เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 3)

d60

วันที่ 4 ของการตระเวนกินเที่ยวบุรีรัมย์ เป็นคิวของการออกไปทำความรู้จักกับที่เที่ยวในอำเภออื่นนอกจากอำเภอเมืองกันบ้าง ช่วงเช้า พอหายงัวเงียแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปอำเภอประโคนชัย ผ่าน “ถนนสายกุ้งจ่อม” อันมีชื่อเสียง เพราะว่าอำเภอประโคนชัยถือเป็นศูนย์กลางการผลิต “กุ้งจ่อม ปลาจ่อม” แสนอร่อย ผู้คนนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้านกัน

กุ้งจ่อม ปลาจ่อม เป็นการถนอมอาหารแบบลูกอีสานแท้ๆ วิธีทำก็ไม่ยาก โดยการนำกุ้งหรือปลาตัวเล็กๆ มาใส่ไหหรือโอ่ง หมักกับเกลือและข้าวคั่วไว้เป็นระยะเวลานานพอประมาณ ความร้อนจากการหมักจะทำให้เนื้อกุ้งหรือเนื้อปลาสุกหอม พอเปิดไหมาก็จะมีกลิ่นคล้ายปลาร้า! แต่กลิ่นไม่แรงเท่าครับ วิธีกินก็มีหลากหลาย อาจนำมาใส่สำรับกับข้าว ซอยหอมแดง พริกขี้หนู บีบมะนาวลงไป กินกับข้าวร้อนๆ แซ่บอีหลีเด้อ! แต่ว่าการกินกุ้งจ่อม ปลาจ่อม แบบสด อาจจะดู Hardcore เกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ทุกวันนี้เขาเลยมีแบบทำสุกบรรจุกระปุกขายด้วย ราคาไม่แพง บนถนนสายกุ้งจ่อมมีให้เลือกเป็นสิบๆ ร้าน เรียงรายกันครับ หลายคนคงเริ่มน้ำลายสอแล้วสิ!

d110 d111

นี่ล่ะครับ หน้าตาของกุ้งจ่อมประโคนชัย

d112

จากอำเภอประโคนชัย ขับรถไปเพลินๆ ชมทุ่งนาเขียวขจีสองฟากฝั่งถนน อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย เย็นชื่นใจ เพราะเช้านี้ไม่มีพระอาทิตย์ให้เห็น เหมือนกับฝนตั้งเค้ามาแต่ยังไม่ตกสักที กระทั่งมาถึง “ปราสาทพนมรุ้ง” มหาปราสาทขอมที่ตั้งอยู่บนภูเขาไฟซึ่งดับสนิทแล้ว นี่ล่ะหนึ่งในจุดหมายหลักของเราในวันนี้ ซื้อตั๋วเข้าครั้งเดียว สามารถนำไปเข้าชม “ปราสาทเมืองต่ำ” ที่อยู่ใกล้กันได้อีกด้วย ประหยัดดี อย่างนี้ทีมเราชอบมากๆๆๆๆๆๆ ฮาฮาฮา

สังเกตน้องพัชชี่ยิ้มหวาน วันนี้ใส่เสื้อลายสวยที่ซื้อจากถนนคนเดินเซราะกราวเมื่อวานด้วยล่ะ นั่นแน่…

d113

ทุกวันนี้ การขึ้นไปชมปราสาทพนมรุ้งทำได้ 2 วิธี คือขับรถอ้อมขึ้นไปจอดด้านหลังปราสาทได้เลย ใครที่เริ่มยอมรับว่าตัวเองอายุเยอะแล้ว! หรืออาจจะพาเด็กๆ กับญาติผู้ใหญ่ไปด้วย ใช้วิธีนี้ก็สะดวกโยธินดี แต่พวกเราเลือกอีกวิธีครับ เพราะรู้ว่าตัวเองยังฟิตปั๋งอยู่! ฮาฮาฮา เลยชวนกันเดินขึ้นบันไดด้านหน้าปราสาท เพื่อย้อนรำลึกถึงอดีตพนมรุ้งในทุกย่างก้าวที่ผ่านไป พอดีวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เลยมีนักท่องเที่ยวหนาตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชาวต่างชาติครับ แสดงให้เห็นว่าบุรีรัมย์เขา INTER ไม่เบาทีเดียว
d114 d115

ทางเดินขึ้นพนมรุ้งนี้ เราจะต้องผ่านสะพานนาคราช ซึ่งชาวขอมโบราณเชื่อว่าเป็นทางเชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์ครับ และสิ่งที่น่าแวะชมก็คือ นาค 5 เศียรที่บันไดนาคราชนี้เอง เพราะถือว่ามีความสวยงาม และสง่าน่าเกรงขามมาก
d116

