ภาคใต้

พาตัวและหัวใจ ไปเที่ยวทะเล “ระนอง”

เกาะค้างคาว 1ระนอง ไม่ใช่จังหวัดที่มีชื่อเสียงเฉพาะการเป็นเมือง “ฝน 8 แดด 4” เท่านั้น ทว่าชายฝั่งที่ยาวเหยียดถึง 109 กิโลเมตร เลียบทะเลอันดามันอันแสนสวยงาม ทำให้ระนองอาบอิ่มด้วยธรรมชาติหาดทรายชายทะเลและเกาะแก่งน้อยใหญ่ มากมาย ไล่ตั้งแต่เกาะช้าง, เกาะพยาม, เกาะค้างคาว, เกาะญี่ปุ่น, หมู่เกาะกำ ฯลฯ เที่ยวได้ตลอดปี แต่จะสวยสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ใครที่หลงใหลในมนต์สเน่ห์ของแสงแดด สายลม และเกลียวคลื่น จะรอช้าอยู่ใย รีบลงเรือตามเรา Go Travel Photo ไปโล้คลื่น แหวกว่ายน้ำทะเลใสๆ กันเถอะ

เกาะค้างคาว 2

เริ่มต้นทำความรู้จักกับกับ มนต์เสน่ห์ทะเลระนอง ด้วยการนั่งเรือหัวโทงแบบปักษ์ใต้ ไปสู่ “เกาะค้างคาว” เกาะใหญ่ที่มีน้ำทะเลใสแจ๋ว หาดทรายเป็นสีเหลืองนวลอ่อนๆ สบายตา ที่ได้ชื่อว่าเกาะค้างคาว เพราะบนเกาะมีถ้ำของพวกค้างคาวแม่ไก่ฝูงใหญ่ ที่จะพากันบินออกหากินในเวลาพลบค่ำ แล้วจะกลับคืนถิ่นมาตอนรุ่งสาง

เกาะค้างคาว 4

นอกจากจะมีหาดทรายที่บริสุทธิ์ สวย สะอาด และนุ่มเท้าแล้ว เกาะค้างคาวยังมีหาดหินที่ให้ความรู้สึกแปลกตาจริงๆ

เกาะค้างคาว 5

ช่วงเวลาอันน่าจดจำที่เกาะค้างคาว จ.ระนอง

เกาะค้างคาว 6

หาดทรายขาวหน้าเกาะค้างคาว เป็นจุดที่เรือนำเที่ยวจะมาจอด แล้วปล่อยให้เราได้ลงไปสัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์

เกาะค้างคาว 7 เกาะค้างคาว 8 เกาะค้างคาว 9

ช่วงเวลาแห่งความสุข กับการปล่อยตัวและหัวใจ นอนลงสัมผัสหาดทรายนุ่มๆ มีคลื่นเบาๆ สาดซัดเข้ามาสัมผัส เป็นการช๊าตแบตเตอร์รี่ชีวิต ณ เกาะค้างคาว

เกาะค้างคาว 10 เกาะค้างคาว 11 เกาะค้างคาว 12 เกาะค้างคาว 13

จะว่าไปแล้ว หาดหินบนเกาะค้างคาว ก็มีลักษณะคล้ายกับเกาะหินงาม ที่หมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล เหมือนกันนะ

เกาะค้างคาว 14 เกาะค้างคาว 15 เกาะค้างคาว 16 เกาะค้างคาว 17 เกาะค้างคาว 18เกาะญี่ปุ่น 1

 ออกจากเกาะค้างคาว รีบเร่งเครื่องเรือโล้คลื่น ตรงไปสู่ “เกาะญี่ปุ่น” กันดีกว่าพวกเรา

เกาะญี่ปุ่น 2เกาะญี่ปุ่น 3

 เกาะญี่ปุ่น เป็นเกาะไม่ใหญ่นัก เด่นด้วยความสงบงามของธรรมชาติ น้ำทะเลหน้าเกาะเป็นสีเขียวมรกตใสแจ๋ว ราวกับแก้วเจียระไนไม่มีผิด! เลยออกไปนิดมีแนวปะการังน้ำตื้นให้ดำน้ำกันอย่างสนุกสนานด้วยล่ะ

เกาะญี่ปุ่น 4เกาะญี่ปุ่น 5เกาะญี่ปุ่น 6เกาะญี่ปุ่น 7เกาะญี่ปุ่น 9

 จากหน้าหาดเกาะญี่ปุ่น มีเส้นทางเดินป่าระยะแค่ไม่กี่ร้อยเมตร นำเราเข้าไปชมร่องรอยประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกย่างก้าวบนเกาะนี้จึงเปรียบได้กับการย้อนอดีตริมฝั่งอันดามัน

เกาะญี่ปุ่น 10

 ที่มาของชื่อ เกาะญี่ปุ่น ก็เพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะนี้เคยใช้เป็นสถานที่ทำครัวของทหารญี่ปุ่น ปัจจุบันยังมีร่องรอยสิ่งก่อสร้าง โรงครัว ฐานเสา และแท่นปูน เหลือให้ชม

เกาะญี่ปุ่น 11

 ส่วนหนึ่งของซากบ่อน้ำเก่า ที่ทหารญี่ปุ่นใช้ในโรงครัวบนเกาะญี่ปุ่น

เกาะญี่ปุ่น 12

 ด้านหลังเกาะญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นโขดหินใหญ่ ลาดชัน เล่นน้ำไม่ได้ ยกเว้นว่าถ้าเรามีอุปกรณ์ดำน้ำลึกแบบ SCUBA ก็อาจจะลงไปดำน้ำสำรวจได้อย่างน่าตื่นเต้น

เกาะกำ 1.1

 ล่องเรือต่อไปยัง “เกาะกำ” ส่วนหนึ่งของ หมู่เกาะกำ แห่งอุทยานแห่งชาติแหลมสน ประกอบด้วยเกาะกำใหญ่ เกาะกำนุ้ย เกาะญี่ปุ่น ฯลฯ เกาะนี้เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีหาดทรายทอดยาว เด่นด้วยแนวสนทะเลและหูกวางให้ร่มเงา ส่วนน้ำก็ใสแจ๋วไม่แพ้เกาะอื่นๆ เลยล่ะ

เกาะกำ 1เกาะกำ 2

 Unseen ทะเลระนอง ทะเลแหวกหน้าเกาะกำ

เกาะกำ 3เกาะกำ 4เกาะกำ 5

 อ่าวเขาควาย แห่งเกาะกำ ทอดยาวเชื่อมกับสันทรายทะเลแหวก เป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด

เกาะกำ 6เกาะกำ 8.1เกาะกำ 8เกาะกำ 10.1

 สันทรายทะเลแหวกเกาะกำ มีซากปะการังขึ้นมาเกยตื้นหลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อหลายปีก่อน

เกาะกำ 11เกาะกำ 12

 บนเกาะกำ มีป่าสนทะเลสร้างความร่มเย็นแก่นักท่องเที่ยว ใบสนร่วงลมมาปูเป็นผืนพรมธรรมชาติสีน้ำตาลอ่อน เดินนุ่มเท้า นอกจากนี้ยังมีต้นบุกป่าขึ้นเป็นไม้บุกเบิกคลุมดิน สร้างภูมิทัศน์แปลกตา เกาะนี้เข้ามีกฎว่า ทุกคนต้องเก็บขยะไปให้หมด ส่วนใครที่มาปิกนิกกินข้าว เขาห้ามใช้ภาชนะโฟร์มหรือพลาสติกนะ และที่สำคัญคือห้ามค้างคืนบนเกาะ

เกาะกำ 13ท่าเรือแหลมสน บางเบน 1

 ชายหาดบริเวณ ท่าเรืออุทยานแห่งชาติแหลมสน ตอนเช้าๆ น้ำทะเลลดระดับออกไปไกลเป็นกิโลเมตร ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่พากันมาลงเรือไปสัมผัสสายลม แสงแดด และเกลียวคลื่นของอันดามัน

ท่าเรือแหลมสน บางเบน 2ท่าเรือแหลมสน บางเบน 3ท่าเรือแหลมสน บางเบน 4ท่าเรือแหลมสน บางเบน 5ท่าเรือแหลมสน บางเบน 6

 เรือนำเที่ยวของอุทยานแห่งชาติแหลมสน คือ เรือหัวโทง (เรือหางยาว) ของชาวบ้าน ที่ดัดแปลงเพื่อการท่องเที่ยว ทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยด้วย และอย่าลืมคดข้าว ขนม น้ำ ไปกินแก้หิวด้วยล่ะ เพราะตามเกาะต่างๆ ไม่มีร้านค้านะจ๊ะ

ท่าเรือแหลมสน บางเบน 7

 Traveler’s Guide : ท่องเที่ยวได้ดีที่สุด ฟ้าสวย ทะเลใส ปลอดโปร่งไร้คลื่นลมแรง ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน โดยติดต่อหาเรือเช่าออกไปดำน้ำ หรือเที่ยวทะเลได้ที่ อุทยานแห่งชาติแหลมสน บ้านบางเบน ตำบลม่วงกลาง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง โทร. 0-7786-1431-2, 0-7786-1442 / ที่พัก แนะนำ FARM HOUSE HOTEL อำเภอเมืองระนอง โทร. 0-7783-2707,  08-7278-4224

LOGO TAT

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง

สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6

Nikon logo 1

Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd. 

สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

OK เบตง เมืองมหัศจรรย์ใต้สุดแดนสยาม

b2

“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” นี่คือสโลแกนท่องเที่วของดินแดนสุดแสน Amazing อำเภอเบตง” จังหวัดยะลา ที่ต้องบอกเลยว่ามีทั้งความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมผสมกลมกลืน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนภาคใต้ตอนล่างเขานิยมไปพักผ่อนตากอากาศกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง

b3.1

ใครหลายคนอยากมาพักผ่อนตากอากาศ เนื่องจากเบตงเป็นเมืองในอ้อมกอดขุนเขาใหญ่โดยรอบ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกาลาคีรีกั้นพรมแดนไทย-มาเลเซีย สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,590 เมตร อากาศของเบตงจึงเย็นสบายตลอดปี หน้าร้อนไม่ร้อนอบอ้าว ส่วนหน้าหนาวเย็นเจี๊ยบจับใจไม่แพ้ภาคเหนือ แถมยังมีทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ให้ชมกันด้วย!

b3 b4

“ทะเลหมอกเขาไมโครเวฟ” ที่ตำบลอัยเยอร์เวง บนถนนหมายเลข 410 ตรงช่วง กม. 33 เป็นทะเลหมอกที่ Amazing มาก เพราะเราสามารถเที่ยวได้เกือบตลอดปี! โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ยิ่งถ้าเป็นวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ เหมือนธรรมชาติจะเป็นใจ บันดาลให้เกิดทะเลหมอกสีขาว หนาแน่นราวกับปุยนุ่น ลอยอ้อยอิ่งอาบแสงอาทิตย์ยามเช้าให้เราได้ตื่นตะลึงงงงันกันไปทุกคน! ผมขอ Confirm เลยว่า นี่คือธรรมชาติ Unseen เป็นทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ และสู้ทะเลหมอกทางภาคเหนือได้สบาย!

b5 b6.1 b6.2

ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “เบตง” หลายคนคงยังนึกไม่ออกว่าหน้าตาเมืองนี้จะเป็นยังไง ก็ให้ลองจินตนาการถึงเมืองเล็กๆ อันสงบงาม โดยมีเทือกเขาน้อยใหญ่รายล้อมอยู่เหมือนปราการธรรมชาติ ในตัวเมืองมีตึกสูงอยู่ไม่กี่ตึก เวลามาเที่ยวเมืองนี้เราจึงยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเก่าๆ แบบย้อนอดีต หน้าตาของคนที่นี่ก็มีสองกลุ่มใหญ่ผสมกลมกลืนกัน คือชาวจีน และพี่น้องชาวอิสลาม ที่ผู้หญิงจะใช้ผ้าคลุมศีรษะหลากสีสวยงาม แลเรียบร้อยน่ารัก แถมคนเบตงยังยิ้มเก่งซะด้วยนะ และสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปเบตงกันมากมายก็เพราะ ภาพยนตร์ไทยเรื่อง OK เบตง ที่มาถ่ายทำกันที่นี่เป็นครั้งแรก ทำให้คนไทยในภาคอื่นๆ ได้พบเห็นความงามของเมืองสวยใต้สุดแดนสยาม ซึ่งมีด่านชายแดนต่อเนื่องเข้าสู่รัฐเปรักของมาเลเซียได้อย่างง่ายดาย

b6.3b6.4 b6

“สวนดอกไม้เมืองหนาว” ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ตั้งอยู่บนเขา อากาศเย็นสบาย พาคนพิเศษของเราไปทำโรแมนติก ชวนกันถ่ายรูปกับดอกกุหลาบ ดอกฮอลีฮ้อค ดอกแอสเตอร์ สีสันสวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ เสร็จแล้วจะนอนค้างในรีสอร์ทสวยของเขาได้สบาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าชายแดนใต้สุดของสยามจะมีดอกไม้เมืองหนาวให้ชมกันด้วย Amazing!

b7b8b9b10.1

ถ้ามาเที่ยวเบตงในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อน ป่ายางพาราของชาวบ้านที่อยู่สองฟากฝั่งถนน ก็จะผลัดใบเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง อย่างสดใสน่ามอง ถ่ายรูปมา Amazing ไปอีกแบบเนอะ

b10

“บ่อน้ำร้อนเบตง” บ้านจะเราะปะไร ตำบลเนาะแม (ห่างจากตัวเมืองเบตง 5 กิโลเมตร บนถนนสาย 410) บ่อน้ำร้อนธรรมชาติแห่งนี้ มีควันฉุยตลอดเวลา น้ำอุ่นกำลังดี ต้มไข่สุกได้ใน 7 นาที นักท่องเที่ยวนิยมลงมาอาบแช่แก้เมื่อย รักษาสุขภาพ บ้างก็แก้หนาว โดยปัจจุบันมีการสร้างรีสอร์ทเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นอนพักค้างคืนกันด้วย ชิลมากๆ

b11b12

จากบนภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงมาจะเห็นตัวเมืองเบตงทั้งหมดได้อย่างเต็มตา พาโนรามา นี่ล่ะเมืองหนาวกลางหุบเขาที่มีเสน่ห์ที่สุดในภาคใต้ตอนล่าง

b14

ตัวเมืองเบตงยามค่ำคืน ถ้าตรงกับช่วงเทศกาลต่างๆ ก็จะมีการประดับประดาโคมไฟสว่างไสว เปี่ยมชีวิตชีวา สมเป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะในเบตงมีพี่น้องชาวจีนอาศัยอยู่เยอะ บรรยากาศ ร้านอาหาร รวมถึงหน้าตาผู้คน จึงมีทั้งจีน ไทย มุสลิม และมาเลเซีย ผสมกลมกลืนกัน

b15b16

วงเวียนหอนาฬิกา”  เป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน เปรียบเสมือนสัญลักษณ์จุดศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม ในยามเย็นจะเห็นฝูงนกนางแอ่นนับหมื่นตัวบินมาเกาะหลับอยู่บนสายไฟรอบๆ หอนาฬิกา จนกลายเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกาไปแล้วโดยปริยาย คนเบตงเขามีอารมณ์ขัน บอกว่าถ้าใครมาเที่ยวเบตงแล้วถูกนกนางแอ่นอุจจาระใส่หัว จะต้องกลับมาเที่ยวที่นี่อีกแน่นอน! จริงหรือเปล่า อันนี้คงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ ฮาฮาฮา

b17

ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งเบตง มีประวัติว่า นายสงวน จิรจินดา นายกเทศมนตรีเทศบาลเบตงคนแรก และเป็นอดีตนายไปรษณีย์โทรเลข เห็นว่าอำเภอเบตงอยู่ห่างไกล จะติดต่อสื่อสารโดยช่องทางอื่นกับโลกภายนอกไม่ได้เลย ยกเว้นทางจดหมาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตงท่านจึงได้สร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์นี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2467 โดยสร้างขึ้นที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง ปัจจุบันมีการสร้างตู้ใบใหม่ที่มีขนาดใหญ่เป็น 3.5 เท่าอยู่ริมถนนหน้าศาลาประชาคม ถือเป็นตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน ตู้ทั้งสองใบสามารถใช้ส่งจดหมายได้จริงซะด้วย เท่ห์ไหมล่ะ? นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่อยากทำเก๋ ก็นิยมเขียนโปสการ์ดหรือจดหมาย ส่งกลับไปหาตัวเองหรือญาติมิตรที่บ้าน เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกไงล่ะครับ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาเยือนเมืองใต้สุดแดนสยามแล้ว ว้าว

b18

จากวงเวียนหอนาฬิกาและตู้ไปรษณีย์ยักษ์ ถ้าเราเดินเที่ยวต่อลงมาทางทิศใต้แค่อีกไม่กี่อึดใจ ตามถนนอมรฤทธิ์ ก็จะถึง “อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์” ซึ่งสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างแข็งแรง ยาว 273 เมตร เป็นอุโมงค์ถนนลอดภูเขาแห่งแรกในเมืองไทย เปิดใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาในการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบัน กับชุมชนเมืองใหม่ ภายในอุโมงค์มีการติดไฟและโคมจีนสีแดงสดใสสวยงาม น่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่มีการเปิดไฟประดับประดาสว่างไสวอย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวพอกินอาหารเย็นอร่อยๆ เสร็จแล้ว ก็นิยมเดินชมเมือง ชมหอนาฬิกา ตู้ไปรษณีย์ยักษ์ แล้วเดินตรงมายังอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์นี่ล่ะครับ

b19b20.1b20

“มัสยิดกลางเบตง” เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจของพี่น้องชาวมุสลิมเบตง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมอิสลาม ทาสีฟ้าขาวเย็นตาเย็นใจ ส่วนบนสุดสร้างเป็นโดมทรงหัวหอม มีรูปจันทร์เสี้ยวและดาวห้าแฉกเป็นสัญลักษณ์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ แต่ต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สุภาพ ไม่ส่งเสียงดัง ถ่ายภาพห้ามใช้แฟลช และผู้หญิงควรหาผ้ามาคลุมศีรษะด้วย นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาชมการประกอบพิธีวันละ 5 ครั้ง ภายในมัสยิด

b21

b22b23b24.1b24

วัดพุทธาธิวาสเป็นวัดสำคัญตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา มีพระประธานในอุโบสถเหมือนหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเท่าองค์จริง ผู้คนมาสักการะกันไม่ได้ขาด ส่วนภายนอกมีพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ สีทองอร่ามงามเด่น กับพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดยักษ์ตั้งอยู่กลางแจ้ง ชื่อ พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ให้กราบไหว้กันด้วย

b25

พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ มีสองชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณๆ หาชมได้ยาก และประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันน่าสนใจของเบตง ไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะชั้นล่างมีการจัดแสดงกบภูเขา สัตว์หายากมากของเขตเทือกเขาสันกาลาคีรีให้ชมด้วย จากชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ฯ เดินต่อขึ้นไปบนหอคอยชมวิวสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองเบตงได้อย่างทั่วถึง เต็มอิ่ม เต็มตา แบบพาโนรามาเลยล่ะ

b26

b13

จากพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงไปเบื้องล่างเห็นเมืองเบตงและขุนเขาโดยรอบได้อย่างเต็มตา

b27b28

ว่ากันว่า สนามกีฬากลางของอำเภอเบตง เป็นสนามกีฬาที่มี location สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพราะมีเนินเขาลูกย่อมๆ ล้อมอยู่ทั้งสี่ด้านนั่นเอง ประกอบกับบางช่วงของปี ป่ายางพาราบนเนินเขาก็จะผลัดใบเป็นสีแดงฉาน บรรยากาศแปลกตามากๆ

b30b31

 เบตง เป็นเพียงอำเภอเดียวในเมืองไทย ที่ทางราชการอนุญาตให้สามารถออกทะเบียนรถเป็นชื่ออำเภอตัวเองได้! เนื่องจากเบตงอยู่ไกลจากตัวจังหวัดยะลามาก การเดินทางไปมากินเวลามาก จึงอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะออกทะเบียนรถใหม่ ออกในนาม “เบตง” ได้เลย เท่ห์อ่ะ

b32.1b32b33

เบตง Smile ยิ้มหวานของสาวเบตง กับชีวิตสุขสงบ น่าอิจฉานิ

b34b35b36b37 b38

ไก่เบตง คืออาหารรสเลิศเลื่องชื่อไปทั่วประเทศ ของแท้ต้องมาชิมที่อำเภอเบตงเท่านั้น เนื้อไก่ของเขาเหนียวนุ่ม มันน้อย หวานในปาก เคี้ยวง่าย ส่วนหนังไก่เป็นสีเหลืองทอง กรอบ ไม่มีชั้นไขมันหนาอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนไก่เลี้ยงสายพันธุ์อื่น เพราะไก่เบตงเวลาเลี้ยงต้องปล่อยให้วิ่งเล่นไปมาอย่างอิสระ ว่ากันว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีชาวจีนนำพันธุ์ไก่เบตงเข้ามาจากจีนตอนใต้ จนเลี้ยงกันแพร่หลาย ทว่ากว่าจะจับขายได้แต่ละตัว ต้องรอถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี จำนวนผู้เลี้ยงจึงลดลง ปัจจุบันเหลือเลี้ยงอยู่จริงไม่กี่เจ้า ถึงบอกไงล่ะ ว่าไก่เบตงของแท้หาชิมยากสุดๆ

b39b40b41b42b43

นี่คือ “เบตง” เมืองหนาวสุด Amazing สุดชายแดนปักษ์ใต้สยาม เมืองงามสามฤดู ถ้าหากยังไม่เคยไปเยือนล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคุณได้พลาดเมืองท่องเที่ยวดีที่สุดแห่งหนึ่งไปแล้วจริงๆ

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส และโครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

เบตง Guide

Best season : เที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ มีทะเลหมอกสวยงามตื่นตาอลังการให้ชม ไม่แพ้ในภาคเหนือเลยซักนิดเดียว

How to go : เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลงที่อำเภอหาดใหญ่ จากนั้นนั่งรถตู้ (โทร. 08-1944-5325, 0-7323-1966) หรือเช่ารถยนต์ขับไปอำเภอเบตง เส้นทางหาดใหญ่-อำเภอเมืองยะลา-อำเภอเบตง (หาดใหญ่-ยะลา 100 กิโลเมตร ยะลา-เบตง 140 กิโลเมตร) หรืออาจใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัฐเคดาห์ มาเลเซีย-เข้าอำเภอเบตง ทางรัฐเปรัก มาเลเซีย วิวสวย แต่ต้องเตรียมเอกสารผ่านแดนไปให้พร้อม โดยปัจจุบันมาเลเซียไม่อนุญาตให้รถตู้ไทยเข้าประเทศ เข้าได้เฉพาะรถเก๋งสี่ล้อที่ไม่ติดฟิล์มหนาเกินไปเท่านั้น

Where to stay : Garden View Betong Hotel ถนนอัยเยอร์เบอร์จัง เมืองเบตง โทร. 0-7324-6222-3

What to eat : อาหารขึ้นชื่อที่ห้ามพลาดชิมคือ ไก่เบตง ของแท้มีที่นี่ที่เดียว อยากชิมติดต่อ คุณหัสดี แซ่เยี่ยง (กรรมการหอการค้าจังหวัดยะลา) โทร. 08-6967-9888, 0-7323-2053 ส่วนขนมหวานอร่อยๆ แนะนำ ร้าน Sugared โทร. 08-1424-2236 มีเค้กและเครื่องดื่มเย็นชื่นใจให้ชิม

Souvenirs : เส้นหมี่เบตง, ส้มโชกุน, ปลาส้มคอกช้าง, กาแฟโบราณ, หมวกกาปิเยาะห์, กริชรามันห์, กล้วยหินฉาบ, ไม้นวดภูมิไท, ซีอิ๊วขาว ฯลฯ

More info : ททท. สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส โทร. 0-7352-2411, 0-7354-2346, 08-1598-6624, 08-5123-1109 / คุณอุดม ลักษณะ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวยะลา-เบตง โทร. 0-7323-0970, 08-6294-1061 / ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเบตง โทร. 0-7323-4614

พะงัน พระจันทร์หลากสี มีมากกว่าที่คิด!

ไป “พะงัน” กันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสนต์ ไปเล่นลมสู้คลื่น สดชื่นและสมหวัง… ใช่แล้ว ไปเที่ยวทะเลทั้งทีก็ต้องมีความสุขแน่นอน เพราะพะงันเป็นเกาะใหญ่ที่สวยที่สุดเกาะหนึ่งของทะเลสุราษฎร์ธานีเลยล่ะ แต่ก่อนชื่อว่า “เกาะพงัน” ซึ่งมาจากคำว่า “หลังงัน” เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึงสันทรายที่โผล่ขึ้นมายามน้ำลด และต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น “เกาะพะงัน” มาถึงทุกวันนี้

P2

 เดิมทีพะงันเป็นเกาะเงียบๆ มีแต่สวนมะพร้าวกับวิถีประมง ผู้คนอยู่กันแบบพอเพียง แต่ต่อมาชื่อเสียงของ Full Moon Party ก็ทำให้พะงันโด่งดังระดับโลก! มีแบ็กแพ็เกอร์ หรือพวกแบกเป้เที่ยวเข้ามาพะงันเดือนละหลายหมื่นคน ภาพลักษณ์ของพะงันจึงกลายเป็นเกาะแห่งการ Party ไปซะงั้น แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ลึกๆ แล้ว พะงันยังมีแง่มุมน่าสนใจอื่นๆ อีกหลายมิติมุมมองให้ค้นหา และทริปนี้ เราจะร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อร่วมงาน “พระจันทร์หลากสี” ที่พะงัน

P3

ทริปนี้เราใช้วิธีบินจากกรุงเทพฯ ไปลงเกาะสมุย แล้วต่อเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะพะงัน อีกแค่ 20 นาทีก็ถึงแล้ว

P4

เมื่อเรือเฟอร์รี่เร่ิมเร่งเครื่องออกเดินทาง เราก็ทิ้งเกาะสมุยไว้เบื้องหลัง วันนี้ฟ้าสวยแดดใสดีจริงๆ เลยนะ

P5

 ถึงแล้ว เกาะพะงัน เกาะในฝันของคนรักทะเล ที่เราจะมาตามหาแง่มุมน่าสนใจอันหลากหลาย

P6

อดใจไม่ไหว ขอไปลงน้ำกันก่อนเลย โดยเฉพาะที่ “ทะเลแหวก” ตรงหาดแม่หาด มีสันทรายเชื่อมไปยังเกาะม้าได้ เขาบอกว่าเป็นจุดำน้ำตื้นดูปะการังที่สวยที่สุดของเกาะพะงันเลยล่ะ บางวันเวลาเรือดำน้ำที่เกาะเต่าหนาแน่นมากๆ เรือบางลำก็จะพานักท่องเที่ยวมาดำน้ำตื้นดูปลากันที่เกาะม้านี่ล่ะ

P7

ลองไปเดินเล่นบนสันทรายของทะเลแหวก เห็น เกาะม้า อยู่ใกล้ๆ ข้างหน้าแค่นิดเดียว ผืนทรายของที่นี่เป็นสีน้ำตาลทอง เม็ดละเอียดกำลังดี เวลามาเดินอยู่บนทะเลแหวกจริงๆ แล้ว จะให้ความรู้สึกแปลกดี เพราะมีทะเลขนาบตัวเราอยู่สองข้าง บางจังหวะคลื่นจากทะเลสองฝั่งจะซัดเข้ามาชนกัน แล้วแหลกออก สลับไปสลับมาอย่างนี้ สมชื่ทะเลแหวกจริงๆ

P8

อุตส่าห์หนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่มาถึงทะเลสวยๆ อย่างหาดแม่หาดแล้ว ขอตัวนอนเล่นบนเก้าอี้ผ้าใบ ฟังเสียงคลื่นจุมพิตหาดทราย และเหม่อมองทะเลแหวกและเกาะม้าอันแสนบริสุทธิ์สวยงาม

P9

มนต์เสน่ห์ทะเลพะงัน ดูจะเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายร้อยเท่าทวีคูณในยามอาทิตย์อัสดง โดยเฉพาะที่ หาดศรีธนู ซึ่งเป็นหาดเงียบสงบใต้ทิวสนและดงมะพร้าว มีถนนให้รถวิ่งชมวิวเลียบหาดได้ แต่ที่เจ๋งสุดคือ มีต้นมะพร้าวโอนเอนลงเรื่ยผิวทะเลเลยล่ะ น่าไปโดดน้ำเล่นชะมัด

P10

ไม่น่าเชื่อเลยว่า ที่พะงันจะมีโรงเรียนสอนเล่น Kite Surf อยู่ด้วย กีฬาทางน้ำนี้เล่นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม โดยการใช้ร่มลากกระดานโต้คลื่น ผู้เล่นจึงต้องมีร่างกายแข็งแรง ในการคุมร่มให้อยู่ เกาะพะงันมีลมดีเล่น Kite Surf ได้ตลอดปี ใครอยากเรียนไปได้เลยที่หาดมาลิบู (มาลิบู รีสอร์ท)

P11

P12

การเล่น Kite Surf จะมันส์ตรงที่เวลานักเล่นโดดลอยตัวขึ้นไปหมุนโชว์ลีลาอยู่กลางอากาศนี่ล่ะ!!

P13

จริงๆ แล้ว เราไม่อยากให้คนรู้จักเกาะพะงันเพียงแง่ของ Full Moon Party และทะเลอันสวยงามเท่านั้น เมื่อวันที่ 9-13 ธันวาคม 2557 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเกาะสมุย ร่วมกับสมาคมโรงแรมเกาะพะงัน จึงจัดงาน “พระจันทร์หลากสี ที่พะงัน” หรือ Phangan Color Moon Festival 2014 โดย ท่านกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาเป็นประธาน เพื่อประกาศให้เป็นที่รู้กันว่า พะงันมีของดีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสายตาชาวโลก มากถึง 5 หมวดการท่องเที่ยว (เปรียบได้กับ พระจันทร์ 5 สี) ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ, เชิง Beach Part ระดับโลก, วิถีชีวิตและวัฒนธรรม, อาหารอร่อย และยังมีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ – เกษตรอินทรีย์ ให้สัมผัสอีกด้วย

P14.1

หลังจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้าชมนิทรรศการภาพสุดพิเศษ ซึ่งจัดแสดงกันภายใน เรือรบหลวงพะงัน ที่ชาวพะงันร่วมกันขอจากกองทัพเรือหลังปลดประจำการ มาตั้งแสดงไว้ที่นี่

P14

P15

ภายในท้องเรือรบหลวงพะงัน กลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้ง กับงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายพะงันวันวานและวันนี้ มีภาพถ่ายเก่าๆ ย้อนรำลึกถึงวันวานอันน่าหลงใหลของมนต์เสน่ห์วิถีชีวิตและธรรมชาติบนเกาะพะงัน สวรรค์กลางอ่าวไทย

P16

P17

เชื่อหรือไม่ว่า นี่คือภาพถ่ายของต้นกำเนิดงาน Full Moon Party?! ที่ทำให้เกาะพะงันมีชื่อเสียงก้องโลก! ชาวพะงันเรียกการนั่งล้อมวงกินข้าวกันในหมู่เพื่อนฝูง หรือญาติสนิท บนหาดทรายนี้ว่า “การกินห่อ” คือสมัยก่อนไม่มีร้านขายของ เวลาจะกินข้าวกันก็ต้องห่อข้าวห่อปลามานั่งล้อมวงกันเอง ต่อมามีการเล่นกีต้า เลี้ยงสุราอาหารเป็นที่สำราญใจ จนไม่น่าเชื่อว่าจะกลายมาเป็นงาน Full Moon Party ที่หาดริ้นไปได้

P18

ภาพเก่าเล่าเรื่องอดีต ของเกาะพะงันเมื่อกว่า 50 ปีก่อน แม้แต่ชาวต่างชาติยังหลงใหลเสน่ห์อันพิสุทธิ์ของพะงันเลย

P19

ภาพเก่า บอกเล่างานเทศกาลชักพระทางเรือของเกาะพะงัน ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว เพราะเปลี่ยนไปชักพระทางบกกันแทนน่ะสิ น่าเสียดาย เห็นการแต่งกายของสาวพะงันสมัยก่อน ช่างสวยงาม sexy คล้ายสาวๆ ที่หมู่เกาะฮาวายไม่มีผิดเลย

P20.1

ท่านกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เข้าชมนิทรรศการภาพวันวาน วันนี้ ที่เกาะพะงัน และชมภาพยนตร์เก่าสไตล์หนังกลางแปลง บอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันแสนสงบสุขของผู้คนบนเกาะพะงันเมื่อหลายสิบปีก่อน

P20

ยามค่ำที่เกาะพะงัน กับงานพระจันทร์หลากสี มีลานกิจกรรม, การออกร้าน และการแสดงทางวัฒนธรรม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ทั้ง 5 หมวดการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยจัดกันบริเวณลานข้างท่าเรือประจำเกาะนั่นล่ะ

P21

 พะงัน เป็นเกาะที่มะพร้าวคุณภาพดีที่สุดในเมืองไทยก็ว่าได้ ไม่ได้โม้! เพราะลูกมะพร้าวจากเกาะพะงันเป็นมะพร้าวแห่งเดียวในเมืองไทยที่ได้ มาตรฐาน GI (Geographical Indications) หรือมาตรฐานสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิจัยแล้ว พบว่าเป็นมะพร้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก เนื้อหนานุ่ม เป็นมะพร้าวที่มีเนื้อ 2 ชั้น (ต่างจากเกาะอื่นในเมืองไทย ที่มะพร้าวมีเนื้อชั้นเดียว) แถมยังมีน้ำที่หอมอร่อย ไม่หวานจัด อุดมด้วยแร่ธาตุบำรุงสุขภาพ ชาวพะงันจึงรักมะพร้าวและสวนมะพร้าว มากพอๆ กับลูกหลาน ถึงขนาดเรียกมะพร้าวว่าเป็น “มรดกมะพร้าว” ที่มีการรวมกลุ่มวิสาหกิจ ผลิตน้ำมันมะพร้าวกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ได้ราคาดีเยี่ยม

P22

นอกจากน้ำมันมะพร้าวของพะงัน จะใช้ทาตัว และใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง เครื่องประทินผิว ยาสระผา หรือผสมยา ได้แล้ว ยังมีน้ำมันมะพร้าวที่ใช้ผัด ทอด ได้อีกด้วย รับรองเลยว่า Product นี้หายาก และอาจมีแต่ที่เกาะพะงันเท่านั้น เพราะสมัยโบราณคนพะงันก็ใช้น้ำมันมะพร้าวที่สกัดพิเศษ ในการทำอาหารกันทั้งนั้นล่ะ

P23

คนพะงันฉลาดนะ รู้จักใช้กะลามะพร้าว (คนท้องถิ่นเรียก พรกพร้าว) มาทำเป็นที่นวดฝ่าเท้า เหมือนการกดจุด ช่วยผ่อนคลาย ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี นับเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านอันชาญฉลาดที่น่าสืบสานโดยแท้

P24

นอกจากมะพร้าวแล้ว พะงันยังเป็นเกาะที่มี “กะปิ” ชั้นดี ราคากิโลกรัมละ 500 บาท! ฟังดูอาจแพงใช่ไหม แต่ขอบอกเลยว่าขายหมดเกลี้ยง ทำขายไม่ทัน! เนื่องจากพะงันเป็นเกาะที่มีน้ำทะเลสะอาดมาก กุ้งเคยที่ใช้ทำกะปิ จึงว่ายน้ำเข้ามาหากิน ชาวบ้านจะใช้ตาข่ายขึงกับคานไม้ไผ่สองอันเหมือนรูปคีม เดินไปในท้องน้ำตื้นๆ ใกล้ชายหาด เรียกว่า “การรุนเคย” นอกจากนี้ยังมีวิธีการกินกะปิที่พิเศษไม่เหมือนใคร คือนำกะปิสดมาใส่กะลามะพร้าวเล็กๆ แล้วย่างไฟจนสุกหอมฉุย กินกับข้าวสวยร้อนๆ แกล้มผักเหนอะหลากหลายสไตล์ปักษ์ใต้

P25

ในอีกแง่มุมหนึ่ง พะงันยังมีแหล่งปลูกผักปลอดสารพิษ หรือผักอินทรีย์ ด้วย โดยปัจจุบันมีสมาชิกปลูกกว่า 160 ราย ส่งขายให้กับโรงแรมต่างๆ แทบจะไม่พอ! บ่งบอกถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กำลังมาแรง ในอนาคตอันใกล้นี้ พะงันจะกลายเป็น Organic Island และ Organic Farm ต้นแบบ ที่คนรักสุขภาพ รักทะเล จะไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน

P26

ในเมื่อวิถีชีวิตอันเงียบสงบ และธรรมชาติ ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการคงอยู่ของจิตวิญญาณความเป็นเกาะพะงัน ทุกวันนี้ทั่วเกาะจึงยังมีสวนมะพร้าวสวยๆ ให้เห็นอยู่ทั่วไป แม้ว่าหลายสนจะกลายเป็นบังกะโล รีสอร์ท ไปแล้วก็ตาม แต่มะพร้าวก็ยังมีความหมาย ไม่ถูกตัดโค่นไปง่ายๆ มะพร้าวสูงๆ ที่เห็นอายุเฉียดร้อยปีทั้งนั้น!

P27

 ถึงแม้วันนี้ เกาะพะงันจะกลายเป็น Destination ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวแบกเป้ และกลายเป็น Party Island ของคนนับหมื่นๆ ในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่แท้จริงแล้ว คนพะงันยังรักสงบ รักพ่อหลวง ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายพอเพียง นี่คือความจริง

P28

หาดริ้น ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดงาน Full Moon Party เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วยังมีภาพของวิถีประมงท้องถิ่นให้ชมกันด้วย

P29

หาดริ้นในคืนวันธรรมดา ที่ไม่มีงาน Full Moon Party, Half Moon Party หรือ Black Moon Party บรรยากาศเงียบสงบ ลมทะเลพัดเย็นสบาย โรแมนติกไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย

P30

เมื่อเอ่ยถึงแง่ประวัติศาสตร์ พะงันเป็นเกาะที่มีเรื่องราวสำคัญให้ศึกษาล้นเหลือ โดยเฉพาะเรื่องของการเสด็จประพาสของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มายังเกาะพะงันมากถึง 16 ครั้ง! และทรงค้างแรมที่นี่มากถึง 14 ครั้ง ในระหว่างเส้นทางเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ และมลายู โดยพะงันถือเป็นจุดจอดเรือเติมน้ำจืดและเสบียงกรังที่สำคัญ พระพุทธเจ้าหลวงเคยจอดเรือที่หาดแห่งนี้ แล้วเสด็จพระราชดำเนิน (เดิน) ตามร่องน้ำเข้าไปสู่น้ำตกธารเสด็จ ที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินแค่ไม่กี่ร้อยเมตร

P31

ศาลาทรงงานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ซึ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ แทนหลังเก่าที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ศาลาไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากชายทะเล และอยู่ใกล้กับน้ำตกธารเสด็จแค่นิดเดียว

P32

 น้ำตกธารเสด็จ ในช่วงต้นฤดูฝน เร่ิมมีสายน้ำหลากไหลสวยงาม ลดหลั่นลงมาตามลาดหินเป็นชั้นๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 5 ท่านจะเคยเสด็จมาที่นี่ด้วยพระองค์เอง

P33

ภาพถ่ายเก่า คราวที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เสด็จมายังน้ำตกธารเสด็จ เมื่อปี พ.ศ. 2431

P34

เกาะพะงัน มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่สุดในภาคใต้องค์หนึ่งอยู่ด้วย นั่นคือ หลวงพ่อเพชร วชิโร แห่งวัดอัมพวัน (ท่านมีชีวิตอยู่ช่วงปี พ.ศ. 2390-2467 สมัยรัชกาลที่ 3) ท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคม และปลุกเสกพระเครื่องที่ร่ำลือกันว่ามีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์มาก ปัจจุบันนักเลงพระซื้อขายเช่ากันอยู่ในราคาหลักล้านบาท!!! ส่วนคนที่ไม่ใช่นักเลงพระ ไปกราบรูปจำลองของท่านที่วัดก็ได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต

P35

P36

พระธาตุเขาน้อย และวัดเขาน้อย ตั้งอยู่บนยอดเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวัดอัมพวัน (วัดหลวงพ่อเพชร) สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อเพชร ด้านข้างเจดีย์นี้มีสถูปพบรรจุอัฐิของพลวงพ่อเพชรอยู่ด้วย ทุกวันนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว

P37

ตะลุยเที่ยวพะงันกันมาทั้งวันแล้ว ได้พบความสวยงาม ความหลากหลายอย่างคาดไม่ถึง หลายคนอาจเริ่มเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แนะนำให้ไปสัมผัสพะงันในแง่ของ “การเติมพลังชีวิต” เพื่อสุขภาพดีและอายุที่ยืนยาว ไม่เฉพาะการทำสปาชั้นเลิศเท่านั้น แต่พะงันยังได้ชื่อว่าเป็น Island of Yoka หรือ Yoka Sahool ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอีกด้วย! คนไทยไม่ค่อยรู้ แต่รับทราบกันแพร่หลายในหมู่ชาวต่างชาติ ที่ชอบเข้ามาอยู่บนเกาะพะงันนานเป็นเดือนๆ เพื่อเรียนและฝึกโยคะอย่างจริงจัง

P38

ถ้าจะให้แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร ลองไปทำโยคะใต้แสงจันทร์ที่เกาะพะงันสิ

เวลาเพียงไม่กี่วัน กับงานพระจันทร์หลากสีที่พะงัน ทำให้เราได้ค้นพบคุณค่าความหมายใหม่อีกมากมาย บนเกาะที่สวยงามที่สุดเกาะหนึ่งของอ่าวไทย นามว่า “พะงัน” เกาะที่เราบอกตัวเองว่า การใช้เวลาอยู่ที่นี่แค่วันสองวันคงจะไม่พอซะแล้ว แต่คงต้องหวนกลับมานอนค้างอยู่นานเป็นสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ถึงตัวตน จิตวิญญาณ และความน่ารักของมนต์เสน่ห์ทะเลพะงัน ให้มากกว่านี้ในอนาคต แล้วเราจะกลับมาใหม่นะ พะงันที่รัก

LOGO TAT

Special Thanks : ขอขอบคุณ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 08-9752-7552, 08-5295-0092 / ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเกาะสมุย โทร. 0-7742-0504 / สมาคมโรงแรมเกาะพะงัน โทร. 08-1752-0035, 08-5060-1100

Life @บ้านบางพัฒน์ จ.พังงา

2

3

 บ้านบางพัฒน์ เป็นชุมชนประมงขนาดเล็ก ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม สร้างบ้านเรือนอยู่บนเกาะเล็กๆ ในอ่าวพังงา โดยมีสะพานปูนเชื่อมเข้าหาชุมชน บริเวณนี้มีแนวป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์มาก เดิมชื่อ “บางลิง” เพราะมีลิงเยอะ แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บางพัฒน์” โดยมีการย้ายเข้ามาอยู่ครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 โน่นเลย

4

 นี่คือสะพานหลักที่นำผู้คนเข้าออกจากบ้านบางพัฒน์ล่ะครับ

5

 ชุมชนบ้านบางพัฒน์ สร้างบ้านเป็นเรือนยกเสาสูงหนีน้ำ คล้ายๆ ที่เกาะปันหยีนั่นแหละ

6

 ที่บ้านบางพัฒน์มี ธนาคารปู โดยรับซื้อปูไข่นอกกระดองมาจากชาวบ้าน เพาะเลี้ยงในกระชัง แล้วนำไปขายเอาเงินเข้ามาเป็นกองทุนพัฒนาชุมชน

7

 ถึงแม้จะนับถือต่างศาสนา แต่หัวใจของมะก็มีพ่อหลวงองค์เดียวกับชาวไทยทุกคนนะจ๊ะ

8

 พี่น้องชาวบางพัฒน์ ยังเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลาม โดยเข้ามาทำละหมาดในมัสยิด หรือถ้าไม่สะดวกก็ทำที่บ้านได้

9

10

11

12

 สำหรับสตรีชาวอิสลาม เวลาจะทำละหมาดก็ต้องมีชุดคลุมสีขาวเช่นนี้ สวมใส่ไว้เสมอ

13

14

15

 คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล มองจากบ้านบางพัฒน์ออกไปเห็นป่าเกาะในอ่าวพังงาตั้งอยู่ไม่ไกลแล้ว แถมยังมีกระชังปลา และหลักหอย (เป็นไม้ไผ่ปักลงไปในทะเลให้หอยมาเกาะ) เรียงรายอยู่นับหมื่นๆ อัน

16

 ชาวบ้านบางพัฒน์เลี้ยงเหยี่ยวแดงไว้ไล่นกอื่น ไม่ให้มากวนกระชังปลาของพวกเขา เป็นความผูกพันรูปแบบหนึ่งซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นที่อื่น

17

 ป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์แห่งบ้านบางพัฒน์ เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน ให้เติบโตเป็นสัตว์ทะเลตัวใหญ่ จับขายจับกินค้ำจุนชีวิต แถมแนวป่าชายเลนยังเป็นปราการป้องกันคลื่นลมได้อย่างยอดเยี่ยม

18

 ตากปลาแห้งไว้ขายให้นักท่องเที่ยว สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ นี่คือสินทรัพย์จากท้องทะเลอันไม่มีวันหมด ถ้าเรารู้จักใช้ในปริมาณพอเหมาะ

19

 ลูกทะเลของแท้ ต้องผิวเข้ม Man Man อย่างนี้ล่ะ

20

 ความคึกคักของมอเตอร์ไซค์ขายของยามบ่ายในชุมชน

21

 กินอยู่เรียบง่าย พอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ แค่นี้ก็เป็นสุขแล้ว โดยเฉพาะเมื่อได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวที่รัก

22

23

 ร้านขายของที่ระลึก แหม..เห็นแล้วอยากกวาดไปให้หมดทั้งร้านเลย! สวยๆ ทั้งนั้น

24

 นกกรงหัวจุก หรือนกปรอทหัวโขน เป็นนกเลี้ยงยอดฮิตของชาวอิสลามทุกแห่งหน เพื่อเอาไว้ฟังเสียงขับขานไพเราะ แต่มันก็คงโหยหาอิสระภาพเช่นกัน

25

26

 ว่างเมื่อไหร่ หาเวลามานอน Homestay ที่บ้านบางพัฒน์ของหนูนะคะ บ้าย บาย

1841

 Special Thanks : ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา และ คุณนครพจน์ ปิ่นมิ่ง ททท. ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (โครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย) สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้

Traveler’s Guide

Address : ชุมชนบางพัฒน์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดพังงา

How to go : เดินทางมาตามถนนสายพังงา-ทับปุด ประมาณ 10 กิโลเมตร จากสามแยกวังหม้อแกง เลี้ยวขวาเข้าทางแยกวัดเขาเฒ่า-บางพัฒน์ ประมาณ 10 กิโลเมตร จอดรถไว้ แล้วเดินข้ามสะพานคอนกรีตไปประมาณ 100 เมตร เข้าสู่ชุมชนบ้านบางพัฒน์

Contact : บังบ่าว โทร. 08-6274-4557 / ครัวอารีย์ บังหมาด (บางพัฒน์ Homestay) โทร. 08-6274-4557, 08-7282-6659 / ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทร. 0-7648-1900-2

Amazing Island แดนธรรมชาติมหัศจรรย์ เกาะคอเขา จ.พังงา

“โอ่โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา มีน้ำภูเขา ทะเลกว้างไกล จะไปไหน ปักษ์ใต้บ้านเรา…” บทเพลงไพเราะแสนอมตะของวงดนตรี Hammer นี้ ยังคงก้องอยู่ในใจผมเสมอ ฟังทีไรทำให้นึกถึงภาพภูเขา ป่าไม้ และหาดทรายชายทะเล เกาะแก่งน้อยใหญ่ของภาคใต้ขึ้นมาทุกที และทริปนี้ก็เหมือนเคย เพราะผมได้มายืนอยู่บนหาดทรายสีทองเนื้อละเอียดยิบของ “เกาะคอเขา” อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา แล้วนะสิครับ

2

3

เกาะคอเขาเป็นเกาะขนาดใหญ่ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ เงียบสงบ เหมาะจะพาตัวและหัวใจมาพักผ่อนฟังเสียงกระซิบจากธรรมชาติ และเกลียวคลื่นอย่างแท้จริง เกาะนี้มีความยาวจากเหนือจรดใต้ถึง 28 กิโลเมตร มีถนนหนทางอย่างดีให้รถวิ่งได้ การท่องเที่ยวจึงสะดวกโยธินซะจริงๆ

26

4

 ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของเกาะคอเขาก็คือ ในบางหาดจะมีปูเสฉวนนับพันๆ ตัว (โดยเฉพาะเวลากลางคืน) ขึ้นมาเดินต้วมเตี้ยมตามหาดทราย น่ารักน่าชังมาก มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ หลากสี บ่งบอกถึงธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ไม่ถูกรบกวนโดยนักท่องเที่ยวมากนัก

5

 เจ้าตัวนี้เป็นพี่ใหญ่ ตัว BIG มาก เลยต้องหาเปลือกหอยอันใหญ่มาเป็นบ้าน เชื่อหรือไม่ว่าพวกมันเปลี่ยนเปลือกหอยกันอยู่เสมอ คงเพราะตัวมันโตขึ้น เลยต้องหาเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปด้วยไงล่ะ

6

 จากท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ลงเรือเล็กข้ามฝั่งไปเกาะคอเขา ใช้เวลาแค่ 5 นาทีเอง

7

8

 เกาะคอเขาเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ ชอบดูนก ดูดาว เล่นน้ำทะเล และชอบศึกษานิเวศน์ธรรมชาติกับพรรณพืชแปลกๆ ใจกลางเกาะมีสภาพเป็นป่าพรุ (Peat Swamp Forest) คล้ายบนเกาะพระทอง ดินเป็นดินปนทรายสีขาว มีความเค็มสูง ในที่ลุ่มจะกลายเป็นห้วยหนองคลองบึงตื้นๆ กระจายกันอยู่ โดยมีต้นเสม็ดขาวและทุ่งหญ้างอกงามอยู่สลับกัน ส่วนชายน้ำก็จะมีไม้พุ่มและเฟินต่างๆ เพียบ แต่ที่เจ๋งมากคือในน้ำมีบัวบา เป็นบัวสีขาวดอกจิ๋วเดียวให้ชมกันด้วย ส่วนนักดูนกต้องชอบ เพราะเกาะคอเขามีนกมากถึง 300 ชนิด!

9

 ดูดูไป เกาะคอเขาของเราก็คล้ายป่าอะเมซอนเมืองไทยเหมือนกันนะ ฮาฮาฮา

10

 บริเวณชายน้ำมักมีพืชกินแมลงงอกงามอยู่ดาษดื่น โดยเฉพาะหม้อข้าวหม้อแกงลิง ชนิดหม้อใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พวกมันเป็นพืชกินแมลงที่สามารถปรับตัวอยู่ในสภาพนิเวศน์แห้งแล้งขาดแคลนอาหารนี้ได้ โดยพัฒนาให้มีส่วนกระเปาะ (หม้อ) งอกยาวออกไปจากปลายใบ เพื่อใช้ดักจับแมลงมาย่อยกินเป็นอาหารอย่างน่าอัศจรรย์

11

12

 ในกระเปาะของหม้อข้าวหม้อแกงลิง (บางคนเรียกว่า น้ำเต้าฤาษี) จะมีเมือกลื่นๆ ให้แมลงลื่นตกลงไปในน้ำย่อยด้านล่าง เป็นกับดักธรรมชาติที่ได้ผลมานับล้านปีแล้ว!

13

 ชนิดนี้เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงจิ๋ว งอกอยู่กับพื้นดินทราย สูงไม่ถึง 3 นิ้ว และมีสีแดงต่างจากหม้อขาวหม้อแกงลิงสีเขียวขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ตามต้นไม้ ในภาพจะเห็นดอกกระดุมเงินจุ๋มจิ๋มน่ารักอยู่เคียงคู่กันด้วย

14

 หยาดน้ำค้าง เป็นพืชกินแมลงจิ๋วอีกชนิดหนึ่ง ที่พบอยู่ทั่วไปบนพื้นดินใกล้ชายน้ำ ตุ่มน้ำขาวๆ ที่เห็นอยู่ตามปลายขนสีแดง แท้จริงเป็นเมือกเหนียวที่ใช้ดักแมลงต่างหากล่ะ!

15

 ใกล้ชายน้ำเป็นสังคมพืชที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะมีเฟินโบราณอายุเป็นล้านปีพวก สามร้อยยอด หรือไลโคโพเดียม งอกงามอยู่ดาษดื่น

16

17

 ดอกไม้ในวงศ์ถั่วสีม่วงน่ารัก เบ่งบานอยู่ริมถนน เราเลยจอดรถลงไปเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆ

18

19

 ดอกบัวบา ถือเป็นดอกบัวชนิดที่เล็กที่สุดของไทย พบเห็นได้ทั่วไปตามแอ่งน้ำธรรมชาติบนเกาะคอเขาครับ

20

 ทุ่งดอกหญ้าสีทองบนเกาะคอเขา พัดพลิ้วไปตามกระแสลมอย่างน่ารักมาก

21

 นอกจากเรื่องธรรมชาติแล้ว บนเกาะคอเขายังมี “เมืองโบราณบ้านทุ่งตึก” ซึ่งคาดว่าน่าจะเก่าแก่นับพันปี มีการค้นพบซากเมืองโบราณ หมู่บ้าน บ่อน้ำ ซากเจดีย์เก่า ซากประภาคาร ซากเครื่องเคลือบจีน และเศษลูกปัดจำนวนมาก ซึ่งมีการมาสำรวจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ในภาพเป็นหินที่ใช้รองฐานอาคาร มีหลุมสี่เหลี่ยมตรงกลางใช้ปักไม้ลงไป พบอยู่ทั่วไปในเขตเมืองโบราณทุ่งตึก

22

 เศษกระเบื้องดินเผา และเคลื่องเคลือบจีน ที่ขุดพบ

23

 ซากกระเบื้องดินขอโบราณ ซึ่งชาวทุ่งตึกเคยใช้มุงหลังคา

24

 ซากฐานพระเจดีย์โบราณ หรือเป็นส่วนของฐานประภาคาร ก็ยังไม่แน่ เพราะเลยไปนิดเดียวเป็นทะเลแล้ว คาดว่าสมัยก่อนเรือสำเภาจะเข้ามาเทียบท่าใกล้ๆ ตรงนี้เลย

25

 เที่ยวชมเมืองโบราณกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ตระเวนซึมซับบรรยากาศชายทะเลเงียบสงบใต้ทิวสนกันต่อ

27

28

 บนเกาะคอเขามีควายอยู่เยอะมาก แต่ชาวบ้านที่นี่เขาเลี้ยงแบบปล่อย เรียกกันว่า ควายทุ่ง หรือควายปละ โดยปล่อยให้มันเดินหากินเองตอนกลางวัน และก็น่าแปลก เพราะตกเย็นมันจำทางได้ เดินกลับมาเข้าคอกเองซะงั้น ถ้าโชคดีไปเที่ยวในวันที่แดดจ้า ฟ้าใส ควายมันร้อน ช่วงเย็นๆ ไปดักซุ่มดู จะเห็นฝูงควายลงอาบน้ำทะเลกันด้วยล่ะ! Amazing มากๆ

29

 อีกหนึ่งความ Amazing ของเกาะคอเขาก็คือ เราจะได้ชมปูเสฉวนนับพันตัว ปีนต้นไม้!

30

 ก่อนปีนต้นไม้ บางตัวจะหาเปลือกหอยเปลี่ยน เหมือนเปลี่ยนบ้านเพื่อไม่ให้คับกับตัวที่โตขึ้น จะได้อยู่สบายขึ้น เจ้าของรีสอร์ทชายทะเลบางแห่งเลยหาเปลือกหอยเปล่าๆ ไปวางเรียงไว้ให้ปูเสฉวนมาเลือกเปลี่ยน ยังกับเป็น Super Market เปลือกหอยยังไงยังงั้นเลย ฮาฮาฮา

31

 เจ้าตัวนี้คงมีความสุขมาก กับเปลือกหอยใหม่ที่ได้ เลยปีนต้นสนเล่นซะงั้น

32

 ส่วนเจ้าตัวนี้ตัวเล็ก เลยหาเปลือกหอยสีดำรูปกรวยอันเล็กๆ ให้เหมาะกับขนาดตัวมันเอง ถ้าเราเรียนรู้จากธรรมชาติ ก็จะเข้าใจสมดุลย์ และความพอดีที่ธรรมชาติดำเนินไป และทั้งหมดนี้คือบางส่วนเสี้ยวของความงาม และความมหัศจรรย์บนเกาะคอเขา จังหวัดพังงา ครับผม

1841

Special Thanks : ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา (โทร. 0-7648-1900-2) และ คุณนครพจน์ ปิ่นมิ่ง ททท. ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (โครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย) สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้

Traveler’s Guide

Best season : ท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่ช่วงฟ้าใส คลื่นลมสงบสุด ต้องช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

How to go : ข้ามไปเที่ยวเกาะคอเขา ต้องไปลงเรือหรือแพขนานยนต์ที่บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า มี 2 เส้นทาง คือ เส้นทาง ภูเก็ต–ตะกั่วป่า โดยใช่ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่าน ตำบลโคกกลอย–ตำบลท้ายเหมือง-ตำบลทุ่งมะพร้าว-บ้านทับละมุ–เขาหลัก ลงไปผ่านตลาดบางม่วง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปในหมู่บ้านน้ำเค็ม  ถ้าหากต้องการเดินทางผ่านตัวเมืองพังงา และอำเภอกะปง ก็ให้มุ่งหน้าไปทางอำเภอตะกั่วป่า ผ่านตลาดย่านยาว และที่ว่าการอำเภอ แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปที่หมู่บ้านน้ำเค็มติดกับอาคารสำนักงานตำรวจทางหลวงอำเภอตะกั่วป่า เมื่อเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางบ้านน้ำเค็ม ก็ตรงไปจนพบทางแยก เลี้ยวขวาเข้าไปยังท่าเทียบเรือบ้านน้ำเค็มตามป้าย ถ้าเอารถยนต์ลงแพขนานยนต์ คันละ 150 บาท มอเตอร์ไซค์ คันละ 20 บาท และค่าเรือข้ามฟาก คนละ 10 บาท เท่านั้นเอง

Where to stay : แนะนำ C&N Kho Khao Beach Resort เลขที่ 89 หมู่ 3 เกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โทร. 08-6470-4789, 08-1797-0827  www.cnkhokhaobeachresort.com

More info : สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อบต.เกาะคอเขา โทร.0-7641-7017 / ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทร. 0-7648-1900-2

Life @เมืองเก่าตะกั่วป่า จ.พังงา

ในขณะที่โลกกำลังหมุนไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ใครบางคนกำลังถูกความรีบเร่งและสังคมเมืองกลืนกินวิถีชีวิตอันแสนสงบเรียบง่าย ให้หายไปอย่างไม่มีวันกลับ เราได้มาพบกับเมืองน้อยน่ารักนามว่า “เมืองเก่าตะกั่วป่า” แห่งจังหวัดพังงา เมืองเก่าอายุเกิน 100 ปี ที่เติบโตขึ้นในยุคเดียวกับภูเก็ต ด้วยธุรกิจทำเหมืองแร่ดีบุก

2

อาก๋งท่านนี้ เคยเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของเมืองตะกั่วป่า นั่งเรืออพยพมาจากเมืองจีนแท้ๆ ตั้งแต่วัยหนุ่ม ทว่าหลังจากธุรกิจเมืองแร่ดีบุกยุติลง และร่างกายก็ล่วงเข้าวัยชรา ทุกวันนี้อาก๋งจึงไม่ได้ตีเหล็กอีกแล้ว อาชีพนี้ก็สูญหายไปจากตะกั่วป่าอย่างไม่มีวันกลับ เหลือเพียงคำบอกเล่าจากปากของท่าน

3

เมืองเก่าตะกั่วป่า มีชื่อเดิมว่า “ตะโกลา” เป็นเมืองโบราณที่มีความสำคัญยิ่งของภาคใต้ ทำหน้าที่เป็นเมืองท่ามาตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 500 ค้าขายกับอินเดีย อาหรับ จีน และชาติต่างๆ ที่ล่องเรือนำสินค้ามาขึ้นยังฝั่งทะเลอันดามัน จากตะโกลาปัจจุบันชื่อเพี้ยนเปลี่ยนเสียงมาเป็น “ตะกั่วป่า” เมืองน่ารัก Slow Town ที่เราหลงรัก

4

 อดีตที่ผันผ่าน ยังคงตราตรึงอยู่ในควาทรงจำของผู้คนที่นี่ คนที่เกิด เติบโต และไม่เคยจากเมืองเก่าตะกั่วป่าไปไหนไกล

5

 ทุกซอกมุมคืออดีตที่บรรจุเรื่องราวไว้นับไม่ถ้วน อิฐเก่าบอกเล่าอดีตอย่างเงียบเชียบ รอคนที่เปิดใจมาสัมผัสรับฟัง

6

7

 สำหรับคนที่โหยหาอดีต ประตูหน้าต่างเก่าหน้าบ้านที่เห็น มิได้เป็นเพียงสถาปัตยกรรมอายุร้อยปี ทว่าเป็นประตูสู่วิถีชีวิตผู้คนแดนใต้ฝั่งอันดามัน ที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวไม่รู้จบ

8

 แม้สังขารจะถูกกาลเวลาพาให้ร่วงโรย แต่รอยยิ้มของอาก๋งนักตีเหล็กก็ยังเปื้อนหน้าทุกครั้ง ที่แหงนหน้าขึ้นดูรูปถ่ายขาวดำเก่าๆ ทั้งของตัวเอง เมีย ลูกๆ และหลานๆ วันวานยังหวานอยู่จริงๆ นะ

9

10

11

 ทำอาชีพที่ตนเองรัก มีความสุข อยู่อย่างพอเพียง คือปรัชญาชีวิตของคุณป้าท่านนี้ แม้ไม่ได้เกิดที่เมืองเก่าตะกั่วป่า แต่เมื่อได้มาใช้ชีวิตอยู่จริงๆ ก็หลงรัก และไม่อยากจากไปไหน

12

 ซื่อสัตย์กับอาชีพที่ตัวเองรัก นั่งปักผ้า เย็บผ้าทุกวัน ตามออร์เดอร์ลูกค้า ค่อยๆ ทำตามที่มีแรง ไม่เร่งไม่ร้อน

13

25

 เดินเล่นไปในเมืองเก่าตะกั่วป่า พบเห็นเส้นสายลายศิลป์บนผืนผ้านุ่งผ้าโสร่ง ที่มีแหล่งผลิตจากทั้งในเมืองไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ช่างงดงามน่ามอง เป็นเอกลักษณ์ เหมาะจะซื้อไปฝากคนที่รู้คุณค่าและได้สวมใส่ใช้งานจริง

14

 ตัดผ้ามาตั้งแต่หนุ่มๆ โดยไม่เคยจากเมืองเก่าตะกั่วป่าไปไหน เทิดทูนในหลวงไว้เหนือเกล้า ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

15

 ศิลปะแห่งแสงสี ฉาบทาอยู่ในทุกอณูเนื้อของอาคารเก่า ผนังกำแพงที่ใครหลายคนมองว่าไร้ค่า แต่สำหรับเรานี่คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะอันมีชีวิต Living Museum / Art Museum ของแท้แน่นอน

16

 แม้จะเป็นเพียงมุมเล็กๆ ที่เก่าคร่ำคร่า ทว่าก็เปรียบเสมือน Installation Art เป็นศิลปะการจัดวางอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก็งามเกินบรรยาย

17

18

 เมืองเก่าตะกั่วป่า มีศาลเจ้าจีนอยู่หลายแห่ง และจัดงานเทศกาลใหญ่ๆ รวมถึงงานถือศีลกินผักพร้อมๆ กับภูเก็ตด้วยเหมือนกัน

19

20

 ภาพขรึมขลังของบรรพบุรุษชาวจีนรุ่นแรกๆ ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ประกอบสัมมาอาชีพในเมืองเก่าตะกั่วป่า สืบทอดลูกหลานมาจนปัจจุบัน

21

22

 บ้านคุณป้าที่เห็นด้านหลัง เคยเป็นโรงตีเหล็ก แต่เมื่อเหมืองแร่ดีบุกหมดไป อาชีพนี้ก็สาบสูญ คุณป้าบอกว่า “เมืองกำลังจะหมดลมหายใจ!” เป็นประโยคสั้นๆ ที่กินใจเราเหลือเกิน!

23

 ร้านโกปี้ หรือร้านกาแฟแบบชาวใต้ เหมาะไปนั่งพักผ่อนสบายๆ ดูคนเมืองเก่าตะกั่วป่าเขาเปิดสภากาแฟ พูดคุยสรวนเสเฮฮากันในสยามเช้า

24

26

 อาคารโบราณอายุเกิน 100 ปีในเมืองเก่าตะกั่วป่า สร้างขึ้นในยุคเดียวกับเมืองเก่าภูเก็ต ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ ชิโน-ยุโรเปียน (Chino-European) หรือจะเรียกว่า ตึกแบบจีนปนยุโรป ก็ไม่ผิด เขาบอกว่าถ้าอาคารหลังใดสร้างต่อกัน ด้วยแบบเหมือนกันหลายคูหา แสดงว่าเป็นญาติหรือครอบครัวเดียวกัน แต่ถ้าอาคารใดสร้างคนละแบบ หรือมีการเว้นช่องว่างไว้ ก็แสดงว่าไม่ใช่ญาติกันนั่นเอง

27

28

29

1841

 Special Thanks : ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา (โทร. 0-7648-1900-2) และ คุณนครพจน์ ปิ่นมิ่ง ททท. ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (โครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย) สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้

เปิดโลกธรรมชาติไร้ขีดจำกัด! จังหวัดสตูล

2

น้ำทะเลใสแจ๋วหน้าเกาะราวี เคียงคู่กิ่งไม้โอนเอนแทบจะลงไปหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

3

อดรนไม่ไหว ใส่อุปกรณ์ดำน้ำตื้นลงไปทักทายหมู่ปลาและปะการังหลากชนิด ที่หน้าเกาะราวี

4

 วันฟ้าใสที่สะพานหินเกาะไข่ เป็น Landmark ที่คนเห็นกันชนชินตา และกลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะตะรุเตาไปแล้ว

5

 สะพานหินเกาะไข่ เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นลมในบริเวณปลายแหลมหิน จนเกิดโพรงช่องทะลุใหญ่ สามารถเดินลอดเข้าไปได้

6

 ท่าเรือหน้าเกาะตะรุเตา เกาะใหญ่ซึ่งที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตาตั้งอยู่ เมื่อก่อนเกาะนี้เองเคยเป็นที่คุมขังนักโทษการเมือง จนกลายเป็นโจรสลัดที่ออกปล้นเรือ และถูกปราบปรามในเวลาต่อมา

7

 ฝูงลูกปลาน้อยว่ายน้ำเข้ามาทักทายนักท่องเที่ยวที่ท่าเรือหน้าเกาะตะรุเตา

8

 ในวันฟ้าใสคลื่นลมสงบแบบนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าการออกไปพาบเรือคายัคเที่ยวเล่นชมธรรมชาติรอบเกาะตะรุเตาล่ะ

9

 เกาะตุเรามักจะเป็นที่จอดเรือหลบคลื่นลมของเรือยอร์ชต์นักท่องเที่ยว

10

 แสงสุดท้ายของตะวันกำลังจะลาลับลงจุมพิตผืนทะเลที่หน้าเกาะตะรุเตา แต่กว่าจะได้ภาพนี้มาก็ต้องออกแรงปีนขึ้นเขาไปยังจุดชมวิว

11

 บนเกาะตะรุเตามีค่างแว่นถิ่นใต้อยู่หลายฝูง แถมยังคุ้นคน เข้ามาอยู่ใกล้ๆ บ้านพักเลย ค่างแว่นถิ่นใต้มีลักษณะเฉพาะคือหนังสีขาวรูปตัว C รอบตาสองข้าง แต่ถ้าเป็นค่างแว่นถิ่นเหนือแผ่นหนังสีขาวนั้นจะเป็นรูปตัว O พวกมันอาศัยอยู่เป็นฝูงเล็กๆ และกินใบไม้ผลไม้เป็นหลัก เรียกว่าเป็นสัตว์มังสวิรัตอย่างแท้จริง

12

 นกแก็ก คือนกเงือกชนิดตัวเล็กที่สุดของไทย Amazing มากๆ เพราะที่เกาะตะรุเตามันเข้ามาโชว์ตัวถึงหน้าบ้านพักเลย ไม่ต้องออกแรงเข้าไปหาดูในป่า

13

 แสงยามเย็นที่ปลายแหลมด้านทิศใต้ของเกาะหลีเป๊ะ เก็บภาพได้งดงามจากมุมสูง เห็นสีของเนินทรายตัดกับผืนทะเลไล่โทนเข้มอ่อนเบื้องหลังอย่างงดงาม

14

 อรุณรุ่งฝั่งหมู่บ้านชาวเลที่เกาะหลีเป๊ะ งามไม่ต่างจากภาพสวยๆ ของศิลปินธรรมชาติ

15

 วิถีชาวเลเผ่าอูรักลาโว้ยแห่งเกาะหลีเป๊ะ ยังผูกพันอยู่กับทะเลไม่เคยเปลี่ยน เมื่อแสงอาทิตย์ส่อง จังหวะแห่งชีวิตก็เริ่มต้นขึ้น

16

 สาวสวยกับหาดทรายขาวที่หาดพัทยา เกาะหลีเป๊ะ ศูนย์รวมความเจริญบนเกาะน่าเที่ยวแห่งนี้

17

 ดวงตะวันกลมดิกเป็นไข่แดง ขณะอาทิตย์อัสดงที่จุดชมวิวมุมสูงของเกาะตะรุเตา

18

 เกาะหินซ้อน เป็นเหมือนกองหินขนาดใหญ่โผล่ขึ้นเหนือทะเล ว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกลงทะเลได้สวยที่สุดจุดหนึ่งในหมู่เกาะตะรุเตา

19

 เกาะหินงาม ถือเป็นความพิเศษหนึ่งเดียวของธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะเป็นเพียงเกาะเดียวที่มีหินริ้วลายสวยงามนับหมื่นๆ แสนๆ ก้อน ไปกองรวมกัน จนกลายเป็นหาดหินเคียงคู่เกลียวคลื่นขาว แต่หินบนเกาะนี้มีคำสาบ! ใครบังอาจเก็บติดมือกลับบ้าน จะต้องประสบเหตุเภทภัย จนต้องนำกลับมาคืนทุกราย!!!

20

21

 จังหวัดสตูลไม่ได้มีแต่ท้องทะเลสวยงามน่าเที่ยวเท่านั้น แต่บนบกยังมีธรรมชาติน่าเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะการผจญภัยลงสู่โลกใต้พิภพ เป็นโลกซ่อนเร้นที่แทบไม่เคยมีใครพบเห็น ภาพนี้คือ ถ้ำภูผาเพชร ที่มีโถงถ้ำมรกตอันเกิดจากตะไคร่เขียวขึ้นปกคลุมโดยอาศัยความชุ่มชื้นในโถงถ้ำ เมื่อสะท้อนแสงไฟจึงเปล่งประกายงดงามเช่นนี้

22

 ถ้าภูผาเพชร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งพบหินงอก หินย้อย และเสาหินขนาดยักษ์ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการก่อกำเนิดขึ้น

23

 บางช่วงเวลาของวัน จะมีลำแสงอาทิตย์ส่องทะลุโพรงหินเข้าสู่ความมืดมิดภายในถ้ำภูผาเพชร จนเกิดเป็นภาพแปลกตา รวมกับลำแสงรัสมีจากสวรรค์!

24

 พายเรือคายัคลำน้อยเข้าสำรวจถ้ำเจ็ดคต ถ้ำน้ำลอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้!

25

 เด็กๆ ชาวป่าเผ่าเซียมัง ที่พบอาศัยอยู่ในป่าดงดิบของจังหวัดสตูลเท่านั้น ส่วนเผ่าซาไกพบได้ในแถบจังหวัดพัทลุงและตรัง

26

 คลองลำโลน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นลำธารสายน้อย ใสแจ๋ว และคดเคี้ยว ลดเลี้ยวเข้าไปตามป่าดงดิบ ผ่านถิ่นอาศัยของคนป่าเผ่าเซียมังด้วย

เกาะไม้ท่อน มัลดีฟส์แห่งใหม่ในทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต

ฉันนั่งมอง wristband สีฟ้าสดใส ที่มีตัวหนังสือสีขาวสกรีนลงไปว่า LOVEandaman.com ซึ่งสวมอยู่ที่ข้อมือข้างขวาของฉันตอนนี้ เจ้า wristband หรือปลอกข้อมือยางนี้ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ นะ แต่คุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์สุดพิเศษ One Day Trip ของบริษัท Love Andaman ที่กำลังมุ่งหน้าฝ่าท้องทะเลสีคราม น้ำใสแจ๋ว ตรงจากเกาะภูเก็ตมุ่งหน้าไปยัง “เกาะไม้ท่อน” เกาะส่วนตัวที่ปิดมานานนับสิบปี แต่เพิ่งเปิดออกสู่สายตาโลกภายนอกไม่นาน ทำให้เราได้มีโอกาสนั่งเรือสปีตโบ๊ทเร็วจี๋เหินเหนือยอดคลื่นมาในวันนี้

ผู้โดยสารกว่า 40 คนบนเรือต่างตื่นเต้น มองไปทางหัวเรือ ที่ใกล้ถึงเกาะไม้ท่อนเข้าไปทุกที อีกไม่กี่อึดใจแล้วสินะ ฉันก็จะได้เห็นเกาะสวรรค์ที่ใครๆ ตั้งฉายาให้ว่า มัลดีฟส์แห่งใหม่ของเมืองไทย เกาะที่อาบอิ่มด้วยธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ เป็นเสมือนเกาะส่วนตัว ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฮันนีมูนกับคู่รักหรือคนพิเศษของเราโดยไม่กลัวใครจะมารบกวน ว้าว!

2

จริงๆ แล้ว เกาะไม้ท่อนเป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวคุณภูริ หิรัญพฤกษ์ ดาราหนุ่มสุดหล่อ ที่ควงคู่มากับเจ้าสาวสุดสวยคุณแอน อลิชา เห็นแล้วน่าอิจฉา เพราะทั้งคู่มีเกาะส่วนตัวไว้ฮันนีมูนกัน ตลอดชีวิตเลย! เกาะไม้ท่อนจึงเรียกว่าเป็นเกาะแห่งความรัก ก็ไม่น่าจะผิดนะ

3

เพียงแค่ 15 นาที เรือสปีตโบ๊ทแรงม้าสูงสามเครื่องยนต์ ก็พาเรามาถึงเกาะไม้ท่อนอย่างรวดเร็ว เหมือนโกหก ภาพเกาะตรงหน้าทำให้พวกเราตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะไม่นึกเลยว่า ไม้ท่อนจะมีความใสบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ บนเกาะมีป่าเขียวครึ้มปกคลุม ถัดลงมาเป็นหาดทรายสีทองอ่อนๆ เคียงคู่น้ำทะเลสีเขียวมรกตไล่โทนไปจนถึงสีครามเข้มอ่อนอย่างสวยงามชวนมอง แดดเจิดจ้าและฟ้าใสๆ ของวันนี้ ได้เปิดเผยความงามในสัมผัสแรกให้เราประทับใจกันถ้วนหน้า มองไปบนหาดทรายหน้าเกาะ เราเห็นเพียงอาคารรีสอร์ทไม่กี่หลัง สร้างกลืนไปกับดงไม้ร่มครึ้ม มีเพียงความเงียบสงบ อวลด้วยกลิ่นอายทะเล ยินเพียงเสียงคลื่นขาวสาดซัดเข้าหาฝั่งดังซ่าๆ เป็นจังหวะน่าฟัง นี่ล่ะเสน่ห์แบบธรรมชาติของเกาะไม้ท่อน ที่แม้แต่เจ้าชายจิกมีแห่งประเทศภูฏานก็ยังทรงโปรดฯ เพราะทรงเคยเสด็จมาประทับพักผ่อนที่นี่ด้วย!

4

5

6

7

8

จากท่าเทียบเรือหน้าหาด ไกด์ผู้มากอารมณ์ขัน พาเราเดินตรงไปยังที่นั่งพักผ่อนติดกับร้านอาหาร ซึ่งจุดนี้มีระเบียงไม้แบบ Outdoor กว้างขวางใต้ทิวสนทะเลต้นเบ้อเริ่ม ให้เราได้นั่งชิลชมวิวทะเลสวยราวสวรรค์เบื้องหน้า หรือจะถอดรองเท้าลงไปเดินเล่นบนผืนทรายนุ่มๆ แสนสะอาด แล้วมานอนอิงกายบนเตียงผ้าใบใต้ร่มชายหาดสีขาว สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาจิบ ยกกล้องคู่ใจขึ้นมาบันทึกภาพสักแช๊ะ แล้วลองหลับตา สูดโอโซนเข้าปอดสักฟอดใหญ่ๆ จากนั้นลองใช้โสตประสาทสัมผัสทางหู รับฟังสรรพสำเนียงของธรรมชาติแท้ๆ ที่คุณจะหาจากที่อื่นไม่ได้ง่ายๆ นี่คือโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งฉันอยากหยุดเวลาไว้ แล้วขอนอนเอกเขนกอยู่ตรงนี้ให้นานๆ ตลอดไป

9

10

กิจกรรมของทริปทัวร์วันนี้ไม่มีอะไรมาก ไม่อัดแน่น ไม่บังคับกัน ใครอยากจะพักอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีใครว่า แต่ส่วนใหญ่ (รวมทั้งตัวฉันด้วย) เลือกที่จะลงไปเดินเล่นถ่ายภาพบนชายหาดมากกว่า แหม ไม่ได้มากันบ่อยๆ ขอเก็บภาพประทับใจไปอวดเพื่อนๆ ที่กรุงเทพฯ ให้อิจฉาเล่นดีกว่า ขอบอกว่า แม้หาดทรายบนเกาะไม้ท่อนจะไม่ได้เป็นสีขาวจั๊วะเหมือนกับแถวหมู่เกาะสิมิลัน หรือหมู่เกาะสุรินทร์ของพังงา แต่หาดทรายสีทองอ่อนๆ ของที่นี่ก็มีเนื้อละเอียดเนียน นุ่มเท้า อ่อนโยนยามได้สัมผัส อีกทั้งฟองคลื่นขาวที่สาดซัดเข้ามาตลอดเวลา ก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้หาดของเกาะไม้ท่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลายคนอดใจไม่ไหว โดดลงไปเล่นน้ำ พายเรือคายัก เดินหาเปลือกหอยสวยๆ มาเรียงบนหาดทราย หรือไม่ก็หามุมถ่ายภาพตามโขดหิน ร่มไม้ แล้วโดดตัวลอยถ่ายภาพพร้อมกันเป็นหมู่อย่างสนุกสนาน

            สมแล้วที่เกาะไม้ท่อนเป็นเกาะแห่งความรักและความสุข ฉันแอบอิจฉาตัวเองเล็กๆ ที่ได้มาอยู่บนหาดทรายผืนนี้ ณ วินาทีนี้

11

12

13

ก่อนเที่ยง ไกด์ผิวเข้มหน้าตาใจดี ชวนพวกเราเดินขึ้นเขาไปบนจุดชมวิว ไม่ต้องตกใจหรอก เดินแค่ 200-300 เมตร ก็ถึงแล้ว ถ้าไม่ขึ้นไปจะเสียใจ ระหว่างทางมีแมกไม้ร่มรื่น เดินชิลไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ พอถึงยอดเขาก็ต้องร้องโอ้โห เพราะสามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามา 360 องศา โดยในวันที่ฟ้าโปร่งแบบนี้ เราสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 3 จังหวัดเลยทีเดียว คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ บนยอดเขาจุดชมวิวนี้ค่อนข้างโล่ง มีศาลาที่พักเล็กๆ ให้นั่งชมวิว พร้อมกับภายประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิให้เรากราบไหว้เป็นสิริมงคลด้วย

            กลับลงมาที่ร้านอาหาร ไลน์บุฟเฟ่ต์ก็เตรียมเสร็จพอดี นี่คืออาหารเที่ยงแบบจัดเต็ม กินกันไม่อั้น โดยเฉพาะหมึกย่างกับกุ้งเผา จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเด็ด ใครจะหม่ำข้าว สปาเก็ตตี้ น่องไก่ทอด ผัดผัก แกงจืด มันฝรั่งทอด ฯลฯ ก็เลือกกันเลยตามสบาย กินให้อิ่มนะ แต่อย่าอิ่มจนล้น เพราะประมาณบ่ายโมง เขาจะพาลงเรือไปดำน้ำดูปลาทักทายปะการังแสนสวยกันด้วย

14

15

16

17

18

19

20

จุดเด่นอย่างหนึ่งของธรรมชาติเกาะไม้ท่อนก็คือ มีแนวปะการังอุดมสมบูรณ์ยาวเหยียดกว่า 1 กิโลเมตร ทอดตัวขนานไปกับชายหาดด้านหน้าเกาะ โดยอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเอง แถมยังเป็นโลกใต้น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยปะการังนานาชนิด มีปลาการ์ตูน หอยต่างๆ ฟองน้ำทะเล ดอกไม้ทะเล ปลาดาว และโดยเฉพาะฝูงลูกปลานับล้านๆ ตัว! แหวกว่ายรวมฝูงกันอยู่อย่างหนาแน่น แสดงให้เห็นว่าทะเลตรงนี้ปลอดภัย ใช้เป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์ทะเล เพื่อต่อเติมห่วงโซ่แห่งโลกสีครามให้สมบูรณ์ต่อไปไม่สิ้นสุด

            พอเรือสปีตโบ๊ทจอดเราก็ไม่รอช้า รีบสวมหน้ากากดำน้ำ เสื้อชูชีพ และตีนกบ โดดลงน้ำตูมทางท้ายเรือ ว่ายน้ำตามไกด์ไปตรงจัดที่มีปะการังสวยๆ รออยู่

21

22

โลกใต้น้ำที่นี่ช่างสวยงาม น่าตื่นเต้น น่าค้นหา ปะการังส่วนใหญ่เป็นแบบปะการังโขดก้อนใหญ่ๆ อย่างปะการังสมองก้อนเบ้อเริ่ม ปะการังเขากวางดงใหญ่ทอดต่อเนื่องออกไปเป็นพื้นที่ยาวเหยียด นอกจากนี้ยังมีปะการังผักกาด ปะการังโต๊ะ หอยมือเสือ ดาวทะเล หนอนพู่ฉัตร และปลาหลากสีว่ายวนหากิน อยู่คู่กับปะการังเหล่านั้น เปรียบไปคงเหมือนบ้านอันแสนสุขของพวกมัน ฉันโชคดีว่ายไปเจอกอดอกไม้ทะเล กับปลาการ์ตูนคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในนั้น มันว่ายน้ำผลุบๆ โผล่ๆ ออกมาจากกอดอกไม้ทะเล เพื่อมาสอดแนมฉัน ดูว่าพวกเรามาทำอะไรกันในเขตบ้านของมัน ไม่ต้องกลัวนะเจ้าปลาน้อย ฉันแค่มาเยี่ยม ไม่ได้มาทำอันตรายหรอก

23

เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว บ๊ายบาย เกาะไม้ท่อน มัลดีฟส์ของฉัน แล้วพบกันใหม่เร็วๆ นี้นะจ๊ะ

1841

Special Thank : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. สนับสนุนสุดยอดอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ

สนใจติดต่อ โทร. 0-2633-5100 / แฟ็กซ์ 0-2633-5191 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

 

Professional Guide

Best season : ฟ้าสวยน้ำใส คลื่นลมสงบที่สุด ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

Getting there : เกาะไม้ท่อนอยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางตะวันออก 9 กิโลเมตร เรือสปีตโบ๊ทออกจากท่าเรือแหลมพันวา ใช้เวลาวิ่งเพียง 15 นาที ก็ถึงแล้ว โดยมีรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวจากโรงแรมที่พักมายังท่าเรือด้วย แพ็กเกจ One Day Trip อยู่ในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. นอกจากพาเดินเที่ยวขึ้นจุดชมวิวบนเกาะแล้ว ยังมีพาไปดำน้ำ 2 จุด และพักผ่อนบนหาดด้วย

Overnight : บนเกาะไม้ท่อนมีที่พักอยู่แห่งเดียว คือ Honeymoon Island Phuket Resort (ชื่อเดิม ไม้ท่อน ไอส์แลนด์ รีสอร์ท) ตั้งอยู่บนหาดส่วนตัวทางด้านตะวันออกของเกาะ ซึ่งเป็นจุดที่เรือสปีดโบ๊ทมาจอดนั่นแหละ สามารถจองผ่าน www.hoteltravel.com

Cuisine : แพ็กเกจ One Day Trip เกาะไม้ท่อน มีอาหารเที่ยงรวมให้ด้วย 1 มื้อ เสิร์ฟบนเกาะอย่างอิ่มหนำ สำราญ จัดเต็มกับซีฟู๊ดกุ้ง หมึก ปลา และสารพัดอาหารอร่อย พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ สำหรับคลายร้อน

Contact : Love Andaman เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับอนุญาตให้พานักท่องเที่ยวไปเกาะไม้ท่อน สนใจจองแพ็กเกจทัวร์ โทร. 0-7648-6095-6, 08-1999-8844, 08-9500-5111 เว็บไซต์ http://loveandaman.com เฟสบุ๊ค www.facebook.com/loveandaman อีเมล info@LoveAndaman.com

อลังการ Unseen ทะเลหมอกวัดถ้ำเสือ จ.กระบี่

1109

ไปเที่ยวกระบี่มาก็ตั้งหลายหน แต่ไม่พ้นจุดหมายคือทะเลสีคราม มาเยือนกระบี่รอบนี้เลยขอไปเที่ยวทะเลแบบอื่นบ้าง (ไม่ใช่ทะเลแหวกด้วยนะ) แต่เป็นทะเลหมอกที่สวยไม่แพ้ภาคเหนือเลยจ้ะ

ทะเลหมอกที่ว่าต้องใช้กำลังขาเดินขึ้นกันนิดนึง ผ่านบันไดถึง 1,260 ขั้น!!! เพราะที่นี่คือ จุดชมวิวทะเลหมอกวัดถ้ำเสือ เห็นตัวเลขแล้วอย่าเพิ่งท้อ เพราะถ้าได้ลองขึ้นมาเห็นกับตาแล้ว จะรู้ว่า ไม่เสียแรงเดินขึ้นมาเลยจริงๆ

เมื่อปี พ.ศ. 2528 หลวงพ่อจำเนียร มีความประสงค์จะหาสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ จึงเกิดนิมิตเห็นสถานที่ที่มีภูเขาล้อมรอบชื่อ “วัดถ้ำเสือ” ในจังหวัดกระบี่ หลวงพ่อจึงได้ให้พระอาจารย์หีดไปเสาะแสวงหาที่ดังกล่าว จึงพบถ้ำเสือเข้าในที่สุด หลวงพ่อจำเนียรจึงได้นำคณะภิกษุสามเณร 53 รูป และแม่ชี 53 ท่าน จากวัดสุคนธาวาส มาอยู่ ณ ที่นี้ โดยในอดีตใช้ชื่อว่า “สำนักสงฆ์หน้าชิง” ตามชื่อหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2518 และต่อมาใน พ.ศ. 2533 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดถ้ำเสือ” ดังเช่นปัจจุบัน โดยเหตุที่ชื่อนี้ก็เพราะ อดีตเคยมีเสือโคร่งอาศัยอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังมีหินธรรมชาติรูปอุ้งเท้าเสืออยู่ด้วยนั่นเอง นอกจากถ้ำเสือแล้ว ยังมีถ้ำคนธรรพ์, ถ้ำลอด, ถ้ำช้างแก้ว, ถ้ำลูกธนู, ถ้ำงู, ถ้ำเต่า และถ้ำมือเสือ ท่องเที่ยวได้ตลอดปี

328

เช้านี้เราตื่นตั้งแต่ตีสี่ ออกจากที่พักตีสี่ครึ่ง เพื่อรีบมารวมพลเดินขึ้นเขาวัดถ้ำเสือ ที่เขาร่ำลือกันว่างามหนักหนา ระหว่างทางก็ต้องรีบเดินแข่งกับเวลา เพราะกลัวไม่ทันเก็บแสงแรกของตะวันบนยอดเขา

426

เพื่อนๆ เราพากันนั่งคอตกหมดแรง เมื่อผ่านบันไดชันขึ้นเขามาได้ครบ 1,260 ขั้น! (ของเก่ามี 1,237 ขั้น) นี่คือรางวัลของความพยายาม และความศรัทธาที่จะได้ขึ้นมากราบพระ พร้อมกับชมทะเลหมอกสุดอลังการของเมืองกระบี่ ที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ว่ามีอยู่มาก่อน

527

 เทือกเขาหินปูนวัดถ้ำเสือยังหลับใหลอยู่ในแสงยามเช้าก่อนตะวันขึ้น ลมเย็นโบกสะบัดพัดพลิ้ว ทำให้กอเฟินบนเขาหินปูนโอนเอนไปมาตามจังหวะลมหายใจของธรรมชาติ

626

 ถึงแล้ว จุดชมวิวยอดเขาวัดถ้ำเสือ มีลานกว้างให้เดินชมวิวได้รอบ พร้อมด้วยองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ให้เราไปสักการะ

726

 พี่อิช พี่ชายใจดีแห่งเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม แอ็กท่าเท่ห์ให้เราเก็บภาพคู่กับเทือกเขาหินปูน ซึ่งแลเห็นยอดเขาพนมเบญจา (ยอดเขาสูงสุดของจังหวัดกระบี่) ตั้งอยู่ไกลลิบๆ โน่น

827

 การถ่ายภาพเทือกเขาหินปูนบนยอดเขาวัดถ้ำเสือ จำเป็นต้องใช้เลนส์มุมกว้างพวก 17-35 มม. หรือ 14-24 มม. เพื่อเก็บภาพ Landscape (ภาพภูมิทัศน์) ให้ได้กว้างสะใจอย่างนี้ล่ะ

927

 แม้วันนี้ทะเลหมอกวัดถ้ำเสือจะไม่ได้อลังการเหมือนที่เราหวังไว้ แต่ธรรมชาติก็มอบรางวัลแห่งความงาม ของแสงตะวันแรกสีทองงามจับตาจับใจ

1026

 จากจุดชมวิวยอดเขาวัดถ้ำเสือ มองเห็นเทือกเขาหินปูนทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนราวภาพฝัน โดยมียอดเขาพนมเบญจา ยอดเขาสูงสุดของจังหวัดกระบี่ตั้งตระหง่านเป็นพี่ใหญ่สุดอยู่ทางด้านหลัง

1132

 เทือกเขาหินปูนอายุหลายร้อยล้านปีในแถบจังหวัดกระบี่ ในอดีตเคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน เมื่อเปลือกโลกยกตัวขึ้น แล้วสึกกร่อนไปตามกาลเวลา จึงเกิดริ้วรอยหิน และพรรณไม้ป่าดิบชื้นขึ้นปกคลุมอย่างน่าชมเช่นนี้

1229

 ทะเลหมอกวัดถ้ำเสือในยามเช้าตรู่ คือรางวัลของคนขยันตื่นเช้า และเดินฝ่าบันไดชัน 1,260 ขั้น ขึ้นสู่ยอดเขาสำเร็จ!

1326

 ภาพสวยๆ อย่างนี้ เราใช้เลนส์ซูมช่วง 70-200 มม. ติดบนขาตั้งกล้องเพื่อความนิ่ง แล้วค่อยๆ เลือกเฉพาะส่วนภาพที่ต้องการ จัดองค์ประกอบให้แน่นพอประมาณ โดยมีทิวป่าสีเขียวเป็นฉากหน้า (Foreground) ด้วย ทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น

1425

 สายหมอกขาวลอยอ้อยอิ่งให้เราเก็บภาพเคียงคู่กับเขาหินปูนอยู่นานมาก ต้องขอขอบคุณธรรมชาติจริงๆ นะจ๊ะ

1524

 ทางด้านหน้าของจุดชมวิวยอดเขาวัดถ้ำเสือ เมื่อมองลงไปในหุบเหวเบื้องล่าง เล่นเอาใจหวิวเหมือนกันนะ! แต่วิวก็สวยยั่วใจยิ่งกว่า จนหายกลัวไปเลยล่ะ

1622

 เช้านี้มีทั้งเพื่อนๆ ช่างภาพชาวกระบี่ เพื่อนๆ จากเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม และคนขึ้นมากราบพระกันพอสมควร

1722

 หมอกขาวถูกสายลมแรงจากหุบเขาตีตวัดลอยฟุ้งขึ้นมาคลอเคลียยอดเขาหินปูนอย่างงดงาม ให้ความรู้สึกเหมือนโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งยิ่งใหญ่ และตัวเราดูเล็กนิดเดียว

1820

1919

2017

2120

 จากยอดเขาสามารถมองลงไปเห็นถนนหนทางคดเคี้ยวราวกับงูเลื้อย และรถเก๋งที่แล่นไปมาก็กลายเป็นขนาดเล็กจิ๋วเหมือนของเล่นเด็กไม่มีผิด

2216

 แปดโมงกว่าแล้ว หลังจากกราบพระและเก็บภาพกันจนชุ่มปอด ก็ได้เวลาเดินลงเขากลับโรงแรมไปกินข้าวเช้า

2313

 หนทางลงเขาช่างแสนสบาย ฮาฮาฮา ไม่ต้องเหนื่อย เพราะใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวของตอนขึ้นมา

2411

 เดินช้าๆ ชมพรรณไม้ที่ขึ้นอยู่บนผาหินปูนสองข้างทางไปด้วย เราพบดอกไม้ในวงศ์ใบกำมะหยี่ สีม่วงขนาดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก มันจะออกดอกเฉพาะฤดูฝนที่มีความชุ่มชื้นพอเพียงเท่านั้น

2510

267

 พวกเราเดินลงเขา แต่หลวงพี่รูปนี้ท่านเดินขึ้นยอดเขาทุกวัน เพื่อไปดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ สุดยอดไปเลยครับ!

276

Special Thanks : ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และผองเพื่อนจากเว็บไซต์ เมืองไทยดอทคอม ที่สนับสนุนการเดินทาง และแบ่งปันประสบการสนุกๆ ร่วมกันในทริปนี้

สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2

Traveler’s Guide

How to go : จากตัวเมืองกระบี่ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกตลาดเก่า ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ทางไปอำเภอเหนือคลอง เลี้ยวซ้ายที่สามแยกถ้ำเสือไปตามถนนราษฎรพัฒนา (ทางหลวงหมายเลข 4037) ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว

When to go : ช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดในการเดินขึ้นวัดถ้ำเสือ คือตอนเช้าตรู่ เพราะอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน เดินขึ้นไปตอนเช้าจะได้ชมทะเลหมอกด้วย แต่ก็มีบางคนขึ้นไปนอนค้างคืนใต้ชะง่อนหินบนยอดเขาเลยก็มี เวลาในการเดินขึ้น ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ถ้าแข็งแรงหน่อย อาจใช้เวลา 45-50 นาที แต่ระหว่างทางพักนานกว่านั้น อาจใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง และตรงจุดกึ่งกลางทางเดินขึ้น มีห้องน้ำไว้บริการด้วย แต่บนยอดเขาไม่มีห้องน้ำนะจ๊ะ ต้องทำธุระส่วนตัวให้เสร็จไปก่อนเลย

Contact : พระครูภาวนาธิคุณ (เจ้าอาวาส) วัดถ้ำเสือ ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ 81000 โทร. 08-4068-4664 แฟ็กซ์ 0-7570-1056 เว็บไซต์ www.watthumsua-krabi.com

ผจญภัยโลกใต้พิภพล้านปี ถ้ำคลัง จ.กระบี่

258

327

ถ้ำคลัง มีความแปลกประหลาดไม่เหมือนถ้ำไหนๆ นั่นคือมีทั้งถ้ำบกและถ้ำน้ำ สามารถเดินทางเข้าถ้ำบกแล้วไปทะลุอีกด้านและล่องแคนูลอดถ้ำอีกถ้ำหนึ่ง ซึ่งอยู่แฝดคู่กันเป็นโพรงถ้ำมืดมีน้ำตลอดลอดกลับมาได้ อย่างไรก็ตาม หินงอกหินย้อยสวยงามจะอยู่ที่ถ้ำบกซึ่งมีความมหัศจรรย์อย่างยิ่งตลอดทั้ง 13 คูหา ลึกราว 1,200เมตร มีลักษณ์เด่นแตกต่างกันไป จุดเด่นคือนอกจากหินย้อยแล้วคือแท่นหินงอกที่มีมากกว่าถ้ำอื่น หินควอทต์ที่เป็นหลอดกาแฟนับพันๆ แท่งหินควอทต์รูปปะการังและม่านหินย้อยสีทอง กล่าวกันว่าน่าจะเป็นหนึ่งในถ้ำที่สวยที่สุดในเอเชียเลยล่ะ!!!

425

การผจญภัยสุดขั้วในทริปนี้ เราเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนๆ พี่ๆ แสนใจดีจาก ททท. สำนักงานกระบี่ และพี่อิช พร้อมทีมงานเว็บไซต์คุณภาพ เมืองไทยดอทคอม ภาพนี้คือบริเวณหน้าปากถ้ำ คือจุดสุดท้ายที่มีแสงสว่าง เราต้องเดินข้ามสะพานไม้เข้าสู่โลกใต้พิภพ จุดนี้มีน้ำท่วมพื้นถ้ำ เราเห็นปลาตัวเล็กๆ บางชนิดแหวกว่ายอยู่ในน้ำด้วย

526

 น้องสาวแสนน่ารักจาก ททท. สำนักงานกระบี่ ร่วมเข้าสำรวจถ้ำกับเรา พร้อมกับเป็นนางแบบให้ด้วย การเที่ยวถ้ำคลังจำเป็นต้องพกไฟฉายพร้อมแบตเตอร์รี่สำรองเข้าไป เพราะการเดินเที่ยวใช้เวลาค่อนข้างนาน อีกทั้งในถ้ำยังมืดสนิทมาก ห้ามเดินออกนอกเส้นทางเด็ดขาด ไฟฉายที่ใช้ควรเป็นแบบหลอด LED เพราะมีความร้อนต่ำ หากใช้ไฟฉายแบบเก่าหรือตะเกียงน้ำมัน จะมีความร้อนสูงและเขม่าควัน ไปเพิ่มอุณหภูมิให้ถ้ำที่มีความชื้น โดยสภาพนิเวศนี้เปราะบางมาก หากเกิดความร้อนเกินกว่าปกติเพียง 1-3 องศาเซลเซียส หินงอกหินย้อยในถ้ำที่มีชีวิต ก็จะหยุดการเจริญเติบโตจนตายไปในที่สุด!!!

625

ต้องยอมรับเลยว่า โถงถ้ำคลังในแต่ละคูหานั้นมีขนาดมหึมาจริงๆ แถมยังมีลักษณะของหินงอกหินย้อยที่มีชีวิตอยู่ สวยงามจนเราต้องตะลึง ชวนให้จินตนาการไปถึงรูปทรงต่างๆ อย่างไม่จบสิ้น

725

หินรูปหลอดกาแฟนับพันๆ หมื่นๆ อัน ห้อยย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ ตรงส่วนปลายมีหยดน้ำย้อยอยู่ด้วย น้ำเหล่านี้แหละที่รวมตัวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กลายเป็นกรดคาร์บอนิกอย่างอ่อนๆ ค่อยๆ ละลายหินปูนลงมาเป็นรูปหลอดกาแฟ ทั้งผลึกแคลไซต์ และผลึกควอทต์

826

 เมื่อหินปูนรูปหลอดกาแฟจากเพดานถ้ำงอกยาวทิ้งตัวลงมามากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะไปบรรจบกับหินงอกขึ้นจากพื้น จนกลายเป็นเสาหินปูน หรือ Limestone Pillar โดยอัตราการงอกของมันนั้นช้ามากๆ พอๆ กับปะการังในทะเลเลยทีเดียว คืองอกยาวออกมาได้แค่ปีละ 2 มิลลิเมตร ดังนั้นเสาหินปูนแม้เพียงต้นเล็กๆ ที่เห็น จึงมีอายุเก่าแก่หลายชั่วอายุคนแล้ว ถ้าไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ก็น่าเสียดาย

926

 บางโถงถ้ำของถ้ำคลัง มีม่านหินย้อย หรือ Flowstone เรียงรายลดหลั่นซ้อนกันลงมาจากผนังถ้ำ จนก่อตัวกันเป็นเสาหินรูปทรงแปลกตา ม่านหินย้อยเหล่านี้แท้จริงถูกน้ำกรดคาร์บอนิกอ่อนๆ จากธรรมชาติ ละลายลงมาจนมีรูปทรงดังกล่าว และในถ้ำคลังก็มีให้ชม ให้ศึกษากันอย่างดาษดื่น แต่ขอเตือนว่าห้ามแตะต้องเด็ดขาด เพราะอุณหภูมิ รวมถึงความชื้นของมันจะเปลี่ยน จนหยุดการเติบโตได้

1025

1131

 ยิ่งเดินลึกเข้าไปในถ้ำคลังมากแค่ไหน ความงามใต้พื้นพิภพก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็น่าแปลกที่เราไม่รู้สึกร้อนอบอ้าว หรือหายใจไม่ออกเลย เพราะในถ้ำมีการระบายอากาศตามธรรมชาติดีมาก แถมยังแทบไม่ได้กลิ่นขี้ค้างคาวเลย จะพบก็แต่สัตว์ขนาดเล็ก อย่างจิ้งจกถ้ำ ลายสีเหลืองสลับดำ, จิ้งหรีดถ้ำ, แมงป่องถ้ำ, มดถ้ำ, ปลาถ้ำตาบอด ฯลฯ นับเป็นนิเวศน์มหัศจรรย์ที่แยกตัวโดดเดี่ยวออกจากโลกภายนอกมานานหลายล้านปี จนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง

1228

1325

 บางโถงถ้ำก็มีน้ำท่วมลึกลงไปหลายสิบเมตร เหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำสำรวจถ้ำมืออาชีพ พร้อมอุปกรณ์เฉพาะ ในการดำน้ำลงไปสำรวจว่าจะมีโพรงทะลุไปถึงจุดใดได้อีกบ้างหรือไม่?  ก็อาจจะพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้?!

1424

1523

 ดูกันให้เต็มตา กับประติมากรรมธรรมชาติ อันเกิดจากกระบวนการหินปูนละลายโดยกรดคาร์บอกนิกอ่อนๆ จนเกิดหินรูปหลอดกาแฟกลวงๆ มีน้ำค่อยๆ หยดลงมาทุกเมื่อเชื่อวัน จนบรรจบกับหินงอกที่พื้นขึ้นไปชนกัน อีกหลายชั่วอายุคนมันจะกลายเป็นเสาหิน แล้วขยายขนาดจนปิดโพรงถ้ำ ณ จุดนั้นไปเลย!!!

1621

1721

1819

1918

กลับออกจากถ้ำคลังกันอย่างปลอดภัยทุกคน พร้อมกับความประทับใจในโลกธรรมชาติอัศจรรย์ ที่เราต้องช่วยกันรักษาไว้ให้อยู่คู่ผืนดินไทยตลอดไปนะครับ

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และผองเพื่อนจากเว็บไซต์ เมืองไทยดอทคอม สนับสนุนการเดินทาง และแบ่งปันประสบการณ์สุดมันร่วมกันในครั้งนี้

Traveler’s Guide

When to go : สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่ต้องมีไกด์นำทางเข้าถ้ำด้วยทุกครั้ง เพราะหนทางภายในวกวนซับซ้อนและมืดมาก จำเป็นต้องนำไฟฉายแบบหลอด LED ติดตัวเข้าไปสำรองไว้คนละ 1-2 อัน พร้อมมีแบตเตอร์รี่สำรองด้วย นอกจากนี้ยังควรเชื่อฟังไกด์ ไม่เดินออกนอกเส้นทางเด็ดขาด การเข้าชมให้ครบทุกโถงถ้ำแบบไม่ละเอียด ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่ถ้าจะชมให้ละเอียดจริงๆ คงต้องใช้เวลาวันเต็ม และควรเริ่มเข้าถ้ำตั้งแต่เช้าๆ

How to go : จากแยกอ่าวลึกเหนือ เดินทางด้วยทางหลวงหมายเลข 4 ไปทางจังหวัดกระบี่ ประมาณ 4 กิโลเมตร เลี้ยวขวาหน้าโรงเรียนบ้านในยวนแขก เข้าไปอีก 2 กิโลเมตร จนถึงปากทางเข้าถ้ำ เส้นทางนี้ไม่มีรถประจำทางผ่าน ต้องเช่าเหมารถไปเอง

Contact : สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2