ภาคใต้

เดินป่าฝ่าเขาตระหง่านขึ้นจุดสูงสุด เขาหงอนนาค จ.กระบี่

250

“เขาหงอนนาค” ชื่อนี้อาจไม่เป็นที่คุ้นเคยของคนทั่วไป แต่สำหรับชาวจังหวัดกระบี่และนักเดินป่าผจญภัยในธรรมชาติแล้ว รับรองว่าต้องเคยได้ยินแน่นอน เขาหงอนนาคไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวใหม่นะ จริงๆ มีมานานมากแล้ว ทว่าคนทั่วไปไม่ค่อยได้สัมผัส เพราะต้องเดินป่าฝ่าเขาสูงขึ้นไปกว่า 3.7 กิโลเมตร (เครื่อง GPS บางตัวก็จับระยะทางได้ 4 กิโลเมตร) จึงถือว่าค่อนข้างสมบุกสมบัน ทหรหด และต้องใช้กำลังกายกำลังใจในการเดินป่าเส้นทางนี้ไม่น้อยเลย แต่รับรองเลยว่า เมื่อขึ้นถึงยอดเขาแล้วจะหายเหนื่อย ทำไมน่ะหรือ? ตามผมมาเลยครับ

 326

น้องชายผมเองชื่อ โล่ อาสาทำหน้าที่เป็นลูกหาบกิตติมศักดิ์ ช่วยแบกขาตั้งกล้องและข้าวของหนักอึ้ง ส่วนช่างภาพที่จะขึ้นเขาหงอนนาค ขอบอกเลยว่าให้นำอุปกรณ์ติดตัวไปน้อยช้ินที่สุด เพราะยิ่งเดินแรงยิ่งน้อย ของจะยิ่งหนัก!

525

 ทางเดินขึ้นเขาหงอนนาค จริงๆ แล้วเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือ Nature Trail ที่มีจุดป้ายให้ความรู้รวม 13 จุด ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องพรรณไม้ในป่าดิบชื้น, การย่อยสลาย, พืชบนเขาสูง ฯลฯ

624

 หนทางช่วงแรกยังค่อนข้างราบ เป็นการเดินเทรกกิ้งไปในร่องหุบที่ต้องข้ามห้วยธารเล็กๆ 2 สาย แต่ไม่ต้องลุยน้ำ เพราะเขาทำสะพานปูนไว้ให้เรียบร้อย

825

925

เนื่องจากเราเริ่มเดินขึ้นเขาหงอนนาคกันตอนบ่ายสองแล้ว พอถึงจุดชมวิวแรกตะวันก็เริ่มจะคล้อย ฟ้าเปลี่ยนสี อาบทาหมู่เกาะหินปูนในทะเลกระบี่ให้งามแปลกตาไปอีกแบบ

1024

1130

ใกล้จุดชมวิวแรกเข้าไปทุกที ป่าเริ่มโปร่งขึ้น เต็มไปด้วยต้นเสม็ดแดง และเฟินหนาแน่นอันชุ่มชื้นบนพื้นป่า

1227

ถึงแล้ว จุดชมวิวแรก มองออกไปเห็นเทือกเขาหินปูน และสวนยางพาราซึ่งเกิดจากการบุกรุกป่าธรรมชาติในอดีต ต้องรีบกันหน่อยแล้ว เพราะเหลืออีกตั้ง 1.5 กิโลเมตร กว่าจะถึงยอดเขา จะทันแสงสุดท้ายรึเปล่านะ?

1324

ดูกันใกล้ๆ กับต้นเสม็ดแดงบนป่าสันเขาหงอนนาค เปลือกมันจะแตกเป็นเกล็ดๆ แบบนี้ล่ะ สีก็แดงเตะตา ทำให้ป่าผืนนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

1423

1522

พูพอนของต้นไม้ใหญ่บางชนิดแผ่กว้าง สูงใหญ่กว่าหัวเราซะอีก พูพอนนี้จะเกิดขึ้นในส่วนโคนของต้นไม้ที่มีรากตื้น เพื่อทำหน้าที่ช่วยค้ำยันไม้ใหญ่ต้นนั้นไม่ให้โค่นล้มลงง่ายๆ

1620

 เห็ดขอน งอกขึ้นมาจากซากไม้ล้มระหว่างทาง เห็ดพวกนี้ไม่ได้สวยอย่างเดียวนะ แต่ยังทำหน้าที่ผู้ย่อยสลายตามธรรมชาติ (Decomposer) นำสารอาหารจากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว กลับคืนลงสู่ผืนดินอีกครั้ง

1720

 ระหว่างทางเราพบเห็ดระโงกสีเหลืองสด พี่เจ้าหน้าที่นำทางบอกว่าเห็ดสีสวยอย่างนี้ แต่กินไม่ได้นะ เป็นเห็ดพิษครับ

1818

 ทางเดินบนสันเขามีมอสเขียวสดขึ้นเป็นกอหนาแน่นอยู่ตามพื้น เห็นแล้วนึกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่น! แต่ไม่ใช่หรอก เพราะบนเขาหงอนนาคมีอากาศเย็นและชุ่มชื้นตลอดปีนั่นเอง มอสพวกนี้จึงเจริญงอกงามอยู่ได้

1917

 พี่อิช พี่ชายใจดีแห่งเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม ในมาดนักผจญภัยตัวจริง ผู้พิชิตเขาหงอนนาคได้สำเร็จ แต่จุดนี้ยังไม่ถึงยอดเขาสูงสุดนะ ต้องเดินต่อไปอีกกว่า 20 นาที

2015

2119

 ไชโย! ถึงแล้ว ยอดเขาหงอนนาค สูง 565 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มองลงไปเห็นวิวได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแบบพาโนรามา โดยมองเห็นอ่าวนางอยู่ลิบๆ ทางขวามือโน่นไง

2215

 ผาหงอนนาค กับวินาทีอันแสนหวาดเสียวของนายแบบสุดอึดสุดเท่ห์ของเรา

2312

 น้องตั๊ก นางแบบแสนสวยที่ร่วมเดินทางพิชิตยอดเขาด้วยกันในครั้งนี้ เอนกายผ่อนคลายอย่างสบายอารมณ์บนยอดเขาหงอนนาค หลังจากเดินเทรกกิ้งขึ้นเขามาเกือบ 3 ชั่วโมง! แต่เธอก็ยิ้มได้

2410

257

 แสงสุดท้ายของตะวันสีทอง อาบทาท้องฟ้าและทะเลกระบี่ เห็นได้ชัดเจนอิ่มตาอิ่มใจจากยอดเขาหงอนนาค

266

 ฟ้ายังไม่มืดสนิท แต่ที่อ่าวนางก็เริ่มเปิดไฟกันแล้ว

275

 ระหว่างทางลงอันมืดสนิทกลางป่า พวกเราใช้ไฟฉายนำทางค่อยๆ เดินกันลงมาอย่างระมัดระวัง ระหว่างทางได้ยินเสียงนก แมลง และสัตว์กลางคืนเริ่มร้องระงม โชคดีพบนกโพระดกกลับเข้าโพรงนอน เลยขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะจ๊ะเจ้านกน้อย

 

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และผองเพื่อนจากเว็บไซต์ เมืองไทยดอทคอม ที่สนับสนุนการเดินทาง และแบ่งปันประสบการณ์สนุกๆ ในทริปนี้ให้แก่กันและกัน

สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2

Traveler’s Guide

How to go : การเดินทางสู่เขาหงอนนาค จากตัวเมืองกระบี่ใช้ทางหลวงหมายเลข 4034 ถึงบ้านหนองทะเล ตรงไปเรื่อยๆ จนพบสามแยกวัดคลองสน เลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆ ถึงสามแยกบ้านคลองม่วง (ทางซ้ายมือจะไปหาดคลองม่วง และไปพระตำหนักที่ประทับ) ให้เลี้ยวขวาไปทางบ้านเกาะกวาง หาดทับแขก ไปจนสุดทางถนน จะพบที่ทำการอุทยานหงอนนาค อันเป็นจุดเริ่มเดินขึ้นไปชมธรรมชาติบนยอดเขา แต่นักท่องเที่ยวควรติดต่อล่วงหน้า และควรมีเจ้าหน้าที่นำทางเสมอ เพราะบางจุดป้ายไม่ชัดเจน อาจหลงทางได้!

Contact : เขาหงอนนาค หมู่ที่ 3 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ติดต่อ โทร. 0-7563-7200 (งานบ้านพัก), 0-7566-1145, 0-7563-7436

บุกถ้ำมนุษย์โบราณ เขาขนาบน้ำ จ.กระบี่

เขาขนาบน้ำ สัญลักษณ์สำคัญที่สุดของจังหวัดกระบี่ ถือเป็น Landmark ซึ่งไม่มีที่ใดเหมือน จดจำง่าย และโดดเด่นเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวกระบี่ทุกคนครับ

248

 เขาขนาบน้ำ เป็นเขาสองลูกสูงประมาณ 100 เมตร ขนาบแม่น้ำกระบี่ด้านหน้าตัวเมือง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ สามารถไปเที่ยวชมได้โดยเช่าเรือหางยาวที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที นอกจากนั่งเรือชมเขาและป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์แล้วยังสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวถ้ำได้ ภายในมีหินงอกหินย้อย และเป็นสถานที่ที่เคยพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากอีกด้วยแต่ปัจจุบันไม่หลงเหลืออยู่แล้ว  สันนิษฐานว่าอาจเป็นโครงกระดูกของกลุ่มคนที่อพยพมาตั้งหลักแหล่งแต่ล้มตายลงเนื่องจากเกิดอุทกภัยอย่างฉับพลัน และสำหรับนักนิยมพายเรือคายัค, เรือแคนู บริเวณนี้เหมาะที่จะพายเรือมาก เพราะมีธรรมชาติเขียวชอุ่มด้วยป่าชายเลน และน้ำก็นิ่ง ไม่มีคลื่นแรงให้หวาดเสียวกัน

KBI9842

 จากลานปูดำมองไปเห็นเขาขนาบน้ำได้ชัดแจ๋ว ถ่ายรูปเจ๋ง โดยเฉพาะตอนเช้าๆ ที่คึกคักด้วยชมรมรำมวยไทเก็กกระบี่

KBI9912

ที่ลานปูดำ ทุกเช้าตรู่จะมีคุณป้าคุณน้า มารำมวยไทเก็ก และรำพัดจีน เพื่อออกกำลังกาย สูดอากาศบริสุทธิ์ ใครสนใจเข้าร่วมได้ไม่ว่ากันครับ

KBI9111

ลานปูดำ Landmark แห่งใหม่ของคนกระบี่ เราสามารถลงเรือจากจุดนี้ไปเขาขนาบน้ำที่อยู่เบื้องหน้าได้ ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีเอง

325

จากท่าเรือบริเวณลานปูดำ มองไปทางเขาขนาบน้ำจะเห็นวัดถ้ำเสือ และเขาพนมเบญจา (ยอดเขาสูงที่สุดในจังหวัดกระบี่) ยืนตระหง่านอาบเมฆหมอกอยู่เบื้องหลัง อย่างชัดเจน

423

 แนวป่าชายเลนแน่นทึบบริเวณลำคลองเขาขนาบน้ำ มีกุ้ง หอย ปู (ปูดำ) ปลานานาชนิดอาศัยอยู่ ให้ผู้คนได้พึ่งพิงจับกิน และนำไปขายเลี้ยงปากท้องครอบครัว นี่ถ้าไม่มีป่าชายเลน จะเกิดอะไรขึ้นหนอ?

เขาขนาบน้ำ 1

524

 กัปตันเรือใจดียิ้มแฉ่ง พร้อมลูกชาย พาเราไปเที่ยวเขาขนาบน้ำในวันนี้

623

723

 พร้อมแล้ว ก็ไปลุยถ้ำมนุษย์โบราณกันได้เลย!

824

 ระหว่างทางจากท่าจอดเรือเดินไปปากถ้ำ มีซอกหลืบโพงหินปูนให้สำรวจนับไม่ถ้วน

924

1023

 ด่านแรก ต้องไต่บันไดสูงชันขึ้นสู่ปากถ้ำเขาขนาบน้ำครับ จะมีอะไรรอเราอยู่ด้านในบ้างเอ่ย?

1129

 เคยมีการขุดพบซากโครงกระดูกมนุษย์โบราณบริเวณปากถ้ำเขาขนาบน้ำ แต่ปัจจุบันนักโบราณคดีได้เคลื่อนย้ายของจริงไปเก็บรักษาไว้แล้ว จึงมีการทำหุ่นจำลองมาวางไว้ให้ชมกัน สังเกตให้ดีบนพื้นทรายบริเวณนี้มีรูของแมลงช้างอยู่นับร้อยๆ รู แมลงพวกนี้จะขุดโพรงลงไปฝังตัวเองอยู่ใต้ทราย รอให้มีเหยื่อตกลงไปในโพรงแล้วจัดการงาบกินเป็นอาหาร!

1226

ถ้ำเขาขนาบน้ำ 3

 โถงใหญ่สุดภายในถ้ำเขาขนาบน้ำ เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย และเสาหินปูนขนาดยักษ์มากมาย มองออกไปอีกฝั่งหนึ่งเป็นโพรงช่องทะลุขนาดยักษ์ ที่ปล่อยให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาได้เกือบทั่วถึง

1323

จากปากถ้ำด้านหน้า พอปีนบันไดขึ้นมาก็จะพบกับคูหาแรกหน้าตาสวยงามอย่างนี้ล่ะครับ

1422

1521

ถ้ำเขาขนาบน้ำ 2

โถงถ้ำเขาขนาบน้ำในคูหาใหญ่ที่สุดตรงกลาง เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยตื่นตา อลังการมาก

1619

ถ้้ำเขาขนาบน้ำ 1

กลางโถงถ้ำในเขาขนาบน้ำ มีเสาหินปูนขนาดยักษ์ สูงหลายสิบเมตรตั้งตระหง่านอยู่

1719

กว่า 3,000-5,000 ปีที่แล้ว เคยมีมนุษย์ถ้ำอาศัยอยู่ในถ้ำเขาขนาบน้ำด้วย! รวมถึงถ้ำผีหัวโต, ถ้ำชาวเล, เขากาโรส, ถ้ำเขาตีบนุ้ย, แหลมไฟไหม้, แหลมชาวเล, เขาเขียนในสระ และถ้ำหน้ามันแดง พวกเขาเหล่านั้นใช้ยางไม้ผสมดินฝุ่นสีแดง เขียนภาพไว้บนผนังถ้ำ เพื่อบันทึกวิถีชีวิตประจำวัน รวมถึงพิธีกรรมต่างๆ มีทั้งรูปคน สัตว์บก สัตว์น้ำ และรูปทรงเรขาคณิต

1817

 ภาพมือคนมี 6 นิ้ว นี้จริงๆ แล้วสำรวจพบที่ถ้ำผีหัวโตในคลองบ่อท่อครับ แต่จำลองมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันด้วย

1916

วิถีชีวิตของมนุษย์ถ้ำยุคแรกๆ บนแผ่นดินกระบี่ น่าจะมีรูปแบบเป็นอย่างนี้เอง คือดำรงชีพด้วยการเก็บ หา ล่า ไล่ และเริ่มสร้างเครื่องมืออย่างง่ายๆ ขึ้นมาเพื่อเป็นอุปกรณ์ล่าสัตว์ ทำอาหาร

2014

ถัดจากมุมจำลองวิถีชีวิตมนุษย์ถ้ำ ก็มีมุมจำลองค่ายพักทหารญี่ปุ่น ซึ่งเคยใช้ถ้ำแห่งนี้เป็นที่หลบภัยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

2118

มนุษย์โบราณคงจะอยู่กันกระจัดกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ดูๆ ไปก็คล้ายกับลิงเอปขนาดใหญ่ ที่เพิ่งพัฒนายืนตั้งตรงและเดินได้ มนุษย์พวกนี้ยังไม่รู้จักก่อไฟ จึงกินอาหารสดกันเหมือนหุ่นจำลองนี้ล่ะครับ

2214

2311

 เที่ยวเขาขนาบน้ำเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งรีบกลับ ต้องให้คนเรือพาไปชิมอาหารแสนอร่อยที่ร้าน “บ้านมะหญิง” ซึ่งมีลักษณะเป็นร้านอาหาร Seafood บนกระชังปลา รับรองว่าของทุกอย่างสดใหม่ เพราะกระบี่เป็นประมงชายฝั่ง จึงมีของสดให้ชิมไม่เว้นแต่ละวันครับ สังเกตดูขนาดของกุ้ง หอย ปู ปลา บนโต๊ะเอาเองก็แล้วกัน ว่ามันอลังการขนาดไหน?!

249

เอาภาพมายั่วน้ำลายกันเล่นๆ แบบ Close Up แค่เมนุเดียวพอ คือ กุ้งซอสมะขาม แม่เจ้า!!! กุ้งตัวใหญ่เท่าฝ่ามือเลย!!! แถมน้ำซอสเข้มข้นมะขามเปียก หวานอมเปรี้ยว กินกับข้าวสวยร้อนๆ เจ๋ง!

256

265

 ระหว่างรอกับข้าวออกจากครัว ใครแรงเหลือจะไปพายเรือคายัคเล่นหน้าแพ ร้านบ้านมะหญิงก็ได้นะ เขามีเรือให้ยืมจ้า

274

นอกจากจะมีอาหาร Seafood สดอร่อยแล้ว ครัวบ้านมะหญิงยังมีกระชังปลาให้นักท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านด้วย ถึงกึ๋นจริงๆ นะเนี่ยะ

283

อิ่มแปล้แล้ว ระหว่างทางกลับท่าเรือ พี่กัปตันใจดียังพาเราลัดเลาะเข้าไปในป่าชายเลนแน่นทึบ บ่งชี้ว่ากระบี่วันนี้ยังมีธรรมชาติสมบูรณ์สมคำร่ำลือจริงๆ

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และผองเพื่อนจากเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม ที่ช่วยสนับสนุนการเดินทาง พร้อมแบ่งปันมิตรภาพดีๆ ให้แก่กันครับ

Traveler’s Guide

When to go : ท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่อากาศปลอดโปร่ง ฟ้าใสที่สุด ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

How to go : สามารถไปเที่ยวชมได้โดยเช่าเรือหางยาวที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที ค่าเช่าเรือประมาณ 300-500 บาท และมีค่าเข้าชมถ้ำเขาขนาบน้ำอีกคนละ 30 บาท (ราคาชาวต่างชาติเท่าคนไทย)

Contact : สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2

ปล่อยตัวและหัวใจไปกับโลกธรรมชาติ เขากาโรส จ.กระบี่

324

 แนวป่าชายเลนตรงท่าเรือไปเขากาโรส ทุกวันนี้ยังอุดมสมบูรณ์ มีต้นโกงกางเรียงขึ้นกันแน่นเอี๊ยด ทำหน้าที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำและปราการธรรมชาติป้องกันคลื่นลมได้อย่างยอดเยี่ยม

246

 เดินไปลงเรือหางยาว (เรือหัวโทง) ที่จอดคอยอยู่ตรงปลายหัวสะพานที่ป่าชายเลน

422

 ทีมงานเราจัดเต็มกับอุปกรณ์กันแดดนานาชนิด รับรองว่าวันนี้ไปเที่ยวเขากาโรสต้องสนุกแน่ พอๆ กับแดดที่ร้อนจัดจนตัวเกรียม! แต่เราก็ยอม เพราะเมื่อฟ้าใส ก็ได้ภาพสวยครับ

523

622

 ถึงแล้วครับ นี่คือด้านหน้าเขากาโรสก่อนลอดถ้ำทะลุเข้าไปสู่ลากูนด้านใน

722

 เขากาโรส หรือเกาะกาโรส เกาะลึกลับชายฝั่งทะเลกระบี่ ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์โบราณในยุค 3,000-5,000 ปีก่อน และยังปรากฏร่องรอยภาพเขียนสีบนเพิงผาหินปูนให้ชมกันด้วย นอกจากนี้ยังมีป่าชายเลน พรรณไม้หินปูนแปลกๆ และถ้ำลอดให้พายเรือ หรือนำเรือหางยาวค่อยๆ ลอดเข้าไปชมธรรมชาติภายในลากูนด้านในได้ด้วย

823

 ค่อยๆ แล่นเรือช้าๆ เงียบๆ เข้าสู่ลากูนเขากาโรส ที่เงียบ วังเวง และสวยด้วยธรรมชาติแสนบริสุทธิ์

923

1022

1128

1225

 ตรงบริเวณปากถ้ำทะลุ มีโพรงหินรูปหัวใจ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำตามธรรมชาติอยู่ด้วย ว้าว! Amazing มากๆ เหมาะจะมาบอกรักกันตรงนี้มากเลยนะ ฮาฮาฮา

1322

1421

 ดับเครื่องเรือ แล้วค่อยๆ แจวช้าๆ เงียบๆ ลอดถ้ำทะลุ สดับฟังสรรพสำเนียงแห่งธรรมชาติ

1520

พี่อิชและน้องตั๊ก แห่งเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม ทำ CSR ปล่อยลูกปลากะพงให้ไปเติบโตขยายพันธุ์ เพิ่มความอุดมแก่ธรรมชาติเขากาโรสต่อไป ต้องขอบคุณท่านประมงจังหวัดกระบี่ ที่เอื้อเฟื้อพันธุ์ลูกปลาให้เราในครั้งนี้ครับ

1618

1718

1816

 เพิงผาหินปูนบนเขากาโรส มีร้ิวลายหลากสี เคียงคู่กับพรรณไม้ทนแล้งนานาชนิด

1915

 ในบริเวณเกาะกาโรส (เขากาโรส) ยังมีแนวป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์มาก นี่ล่ะคือแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และปราการธรรมชาติป้องกันคลื่นลมได้อย่างดีเยี่ยม

2013

 จอดเรือหัวโทงไว้ แล้วชวนกันปีนป่ายขึ้นไปบนจุดชมวิวถ้ำกาโรส

2117

2213

2310

 ถึงแล้ว จุดชมวิวตรงปากถ้ำกาโรส เบื้องล่างคือผืนน้ำและป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์แน่นทึบ

247

255

 สาวสวยหนุ่มหล่อคู่นี้ แต่งตัวสีสันไม่เกรงใจเพื่อนเลยนะครับ ฮาฮาฮา (ล้อเล่น) จากปากถ้ำกาโรสมองออกไปเห็นสภาพภูมิทัศน์โดยรวมของบริเวณนี้ได้เต็มตาเลย

264

 เดินกลับลงมาจากถ้ำกาโรส เพื่อลงเรือต่อไปชมภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ครับ แต่ตอนปีนลงบันไดกลับลงนี่สิลื่นมาก! ต้องก้าวช้าๆ และระมัดระวังให้มาก

273

282

 บนหน้าผาหินปูนเขากาโรส (เกาะกาโรส) มีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ อายุ 3,000-5,000 ปีอยู่ 2 กลุ่ม โดยอยู่บนเพิงผาสูง มนุษย์ปัจจุบันขึ้นไม่ถึง วาดด้วยฝุ่นดินหรือยางไม้สีแดง เป็นภาพกิจกรรมการล่าสัตว์ แต่ทุกวันนี้ภาพเลือนลางไปมาก เพราะผ่านกาลเวลาและแดดลมมาเนิ่นนานเหลือเกิน

292

 ดูให้ดีในป่าโกงกางตรงท่าเรือไปเขากาโรส มีฝูงลิงแสมน่ารักๆ ออกมาโชว์ตัวรับแขกอยู่เพียบเลย แต่ขอแนะนำว่าไม่ควรให้อาหารพวกมันนะครับ มันจะเสียนิสัยลิงตามธรรมชาติ แม่ลูกคู่นี้นั่งสังเกตการณ์เราตาไม่กะพริบเลยเชียว

 Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และผองเพื่อนจากเว็บไซต์ เมืองไทยดอทคอม สนับสนุนการเดินทางทริปนี้ ด้วยมิตรภาพ และไมตรีอันน่าจดจำ

Traveler’s Guide

Best season : ท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ฟ้าใส ทะเลสงบที่สุด

How to go : จากตัวเมืองกระบี่ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ประมาณ 45 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงชนบทหมายเลข 4039 ประมาณ 14 กิโลเมตร สุดท้ายจะถึงท่าเรือบ้านแหลมสัก จากนั้นลงเรือหางยาว (เรือหัวโทง) ต่อไปยังเขากาโรส ใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณครึ่งวัน แนะนำให้ไปเที่ยวช่วงเช้า เพราะช่วงบ่ายแดดจะร้อนมาก และเรือนำเที่ยวที่นี่ไม่มีหลังคา แนะนำให้เตรียมร่ม, หมวก, แว่นกันแดด, ครีมกันแดด, เสื้อแขนยาว ไปด้วยครับ

Contact : สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2

ครั้งหนึ่งในชีวิต ล่องเรือใบอ่าวพังงา!

2

3

10

5

6

7

8

9

4

11

12

13

14

15

16

 

Traveler’s Guide

When to go : เที่ยวได้ตลอดปี แต่ฟ้าปลอดโปร่ง คลื่นลมสงบที่สุด ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

How to go : จากกรุงเทพฯ บินตรงสู่ภูเก็ตได้ทุกวัน จากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์สู่ท่าเรือ Yacht Haven Marina แหลมพร้าว ลงเรือ June Bahtra ล่องอ่าวพังงา รับผู้โดยสารได้เที่ยวละไม่เกิน 10 คน แพ็กเกจ One Day Trip เริ่มเวลา 07.00-18.00 น. พื้นที่อ่าวพังงา, เกาะปันหยี, เขาตาปู, เขาพิงกัน, เกาะห้อง, เกาะพนัก, ถ้ำลอด

Where to stay : ที่ภูเก็ต แนะนำ The Village Resort & Spa หาดกะรน โทร. 0-7639-8200-5 www.thevillageresortandspa.com ที่พักหรูห้าดาว อาหารอร่อย สปาเยี่ยม มีสระว่ายน้ำอยู่หน้าห้องเลยล่ะ

What to eat : แนะนำ ร้านวันจันทร์ ถนนเทพกระษัตรี อำเภอเมืองภูเก็ต โทร. 0-7635-5909, 08-8659-5636 เมนูเด็ด แกงส้มปลากะบอกยอดมะพร้าวอ่อน, น้ำพริกกุ้งเสียบ, หมูฮ้อง, แกงปูใบชะพลู, ผักเหมียงผัดไข่กุ้งเสียบ, สะตอผัดกะปิกุ้ง, กุ้งผัดซอสมะขาม, ก้ามปูผัดมะนาว และคอหมูย่างคั่วพริกเกลือ

Souvenirs : ล่องเรืออ่าวพังงาทริปนี้มีของฝากหลายอย่าง ทั้งไข่มุกแท้, น้ำพริกกุ้งเสียบ, กะปิ, ผ้าบาติก ฯลฯ

More info : โทร. 08-3540-9529, 08-8809-7047, 08-1496-4516 เว็บไซต์ www.asian-oasis.com

เทศการถือศีลกินผัก ภูเก็ต 2014

 

เทศกาลถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต เป็นความเชื่อขนบธรรมเนียม และประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา กว่า 200 ปีแล้ว! โดยมิได้ขาด มักเริ่มในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ซึ่งก็มักตรงกับช่วง ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปีนั่นเอง ช่วงดังกล่าวตัวเมืองภูเก็ตจะดูมีสีสันเป็นพิเศษ เพราะจะมีการประดับริ้วผ้าธงทิวปลิวไสว บ่งบอกถึงเทศกาลถือศีลกินผักที่มาถึงแล้ว เป็นสัญญาณให้ผู้คน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งคนหนุ่มสาวและผู้เฒ่า พร้อมใจกันนุ่งขาวห่มขาว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ไปถือศีล สวดมนต์ งดเว้นการเบียดเบียนสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด บรรยากาศตลอดเทศกาลนี้จึงทำให้เกาะภูเก็ต เต็มไปด้วยมนต์ขลังของกลิ่นธูปควันเทียนอบอวล และเคล้าด้วยเสียงสวดมนต์ตามศาลเจ้าต่างๆ อย่างคึกคัก เช่นเดียวกับที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ในตอนกลางคืนจะมีการประดับโคมไฟมังกรอย่างสว่างไสวสวยงาม

2

น้องๆ ชาวภูเก็ตออกมาร่วมขบวนแห่ม้าทรง (แห่พระ) จากศาลเจ้าต่างๆ กันอย่างสนุกสนานเอิกเริก

 

3

สาวน้อยหน้าใสในขบวนแห่ม้าทรงไปรอบเมืองภูเก็ต ดูไว้เลย กินเจแล้วหน้าใสแบบนี้ล่ะ

 

4

สาวภูเก็ตน่ารักๆ อีกคน ยืนรอรับขบวนแห่ม้าทรง ซึ่งจัดสลับสับเปลี่ยนกันตลอดสิบวันของเทศกาลถือศีลกินผัก

 ศูนย์กลางของเทศกาลถือศีลกินผักภูเก็ตอยู่ที่ศาลเจ้าน้อยใหญ่ทั่วเกาะ ที่มีทั้งโรงทาน การสักการะบูชา และเป็นจุดเริ่มต้นของการเชิญเจ้ามาประทับทรงยังร่างทรง ที่เรียกันว่า “ม้าทรง” หรือ “พระ” อันเป็นตัวแทนของเทพ หรือพระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ ผู้ลงมาโปรดสัตว์ให้อยู่สงบร่มเย็นในช่วงนี้ ทว่าก็มีเทพเจ้าปางดุหลายองค์ที่เมื่อประทับทรงแล้ว ก็จะใช้เหล็กแหลมเสียบแทงตามร่างกาย สร้างความหวาดเสียว เป็นอีกมุมอีกภาพหนึ่งของงานเทศกาลถือศีลกินผัก ในเชิงอิทธฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ซึ่งเราต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ แต่ก็ต้องไม่ลืมหัวใจของเทศกาลนี้ นั่นคือการทำกายใจให้บริสุทธิ์ เคร่งอยู่ในศีลในธรรมตลอดเวลา ทว่าใครที่ไม่สามารถถือศีลกินเจได้ครบทั้ง 9 วัน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถทำได้ตามความสะดวก แค่มีเจตนาบริสุทธิ์ก็ได้บุญกุศลล้นเหลือแล้วล่ะ

5

ม้าทรง หรือพระ ที่ประทับทรงเทพองค์ต่างๆ กำลังให้พรกับผู้ศรัทธาที่มารอขบวนแห่กันแต่เช้า

 

6

เมื่อม้าทรงมีองค์เทพลงประทับแล้ว ก็จะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่เป็นตัวของตัวเอง และสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งๆ ที่ปกติพูดภาษาจีนไม่ได้เลย!

คุณประเสริฐ ฟักทองผล ประธานชมรมอ๊ามภูเก็ต (อ๊าม แปลว่า “ศาลเจ้า”) ได้ให้ความรู้ว่า นอกจากงานเทศกาลถือศีลกินผักจะจัดขึ้นเพื่อเอาบุญแล้ว ยังเป็นการสานความสามัคคีของคนภูเก็ต ทั้งเอกชน และภาครัฐ ที่มาร่วมจับมือกันจัดงานนี้ทุกปี ที่พิเศษสุดๆ คือ ปี 2557 นี้ จะมีเดือน 9 ถึง 2 ครั้ง ซึ่งนับว่าหาได้ยากยิ่งในช่วงชีวิตของคนๆ หนึ่ง โดยครั้งแรกตรงกับวันที่ 24 กันยายน-2 ตุลาคม 2557 และครั้งที่ 2 ตรงกับวันที่ 24 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2557 จึงนับว่าเป็นปีมหามงคล ที่เราสามารถร่วมบุญ งดเว้นการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ได้อย่างเต็มที่ เพราะกว่าจะมีเดือน 9 สองหนแบบนี้ต้องรอนานมาก โดยก่อนหน้านี้มีเมื่อ 182 ปีที่แล้ว และครั้งต่อไปต้องรออีก 95 ปีข้างหน้าโน่นเลย! ปีนี้เกาะภูเก็ตจึงจัดงานครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ส่วนครั้งที่สองจะจัดกันเฉพาะในอ๊าม (ศาลเจ้า) ไม่ได้มีขบวนแห่ยิ่งใหญ่ แต่เน้นไปที่การถือศีลปฏิบัติธรรม มาร่วมกินเจกันที่อ๊ามมากกว่า

7

เทพบางองค์ที่มาลงประทับในร่างม้าทรง ก็เป็นเทพเด็ก หรือเทพหญิงสาว จึงต้องหาม้าทรงที่มีความเหมาะสมกัน

อ๊ามใหญ่ๆ ของภูเก็ตมีอยู่นับสิบแห่ง ล้วนสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาและทุนทรัพย์ของผู้คนบนเกาะ อาทิ ศาลเจ้ากะทู้ (ศาลเจ้าแห่งแรกที่จัดให้มีงานเทศกาลถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ต), ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง, ศาลเจ้าบางเหนียว, ศาลเจ้าบ้านท่าเรือ, ศาลเจ้าสามกอง, ศาลเจ้าสะปำ, ศาลเจ้าชุ่ยบุ่นต๋อง, ศาลเจ้าเจ่งอ๋อง และศาลเจ้าบ้านดอน เป็นต้น ประวัติการเริ่มต้นงานเทศกาลถือศีลกินผักที่ศาลเจ้ากะทู้เมื่อ 200 ปีก่อน เล่าสืบต่อกันมาว่า ในยุคนั้นบริเวณอำเภอกะทู้เรียกว่า ไล่ทู หรือ ในทู เป็นย่านทำเหมืองแร่ดีบุกที่เฟื่องฟูมาก เต็มไปด้วยร้านค้าและบ้านเรือนนับร้อยหลัง มีการว่าจ้างคณะงิ้วจากเมืองจีนให้มาเล่นประจำที่ศาลเจ้านี้ทั้งปี ทว่าต่อมาเกิดโรคระบาดขึ้น หัวหน้าคณะงิ้วจึงนึกขึ้นได้ว่าอาจเป็นเพราะตนลืมทำพิธีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ซึ่งตนเคยปฏิบัติเป็นประจำทุกปีที่เมืองจีน หลังจากมีการจัดพิธีนี้แล้ว โรคระบาดก็ลดน้อยจนหายไปหมดสิ้น! เป็นที่อัศจรรย์ จึงมีการจัดงานเทศกาลถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ตสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

8

ม้าทรงในชุดเต็มยศ แบบนี้หาดูได้เพียงปีละครั้งในช่วงปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม และมีให้ชมเพียงที่เดียวที่ภูเก็ต

 

9

ในช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก ศาลเจ้าทั่วเกาะภูเก็ตจะได้รับการประดับประดาให้สวยงามเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม การจะเข้าร่วมถือศีลกินผักให้สมบูรณ์ มิใช่อยู่ที่การสวมชุดขาวเพียงอย่างเดียว เขามีหลักปฏิบัติอันเคร่งครัด 10 ข้อ คือ ห้ามฆ่าสัตว์และบริโภคเนื้อสัตว์, ห้ามกล่าวเท็จ, ห้ามเล่นการพนัน, ห้ามดื่มสุราและของมึนเมา, ห้ามลักขโมย, ห้ามีเพศสัมพันธ์, ห้ามสวมใส่เครื่องประดับและเครื่องหนัง, ควรสวมชุดขาว, ผู้ที่อยู่ระหว่างไว้ทุกข์ หญิงมีครรภ์ หญิงมีประจำเดือน ไม่ควรร่วมพิธีกรรมใดๆ และประการสุดท้ายคือ ให้ทำความสะอาดเครื่องครัว และแยกเครื่องใช้คนละส่วนกับคนที่ไม่ได้ถือศีลกินผักด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่ง 3 อย่างคือ กินผัก สวดมนต์ถือศีล และอยู่ในอาการสงบนิ่ง

งานเทศกาลถือศีลกินผักที่สมบูรณ์ประกอบด้วยพิธีต่างๆ มากมาย สุดแล้วแต่ว่าใครจะมีเวลาพอ เข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ เขาไม่บังคับกัน เริ่มตั้งแต่พิธีป้างกุ้น (พิธีเชิญเทพทหารเพื่อรักษาปริมณฑลงาน), พิธีโข้กุ้น (พิธีเลี้ยงอาหารเทพทหารที่รักษาบริเวณงานกินผัก), พิธีส่งเก๊ง (พิธีสวดมนต์), พิธีป่ายชิดแช (พิธีบูชาดาว), การเล่นประทัดเพื่อต้อนรับขบวนแห่, พิธีอิ้วเก้ง (พิธีแห่พระ), พิธีโก้ยโห้ย (พิธีลุยไฟ), พิธีโก้ยห่าน (พิธีสะเดาะเคราะห์) และพิธีส่งพระในวันสุดท้าย โดยถือว่าช่วง 3 วันสุดท้ายของงาน จะจัดกันอย่างยิ่งใหญ่คึกคักที่สุด ขบวนแห่ของศาลเจ้าใหญ่ๆ ก็จะแห่รอบเมืองกันในช่วงท้ายๆ นี่เอง บางขบวนแห่กันตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเที่ยงเพิ่งจะสุดขบวน! มีการจุดประทัดรับเทพกันเป็นล้านๆ นัด เสียงดังกึกก้องควันตลบฟุ้งไปทั่วตัวเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยพิธีลุยไฟ ปีนบันไดมีด เคล้าเสียงกลองจีนรัวไม่หยุด

 

10

ตลอดสิบวันในช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก จะมีขบวนแห่จากศาลเจ้าต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกเดินไปรอบเมือง

 

11

เมื่อได้ยินเสียงกลองโหมระทึก และแลเห็นธงทิวสีสันสดใสแบบนี้มาแต่ไกล ก็เป็นสัญญาณว่าขบวนแห่ม้าทรงจากศาลเจ้าต่างๆ ได้มาถึงแล้ว

 

12

เมื่อเจ้าประทับทรงองค์ในร่างม้าทรงแล้ว ก็จะถูกพี่เลี้ยงแต่งองค์ทรงเครื่องให้ จากนั้นท่านก็จะเดินลงมาโปรดลูกศิษย์ที่เกี้ยวซึ่งจะเดินแห่กันต่อไป

 

13

ม้าทรงของเทพแต่ละองค์จะมีพฤติกรรมต่างกันไป บางองค์เต้นเหมือนลิง บางองค์เดินเหมือนคนแก่ แต่องค์นี้เหมือนจะเต้นรำไปมา

 

14

ขณะขบวนแห่พระ (แห้ม้าทรง) เริ่มออกจากศาลเจ้า จะมีการจุดประทัดเป็นพันๆ นัด เพื่อเป็นสัญญาณ ขอบอกว่ากว่าจะได้ภาพนี้มาหูดับไปเลย! แถมสะเก็ดประทัดยังปลิดว่อนไปทั่ว ต้องคอยระวังให้ดีด้วย

 

15

สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนอยากมาชมขบวนแห่ในเทศกาลถือศีลกินผัก ภูเก็ต ก็เพราะอยากมาชมม้าทรง อย่างท่านนี้ใช้เข็มฉีดยาหลายร้อยอันแทงตัวเอง ประดับให้เหมือนหนวดเคราของคนแก่ ซึ่งก็คือองค์เทพที่ลงมาประทับทรงนั่นเอง

 

16

มีคนบอกว่า ถ้าม้าทรงคนใดมีดวงตาเหลือกมองขึ้นไปด้านบนแบบนี้ แสดงว่าเป็นของจริง ตัวจริง เหมือนกับเขากำลังสื่อสารกับเทพบนสวรรค์อยู่!

 

17

ม้าทรงในสภาวะจิตว่าง ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่เป็นตัวของตัวเอง ภาพหวาดเสียวแบบนี้คงทำให้หลายคนทนดูไม่ได้ แต่ก็เป็นอีกแง่ของความศรัทธา และความเชื่อ ส่วนหนึ่งของเทศกาลถือศีลกินผัก

 

18

ศาลเจ้าต่างๆ ในเกาะภูเก็ต ต่างก็มีความศรัทธา ความเชื่อ ในเทพเจ้าหรือเซียนองค์ต่างๆ กันไป

 

19

แสงสีสดใสในยามค่ำคืน บริเวณวงเวียนหอนาฬิกากลางเมืองภูเก็ต กลายเป็นจุดนับพบของหนุ่มสาวนับร้อย ที่ออกมาเก็บเกี่ยวช่วงเวลาอันน่าจดจำ ของเทศกาลถือศีลกินผัก 2014

 

20

ปีนี้ทางเทศบาลจังหวัดภูเก็ต ได้เนรมิตวงเวียนหอนาฬิกากลางเมือง ให้กลายเป็นลานแสดงโคมไฟมังกร สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

 

21

เห็นโคมไฟจีนแบบนี้ อย่าเข้าใจผิดคิดว่ากำลังอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่นะ ที่แท้คือเกาะภูเก็ต แหล่งของชาวจีนฮกเกี๊ยนนี่เอง

 

22

ผู้คนมากมายพากันมารวมตัวที่วงเวียนหอนาฬิกา เพื่อชมแสงสีของโคมไฟตุ๊กตาจีนน่ารักๆ

 

24

 ในช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก เมืองภูเก็ตจะดูมีสีสันมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการประดับประดาแสงสีหลากหลายในยามราตรี คนที่ชอบถ่ายภาพไม่ควรพลาดนะจ๊ะ

 

25

 รับรองว่าช่วงเทศกาลถือศีลกินผักที่ภูเก็ตทุกปี จะมีเมนูอาหารเจ อาหารสุขภาพ ที่ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไว้คอยให้ชิมกันจนละลานตา

 

ดูขบวนแห่เหนื่อยแล้ว ก็แวะพักเข้าไปหาอาหารเจอร่อยๆ ชิมกัน ช่วงนี้หาง่าย มีขายกันทั้งเมือง โดยเฉพาะที่ถนนเส้นด้านหลังศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย จะจัดเป็นถนนอาหารเจยาวเหยียดกว่าครึ่งกิโลเมตร หรือจะเข้าไปนั่งในห้องแอร์เย็นฉ่ำ สั่งอาหารเจแสนอร่อยมาชิม ภูเก็ตเขาก็มีหลายร้าน อย่างร้านดอกบัว รับรองว่าบรรยากาศชิลมาก ช่วยให้การถือศีลกินผักของเราง่าย สะดวก และน่าประทับใจไปอีกนานแสนนาน

26

 ร้านน้อยใหญ่ในภูเก็ต ต่างแข่งกันปรุงอาหารเจอย่างสุดฝีมือ เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการทำกายใจให้บริสุทธิ์

 

27

 เดินไปแถวด้านหลังศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย จะมีถนนคนเดินสายอาหารเจ เปิดขายกันตลอดวันตลอดคืน ไม่ต้องกลัวจะอดหรือหิวเลย

 

28

 ลูกค้าเนืองแน่น ดาหน้ากันเข้ามาชิมอาหารเจอร่อยๆ ตลอดสิบวันของช่วงเทศกาลถือศีลกินผัก 2014

Special Thanks : ขอขอบคุณ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ททท. สำนักงานภูเก็ต สนับสนุนการเดินทางทริปนี้เป็นอย่างดี

Traveler’s Guide

When to go : เกาะภูเก็ต จัดงานเทศกาลกินเจเป็นประจำทุกปี ช่วงปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคม รวม 10 วัน กำหนดการที่แน่นนอนในแต่ละปี โทรสอบถามที่ ททท. สำนักงานภูเก็ต ได้

How to go : สะดวกรวดเร็วสุด แนะนำให้บินตรงกรุงเทพฯ-ภูเก็ต มีบริการทุกวัน เช่น สายการบิน Thai Smile (www.thaismileair.com) และ Airasia (www.airasia.com) ฯลฯ

Where to stay : แนะนำ โรงแรม The Metropole โทร. 0-7621-4020-9 เว็บไซต์ www.metropolephuket.com เพราะโรงแรมนี้ตั้งอยู่ติดกับวงเวียนหอนาฬิกากลางเมืองภูเก็ต ซึ่งขบวนแห่ของศาลเจ้าต่างๆ จะผ่าน

What to eat : แนะนำ ร้านอาหารเจอร่อยๆ ในภูเก็ต เช่น ร้านดอกบัว ถนนหงษ์หยกอุทิศ โทร. 0-7635-5246 / ร้านอาหารเจร่วมใจ ถนนระนอง โทร. 0-7622-2821 / ร้านอาหารเจเหอซั่น ถนนระนอง โทร. 0-7625-6611 / ร้านโยโภชนา ถนนเยาวราช โทร. 08-4063-7051

More info : ททท. สำนักงานภูเก็ต โทร. 0-7621-2213, 0-7621-1036, 0-7621-7138

เที่ยวภูเก็ต ไข่มุกอันดามัน สวรรค์แห่งท้องทะเล

ภูเก็ต (หรือที่แต่เดิมเรียกกันว่า “ภูเก็จ”) คือเกาะใหญ่แห่งทะเลอันดามัน ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นจากธุรกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต จวบจนวันนี้ ภูเก็ตได้ก้าวขึ้นมาเป็นเมืองหลงแห่งการท่องเที่ยวของภาคใต้ อาบอิ่มด้วยมนต์เสน่ห์ของหาดทราย สายลม และท้องฟ้าสีคราม ใครเหนื่อยล้าเครียดกับความสับสนของเมืองใหญ่ ลองไปภูเก็ตสักครั้งแล้วคุณจะหลงรัก โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน หรือฤดูเปิดการท่องเที่ยวอันดามัน ท้องทะเลภูเก็ตจะสวยแจ่มจี๊ดจ๊าดที่สุด ได้เวลาเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันแล้วพวกเรา เฮ…

3-620x412

ภูเก็ตวันนี้ยังมีมุมสวยๆ สงบๆ ไว้ให้หลบไปพักร้อนนอนเล่น ฟังเสียงคลื่นเคล้าคลอหาดทรายใต้ฟ้าใสๆ

4-620x412

จะอดใจไหวได้ไงกับน้ำทะเลใสๆ ที่ภูเก็ต ยิ่งเป็นช่วงฤดู High Season เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ด้วยแล้ว ยิ่งใสปิ๊งน่าเล่นแบบนี้ล่ะ

5-620x413

ภูเก็ตวันนี้หลังการจัดระเบียบหาดใหม่ ไม่มีร่มชายหาดเป็นหมื่นๆ อัน ปิดบังความงามของผืนทรายสวยอีกแล้ว

6-620x405

หาดป่าตองวันนี้หลังการจัดระเบียบใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสผืนทราย สายลม แสงแดด และเกลียวคลื่นอย่างเต็มที่ ไม่มีร่มรกๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

7-620x406

น้ำทะเลใสๆ กับวันสวยๆ อันน่าจดจำที่หาดป่าตอง

8-620x412

เรือลากร่มเหินเวหาน่าสนุก ที่หาดป่าตอง

9-620x413

หาดป่าตองวันนี้ หลังจากการจัดระเบียบใหม่ ดูโล่งสะอาดตาเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน เอ… จะอยู่ในสภาพนี้ได้นานแค่ไหนกันนะ?

10-620x425

บรรยากาศเหงาๆ กับอาทิตย์อัสดงที่แหลมพรหมเทพ จุดชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดบนเกาะภูเก็ต

11-620x413

แสงสุดท้ายของวัน ยามอาทิตย์ลาลับลงจูลผืนทะเล ที่แหลมพรหมเทพ

Colonial-Building-2-ong-620x415

เสน่ห์ Phuket Old Town ยามค่ำคืน

12-620x412

ย่าน Phuket Old Town คือศูนย์กลางของชุมชนคนค้าขาย และธุรกิจทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต ซึ่งวันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นย่าน Downtown ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

13-620x413

Phuket Old Town ในยามค่ำ มีการประดับแสงสีเพิ่มชีวิตชีวา น่าเดินเที่ยวถ่ายภาพกันแบบชิลชิล

14-620x930

Phuket Old Town กับมุมเก่าเล่าเรื่องอดีต ภายในตึกแบบ Chino-European แบบยุโรปผสมจีนอันมีเอกลักษณ์

15-620x413

Phuket Old Town วันนี้เต็มไปด้วยสีสันจังหวะของชีวิต เพราะร้านรวงต่างๆ เต็มไปด้วยลูกค้า ผู้กลับมาแสวงหาบรรยากาศเมืองเก่าของอันดามัน

16-620x932

เชิญชิมกันเลยครับ อาหารทะเลรสเลิศของภูเก็ตไม่เคยทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

17-620x412

กุ้งล็อบสเตอร์ยักษ์ของภูเก็ต มีชื่อเสียงก้องโลก มาถึงทั้งทีต้องห้ามพลาดชิม โดยเฉพาะในงานเทศกาลอาหารทะเล Phuket Food Fiesta

18-620x413

ภูเก็ตได้ชื่อว่ามีสปาที่ดีที่สุดในประเทศอยู่หลายแห่ง หลังจากเล่นน้ำทะเล และเดินเที่ยวชม Phuket Old Town เสร็จแล้ว ก็ได้เวลามานอนทำสปา อาบน้ำแร่แช่น้ำนมกัน

19-620x412

บรรยากาศแสนโรแมนติกที่แหลมพรหมเทพในยามอาทิตย์อัสดง แอบอิจฉาคู่นี้จนตาร้อนผ่าวๆ!

20-620x412

 พระอาทิต์ตกที่แหลมพรหมเทพ กับช่วงเวลาสุขใจน่าจดจำของสามสาว วันหน้าขอกลับมาเที่ยวภูเก็ตอีกแน่นอนจ้า