พอดีคำ เนื้อแป้งนุ่ม ไส้เยอะ เคี้ยวแล้วสู้ปาก ดั้งเดิมมีแค่ไส้หมูสับ หมูแดง และไส้ถั่วแดง แต่ปัจจุบันมีไส้แปลกใหม่มาให้ชิมกันเพียบ ทั้งไส้หวาน ไส้ช็อกโกแลต ฯลฯ ไส้หมูสับต้องกินกับน้ำจิ้มสูตรดั้งเดิมถึงจะครบเครื่อง

ซาลาเปาทับหลี 2 ระนอง Guide

Best Season : เที่ยวได้ตลอดปี แต่อากาศดีที่สุด ฟ้าโปร่ง ปลอดฝน ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

How to go :

– เครื่องบิน ปัจจุบันมีบินไประนองทุกวัน วันละ 2 เที่ยว โดยสายการบินนกแอร์ จองตั๋วได้ที่ www.nokair.com หรือติดต่อ ท่าอากาศยานระนอง หมู่ 3 ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง โทร. 0-7786-2229

– รถยนต์ ระนองอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 568 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราวๆ 7-8 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือ ถนนธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงสี่แยกปฐมพร จ.ชุมพร เลี้ยวขวาไปจนถึงจังหวัดระนอง ทางช่วงสุดท้ายเป็นถนนบนภูเขาคดเคี้ยว ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง

Overnight : แนะนำ FARM HOUSE HOTEL อำเภอเมืองระนอง โทร. 0-7783-2707,  08-7278-4224

What to eat : นอกจากน้ำดื่มแร่นองอันขึ้นชื่อลือชาแล้ว ระนองยังมีอาหารอร่อยให้เลือกชิมมากมาย ทั้งอาหารปักษ์ใต้แท้ และอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากจีน อาทิ ยอดเหลียงผัดไข่, ต้มกะทิใบเหลียง, ปูนิ่มผัดผงกระหรี่, กุ้งมะขาม, ยาวเย, ข้าวยำ, ขนมจีน, น้ำพริกกุ้งสด, ยำผักกูด, แกงส้มอ้อดิบใส่ไข่ปลาทะเล, ทะเลผัดฉ่า, ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว, หอยตลับผัดฉ่า, แมงกะพรุนผัดน้ำมันงา, ปลากระบอกทอดขมิ้น, สะตอผัดกุ้ง, หมูฮ้อง, โรตี และอีกมากมาย แค่ฟังชื่อก็น้ำลายสอแล้ว!

Souvenirs : มะม่วงหิมพานต์, กะปิคุณภาพดี, ผ้าโสร่งปาเต๊ะ, กาแฟ ก้อง Valley, ไข่มุก, น้ำดื่มแร่นอง ฯลฯ

LOGO TAT

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง 

สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6

Nikon logo 1

Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd. 

สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

พาตัวและหัวใจ ไปเที่ยวทะเล “ระนอง”

เกาะค้างคาว 1ระนอง ไม่ใช่จังหวัดที่มีชื่อเสียงเฉพาะการเป็นเมือง “ฝน 8 แดด 4” เท่านั้น ทว่าชายฝั่งที่ยาวเหยียดถึง 109 กิโลเมตร เลียบทะเลอันดามันอันแสนสวยงาม ทำให้ระนองอาบอิ่มด้วยธรรมชาติหาดทรายชายทะเลและเกาะแก่งน้อยใหญ่ มากมาย ไล่ตั้งแต่เกาะช้าง, เกาะพยาม, เกาะค้างคาว, เกาะญี่ปุ่น, หมู่เกาะกำ ฯลฯ เที่ยวได้ตลอดปี แต่จะสวยสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ใครที่หลงใหลในมนต์สเน่ห์ของแสงแดด สายลม และเกลียวคลื่น จะรอช้าอยู่ใย รีบลงเรือตามเรา Go Travel Photo ไปโล้คลื่น แหวกว่ายน้ำทะเลใสๆ กันเถอะ

เกาะค้างคาว 2

เริ่มต้นทำความรู้จักกับกับ มนต์เสน่ห์ทะเลระนอง ด้วยการนั่งเรือหัวโทงแบบปักษ์ใต้ ไปสู่ “เกาะค้างคาว” เกาะใหญ่ที่มีน้ำทะเลใสแจ๋ว หาดทรายเป็นสีเหลืองนวลอ่อนๆ สบายตา ที่ได้ชื่อว่าเกาะค้างคาว เพราะบนเกาะมีถ้ำของพวกค้างคาวแม่ไก่ฝูงใหญ่ ที่จะพากันบินออกหากินในเวลาพลบค่ำ แล้วจะกลับคืนถิ่นมาตอนรุ่งสาง

เกาะค้างคาว 4

นอกจากจะมีหาดทรายที่บริสุทธิ์ สวย สะอาด และนุ่มเท้าแล้ว เกาะค้างคาวยังมีหาดหินที่ให้ความรู้สึกแปลกตาจริงๆ

เกาะค้างคาว 5

ช่วงเวลาอันน่าจดจำที่เกาะค้างคาว จ.ระนอง

เกาะค้างคาว 6

หาดทรายขาวหน้าเกาะค้างคาว เป็นจุดที่เรือนำเที่ยวจะมาจอด แล้วปล่อยให้เราได้ลงไปสัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์

เกาะค้างคาว 7 เกาะค้างคาว 8 เกาะค้างคาว 9

ช่วงเวลาแห่งความสุข กับการปล่อยตัวและหัวใจ นอนลงสัมผัสหาดทรายนุ่มๆ มีคลื่นเบาๆ สาดซัดเข้ามาสัมผัส เป็นการช๊าตแบตเตอร์รี่ชีวิต ณ เกาะค้างคาว

เกาะค้างคาว 10 เกาะค้างคาว 11 เกาะค้างคาว 12 เกาะค้างคาว 13

จะว่าไปแล้ว หาดหินบนเกาะค้างคาว ก็มีลักษณะคล้ายกับเกาะหินงาม ที่หมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล เหมือนกันนะ

เกาะค้างคาว 14 เกาะค้างคาว 15 เกาะค้างคาว 16 เกาะค้างคาว 17 เกาะค้างคาว 18เกาะญี่ปุ่น 1

 ออกจากเกาะค้างคาว รีบเร่งเครื่องเรือโล้คลื่น ตรงไปสู่ “เกาะญี่ปุ่น” กันดีกว่าพวกเรา

เกาะญี่ปุ่น 2เกาะญี่ปุ่น 3

 เกาะญี่ปุ่น เป็นเกาะไม่ใหญ่นัก เด่นด้วยความสงบงามของธรรมชาติ น้ำทะเลหน้าเกาะเป็นสีเขียวมรกตใสแจ๋ว ราวกับแก้วเจียระไนไม่มีผิด! เลยออกไปนิดมีแนวปะการังน้ำตื้นให้ดำน้ำกันอย่างสนุกสนานด้วยล่ะ

เกาะญี่ปุ่น 4เกาะญี่ปุ่น 5เกาะญี่ปุ่น 6เกาะญี่ปุ่น 7เกาะญี่ปุ่น 9

 จากหน้าหาดเกาะญี่ปุ่น มีเส้นทางเดินป่าระยะแค่ไม่กี่ร้อยเมตร นำเราเข้าไปชมร่องรอยประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกย่างก้าวบนเกาะนี้จึงเปรียบได้กับการย้อนอดีตริมฝั่งอันดามัน

เกาะญี่ปุ่น 10

 ที่มาของชื่อ เกาะญี่ปุ่น ก็เพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะนี้เคยใช้เป็นสถานที่ทำครัวของทหารญี่ปุ่น ปัจจุบันยังมีร่องรอยสิ่งก่อสร้าง โรงครัว ฐานเสา และแท่นปูน เหลือให้ชม

เกาะญี่ปุ่น 11

 ส่วนหนึ่งของซากบ่อน้ำเก่า ที่ทหารญี่ปุ่นใช้ในโรงครัวบนเกาะญี่ปุ่น

เกาะญี่ปุ่น 12

 ด้านหลังเกาะญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นโขดหินใหญ่ ลาดชัน เล่นน้ำไม่ได้ ยกเว้นว่าถ้าเรามีอุปกรณ์ดำน้ำลึกแบบ SCUBA ก็อาจจะลงไปดำน้ำสำรวจได้อย่างน่าตื่นเต้น

เกาะกำ 1.1

 ล่องเรือต่อไปยัง “เกาะกำ” ส่วนหนึ่งของ หมู่เกาะกำ แห่งอุทยานแห่งชาติแหลมสน ประกอบด้วยเกาะกำใหญ่ เกาะกำนุ้ย เกาะญี่ปุ่น ฯลฯ เกาะนี้เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีหาดทรายทอดยาว เด่นด้วยแนวสนทะเลและหูกวางให้ร่มเงา ส่วนน้ำก็ใสแจ๋วไม่แพ้เกาะอื่นๆ เลยล่ะ

เกาะกำ 1เกาะกำ 2

 Unseen ทะเลระนอง ทะเลแหวกหน้าเกาะกำ

เกาะกำ 3เกาะกำ 4เกาะกำ 5

 อ่าวเขาควาย แห่งเกาะกำ ทอดยาวเชื่อมกับสันทรายทะเลแหวก เป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด

เกาะกำ 6เกาะกำ 8.1เกาะกำ 8เกาะกำ 10.1

 สันทรายทะเลแหวกเกาะกำ มีซากปะการังขึ้นมาเกยตื้นหลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อหลายปีก่อน

เกาะกำ 11เกาะกำ 12

 บนเกาะกำ มีป่าสนทะเลสร้างความร่มเย็นแก่นักท่องเที่ยว ใบสนร่วงลมมาปูเป็นผืนพรมธรรมชาติสีน้ำตาลอ่อน เดินนุ่มเท้า นอกจากนี้ยังมีต้นบุกป่าขึ้นเป็นไม้บุกเบิกคลุมดิน สร้างภูมิทัศน์แปลกตา เกาะนี้เข้ามีกฎว่า ทุกคนต้องเก็บขยะไปให้หมด ส่วนใครที่มาปิกนิกกินข้าว เขาห้ามใช้ภาชนะโฟร์มหรือพลาสติกนะ และที่สำคัญคือห้ามค้างคืนบนเกาะ

เกาะกำ 13ท่าเรือแหลมสน บางเบน 1

 ชายหาดบริเวณ ท่าเรืออุทยานแห่งชาติแหลมสน ตอนเช้าๆ น้ำทะเลลดระดับออกไปไกลเป็นกิโลเมตร ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่พากันมาลงเรือไปสัมผัสสายลม แสงแดด และเกลียวคลื่นของอันดามัน

ท่าเรือแหลมสน บางเบน 2ท่าเรือแหลมสน บางเบน 3ท่าเรือแหลมสน บางเบน 4ท่าเรือแหลมสน บางเบน 5ท่าเรือแหลมสน บางเบน 6

 เรือนำเที่ยวของอุทยานแห่งชาติแหลมสน คือ เรือหัวโทง (เรือหางยาว) ของชาวบ้าน ที่ดัดแปลงเพื่อการท่องเที่ยว ทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยด้วย และอย่าลืมคดข้าว ขนม น้ำ ไปกินแก้หิวด้วยล่ะ เพราะตามเกาะต่างๆ ไม่มีร้านค้านะจ๊ะ

ท่าเรือแหลมสน บางเบน 7

 Traveler’s Guide : ท่องเที่ยวได้ดีที่สุด ฟ้าสวย ทะเลใส ปลอดโปร่งไร้คลื่นลมแรง ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน โดยติดต่อหาเรือเช่าออกไปดำน้ำ หรือเที่ยวทะเลได้ที่ อุทยานแห่งชาติแหลมสน บ้านบางเบน ตำบลม่วงกลาง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง โทร. 0-7786-1431-2, 0-7786-1442 / ที่พัก แนะนำ FARM HOUSE HOTEL อำเภอเมืองระนอง โทร. 0-7783-2707,  08-7278-4224

LOGO TAT

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง

สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6

Nikon logo 1

Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd. 

สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

ไหว้พระ ๙ วัด ร่วมอนุรักษ์มรดกไทย รับสงกรานต์กับ ททท.

_IND6659

เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำทีมสื่อมวลชน ร่วมแต่งกายแบบไทย “ไหว้พระ ๙ วัด” ซึ่งเป็นพระอารามหลวงในเขตรอบเกาะรัตนโกสินทร์ อันสวยงามทรงคุณค่า ถือเป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และขอเชิญชวนชาวไทยร่วมแต่งกายแบบไทย เที่ยวสงกรานต์และไหว้พระขอพรรับวันปีใหม่ไทยเพื่อความเป็นสิริมงคล

โดยผู้ที่สนใจ สามารถเดินทางไหว้พระ ๙ วัด ตามเส้นทางนี้ได้ด้วยตัวเอง ร่วมกิจกรรมไหว้พระขอพร ๙ พระอารามหลวงรอบเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ กทม. ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ แนะนำว่าให้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและเรือจะสะดวกที่สุด และไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถอีกด้วย ที่สำคัญอย่าลืมพกร่ม หมวก และน้ำติดตัวไปด้วย

1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) คติ “เพื่อให้จิตใจสะอาด ดุจรัตนตรัย”

วัดพระแก้ว 1วัดพระแก้ว 2 วัดพระแก้ว 3

_IND6666 _IND6829

Wat 4

 2. วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) คติ “เพื่อให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุข”

วัดโพธิ์ 1 วัดโพธิ์ 2 IslBG

_IND6708

3. วัดสุทัศน์เทพวราราม คติ “เพื่อให้มีวิสันทัศน์กว้างไกล”

วัดสุทัศน์ 1

Wat 1

วัดสุทัศน์ 2วัดสุทัศน์ 3วัดสุทัศน์ 4

 4. วัดสระเกศ (วัดภูเขาทอง) คติ “เพื่อเสริมสร้างความคิดอันเป็นสิริมงคล”

ภูเขาทอง 1

ภูเขาทอง 2

5. วัดบวรนิเวศวิหาร คติ “เพื่อให้พบแต่สิ่งดีงาม”

วัดบวร 1

 

วัดบวร 2วัดบวร 3วัดบวร 4วัดบวร 5วัดบวร 6วัดบวร 7

 6. วัดชนะสงคราม คติ “เพื่อให้มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง” 

วัดชนะสงคราม 1

 

วัดชนะสงคราม 2วัดชนะสงคราม 3_IND6740 _IND6747_IND6731 _IND6733_IND6756_IND6858_IND6885

 7. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร คติ “เพื่อให้เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี”

วัดกัลยาณมิตร 1

วัดกัลยาณมิตร 2

Wat 2

วัดกัลยาณมิตร 3

8. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง) คติ “เพื่อให้ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน”

วัดอรุณ 1 วัดอรุณ 2

 9. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร (วัดระฆัง) คติ “เพื่อให้มีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้คนนิยมชมชอบ”

วัดระฆัง 1

วัดระฆัง 2วัดระฆัง 3วัดระฆัง 4

Wat 3

วัดระฆัง 5วัดระฆัง 6

 

More info : ททท. กองตลาดภาคกลาง โทร. 0-2250-5500 ต่อ 1333, 1335, 1336, 1337, 1342

หรือดูรายละเอียด มหาสงกรานต์ภาคกลาง 19 จังหวัด ได้ที่ www.เที่ยวภาคกลาง.com

เที่ยวนครพนมริมโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้าน (ตอน 2)

52

หลังจากเราได้เที่ยวชมเส้นทางท่องเที่ยวริมโขง ของอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมกันไปในวันแรกแล้ว (เรื่องตอนที่ 1) ทริปเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน ไทย-ลาว ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 ก็ยังดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน เต็มอิ่มกับจุดหมายทางด้านศาสนา วัฒนธรรม ผสานกับความเชื่อความศรัทธาเกี่ยวกับตำนาน “พญานาค” ที่ชาวนครพนมเคารพกันมาหลายชั่วอายุคน

54

หลังจากตะวันขึ้นริมโขง มองเห็นได้ชัดเจนจากฝั่งไทยไปทางฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว อากาศตอนเช้าๆ อย่างนี้เย็นสบายมาก เหมาะสำหรับการตื่นเช้ามาตักบาตรริมโขง โดยธรรมเนียมของชาวอีสานแล้ว เป็นการตักบาตรข้าวเหนียว คือการตักบาตรเฉพาะการใส่ข้าวเหนียวเท่านั้น ส่วนกับข้าวจะนำไปถวายวัดทีหลัง เรียกว่า จังหัน แต่ด้วยวิถีชีวิตของคนปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ต้องรีบไปทำงาน ไม่มีเวลาไปถวายจังหันที่วัด ก็สามารถถวายกับข้าวและปัจจัยได้เลย ไม่ถือว่าผิดอะไร

55 56 57

จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปตักบาตรยามเช้ากันตรงริมโขง ก็คือบริเวณหน้า “วัดมหาธาตุ” อันเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุนคร” ซึ่งเป็นองค์พระธาตุประจำคนเกิดวันเสาร์ กราบขอพระองค์พระธาตุแล้ว ถ้ามีโอกาส อย่าลืมถวายผ้าห่มองค์พระธาตุด้วย ชีวิตจะได้ร่มเย็น มีสิ่งปกปักษ์รักษาตัวเรา หรือใครจะเข้าไปฟังเทศน์ฟังธรรม ถวายสังฆทานร่วมด้วยก็ได้ สมแล้วที่ นครพนมเป็นจังหวัดที่มีพระธาตุประจำวันเกิด ครบ 7 วัน และเป็นเมืองพุทธริมโขงที่เนิบช้า สงบร่มเย็นจริงๆ

58 59.1 59

ในทริปนี้ ท่านบัวมิน จ้วงลาสี หัวหน้าห้องการพัวพันต่างประเทศ แขวงคำม่วน ประเทศลาว ได้ให้เกียรติอย่างสูง มาร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงวัฒนธรรมสองฝั่งโขงกับเราด้วย โดยท่านได้เป็นประธานถวายปัจจัยสังฆทาน ณ วัดมหาธาตุ

61

หลังจากอาหารเช้าแสนอร่อย ก็ได้เวลาสำคัญ ร่วมกันล่องเรือชมแม่น้ำโขง พร้อมกับประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ บูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง โดยพวกเราได้ล่องเรือแม่โขงพาราไดซ์ เป็นเรือสำราญทันสมัย โอ่โถง บริการนักท่องเที่ยวเพียงลำเดียวในขณะนี้ เราจะล่องเรือจากหน้าเมืองนครพนม ลอดใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 จนไปถึงหน้าวัดพระพุทธบาทเวินปลา แล้วประกอบพิธีบูชาพญานาคกัน ณ จุดนั้น

62

 บายศรีพญานาค พร้อมด้วยพานพุ่มหมากเบ็งแบบอีสาน จากฝีมือกลุ่มแม่บ้านดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ได้รับการนำมาจัดวางอย่างสวยงามไว้เรียบร้อยแล้วบนดาดฟ้าเรือสำราญ แม่โขงพาราไดซ์

6364

 ท่านผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครพนม สกลนคร มุกดาหาร พี่สาวคนสวยของเรา ก็มาร่วมล่องเรือด้วย สังเกตหน้าตาอิ่มเอิบมีความสุข เพราะวันนี้เราจะมาประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์เพื่อมงคลชีวิตร่วมกัน

65

สาวน้อยนักท่องเที่ยวที่ร่วมทริปไปด้วย กำลัง Happy กับการนั่งชิล ชมวิวสวยๆ กลางแม่น้ำโขง อย่างนี้ก็ต้องแช๊ะ ชักภาพไปแชร์กันต่อให้เยอะๆ แล้วล่ะ

66

ภาพอันคุ้นตา วิถีชีวิตความผูกพันของคนกับแม่น้ำโขง แม้ว่าทุกวันนี้ปลาในลำน้ำโขงจะลดปริมาณลงมาก ทว่าก็ยังมีเหลือให้ชาวประมงพื้นบ้านจับกินจับขาย เลี้ยงปากท้องและครอบครัวได้ ส่วนฝั่งแผ่นดินที่เห็น คือเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว ซึ่งยังไม่มีตึกสูง จึงยังแลร่มเย็นด้วยแนวต้นไม้เขียวสดชื่นสะอาดตา

67

เริ่มล่องเรือออกจากหน้าเมืองนครพนม ผ่านตลาดอินโดจีน และท่าเรือด่านศุลกากร ของเรือข้ามฟากไทย-ลาว

68.1

Landmark และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญริมโขงนครพนมแห่งหนึ่งก็คือ “วัดนักบุญอันนา หนองแสง” ซึ่งเป็นโบสถ์ของพี่น้องชาวคริสเตียนเชื่อสายไทย-ญวน (เวียดนาม) ที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในนครพนมกันนานแล้ว ตอนเย็นๆ เวลาล่องเรือเที่ยว จะเห็นโบสถ์ที่มีหอคอยแหลมคู่ เปิดไฟสวยงาม เคียงคู่กับท้องฟ้าเปล่งแสงสียามอัสดง บรรยาากศคลาสสิกมากๆ

69

ท่านพราหมณ์เร่ิมประกอบพิธีบูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง ตามความเชื่อและธรรมเนียมของชาวนครพนม ที่เชื่อถือ ศรัทธากันมาหลายชั่วอายุคน บรรยากาศของพิธีเต็มไปด้วยกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์

7071.1

เมื่อพิธีของพ่อพราหมณ์จบลง ผู้ที่เข้าร่วมพิธีทุกคนก็ได้มีโอกาสอธิษฐาน บูชาองค์พญานาคแห่งลำโขง ด้วยการโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงสู่แม่น้ำใหญ่สายนี้

7172

เรือแม่โขงพาราไดซ์ค่อยๆ แล่นลอดผ่านใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ซึ่งเปิดไปแล้วอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ปี 2011 ในเวลา 11.11 น. เชื่อมโยงการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ของอนุภูมิภาคอินโดจีนเข้าด้วยกัน ทำรายได้ให้ไทยในปี 2014 ไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท! ตรงตามคำทำนายของนครพนมในอดีต ว่าเมื่อถึงยุคหนึ่ง ในลำน้ำโขงนครพนมจะมีก้อนหินใหญ่ลอยผุดขึ้นเหนือน้ำ เมื่อมาตีความกันในปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นสะพานแห่งนี้นี่เอง

737475

เรือของเราไม่สามารถแล่นไปจนถึงหน้าวัดพระพุทธบาทเวินปลาได้ตามแผน เพราะฤดูนี้ลำน้ำโขงลดระดับต่ำเกินไป อาจติดแก่งหินได้ เราจึงประกอบพิธีลอยบายศรีบูชาพญานาคกัน เมื่อเรือลอดผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ไปแล้ว

7778

ล่องเรือชมบรรยากาศในลำน้ำโขงกันมากว่า 3 ชั่วโมง ก็ได้เวลาขึ้นมาหม่ำอาหารเที่ยงอร่อยๆ แล้วนั่งรถต่อไปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แถบ “เมืองโบราณริมโขง บ้านหนองจันทน์” ตำบลท่าค้อ อำเภอเมืองนครพนม ซึ่งริมลำน้ำโขงในบริเวณนี้ แท้จริงในอดีตคือส่วนเสี้ยวหนึ่งของอาณาจักรศรีโคตรบูร ที่กินอาณาเขตทั้งสองฝั่งโขงปัจจุบัน ทุกวันนี้มีการสำรวจพบซากโบราณสถานเก่าแก่ โดยเฉพาะวัด สิม (โบสถ์) ซากเจดีย์น้อยใหญ่ และวัตถุโบราณที่อยู่ใต้ดินในที่ทำกินของชาวบ้านนับไม่ถ้วน ซึ่งกรมศิลปากรณ์ได้มาทำการสำรวจไว้หมดแล้ว ทว่ายังไม่ได้บูรณะอย่างจริงจัง ในอนาคตอันใกล้นี้ จังหวัดนครพนมจะพัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์โบราณคดีบ้านหนองจันทน์ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ คงไม่นานเกินรอครับ

79

ภายในพระอุโบสถวัดหนองจันทน์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากริมโขงมากนัก มีพระพุทธรูปโบราณสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร อยู่เป็นจำนวนมาก สังเกตให้ดีจะเห็นร่องรอยอดีตความขลัง ของศิลปะล้านช้างลาว โดยเฉพาะพระพักตร์พระพุทธรูป ที่ต่างจากยุครัตนโกสินทร์ของสยาม (องค์สีทองที่อยู่ข้างๆ) อย่างชัดเจน

80

ภายในวัดหนองจันทน์ มีบ่อน้ำโบราณอายุหลายร้อยปี ลึกหลายสิบเมตร ก้นบ่อยังมีน้ำผุดขึ้นมา ไม่เคยเหือดแห้ง โดยขอบบ่อนี้มีการเรียงอิฐซ้อนกันลงไปตามผนัง เพื่อเสริมความแข็งแรงไม่ให้พังถล่ม เป็นอิฐสมัยเก่าของจริง

81

จากหน้าวัดหนองจันทน์ ในอดีตแม่น้ำโขงเคยกินอาณาเขตเข้ามาถึงตรงนี้ ทว่าปัจจุบันตะกอนได้สะสมกัน จนเกิดเป็นแผ่นดินใหม่งอกออกไปกว้างเกือบกิโลเมตร เป็นดินอุดมสมบูรณ์ที่ชาวบ้านมาปลูกพืชไร่และยาสูบกัน พ้นจุดนี้ไปก็คือแม่น้ำโขง และฝั่งตรงข้ามที่เห็นคือประเทศลาว (เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน) อันเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุศรีโคครบอง” ซึ่งประชาชนสองฟากฝั่งเคารพศรัทธา คู่กับองค์พระธาตุพนม และพระธาตุริมโขงอีกหลายองค์

82

ความ Unseen อย่างหนึ่งภายในวัดหนองจันทน์คือ จอมปลวกรูปพญานาค เราไม่เคยเห็นจอมปลกรูปทรงพิสดารแบบนี้ที่ไหนมาก่อนเลย!!!

83

ออกเดินทางต่อไป จนถึง “พระธาตุมรุกขนคร” อดีตที่ตั้งเมืองศรีโคตรบูรโบราณ ก่อนย้ายมาอยู่ที่ตัวอำเภอเมืองนครพนมในปัจจุบัน พระธาตุองค์นี้ตั้งอยู่ในอำเภอธาตุพนม ห่างจากตัวเมืองนครพนมประมาณ 40 กิโลเมตร มีลักษณะคล้ายองค์พระธาตุพนมย่อส่วน คือสูงเพียง 50.9 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เพื่อฉลองวาระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี

84

บนหน้าบันพระอุโบสถวัดพระธาตุมรุกขนคร มีรูปปั้นครุฑ ที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดองค์หนึ่งในเมืองไทย ด้วยท่วงท่าลีลาอันสง่างาม มีพลัง มีอำนาจ มีความแข็งแกร่ง ราวกับมีชีวิตจริง โดยเฉพาะดวงตาของครุฑองค์นี้ ไม่ว่าเราจะเดินไปในทิศทางใด ก็จะรู้สึกราวกับว่าดวงตาท่านจะมองตามเราไปในทุกที่ได้อย่างอัศจรรย์!

85

กลุ่มแม่บ้าน บ้านดอนนางหงส์ เป็นกลุ่มที่มีฝีมือด้านการทำบายศรีพานพุ่ม (หมากเบ็ง) เอาไว้บูชาพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวอีสาน แม่บ้านได้มาให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว ทดลองทำหมากเบ็งอันเล็กๆ ด้วยตนเอง เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นน่ารัก น่าสืบสานต่อไปไม่ให้สูญหาย

8687.1

ออกจากพระธาตุมรุกขนครแล้ว เรายังเดินทางต่อไปที่ “หมู่บ้านวัฒนธรรมไทกวน” บ้านนาถ่อนทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยชาวไทกวนถือเป็น 1 ใน 8 เผ่า ของนครพนม เป็นชุมชนโบราณผู้ทำหน้าที่ดูแลปกป้ององค์พระธาตุพนม จึงมีภูมิปัญญาด้านการตีดาบ สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน กลายเป็นอาชีพหลักอย่างหนึ่งของหมู่บ้าน มีออร์เดอร์ตีดาบตีมีดสั่งมาจากทั่วประเทศ ทว่าทุกวันนี้เหลืออยู่แค่ไม่เกินสองสามบ้านแล้ว ที่ยังคงตีดาบด้วยมือและเตาแบบโบราณจริงๆ เพราะวิธีนี้แม้จะได้มีดดาบคุณภาพดีเยี่ยมกว่า แต่ก็กินเวลา และแรงกำลังมาก จนไม่ทันกับใบสั่งซื้อ

878889

มีดาบ มีดอีโต้ มีดพร้า คุณภาพเยี่ยม จากฝีมือการตีแบบโบราณล้วนๆ เมื่อมาซื้อกันถึงแหล่งถึงที่แบบนี้แล้ว ราคาจึงถูกมาก ถ้าได้ไปเที่ยวก็ช่วยกันอุดหนุนให้กำลังใจชาวบ้านด้วยล่ะ เพื่อเป็นการต่ออายุภูมิปัญญานี้ไม่ให้สูญหาย

90

 ชุดพื้นบ้านแบบดั้งเดิมของชาวไทกวน นครพนม ของสตรีจะใช้สีดำและเหลืองเป็นหลัก โดยมีเครื่องประดับเงินต่างๆ ช่วยเพิ่มความงามล้ำ

9192

สาวน้อยชาวไทกวน มายืนต้อนรับนักท่องเที่ยว และฟ้อนรำสวยๆ ให้เราชมอย่างอ่อนช้อย น่าประทับใจเหลือเกิน

93

94

 ผลิตภัณฑ์งานฝีมือพื้นบ้านแบบ Hamnmade ของชาวไทกวน มีการประยุกต์ใช้วัสดุสมัยใหม่ มา Re-Design จนกลายเป็นกระเป๋าที่ผสมกลมกลืนระหว่างความ Modern และลวดลายเฉพาะตัว ได้งามจริงๆ ราคาก็ไม่แพงนะ

95

เย็นวันนั้น เรากลับเข้าตัวเมืองนครพนม เพื่อชิม ต้มเส้น อาหารอิทธิพลเวียดนาม ที่เข้ามาผสมกลมกลืนกับอาหารพื้นถิ่นนครพนม เมนูมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งโจ๊ก, ข้าวต้ม, ต้มเส้นหมูยอ ฯลฯ เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปอร่อยหอมขึ้นจมูก แนะนำร้านอาหารข้าวต้มเส้น 99 (โทร.  0-4251-4585)

96

เช้าวันสุดท้าย ของทริปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้านสองแผ่นดิน เราได้เข้าไปกราบสักการะองค์พระธาตุที่ว่ากันว่า สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในภาคอีสาน คือ “พระธาตุพนม” อันเป็นพระธาตุประจำวันเกิดคนวันอาทิตย์ โดยประวัติเล่าว่า สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 8 ในยุคที่อาณาจักรศรีโคตรบูรกำลังรุ่งเรืองสุดขีด เป็นพระธาตุที่ใช้ประดิษฐาน พระอุรังขธาตุ หรือกระดูกส่วนพระอุระ (ส่วนอก) ของพระพุทธเจ้า หากแม้นได้มากราบเพียงครั้งเดียวก็เป็นมงคลยิ่งแล้ว แต่ใครได้มากราบครบ 7 ครั้ง ก็จะถือว่าเป็นลูกพระธาตุอย่างแท้จริง

979899100

Special Thanks : จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดียิ่ง