พอพ้นจากบันไดนาคราชขึ้นมา ก็เจอบาราย หรือสระน้ำเล็กๆ ที่มีบัวสายสีเหลืองเบ่งบานรับแสงตะวันอุ่น เบื้องหน้าของเราบัดนี้คือปราสาทพนมรุ้งแล้วล่ะครับ พนมรุ้งทำให้เราลืมความเหนื่อยและเหงื่อที่ซึมอยู่เต็มหลังไปหมดสิ้นเลยd118ในที่สุดก็มาถึงแล้วจ้า ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทหินทรายสีชมพูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอีสาน สร้างขึ้นเพื่อถวายองค์พระศิวะตามความเชื่อของฮินดูโบราณ โดยตัวมหาปราสาทตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว! สูงจากพื้นดินที่ราบเบื้องล่างถึง 200 เมตร! โดยคำว่า พนมรุ้ง แผลงมาจากภาษาเขมรว่า วนํรุง แปลว่า ภูเขาใหญ่ นั่นเอง

พนมรุ้งได้รับการออกแบบให้เป็นตัวแทน เขาพระสุเมรุ ตามคติความเชื่อของพราหมณ์โบราณ โดยเขาพระสุเมรุทำหน้าที่เป็นแกนหลักของโลกและจักรวาลครับ ว้าว ลึกซึ้งจริงๆ

d119

นอกจากตัวปราสทที่ยิ่งใหญ่งดงามจนเราต้องตะลึงแล้ว ให้ลองเงยหน้าขึ้นไปสังเกตทับหลังเหนือซุ้มประตูด้านทิศเหนือ ของปรางค์ประธาน เราจะพบกับ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” อันโด่งดัง เพราะทับหลังชิ้นนี้เคยถูกโจรกรรมไปจากพนมรุ้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก สหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทย นำโดยรัฐบาล และหม่อมเจ้าสุภัทรดิส ดิศกุล  ก็ได้ทับหลังชิ้นนี้คืนมา ทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี ในปี พ.ศ. 2531 ใครไม่รู้จักทับหลังชิ้นนี้ ลองไปฟังเพลงของพี่แอ๊ดคาราบาวดูนะครับ แล้วจะซึ้ง! น้ำตาจิไหล!

d120

ใจกลางปรางค์ประธานพนมรุ้ง เป็นที่ตั้งของศิวลึงค์บนฐานโยนี ซึ่งชาวขอมโบราณเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นต้นกำเนิดของความอุดมสมบูรณ์ทั้งหลาย (เหมือนการรวมกันของหญิงและชาย) สมัยโบราณทุกวันพราหมณ์จะนำน้ำและน้ำนมโคบริสุทธิ์ มาอาบรดบนศิวลึงค์ แล้วปล่อยให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมาทางรางหินนี้ครับ
d121 d122

จากปราสาทพนมรุ้ง มองลงไปเบื้องล่างเห็นทุ่งราบของผืนนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สดชื่นมากในยามฤดูฝนเช่นนี้

d123

แม่ใหญ่ Hipster Buriram Style ก็มาเที่ยวพนมรุ้งกะเขาด้วยล่ะเด้อ!
d124

ความมหัศจรรย์อีกอย่างของพนมรุ้ง ที่ควรหาเวลามาชมอย่างยิ่งคือ ทุกปีจะมีอยู่ 2 ช่วง ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ตรง 15 ช่องประตูของปรางปราสาทประธาน ได้อย่างน่าอัศจรรย์! โดยจะแลเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงทั้ง 15 ช่องประตูได้ ในช่วงเดือนกันยายน ส่วนพระอาทิตย์ตก ตรง 15 ช่องประตู อยู่ในช่วงเดือนเมษายน ผู้คนจะหลั่งไหลไปชมปรากฏการณ์อันน่าฉงนนี้นับหมื่นๆ คน!

d125

ห่างจากปราสาทพนมรุ้งเพียง 8 กิโลเมตร บนพื้นที่ราบต่ำใกล้บาราย (หรือสระน้ำขนาดใหญ่) คือที่ตั้งของ “ปราสาทเมืองต่ำ” ปราสาทหินทรายอันแสนพิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสระน้ำล้อมรอบ สี่มุมประดับด้วยนาค 5 เศียร ซึ่งเป็นนาคหัวโล้น ไม่ใช่นาคทรงเครื่องแบบที่พบในปราสาทพนมรุ้ง

d126 d127 d128

แม้จะไม่ใช่ปราสาทขนาดใหญ่โตนัก แต่ด้วยรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมขอมอันประณีต มีปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นกลุ่มปรางค์ประธาน ถือว่าหาได้ยากยิ่ง คนที่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี มาเที่ยวที่นี่คงจะรู้สึกเหมือนได้เดินย้อนอดีตไปในทุกย่างก้าว แถมยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ให้เลือกกันเพียบ d129

รายละเอียดอันอ่อนช้อยงดงามพลิ้วไหว ในลวดลายของทับหลังชิ้นหนึ่งที่ปราสาทเมืองต่ำ

d130.1

เมื่อหลายปีก่อนเคยไปเที่ยวปราสาทเมืองต่ำครับ พอดีเขามีงานแสดงแสงสีเสียง แอบไปจ๊ะเอ๋กับนางอัปสราหน้าหวาน แถมใส่เหล็กดัดฟันด้วย ฮาฮาฮา ทำให้ปราสาทเมืองต่ำมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยเด้อd130

ไม่ห่างจากปราสาทเมืองต่ำ ระหว่างทางเราไปสะดุดตากับป้ายคำขวัญหมู่บ้าน ของ “บ้านเจริญสุข” อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้ข่าวมาว่าเป็นแหล่งผลิตผ้าภูอัคนีที่หาได้ยาก มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ตรงกับคำขวัญหมู่บ้านเลย ที่บอกว่าเป็นถิ่นภูเขาไฟ ทางไหลลาวา! น่าตื่นเต้นดี เราเลี้ยวรถเข้าไปแวะทักทายชาวบ้านสักหน่อยดีกว่าเนอะ
d131 d132

นี่ล่ะครับ ผ้าภูอัคนี ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายผ้าไหมทอมือ แล้วนำไปหมักในโคลนภูเขาไฟ แร่ธาตุในดินลาวาจากภูเขาไฟโบราณ ก็จะค่อยๆ ทำปฏิกิริยากับเนื้อผ้าและอากาศ จนเกิดเป็นสีส้มอมน้ำตาลอ่อนๆ สวยงาม ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ ถือเป็นความภูมิใจในภูมิปัญญาของชาวบ้านเจริญสุข จนสร้างชื่อเสียงเป็นหมู่บ้าน OTOP Village Champion ไปแล้วล่ะจ้า

d133

นอกจากผ้าภูอัคนีแล้ว บ้านเจริญสุขยังเก่งด้านการทอเสื่อกกอีกด้วยd134

ลำใยที่ปลูกจากดินภูเขาไฟบ้านเจริญสุข รับรองหวานกรอบ อุดมด้วยแร่ธาตุจากภูเขาไฟแท้ๆ ฮาฮาฮา

d135

มีลำใยภูเขาไฟยังไม่พอ ยังมีถั่วเขียวภูเขาไฟด้วย เอากะเขาสิ d136

สุดท้ายก็ต้องนี่เลย ของฝากที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คือ ข้าวหอมมะลิ 105 ที่ปลูกบนดินภูเขาไฟบ้านเจริญสุข

d137

นี่ก็บ่ายสองกว่าแล้ว แต่เรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลยนิ!!! ได้ยินเสียงพลขับบอกว่าเร่ิมจะไม่ไหว ส่วนคุณพิม น้องพัชชี่ และตัวผมเอง ก็ท้องร้องจ๊อกๆ มาตั้งนานแล้ว เราเลยตัดสินใจแวะที่ตลาดอำเภอละหานทราย กินอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ แล้วแวะเข้าไปซื้อเสบียงในตลาดสด ทั้งผัก หมู ไข่ เครื่องปรุง รวมถึงน้ำ ขนม กับมาม่าคัพ! เพราะคืนนี้เราต้องเข้าไปนอนในป่ากัน!!!

ผมรักชีวิตการเดินทางก็เพราะอย่างนี้ล่ะ เพราะมันสอนให้เราเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ปรับตัวง่าย และเข้าใจสัจธรรมของชีวิต
d138

ที่ตลาดอำเภอละหานทราย มีแมลงทอดด้วย ถือเป็นโปรตีนธรรมชาติที่มีราคาถูก ซึ่งลูกอีสานนิยมกินกันมากครับ

d139

จากอำเภอละหานทราย ใช้ทางหลวงสาย 2120 มุ่งตรงไปอำเภอโนนดินแดง ซึ่งถือเป็นอำเภอในส่วนใต้สุดของบุรีรัมย์ ติดกับจังหวัดสระแก้วแล้วจ้า เรากำลังมุ่งหน้าไปสัมผัสส่วนเสี้ยวหนึ่งของ ป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในพื้นที่ของ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” จ้า วันนี้อากาศดีมาก หวังว่าเราคงจะโชคดี

หลังจากเข้าไปพูดคุยกับท่านหัวหน้าเขตฯ แล้ว เราก็ได้ พี่ยักษ์ แห่งหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ เข้าป่าทางด้านจุดสกัดโคกเพชร แล้วจอดรถรอดวงอาทิตย์ให้คล้อยลงต่ำ แสงอ่อนกว่านี้อีกหน่อย เพื่อรอช้างป่าออกมาโชว์ตัวไงล่ะจ๊ะ! ตื่นเต้นจังd140 d141

สภาพพื้นที่ของป่าดงใหญ่ในบริเวณนี้ อดีตเคยถูกชาวบ้านบุกรุกเข้าแผ้วถางทำไร่ยูคาลิปตัสมาก่อน โดยปัจจุบันทางราชการได้ขอคืนพื้นที่ แล้วเตรียมผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของป่ามรดกโลกแล้ว

ดูแม่ไม้ใหญ่ที่ยืนต้นโดดเดี่ยวนั่นสิ นั่นคือร่องรอยของผืนป่าดงพญาเย็นที่เคยยิ่งใหญ่ ครอบคลุมภาคอีสานตอนล่างทั้งหมด หวังว่าป่าคงฟื้นตัวได้ในเร็ววันนะ (ผมแอบหวังอยู่คนเดียวลึกๆ) d142

ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเต็มที อุณหภูมิสีบนฟากฟ้าเปลี่ยนเป็นโทนสีเหลืองส้ม งดงามจับใจสุดๆ ท้องฟ้าที่นี่กว้างมาก มองไปรอบตัวได้ 360 องศาเลย เหมือนมีฟ้ากว้างมาครอบตัวเราไว้ ห่างไกลเมืองใหญ่ เรากำลังตกอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติโดยแท้!d143 d144 d145 d146 d147

ในขณะที่แสงตะวันสุดท้ายกำลังใกล้จะหมดลงเต็มที ในที่สุดก็มีน้องช้างป่าแสนน่ารักโผล่ออกมาจากแนวป่า! ค่อยๆ เดินดุ่มอย่างเงียบเชียบออกมากินหญ้าอยู่กลางทุ่งโล่ง แม้จะเห็นจากระยะไกล แต่ก็รู้ได้เลยว่าพี่ช้างเขาตัวใหญ่เบิ้มแค่ไหน วินาทีนั้นตื่นเต้นสุดๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย เพราะการได้มาเห็นช้างป่าในธรรมชาติ ซึ่งมีความสง่างาม หากินอยู่อย่างอิสระเสรีอย่างนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่มีไม่กี่คนในโลกหรอกจะได้พานพบ!
d148อ๋อง 2 d149

เนื่องจากป่าดงใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของป่ามรดกโลก และอยู่ใกล้กับชายแดนเขมร จึงยังมีช้างป่าอยู่เยอะ ช้างเป็นสัตว์สังคมนะครับ ฝูงใหญ่จริงๆ มีแต่ตัวเมียกับตัวเด็ก ส่วนตัวผู้ที่เป็นช้างพลายจะแยกออกไปอยู่โดดเดี่ยว และจะกลับเข้ามาเฉพาะฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น โขลงช้างจึงมีตัวป้าตัวยายเป็นผู้นำ และมีแม่ๆ น้าๆ พี่สาว ช่วยกันเลี้ยงเด็ก น่ารักมาก
d150

ชื่นชมน้องช้างกันอยู่พักใหญ่ จนสิ้นแสงตะวันมองอะไรไม่เห็น เราเลยเคลื่อนพลต่อเข้าไปอีกตามหนทางสมบุกสมบันในป่า กลิ่นของต้นไม้ และเสียงของแมลงที่ออกหากินกลางคืน ช่างมีเสน่ห์เสียนี่กระไร! รถเราค่อยๆ แล่นเข้าไปอย่างเชื่องช้า และเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าโชคดี ก็อาจจะเจอสัตว์ใหญ่ จนกระทั่งถึง หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่เฝ้าป่าเพียงไม่กี่คน เสียสละ น่าชื่นชมมาก แถมยังต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์

ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนจะอยู่ได้นะครับ ต้องเป็นคนที่รักษ์ป่าจริงๆ เท่านั้น ขอปรบมือชื่นชมเลย
d151

ก่อนนอน ตามธรรมเนียมของคนอยู่ป่า เราก็ต้องมารวมตัวกันในที่ที่พอมีแสงไฟ คือครัว นั่งกินข้าวเหนียวไก่ย่างที่ซื้อมาจากตลาด จากนั้นก็ต้มน้ำร้อนชงกาแฟกิน ตั้งวงสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องสัตว์ป่ากันอย่างสนุกสนานเฮฮา หวังว่าพรุ่งนี้ ธรรมชาติคงจะมีของขวัญล้ำค่ามอบให้พวกเรา ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาไกลนะครับ…LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *