เที่ยวในประเทศ

กระบี่เที่ยวได้ทั้งปี มีมากกว่าทะเล

กระบี่ 2

พอย่างเข้าฤดูฝนทีไร หลายคนไม่รู้จะไปเที่ยวไหน เลยเก็บตัวเงียบอยู่กับบ้าน ทำให้เสียโอกาส ไม่ได้ออกไปพานพบความสวยงามของธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวเมืองไทยซึ่งมีอยู่หลากหลายเหลือเกิน โดยเฉพาะ “ทะเลหน้าฝน” ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สวย เที่ยวไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้วเที่ยวได้ เที่ยวง่าย แถมยังมีคนน้อย ไม่ต้องแย่งกันด้วย

ทริปนี้เราขอพาเพื่อนๆ มุ่งหน้าสู่ “จังหวัดกระบี่” ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงามตระการตา ทั้งบนบกและในทะเล ขอแอบกระซิบไว้ตรงนี้เลยว่า เขามีความเป็น UNSEEN หรือสิ่งที่คนยังไม่ค่อยรู้เก็บซ่อนอยู่อีกมากมาย!กระบี่ 3

สถานที่แรกในทริปเที่ยวทะเลกระบี่ฮาเฮสุขใจคราวนี้ เราขอพาเพื่อนๆ ไปยัง “ถ้ำพระนาง” ซึ่งต้องนั่งเรือหัวโทง หรือเรือหางยาวแบบปักษ์ใต้ จากอ่าวนางไปไม่ไกล ความ UNSEEN ของถ้ำพระนางคือ เป็นจุดที่มีโพรงถ้ำขนาดใหญ่ พร้อมด้วยศาลเทพธิดาอันศักดิ์สิทธิ์ ใครไปบนบาลศาลกล่าวแล้วได้ดั่งคำขอ ก็ต้องนำปลัดขิกไม้ไปแก้บน นอกจากนี้ ในบริเวณถ้ำพระนางยังมีหินงอกหินย้อยยิ่งใหญ่ตระการตา ยามเย็นมองเห็นอาทิตย์อัสดงหวานซึ้ง และในบางคืน น้ำทะเลบริเวณนี้จะเรืองแสงได้! เพราะพรายน้ำหรือแพลงก์ตอนนั่นเอง
กระบี่ 4

เหนือถ้ำพระนางเงยหน้าแหงนมองคอตั้งบ่าขึ้นไปบนเชิงผา มีหินย้อยขนาดยักษ์และโพรงถ้ำน้อยใหญ่มากมาย นับเป็น Marine Karst หรือธรณีวิทยาหินปูนชายทะเล ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ใกล้ๆ กับถ้ำพระนางคือ “อ่าวไร่เล” ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักปีนผาจากทั่วโลกมารวมตัวกัน เพื่อพิสูจน์ฝีมือ ท้าทายความสูงอย่างไม่กลัวเกรง!กระบี่ 5

ออกจากอ่าวพระนาง เร่งเครื่องเรือสปีตโบ้ทความเร็วสูงจนผืนน้ำแตกกระจายเป็นฟองซ่า มุ่งหน้าตรงดิ่งสู่ UNSEEN ลำดับต่อไปของทะเลกระบี่ มองย้อนกลับไปทางถ้ำพระนาง แลเห็นเทือกเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำ ยอดเรียงรายสลับซับซ้อน นี่คือของขวัญจากธรรมชาติที่มอบให้กับนักแรมทางอย่างเราได้ชุ่มชื่นหัวใจกระบี่ 6

มาถึงแล้วจ้า UNSEEN Krabi ที่โด่งดังไปทั่วไทยมานับสิบปี “ทะเลแหวก” หรือสันทรายขาวยาวเหยียด ผุดขึ้นจากน้ำทะเลยามน้ำลดระดับต่ำสุด โดยเฉพาะในวันแรม 15 ค่ำ ลักษณะเป็นสันทรายรูปตัว Y เชื่อมเกาะหม้อ เกาะทับ และเกาะไก่ เข้าด้วยกัน วันนี้น้ำใสฟ้าสวย แต่คนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ฮาฮาฮา
กระบี่ 7

ทะเลแหวก ทำให้เราสามารถเดินข้ามจากเกาะหนึ่ง ไปสู่อีกเกาะหนึ่งได้เลย มองจากระยะไกลๆ คล้ายกับว่าคนเดินอยู่บนน้ำได้ แปลกตามหัศจรรย์ดีเนอะกระบี่ 8 กระบี่ 9

สาวๆ ชวนกันโพสต์ท่าถ่ายรูปบนเนินทรายขาวของทะเลแหวก เห็นแล้วสดชื่นจริงๆ เลย
กระบี่ 11

อยู่ที่ทะเลแหวกราว 40 นาที เราก็นั่งเรือเร็วอ้อมไปด้านหลังของ “เกาะไก่” พาให้ถึงบางอ้อ ว่าทำไมเขาจึงเรียกว่าเกาะไก่? เพราะที่ปลายเกาะมีแท่งหินขนาดยักษ์สูงหลายร้อยเมตรเด่นอยู่ ลักษณะเหมือนหัวของไก่ไม่มีผิดเลยนะสิ ถือเป็น Landmark สำคัญอย่างหนึ่งของทะเลกระบี่ไปแล้ว
กระบี่ 12

โปรแกรมต่อไปนี่หลายคนเฝ้ารอมานาน คือการลงไปดำน้ำตื้น ว่ายน้ำป๋อมแป๋ม สัมผัสกับฝูงปลาและปะการังหลากชนิดของทะเลกระบี่ วันนี้คลื่นลมไม่ค่อยเป็นใจ คนเรือเลยแนะนำว่า ให้เปลี่ยนจากแผนเดิมจะไปดำน้ำที่เกาะสี่ มาเป็นดำน้ำที่ด้านข้างของเกาะไก่แทน มีปะการังแข็ง ปลาการ์ตูน และสรรพชีวิตสวยงามไม่แพ้กัน
กระบี่ 13

ก่อนลงน้ำก็ต้องใส่เสื้อชูชีพ หน้ากากดำน้ำและท่อหายใจ รวมถึงเสื้อชูชีพให้พร้อม เพื่อความปลอดภัยเต็มร้อย จะได้เป็นการท่องเที่ยวที่สนุกและน่าจดจำไปอีกนานๆ ดูสิ นำ้สีมรกตใสแจ๋วเบื้องหน้า ช่างมีเสน่ห์ ร้องเรียกให้เรารีบโดดน้ำลงไปเร็วๆกระบี่ 14.1

แม้น้ำจะไม่ใสแจ๋วเหมือนฤดูร้อน แต่วันนี้ก็มีทัศนวิสัยการมองได้ไกลพอควร ฝูงปลาเสือว่ายเข้ามาต้อนรับเรานับร้อยตัว! อย่างเป็นมิตร พวกมันคงสงสัยว่าเรามาทำอะไรกันในบ้านใต้น้ำของมัน แต่เราขอแนะนำเลยว่า เวลาไปเที่ยวทะเล ไม่ควรให้อาหารปลาเด็ดขาด! เพราะจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมปลาในธรรมชาติ! พวกมันจะดุขึ้น กัดกันเอง ถือเป็นการทำให้ระบบนิเวศน์ท้องทะเลเสื่อมโทรมลงอย่างช้าๆ และมีผลกระทบลึกล้ำเกินเข้าใจ!
กระบี่ 14.2

นอกจากฝูงปลาแล้ว ใต้ผืนน้ำบริเวณนี้ยังมีโขดปะการังแข็งอีกมากมาย ซึ่งเป็นที่หลบภัย อาศัย หากิน ของฝูงปลาเล็กๆ นับไม่ถ้วนกระบี่ 14กระบี่ 15กระบี่ 16

ดำน้ำเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเริงร่ากับทะเล ถ่ายภาพ SHARE ลง Social กันอย่างสนุกสนานกระบี่ 18

UNSEEN ลำดับต่อมา ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ค่อยรู้ คือจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกระบี่ “หาดทับแขก” อยู่ห่างจากอ่าวนางไปทางใต้ประมาณ 17 กิโลเมตร เป็นชายหาดทอดยาว เงียบสงบ เป็นส่วนตัว สวยซึ้ง โรแมนติกมากๆ โดยเฉพาะในยามอาทิตย์อัสดง เปลี่ยนผืนฟ้าให้งามด้วยความอลังการของเฉดสีมหัศจรรย์!
กระบี่ 19กระบี่ 20กระบี่ 21กระบี่ 22

เสน่ห์ของลอนทรายยามน้ำลด เคียงคู่อาทิตย์อัสดง ณ หาดทับแขก จ.กระบี่กระบี่ 23กระบี่ 24กระบี่ 25

การเดินทางของพวกเรายังไม่สิ้นสุด เพราะจังหวัดกระบี่มีแง่มุมให้ค้นหาไม่รู้จบ เราเลยชวนเพื่อนๆ ไปล่องเรือเที่ยวกันที่ “คลองปกาสัย” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้ากระบี่แค่นิดเดียว ทว่าลำคลองสายนี้ยังมีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มาก แนวป่าโกงกางยังรกชัฎ ชาวประมงพื้นบ้านยังออกเรือไปหากุ้ง หอย ปู ปลา ได้เหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาหลายรุ่น ดำรงชีพสืบต่อกันมากระบี่ 27

ลำคลองปกาสัย บางช่วงก็กว้างเหมือนกับแม่น้ำไม่มีผิด ฟ้าใส แดดสวย แนวป่าก็เขียวขจี อากาศสดชื่น ลมเย็น อิจฉาตัวเองที่ได้ไปอยู่ตรงนั้นนะ เพราะรู้สึกสดชื่นมากๆ ธรรมชาติอยู่ใกล้แค่เอื้อมจริงๆกระบี่ 28

มีแต่รอยยิ้มเปื้อนหน้าของน้องๆ และเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกัน วันนี้เราได้มาเห็นความอุดมสมบูรณ์ของลำคลองปกาสัยแล้วนะ

กระบี่ 29

เชื่อหรือไม่ว่า ในลำคลองเล็กๆ สายนี้ ยังมี UNSEEN อีกอย่างของกระบี่ซ่อนอยู่ นั่นคือ “การดำน้ำเก็บถ่านหิน” เพราะใต้ท้องน้ำของลำคลองปกาสัย อุดมด้วยถ่านหินลิกไนต์อยู่มากมายมหาศาล! หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วถ่านหินไม่ได้ทำให้น้ำเสียหรือปลาตายรึ? คำตอบคือ ถ่านหินที่เป็นก้อนใหญ่ๆ แข็งๆ อย่างในภาพนี้ มันจะไม่ได้ละลายลงน้ำ กุ้ง หอย ปู ปลา และต้นโกงกาง จึงยังเติบโตได้เช่นเดิม ส่วนถ่านหินที่ใช้กันในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนทั่วโลก ต้องนำไปบดให้ป่นจนเป็นผงแป้งสีดำก่อน แล้วจึงฉีดพ่นเข้าไปในเตาเผา เออ… ได้ความรู้ใหม่

กระบี่ 30

คุณลุงคนขับเรือหัวโทง (เรือหางยาว) ของเรา เกิดและโตที่นี่ ดำน้ำเก็บถ่านหินมาตั้งแต่เด็ก และยืนยันเลยว่า อายุลุงปูนนี้แล้ว ลำคลองปกาสัยก็แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย ผืนป่าชายเลนยังอุดม เอื้อต่อวิถีชีวิตชาวบ้านเช่นเดิมกระบี่ 31

ล่องเรือเที่ยวแล้ว ก็ได้เวลาทำประโยชน์ฝากไว้ให้ท้องถิ่น กับกิจกรรม CSR ปล่อยลูกปลากระพงขาวนับแสนตัว ลงสู่คลองปกาสัย ให้พวกมันแหวกว่ายออกไปเติบโต จะได้กลายเป็นอาหารและแหล่งรายได้ของชาวบ้านในอนาคต ต้องขอบคุณ EGAT ที่ช่วยสนับสนุนลูกปลาให้เราปล่อยในครั้งนี้จ้ากระบี่ 32กระบี่ 33

ไหนๆ ก็ลงเรือแล้ว วันนี้ไปเที่ยวแบบตัวเปียกกันให้ฉ่ำปอดเลยดีกว่า ฮาฮาฮา ได้เวลาไปโหดมันฮา สนุกกับการพายเรือคายัคเที่ยว “อ่าวท่าเลน” ป่าชายเลนกว้างที่มีแนวเขาหินปูนผลุบโผล่ขึ้นมา ราวกับโลกยุคล้านปี ระยะทางการพายเรือก็เบาะๆ แค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น ช่วงแรกเป็นการพายทวนน้ำ แต่เมื่อผ่านถ้ำจระเข้ไปแล้ว จะเป็นการพายตามน้ำ ไม่เหนื่อย พายเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ ชมธรรมชาติมหัศจรรย์รอบๆ ตัวกันเพลินๆ จ้ากระบี่ 34กระบี่ 35

คายัคอ่าวท่าเลน ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมลงกับทะเลกระบี่วันนี้กระบี่ 36

หมุดหมายต่อไปในการเดินทางอันแสนสนุกของเรา คือการล่องเรือเที่ยว “เขาขนาบน้ำ” เขาหินปูนฝาแฝดที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองกระบี่ บริเวณแม่น้ำกระบี่ นับเป็น Landmark สำคัญของจังหวัด การเที่ยวก็แสนง่าย ลงเรือหัวโทงไปแค่ไม่เกิน 15 นาที ก็ถึงแล้วกระบี่ 37.1

ระหว่างล่องเรือไปเขาขนาบน้ำ จะได้ชมความงามของเทือกเขาหินปูน ป่าชายเลนเขียวขจี และวิถีประมงพื้นบ้าน ถ้าวันไหนอากาศแจ่มใสฟ้าเปิดจริงๆ มองตรงไปบนยอดเขาหินปูนไกลลิบๆ จะมองเห็นเจดีย์สีทองของวัดถ้ำเสือได้เลยกระบี่ 37

มาถึงเขาขนาบน้ำแล้ว เราไม่ได้เที่ยวกันเฉยๆ แต่ขอทำประโยชน์ให้กับชุมชนและธรรมชาติด้วย กับ “กิจกรรมปลูกป่าชายเลน” นำต้นโกงกางฝังรากลงสู่ผืนดินที่นี่ เพื่อวันหนึ่งในอนาคต โลกนี้จะได้มีสีเขียวเพิ่มขึ้น เพราะต้นไม้คืออาหาร ยารัษาโรค เป็นผู้ผลิตก๊าซออกซิเจนให้เราหายใจ แถมเรือนรากป่าโกงกางยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน อีกทั้งช่วยชะลอการกัดเซาะของคลื่นลมได้ด้วย มหัศจรรย์จริงๆ จ้า!กระบี่ 38กระบี่ 39รอยยิ้มหวานๆ และอบอุ่น ของมะที่เขาขนาบน้ำกระบี่ 40

จากเขาขนาบน้ำ พออิ่มเอมกับอาหารปักษ์ใต้แสนอร่อยบนเรือนแพแล้ว เราก็พาตัวเองล่องเรือหัวโทงผ่านป่าชายเลนร่มครึ้มอันลึกลับ เพื่อเข้าสู่แม่น้ำกระบี่ ไปสู่ “บ้านเกาะกลาง” ชุมชนบนเกาะกลางแม่น้ำที่น่าไปสัมผัส ด้วยอัตลักษณ์ของชุมชนชาวมุสลิมอันแสนสงบ และมีกิจกรรมน่าสนใจรอเราอยู่มากมายกระบี่ 41

เกาะกลาง มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ด้านที่ติดแม่น้ำกระบี่เป็นป่าโกงกาง อีกด้านติดทะเล ส่วนกลางเกาะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าเสม็ด และป่าพรุ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นท้องนาอันทรงคุณค่า เพราะมีการนำ “ข้าวพันธุ์สังข์หยด” จากจังหวัดพัทลุงมาปลูก จนขายดิบขายดี ปีนึงๆ ไม่พอขายเลยล่ะ!กระบี่ 42

ข้าวสังข์หยด มีถิ่นกำเนิดในจังหวัดพัทลุง เป็นข้าวเมล็ดสีน้ำตาลแดงที่อุดมด้วยคุณค่าทางอาหารและวิตามิน ในระดับสูงมาก โดยเฉพาะมีสารไนอาซีนสูงกว่าข้าวแทบทุกชนิด ข้าวสังข์หยดจึงเป็นข้าวพันธุ์แรกของไทย ที่ได้รับมาตรฐาน GI หรือสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ นับเป็นความภูมิใจของชาวสยามเรากระบี่ 44

ข้าวสังข์หยดของบ้านเกาะกลาง จ.กระบี่ มีแพ็กขายอย่างดี สะอาด ถุงละ 100 บาทเท่านั้น (แต่ถ้าเข้ามาขายในเมือง ราคาจะสูงมาก!) มีแบบข้าวสังข์หยดกล้อง เมล็ดสีน้ำตาลแดง เป็นแบบสีเอาเฉพาะเปลือกออกเท่านั้น และมีแบบข้าวสังข์หยดขาว คือสีสองครั้ง เปลือกและสีน้ำตาลแดงจึงหลุดออกไป แบบนี้ก็จะมีคุณค่าทางอาหารลดลง
กระบี่ 45
แม้ว่าจะมีเครื่องสีข้าวที่เป็นเครื่องยนต์สมัยใหม่แล้ว แต่บางบ้านยังนิยมสีข้าวด้วยการโม่แบบเก่าจ้า ได้ออกกำลังกายลดต้นแขน ต้นขา ไปในตัวด้วยเนอะ

กระบี่ 46

รอยยิ้มใสๆ ของเจ้าตัวน้อย ที่บ้านเกาะกลาง
กระบี่ 47

 ที่บ้านเกาะกลางมีลองกองหวานฉ่ำกินด้วย แต่ไม่ได้ปลูกกันเอง รับมาอีกทีจากจังหวัดนราธิวาสจ้า
กระบี่ 48

ภูมิปัญญาพื้นบ้านอันน่าภูมิใจอีกอย่างของบ้านเกาะกลาง คือ “การทำเรือหัวโทงจำลอง” เข้าไปชมได้ที่ ศูนย์การเรียนรู้ กลุ่มเรือหัวโทงจำลองเกาะกลาง ที่มี คุณสมบูรณ์ หมั่นค้า เป็นประธานกลุ่ม คุณสมบูรณ์ได้ผันตัวเองจากช่างต่อเรือหัวโทงจริงๆ มาเป็นการทำเรือหัวโทงและเรือพื้นบ้านประเภทอื่นๆ จำลอง เนื่องจากปัจจุบันในภาคใต้ เรือพื้นบ้านหลายประเภทได้ลดจำนวนหรือสาบสูญไปแล้ว! สิ่งที่จะช่วยอนุรักษ์ หรือกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่า ไม่ลืมวิถีประมงพื้นบ้าน อันเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่อุตส่าห์สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน ก็คือเรือหัวโทงจำลองนี่เอง

กระบี่ 49

กิจกรรมสุดท้ายที่เราจะไปสัมผัสกันบนเกาะกลาง ก็คือ “การเพนท์ผ้าบาติก” แสนสวย ทั้งลวดลายและสีสันล้วนมีเอกลักษณ์ เริ่มตั้งแต่การเขียนลาย ย้อมผ้า ลงสี แค่ฟังก็น่าสนุกแล้ว รีบไปกันเถอะกระบี่ 50กระบี่ 51

ทางกลุ่มเพนท์ผ้าบาติกเกาะกลาง ได้จัดเตรียมผ้าผืนน้อยไว้ให้พวกเราแล้ว โดยแต่ละผืนมีการปั๊มลายลงไปด้วยเทียน แล้วให้เราแสดงฝีมือ จุ่มสีระบายลงไปในช่องว่างของลายนั้น เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้สีแห้ง นำไปต้มเพื่อเอาเทียนออก ส่วนที่เคยมีเทียนอยู่ก็จะไม่ติดสี ได้ผ้าปูโต๊ะ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าโพกหัว และอีสารพัดผ้าบาติกแสนสวย กลับไปเป็นของที่ระลึกที่บ้านด้วยจ้ากระบี่ 52

เสร็จแล้วจ้า ผลงานของน้องเรา ฝีมือไม่ธรรมดา สีสันสดใสเลยนะเนี่ยะกระบี่ 53

สองวัยจากโลกสองช่วงเวลา แต่โคจรมาพบกัน ณ บ้านเกาะกลาง อย่างมีความสุขกระบี่ 43

ชาวบ้านเกาะกลาง ยังกินอยู่ดำรงชีพอย่างเรียบง่ายอย่างแท้จริง โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง รอบบ้านมีพืชผลหลายอย่างปลูกไว้กิน เหลือก็ขาย แบ่งปันข้างบ้านบ้าง แถมยังมีบ่อปลาด้วยกระบี่ 54

ก่อนโบกมือลากระบี่ เราได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2504 แล้ว และปัจจุบันยังเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าให้ภาคใต้อยู่ เฉพาะในยามจำเป็นเท่านั้น เราได้รับรู้ความจริงว่า พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ชีวิตในประเทศเดินหน้าได้ แต่ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้เราทุกคนต้องช่วยกันประหยัดมากขึ้น ส่วนผู้ผลิตก็ต้องเสาะหาแหล่งพลังงานไฟฟ้าใหม่ๆ เร่งเข้าเพิ่มเติม นี่คือภารกิจท้าทายของเราคนไทยทุกคน รวมถึงโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่อยู่คู่จังหวัดกระบี่มาเนิ่นนานแล้ว
EGAT logo

Special Thanks การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

สอบถามเพิ่มเติม : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0-2354-3588 www.incom.co.th

#UnseenEGATKrabi

ปั่นสองล้อเที่ยวนครพนม ชมเมืองน่ารัก

นครพนม 51นครพนม 1

ปี 2015 เทรนการปั้นจักรยานเที่ยวกำลังมาแรง ใครที่ไม่เคยมีจักรยานก็หาซื้อกันใหญ่ ส่วนคนที่ยังไม่มีก็รีบหาซื้อมาปั่น กลัวอายเพื่อน จะว่าไปแล้วการปั่นจักรยานเป็นการเดินทางแบบ Slow Travel ที่ไม่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เลย ทำให้นอกจากสุขภาพเราจะดีแล้ว สิ่งแวดล้อมยังสะอาดอีกด้วยนะ เป็น Low Carbon Travel ที่น่าสนับสนุนจริงๆ
นครพนม 2

วันนี้จังหวัดนครพนมได้กลายเป็น “เมืองแห่งจักรยาน” หรือ The Cycling City อย่างแท้จริงแล้ว เพราะด้วยสภาพของตัวเมืองเลียบลำน้ำโขง บรรยากาศเย็นสบาย มีจุดชมวิว และมีเลนจักรยานให้ปั่นต่อเนื่องยาวหลายกิโลเมตร อีกทั้งคนนครพนมยังนิยมปั่นจักรยานกันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว จักรยานจึงเป็นพาหนะที่ยังอยู่ในวิถีของคนที่นี่จริงๆ

นครพนม 3

เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวในนครพนม ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ มีอยู่ 4 เส้นทางด้วยกัน คือ 1.เส้นทางชมเมืองเก่าไชยบุรี 2. เส้นทางบ้านดอนนางหงส์ 3.เส้นทางเมืองโบราณบ้านหนองจันทร์ และ 4. เส้นทางเลียบโขงตัวเมืองนครพนม

นครพนม 4

เส้นทางเมืองเก่าไชยบุรี เป็นเส้นทางปั่นเลียบลำน้ำโขงยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านชุมชนน่ารักๆ ที่ยังคงความเงียบสงบ มีร้านกาแฟเล็กๆ ให้นั่งพัก ใครไม่มีจักรยานไปเอง เขาก็มีบริการให้เช่าหลายสิบคันในราคาไม่กี่สิบบาท ปั่นกันเข้าไปให้น่องโป่งได้ทั้งวัน โดยเส้นทางจะผ่านวัดโบราณริมโขง 4 แห่ง ซึ่งรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก ขอบอกว่าวิวริมโขงที่นี่สวยงามโปร่งโล่งสบายมากๆ จ้านครพนม 5 นครพนม 6ใกล้ๆ กับเมืองเก่าไชยบุรี บริเวณพระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์ แถบนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของชุมชนชาวไทญ้อซึ่งมีการแต่งกาย ภาษา อาหาร และวัฒนธรรมเด่นเป็นของตนเอง และแน่นอนว่าเขาก็มีเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวที่น่าสนใจมากทีเดียว

นครพนม 7

พระธาตุท่าอุเทนในฤดูฝน มองจากทุ่งนาเขียวขจี แลสดชื่นเย็นตาเย็นใจจริงๆนครพนม 8

เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวท่าอุเทน เริ่มต้นขึ้นที่พระธาตุท่าอุเทน ซึ่งปัจจุบันบริเวณด้านหลังองค์พระธาตุ ชุมชนได้รวมตัวกันสร้างศูนย์ข้อมูลย่านชุมชนเก่าท่าอุเทนขึ้น ในชื่อ “ภูมิ-มูนมัง ชุมชนท่าอุเทน” โดยเราสามารถเรียนรู้ประวัติของชุมชน รวมถึงรับแผ่นพับแผนที่เส้นทางการปั่นจักรยานเที่ยว ว่าบ้านแต่ละหลังเขามีอะไรให้ชมบ้างนครพนม 9

ในบริเวณชุมชนท่าอุเทน ยังมีเรือนไม้เก่าแบบไทญ้อแท้ๆ ให้ชมหลายหลัง และบางหลังสามารถเข้าไปเยี่ยมชม พูดคุยกับท่าเจ้าของบ้านได้ด้วยล่ะ หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ ติดต่อมาก่อน เขาก็จะมีพิธีต้อนรับ มีอาหารไทญ้อให้ชิมด้วยนครพนม 10

บอกแล้วว่านครพนมเป็นเมืองจักรยานจริงๆ ที่ท่าอุเทนเลยมีก๊วนจักรยานของเด็กๆ ปั่นเที่ยวเล่นกันไปมา เราปั่นจักรยานผ่าน “ร้านศรีอุเทน” ซึ่งปัจจุบันเป็นร้านเช่าหนังสือการ์ตูน อาคารหลังนี้โดดเด่นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียล อันเป็นยุคที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดลาวและริมโขงแถบนี้เป็นอาณานิคมนั่นเองนครพนม 11 นครพนม 12

บ้านเก่าบางหลังในท่าอุเทน พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน เพื่อเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน ในลักษณะของ Living Museum หรือพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ไปมาลาไหว้ อย่าลืมสวัสดีคุณยายด้วยล่ะจ้า
นครพนม 13

นอกจากชุมชนน่ารักแล้ว บริเวณริมโขงท่าอุเทนยังมีวัดเล็กๆ อันเป็นที่ประดิษฐานพระบางจำลองอีกด้วย

นครพนม 14

ปั่นจักรยานกางร่มแบบนี้ ถ้าไม่บอกนึกว่าเป็นสาวเชียงใหม่เจ้า แต่เธอนางนี้เป็นสาวไทญ้อท่าอุเทนแท้ๆ เลยนะ

นครพนม 15

ริมโขงท่าอุเทน เป็นจุดที่มีวิวเปิดโล่งโปร่งสบาย มองเห็นวิวฝั่งลาวได้แบบสุดสายตาพาโนรามา อากาศก็เย็นสบายหายใจได้เต็มปอด การปั่นจัรกยานเที่ยวแถวนี้จึงเป็นความสุขเล็กๆ แบบ Low Carbon Happiness จริงๆ อ่ะจ้านครพนม 16

ห่างจากอำเภอท่าอุเทน 21 กิโลเมตร ถ้าเราปั่นจักรยานไปตามทางหลวงสาย 212 (ท่าอุเทน-บ้านแพง) ตรงช่วง กม.27 ก็จะถึง “แหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ท่าอุเทน” Amazing Unseen ที่คนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้ ว่านครพนมก็มีไดโนเสาร์ด้วยหรือ?นครพนม 17

แหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ท่าอุเทน ตั้งอยู่ที่ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน อยู่ภายใต้การดูแลของกรมทรัพยากรธรณี ได้รับการค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2544 โดยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่มาระเบิดหินบริเวณนี้ เป็นจุดที่ค้นพบรอยเท้าของ ไดโนเสาร์ นกกระจอกเทศ แล อีกัวดอน รวมทั้งรอยเท้าจระเข้ขนาดเล็ก อีก 1 ชนิด รวมแล้วกว่า 300 รอย ถือว่ามีรอยเท้าไดโนเสาร์รวมกันอยู่ในจุดเดียวเยอะที่สุดในเมืองไทยล่ะครับ!!!

นครพนม 18

โฉมหน้าไดโนเสาร์นกกระจอกเทศนครพนม 19

วันนี้ปั่นจักรยานเที่ยวนครพนมกันมาทั้งวัน ตอนเย็นย่ำเลยขอพักแบบชิลชิล เข้าเมืองมารอชมแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์อัสดงลงริมโขง เหมือนโชคเข้าข้าง วันนี้เกิดอุกาฟ้าเหลือง! ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แถมเรายังโชคดีได้ขึ้นชมวิวจากมุมสูงพิเศษ มองเห็นย่านชุมชนเก่า เคียงคู่กับหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ Landmark สำคัญของนครพนมนครพนม 20นครพนม 21

คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธแน่นอน ว่านครพนมเป็นเมืองริมโขงที่มีวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่ง ดูสิ มองไปเห็นเทือกเขาหินปูนฝั่งแขวงคำม่วนในลาว ทอดยาวเป็นปราการธรรมชาติยิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน แสงสีแต่ละวันจึงช่วยให้วิวมหัศจรรย์นี้งามไม่ซ้ำกันเลยสักวันเดียว หลงรักนครพนมแล้วล่ะ!นครพนม 22

พอพระอาทิตย์หายหน้าไป ไม่นานก็เกิดแสงแบบ Twilight หรือโพล้เพล้ คือในขณะที่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท ถ่ายภาพออกมาจะได้เป็นสีฟ้าคราม ตัดกับแสงไฟถนนและรถยนต์ที่แล่นไปมา ช่วยให้หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์โดดเด่นมากนครพนม 23

เช้าวันใหม่สดใสยิ่งกว่าเก่า แสงแรกของตะวันริมลำน้ำโขงที่หน้าโรงแรม The River นครพนม ช่างน่าอัศจรรย์ งามเกินคำบรรยาย!นครพนม 24

สายหมอกขาวลอยคลอเคลียเทือกเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำในฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ของลาว วิวน่ะเป็นของลาว แต่เวลาจะชมต้องมาดูจากฝั่งไทยนะจ๊ะ! น่าอิจฉาคนนครพนมจริงๆ ได้เห็นวิวสวยแบบนี้ทุกวันเลย

นครพนม 26

นครพนมเพิ่งมีการจัดทำเลนจักรยานใหม่เอี่ยมเสร็จเรียบร้อย เป็น Green Lane ที่อาจจะพูดได้ว่าวิวสวยที่สุดในประเทศ! นอกจากจะมองเห็นลำน้ำโขงและเทือกเขาหินปูนฝั่งลาวอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว ยังมีต้นไม้เขียวสดเย็นตา ปั่นกันเพลินๆ สบายใจ ไม่ต้องห่วงว่ารถจะเฉี่ยวชน เพราะเป็นเลนจักรยานโดยเฉพาะที่ปลอดภัยสุดๆ จริงๆ ครับ

นครพนม 27

เช้าๆ เย็นๆ อากาศแจ่มใส ชวนกันไปปั่นจักรยานเล่นกินลมชมวิวที่นครพนมดีกว่านะจ๊ะ

นครพนม 28

สุดยอดเส้นทางปั่นจักรยานนครพนมจ้า

นครพนม 29

ปั่นจักรยานผ่านตัวเมืองเก่าริมโขง ยังมีจุดแวะพักให้ถ่ายภาพเก๋ๆ กันอย่างสนุกสนานด้วยนครพนม 30

ปั่นจักรยานอยู่บน Green Lane อย่างปลอดภัย เน้นทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดครับนครพนม 31นครพนม 32

เฮฮาร่าเริง กับการปั่นจักรยานเที่ยวบนเส้นทางชมตัวเมืองเก่าริมโขง นครพนม The Cycling City

นครพนม 33

ยิ้มหวานๆ กับจักรยานคู่ใจนครพนม 34นครพนม 35

ออกจากตัวเมืองนครพนม วันนี้เราไปเปลี่ยนบรรยากาศ หาที่เที่ยวใหม่ๆ แบบธรรมชาติที่คนไม่ค่อยรู้จักบ้าง ขอบอกว่าฟังชื่อครั้งแรก “อุทยานแห่งชาติภูลังกา” นึกว่าอยู่ภาคเหนือ แต่แท้ที่จริงอยู่ในอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ต่อเนื่องกับอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย ป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์มาก จนเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกใหญ่ 2 แห่ง คือ น้ำตกตาดขาม และน้ำตกตาดโพธิ์ รวมถึงมีเส้นทางเดินป่า 2 วัน 1 คืน ขึ้นสู่เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ ด้วย
นครพนม 36

นครพนม 37

น้ำตกตาดโพธิ์ งามอย่างอ่อนโยน น้ำไหลลดหลั่นลงมาเป็นขั้นๆ ผ่านผาหินทราย แวดล้อมด้วยแมกไม้เขียวขจี มีวังน้ำใหญ่ด้านหน้าให้ลงอาบแช่เล่นด้วยนครพนม 38

บ้านดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม เป็นอีกหนึ่งเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยว สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนแสนน่ารัก ซึ่งยังผูกพันอยู่กับนาไร่ สวนลิ้นจี่ และวิถี Slow Life ที่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา

นครพนม 39

หนุ่มน้อยแห่งบ้านดอนนางหงส์ มาในชุดปั่นจักรยานแบบจัดเต็ม! ดูหน่วยก้านแล้วโตขึ้นคงหนีไม่พ้นทีมชาติ!นครพนม 40

เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวบ้านดอนนางหงส์ มีไฮไลท์อยู่ที่ พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุประจำคนเกิดวันพุธกลางคืน ลักษณะคล้ายพระธาตุพนมย่อส่วน โดยองค์พระธาตุนั้นสูงถึง 50.9 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536นครพนม 41

เราสามารถปั่นจักรยานจากพระธาตุมรุกขนคร ไปยัง วัดดอนนางหงส์ อันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์ กว. วัดนี้เก่าแก่มาก สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2300 ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร สมัยพระบรมราชากู่แก้ว
นครพนม 42

บ้านดอนนางหงส์ มีชื่อเสียงเรื่องงานฝีมือที่กำลังจะสูญหายอย่างหนึ่ง คือการสลักแผ่นทองเหลือง ส่วนมากนิยมสลักเป็นรูปองค์พระธาตุหรือพุทธประวัติต่างๆ เพื่อนำไปถวายวัด หรือประดับบ้านเรือนให้เป็นสิริมงคล แต่งานประณีตศิลป์แขนงนี้ต้องอาศัยทักษะความชำนาญ และความอดทนสูงมาก จึงหาผู้สืบทอดได้ยากนครพนม 43นครพนม 44

บ้านดอนนางหงส์ยังลือเลื่องชื่อเสียงในเรื่องของ งานฝีมือใบตอง ประดิษฐ์เป็นพานพุ่มขันหมากเบ็ง หรือพานบายศรี ได้งดงามในระดับจังหวัด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนชุมชน หรือมาปั่นจักรยานสามารถแวะเรียนรู้ ทดลองทำได้ กิจกรรมนี้เองจะช่วยสืบทอดมิให้ประณีติศิลป์แห่งบ้านดอนนางหงส์สูญหาย และอยู่เป็นเอกลักษณ์คู่นครพนมตลอดไป
นครพนม 45

แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดนครพนม ซึ่งเราจะขับรถขึ้นไป หรือปั่นจัรกยานเสือภูเขาทดสอบความฟิตขึ้นไปก็ได้ คือ “ลานดานสาวคอย” ในตำบลนาแก อำเภอนาแก ลักษณะเป็นลานหินทรายราบเรียบ มีต้นไม้แบบเต็งรังและเบญจพรรณขึ้นอยู่ประปราย โดยบริเวณลานดานสาวคอยนี้เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นจังหวัดสกลนครได้ แถมยังมองเห็นองค์พระธาตุพนมอยู่ลิบๆ ด้วย นับเป็น Photo Point ที่สุดยอดไปเลย

เหตุที่ลานหินแห่งนี้ได้ชื่อว่า “ลานดานสาวคอย” เพราะมีตำนานเล่าขานว่า อดีตมีสาวงามนัดพบกับคนรักหนุ่ม ณ ที่แห่งนี้ แต่ชายหนุ่มถูกพ่อของสาวงามฆ่าตายเสียก่อน วิญญาณของสาวงามนั้นจึงมาวนเวีนยอยู่ที่นี่เพื่อรอคนรัก!

นครพนม 46

ถ้าเดินสำรวจดูดีๆ ใกล้ๆ กับลานดานสาวคอย จะมี หินทรายรูปดอกเห็ด ผุดอยู่ทั่วไป เกิดจากการัดเซาะของลม น้ำฝน และความร้อน แต่หินเหล่านี้ก็มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก จึงมักถูกมองข้ามไปนครพนม 47

ลานดานสาวคอยตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ปัจจุบันมี วัดภูพานอุดมธรรม อยู่ มีการสร้างองค์พระธาตุประจำวันเกิดจำลอง กระจายอู่บนลานหิน ให้ผู้มีจิตศรัทธาเดินไปสักการะ เพราะบางคนมีเวลาไม่พอ ไม่สามารถเดินทางไปสักการะพระธาตุประจำวันเกิดองค์จริงได้ครบทุกที่ มาที่นี่ที่เดียวครบเลยนครพนม 48

พระพุทธมหามงคลบพิตรจัตุรทิศประทานพร ได้รับการนำมาประดิษฐานไว้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2528 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการยุติการสู้รบระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับลัทธิคอมมิวนิสต์บนเทือกเขาภูพาน จากนี้ไปจะมีแต่สันตินะจ๊ะ
นครพนม 49

เราขอจบทริปปั่นจักรยานเที่ยวนครพนม ชมเมืองน่ารัก กันที่องค์พระธาตุพนมในยามเย็น ไปกราบขอพรพระธาตุพนม ประจำคนเกิดวันอาทิตย์และปีวอก มาที่นี่ทีไรแล้วรู้สึกร่มเย็น ใจสงบ แม้ว่าโลกภายนอกจะสับสนวุ่นวายปายใดก็ตามนครพนม 50Special Thanks : ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ

คุณสมชาย วิทย์ดำรงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

คุณเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม

คุณวสุมน เนตรกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Win Win Smile และโครงการ Self Drive Isan

คุณสิทธิพร ศิริวรเดชกุล (เปี๊ยก เสียงทิพย์) ประธานบริษัท เสียงทิพย์ไฮเทค จำกัด

คุณสมภพ ตั้งศิริ กรรมการผู้จัดการโรงแรม The River นครพนม

ขอขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ชาว ททท. สำนักงานนครพนม ทุกคน ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้อย่างเต็มที่

และ บริษัท Nikon Sales (Thailand) สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพNIKON 18 copy copy

Honeymoon in Samui, the Sweetest Moment in Life

เกาะสมุย 2

เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้เป็นเพียงเกาะที่มีต้นมะพร้าวมากที่สุดในเมืองไทย ไม่ได้เป็นเพียงเกาะขนาด 252 ตารางกิโลเมตร แต่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนปีละเกือบ 2 ล้านคน! และมิได้เป็นอำเภอที่มีสภาพเป็นเกาะเก่านั้น ทว่า “สมุย” ยังถือเป็นจุดหมายโด่งดังที่ทั่วโลกรู้จักดี ไม่แพ้พัทยา ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ โดยเฉพาะคู่รักที่กำลังหาสถานที่สุดสวยสำหรับจัดงานแต่งงาน หรือฮันนีมูนกันริมหาดทรายเงียบสงบเป็นส่วนตัว สมุยถือเป็นจุดหมายที่ตอบสนองคู่รักหวานซึ้งได้ยอดเยี่ยม เกาะสมุย 3

เสน่ห์ของการเป็นเกาะที่อุดมด้วยทิวมะพร้าวล้อลมโอนเอน เคียงคู่เกลียวคลื่นครามและหาดทรายขาว อีกทั้งยังมีสนามบินนานาชาติตั้งอยู่ด้วย ยิ่งทำให้สมุยกลายเป็น Hub ที่เดินทางไปได้ง่ายดายจริงๆ และเมื่อมาถึงแล้ว ก็มีหาดทรายสวยเรียงรายให้เลือก ตั้งแต่หาดเฉวง หาดละไม หาดเชิงมนต์ หาดท้องยาง หาดหน้าทอน หาดพังกา หาดตลิ่งงาม ฯลฯ มีรีสอร์ทสวยสร้างกลืนไปกับทิวมะพร้าวโอนเอน ถือเป็นรางวัลของชีวิต ของทั้งตัวคุณและคู่รักอย่างแน่นอน เกาะสมุย 4 เกาะสมุย 5

ไม่เฉพาะชาวไทยและชาวยุโรปเท่านั้น ที่มักเลือกเกาะสมุยเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานน่ารักๆ ริมทะเล ทว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 ที่ผ่านมานี้ ยังมี คู่รักชาวจีนถึง 35 คู่ ที่เลือกเกาะสมุยเป็นสถานที่จัดงานฮันนีมูน White Romantic Beach Party 2015 ณ โรงแรม Vana Belle หาดเฉวงน้อย งานนี้จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว ชักนำคู่รักหวานแหว๋วมาเดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทย ภายใต้บรรยากาศแห่งความรัก เพื่อให้ทุกคู่ดื่มด่ำกับรรยากาศแสนโรแมนติกอันไม่สิ้นสุดของทะเลสมุย

เกาะสมุย 6

ภายใต้ธีมชุดสีขาวของ White Romantic Beach Party คู่รักทั้งหมดชวนกันลงไปเกี่ยวก้อยเดินเล่น สัมผัสผืนทรายและฟองคลื่นของหาดเฉวงน้อย พร้อมๆ กับฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงอย่างช้าๆ และแสงเทียนที่ได้รับการจุดขึ้นให้แสงมลังเมลืองเพิ่มความโรแมนติกบนหาด รอยยิ้ม การสบตากัน การจูงมือ การโอบกอด หรือแม้แต่การจุมพิตอย่างหวานซึ้ง กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับค่ำคืนนั้น เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่น อดอิจฉาคู่ฮันนีมูนชาวจีนทั้ง 35 คู่ไม่ได้ เกาะสมุย 7 เกาะสมุย 8 เกาะสมุย 9 เกาะสมุย 10

 กิจกรรมภายในงานเลี้ยงต้อนรับ  ททท. ตกแต่งบรรยากาศงานในธีม “White Romance Beach Party” ซึ่งคู่ฮันนีมูนจะแต่งกายด้วยชุดสีขาวมาร่วมงานโดยจะมีการร่วมกิจกรรมประกวดและแชร์รูปภาพคู่ของตัวเองไปยัง Social Network ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรูปภาพคู่ฮันนีมูนที่ได้รับคะแนน Like & Share มากที่สุดได้รับรางวัลแพ็คเกจทัวร์ทัวร์ 4 วัน 3 คืน พร้อมบัตรโดยสารเครื่องบินมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 2 ที่นั่ง

เกาะสมุย 11 เกาะสมุย 12

 นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานเปิดงาน White Romance Beach Party 2015 @ เกาะสมุย จังหวัดสุราษธานี พร้อมด้วย นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผอ.ททท.สำนักงานปักกิ่ง นายชูวิทย์ ศิริเวชกูล ผอ.ททท.สำนักงานเซี่ยงไฮ้ นางปิ่นนาถ เจริญผล ผอ.ททท.สำนักงานคุนหมิง นางสาวเพลินพิศ หมื่นพล ผอ.ททท.สำนักงานเฉิงตู นายสันติ แสวงเจริญ ผอ.ททท.สำนักงานกว่างโจว นางสาวสายโพยม สมสุข ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่องเที่ยวสำนักงานสุราษฎร์ธานี หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเกาะสมุย แขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสื่อมวลชนไทย ร่วมงานคับคั่ง

เกาะสมุย 13 เกาะสมุย 14 เกาะสมุย 15

นอกจากนี้ยังมีการเชิญ Mr.Liu Ruijie ซึ่งเป็น Celebrity จากจีน ที่ดำเนินรายการสถานโทรทัศน์คุนหมิงทีวี และเป็นผู้ดำเนินรายการบันเทิงที่มีผู้ชมมากที่สุดในเมืองคุนหมิง มาร่วมสร้างสีสันในงานด้วย โดยภาพของคู่รักจะได้รับการแชร์ไปตาม Social Network ต่างๆ เพื่อให้โลกรับรู้ว่า สมุยคือเกาะแห่งความรัก ที่คู่รักทั่วโลกต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้งเกาะสมุย 17 เกาะสมุย 16 เกาะสมุย 18

โครงการ Honeymoon in Thailand  ดำเนินการโดย ททท. สำนักงานปักกิ่ง  เซี่ยงไฮ้  คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว  สาธารณรัฐประชาชนจีน  จัดขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทนำเที่ยวพันธมิตรในสาธารณรัฐประชาชนจีน อาทิ บริษัท Shenzhen Overseas Travel Service, CTrip เป็นต้น จัดทำแพ็คเกจสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Luxury Product เสนอขายในราคา 20,000 – 40,000 หยวนต่อคู่ ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มฮันนีมูนในตลาดจีน ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในเกาะสมุยและใกล้เคียง ในระยะเวลา 5 วัน 4 คืน

เกาะสมุย 19 เกาะสมุย 20 เกาะสมุย 21 เกาะสมุย 22

ทะเลสมุยยามเช้ายามเย็น แสงสวยโรแมนติกมากๆ
เกาะสมุย 23 เกาะสมุย 24 เกาะสมุย 25

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตซึ่งเป็น Landmark ของสมุย คือ หินตา หินยาย ก้อนหินรูปทรงพิสดาร อย่ามองไปทางทะลึ่ง เพราะนี่คือประติมากรรมธรรมชาติ ซึ่งธรรมชาติให้คลื่นลมสลักเสลาหินแกรนิตใหญ่ริมทะเลจนมีรูปทรงอย่างนี้

เกาะสมุย 26 เกาะสมุย 27

ส่วนคนที่ชอบผจญภัยท่องธรรมชาติสัมผัสพงไพร ลองชวนกันไปเล่นน้ำที่ น้ำตกหน้าเมืองเกาะสมุย 28

เล่นน้ำที่น้ำตกหน้าเมืองเสร็จ ยังมีทัวร์นั่งช้างล่องไพร ผจญภัยในผืนป่าดิบร่มรื่นของเกาะสมุยเกาะสมุย 29

พระใหญ่เกาะฟาน อยู่ใกล้ๆ กับหาดบ่อผุด เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเกาะสมุย มักจะไปกราบสักการะขอพร โดยเฉพาะยามโพล้เพล้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีสวยงาม ถ่ายภาพได้แจ่มมากๆ

logo123-300x300

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทร. 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย

มหัศจรรย์พืชวงศ์ขิงข่าไทย มีดีอวดชาวโลก! จ.เชียงใหม่

อุทยานขิงข่า 1

เมื่อพูดถึงคำว่า “ขิงข่า” คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงอาหารอร่อยอย่างต้มข่าไก่ หรือผัดขิง แต่ถ้าเอ่ยถึงชื่อขิงข่าในวงวิชาการพฤกษศาสตร์แล้วล่ะก็ พืชวงศ์ขิงข่า หรือ Zingiberaceae คือกลุ่มพืชเขตร้อนชื้นที่มีประโยชน์อนันต์ มากกว่าอาหารมากมายนัก เพราะขิงข่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในปัจจัยสี่ โดยเฉพาะอาหารและยารักษาโรค อีกทั้งยังมีความสวยงาม ใช้ประดับสวน บ้านเรือน และส่งออกทำรายได้มหาศาล! ยิ่งกว่านั้น ปัจจุบันยังมีการต่อยอด นำดอกขิงข่าบางชนิดมาสกัดน้ำหอม และทำชาสุขภาพด้วยล่ะ ว้าว!
อุทยานขิงข่า 2 อุทยานขิงข่า 3 อุทยานขิงข่า 4

ด้วยความสำคัญของพืชวงศ์ขิงข่าที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อีกทั้งเมืองไทยของเรายังมีพืชวงศ์นี้อยู่กว่า 300 ชนิด ใน 24 สกุล ถือเป็นจำนวน 1 ใน 4 ของพืชวงศ์ขิงข่าที่มีอยู่ในโลก! สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดสร้าง “อุทยานพืชวงศ์ขิง-ข่า” บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ มีการรวบรวมพืชวงศ์นี้ไว้กว่า 180 ชนิด จากทั่วทุกภาค ถือเป็นสวนที่รวมพืชวงศ์ขิง-ข่าไว้มากที่สุดแล้วในปัจจุบัน

อุทยานขิงข่า 5

กระเจียว (Curcuma) เป็นสกุลเด่นในพืชวงศ์ขิงข่า เพราะมีช่อดอกขนาดใหญ่ และดอกบานทนนาน มีดอกเฉพาะฤดูฝน ส่วนในฤดูอื่นๆ จะพักตัวลงหัว มีแต่ใบเขียวๆ ให้เห็นเท่านั้นอุทยานขิงข่า 6 อุทยานขิงข่า 8 อุทยานขิงข่า 9

กระเจียวส้ม

อุทยานขิงข่า 10

ช่อดอกสีสดใสของกระเจียวที่เห็น แท้จริงคือกลีบประดับ (Bract) ที่เรียงซ้อนกันขึ้นไปเป็นช่อแนวตั้ง ส่วนดอกที่แท้จริงของกระเจียว เป็นดอกรูปทรงจงอย มีขนาดเล็ก โผล่ออกมาจากกลีบประดับอีกทีหนึ่ง
อุทยานขิงข่า 11

ดอกข่าลิง (Globba sp.) เป็นพืชวงศ์ของข่าที่มีดอกขนาดเล็ก รูปทรงดอกสวยงามแปลกตา มีทั้งสีเหลือง ขาว และชมพูอ่อน ดอกเข้าพรรษาที่พบในจังหวัดสระบุรี ก็อยู่ในวงศ์ข่าลิงนี้ด้วยเช่นกันอุทยานขิงข่า 12 อุทยานขิงข่า 13 อุทยานขิงข่า 14 อุทยานขิงข่า 15

อุทยานขิง-ข่า เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญให้กับเยาวชนจากทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กๆ รู้ถึงคุณค่าความสำคัญ และความสวยงาม นำไปสู่ความรัก และการอนุรักษ์พืชวงศ์นี้ให้อยู่คู่ป่าไทยตลอดไป อุทยานขิงข่า 16 อุทยานขิงข่า 17 อุทยานขิงข่า 18

ภายในอุทยานขิง-ข่า ร่มรื่นมาก สามารถเดินชมพรรณไม้ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับมีป้ายบอกชื่อชนิดพันธุ์ของขิงข่าเอาไว้อย่างชัดเจน แยกเป็นสกุลอย่างมีระบบระเบียบอุทยานขิงข่า 19

กระทือพิลาส หรือกระทือช้าง (Zingiber spectabile) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่มีช่อดอกขนาดใหญ่มาก สีสดใสสวยงาม ตั้งแต่เหลือง ส้ม แดง ไล่เฉดกันสวยงาม ดั้งเดิมมีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าดิบชื้นแถบจังหวัดนราธิวาส

อุทยานขิงข่า 20

ดอกจริงๆ ของกระทือพิลาส มีขนาดเล็ก โผล่ออกมาจากกลีบประดับ โดยมีรูปร่างเป็นจงอยโค้งแบบนี้ล่ะ เพราะธรรมชาติได้ออกแบบดอกไม้ให้มีรูปทรงเหมาะเจาะรับกับแมลงที่มาช่วยผสมพันธุ์ให้ น่ารักมากๆอุทยานขิงข่า 21 อุทยานขิงข่า 22

ไพล (Zingiber sp.) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่ใช้ทำอาหารและสมุนไพรในสังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะในวงศ์การแพทย์แผนไทย ใช้เหง้าไพลที่แก่จัด แก้ฟกช้ำ บวม เคล็ด ยอก ปวดเมื่อย ขับลม ท้องเดิน ช่วยขับระดูหรือประจำเดือนของสตรี นิยมใช้หลังจากที่คลอดบุตรแล้ว เหง้าไพลมีน้ำมันหอมระเหย มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบด้วย

อุทยานขิงข่า 23

ดอกไพลอุทยานขิงข่า 24

กระทือหนู (Zingiber sp.) เป็นพืชในวงศ์ขิงข่าที่นิยมปลูกเลี้ยงประดับสวนกันทั่วไป เพราะดอกออกตลอดปี และดอกบานทน สร้างสีสันให้สวนสวยได้

อุทยานขิงข่า 25

ทากน้อยแอบมาอาศัยอยู่กับดอกขิงข่า อยู่อย่างพึ่งพิงอิงอาศัยกัน เป็นการเกื้อกูลในธรรมชาติอันแสนน่ารัก

อุทยานขิงข่า 26

ดร.สุญาณี เวสสบุตร ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) เดินทางมาต้อนรับคณะสื่อมวลชน ที่มาเยี่ยมชมอุทยานขิงข่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่อุทยานขิงข่า 27

คุณเมธี วงศ์หนัก นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงข่า ผู้ที่เดินทางสำรวจรวบรวมพืชวงศ์ของข่าทั่วประเทศ มาออกแบบจัดเป็นอุทยานพืชวงศ์ขิงข่า ในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่อุทยานขิงข่า 28

ดร.สุญาณี เวสสบุตร ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับ คุณเมธี วงศ์หนัก นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงข่า และคุณน้ำค้าง PR สาวสวนแห่งสวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

อุทยานขิงข่า 29

มหาหงส์ (Hedychium sp.) ถือเป็นนางเอกแสนสวยของอุทยานขิงข่า เพราะปัจจุบันมีการศึกษาวิจัย จนสามารถนำดอกมหาหงส์มาผลิตเป็นน้ำหอม และชาสุขภาพ ได้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอการผลิตออกขายในเชิงอุตสาหกรรมเท่านั้น

อุทยานขิงข่า 30

ตาเหิน (Hedychium sp.) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่มีช่อดอกขนาดใหญ่ จัดเป็นพืชป่าหายากที่มีความสวยงามมาก

อุทยานขิงข่า 31

มหาหงส์สีส้มอุทยานขิงข่า 32

มหาหงส์ (Hedychium coronarium) เป็นพืชท้องถิ่นล้านนา ที่สาวๆ นิยมนำดอกประดับมวยผม เพื่อให้กลิ่นหอมชื่นใจ

อุทยานขิงข่า 33

มหาหงส์ขาวสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 2

นอกจากอุทยานขิงข่าแล้ว สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีกลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ 12 โรงเรือน จัดแสดงพืชพรรณต่างๆ ไว้ให้ชมอย่างน่าตื่นตาสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 3

โรงเรือนไม้ทะเลทรายและพืชทนแล้งสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 4สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 5

ดอกกระเจียวขาว เบ่งบานอยู่ด้านหน้าโรงเรือนบุก-บอนสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 6สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 7

โรงเรือนไม้กินแมลง มีทั้งพืชท้องถิ่นของไทยและจากทวีปอเมริกาให้ชมสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 8

โรงเรือนกล้วยไม้และเฟิน ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นเย็นฉ่ำ เหมือนเดินอยู่ในผืนป่าจริงๆ เลยล่ะสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 9สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 10สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 11

โรงเรือนป่าดิบชื้น (Tropical Rainforest) เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาคารเรือนกระจก จำลองสภาพป่าดิบชื้นของไทยมาให้ชม พร้อมด้วยพืชหายากและพืชเฉพาะถิ่นอันน่าตื่นตา อย่างใบไม้สีทอง (ย่านดาโอ๊ะ), ปาล์มเจ้าเมืองตรัง, ปาล์มเจ้าเมืองถลาง, ปาล์มบังสูรย์, หมากแดง, กล้วยศรีนรา, ดาหลาขาว และอื่นๆ อีกมากมายสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 12สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 13

ภายในโรงเรือนป่าดิบชื้น มีสะพานสูงให้เดินชมบรรยากาศจากด้านบนด้วย จะได้เห็นเรือนยอดไม้กันชัดๆCanopy Walway เชียงใหม่ 1

สะพานเดินศึกษาธรรมชาติบนยอดไม้ หรือ Canopy Walkway แห่งใหม่ของไทย ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางเดินบนยอดไม้ยาวที่สุดในเมืองไทย คือยาวถึง 500 เมตร สูงจากพื้นป่าเบื้องล่างกว่า 22 เมตร และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเที่ยวชมได้ในปลายปี 2015 ครับ
Canopy Walway เชียงใหม่ 2

บางช่วงของ Canopy Walkway เป็นพื้นกระจกใส เข้าไปยืนแล้วให้ความรู้สึกเสียวดี แต่ที่เจ๋งกว่าคือ เหมือนกับตัวเราลอยอยู่เหนือพื้นป่า สามารถศึกษาสังคมพืชและสิ่งมีชีวิตบนยอดไม้ได้อย่างง่ายดายCanopy Walway เชียงใหม่ 3Special Thanks : ขอขอบคุณ งานประชาสัมพันธ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0-5384-1234  www.qsbg.org

20 ที่เที่ยวเติมความสุขสุดใจ @นครพนม

นครพนม เมืองเนิบช้าที่สุขสุดๆ ริมแม่น้ำโขง เมืองแห่งอาณาจักรศรีโคตรบูรอันรุ่งเรืองในอดีต ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น Gateway to ASEAN ของอีสาน ด้วยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ทอดข้ามโขง นำเราเที่ยวเชื่อมโยงไปได้ถึงลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ เลยล่ะ วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับนครพนมให้ลึกซึ้ง กับ 20 ที่เที่ยวเติมความสุขให้คุณ” ซึ่งเรา คัดสรรมาอย่างดี จากการ Review ของกลุ่มคนชอบเที่ยว Media & Blogger 8 ซึ่งเป็นนักเดินทางมืออาชีพ ร่วมกับ Go Travel Photo ภายใต้การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดี ททท. สำนักงานนครพนม  บริษัท Win Win Smile และ The River Hotel นครพนม

นครพนม เป็นเมืองที่เที่ยวได้ง้ายง่าย! เพราะสามารถบินไป-บินกลับ ขับรถเที่ยวได้สบายแฮ… จะเลือกเที่ยวด้วยตัวเอง หรือให้บริษัททัวร์ที่เชี่ยวชาญดูแลอำนวยความสะดวก ออกแบบเส้นทางเที่ยวให้ได้ไม่ยาก แถมนครพนมวันนี้มีรถให้เช่าขับเที่ยวทำนอง Self Drive ได้สบายมาก ขับรถเที่ยวอีสานกันวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ อย่างบริษัท Win Win Smile เขาก็มีรถยนต์ไว้บริการนักท่องเที่ยวพร้อมสรรพ

พร้อมแล้วก็รีบไปแอ่ว “นครพนม” เมืองออนซอนริมโขงได้เลยจ้า…

1. พระธาตุพนม (พระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์) 

เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิส่วนพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอก ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระธาตุสูงถึง 53.60 เมตร แลสง่างามมาก กล่าวกันว่าแค่ได้ไปสักการะพระธาตุพนมเพียง 1 ครั้ง ก็เป็นสิริมงคลยิ่งแล้ว แต่ถ้าได้ไปสักการะครบ 7 ครั้ง ก็จะกลายเป็น “ลูกพระธาตุ” ชีวิตมีแต่ความรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังเป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีวอกอีกด้วย และหากเราได้ไปเที่ยวพระธาตุพนม ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ก็จะได้ชมงานบูชาพระธาตุพนมอันยิ่งใหญ่อลังการอีกด้วย

พระธาตุพนม 1 พระธาตุพนม 2

2. พระธาตุเรณู (พระธาตุประจำคนเกิดวันจันทร์)

อำเภอเรณูนคร เป็นถิ่นที่อยู่ของชาผู้ไท 1 ใน 8 เผ่าของนครพนม ซึ่งพวกเขายังคงรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของตน ไว้อย่างเข้มแข็งมาก ศูนย์กลางชุมชนนี้อยู่ที่องค์พระธาตุเรณูอันสวยงามตระการตา สูงกว่า 35 เมตร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2461 โดยประดับลวดลายปูนปั้นไว้รอบๆ อย่างวิจิตรตระการตามากเลยทีเดียว เพราะได้จำลองแบบมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม (ก่อนที่พระธาตุพนมจะพังถล่มลงมา) นั่นเอง

พระธาตุเรณู 1 พระธาตุเรณู 2.1 พระธาตุเรณู 2 พระธาตุเรณู 3

3. พระธาตุศรีคุณ (พระธาตุประจำคนเกิดวันอังคาร)

แม้ว่าจะอยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมถึง 78 กิโลเมตร แต่การได้มาเยือนพระธาตุศรีคุณสักครั้ง ก็ถือว่าคุ้ม! เพราะมีลักษณะเหมือนพระธาตุพนมย่อส่วน ได้กราบแล้วอานิสงส์คือส่งให้เกิดยศศักดิ์ศรี โชคลาภทวีคูณ!

พระธาตุศรีคุณ 1 พระธาตุศรีคุณ 2 พระธาตุศรีคุณ 3

4. พระธาตุมหาชัย (พระธาตุประจำคนเกิดวันพุธกลางวัน)

พระธาตุมหาชัยอยู่ที่อำเภอปลาปาก องค์พระธาตุสูงถึง 37 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูง แลสง่าน่าเลื่อมใส เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุสำคัญ อานิสงส์ของการได้มากราบนมัสการคือ จะมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง ทำให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งโรจน์

พระธาตุมหาชัย 1 พระธาตุมหาชัย 2 พระธาตุมหาชัย 3

5. พระธาตุมรุกขนคร (พระธาตุประจำคนเกิดวันพุธกลางคืน)

วันพุธเป็นเพียงวันเดียวที่มีพระธาตุประจำวันเกิด 2 องค์ คือ กลางวัน และกลางคืน ในส่วนของกลางคืนมีพระธาตุมรุกขนครเป็นพระธาตุประจำวัน เนื่องจากมีเรื่องเล่าว่าครั้งพุทธกาล มีอยู่คืนหนึ่งเป็นคืนวันพุทธ ภิกษุสงฆ์ได้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้น พระพุทธองค์จึงเสด็จหนีออกไปจากวัดที่ทรงจำพรรษาอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีพระธาตุประจำวันพุธกลางคืน โดยองค์พระธาตุมรุกขนครนั้นคล้ายพระธาตุพนมย่อส่วน สูง 50.9 เมตร สร้างขึ้นในพระวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 50 ปี โดยความสูงเศษ จุด 9 เมตร ก็หมายถึง รัชกาลที่ 9 นั่นเอง

พระธาตุมรุกขนคร 1 พระธาตุมรุกขนคร 2

6. พระธาตุประสิทธิ์ (พระธาตุประจำคนเกิดวันพฤหัสบดี)

พระธาตุประสิทธิ์อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนม 93 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 1.30 ชั่วโมง กระทั่งถึงอำเภอนาหว้า ก็จะได้สักการะองค์พระธาตุที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า อานิสงส์ของการได้มานมัสการคือ ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในความก้าวหน้าดังประสงค์ ในบริเวณวัดยังเป็นที่ตั้งของศูนย์หัตถกรรมบ้านท่าเรือ ซึ่งเป็นศูนย์ศิลปาชีพแห่งแรกของไทย เมื่อปี พ.ศ. 2520 สินค้าโดดเด่นคือผ้าไหมมัดหมี่อันประณีตงดงาม

พระธาตุประสิทธิ์ 1 พระธาตุประสิทธิ์ 2 พระธาตุประสิทธิ์ 3

7. พระธาตุท่าอุเทน (พระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์)

ณ อำเภอท่าอุเทน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงไหลเย็นชื่นใจ คือที่ตั้งขององค์พระธาตุสูงใหญ่ โดดเด่นนาม พระธาตุท่าอุเทน โดยสร้างให้คล้ายคลึงกับพระธาตุพนม สร้างเป็น 3 ชั้น ทรงสี่เหลี่ยม สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2454 โดยพระอาจารย์ศรีทัตถ์ เพื่อบรรจุพระอรหันตธาตุสำคัญ เชื่อว่าใครได้มาสักการะแล้วจะช่วยให้ชีวิตรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามอรุณรุ่ง

พระธาตุ ท่าอุเทน 1 พระธาตุ ท่าอุเทน 2

8. พระธาตุนคร (พระธาตุประจำคนเกิดวันเสาร์)

เป็นอีกหนึ่งพระธาตุของนครพนมที่ตั้งอยู่ใกล้ริมล้ำน้ำโขง ในบริเวณตัวเมืองนครพนมนั่นเอง เป็นองค์พระธาตุขนาดกลาง สูง 24 เมตร ทว่างดงามด้วยรูปลักษณ์และลวดลาย ไม่ย่ิงหย่อนไปกว่าพระธาตุองค์ใด ได้มากราบสักการะแล้วเชื่อว่าอานิสงส์จะช่วยเสริมบารมี ทำให้มีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน

พระธาตุนคร 1 พระธาตุนคร 2 พระธาตุนคร 3

9. พระธาตุจำปา อำเภอโพนสวรรค์

แม้จะมิใช่พระธาตุประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน แต่พระธาตุจำปาก็เป็นโบราณสถานสำคัญที่ซุกซ่อนอยู่ในอำเภอโพนสวรรค์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2253 ดั้งเดิมเป็นสถาปัตยกรรมอีสาน แต่ได้รับการบูรณะเพิ่มเติมด้วยศิลปะรัตนโกสินทร์ จนเกิดการผสมผสานอันงดงาม โดยองค์พระธาตุสูงประมาณ 20 เมตร ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2548

พระธาตุจำปา 1 พระธาตุจำปา 2

10. วัดโอกาส ศรีบัวบาน อำเภอเมืองนครพนม

เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองนครพนมมาแต่โบราณ ตั้งอยู่บนถนสุนทรวิจิตร ตรงข้ามด่านท่าเรือนครพนม-คำม่วน (ลาว) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1994 ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรรุ่งเรือง ความโดดเด่นอยู่ที่หอประดิษฐานพระติ้วและพระเทียม “พระติ้ว” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำด้วยไม้ติ้วบุทองคำ หน้าตักกว้าง 30 เซนติเมตร สูง 2 ฟุต สร้างโดยเจ้าผู้ครองนครศรีโคตรบูร เมื่อ พ.ศ. 1328 ส่วน “พระเทียม” สร้างให้เหมือนพระติ้ว เพื่อใช้ประดิษฐานไว้ข้างๆ เพื่อเทียม หรือแทนกัน

วัดโอกาส 1 วัดโอกาส 2 วัดโอกาส 3 วัดโอกาส 4

11. วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมืองนครพนม

เดิมชื่อ วัดศรีคุณเมือง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2402 แต่ก่อนเป็นวัดร้าง กระทั่งหลวงปู่จันทร์ เขมิโย ได้เข้ามาบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2449 ภายในพระอุโบสถวัดนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง 108 ภาพ อันงดงามมาก และยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ คือ พระแสง ซึ่งตำนานเล่าขานว่าสร้างขึ้นพร้อมกับพระสุก พระเสริม และหลวงพระพ่อพระใส (จังหวัดหนองคาย) ควรหาโอกาสไปกราบเพื่อเสริมมงคลชีวิต

วัดศรีเทพ 1 วัดศรีเทพ 2 วัดศรีเทพ 3 วัดศรีเทพ 4

12. โบสถ์นักบุญอันนา หนองแสง อำเภอเมืองนครพนม

ตัวเมืองนครพนมปัจจุบัน มีพี่น้องชาวไทยคริสต์จากเวียดนามที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่จำนวนมาก จึงปรากฏโบสถ์คริสต์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสานขึ้น! ในนาม “โบสถ์นักบุญอันนา” ที่สร้างขึ้นโดยคุณพ่อเอทัวร์ นำลาภ เมื่อปี ค.ศ. 1926 โดยโบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมลำน้ำโขง กล่าวกันว่าเป็นโบสถ์แบบโกธิคที่สวยที่สุด 1 ใน 3 แห่งของไทย!

วัดนักบุญอันนา 1 วัดนักบุญอันนา 2 วัดนักบุญอันนา 3 วัดนักบุญอันนา 4 วัดนักบุญอันนา 5

13. พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการ (หลังเก่า) อำเภอเมืองนครพนม

ตั้งอยู่ที่ถนนสุนทรวิจิตร ใกล้ริมแม่น้ำโขง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลในยุคที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองดินแดนแถบลุ่มน้ำโขง อาคารหลังนี้เคยใช้เป็นที่พำนักของผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมในอดีต ทว่าปัจจุบันได้พลิกบทบาทมาเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวหลากหลายของนครพนม ผ่านภาพถ่ายเก่า โมเดล ภาพยนตร์สั้น ฯลฯ อีกทั้งยังเคยเป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครั้งเสด็จเยือนนครพนมด้วย โดยในครั้งนั้น แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ อายุ 102 ปี ได้มาถือดอกบัวรอรับเสด็จ จนกลายเป็นภาพแสนซึ้งตรึงใจ ที่เราชาวไทยแทบทุกคนคุ้นเคยกันดี

จวนผู้ว่าหลังเก่า 1 จวนผู้ว่าหลังเก่า 2 จวนผู้ว่าหลังเก่า 3 จวนผู้ว่าหลังเก่า 4 จวนผู้ว่าหลังเก่า 5 จวนผู้ว่าหลังเก่า 6 จวนผู้ว่าหลังเก่า 7 จวนผู้ว่าหลังเก่า 8

14. ย่านหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ อำเภอเมืองนครพนม

ชวนกันไปเดินเล่นชิลล์ๆ พักผ่อนหย่อนใจ ชมวิถีชุมชนเก่าอันเนิบช้าริมลำน้ำโขงกลางเมืองนครพนม ไปชม ชิม ช็อป แชะ แชร์ กับภาพประทับใจมากมายในย่านหอนาฬิกาเก่า ซึ่งปัจจุบันมีร้านอาหารน่านั่งสำหรับวัยรุ่นเปิดกันเพียบ อีกทั้งในคืนวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น. ยังมีถนนคนเดิน เปิดให้เดินช็อปกันยาวกว่า 800 เมตรด้วยนะ

หอนาฬิกา 1 หอนาฬิกา 2 หอนาฬิกา 3 หอนาฬิกา 4 หอนาฬิกา 5 หอนาฬิกา 6 หอนาฬิกา 7

15. นั่งรถพ่วงชมเมืองนครพนม สัมผัสชีวิตอันเนิบช้า

ไปสนุกสนานกับการนั่งรถพ่วงชมเมืองนครพนม เติมความสุขให้กับการมาสัมผัสเมืองริมโขงนี้อย่างไม่ต้องเร่งร้อน เป็น City Tour ที่ชิลล์มากอีกวิธีหนึ่ง โดยเส้นทางรถรางจะเริ่มตั้งแต่โรงแรม The River ไปสิ้นสุดที่พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่า แวะไปตามจุดต่างๆ เป็นสิบแห่ง ใช้เวลารวมแล้ว 2-3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายก็ถูกมาก แค่คนละ 50 บาทเอง นับเป็นการทำความรู้จักกับนครพนมได้อย่างลึกซึ้ง และง่ายดาย อย่างไม่ต้องเหนื่อยเลย

รถพ่วง 1 รถพ่วง 2 รถพ่วง 3 รถพ่วง 4 รถพ่วง 5

16. ล่องเรือสำราญชมวิว อลังการเบิกบานริมน้ำโขง

ไปเต็มอิ่มกับวิวสองฝั่งโขง ชื่นชมบรรยากาศความงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติ เทือกเขาหินปูนกุ้ยหลินเมืองลาว ลงเรือท่องเที่ยวล่องชมวิวอย่างสุขใจ งามเป็นพิเศษในยามเช้ายามเย็น มีทั้งเรือของเทศบาลนครพนม (โทร. 0-4251-1535), เรือแม่โขง พาราไดซ์ครุยส์ (โทร. 0-4251-2551) และเรือริเวอร์ครุซ (โทร. 09-8015-0026-7)

ล่องเรือ 1 ล่องเรือ 2 ล่องเรือ 3 ล่องเรือ 4 ล่องเรือ 5

17. หอเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี อำเภอเมืองนครพนม

ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองญาติ ห่างจากตัวเมืองนครพนม 7 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่ ใช้จัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาของอาณาจักรศรีโคตรบูรและเมืองนครพนม รวมถึงราชวงศ์จักรี และพระราชกรณรียกิจสำคัญ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน อาคาร 2 ชั้นนี้แบ่งเป็นโซนต่างๆ อย่างดี พร้อมด้วยห้องชมภาพยนตร์ และห้องนิทรรศการ 8 เผ่า 2 เชื้อชาติ นครพนม น่าสนใจมากๆ (โทร. 0-4251-3973)

หอเฉลิมพระเกียรติ 1 หอเฉลิมพระเกียรติ 2 หอเฉลิมพระเกียรติ 3 หอเฉลิมพระเกียรติ 4 หอเฉลิมพระเกียรติ 5

18. บ้านลุงโฮจิมินห์ หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียนาม บ้านนาจอก

ไปร่วมกันย้อนประวัติศาสตร์การกู้เอกราชของชาวเวียดนามกับ ลุงโฮ หรือท่านโฮจิมินห์ ประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม ผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อต่อสู้และกอบกู้เอกราชคืนจนสำเร็จ โดยก่อนหน้านั้นท่านได้เข้ามาหลบซ่อนจากฝรั่งเศส เพื่อซุ่มวางแผนและหาทุนสนับสนุน อยู่ที่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม นี่เอง ในระหว่างปี พ.ศ. 2467-2474 แม้ปัจจุบันบ้านหลังเดิมจริงๆ ที่ลุงโฮเคยพำนักจะพังไปหมดแล้ว แต่ก็ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในบริเวณเดิม ด้วยรูปแบบเดิม เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวเวียดนามเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดปี (โทร. 08-9713-0261 คุณสมจิตร อรรถวรวินิจ)

บ้านลุงโฮ 1 บ้านลุงโฮ 2 บ้านลุงโฮ 3 บ้านลุงโฮ 4 บ้านลุงโฮ 5

19. จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 อำเภอเมืองนครพนม

วันที่ 11 เดือน 11 ค.ศ. 2011 เวลา 11 โมง 11 นาที คือฤกษ์งามยามดี ที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ ทำหน้าที่เชื่อมโยงจังหวัดนครพนม เข้าสู่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว ซึ่งสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองดงเหยของเวียดนามได้ ภายในเวลาแค่ 1 วัน ด้วยระยะทางเพียง 140 กิโลเมตรเท่านั้น! สะพานยักษ์ข้ามโขงแห่งนี้จึงเป็นเสมือน Gateway to ASEAN ของอีสานอย่างแท้จริง โดยมีจุดชมวิวอยู่ที่เชิงสะพานฝั่งไทย

1 สะพานมิตรภาพ 3 2 สะพานมิตรภาพ 3 3 สะพานมิตรภาพ 3

20. ปากแม่น้ำสองสี และเมืองเก่าไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน

ห่างจากตัวเมืองนครพนมไปเพียง 47 กิโลเมตร ในอำเภอท่าอุเทน คือถิ่นที่ตั้งของจุดบรรจบแห่ง “แม่น้ำสองสี” คือแม่น้ำสงครามสีเขียวมรกต ได้ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขงสีน้ำตาลแดง เกิดเป็นปากแม่น้ำที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ฝูงปลาชุกชุม ชาวบ้านได้ออกเรือไปหาปลามาทำอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะปลาส้มแสนอร่อยแห่งไชยบุรี เมืองริมโขงแสนน่ารักที่มีความเก่าแก่กว่า 200 ปีแล้ว! ตลอดริมฝั่งโขงมีวัดโบราณอันทรงคุณค่าอยู่ไม่น้อยกว่า 7-10 แห่ง พร้อมด้วยบ่อน้ำโบราณ ซากเจดีย์เก่า ชุมชนแสนน่ารัก พร้อมด้วยเส้นทางปั่นจักรยานริมน้ำชิลล์ๆ และแน่นอนว่าต้องมีจุดชมวิวแม่น้ำสองสีที่น่าชมอย่างยิ่ง

ไชยบุรี 1 ไชยบุรี 2 ไชยบุรี 3 ไชยบุรี 4 ไชยบุรี 5 ไชยบุรี 6 ไชยบุรี 7 ไชยบุรี 8 ไชยบุรี 9

 Special Thanks ผู้สนับสนุนการเดินทางอย่างเป็นทางการ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม โทร. 0-425103490-1

บริษัท Win Win Smile Co., Ltd. คุณวสุมน เนตรกิจเจริญ โทร. 0-4250-3503-4, 0-2153-8119-20, 09-2258-6848-9

The River Hotel นครพนม โทร. 08-3669-2999,  0-4252-2999 http://therivernakhonphanom.com

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 5)

logo Amazing Journey 2

เผลแป๊บเดียว! นี่ก็วันที่ 6 เป็นวันสุดท้ายของการมาเที่ยวบุรีรัมย์แล้ว! เหมือนที่มีคนเคยบอกไว้เลย ว่าเวลาแห่งความสุขมันช่างรวดเร็ว เร็วจนเราลืมไปเลยว่า วันนี้จะต้องลาจากเพื่อนๆ แล้ว!

d199

เช้านี้เป็นเช้าที่ Happy อีกวันของชีวิต เพราะเราเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว ว่าเช้านี้จะต้องมาชิมขาหมูที่อร่อยมากๆ อีกร้านของอำเภอนางรองให้ได้ เพียงแค่ข้ามถนนจากหน้าร้านลักษณาขาหมู ไปยัง ร้านจิ้งนำ รีบสั่งขาหมูมาหม่ำให้เต็มอิ่ม เช้านี้ร้านไม่แน่น เลยนั่งกินกันสบายๆ ในบรรยากาศร้านแบบย้อนยุคครับd200 d201

โดยส่วนตัว ผมว่าขาหมูร้านจิ้งนำเป็นขาหมูตุ๋นยาจีนกินกับหมั่นโถว ที่อร่อยไม่แพ้ร้านไหนๆ เนื้อขาหมูที่เหนียวนุ่ม สู้ปาก น้ำราดข้นกำลังดี กินกับผักดอง พริก กระเทียมสด และน้ำจิ้ม ถือว่าสุดยอดแล้ว นอกจากนี้เขายังมีกับเมนูอาหารอื่นให้ชิมอีกเพียบ…d202

ผัดโป้ยเซียนแสนอร่อยd203

ต้มยำปลากะพงน้ำข้น ชวนน้ำลายสอ!

d204

พอกินของคาวเสร็จ ก็ล้างปากด้วยของหวาน ลอดช่องน้ำกะทิ อิจฉาตัวเองจริงๆ ชีวิตดี้ดีเนอะ!
d205

อิ่มแล้วก็มีแรงเที่ยวต่อทันที ทีมเราก็เป็นแบบนี้ล่ะ ฮาฮาฮา คือถ้าไม่กิน เที่ยว ถ่ายรูป เมาท์กัน ก็หลับ!

เช้านี้เป็นคิวของการสัมผัสเรียนรู้วิถีชุมชนทอผ้าไหมอันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ “บ้านหนองตาไก้” อำเภอนางรอง จากจุดที่ร้านขาหมูจิ้งนำและร้านลักษณาตั้งอยู่ ขับรถไปไม่ไกลก็ถึงบ้านหนองตาไก้แล้วจ้า
d206

พอดีช่วงนี้เป็นหน้าฝน ชาวบ้านส่วนใหญ่เลยไม่ได้มีกิจกรรมการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้า กันเยอะเหมือนในฤดูอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่ออกไปทำนาทำไร่กันหมด แต่ก็โชคดีที่ผมเคยไปเที่ยวบ้านหนองตาไก้มาแล้วเมื่อปีก่อน เลยขอนำภาพสวยๆ มา Share ให้เพื่อนๆ ที่น่ารักทุกคนได้ชมกันนะครับ ว่าหมู่บ้านนี้เขาเจ๋งแค่ไหน…

คำว่า ตาไก้ จริงๆ แล้วเป็นชื่อของไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งครับ ซึ่งเมื่อสมัยก่อนเคยมีอยู่เยอะมากในแถบนี้ (แต่ปัจจุบันแทบไม่มี) หมู่บ้านนี้จึงตั้งชื่อขึ้นตามชื่อของต้นไม้นั่นเองคร้าบบบ เวลามีคณะนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ควรติดต่อไปล่วงหน้าให้ชาวบ้านเตรียมตัว เขาก็จะมีพิธีจัดต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ใส่ชุดผ้าไหมกันมาแบบจัดหนักเลยล่ะ
d208

เวลาที่คณะนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมหมู่บ้าน เขาจะมีการฟ้อนรำให้ชมด้วย ม่วนหลายเด้อ!

d209

ความงามของชุดผ้าไหมสีสดใส ที่ชาวบ้านหนองตาไก้ทอเอง ใส่เอง อย่างน่าชื่นชมครับ

d210

ชุดผ้าไหมบ้านหนองตาไก้ ได้รับอิทธิพลมาจากผ้าเขมร เนื่องจากบรรพบุรุษของชาวบ้านที่นี่คือคนเขมรนั่นเองจ้าd211

หน้าหมู่บ้าน เขามีร้านจัดแสดงผลิตภัณฑ์งานฝีมือ และจำหน่ายผ้าไหมให้นักช้อปทั้งหลายด้วย แม้ราคาจะสูง แต่อย่าต่อรองเลยนะจ๊ะ เพราะถ้าได้เข้าไปชมขั้นตอนการทอผ้าไหมอย่างละเอียดแล้ว จะรู้ว่ามันต้องทุ่มเทมาก

d212

เสื่อกกทอมือจากฝีมือคนบ้านหนองตาไก้จ้า
d213

วิธีการเที่ยวชมหมู่บ้านหนองตาไก้ก็แสนน่ารัก จัดให้นักท่องเที่ยวนั่งรถอีแต๋นแบบ Slow Travel จริงๆ d214

เส้นไหมที่ยังไม่ได้ฟอกย้อม สีแท้ๆ จะเป็นสีเหลืองทองอย่างนี้ล่ะ มหัศจรรย์จริงๆ เลยใช่ไหม?
d215

ชาวบ้านหนองตาไก้เขาปลูกต้นหม่อน เอาใบไว้เลี้ยงตัวไหมเองด้วย เรียกว่ามีครบทุกขั้นตอนการผลิตเลย เจ๋งอ่ะ!d216

ไหมที่ผ่านการปั่นเป็นเส้นเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำมาย้อมร้อน จุ่มขึ้นจุ่มลงให้สีติดดี เพราะยิ่งย้อมหลายครั้ง และสีย้อมถูกอากาศ ก็จะเกิดกระบวนการออกซีไดซ์ สีติดทนนาน สีเข้มขึ้น และแวววาวสวยงาม

d217

นี่คือความอลังการของงานหัตถศิลป์ถิ่นแพรไหมบ้านหนองตาไก้ ที่ทุกวันนี้ยังคงสืบสานภูมิปัญญาบรรพบุรุษไว้อย่างเหนียวแน่น จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้การผลิตผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม มีคนมาชม ซื้อผ้า และดูงานกันหัวกระไดไม่แห้งd218 d219

ทำงานอยู่กับบบ้านมีความสุข ชุมชนก็เข้มแข็ง และเจริญขึ้นทุกวันๆ

d220

สาวไหมจากรังไหมให้เป็นเส้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทักษะประสบการณ์ และใจเย็นมากพอตัวเลยล่ะd221

ผีเสื้อไหมตัวน้อย ตัวสีขาวนวลอ้วนป้อม แต่บินไม่ได้ เป็น 1 ใน 4 ระยะ ของวัฏจักรวงจรชีวิตตัวไหม คือ ไข่, ตัวหนอน, ดักแก้ และผีเสื้อไหม โดยพวกมันจะกินอาหารเพียงระยะเดียวตลอดชีวิตคือในขณะเป็นตัวหนอน เพื่อเก็บสะสมพลังงานไว้เข้าดักแด้ครับ และเส้นใยที่อยู่รอบดักแด้ ก็คือเส้นไหมที่นำมาทอเป็นผืนผ้านั่นเอง ว้าว Amazing!d222

หนอนไหม กำลังหม่ำใบหม่อนอย่างเอร็ดอร่อย
d223 d224

เส้นไหมแท้ๆ ที่ยังไม่ผ่านการฟอกย้อมใดๆ มีสีเหลืองทองอร่าม แต่ค่อนข้างแข็ง

d225

น้องพัชชี่ของเราดูจะ Happy มากกับเส้นไหมสีเหลืองทอง สีสวยสดใส อย่างนี้ต้องมาเรียนวิธีการทอผ้าไหมที่นี่เลยd226

พูดยังไม่ทันขาดคำ น้องพัชชี่ก็เข้าไปตีซี้กับคุณยาย เรียนรู้วิธีการตีเกลียวเส้นไหมd227

ในที่สุด น้องพัชชี่ก็กลายเป็นคนบ้านหนองตาไก้โดยสมบูรณ์! เมื่อได้ขึ้นไปนั่งบนกี่ทอผ้า ทดลองทอผ้าไหมด้วยมือตัวเองจริงๆ น่าชื่นชมสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ยังมีใจรักงานหัตถกรรมพื้นบ้านของไทยเช่นนี้ครับ ซึ้ง น้ำตาจิไหล!

d228

นอกจากการย้อมไหมทั้งเส้นแล้ว ยังมีการย้อมแบบมัดลาย เพื่อเตรียมไปทำไหมมัดหมี่ด้วย คนบ้านนี้เก่งจริงๆd229

งามอย่างทรงคุณค่า ผ้าไหมบ้านหนองตาไก้ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์d230 d234 d235 d236 d237 d238 Nok Air

จากบ้านหนองตาไก้ เราใช้เวลาอีกกว่า 3 ชั่วโมง ขับรถจากบุรีรัมย์กลับไปขอนแก่น เพื่อขึ้นเครื่องบินของ Nok Air กลับบ้านในเที่ยวสองทุ่ม… ตลอดทางกลับ ผมแอบเศร้าอยู่นิดๆ คนเดียว เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ต้องโบกมือลาเพื่อนๆ แล้ว

ใครจะไปนึกนะ ว่าเวลาแค่ 6 วัน จะทำให้เราได้สัมผัสเรื่องราวสนุกๆ มากมายขนาดนี้ ใครจะไปเชื่อว่าบุรีรัมย์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในภาพลักษณ์ของเมืองกีฬาระดับโลก มีสนามแข่งฟุตบอลสุดเจ๋ง สนามแข่งรถสุดมัน แท้จริงแล้วจะยังมีเรื่องราวในแง่มุมอื่นให้สัมผัสอีกมากมายจนเราจดจำได้ไม่ไหว แม้แต่เมมโมรี่กล้องตอนนี้ยังเต็มแล้วเต็มอีก!!! แล้วเมมโมรี่ในสมองเราจะเก็บหมดได้ไง…

แต่เชื่อเถอะเพื่อนๆ ว่าเมมโมรี่ในใจที่ผมเก็บไว้… มันยังมีที่เหลือ ให้กับมิตรภาพ รอยยิ้ม และทริปต่อไปอีกแน่นอน… เพราะ Buriram Style ทำให้เราหลงรัก จนหมดใจ จุ๊บๆ

See You Again บุรีรัมย์

 ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 4)

logo Amazing Journey 2

หนึ่งคืน กับห้องนอนรวมเรียงกันเป็นตับ กับพัดลมตัวเดียวในบ้านพักของหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ทำให้เรารู้ซึ้งถึงคำว่า “การแบ่งปัน” ระหว่างหมู่มิตร กระทั่งเสียงนาฬิกาปลุกของทุกคนดังขึ้นพร้อมกันตอนตี 4 ตรงเผง! เป็นสัญญาณให้ต้องรีบขุดตัวเองขึ้นจากฟูกนอนอุ่นๆ เพื่อรีบล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวออกไปซดกาแฟร้อนๆ แล้วขับรถออกไปรอชมแสงแรกของตะวันในป่าดงใหญ่ ดูซิว่าเช้านี้จะมีสัตว์อะไรออกมาให้เห็นบ้าง?

d152อ๋อง 1 d153

ขับรถตระเวนออกไปตามถนนสายเล็กๆ กลางป่า ผ่านทุ่งหญ้าโล่งที่มีหญ้าระบัดเขียวสดงอกงามอยู่มากมาย ทริปนี้เตรียมพร้อม ผมเลยพกเลนส์ถ่ายภาพตัวใหญ่ไปด้วย 150-600 มิลลิเมตร พร้อมด้วยกล้อง Nikon D4 ระดับสุดยอด ทว่าเช้านี้ได้ยินแต่เสียงน้องช้างส่งเสียงร้องคุยกันอยู่ในป่าลึก ห่างจากถนนมาก เลยไม่ได้เก็บภาพตามที่หวัง…

นี่ล่ะครับ มาเที่ยวธรรมชาติ ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับจังหวะลมหายใจของป่าด้วย
d154 d155

ทุ่งหญ้าในยามเช้าที่ยังพอมีน้ำค้างพร่างพรมอยู่บนยอดหญ้า สะท้อนแดดพร่างพราวงามตา เป็นรางวัลที่ป่าดงใหญ่มอบให้คนรักการแรมทางไม่กลัวความลำบากอย่างพวกเรา
d156

ขับรถเข้าป่ามาลึกพอดู จนถึง “อ่างเก็บน้ำลำนางรอง” พี่ยักษ์เล่าว่า ปีนี้น้ำน้อยผิดปกติ ตอไม้เลยโผล่ให้เห็น เป็นสัญญาณว่าภาวะโลกร้อนปีนี้รุนแรงกว่าทุกปี เพราะมนุษย์อย่างเราๆ นี่ล่ะ ที่ไม่เคารพธรรมชาติ ถึงเวลาธรรมชาติเอาคืนบ้างนะครับ!
d157

ระหว่างทางขับรถมาเพลินๆ ทันใดนั้นก็จ๊ะเอ๋เข้ากับ นกยูงไทยตัวผู้ ที่แอบมาซุ่มดูเราอยู่ในพงหญ้ารกเป็นเครื่องกำบัง นี่เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตผม ที่มีโอกาสเห็นนกยูงในสภาพธรรมชาติจริง หลังจากครั้งแรกเคยเห็นมาแล้วที่ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี รวมถึงป่าแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ดีใจบอกไม่ถูก ที่ได้เห็นนกอันแสนสง่างามนี้อีกครั้ง เพราะนกยูงไทยในธรรมชาติมีเหลือน้อยมาก จนใกล้สูญพันธุ์แล้วครับ!!!d158

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ยังเป็นแหล่งดูผีเสื้อที่ดีมากอีกแห่งหนึ่งของไทย โดยเฉพาะในฤดูฝนนี่ล่ะ ในบริเวณริมลำธาร หรือโป่งต่างๆ ยามเช้าจะมีฝูงผีเสื้อมารวมตัวกันเป็นร้อยๆ น่ารักมากครับ ในรูปนี้มีทั้งผีเสื้อเณร ผีเสื้อสะพายฟ้า และผีเสื้อหางติ่ง ว้าว! สุดยอดไปเลย! นี่ก็เป็นรางวัลอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งป่าดงใหญ่มอบให้พวกเรา

จริงๆ แล้วป่าดงใหญ่เป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เนื้อที่กว่า 3.8 ล้านไร่ เป็นกลุ่มป่าขนาดใหญ่ของพื้นที่อนุรักษ์ 6 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, อุทยานแห่งชาติทับลาน, อุทยานแห่งชาติปางสีดา, อุทยานแห่งชาติตาพระยา, อุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ด้วย

d159

แดดเร่ิมแรงขึ้น พร้อมกับหลายคนเริ่มบ่นหิวแล้ว ก็ได้เวลากลับมาที่หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ช่วยกันทำกับข้าว จากของสดที่ซื้อก่อนเข้าป่ามาเมื่อเย็นวาน มื้อเช้านี้นางเอกคือคุณพิม แห่งครัวบ้านพิม หัวหน้าทีมของเราเอง ดีใจได้กินผัดผักบุ้งกับไข่เจียวฟูๆ ร้อนๆ อร่อยๆ จากฝีมือคุณพิม ซึ้ง น้ำตกจิไหลครับ!
d160

คุณพิมกับน้องพัชชี่ ช่วยกันทอดไข่เจียวขั้นสุดยอด! ฟู เหลืองนวล น่ากินมากๆๆๆๆd161

Breakfast ง่ายๆ แบบคนอยู่ป่า แต่ขอบอกว่ารสชาติยังกับขึ้นเหลา ฮาฮาฮา ไม่ได้โม้ เพราะมื้อนี้คุณพิมลงมือเองเลย
d162

น้องพัชชี่ครับ เช็ดน้ำลายนิดนึงครับ! ขอพี่ก่อนเลย ไข่เจี้ยวนั้นพี่เล็งไว้แล้วนะ ฮาฮาฮาd163

ก่อนจะโบกมือลาธรรมชาติผืนป่าดงใหญ่ กลับเข้าสู่โลกแห่งความเจริญและความเป็นเมืองอีกครั้ง เราได้มอบพัดลมที่ซื้อมาใหม่เอี่ยม (และเพิ่งใช้ไปครั้งเดียวเมื่อคืนตอนนอน) ฝากไว้เป็นที่ระทึก เอ้ย! ที่ระลึก ให้กับหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เอาไว้ใช้งานกันครับ เราขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนนะ ที่เสียสละความสุขส่วนตัวมาเฝ้าป่าไว้ให้คนไทย!

d164

พี่ยักษ์ หรือพี่สมพงษ์ สุโขพันธ์ แห่งหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู บุคคลที่น่ายกย่อง ชื่นชม ในความทุ่มเทรักษาป่า และเป็นผู้หนึ่งที่รู้เรื่องสัตว์ป่าในป่าดงใหญ่ดีที่สุดครับ เรารักพี่นะพี่ยักษ์ สู้ๆ ครับ!
d165

บ้ายบาย… หน่วยฯ ละเลิงร้อยรู ว่างๆ จะกลับมาเยี่ยมใหม่นะคร้าบพี่d166

โบกมือลาผืนป่า ขับรถกลับเข้าสู่อารยธรรมความเป็นเมืองอีกครั้ง…d167

จากอำเภอโนนดินแดง พวกเราเริ่มการเดินทางอันยาวไกลไปบนถนนหลวงอีกครั้ง โดยย้อนกลับไปทางอำเภอประโคนชัย เพื่อเข้าไปเรียนรู้วิถีชาวบ้านอันแสนน่ารัก ที่ “ชุมชนบ้านโคกเมือง” ซึ่งเขามีชื่อเสียง ได้รับรางวัลชนะเลิศการท่องเที่ยวชุมชน และโฮมสเตย์ระดับประเทศมาแล้วมากมาย ในหมู่บ้านมีการแบ่งเป็นฐานเรียนรู้ต่างๆ เพียบ จะเดิน หรือจะปั่นจักรยานเที่ยวก็สุขใจไม่แพ้กันจ้า
d168

แต่ทริปนี้เวลาไม่พอ เรามันคนบ้านไกลเวลาน้อย เลยเยี่ยมชมได้ไม่ครบทุกฐานการเรียนรู้อ่ะจ้า พี่น้อย ผู้นำกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกเมือง เป็นสาวร่างบอบบาง แต่มาดมั่นแข็งแรง มาต้อนรับเราด้วยตัวเองท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ จุดแรกเลยขอชมการทอเสื่อกกหน่อยดีกว่าครับพี่น้อยd169

เส้นกกที่ผ่านการรีดเส้นจนเท่ากันหมดแล้ว จะถูกนำไปย้อมสีแล้วตากให้แห้ง เตรียมนำมาทอครับ
d170

ค่อยๆ ใจเย็นๆ ทอไปทีละเส้นอย่างประณีต ตามลวดลายที่สอนสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จนได้ผลิตภัณฑ์เสื่อกกแสนสวย ซึ่งทุกวันนี้มีการดัดแปลงนำมาประดิษฐ์เป็นกระเป๋าเก๋ไก๋น่าใช้ทรงต่างๆ ด้วยจ้าd171 d172

น้องพัชชี่อดรนทนไม่ไหว ขอคุณป้าทดลองสานเสื่อกกดูสักหน่อย การทอน่ะไม่ยาก ยากตรงการสร้างลายนั่นเอง!d173 d174 d175 d177

จากฐานการเรียนรู้เสื่อกก ถัดมาคือการทอผ้าไหม ซึ่งเอกลักษณ์คือซิ่นตีนแดง ในภาพนี้เราจะเห็นเลยว่ามีการขึงไหมเส้นยืนเป็นสีแดงเตรียมไว้ด้วยส่วนหนึ่งแล้ว
d178 d179 d180

จากไหมเพียงเส้นเดียว ผ่านกระบวนการผลิตอันประณีต และความใส่ใจในทุกรายละเอียด ในที่สุดก็ได้ความงามของแพรพรรณแวววาวล้ำค่า ขอบอกว่าเวลาซื้อกรุณาอย่าต่อราคาเลยครับ เพราะกว่าได้ผ้าไหมสักผืน มันต้องทุ่มเทจริงๆ ถือเป็นการกระจายรายได้ ช่วยชาวบ้านให้มีกำลังใจสืบสานหัตถศิลป์ของแผ่นดินแขนงนี้ต่อไปจ้า
d181

พลาดไม่ได้เลย กับฐานการเรียนรู้พืชสมุนไพร ที่ชาวบ้านโคกเมืองรู้จักคิดประดิษฐ์ดัดแปลง ทำเป็นผลิตภัณฑ์น่าใช้หลากหลาย มีตั้งแต่สบู่, ยาสระผม, ครีมอาบน้ำ, ครีมล้างหน้า, ลูกประคบ, ยาหม่อง ฯลฯ ทั้งหมดเป็นฝีมือชาวบ้านโคกเมืองแท้ๆ จ้า แต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจะไม่ผลิตค้างไว้คราวละมากๆ จะทำใหม่เสมอ เพื่อให้ได้ของมีคุณภาพd182

พอฝนหยุดตก น้องพัชชี่ก็ขอยืมจักรยานพี่น้อยมาปั่นเที่ยวเล่นในชุมชน ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel และ Low-Carbon Travel สุดๆ เลยครับน้อง ซึ้ง น้ำตกจิไหล!
d183

ที่ศูนย์ผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นแหล่งจำหน่ายงานหัตถกรรมฝีมือชาวบ้านโคกเมือง เห็นไหมว่าเขาตั้งใจและจริงจังสุดๆd184 d185

ผ้าไหมทอมือสวยๆ จากบ้านโคกเมืองจ้าd186

นอกจากในเรื่องของใช้สวยๆ งามๆ แล้ว บ้านโคกเมืองยังดำรงวิถีเกษตรพอเพียง ปลูกพืชแบบไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เราจะเห็นว่าหลายครัวเรือนมีแปลงพืชผัก สมุนไพร ปลูกอยู่ข้างๆ บ้านเลย สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก จะทำกับข้าวอะไรก็เดินลงไปใน Super Market ข้างบ้าน ได้สบายจ้าd187 d188

ความน่ารักอย่างสุดท้ายของบ้านโคกเมือง คือเขามีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวมาพักค้างคืนด้วย ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง คืนละไม่กี่ร้อยต่อคน แถมด้วยอาหารครบมื้อ! โดยบ้านที่ได้รับการคัดเลือก จะมีมาตรฐานสะอาด ปลอดภัย จนได้รับรางวัลโฮมสเตย์ระดับประเทศมาแล้วอ่ะจ้า

หลายคนไม่เข้าใจคำว่า โฮมสเตย์ (Homestay) จริงๆ แล้วจะเป็นโฮมสเตย์ได้ แขกที่มาพัก (นักท่องเที่ยว) ต้องนอนกับเจ้าบ้าน โดยเจ้าบ้านแบ่งห้องส่วนหนึ่งให้พักด้วยกัน เพื่อจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ทั้งด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ได้มาเห็นที่บ้านโคกเมืองแล้วชื่นใจ เพราะนี่ล่ะ โฮมสเตย์ขนานแท้เลยจ้าd189 d190

แม่ใหญ่ Hipster แห่งบ้านโคกเมือง เห็นแว่นของแม่แล้วผมให้รางวัลชนะเลิศไปเลยอ่ะจ้า ฮาฮาฮาd191

หนึ่งในห้องนอนของบ้านพักโฮมสเตย์บ้านโคกเมือง รับรองว่าอุ่นสบาย ปลอดภัย หลับฝันดีครับd192

เย็นมากแล้ว ขณะที่เราขับรถออกจากบ้านโคกเมือง ตรงสู่อำเภอนางรอง แต่ก่อนเข้าที่พัก คงต้องแวะหาอาหารอร่อยๆ ขึ้นชื่อของที่นี่หม่ำกันก่อนล่ะ แน่นอน ไม่พลาด “ขาหมูนางรอง” วันนี้ขอชิม ร้านลักษณา ก่อน เป็นร้านเก่าแก่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักดี วันนี้ไม่ต้องรีบ เพราะร้านโล่ง เป็นวันธรรมดา เลยไม่ต้องแย่งกับใคร ฮาฮาฮา

วันธรรมดาก็น่าเที่ยวอย่างนี้ล่ะคร้าบ…d193

ดูกันชัดๆ กับความน่าหม่ำของ ขาหมูนางรอง ร้านลักษณา เป็นขาหมูตุ๋นเครื่องยาจีน น้ำราดออกหวานนำ ขาหมูนิยมเสิร์ฟแบบหั่นมาเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่เป็นขาแบบบางร้าน ส่วนเนื้อขาหมูโดยส่วนตัวผมว่านุ่มดี กินแกล้มกลับผักกาดดองเปรี้ยว และน้ำจิ้มรสเปรี้ยวเผ็ด เข้ากั้นเข้ากันd194

ร้านลักษณาไม่ได้มีแต่ขาหมูให้ชิม ยังมีกับข้าวอื่นมาเสริมทัพความอร่อยอีกเพียบ วันนี้เราขอชิมสะตอผัดกุ้งพริกแกง, น้ำพริกปลาทู และห่อหมกใบยอ ส่วนกระเทียมสดที่ใส่ถ้วยวางไว้กลางวง ขอร้อง ใครห้ามแย่ง! เพราะอันนี้ชอบมากๆกินแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนหนุ่มขึ้นอีกสักสิบปีเลยครับ ฮาฮาฮาd195 d196

อีกวันอันแสน Amazing จิงกาเบลที่บุรีรัมย์ กำลังจะผ่านไปแล้ว ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหลงรักจังหวัดนี้ เพราะดูเหมือนจะมีเรื่องราวสนุกๆ ให้ค้นหาไม่รู้จบ คืนนี้เราเข้าพักที่โรงแรมพนมรุ้งปุรี อำเภอนางรอง โรงแรมหรูระดับแนวหน้าแห่งหนึ่งในบุรีรัมย์ พรุ่งนี้จะได้มีแรงออกไปเที่ยวกันต่อเนอะ

ชีวิตดี้ดี ที่บุรีรัมย์!d197 d198

 ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 3)

d60

วันที่ 4 ของการตระเวนกินเที่ยวบุรีรัมย์ เป็นคิวของการออกไปทำความรู้จักกับที่เที่ยวในอำเภออื่นนอกจากอำเภอเมืองกันบ้าง ช่วงเช้า พอหายงัวเงียแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปอำเภอประโคนชัย ผ่าน “ถนนสายกุ้งจ่อม” อันมีชื่อเสียง เพราะว่าอำเภอประโคนชัยถือเป็นศูนย์กลางการผลิต “กุ้งจ่อม ปลาจ่อม” แสนอร่อย ผู้คนนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้านกัน

กุ้งจ่อม ปลาจ่อม เป็นการถนอมอาหารแบบลูกอีสานแท้ๆ วิธีทำก็ไม่ยาก โดยการนำกุ้งหรือปลาตัวเล็กๆ มาใส่ไหหรือโอ่ง หมักกับเกลือและข้าวคั่วไว้เป็นระยะเวลานานพอประมาณ ความร้อนจากการหมักจะทำให้เนื้อกุ้งหรือเนื้อปลาสุกหอม พอเปิดไหมาก็จะมีกลิ่นคล้ายปลาร้า! แต่กลิ่นไม่แรงเท่าครับ วิธีกินก็มีหลากหลาย อาจนำมาใส่สำรับกับข้าว ซอยหอมแดง พริกขี้หนู บีบมะนาวลงไป กินกับข้าวร้อนๆ แซ่บอีหลีเด้อ! แต่ว่าการกินกุ้งจ่อม ปลาจ่อม แบบสด อาจจะดู Hardcore เกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ทุกวันนี้เขาเลยมีแบบทำสุกบรรจุกระปุกขายด้วย ราคาไม่แพง บนถนนสายกุ้งจ่อมมีให้เลือกเป็นสิบๆ ร้าน เรียงรายกันครับ หลายคนคงเริ่มน้ำลายสอแล้วสิ!

d110 d111

นี่ล่ะครับ หน้าตาของกุ้งจ่อมประโคนชัย

d112

จากอำเภอประโคนชัย ขับรถไปเพลินๆ ชมทุ่งนาเขียวขจีสองฟากฝั่งถนน อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย เย็นชื่นใจ เพราะเช้านี้ไม่มีพระอาทิตย์ให้เห็น เหมือนกับฝนตั้งเค้ามาแต่ยังไม่ตกสักที กระทั่งมาถึง “ปราสาทพนมรุ้ง” มหาปราสาทขอมที่ตั้งอยู่บนภูเขาไฟซึ่งดับสนิทแล้ว นี่ล่ะหนึ่งในจุดหมายหลักของเราในวันนี้ ซื้อตั๋วเข้าครั้งเดียว สามารถนำไปเข้าชม “ปราสาทเมืองต่ำ” ที่อยู่ใกล้กันได้อีกด้วย ประหยัดดี อย่างนี้ทีมเราชอบมากๆๆๆๆๆๆ ฮาฮาฮา

สังเกตน้องพัชชี่ยิ้มหวาน วันนี้ใส่เสื้อลายสวยที่ซื้อจากถนนคนเดินเซราะกราวเมื่อวานด้วยล่ะ นั่นแน่…

d113

ทุกวันนี้ การขึ้นไปชมปราสาทพนมรุ้งทำได้ 2 วิธี คือขับรถอ้อมขึ้นไปจอดด้านหลังปราสาทได้เลย ใครที่เริ่มยอมรับว่าตัวเองอายุเยอะแล้ว! หรืออาจจะพาเด็กๆ กับญาติผู้ใหญ่ไปด้วย ใช้วิธีนี้ก็สะดวกโยธินดี แต่พวกเราเลือกอีกวิธีครับ เพราะรู้ว่าตัวเองยังฟิตปั๋งอยู่! ฮาฮาฮา เลยชวนกันเดินขึ้นบันไดด้านหน้าปราสาท เพื่อย้อนรำลึกถึงอดีตพนมรุ้งในทุกย่างก้าวที่ผ่านไป พอดีวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เลยมีนักท่องเที่ยวหนาตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชาวต่างชาติครับ แสดงให้เห็นว่าบุรีรัมย์เขา INTER ไม่เบาทีเดียว
d114 d115

ทางเดินขึ้นพนมรุ้งนี้ เราจะต้องผ่านสะพานนาคราช ซึ่งชาวขอมโบราณเชื่อว่าเป็นทางเชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์ครับ และสิ่งที่น่าแวะชมก็คือ นาค 5 เศียรที่บันไดนาคราชนี้เอง เพราะถือว่ามีความสวยงาม และสง่าน่าเกรงขามมาก
d116

พอพ้นจากบันไดนาคราชขึ้นมา ก็เจอบาราย หรือสระน้ำเล็กๆ ที่มีบัวสายสีเหลืองเบ่งบานรับแสงตะวันอุ่น เบื้องหน้าของเราบัดนี้คือปราสาทพนมรุ้งแล้วล่ะครับ พนมรุ้งทำให้เราลืมความเหนื่อยและเหงื่อที่ซึมอยู่เต็มหลังไปหมดสิ้นเลยd118ในที่สุดก็มาถึงแล้วจ้า ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทหินทรายสีชมพูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอีสาน สร้างขึ้นเพื่อถวายองค์พระศิวะตามความเชื่อของฮินดูโบราณ โดยตัวมหาปราสาทตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว! สูงจากพื้นดินที่ราบเบื้องล่างถึง 200 เมตร! โดยคำว่า พนมรุ้ง แผลงมาจากภาษาเขมรว่า วนํรุง แปลว่า ภูเขาใหญ่ นั่นเอง

พนมรุ้งได้รับการออกแบบให้เป็นตัวแทน เขาพระสุเมรุ ตามคติความเชื่อของพราหมณ์โบราณ โดยเขาพระสุเมรุทำหน้าที่เป็นแกนหลักของโลกและจักรวาลครับ ว้าว ลึกซึ้งจริงๆ

d119

นอกจากตัวปราสทที่ยิ่งใหญ่งดงามจนเราต้องตะลึงแล้ว ให้ลองเงยหน้าขึ้นไปสังเกตทับหลังเหนือซุ้มประตูด้านทิศเหนือ ของปรางค์ประธาน เราจะพบกับ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” อันโด่งดัง เพราะทับหลังชิ้นนี้เคยถูกโจรกรรมไปจากพนมรุ้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก สหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทย นำโดยรัฐบาล และหม่อมเจ้าสุภัทรดิส ดิศกุล  ก็ได้ทับหลังชิ้นนี้คืนมา ทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี ในปี พ.ศ. 2531 ใครไม่รู้จักทับหลังชิ้นนี้ ลองไปฟังเพลงของพี่แอ๊ดคาราบาวดูนะครับ แล้วจะซึ้ง! น้ำตาจิไหล!

d120

ใจกลางปรางค์ประธานพนมรุ้ง เป็นที่ตั้งของศิวลึงค์บนฐานโยนี ซึ่งชาวขอมโบราณเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นต้นกำเนิดของความอุดมสมบูรณ์ทั้งหลาย (เหมือนการรวมกันของหญิงและชาย) สมัยโบราณทุกวันพราหมณ์จะนำน้ำและน้ำนมโคบริสุทธิ์ มาอาบรดบนศิวลึงค์ แล้วปล่อยให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมาทางรางหินนี้ครับ
d121 d122

จากปราสาทพนมรุ้ง มองลงไปเบื้องล่างเห็นทุ่งราบของผืนนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สดชื่นมากในยามฤดูฝนเช่นนี้

d123

แม่ใหญ่ Hipster Buriram Style ก็มาเที่ยวพนมรุ้งกะเขาด้วยล่ะเด้อ!
d124

ความมหัศจรรย์อีกอย่างของพนมรุ้ง ที่ควรหาเวลามาชมอย่างยิ่งคือ ทุกปีจะมีอยู่ 2 ช่วง ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ตรง 15 ช่องประตูของปรางปราสาทประธาน ได้อย่างน่าอัศจรรย์! โดยจะแลเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงทั้ง 15 ช่องประตูได้ ในช่วงเดือนกันยายน ส่วนพระอาทิตย์ตก ตรง 15 ช่องประตู อยู่ในช่วงเดือนเมษายน ผู้คนจะหลั่งไหลไปชมปรากฏการณ์อันน่าฉงนนี้นับหมื่นๆ คน!

d125

ห่างจากปราสาทพนมรุ้งเพียง 8 กิโลเมตร บนพื้นที่ราบต่ำใกล้บาราย (หรือสระน้ำขนาดใหญ่) คือที่ตั้งของ “ปราสาทเมืองต่ำ” ปราสาทหินทรายอันแสนพิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสระน้ำล้อมรอบ สี่มุมประดับด้วยนาค 5 เศียร ซึ่งเป็นนาคหัวโล้น ไม่ใช่นาคทรงเครื่องแบบที่พบในปราสาทพนมรุ้ง

d126 d127 d128

แม้จะไม่ใช่ปราสาทขนาดใหญ่โตนัก แต่ด้วยรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมขอมอันประณีต มีปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นกลุ่มปรางค์ประธาน ถือว่าหาได้ยากยิ่ง คนที่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี มาเที่ยวที่นี่คงจะรู้สึกเหมือนได้เดินย้อนอดีตไปในทุกย่างก้าว แถมยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ให้เลือกกันเพียบ d129

รายละเอียดอันอ่อนช้อยงดงามพลิ้วไหว ในลวดลายของทับหลังชิ้นหนึ่งที่ปราสาทเมืองต่ำ

d130.1

เมื่อหลายปีก่อนเคยไปเที่ยวปราสาทเมืองต่ำครับ พอดีเขามีงานแสดงแสงสีเสียง แอบไปจ๊ะเอ๋กับนางอัปสราหน้าหวาน แถมใส่เหล็กดัดฟันด้วย ฮาฮาฮา ทำให้ปราสาทเมืองต่ำมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยเด้อd130

ไม่ห่างจากปราสาทเมืองต่ำ ระหว่างทางเราไปสะดุดตากับป้ายคำขวัญหมู่บ้าน ของ “บ้านเจริญสุข” อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้ข่าวมาว่าเป็นแหล่งผลิตผ้าภูอัคนีที่หาได้ยาก มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ตรงกับคำขวัญหมู่บ้านเลย ที่บอกว่าเป็นถิ่นภูเขาไฟ ทางไหลลาวา! น่าตื่นเต้นดี เราเลี้ยวรถเข้าไปแวะทักทายชาวบ้านสักหน่อยดีกว่าเนอะ
d131 d132

นี่ล่ะครับ ผ้าภูอัคนี ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายผ้าไหมทอมือ แล้วนำไปหมักในโคลนภูเขาไฟ แร่ธาตุในดินลาวาจากภูเขาไฟโบราณ ก็จะค่อยๆ ทำปฏิกิริยากับเนื้อผ้าและอากาศ จนเกิดเป็นสีส้มอมน้ำตาลอ่อนๆ สวยงาม ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ ถือเป็นความภูมิใจในภูมิปัญญาของชาวบ้านเจริญสุข จนสร้างชื่อเสียงเป็นหมู่บ้าน OTOP Village Champion ไปแล้วล่ะจ้า

d133

นอกจากผ้าภูอัคนีแล้ว บ้านเจริญสุขยังเก่งด้านการทอเสื่อกกอีกด้วยd134

ลำใยที่ปลูกจากดินภูเขาไฟบ้านเจริญสุข รับรองหวานกรอบ อุดมด้วยแร่ธาตุจากภูเขาไฟแท้ๆ ฮาฮาฮา

d135

มีลำใยภูเขาไฟยังไม่พอ ยังมีถั่วเขียวภูเขาไฟด้วย เอากะเขาสิ d136

สุดท้ายก็ต้องนี่เลย ของฝากที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คือ ข้าวหอมมะลิ 105 ที่ปลูกบนดินภูเขาไฟบ้านเจริญสุข

d137

นี่ก็บ่ายสองกว่าแล้ว แต่เรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลยนิ!!! ได้ยินเสียงพลขับบอกว่าเร่ิมจะไม่ไหว ส่วนคุณพิม น้องพัชชี่ และตัวผมเอง ก็ท้องร้องจ๊อกๆ มาตั้งนานแล้ว เราเลยตัดสินใจแวะที่ตลาดอำเภอละหานทราย กินอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ แล้วแวะเข้าไปซื้อเสบียงในตลาดสด ทั้งผัก หมู ไข่ เครื่องปรุง รวมถึงน้ำ ขนม กับมาม่าคัพ! เพราะคืนนี้เราต้องเข้าไปนอนในป่ากัน!!!

ผมรักชีวิตการเดินทางก็เพราะอย่างนี้ล่ะ เพราะมันสอนให้เราเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ปรับตัวง่าย และเข้าใจสัจธรรมของชีวิต
d138

ที่ตลาดอำเภอละหานทราย มีแมลงทอดด้วย ถือเป็นโปรตีนธรรมชาติที่มีราคาถูก ซึ่งลูกอีสานนิยมกินกันมากครับ

d139

จากอำเภอละหานทราย ใช้ทางหลวงสาย 2120 มุ่งตรงไปอำเภอโนนดินแดง ซึ่งถือเป็นอำเภอในส่วนใต้สุดของบุรีรัมย์ ติดกับจังหวัดสระแก้วแล้วจ้า เรากำลังมุ่งหน้าไปสัมผัสส่วนเสี้ยวหนึ่งของ ป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในพื้นที่ของ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” จ้า วันนี้อากาศดีมาก หวังว่าเราคงจะโชคดี

หลังจากเข้าไปพูดคุยกับท่านหัวหน้าเขตฯ แล้ว เราก็ได้ พี่ยักษ์ แห่งหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ เข้าป่าทางด้านจุดสกัดโคกเพชร แล้วจอดรถรอดวงอาทิตย์ให้คล้อยลงต่ำ แสงอ่อนกว่านี้อีกหน่อย เพื่อรอช้างป่าออกมาโชว์ตัวไงล่ะจ๊ะ! ตื่นเต้นจังd140 d141

สภาพพื้นที่ของป่าดงใหญ่ในบริเวณนี้ อดีตเคยถูกชาวบ้านบุกรุกเข้าแผ้วถางทำไร่ยูคาลิปตัสมาก่อน โดยปัจจุบันทางราชการได้ขอคืนพื้นที่ แล้วเตรียมผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของป่ามรดกโลกแล้ว

ดูแม่ไม้ใหญ่ที่ยืนต้นโดดเดี่ยวนั่นสิ นั่นคือร่องรอยของผืนป่าดงพญาเย็นที่เคยยิ่งใหญ่ ครอบคลุมภาคอีสานตอนล่างทั้งหมด หวังว่าป่าคงฟื้นตัวได้ในเร็ววันนะ (ผมแอบหวังอยู่คนเดียวลึกๆ) d142

ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเต็มที อุณหภูมิสีบนฟากฟ้าเปลี่ยนเป็นโทนสีเหลืองส้ม งดงามจับใจสุดๆ ท้องฟ้าที่นี่กว้างมาก มองไปรอบตัวได้ 360 องศาเลย เหมือนมีฟ้ากว้างมาครอบตัวเราไว้ ห่างไกลเมืองใหญ่ เรากำลังตกอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติโดยแท้!d143 d144 d145 d146 d147

ในขณะที่แสงตะวันสุดท้ายกำลังใกล้จะหมดลงเต็มที ในที่สุดก็มีน้องช้างป่าแสนน่ารักโผล่ออกมาจากแนวป่า! ค่อยๆ เดินดุ่มอย่างเงียบเชียบออกมากินหญ้าอยู่กลางทุ่งโล่ง แม้จะเห็นจากระยะไกล แต่ก็รู้ได้เลยว่าพี่ช้างเขาตัวใหญ่เบิ้มแค่ไหน วินาทีนั้นตื่นเต้นสุดๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย เพราะการได้มาเห็นช้างป่าในธรรมชาติ ซึ่งมีความสง่างาม หากินอยู่อย่างอิสระเสรีอย่างนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่มีไม่กี่คนในโลกหรอกจะได้พานพบ!
d148อ๋อง 2 d149

เนื่องจากป่าดงใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของป่ามรดกโลก และอยู่ใกล้กับชายแดนเขมร จึงยังมีช้างป่าอยู่เยอะ ช้างเป็นสัตว์สังคมนะครับ ฝูงใหญ่จริงๆ มีแต่ตัวเมียกับตัวเด็ก ส่วนตัวผู้ที่เป็นช้างพลายจะแยกออกไปอยู่โดดเดี่ยว และจะกลับเข้ามาเฉพาะฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น โขลงช้างจึงมีตัวป้าตัวยายเป็นผู้นำ และมีแม่ๆ น้าๆ พี่สาว ช่วยกันเลี้ยงเด็ก น่ารักมาก
d150

ชื่นชมน้องช้างกันอยู่พักใหญ่ จนสิ้นแสงตะวันมองอะไรไม่เห็น เราเลยเคลื่อนพลต่อเข้าไปอีกตามหนทางสมบุกสมบันในป่า กลิ่นของต้นไม้ และเสียงของแมลงที่ออกหากินกลางคืน ช่างมีเสน่ห์เสียนี่กระไร! รถเราค่อยๆ แล่นเข้าไปอย่างเชื่องช้า และเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าโชคดี ก็อาจจะเจอสัตว์ใหญ่ จนกระทั่งถึง หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่เฝ้าป่าเพียงไม่กี่คน เสียสละ น่าชื่นชมมาก แถมยังต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์

ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนจะอยู่ได้นะครับ ต้องเป็นคนที่รักษ์ป่าจริงๆ เท่านั้น ขอปรบมือชื่นชมเลย
d151

ก่อนนอน ตามธรรมเนียมของคนอยู่ป่า เราก็ต้องมารวมตัวกันในที่ที่พอมีแสงไฟ คือครัว นั่งกินข้าวเหนียวไก่ย่างที่ซื้อมาจากตลาด จากนั้นก็ต้มน้ำร้อนชงกาแฟกิน ตั้งวงสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องสัตว์ป่ากันอย่างสนุกสนานเฮฮา หวังว่าพรุ่งนี้ ธรรมชาติคงจะมีของขวัญล้ำค่ามอบให้พวกเรา ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาไกลนะครับ…LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 2)

d12

ยิ่งอยู่ “บุรีรัมย์” นานขึ้นๆ พวกเราในทีมก็ย่ิงมีความคิดตรงกันว่า บุรีรัมย์เขามี Style ของตัวเอง มากซะจนเราตั้งฉายาให้ว่า “BURIRAM STYLE” มันเป็นสไตล์ที่ออกจะอธิบายยากหน่อย ว่าจริงๆ แล้วเป็นไง?! แต่สิ่งที่พอจะอธิบายได้ก็คือ BURIRAM STYLE เป็นการผสมผสานระหว่างความเก่า ความใหม่ และความฮิปแบบบ้านๆ ได้น่ารักดี

คงเพราะหลังจากมีสนามฟุตบอล i-Mobile และมีสนามแข่งรถระดับโลก Chang International Curcuit ก็ทำให้บุรีรัมย์โตแบบก้าวกระโดด! บุรีรัมย์วันนี้จึงมีความเป็น INTER อยู่ในตัวเอง ทว่าในขณะเดียวกันยังมีกลิ่นอายของอีสานใต้ ปะปนอยู่ในวิถีชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม เราอาจเห็นสาวสวยมากๆๆๆ ใส่ชุดเดรสยาว สีแดงแป๊ด มีลายซิลค์สกรีนสีขาว คำว่า Buriram อยู่ตรงกลางอกเสื้อ นั่งกินส้มตำปูปลาร้าอยู่ที่ถนนคนเดิน! นี่ล่ะ BURIRAM STYLE ที่เราพอจะอธิบายเป็นรูปธรรมให้คุณเข้าใจได้… แต่จริงๆ ผมว่ามันลึกซึ้งกว่านั้นอีก!

d61

เช้าวันที่ 3 ของการไปเที่ยวบุรีรัมย์ ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มปี๊ด อากาศเย็นสบาย จนเราเคลิ้มไปเลยว่า นี่มันหน้าหนาวหรือหน้าฝนกันแน่นะ!? อย่างนี้ต้องไปขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาเมืองเพื่อเป็นสิริมงคลกันหน่อยแล้ว จากที่พักเราเลยขับรถเข้าใจกลางเมือง ไปกราบ “ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์” ซึ่งแปลกกว่าศาลหลักเมืองจังหวัดอื่น! เพราะภายในมีเสาหลักเมืองอยู่ถึง 2 ต้น โดยเสาต้นหนึ่งสูงกว่า ตั้งตรง เป็นทรง 8 เหลี่ยม โผล่พ้นจากพื้น 1.99 เมตร และยังมีเสาต้นเล็กที่เอียงอยู่ โผล่พ้นดินขึ้นมาเพียง 1.15 เมตร จุดที่ตั้งศาลหลักเมืองนี้เคยเป็นจุดที่รัชกาลที่ 1 ทรงเคยเสด็จมาพักทัพ เพราะบริเวณนี้มีทำเลเหมาะสม มีสระน้ำ มีต้นแปะขนาดใหญ่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองแปะ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองบุรีรัมย์” ในภายหลัง

ตัวสถาปัตยกรรมของศาลหลักเมืองเพิ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ โดยสร้างเลียนแบบปราสาทพนมรุ้งครับ สง่างามมาก

d62 d63

ในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า” เป็นศาลเจ้าจีน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2551 ภายในประดิษฐานรูปเจ้าพ่อหลักเมืองและเทพเจ้าจีน คือ ปึงเถ่ากง-ปึงเถ่าม่า เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งคนจีนเคารพนับถือกันอย่างมากนั่นเอง เพี้ยงงงงงงง ขอให้ลูกช้างรวยๆ กะเขามั่งเหอะ!!!

d64 d65 d66 d67

ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ คือที่ตั้งของพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองบุรีรัมย์ “วัดกลางพระอารามหลวง” เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ เปี่ยมด้วยมนต์ขลังของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้านข้างโบสถ์ เรียกว่า “สระสิงโต” เป็นจุดที่เจ้าพระยาจักรี (หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในเวลาต่อมา) ทรงหยุดพักทัพ ระหว่างไปทำศึกกับเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ โดยน้ำในสระนี้ได้รับการนำไปประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และเมื่อคราวที่มีการจัดพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 ก็มีการอัญเชิญน้ำในสระนี้ไปทูลเกล้าถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย

ไม่น่าเชื่อเลยว่าบุรีรัมย์ที่วันนี้ดูโตแบบก้าวกระโดด และทันสมัยสุดๆ จะมีประวัติศาสตร์สำคัญอันยาวนานเช่นนี้

d68 d69

เก้าโมงกว่าแล้ว ได้เวลาตามล่าหาร้านอาหารอร่อยตาม Style ของพวกเรา เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง วันนี้ยังมีคิวเที่ยวๆๆ อีกมาก! ฮาฮาฮา ในที่สุดก็มาลงเอยกันที่ “ร้านข้าวหมูแดง กวางเจา” ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมแกรนด์ และร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นที่เราไปกินเมื่อวานนั่นเอง แหม ย่านนี้เป็นย่านรวมความอร่อยๆ จริงๆ เขาเรียกว่าถนนนิวาศ หาง่าย เพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟนั่นเองจ้า

คุณป้าเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ขายมาตั้งสี่สิบห้าสิบปีแล้วมั้ง ไม่ได้นับ! เป็นสูตรดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเตี่ยเลย ข้าวหมูแดงร้านกวางเจาจะไม่มีไข่กับกุนเชียงใส่มาให้แบบร้านอื่น แต่จะมีเฉพาะหมูแดงกับหมูกรอบ ที่กรอบกำลังดี ไม่แข็งจนเคี้ยวแล้วปวดฟันเหมือนบางร้าน! กินกับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำใสใส่พริกสดมาเพิ่มรสชาติจี๊ดๆ แต่ถ้าจะให้เด็ด ต้องสั่งเกาเหลาใบตำลึงมาซดให้คล่องคอด้วย มีทั้งแบบใส่เครื่องใน ใส่ตับ ใส่เลือด หรือจะใส่เฉพาะหมูสับก้อนก็ได้ จัดกันไปคนละชามสองชาม ได้เวลาไปซิ่งกันที่สนามแข่งรถแล้ว…

d70

วันนี้เราจะไปดูเด็กแว้นกัน!!! แต่ไม่ใช่แว้นกวนเมือง หรือซิ่งทำให้ชาวบ้านเขาเดือนร้อนนะ เพราะวันนี้เราจะไปดูการแข่งมอเตอร์ไซค์ Drag Bike หรือมอเตอร์ไซค์ทางเรียบในลู่วิ่งตรงๆ ยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งสนามนี้อยู่ใกล้กับสนามแข่งรถ Chang International Circuit นั่นเอง

ช่วงเช้าจะเป็นการซ้อม และเริ่มแข่งจริงตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน มีนักซิ่งจากทั่วประเทศมาเข้าร่วม! น่าตื่นตาตื่นใจมากเวลาเห็นมอเตอร์ไซค์รูปร่างแปลกๆ สวยๆ มารวมตัวกันเป็นพันคันขนาดนี้! แต่ละกันก็มีช่างประจำเครื่องมาปรับแต่งกันถึงสนาม บ้างยกทีมมาจากภาคใต้ เพื่อมาประลองความเร็วกันในสนามอย่างถูกกฎกติกา เราซื้อตั๋วแล้วขึ้นไปนั่งรวมกับผู้ชมนับพันบนอัฐจรรย์ ดูการซ้อมวิ่งของนักบิด Drag Biker! ด้วยความแรงของเครื่องที่เร่งรออยู่ก่อนแล้ว พอให้สัญญาณปล่อยตัว ล้อหน้ามอเตอร์ไซค์ก็มักจะเหินขึ้นไปในอากาศ! แล้วพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดแรง!!! พร้อมกับเสียงเครื่องที่แผดออกมาจนหูเราดับไปเลย!!! สังเกตได้จากรอยดำบนพื้นลู่วิ่งอันโชกโชน คงจะเกิดจากรอยยางรถมอเตอร์ไซค์ที่บดกับพื้นสนามด้วยแรงเสียดทานมหาศาล ครั้งแล้วครั้งเล่า!!!

d71 d72 d73

นอกสนาม Drag Bike มีเต็นท์สำหรับนักแข่งแต่ละทีม ได้ปรับเครื่องจูนรถของตัวเองให้แรงสะใจ แต่ด้วยความเชื่อและจิตวิญญาณแบบไทย ก็ยังมีการนำพวงมาลัยมาบูชาแม่ย่านางรถด้วย นี่ล่ะ หนึ่งใน BURURAM STYLE ใหม่ผสมเก่า

d74 d75

ดูการแข่ง Drag Bike กันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาเข้าไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่า สนามแข่งรถ Chang International  Circuit ที่เขาว่าได้มาตรฐานโลก จนสามารถแข่งรถยนต์ Formula 1 และรถ Super GT นั้น เป็นยังไง? พอขึ้นไปบนอัฐจรรย์ก็ต้องอึ้ง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนสนามที่เคยเห็นในต่างประเทศไม่มีผิด! อีกทั้งยังเป็นสนามแข่งรถเดียวในโลก ที่ผู้ชมบนอัฐจรรย์สามารถมองเห็นได้ทุกโค้งด้วย Amazing จริงๆ! เสียดายวันนี้ไม่มีแข่งรถยนต์

d76 d77

สนามแข่งรถระดับโลก ทำให้บุรีรัมย์วันนี้กลายเป็นศูนย์กลางของ Big Biker ทั่วประเทศ เราจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์เจ๋งๆ สวยๆ ราคาแพงลิ่วระดับครึ่งล้าน! วิ่งกันเกลื่อนเมือง โดยมากจะมากันเป็นแก็งค์ Big Bike เพื่อมาเชียร์ฟุตบอล หรือมาชมการแข่งรถยนต์ สิ่งนี้ได้สร้างกระแสความคลั่งไคล้กีฬา และสร้างต้นแบบการใช้ชีวิตของการเป็นนักเดินทาง แสวงหา ด้วยสองล้อแรงม้าสูง ให้กับคนรุ่นใหม่ในบุรีรัมย์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง BURURAM STYLE ที่เราค้นพบ

d78

 ต้องรวยจริงถึงจะซื้อคันนี้ได้!!! เพราะเป็นระดับ Harley Devison ของแท้จากอเมริกา ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเห็นวิ่งอยู่ที่บุรีรัมย์ ขนาดในกรุงเทพฯ เมืองหลวงแท้ๆ ยังไม่เคยเห็นเลยเนอะ!

d79

ออกจากสนามช้าง เราบึ่งรถฝ่าเปลวแดดร้อนแรงในยามบ่าย ตรงไปที่สนามฟุตบอล i-Mobile Stadium ที่อยู่ใกล้ๆ กัน  เสียดายวันนี้ไม่มีแข่งฟุตบอล แต่ก็ยังดีที่เขามีจัดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เป็นรอบๆ ตลอดวัน สนามแห่งนี้สร้างความฮือฮาได้ตั้งแต่แรกเปิดตัว เพราะเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า , เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ โดยเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน! มองจากด้านนอก บอกได้คำเดียวว่า ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ!

d80

ดูกันให้เต็มตาครับ กับภายในสนามฟุตบอล i-Mobole Stadium หรือในชื่ออย่างเป็นทางการ Thunder Castle Stadium ความภูมิใจของบุรีรัมย์ยุคใหม่ ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จนบุรีรัมย์วันนี้กลายเป็นเมืองกีฬามาตรฐานโลก

d81 d82 d83

ด้านข้างสนามฟุตบอล i-Mobile มีร้านขายของที่ระลึก ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ Buriram FC จุดนี้ต้องขอชื่นชมเลยว่า แค่กีฬาฟุตบอลอย่างเดียวก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้บุรีรัมย์และจังหวัดอีสานใต้โดยรอบได้มหาศาล! สินค้าต่อเนื่องจากกีฬาฟุตบอล ทั้งเสื้อยืดและของที่ระลึกอีกนับร้อยแบบ ทำให้เกิดเงินสะพัดหมุนเวียนนับไม่ถ้วน! น้องพัชชี่ไปเจอเสื้อยืดสวยๆ ในร้าน ผมเลยจัดมา 2 ตัว ตัวละ 440 บาท เนื้อผ้าดีมากครับ ลายซิลค์สกรีนก็อย่างดีด้วย

d84 d85

เข็มนาฬิกาเลยเที่ยงมาสองชั่วโมงแล้ว! ขณะที่เราขับรถออกจากสนามฟุตบอล i-Mobile ตรงไปที่ ร้านสองพี่น้อง ซึ่งอยู่บนถนนสายเดียวกัน เราขอฝากท้องสำหรับ Late Lunch ไว้ที่ร้านนี้ครับ เพราะได้ข่าวว่าเป็นร้านอาหารพื้นเมืองรสเด็ด รสแซ่บ ที่โด่งดังมากแห่งหนึ่งในบุรีรัมย์ จุดสังเกตทางเข้าร้านก็ง่ายมาก ถึงมากที่สุด เพราะมีรูปปั้นไดโนเสาร์ยักษ์ยืนจังก้าอยู่ ฮาฮาฮา จนบางคนเรียกร้านสองพี่น้องว่า “ร้านไดโนเสาร์” เลยล่ะครับ

พอได้ชิมก็แซ่บเวอร์สมคำร่ำลือ อาหารอีสานร้านนี้รสกลมกล่อมมากทุกอย่าง ในร้านก็นั่งสบาย ลมถ่ายเทดี แถมระหว่างกินยังมีแม่ค้าเดินเอาหมูยอมาขายอีก เราเลยช่วยอุดหนุน เป็นหมูยอเนื้อผสมพริกไทย อร่อยเหาะไปเลย ฮิฮิ

d86 d87

นั่งพักกันพอข้าวเรียงเม็ด แม้แดดจะยังค่อนข้างร้อน แต่ก็ได้เวลาพากันขึ้นไปสัมผัสความมหัศจรรย์ธรรมชาติ “ภูเขาไฟกระโดง” (หรือวนอุทยานเขากระโดง) 1 ใน 6 ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วของบุรีรัมย์ แสดงให้เห็นว่าในครั้งอดีตกาลนานโพ้น แดนดินถิ่นอีสานใต้นี้เคยมีภูเขาไฟและไดโนเสาร์อาศัยอยู่จริง Amazing BURURAM STYLE!

d88

วิธีการขึ้นเขากระโดงมี 2 แบบ คือใครฟิตหน่อย ก็สามารถหอบสังขารเดินขึ้นบันไดทดสอบศรัทธาสาธุชน (หรือบันไดนาคราช) 297 ขั้นไปจนถึงยอดเขาตามในภาพนี้ แต่ถ้าใครเริ่มอายุเกินหลัก 40 หรือคิดว่าสังขารเริ่มจะไม่อำนวย ข้อเข่าเสื่อม อะไรประมาณนี้ เลี้ยวขวาไปจากหน้าบันไดทางขึ้นนี้ ก็เป็นถนนสายเล็กๆ นำไปถึงยอดเขาได้เช่นกัน อันไหนง่ายกว่า? เลือกเอาเองนะ ไม่ได้บังคับ!

d89

ทีมเราฟิตจัด เลยเลือกขับรถขึ้นเขากระโดง! (ไม่ใช่ร่างกายฟิต แต่เป็นเอวกางเกงฟิตมากกว่า ฮาฮาฮา) จะให้เดินขึ้นไหวได้ไงล่ะ ก็เพิ่งกินข้าวกันมาอิ่มๆ แดดก็เปรี้ยงๆ ซะขนาดนี้ แต่ขับรถเที่ยวก็ชิลดี สภาพทางขึ้นเขาเป็นถนนเส้นเล็กๆ พอให้รถแล่นสวนกันได้ สองข้างทางมีป่าละเมาะแผ่กิ่งก้านปกคลุมร่มรื่น พอขึ้นไปถึงกลางทาง ด้านขวามือมีสะพานแขวนลวดสลิงชื่อ “สะพานแขวนลาวา” ให้เราเดินข้ามไปชมปล่องภูเขาไฟเก่าที่ดับแล้ว! ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นหลุมตื้นๆ มีหญ้าปกคลุมเขียวขจี ถ้าไม่บอกคงไม่รู้แน่ๆ เลยครับ

d90

นี่คือปากปล่องภูเขาไฟ ของภูเขาไฟกระโดง ซึ่งนักธรณีวิทยาบอกว่าเป็นปากปล่องภูเขาไฟอายุ 3-9 แสนปี! ถือเป็นภูเขาไฟอายุน้อยที่สุดของเมืองไทยด้วยล่ะ อีกทั้งยังมีสภาพสมบูรณ์มาก โดยปากปล่องนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร เป็นรูปจันทร์ครึ่งซีก มีขอบปล่องด้านทิศใต้เรียกว่า เขาใหญ่ ส่วนขอบปล่องด้านทิศเหนือเรียกว่า เขาน้อย หรือเขากระโดง นั่นเอง ปัจจุบันมีการจัดทำเส้นทางเดินชมรอบปล่องไว้ด้วย เที่ยวสะดวกมากๆ

d91

ในที่สุดก็ขึ้นถึงยอดเขาจนได้ จากลานจอดรถเดินไปอีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถึงโซนร้านขายของ และมีปราสาทเล็กๆ สีขาว ชื่อว่าปราสาทเขากระโดง อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ส่วนองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ที่เห็นได้จากเชิงเขาแต่ไกล มีนามว่า พระสุภัทรบพิตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองบุรีรัมย์ ภายในเศียรบรรจุพระธาตุ สร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 แล้ว มีผู้คนมาสักการะเป็นนิจ

d92

พระพุทธบาทจำลองบนเขากระโดง

d93หนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติบนเขากระโดงก็คือ “หินลอยน้ำ” เพราะอย่างที่บอกว่านี่คือภูเขาไฟเก่า จึงเต็มไปด้วยหินบะซอลต์ที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟปะทุออกมาเหนือเปลือกโลก เมื่อมันเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว จึงเกิดฟองอากาศค้างอยู่ภายในหินเต็มไปหมด หินบะซอลต์เขากระโดงจึงมีรูพรุน เหมือนทุ่นลอยน้ำได้ ไม่ใช่อภินิหารวิเศษเลยนะครับ

d94

จากยอดภูเขาไฟกระโดง อันเป็นจุดที่พระสุภัทรบพิตรประดิษฐานอยู่ มองลงไปทางทิศเหนือจะเห็น อ่างเก็บน้ำเขากระโดง  (อ่างเก็บน้ำวุฒิสวัสดิ์) เป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะมากในการไปศึกษาธรรมชาติ เพราะมีนกประจำถิ่นและนกหนีหนาวในช่วงปลายปี อพยพมาหากินจำนวนมาก อีกทั้งรอบอ่างเก็บน้ำเขากระโดงมีเส้นทางเดินศึกษาพรรณไม้ป่าเต็งรังนานาชนิด รวมถึงมีที่กางเต็นท์ค้างแรมสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดด้วย

d95

พอชมวิวเสร็จแล้ว ระหว่างเดินไปร้านขายน้ำ น้องพัชชี่ก็เหลือบไปเห็นป้าย “ไหลสิเด้อ” อะไรกันหว่า? ที่แท้คือทางลื่นให้นั่งแล้วไถลตัวลงเขาแบบไม่ต้องเสียเวลา! แต่เขามีป้ายเตือนว่า ถ้าทางลื่นนี้เปียกเมื่อใด ห้ามเล่น! เพราะมันจะลื่นมากจนเราไม่สามารถหยุดหรือบังคับตัวเองได้ อาจจะเบรคแตก พุ่งออกไปนอกลู่เลยดิ!!! โอ้ว แม่เจ้า แต่โชคดีวันนั้นน้องพัชชี่ของเราเบรคทัน ดูหน้าน้องเขาฟินมาก และแน่นอนว่าเสียงกรี๊ดต้องสนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย อิอิd96

อากาศที่ร้อนอบอ้าวมาตลอดวัน ทำให้รู้สึกเพลียไม่ใช่เล่น เราเลยกลับไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนที่บ้านเตอร์ รีสอร์ท จากนั้นตอนหัวค่ำก็เปลี่ยนชุดหล่อสวย ออกมาเดินเล่นเพลินๆ ช้อปปิ้งกันที่ “ถนนคนเดินเซราะกราว” ซึ่งเป็นถนนคนเดินเย็นวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ กลางเมืองบุรีรัมย์ ที่ถนนหน้าจวนผู้ว่านั่นเอง

ใครรู้บ้างว่า เซราะกราว ในภาษาเขมรแปลว่าอะไร? ใช่แล้ว แปลว่า “บ้านนอก” ฮาฮาฮา แต่ในความจริง ถนนคนเดินเส้นนี้ Inter เอามากๆ จนเรางงเลยทีเดียวเชียว โดยส่วนตัว ผมว่า เซราะกราว Walking Street มีเสน่ห์มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครตรงผ้าทอพื้นบ้านแนวเขมรนี่ล่ะ อย่างผ้าทอของอำเภอพุทไธสง ซึ่งเป็นแหล่งทอผ้าไหมซิ่นตีนแดงลายจกอันมีชื่อเสียงมาช้านาน เป็นผ้าที่ได้รับอิทธิพลมาจากเขมรครับ ดูได้จากการใช้สีแดงเป็นหลัก วันนี้เราได้เจอคุณยายซึ่งเป็นช่างทอผ้าตัวจริงเลย ดีใจมาก ขอกราบครับคุณยาย
d97 d98

ราคาแค่ 220 บาท ลายฮิปสเตอร์มากๆ น้องพัชชี่จัดไปปปปปป!

d99 d100 d102

ที่ถนนคนเดินเซราะกราว Walking Street มีหมอลำให้นั่งฟังกันเพลินๆ ด้วย บรรยากาศชิลชิล
d103 d104

หิวแล้วจ้า ชวนกันไปหม่ำมันเกลียวรองท้องไปก่อน เดี๋ยวค่อยกินของหนักตามหลังเด้อd105 d106

นอกจากเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ผ้าทอ และงานผีมือเก๋ๆ น่ารักๆ ในเซราะกราว Walking Street แล้ว เขายังมีพืชผักปลอดสารพิษ ที่กลุ่มชาวบ้านปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ พร้อมใจกันรวมตัวนำมาขายในราคามิตรภาพ ใครจะเชื่อว่าผักบุ้งสดๆ ใหม่ๆ น่าทาน กำละ 5 บาทจะยังมีอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพงอย่างนี้ แต่ที่บุรีรัมย์มีจ้า!d107

รีบออกจากถนนคนเดินเซราะกราว เพราะได้ข่าวจากคนบุรีรัมย์ว่า คืนนี้ทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ FC จะไปเยือนทีมนครราชสีมา FC ถึงถิ่น! และถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าลานด้านหน้าสนามฟุตบอล i-Mobile จะต้องเนืองแน่นไปด้วยสาวกทีมบุรีรัมย์อย่างแน่นอน! เราจึงรีบบึ่งรถไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา ว่าแฟนบอลบุรีรัมย์เขาจริงจัง คลั่งไคล้ เข้าขั้น Crazy ขนาดไหน!? กับกีฬาค้าแข้งนี้ พอไปถึงหน้าสนามก็ต้องตะลึง เพราะมีประชาชนนับพัน (ซึ่งส่วนนมากใส่เสื้อทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ด้วย) ทั้งลูกเด็กเล็กแดง หนุ่มสาว คู่รัก ไปจนถึงคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย มานั่งเชียร์ฟุตบอลอยู่อย่างล้นหลาม! เพราะเขามีทีวีจอยักษ์มาฉายให้ชมฟรี! เวลาทีมปราสาทสายฟ้าบุรีรัมย์พาลูกบอลเข้าไปในเขตโทษของทีมนครราชสีมา แล้วยิงประตู ไม่ว่าจะเข้าหรือไม่ เราจะได้ยินเสียงเชียร์สนั่น ผลคือคืนนั้นเสมอกัน 1-1 แบ่งแต้มกันไป

นี่คือกระแสคลั่งฟุตบอล ที่ซึมเข้าไปแล้วในกระแสเลือดของชาวบุรีรัมย์ มันเป็นความภาคภูมิใจในทีมฟุตบอลบ้านเกิด ซึ่งไปทำผลงานคว้าแช้มป์หลายสมัยติดต่อกัน และเราก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเชียร์บอลคืนนี้ครับ
d108 d109

อีกหนึ่งวันอันยาวนาน และเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่บุรีรัมย์ จบลงที่ราดหน้ายอดผัก ณ ตลาดไนท์เก่า การได้กินอะไรอุ่นๆ ท้องก่อนเข้านอนนี่มันเป็นความสุขแท้ แต่ถ้าจะให้ดี จะมีคืนไหนบ้างนะที่เราได้เข้านอนหัวค่ำกะเข้าบ้างเนี่ย? ไหนบอกว่ามาเที่ยวกันไง? ไม่ได้มาทำงาน?! ฮะ?LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 1)

logo Amazing Journey 2

คุณคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางไกลคืออะไร? คือรองเท้าดีๆ คือพาหนะสุดเจ๋งๆ หรือคือห้องสุดหรู… เหล่านี้อาจสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่ผมคิดว่าจำเป็นที่สุดสำหรับการแรมทางผ่านหลักกิโลเมตรอันแสนยาวไกลก็คือ “เพื่อนดีๆ”

โครงการ The Amazing Journey Blogging Contest ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่โปรโมท 12 เมืองต้องห้ามพลาด กำลังจะนำผมไปพบกับการเดินทางที่สนุก ฮา และน่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แม้จะเป็นการเดินทางเพียง 6 วัน แต่สิ่งที่ยังตรึงอยู่ในใจผมมากระทั่งบัดนี้ ก็คือมิตรไมตรี รอยยิ้ม และประสบการณ์ดีๆ จากผองเพื่อน ที่ร่วมผจญภัย อดมื้อ กินสองมื้อ (ฮาฮาฮา) ไปด้วยกัน โดยหมุดหมายแห่งการเดินทางของเราอยู่ที่ “จังหวัดบุรีรัมย์” เมืองที่มีคอนเซ็ปต์ว่า “เมืองปราสาทสองยุค” เพราะนอกจากจะเป็นดินแดนอารยธรรมขอมแห่งอีสานใต้อันเก่าแก่แล้ว ทุกวันนี้บุรีรัมย์ยังเป็น “เมืองกีฬามาตรฐานโลก!!!” ประโยคนี้ผมฟังคนอื่นเขามาพูด เลยอยากเห็นกับตาว่าจะจริงแค่ไหน? งั้นรีบไปพิสูจน์กันเถอะพวกเรา…

d2

ทีแรกกะว่าจะบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงบุรีรัมย์เลย เพราะตอนนี้ที่อำเภอสตึก ของบุรีรัมย์ เขามีสนามบินแล้ว Nok Air ก็บินไปลงทุกวัน แต่เพราะว่าสปอนเซอร์รถของเราคือ บริษัท Thai Rent A Car มีฐานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ทีมเราเลยต้องขึ้นเครื่อง Nok Air ไปลงที่ขอนแก่น เพื่อรับรถคันใหญ่ ขับเคลื่อนสองล้อหน้า พร้อมด้วยที่เก็บของกว้างๆ เพราะทีมเราขนสัมภาระกันไปเพียบ โดยเฉพาะอุปกรณ์กล้องที่แทบจะเปิดร้านขายกันได้เลยทีเดียว! ฮาฮาฮา ตกลงนี่จะไปเที่ยวหรือไปทำงานกันแน่??? จริงจังไปอ่ะป่าวนะนาย?

คุณพิม และแคช Blogger ชื่อดังแห่ง “ครัวบ้านพิม” ซึ่งป็นบล็อกสุดเจ๋งเกี่ยวกับการรีวิวอาหาร ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม แคชเป็นพลขับ คุณพิมเป็นคนนำทาง ส่วนอีกคนคือ น้องพัชชี่ Blogger เจ้าของฉายา Tiny Chef ก็มาร่วมแจมร่วมสร้างสีสัน เพราะความน่ารักของน้องพัชชี่ แค่น้องเขายิ้ม ก็ทำให้โลกนี้สดใสแล้วล่ะครับ ฮาฮาฮา อย่าเข้าใจผิด อันนี้ไม่ได้จีบ แต่ชมจากใจจริงนะจ๊ะน้อง

d3 d4

การเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง จากขอนแก่นไปบุรีรัมย์ แม้สภาพถนนจะดีมาก แต่เราก็ทำความเร็วไม่ค่อยได้ เนื่องจากเมฆสีเทาทึบบนท้องฟ้าเดือนกรกฎาคม ได้กลั่นตัวโปรยฝนลงมาต้อนรับให้เย็นชุ่มฉ่ำกันไปตลอด แต่วันนี้เราไม่มีอะไรต้องรีบ ขับชมวิวกันไปชิลชิล ถึงบุรีรัมย์ตอนห้าโมงเย็น Check in เข้าที่พักโรงแรม Best Western เสร็จ ตอนนี้พยาธิในท้องกำลังดิ้นกันดุ๊กดิ๊ก! คงถึงเวลาที่ต้องรีบออกไปหาอาหารอร่อยในบุรีรัมย์หม่ำกันหน่อยแล้ว…

d5

จุดหมายแรกของเราอยู่ที่ “ตลาด Night ใหม่” (ชื่อเต็ม ตลาดไนท์พลาซ่า ใหม่) ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนช่างกินตัวจริง เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เต็มไปด้วยอาหารและขนมละลานตา เล่นเอาน้ำลายสอ ชั่วโมงนี้เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด! เราเลยไม่ลังเล ดิ่งเข้าไปที่ “ร้านผัดไททอม-ดี้” ร้านผัดไทยชื่อดังที่เขาประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น ทอม-ดี้ เออ.. อันนี้ชอบ ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เฮ้ย! ทอมหล่อ! ผมอุทาน! แต่รสชาติจะแซ่บเวอร์ขนาดไหน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสั่งมาชิมมีทั้งผัดไทยกุ้งสด ผัดไทยทะเล รวมถึงหอยทอดด้วย เส้นของเขาเหนียวนุ่มกำลังดี น้ำซอสมะขามที่เอามาผัดก็หอมอร่อย รสออกเปรี้ยวหวานกลมกล่อม แต่สิ่งที่ผมว่า Amazing มากคือ กุ้งตัวใหญ่ที่ใส่มาในผัดไทยนั้นสดมากเลย ไม่ใช่กุ้งแก้วตัวใสแจ๋ว! ทำให้รู้สึกว่ามาเที่ยวบุรีรัมย์ก็ยังพอมี seafood กินแบบขำๆ นะ ฮาฮาฮา

d6 d7

นั่งกินไป ดูคู่ทอม-ดี้ ช่วยกันทำผัดไทยอย่างขยันขันแข็ง มือเป็นระวิง แต่ดูเหมือนสองคนนี้จะพูดน้อย ยิ้มอย่างเดียว สงสัยจะเขินกล้องพวกเรา ยุคนี้ต้องบอกเลยว่า แค่ชื่อร้านที่แปลก ติดหูง่าย “ผัดไททอม-ดี้” ก็เรียกลูกค้าได้ไม่ยากแล้วล่ะ ดูอย่างพวกเราสิ เหินฟ้ามาชิมกันเลยนะเนี่ยะ อิอิ

d8

ขอบอกว่ายังไม่อิ่ม! เลยขับรถไปที่ “ตลาดไนท์ เก่า” ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ตลาดไนท์เก่าวันนี้ดูจะเงียบๆ เหงาๆ ไปบ้าง ผิดกับตลาดไนท์ใหม่ที่มีเนื้อที่กว้างขวางกว่าเยอะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วันนี้ตลาดไนท์เก่าก็ยังมีของดีซุกซ่อนอยู่ไม่น้อย ทำให้รู้สึกได้เลยว่าคนบุรีรัมย์เขาช่างกิน ไม่แพ้คนจังหวัดอื่นเลยล่ะ อย่างราดหน้ายอดผักสูตรโบราณ, ปอเปี๊ยะ-เกี๊ยวทอดแสนอร่อย ฯลฯ รวมถึง “เต้าส่วนร้านเจ้ตุ่ม” ที่มีคนมาเข้าคิวรอซื้อยาวเป็นหางว่าว! จนเจ้ตุ่มแกตักขายแทบไม่ทัน! พอเห็นเรามาถ่ายรูป เจ้ก็ยิ้ม แล้วบอกว่าไม่ต้องมาถ่ายแล้ว แค่นี้ก็ขายไม่ทันแล้ว ฮาฮาฮา

d9 d10

วันแรกของการเดินทางมาทักทาย “บุรีรัมย์” จบลงอย่างอิ่มแปล้ ท้องตึง หนังตาหย่อน จนไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน รู้แต่ว่าห้องพักแอร์เย็นฉ่ำของ โรงแรม Best Western ทำให้ผมหลับเป็นตายเลยทีเดียว

d13

เช้าวันถัดมา เราไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ขับรถวนชมตัวเมืองที่เริ่มคึกคัก วนไปจนถึงหน้าโรงแรมแกรนด์ ซึ่งเป็นตึกสีฟ้า เหมือนโรงแรมสไตล์โบราณสร้างมานานมากแล้ว และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนในตัวเมือง ข้างโรงแรมแกรนด์คือ “ร้านก๊วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นมิตรมงคล” ซึ่งเปิดมาหลายสิบปี รสชาติเป็นที่เลื่องลือในยุทธจักรอาหาร แต่โดยส่วนตัวผมแทบไม่กินเนื้อวัวเลย เพราะมีความรู้สึกว่าเนื้อวัวมีกลิ่นสาบ วันนี้เลยแข็งใจลองชิมดูซิ… แค่คำแรกก็อึ้ง เพราะน้ำซุปหอมหวาน เนื้อตุ๋นก็เปื่อยนุ่ม แต่ยังมี texture ให้ได้ออกแรงเคี้ยว ส่วนลูกชิ้นก็เป็นเนื้อแดง ไม่มีเอ็น เคี้ยวง่าย กินคำนึง คีบผักบุ้งใส่ปากคำนึง แล้วซดน้ำตาม โดยส่วนตัวผมว่าอร่อย น่าแปลกที่เขาสามารถลบความคิดที่ว่า เนื้อวัวเหม็นสาบ ของผมไปได้ส่วนหนึ่งเลยทีเดียวครับ

d14d15

เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสมาก ผิดกับเมื่อวานที่ฝนตกตลอด เล่นเอาซะใจเสีย! วันนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “เพ ลาเพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอทเวนเจอร์ แคมป์” ที่อยู่ห่างจากอำเภอเมืองออกไปพอสมควร ในอำเภอคูเมือง โดยวันนี้ คุณชิมิ PR สาวสวยแสนน่ารักของเพ ลาเพลิน จะเป็นคนพาเราเที่ยวชมด้วยตัวเอง ต้องสนุกแน่ๆ

d16

เพ ลาเพลิน เป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้ ความสนุก และการผจญภัย โดยมีโซนของที่พักไว้บริการด้วย แต่ด้วยเนื้อที่อันกว้างใหญ่มาก อาจทำให้เที่ยวชมแบบละเอียดในวันเดียวไม่ทั่วจริงๆ! โซนด้านหน้าพอเข้ามาจากประตูใหญ่ ก็จะเป็นโซนจดหมายเหตุ ประวัติสำคัญๆ ของสยามในอดีต รวมถึงของโบราณ รถโบราณ นาฬิกาโบราณ ของสะสมต่างๆ ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น โดยทุกมุมเขาเหมือนกับจะรู้ใจ จัดไว้สำหรับพวก Photomania หรือพวกชอบถ่ายภาพล่ะครับ แต่ขอบอกว่าอย่าชักภาพจนเพลิน เพราะนี่แค่น้ำจิ้ม ด้านในยังมีสิ่งน่าสนใจให้ดูอีกเพียบ!

d17

น้องพัชชี่ยิ้มหวาน แปลงร่างเป็นสาวปั่นสามล้อส่งดอกไม้ สดใสร่าเริง ขอบอกว่าชอบมากตรงกางเกงลายผ้าถุงที่น้องพัชชี่นุ่ง เพราะทำให้นึกถึงคุณยาย! เอ้ย… ไม่ใช่ ทำให้นึกถึงแคมเปญเที่ยวิถีไทย เก๋ไก๋ ไม่เหมือนใคร ๒๕๕๘ ของ ททท. ถือว่า OK เลยครับน้อง ทำการบ้านมาดี Costume (เครื่องแต่งตัว) ผ่าน อย่างนี้อนาคตรุ่งแน่ ฮาฮาฮา

d18d19

ในโซนด้านหน้านี้มี Farm House จำลองบ้านไร่แบบตะวันตก ที่มีน้องแกะ และน้องม้าเคราะ (ฝรั่งเรียกว่า Pony) เป็นพระเอกนางเอก สาวๆ และเด็กๆ ชอบ ตรงเข้าไปป้อนหญ้ามันอย่างสนุกสนาน

d20

ในโซนของสะสมโบราณ มีมุมหนึ่งจัดไว้ในเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพทางดนตรีของพระองค์ท่าน เห็นแล้วต้องทึ่ง เพราะพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงไพเราะให้เราฟังนับสิบๆ เพลงเลย

d21

อ้าว ใครฝันจะไปดู หิน Stonehenge ที่อังกฤษ แต่ยังไม่มีตังค์ซื้อตั๋วเครื่องบิน (ผมก็คนนึงล่ะ!) มาเที่ยวเพ ลาเพลินแก้ขัดไปก่อนนะ เพราะเขามีหิน Stonehenge จำลองให้แอ็กท่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จริงๆ แล้วจุดนี้เป็นจุดสื่อความหมายที่ดี สำหรับเด็กๆ ที่เข้ามาเที่ยว เหมือนการเปิดโลกการเรียนรู้ให้เขา และสร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปท่องโลกเมื่อโตขึ้น

d22

ได้เวลาหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน! พาตัวและหัวใจไปร้องกรี๊ดสนั่น กับฐานกิจกรรมผจญภัยสนุกๆ ของเพ ลาเพลิน มีตั้งแต่ปีนหน้าผาจำลอง, ไต่กำแพงตาข่ายเชือก, โรยตัวจากหอเอนปีซ่า, ข้ามสะพานเชือกกลางน้ำ, โรยตัวข้ามน้ำ และวิ่งข้ามน้ำสุดระทึก! ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ลองเล่นเถอะ ดูรอยยิ้มของน้องพัชชี่เป็นเครื่องการันตีได้ครับ ขอบอกว่าเสียงน้องพัชชี่กรี๊ดสนั่น จนกำแพงแทบถล่ม! (sorry แซวเวอร์ไปนิด อิอิ) ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วง ถ้าใครไม่ใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย Safety อย่างถูกต้องครบถ้วน Staff เขาก็จะไม่อนุญาตให้เล่นแน่นอน ไว้ใจได้

d23d24d25d26

สายแล้ว แดดเร่ิมร้อนขึ้น เสร็จจากฐานกิจกรรมผจญภัย เราก็นั่งรถพ่วงวนไปชมรอบๆ บริเวณเพ ลาเพลิน ทำให้เห็นว่าเนื้อที่เขากว้างใหญ่มากจริงๆ มีโซนแปลงปลูกพืชผัก, องุ่น, โรงเรือนไม้ดอกไม้ประดับ และยังมีห้องสมุดลอยฟ้าที่ตั้งอยู่กลางทุ่งดอกกุหลาบสีแดงสด ขานรับกับวันฟ้าใส ไม่ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อจริงๆ ว่านี่คือเมืองไทย!

d27

หนึ่งในอาคารที่น่าเข้าไปเยี่ยมชมมากที่สุด คืออาคารแห่งความจงรักภักดี สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง และสมเด็จพระราชินี ของเราปวงชนชาวไทยครับ ภายในจัดแสดงเรื่องราวพระราชกรณียกิจสำคัญๆ ของทั้งสองพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และเรื่องผ้าไหมไทย ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงส่งเสริมให้ประชาชนสร้างอาชีพมีรายได้ ในอาคารนี้ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากชนิด โดยเฉพาะช่วงที่เราไปเที่ยวเป็นฤดูฝน จึงมีการนำดอกกระเจียวขาว กล้วยไม้ขาว และดอกหงส์เหิน (ดอก Globba) เป็นช่อห้อยระย้ายาว มาตกแต่งอย่างงดงาม สดชื่นมาก

d28d29

 พวกเราตั้งใจฟังคุณชิมิ บรรยายเรื่องการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างตั้งอกตั้งใจ

d30

เที่ยงแล้ว คุณชิมิ PR สาวสวย พาพวกเราไปพักผ่อน หม่ำอาหารที่ เพ ลาเพลิน จัดไว้ต้อนรับอย่างอบอุ่น แสนอร่อย พร้อมกับดื่มน้ำสตอว์เบอร์รี่คั้นสดบรรจุขวดทำเอง ว้าว! ดื่มแล้วหน้าใสกันทั้งทีมเลยนะครับเนี่ยะ

d31

ช่วงบ่าย เป็นการตะลุยเที่ยวชม “อุทยานไม้ดอกเพ ลาเพลิน” ซึ่งต้องขอชมเชยเป็นส่วนตัวเลยว่า Amazing มาก! เพราะเขาสร้างโรงเรือนขนาดใหญ่หลายหลัง จัดแสดงพรรณไม้ทั้งเฟิน, กล้วยไม้, ไม้กินแมลง, ต้นไม้ทะเลทราย, สับปะรดสี ฯลฯ แต่ละโรงเรือนใหญ่ไม่ใช่เล่น แถมสร้างอย่างลงทุน วัสดุที่ใช้บุหลังคาและผนัง นำเข้ามาจากประเทศอิสราเอลแท้ๆ จึงสามารถกันความร้อน รักษาความเย็นภายในโรงเรือนได้ยอดเยี่ยม แถมยังมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำหยดและใบพัดดูดอากาศ แทนการใช้แอร์ เพื่อประหยัดไฟ ช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วย ว้าว! I LOVE YOU ชอบๆ

d32

ดอก Forget Me Not แม้ไม่ใช่ดอกไม้ไทย แต่ก็เบ่งบานได้เพราะชอบอากาศอบอุ่นเช่นกัน

d33

 ดอกกระเจียวสีชมพู เบ่งบานเฉพาะในช่วงฤดูฝนอันชุ่มชื้นฉ่ำเย็น

d34

 ทุ่งกระเจียวและบรรยากาศกังหันลมแบบเนเธอร์แลนด์ ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ East Meet West เลยน่ะเนี่ยะ

d35d36

 ดูกันใกล้ๆ ชัดๆ กับ ดอกหงส์เหิน หรือ Globba ดอกไม้ขนาดเล็กจุ๋มจิ๋มน่ารักในวงศ์ขิงข่า บานเฉพาะหน้าฝน

d37

โรงเรือนเฟิน (Fern) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุดเลยล่ะ เพราะพอเข้าไปอยู่ข้างในจะรู้สึกสดชื่น เย็นฉ่ำ เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง! มีทั้งเฟินต้นเล็กต้นใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เขาบอกว่าตั้งใจจะจัดสวนให้เหมือนกับป่าดึกดำบรรพ์ในยุคจูราสสิก หรือประมาณ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นยุคไดโนเสาร์ครองโลก! เฟินเด่นๆ ก็มีทั้งเฟินมหาสดำ (หรือเฟินต้น : Tree Fern), เฟินชายผ้าสีดา, เฟินข้าหลวงหลังลาย, เฟินอุ้งตีนหมี, เฟินก้านดำ รวมถึงปรงและปาล์มบางชนิด และอื่นๆ อีกเพียบ แต่อย่าตกใจล่ะ เดี๋ยวเดินๆ ไปอาจจะจ๊ะเอ๋! กับเจ้าไดโนเสาร์ที่แอบอยู่!

d38d39d40

ถัดมาคือ โรงเรือนกล้วยไม้ (Orchid) ที่จัดไว้ในคอนเซ็ปต์กินรี มีน้ำตกเล็กๆ ตั้งอยู่กลางโรงเรือน พร้อมด้วยระบบระบายอากาศแบบน้ำหยด และพัดลมดูดอากาศขนาดยักษ์ ทำให้เกิดการหมุนวนของลมภายใน เย็นสบาย เดินถ่ายรูปกล้วยไม้กันเพลิน เพิ่งรู้ว่าในโลกเรานี้มีกล้วยไม้หลายจำพวก ทั้งกล้วยไม้ดิน และกล้วยไม้ที่ขึ้นอิงอาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ นับเป็นพรรณไม้มหัศจรรย์ที่มีดอกสวยงามน่าหลงใหลราวกับสาวแรกแย้ม

d41

 กล้วยไม้ดินแสนน่ารัก สีชมพูหวาน ชื่อ เอื้องดินใบไผ่ (หรือหญ้าจิ้มฟันควาย ตามภาษาชาวบ้าน)

d42

ใกล้ๆ กัน คือ โรงเรือนสับปะรดสี (Bromeliad) ซึ่งเป็นพรรณไม้ญาติสนิทกับสับปะรดที่เรากินกัน มันเป็นพืชที่มีใบและดอกสีสันสดใส หลากหลายมาก ทุกวันนี้ผู้คนนิยมปลูกเลี้ยงไว้ประดับสวนดูเล่น แต่อย่าทำเป็นเล่นไป เพราะพืชวงศ์สับปะรดสี มีด้วยกันทั่วโลกกว่า 3,170 ชนิด! นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทำให้หลายคนร่ำรวยจากการปลูกขายมาแล้ว โรงเรือนนี้เขาจัดไว้ในคอนเซ็ปต์โลกใต้สมุทร มีนางเงือกกับน้องปลาการ์ตูนนีโม่ โดยใช้สับปะรดสีสมมิว่าเป็นปะการัง

d43

 สับปะรดสี หรือ Bromeliad

d44

ดอกกระบองเพชร

d45

 ผีเสื้อตัวน้อยกำลังไต่ตอมดอกสับปะรดสี

d46

 ในโรงเรือนสับปะรดสี ยังมีไม้กินแมลงอันน่าฉงน อย่าง หม้อข้าวหม้อแกงลิง ขนาดใหญ่ให้ชมกันด้วย

d47

จากโรงเรือนที่ดูแน่นทึบชุ่มชื่นที่ผ่านมา ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงทวีปแอฟริกาอันร้อนแล้ง เอ้ย.. ไม่ใช่ มาถึง โรงเรือนพรรณไม้ทะเลทราย (Desert Plant) พวกกระบอกเพชร และปาล์มต่างๆ ขอชมว่าจัดได้สวย น่าเดินมากครับ เพราะเขาสร้างเป็นคอนเซ็ปต์พีระมิดกับฟาร์โรห์ มีการสร้างมหาพีระมิดแห่งกีซ่าจำลอง ให้เราเดินลอดเข้าไปจ๊ะเอ๋ กับฟาร์โรห์ตุตันคามุนด้วย! แถมยังมีการการนำกระบองเพชรรูปทรงแปลกพิสดาร สีสวยๆ มาปลูกเลี้ยงไว้เพียบ โรงเรือนนี้อาจจะร้อนอบอ้าวนิดนึง เพราะเขาต้องรักษาอุณหภูมิให้คล้ายทะเลทรายจริงๆ นะครับ

d48d49

โรงเรือนสุดท้ายที่คุณชิมิพาชมก็คือ โรงเรือนวิถีไทย ซึ่งมีการจำลองบ้านไทยอีสาน กองฟาง และน้องควายแสนน่ารัก ยืนต้อนรับผู้มาเยือน โดยเขามีการปลูกดอกหน้าวัวสีแดงไว้เป็นพระเอก แถมยังมีผ้าไทยอีสานเผ่าต่างๆ จัดไว้ให้ชมกันอย่างใกล้ชิดด้วย เห็นหุ่นน้องควายแล้วนึกถึงควายไทย เพราะของจริงมันเหลือน้อยใกล้สูญพันธุ์แล้ว ถูกคนจับไปกินเกือบหมด! ทั้งๆ ที่ควายเป็นสัตว์น่ารัก ซื่อสัตย์ และเราเคยมีข้าวกินกันก็เพราะน้องควายนี่ล่ะ

d50

ถ้ามีเวลาพอ เราก็อยากจะ Check In เข้าพักที่เพ ลาเพลิน เพราะเขามีโรงแรมแสนน่ารัก จัดเป็นคอนเซ็ปต์ต่างกันไปในแต่ละห้อง ตามชื่อประเทศ ไม่ว่าจะเป็นห้องอังกฤษ, ห้องญี่ปุ่น, ห้องเกาหลี, ห้องเวียดนาม ฯลฯ ขอฝากไว้ก่อนละกันนะไว้โอกาสหน้าจะต้องมานอนเล่นในห้องอังกฤษให้ได้เลย เผื่อจะเก่งภาษาอังกฤษกะเขามั่งนะสิ ฮาฮาฮา

d51

โบกมือ บ้ายบาย เพ ลาเพลิน กลับเข้าเมืองบุรีรัมย์ก็สี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว! พร้อมกับหอบเอาภาพจดจำดีๆ เรื่องราวสนุกๆ กลับมาด้วยเพียบ เป็นใครก็ต้องหมดแรง เที่ยวเล่นสนุกสนานกันตั้งแต่เช้าจดเย็นซะขนาดนี้ ท้องร้องจ๊อกๆๆๆๆ เลยจอดรถที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ดู เพราะได้ข่าวว่าที่นี่มีลูกชิ้นทอดอร่อยๆ ให้ชิมกันด้วยจ้า… แต่แค่เจ้าแรกก็ต้องอึ้ง เพราะนี่มัน “ลูกชิ้นนางฟ้า” ชัดๆ น้องน่ารัก ยิ้มหวานซะขนาดนี้ เหมือนใจพี่จะละลาย เคลิ้มไปเลยนะจ๊ะ อิอิ

d52

จุดนี้มีรถเข็นขายลูกชิ้นทอดเรียงรายกันอยู่เกือบ 10 ร้าน แต่ละร้านก็มีสูตรน้ำจิ้มต่างกันไป แต่โดยมากจะมีรสเผ็ดและหวานนำ ทุกร้านจะมีลูกชิ้นกับไส้กรอกทำเองให้เลือกหลายสิบแบบ! เขาจะเอามาทอดในกระทะใบใหญ่น้ำมันร้อนฉ่า! แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์สุดๆ ก็ต้องยืนกินที่หน้าร้านเลย เขามีหม้อน้ำจิ้ม พร้อมผักแกล้ม เป็นพวกกะหล่ำปลีกับแตงกวาให้ฟรีด้วย ราคาก็ไม่แพง แค่ไม้ละ 5 บาท เราเลยกินกันเพลิน เพราะเผลอใจให้น้องนางฟ้าร้านขายลูกชิ้น!

d53d54

 แค่ร้านแรก ก็ยืนจิ้มกินกันไปเกือบ 20 ไม้แล้ว! นี่พวกเรามันสายแข็งชัดๆ!

d55

โชคดีนะ มาถึงบุรีรัมย์ในวันศุกร์พอดี เลยได้มีโอกาสไปดูการแข่งมอเตอร์ไซค์ทางตรง Drag Bike ในช่วงหัวค่ำ ซึ่งอันนี้เป็นการแข่งแบบไม่เป็นทางการครับ โดยทุกคืนวันศุกร์เขาจะมีการเปิดลู่วิ่งพิเศษ ในถนนด้านข้างสนามฟุตบอล i-Mobile ให้สิงห์นักบิด Bike Boy Bike Girl ทั้งหลาย นำรถของตัวเองที่ปรับแต่งมาแรงแค่ไหนก็ได้ มาวิ่ง Test กันอย่างสุดมัน! บรรยากาศของผู้ชมเรือนหมื่น และมอเตอร์ไซค์ที่รอเข้าแข่งอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 คันเป็นอย่างน้อย! ทำให้เสียงกระหึ่ม เร้าใจ ตื่นเต้นมากๆ โดยเฉพาะวินาทีปล่อยตัวรถออกจากเส้น START นั้น จะมันสุด เพราะส่วนใหญ่จะมีการยกล้อโชว์ ทำให้ผู้ชมเฮกันลั่นสนาม ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาผมก็ไม่เชื่อเลยว่า ทุกวันนี้คนบุรีรัมย์เขาจะคลั่งไคล้กีฬาแข่งรถกันมากถึงขนาดนี้!!!

d56d57d58

นี่แค่วันแรก เรายังตะลุยเที่ยวกันซะจดหมดแรงขนาดนี้ ขอพักให้เต็มอิ่มหน่อยเถอะ เมื่อยไปหมดแล้ว โชคดี คุณพิมหัวหน้าทีมของเรา จองโรงแรมดี้ดีมาล่วงหน้า ชื่อ “บ้านเตอร์ รีสอร์ท” อยู่ห่างจากสนามฟุตบอล i-Mobil แค่ 3-4 กิโลเมตรเอง แถมในห้องของผมยังมีปลาโลมาว่ายอยู่ในอ่างน้ำใหญ่เบ้อเริ่มด้วย! Amazing Buriram Style ฮาฮาฮา มีน้องโลมาจ้องผมทั้งคืน! เดินทางไปเที่ยวมาก็เกือบทั่วไทย ไปเที่ยวมาก็หลายประเทศ ไม่เคยมีแบบนี้เลยอ่ะจ้า! จ๊าก!

d59

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-2/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-3/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-4/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-5/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/17/happy-buriram-ttbn08/

ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TATlogo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram