เที่ยวในประเทศ

เที่ยวเมืองไก่ขันวันแสนสุข ลำปาง

%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-5

ชวนกันไปเที่ยว ลำปางเขลางค์นคร เมืองไก่ขาวแห่งล้านนาที่บรรจุไว้ด้วยมนต์เสน่ห์เมืองเหนือ ครบครัน ทั้งธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และกิจกรรมสนุกๆ โดยเฉพาะวัดวาอารามเก่าแก่ ที่ได้รับอิทธิพลจากพม่าหรือไทยใหญ่ เอกลักษณ์โดดเด่นของลำปางคือการนั่งรถม้าแอ่วเมือง ตระเวนเที่ยวชมความงามของบ้านเรือนโบราณ และถนนคนเดินอันเนิบช้า ที่ใครๆ ก็ต้องหลงรัก%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-1

กาดกองต้า (ตลาดจีนเก่า) เป็นชุมชนโบราณเลียบแม่น้ำวัง ที่กำเนิดขึ้นจากการเป็นศูนย์กลางค้าขาย มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่ลำปางเคยเป็นศูนย์กลางสัมปทานทำไม้สัก จึงมีคนอังกฤษ, พม่า, จีน เข้ามาอาศัยจำนวนมาก คนจีนชวนกันเปิดร้านขายของ ส่วนคนอังกฤษก็ทำธุรกิจค้าไม้สัก สร้างบ้านพักอยู่ที่นี่ โดยจ้างหัวหน้าคนงานเป็นชาวพม่า และอาศัยแม่น้ำวังเป็นเส้นทางล่องไม้ซุงลงสู่นครสวรรค์และบางกอก %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-2 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-3

โรงเรียนสอนทำตุงแบบโบราณล้านนา ที่กาดกองต้าลำปาง%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-4 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-5

ทุกวันนี้กาดกองต้าน่าเที่ยวน่าเดิน พาตัวเองย้อนเข้าสู่บรรยากาศอดีต ชื่นชมบ้านเรือนเก่าๆ อายุนับร้อยปี มีทั้งเรือนไม้ร้านตลาด และเรือนไม้สไตล์ขนมปังขิงอังกฤษ จุดเด่นคือการฉลุลายไม้ตามประตู หน้าต่าง ชายคา และช่องลม อย่างละเอียดสวยงาม มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ปัจจุบันนี้ทุกคืนวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณห้าโมงเย็นไปจนถึงสี่ห้าทุ่ม กาดกองต้าจะเปิดเป็นถนนคนเดินชิลชิล ยาวเหยียดเกือบ 2 กิโลเมตร ละลานตาด้วยสินค้าพื้นเมืองเก๋ๆ นานาชนิด เดินชมการแสดงพื้นเมือง ชิมอาหารอร่อย แล้วเข้าไปนั่งพักในร้านเรือนไม้ตกแต่งน่ารัก สไตล์เอาใจวัยรุ่น ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวคนจะยิ่งแน่น %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-6

ชามตราไก่ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลำปาง หาซื้อได้เพียบที่กาดกองต้า%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-7

การแสดงพื้นเมืองของสาวน้อยน่ารัก ที่กาดกองต้า%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-8 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-1

บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ชวนกันไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน แหล่งธรรมชาติแสนบริสุทธิ์เพื่อการพักผ่อน แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ 9 บ่อ ในพื้นที่ 3 ไร่ ทั้งใหญ่และเล็ก โดยมีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ โชยขึ้นมาจากบ่อไอน้ำลอยกรุ่นตลอดเวลา ยามเช้าตรู่เมื่อไอร้อนกระทบกับอากาศเย็น จะเกิดกลุ่มหมอกลอยอ้อยอิ่ง น้ำพุร้อนนี้มีอุณหภูมิราวๆ 73 องศาเซลเซียส คนนิยมนำไข่ไก่มาแช่ประมาณ 17 นาที ไข่แดงก็จะแข็งมีรสชาติมันอร่อย และไข่ขาวจะเหลวคล้ายไข่เต่า ส่วนในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะพบจักจั่นนับหมื่นตัวในบริเวณน้ำพุ เชื่อว่าจักจั่นหลังจากผสมพันธุ์แล้วก็จะมาดื่มกินน้ำแร่ก่อนตาย

%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-2 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-3 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-4

การอาบน้ำแร่ที่นี่ มีทั้งห้องเดี่ยว ค่าบริการ 50 บาท/คน หรือห้องรวมแต่แยกชาย-หญิง ค่าบริการ 20 บาท/คน และมีบ่อกลางแจ้งคล้ายสระน้ำ ค่าบริการ 10 บาท/คน เปิดเวลา 08.00-17.00 น. อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทร. 0-5438-0000, 08-9851-3355 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-1

ในจังหวัดลำปางคงไม่มีพุทธสถานแห่งใดจะยิ่งใหญ่และสำคัญเท่า “พระธาตุลำปางหลวง” อีกแล้ว เพราะเป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณซากเมืองโบราณลัมพกัปปะนคร พระนางจามเทวีเคยเสด็จมานมัสการ แล้วทำการบูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอ จึงถือเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ มีความสวยงาม และยอดเยี่ยมทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม โดยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วดอนเต้า อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวลำปางทั้งมวล %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-2 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-3 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-4 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-5

นอกจากนี้ในวิหารเล็กด้านหลังองค์พระธาตุ ยังปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ Unseen ล้านนา คือ “พระธาตุหัวกลับ ซึ่งก็คือเงาแสงสะท้อนขององค์พระธาตุ ที่ลอดผ่านช่องแตกของประตูวิหารเล็กเข้าสู่ห้องภายในที่มืดสนิท ปัจจุบันมีการนำผ้าขาวผืนใหญ่ขึงไว้ด้านใน ให้เงาสะท้อนนี้ทาบลงจึงเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น วัดพระธาตุลำปางหลวงตั้งอยู่ที่อำเภอเกาะคา ห่างจากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 18 กิโลเมตร ติดต่อ โทร. 0-5432-8327 %e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87-1

ลำปางได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรถม้า เพราะเป็นจังหวัดเดียวในเมืองไทยที่ยังคงมีรถม้าวิ่งอยู่ ไม่ต่างจากรถแท็กซี่ในเมืองกรุง แต่รถม้าลำปางเก๋กว่าเยอะ เพราะเป็นพาหนะเนิบช้าที่ไม่ก่อมลพิษสักนิด เวลานั่งจะได้ยินแค่เสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นถนน ดังกุบกับๆ เบาะนั่งก็กว้างขวางนุ่มสบาย เป็นรถเปิดประทุน นั่งได้คันละ 2 คน พาเราแอ่วเมืองลำปางทุกวัน แต่อากาศจะเย็นสบายมากที่สุดช่วงเช้าและเย็นแดดร่มลมตก เขามีบริการพาชมเมืองวงรอบเล็ก 150 บาท 25-30 นาที, รอบเมืองกลาง 200-300 บาท 45 นาที-1 ชั่วโมง รอบเมืองใหญ่ 500 บาท 1.30-2 ชั่วโมง หรือเช่าชั่วโมงละ 300 บาท คิวจอดรถม้าอยู่ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า ระหว่าง 05.00-20.00 น. ส่วนคิวหน้าโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง โรงแรมเวียงลคอร และโรงแรมลำปางเวียงทอง มีบริการเวลา 05.00-21.00 น.

%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87-2 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-1

ลำปางเป็นเมืองแห่งตำนานไก่ขาว สมัยที่ยังมีชื่อเดิมของเมืองว่า “กุกกุฏนคร” เล่ากันว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ที่เมืองนี้ พระอินทร์จึงจำแลงองค์ลงมาเป็นไก่ขาว เพื่อขันปลุกชาวเมืองทุกเช้า ให้ตื่นขึ้นมาตักบาตรพระพุทธองค์ ไก่ขาวจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของลำปาง เช่นเดียวกับที่ไปปรากฏอยู่บน “ชามตราไก่” อันมีเอกลักษณ์ แหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่ โรงงานเซรามิคธนบดี อำเภอเมืองลำปาง โทร. 0-5482-1558, 0-5435-1099 www.dhanabadee.com

%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-2 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-3 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-4 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-5 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-6

เตามังกรอันเก่าแก่ ของโรงงานเซรามิคธนบดี
%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-7

พิพิธภัณฑ์บอกเล่าอดีตความเป็นมา ของโรงงานเซรามิคธนบดี%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-1

ถ้าจะเรียกว่าลำปางเป็นเมืองแห่งวัดไม่แพ้เชียงใหม่ก็คงไม่ผิดนัก เพราะทั่วเมืองมีวัดน้อยใหญ่อยู่นับ ร้อยแห่ง หนึ่งในนั้นคือ “วัดปงสนุก” วัดโบราณอายุกว่า 1,328 ปี ที่ได้รับรางวัล Award of Merit จาก UNESCO เมื่อ ค.ศ. 2008 สาขาการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามโครงการ 2008 Asia-Pacific Heritage Award for Cultural Heritage Conservation %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-2

วัดปงสนุก ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง เป็นวัดสำคัญคู่เมืองเขลางค์นครมาช้านาน สร้างขึ้นสมัยที่เจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (ลำพูน) ผู้เสด็จมาสร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) เมื่อ พ.ศ. 1223 จึงเป็นสถานที่ตั้งเสาหลักเมืองอันแรกของลำปาง ซึ่งยังคงพบเห็นได้ตราบทุกวันนี้ ความโดดเด่นของวัดปงสนุกคือมีพุทธศิลป์อันงดงามอ่อนช้อย ไล่ตั้งแต่บันไดนาคขึ้นไปลอดซุ้มประตูโขงเข้าวัด จนถึงวิหารพระเจ้าพันองค์ (หรือวิหาร 12 ราศี, วิหารสะเดาะเคราะห์) ที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ภายในมีพระพุทธรูปสี่องค์หันพระพักตร์ไปสี่ทิศ พร้อมด้วยการแกะสลักลายไม้เป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรพิสดาร %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-3 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-1

เชื่อหรือไม่ว่า ก่อนที่พระแก้วมรกตจะได้มาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้วในกรุงเทพฯ เหมือนปัจจุบัน ได้เคยประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม” อยู่นานถึง 575 ปี (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 1979)

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-3

วัดพระแก้วดอนเต้าฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง เป็นวันเก่าแก่นับพันปี จุดเด่นคือองค์พระแก้วดอนเต้าและวิหารที่ได้รับอิทธิพลพม่า รวมถึงเขตติดต่อกันเป็นบ้านเก่าของนางสุชาดา มีตำนานเล่าว่า นางสุชาดาได้พบแก้วมรกตในแตงโม (หมากเต้า) จึงนำมาถวายพระเถระ ท่านจึงจ้างช่างให้แกะสลักเป็นพระพุทธรูป ซึ่งก็คือพระแก้วดอนเต้า และต่อมาได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุลำปางหลวง เพราะมีผู้ไปฟ้องเจ้าเมืองลำปาง กล่าวหาว่าพระเถระและนางสุชาดาเป็นชู้กัน เจ้าเมืองลำปางจึงให้จับนางสุชาดาไปประหารชีวิต! ส่วนพระเถระองค์ได้อัญเชิญพระแก้วดอนเต้าหนีไปฝากไว้ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงจนถึงปัจจุบัน ต่อมาภายหลังความจริงปรากฏว่าทั้งสองบริสุทธิ์ จึงมีผู้เห็นคุณงามความดีของนาง ได้บรินาคเงินสร้างวัดเล็กๆ ขึ้นในบริเวณบ้านของนาง และยังมีอนุสาวรีย์นางสุชาดายืนอุ้มลูกแตงโม ให้เราไปสักการะจนถึงทุกวันนี้ %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-5 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-1

ชวนกันไปกราบพระที่ “วัดไหล่หินหลวง” หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังเรื่องสุริโยทัย แต่บางคนก็ว่าวัดนี้มีอาถรรพ์ เพราะช่างคนใดที่ไปรื้อกำแพงรอบวัดเพื่อบูรณะ ก็จะต้องประสบเภทภัยที่คนเหนือเรียกว่า “ขึด” (ประหลาด) ทุกครั้งที่จะบูรณะจึงต้องมีการจัดพิธี “แก้ขึด” ก่อน

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-3

วัดไหล่หินหลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา ห่างจากตัวเมืองลำปาง 18 กิโลเมตร และห่างจากพระธาตุลำปางหลวงเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น แม้วันนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็โบราณมาก คือสร้างในสมัยพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2226 มาเที่ยววัดนี้แล้วห้ามพลาดชมวิหารหลังเล็ก ซึ่งบรรจุสุดยอดศิลปกรรมปูนปั้นโดยช่างลำปางเอาไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ซุ้มประตูเข้าด้านหน้าอันวิจิตร ไปจนถึงตัววิหารไม้ที่มีการจำหลักลวดลายละเอียดยิบจนเราต้องตะลึง! แถมยังประดับด้วยกระจกสีอีก ประวัติว่าสร้างขึ้นสมัยเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้ายนั่นเอง

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-5 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-6

ไม้ค้ำโพธิ์ ตามความเชื่อของชาวล้านา ที่วัดไหล่หินหลวง%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-1

สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาว ถือเป็น Landmark สัญลักษณ์สำคัญของเมืองลำปาง มานานแล้ว มีลักษณะเป็นสะพานปูนขนาดใหญ่ ทรงโค้งสี่โค้ง (คนลำปางเรียก “ขัวสี่โก๊ง”) ข้ามแม่น้ำวัง โดยอยู่ติดกับทางเข้าตลาดจีนเก่า หรือกาดกองต้านั่นเอง เดิมสะพานนี้เป็นโครงไม้ที่เจ้านรนันทไชยชวลิต เจ้าผู้ครองนครลำปางสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวาระที่รัชกาลที่ 5 ทรงครองราชย์ครบ 25 ปี เมื่อ พ.ศ. 2437 ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ได้ทาสีพรางตาเพื่อไม่ให้เครื่องบินเห็น จึงรอดจากการโจมตีทิ้งระเบิดมาได้! จากนั้นจึงมีการสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ. 2460 เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณหัวสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาวและครุฑหลวงประดับไว้ บ่งบอกถึงคุณค่าความสำคัญ %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-2 %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-3 %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-4

ตอนเช้าๆ ตรงเชิงสะพานรัษฎาภิเศก จะมีกาดเช้า (ตลาดเช้า) อันแสนคึกคัก เต็มไปด้วยของกินอร่อย และของใช้พื้นบ้านนานาชนิด ผู้คนคึกคัก อากาศสดชื่น มีพระเดินบิณฑบาตรด้วย รีบตื่นเช้าๆ ไปชมกันเถอะ

เรื่องเล่าจากเชียงคาน เรือนไม้โบราณริมโขง

 

เชียงคาน 2

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ “เชียงคาน” อำเภอน้อยริมโขง แห่งจังหวัดเลย ได้กลายเป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวไทย ถึงขนาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิต คลื่นนักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปชื่นชม จนบางปีในฤดูหนาวเชียงคานล้น หนาแน่นเกินความสามารถที่จะรับนักท่องเที่ยวได้ไหว! บางคนจึงมองว่า เชียงคานกำลังถูกกระแสบริโภคนิยมจากภายนอกทำให้เปลี่ยนไป จนสูญเสียตัวตนที่เคยน่ารัก ดีงาม

แต่ลึกๆ เชียงคานยังมีลมหายใจ ยังมีจิตวิญญาน มีเรื่องเล่า ความเป็นมา แอบซ่อนอยู่อีกมากมายในแต่ละตรอกซอกซอย การเที่ยวชมเชียงคานให้ละเอียดอย่างเนิบช้า ด้วยการเดินหรือปั่นจักรยาน พูดคุยกับชาวบ้านพร้อมรอยยิ้ม จะทำให้เราพานพบ “เชียงคาน” ในอีกแง่มุมหนึ่งอย่างแน่นอน…
เชียงคาน 3

คนเชียงคานดั้งเดิมแล้วอพยพข้ามโขงมาจากเมืองสานะคาม (เมืองชนะสงคราม) ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง หรือประเทศลาวในปัจจุบัน ณ บ้านเวินคำ โดยย้ายมาอยู่ที่ฝั่งผืนดินสยามบริเวณ บ้านท่านาจัน แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองเชียงคาน” จนกลายมาเป็นอำเภอเชียงคาน ส่วนใหญ่คนที่นี่มีชื่อสายจากคนหลวงพระบาง จึงนำวิถีวัฒนธรรม การใส่บาตรข้าวเหนีว ภาษาการพูดด้วยสำเนียงอ่อนหวาน และนำอาหารการกินอร่อยๆ ติดตัวมาด้วย
เชียงคาน 4

คนเชียงคานแท้ๆ ต้องตื่นแต่เช้า หุงข้าวเหนียว เพื่อรอใส่บาตรในยามเช้าตรู่ จากนั้นยามสายจึงค่อยนำกับข้าวไปถวายเพลที่วัด ทว่าวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป เร่งรีบมากขึ้น มีเวลาน้อยลง ทำให้วัฒนธรรมการใส่บาตรข้าวเหนียวเชียงคาน ถึงกาลต้องเปลี่ยนไป!
เชียงคาน 5

จุดเด่นของเมืองเชียงคานที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธในความงามก็คือ ทัศนียภาพริมโขงที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกโปร่ง โล่ง สบายใจ หายใจหายคอได้เต็มปอด สายน้ำโขงที่ไหลเอื่อยๆ อยู่ชั่วนาตาปีไม่เคยเหือดแห่ง คือเส้นเลือดหลัก หล่อเลี้ยงชีวิตคนสองฝั่งน้ำนี้มาหลายชั่วรุ่น

การขนส่งทางน้ำจากเมืองหลวงพระบางลงมายังเชียงคาน ทำให้เมืองนี้เติบโต รุ่งเรืองขึ้นในฐานะเมืองท่าขนาดใหญ่ที่สุดของลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ทว่าหลังจากลาวเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง สยามเลิกค้าขายกับลาว เมืองเชียงคานจึงซบเซาลง ทว่าเมื่อการท่องเที่ยวเพิ่มบทบาทมากขึ้น เชียงคานจึงเปลี่ยนจาก “เมืองท่าสู่เมืองเที่ยว” ในที่สุด

เชียงคาน 6

บรรยากาศยามเช้าเย็น ริมฝั่งโขงเชียงคาน คือภาพตระการตาของธรรมชาติแสงสีบนฟากฟ้า ที่จะประทับใจเรา มิรู้ลืมเชียงคาน 7

นอกจากตัวเมืองเชียงคานที่เด่นด้วยเรือนไม้เก่ายาวเหยียดอยู่ริมโขงแล้ว ใกล้ๆ กันยังมีภูทอก เป็นจุดชมทะเลหมอกตระการตา โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและหน้าฝน ตื่นเช้าจากเชียงคานนั่งรถขึ้นภูทอก ได้ชมทะเลหมอกแสนสดชื่นเชียงคาน 8

คนเชียงคานเองก็น่ารัก ยิ้มง่าย ใจดี มีอัธยาศัยไมตรี พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน หากเรามีเวลาได้นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับชาวเชียงคาน ก็จะได้รับรู้ถึง “เรื่องเล่าที่ซ่อนเร้น” หรือ The Untold Story of Chiangkhan ซึ่งมีมิติมุมมองลุ่มลึก หลากหลาย ทั้งในเรื่องวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม ภาษา อาหาร และอีกมากมาย

การฟ้อนแบบเชียงคาน ก็คือการฟ้อนหลวงพระบางอย่างหนึ่ง ซึ่งได้รับการดัดแปลงให้สอดรับกับยุคสมัยเชียงคาน 9

คงมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า ณ ถนนเชียงคาน ซอย 4 (ล่าง) ที่บ้านของ คุณตาคูณ จูงใจ จะมีเรื่องราวของศิลปะการตัดกระดาษสีที่แทบจะหาดูไม่ได้แล้ว โดยคุณตาคูณ เคยได้รับรางวัลครูศิลป์แห่งแผ่นดิน ประเภทการตัดกระดาษสี (Decorative Paper Cutting) จากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ SACICTเชียงคาน 10

กระดาษสีที่ตัดออกมาแล้ว จะมีทั้งเป็นแผ่นรูปดาว ดอกมะลิ และเป็นพวงห้อยระย้า เพื่อใช้ในพิธีมงคลต่างๆ หากจะมีใครสนใจไปสืบทอดไว้ก็ไม่เสียหลาย เพราะนี่คือมรดกของแผ่นดินเชียงคาน และเมืองไทย ที่ประเมินค่ามิได้
เชียงคาน 11

คุณตาคูณเล่าว่า ในอดีตไม่มีกรรไกร ต้องใช้มีดพร้ากับฆ้อนตอกลงบนกระดาษสี จึงต้องเชี่ยวชาญจริงๆเชียงคาน 12

ที่บ้านของ คุณลุงเสี่ยน อ้วนคำ ซอย 16 (ล่าง) ท่านคือผู้เชี่ยวชาญการ “สานกระติ๊บข้าวเหนียว” คุณภาพเยี่ยม สานมาทั้งชีวิต สองมือของท่านจึงเคลื่อนไหวด้วยความแคล่วคล่องอย่างอัตโนมัติ อีกทั้งท่านเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย ชอบพูดคุยกับลูกหลานที่ไปเยือน นี่คือหนึ่งในปราชญ์แห่งเชียงคานที่แทบไม่มีใครพูดถึง
เชียงคาน 13

คุณลุงเสี่ยน ตรวจสอบผลงานการสานกระติ๊บข้าวเหนียวอย่างตั้งใจ ละเอียดถี่ถ้วนเชียงคาน 14

ใกล้ๆ กับบ้านของลุงเสี่ยน ซอย 16 (ล่าง) คือบ้านของ คุณตาอ้วน และคุณยายสมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญการ สานกระติ๊บข้าวเหนียว และหวดนึ่งข้าวเหนียว ผลงานของท่านละเอียดประณีต มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาไม่ขาด สะท้อนถึงวัฒนธรรมอีสานที่ยังต้องการใช้งานหัตถกรรมประเภทนี้ในชีวิต ทว่าช่างฝีมือเหล่านี้ต่างหาก ที่กำลังลดลง และล้มหายตายจากบ้านเมืองของเราไปเรื่อยๆ

คุณตาอ้วนเล่าว่า มีนักท่องเที่ยวฝรั่งซื้อกระติ๊บข้าวเหนียวของท่านไปถึงอเมริกาและยุโรปด้วย น่าภูมิใจจริงๆเชียงคาน 15

คนทั่วไปรู้จักผีตาโขน แห่งอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย แต่ใครจะรู้บ้างว่าจังหวัดนี้ยังมีอีกหนึ่งผีที่แสนน่ารัก “ผีขนน้ำ”บ้านนาซ่าว อำเภอเชียงคาน แม้จะดูเผินๆ ภายนอกคล้ายผีตาโขน แต่ในรายละเอียดต่างกันมาก เพราะผีขนน้ำคืองานบุญเดือนหก ก่อนลงมือทำการเกษตร ประมาณเดือนพฤษภาคมเชียงคาน 16 ชาวบ้านนาซ่าว ซึ่งเป็นชาวไทยพวน เชื่อว่า ผีขน คือ วัว ควาย ที่ตายไปแล้ว แต่วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ตามห้วย หนอง คลอง บึงรอบหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านไปตักน้ำกลับมา ผีขนก็จะตามมาด้วย โดยได้ยินแต่เสียงกระดิ่งกระดึงที่ผูกคอมันไว้ ในอดีตเมื่อมีการละเล่นแห่ผีขนน้ำแล้ว ฝนมักจะตก ทุกวันนี้การเล่นผีขนน้ำจึงกลายเป็น “ผีขอฝน” นั่นเอง

ลายที่วาดบนหน้ากากผีขนน้ำมักจะน่ารัก ประดับด้านบนด้วยผ้าริ้วเป็นสีสดใส แสดงถึงสายฝนและความอุดมสมบูรณ์เชียงคาน 17 ผีขนน้ำบ้านนาซ่าว สืบทอดกันมาถึงรุ่นที่ 6 หรือ 7 แล้ว ทว่าคนนอกอำเภอเชียงคานแทบไม่รู้จักประเพณีการละเล่นผีขนน้ำเลย นับเป็นอีกหนึ่งประเพณี UNSEEN of Chiangkhan อย่างแท้จริงเชียงคาน 18

หน้ากากผีขนน้ำบ้านนาซ่าว ทำจากไม้นุ่น หรือไม้งิ้ว นำมาสลักให้เป็นรูปใบหน้า แล้วทาสีวาดลายตามต้องการ ส่วนหน้ากากผีตาโขนที่เราคุ้นเคย ทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียว แค่นี้ก็ต่างกันแล้ว

ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนบ้านนาซ่าว สามารถทดลองทำหน้ากากผีขนน้ำได้ด้วยตนเอง สนใจติดต่อ คุณวิชิต ทำทิพย์ โทร. 08-8548-1688เชียงคาน 19เชียงคานในฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นยะเยือกจับใจ ผู้คนที่นี่จึงเรียนรู้การทำ “ผ้าห่มนวม” ขึ้นใช้เอง และจำหน่ายเป็นสินค้ามีชื่อเสียง โดยเฉพาะที่ โรงหีบฝ้ายบ่วยเฮียงในตลาดเชียงคาน เป็นโรงหีบฝ้ายแห่งแรกของเชียงคาน มีทั้งหน้าร้านจำหน่าย และเปิดให้เข้าชมโรงงาน ขั้นตอนวิธีผลิตอย่างละเอียด ตั้งแต่การหีบฝ้าย (แยกเมล็ดฝ้ายออกจากปุยฝ้าย), การขึ้นเส้นโครงผ้าห่ม, การบุฝ้าย, การตีฝ้าย จนกลายเป็นผ้าห่มแสนอุ่นสบาย
เชียงคาน 20

ผ้าห่มนวมเชียงคานไม่ได้มีแต่ที่ร้านบ่วยเฮียง แต่ยังมีที่ร้านนิยมไทย (อยู่ระหว่างซอย 13 และ 14 ล่าง), ร้านไดเฮง (ซอย 12 บน), บ้านคุณป้าคำหล้า สิงห์หล้า (ซอย 10 บน) ฯลฯ
เชียงคาน 21

หนึ่งวัฒนธรรมอันแสนน่ารัก ดีงาม ที่บรรพบุรุษชาวหลวงพระบางนำมาสู่เชียงคานเมืองริมโขง ก็คือ “ประเพณีผาสาดลอดเคราะห์” (หรือ ปราสาทลอยเคราะห์) ที่เชื่อกันว่าเป็นเหมือนการสะเดาะห์เคราะห์ นำโชคร้าย สิ่งไม่ดีออกจากตัวด้วยการทำกระทงกาบกล้วยทรงสี่เหลี่ยม ประดับประดาอย่างงดงาม เพื่อไปลอยในแม่น้ำโขงเชียงคาน 22

กระทงผาสาดลอยเคราะห์ ตามแบบประเพณีนิยมดั้งเดิม นอกจากเชื่อว่าจะนำเคราะห์โศรก โรคภัย สิ่งไม่ดีทั้งปวงออกจากตัวเราแล้ว ยังช่วยให้มีโชคดีติดตามมาด้วยเชียงคาน 23

ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่สนใจในประเพณีผาสาดลอยเคราะห์ สามารถทดลองทำ แล้วนำไปลอยในแม่น้ำโขงได้ด้วยตัวเอง หรือติดต่อที่บ้านป้านาง ซอย 8 (ล่าง) ช่วยกันสืบสานสิ่งดีๆ ไม่ให้สูญหายนะจ๊ะเชียงคาน 24

เมื่อทำกระทงผาสาดลอยเคราะห์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลงเรือล่องโขง ออกไปหาจุดเหมาะๆ ลอยเคราะห์ไปกับสายน้ำเชียงคาน 25

นั่งเรือชมธรรมชาติสองฝั่งโขง พร้อมกับผาสาดลอยเคราะห์ในมือ ที่เราประดิษฐ์ขึ้นด้วยตนเองอย่างภาคภูมิใจเชียงคาน 26

ลอยผาสาดลอยเคราะห์กลางแม่นำ้โขง เชียงคาน ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องจดจำ เชื่อกันว่าเมื่อลอยไปแล้ว ห้ามมอง ต้องปล่อยสิ่งไม่ดี โชคร้าย ความเศร้าโศรกไปกับกระทงนั้นเชียงคาน 27

กลับจากผาสาดลอยเคราะห์เข้าฝั่งเชียงคาน แสงอาทิตย์ก็คล้อยต่ำเย็นย่ำอ่อนแรง เปลี่ยนบรรยากาศริมโขงให้อ่อนหวาน เนิบช้า สงบเย็น นี่ล่ะเสน่ห์แท้จริงของเมืองริมโขงอย่างเชียงคาน ที่เราสัมผัสได้ตลอดปีเชียงคาน 28

เมื่ออาทิตย์อัสดง สายน้ำโขงเชียงคานก็ถูกแต่งแต้มเปลี่ยนเฉดสีไปตามธรรมชาติสร้างสรรค์ สีของฟากฟ้าสะท้อนลงมาเจือเป็นเนื้อเดียวกับสีสายน้ำโขง บ่งบอกเรื่องราวธรรมชาติ และชีวิตสองฟากฝั่ง โรแมนติกอย่าบอกใครเชียว
เชียงคาน 29

เชียงคานเป็นเมืองรุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ไม่ได้มีแต่ถนนคนเดินไว้ให้ช้อปปิ้งอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด โรงเรียนเชียงคาน คือแหล่งสืบทอดการรำเบิ่งโขง พร้อมด้วยการแต่งกายอย่างคนหลวงพระบาง บรรพบุรุษของชาวเชียงคาน ลีลาอ่อนช้อย และเนื้อเพลงอันน่าฟัง สะท้อนถึงความผูกพันของผู้คนกับสายน้ำโขง มาหลายชั่วรุ่นเชียงคาน 30

งามอย่างเชียงคาน กับลีลาการรำเบิ่งโขงอันอ่อนหวาน ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้พบเห็นเชียงคาน 31

นักเรียนของโรงเรียนเชียงคานทุกคน สามารถรำเบิ่งโขงได้ และในหนึ่งสัปดาห์ ต้องแต่งชุดประจำถิ่นของเชียงคาน เพื่อช่วยกันอนุรักษ์สืบสานอัตลักษณ์ ตัวตน คนเชียงคาน ให้คงอยู่ไปอีกนานแสนนานเชียงคาน 32

การเที่ยวสัมผัสเชียงคานอย่างมีคุณค่า ควรหาโอกาสไปที่บ้าน “อาจารย์สมโภช ดนตรีไทย” (โทร. 09-3449-3399, 09-4558-9388) อยู่ที่ซอย 10 (บน) เป็นแหล่งเรียนรู้ดนตรีไทยและดนตรีสากล ซึ่งผู้ใหญ่และเด็กรุ่นใหม่ในเชียงคานสนใจมาก การเที่ยวชมเป็นหมู่คณะก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องติดต่อล่วงหน้า ไปร่วมกันซึมซับสัมผัสเสียงดนตรีอันไพเราะ เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณความเป็นไทย แล้วคุณจะรักเมืองไทยมากขึ้นอย่างแน่นอนเชียงคาน 33

ที่บ้านป้านาง (ซอย 8 ล่าง) เวลามีแขกไปใครมาเยือน ตอนเย็นๆ ก็จะมีจัดเลี้ยงอาหารพื้นเมือง เสร็จแล้วก็ร่วมวงฟ้อนรำกันสนุกสนาน บางวันอาจารย์สมโภชก็มาร่วมบรรเลงด้วย สร้างความประทับใจไปอีกนานแสนนานเชียงคาน 34

แม้วันเวลาจะล่วงเลยไปนานเพียงไร จิตวิญญาณที่แท้จริงอย่างหนึ่งของเชียงคาน ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนก็คือ “เรือนไม้เก่าริมโขง” ไล่ตั้งแต่ซอย 0 ถึงซอย 20 นับเป็นหนึ่งในชุมชนเรือนไม้เก่าริมแม่นำ้โขงที่โดดเด่นที่สุดในสยาม แม้หลายหลังจะถูกทิ้งร้าง ทว่าส่วนใหญ่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ ส่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น
เชียงคาน 35

เรือนไม้เก่าริมโขงเชียงคาน บริเวณถนนศรีเชียงคาน ถือเป็นหัวใจของเมืองน้อยน่ารักแห่งนี้เชียงคาน 36

เรือนไม้เก่าบางหลัง ด้านที่ติดถนนศรีเชียงคานอาจจะปิดประตูบานพับไม้ไว้มิดชิด แต่เมื่อเดินไปที่ถนนชายโขงตรงริมแม่น้ำ เรายังเห็นผู้คนเปิดบ้านใช้ชีวิต รับลมแม่น้ำพัดพรูเข้ามาสร้างความชื่นใจ เป็นโลกสองด้านที่เราต้องเปิดใจรับรู้เชียงคาน 37

รถสามล้อสกายแลป คือพาหนะสุดเท่ห์ที่ผู้คนใช้เป็นรถรับส่งสาธารณะ ขนคนขนของ รับใช้ชุมชนนี้มาเนิ่นนาน เป็นพาหนะเอกลักษณ์เมืองชายโขงที่เข้าคู่กับเรือนไม้เก่าได้ลงตัว นั่งเที่ยวชมเชียงคานและแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง อย่างแก่งคุดคู้, ภูทอก, พระพุทธบาทภูควายเงิน, ภูช้างน้อย ฯลฯ ได้สบายมากๆ
เชียงคาน 38

เชื่อหรือไม่ว่าเชียงคานในอดีตเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรืองมาก ถึงขนาดมีโรงหนังถึง 3 แห่ง คือ ราชาภาพยนตร์, สุวรรณรามา และพรเทพ โดยเฉพาะบนถนนซอย 9 ที่ตรงขึ้นมาจากท่าเรือเก่า ไปสู่ตลาดเชียงคาน แม้แต่คนฝั่งลาวยังนั่งเรือมาชมเวลามีโปรแกรมหนังใหม่ๆ ดังๆ เข้าฉายในวิก แต่เมื่อถึงยุคมีม้วนเทปวีดีโอ แผ่นซีดี ดีวีดี จนมาถึงยุคดูหนังฟรีทางอินเตอร์เน็ท โรงหนังทั้งหมดก็ปิดตัวลงอย่างถาวร สะท้อนสัจธรรมความเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่งของโลกใบนี้เชียงคาน 39

คุณลุงเจ้าของโรงหนังราชาภาพยนตร์ เปิดที่พักเก๋ไก๋น่ารัก พร้อมกับนำเครื่องฉายภาพยนตร์ เก้าอี้ไม้เก่า และโปสเตอร์หนังสุดรัก มาตกแต่งคล้าย Mini Theater หรือโรงหนังขนาดย่อมในด้านล่างของที่พักแบบไม่เหมือนใครจริงๆเชียงคาน 40

โรงหนังสุวรรณรามา ซอย 9 (บน) ทางเข้าตลาดเชียงคาน ปัจจุบันผันตัวเองไปเป็นร้านอาหาร และคอร์ตแบตมินตัน แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายโรงหนังเก่าในอดีตให้สัมผัส ทั้งม้วนฟิล์มเก่า, เก้าอี้ไม้, เครื่องฉายหนัง, โปสเตอร์ภาพยนตร์ เป็นเสน่ห์ของเมืองเล็กๆ ริมโขง ที่ทำให้ผู้มาเยือนคนแล้วคนเล่าหลงรักจนหมดใจเชียงคาน 41เรือนไม้เก่าของเชียงคาน ถือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมท้องถิ่นอันทรงคุณค่ายิ่ง แต่ละหลังเปี่ยมด้วยเรื่องราวน่าค้นหา อย่าง “บ้านตาสิงห์คำ” (ซอย 19 ล่าง ถนนศรีเชียงคาน) ที่เก่าแก่กว่า 150 ปีเป็นอย่างน้อย เป็นเรือนหลังเดียวในเชียงคาน ที่มีเสาใต้ถุนเป็นปูนทรงสี่เหลี่ยมแบบยุโรป บนตัวบ้านก็กว้างขวาง และหลังบ้านยังมียุ้งฉางข้าวแบบโบราณให้ชมด้วย

เชียงคาน 42

เรือนไม้เก่าอายุนับร้อยปีของตาสิงห์คำ เต็มไปด้วยเรื่องเล่าในทุกอณูของตัวบ้าน
เชียงคาน 43 บ้านตาอูบ ปากซอย 14 (ล่าง) ถนนศรีเชียงคาน คือเรือนไม้โบราณอันทรงคุณค่า แสดงให้เห็นถึงวิธีการสร้างเรือนของคนเชียงคานในอดีต ที่นิยมใช้ไม้ไผ่ขัดแตะแล้วฉาบปูนบางๆ ปิดทับเป็นฝาผนัง แม้ปัจจุบันบ้านหลังนี้จะปิดร้าง แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็น Landmark ของเชียงคาน ที่ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่เสื่อมคลายเชียงคาน 44

ด้านหลังบ้านตาอูบ ปัจจุบันกลายเป็นที่จอดรถสาธารณะ ทว่าตัวบ้านนั้นยังคงโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์ สมควรได้รับการอนุรักษ์ ฟื้นฟูให้เป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนเพื่อการเรียนรู้ต่อไปเชียงคาน 45

เรือนไม้เก่าเชียงคานทุกหลังมีอดีต มีเรื่องเล่า พร้อมให้เราเข้าไปเรียนรู้ ถ้าเราเปิดใจอย่างเต็มที่เชียงคาน 46

ซอย 9 คือหัวใจหลักของเชียงคานในอดีต เพราะท่าเรือเก่าอยู่ที่ริมน้ำซอย 9 พอขึ้นฝั่งมาก็จะพบกับร้านค้าของชาวจีน ที่มีทั้งร้านโชห่วย ร้านกาแฟ ร้านขายยา รวมถึงโรงหนัง และโรงแรมเล็กๆ เรียงราย จากถนนชายโขง ผ่านถนนศรีเชียงคาน ขึ้นไปยังตลาดเชียงคาน แม้แต่โรงแรมพูลสวัสดิ์ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเชียงคาน มี 9 ห้อง ก็อยู่ในซอย 9 นี้เช่นกันเชียงคาน 47

เรือนไม้เก่าเชียงคาน แม้เก่าก็เพียงตัวบ้าน ทว่ารอยยิ้มของผู้เป็นเจ้าของ ที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวให้เราฟังนั้น ไม่ได้เก่าไปด้วยเลย แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์วิถีชุมชน ที่ไม่ยอมละทิ้งบ้านเรือนของตนไปไหนไกลเชียงคาน 48 เชียงคาน 49

เชียงคานบุรี เรือนไม้ 3 ชั้นเพียงแห่งเดียวของเชียงคาน เป็นโรงแรมสร้างใหม่บริเวณซอย 11 (ล่าง) พอขึ้นไปชั้นบนสุด จะมองเห็นวิวตัวเมืองได้สวยงาม ใครจะไปพักต้องจองนะจ๊ะ จะบอกให้เชียงคาน 50

โรงแรม White House (อยู่ระหว่างซอย 5-6 ล่าง ถนนศรีเชียงคาน) เป็นตึกฝรั่งทรงโคโลเนียลสีขาวอันสวยงาม สะท้อนวันเวลาท่ีฝรั่งเศสเคยมีอิทธิพลเหนือล้านช้าง หรือลาวในอดีต แถมยังแผ่อิทธิพลข้ามโขงมาถึงเมืองเชียงคานด้วย ปัจจุบัน Whit House คือโรงแรมน่าพัก ที่พาเราย้อนกลับไปสู่อดีตได้ราวกับ Time Capsuleเชียงคาน 51

เชียงคานเป็นเมืองพุทธ เมืองสงบ ที่ผู้คนยังคงยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม วัดวาอารามกว่า 10 แห่งในย่านริมโขง ทำให้คนใกล้วัด ไม่ลืมทำบุญสุนทาน และในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญด้วย เด่นที่สุดคือ “วัดศรีคุณเมือง” อยู่ระหว่างซอย 6-7 (ล่าง) ใกล้แม่น้ำโขง
เชียงคาน 52

วัดศรีคุณเมือง เดิมชื่อ วัดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2119 เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยพุทธศิลป์แบบล้านช้าง (ลาว) เห็นได้จากหลังคาโบสถ์ที่ลดหลั่นกันลงมาในทรงเตี้ยแบบล้านช้าง, พระพุทธรูปไม้จำหลักปิดทอง และภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบล้านช้างแท้ๆ นับเป็นศูนย์กลางรวมใจรวมศรัทธาของชาวเชียงคานเชียงคาน 53 พระประทานในโบสถ์วัดศรีคุณเมือง สร้างด้วยศิลปกรรมล้านช้างแท้ๆ เป็นทองสำริด เชียงคาน 54

วัดศรีคุณเมือง ที่เชียงคาน แท้จริงแล้วเป็นชื่อวัดเดียวกับ วัดสีคุนเมือง ของเมืองหลวงพระบางในประเทศลาว เป็นวัดที่ราชวงศ์ลาวให้การอุปถัมป์ เมื่อผู้คนอพยพลงมาสร้างบ้านแปงเมืองอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน จึงนำชื่อวัดในบ้านเกิดมาด้วยเชียงคาน 55

วัดมหาธาตุ คือวัดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงคานใกล้ริมโขง บริเวณซอย 14 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2197 เป็นวัดที่เก่าแก่มาก เด่นด้วยพระอุโบสถไม้หลังเก่าศิลปะล้านช้าง เชื่อกันว่าเจดีย์ขาวที่วัดมหาธาตุนี้ สร้างอุดรูพญานาคไว้ เพราะเชื่อว่าเป็นทางผ่านของพญามุจลินทร์นาคราช ที่เข้ามากราบไหว้หลวงพ่อใหญ่ แล้วกลับลงสู่แม่น้ำโขงเชียงคาน 56

นอกจากความเชื่อเรื่องพญานาคแล้ว วัดมหาธาตุยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และวัตถุโบราณเก็บรักษาไว้ อีกทั้งยังมีส้วมฝรั่ง ที่เป็นห้องน้ำก่ออิฐถือปูนทรงโคโลเนียล เพราะจุดนี้เคยใช้เป็นที่ตั้งที่ว่าการเมืองเชียงคานเก่า สมัยพระยาศรีอรรคฮาตเชียงคาน 57

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดมหาธาตุ เป็นฝีมือช่างพื้นบ้านสกุลช่างล้านช้าง แม้ทุกวันนี้จะลบเลือนไปมาก แต่ก็ยังพอเห็นเค้าโครงกลิ่นอายความงามของพุทธศิลป์แห่งศรัทธา
เชียงคาน 58

หลวงพ่อใหญ่แห่งวัดมหาธาตุ ที่เชื่อกันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก
เชียงคาน 59

เชียงคานเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายสุดๆ ทั้งในแง่วัฒนธรรม ชุมชน งานประเพณี เชิงเกษตร และธรรมชาติ โดยเฉพาะที่ “ภูทอก” แหล่งชมทะเลหมอกใกล้เชียงคาน มองออกไปเห็นแม่น้ำโขงและฝั่งลาวได้ชัดเจน ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวด้วยแล้ว ทะเลหมอกจะแน่นเป็นผืนพรมคล้ายปุยนุ่นทีเดียว เชียงคาน 60

แก่งคุดคู้ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานไปทางตะวันออก 2 กิโลเมตร เป็นแก่งใหญ่กลางแม่น้ำโขง ที่จะเผยตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนในยามฤดูแล้ง ปัจจุบันมีร้านอาหาร จุดชมวิว และบริการล่องเรือเที่ยวชมธรรมชาติลำน้ำโขง ชิลสุดๆเชียงคาน 61

ตำนานแก่งคุดคู่เล่าว่า ในอดีตมีพรานคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ชื่อ ตาจึ่งขึ่งดังแดง ไล่ตามควายเงินมาจากฝั่งลาว โดยหมายจะยิงมันให้ได้ แต่พอมาถึงแก่ง ก็มีพ่อค้าจากหลวงพระบางถ่อเรือมาถึงพอดี ควายเงินตกใจ เผ่นหนีขึ้นไปซ่อนอยู่ที่ปลักบนภูควายเงิน พรานโกรธมากจึงนำหินมาก่อเรียงขวางลำน้ำ เพื่อไม่ให้ใครถ่อเรือผ่านไปได้อีก พระอินทร์จึงแปลงร่างลงมาเป็นเณรน้อย ออกอุบายให้พรานใช้ไม้ไผ่ทำคานแบกหิน ทว่าไม้ไผ่ไม่แข็งแรงพอ จึงหักลงมาบาดคอตายในท่านอนคุดคู้ บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า “แก่งคุดคู้” มาจนทุกวันนี้เชียงคาน 62

เวลาไปเที่ยวแก่งคุดคู้ นอกจากกุ้งแพ (กุ้งฝอยแม่น้ำโขง ชุบแป้งทอดเป็นแพ กินกับน้ำจิ้มแสนอร่อย) แล้ว สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดชิมคือ มะพร้าวแก้วแก่งคุดคู้ ผลิตกันที่นี่มาช้านาน มีหลายเจ้า ขอเข้าชมการผลิตได้ เอกลักษณ์คือเนื้อมะพร้าวต้องนุ่ม รสชาติหวานนวลๆ กินเล่นได้เพลินๆ จ้าเชียงคาน 63

การผลิตมะพร้าวแก้วแก่งคุดคู้ ต้องใช้เนื้อมะพร้าวคุณภาพดี ทำความสะอาด แล้วผ่ารีดเป็นแผ่นบางๆ ก่อนนำไปเชื่อม
เชียงคาน 64

การเชื่อมมะพร้าวแก้ว แก่งคุดคู้ ของกินเล่นยอดฮิตที่เหมาะจะซื้อเป็นของฝากกลับบ้านเชียงคาน 65

ใครที่สนใจวิถีท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือ Agro-Tourism แนะนำให้ไปเที่ยวที่ “สวนผลไม้บ้านบุฮม” อยู่ห่างจากเชียงคานไปทางตะวันออก 14 กิโลเมตร ตามถนนเส้นเลียบโขงอันสวยงาม เราจะเห็นสวนมะม่วง สวนฝรั่ง สวนแก้วมังกร สวนกระท้อน สวนมะขามหวาน และอีกสารพัดสวน ให้เข้าชม ชิม และซื้อกลับบ้าน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอดปีเชียงคาน 66

มะม่วงบ้านบุฮม มีพ่อค้ามาซื้อเหมากันไปถึงที่เลย รสชาติหวานอร่อยสุดยอด เพราะดินแถวริมโขงมีแร่ธาตุเยอะมากเชียงคาน 67

เชียงคานมีอาหารอร่อย เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอยู่หลายอย่าง เช่น ที่ซอย 0 มี “ข้าวหลามยาว” ซึ่งเมื่อก่อนยาวมากถึง 1.5 เมตร (เกือบ 2 เมตรก็มี!) ถือเป็นข้าวหลามที่ยาวที่สุดในเมืองไทย เอกลักษณ์คือเนื้อข้าวเหนียวจะนุ่ม หอม หวานอ่อนๆ มีทั้งข้าวเหนียวดำและข้าวเหนียวขาว เหมาะจะกินเล่นจิ้มนมข้นหวาน ที่นี่ทำขายตอนเช้าเท่านั้นจ้าเชียงคาน 68

น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ไม้ไผ่ยาวๆ ในบ้านเราแทบไม่มีแล้ว หรือถ้ามีก็อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ เข้าไปตัดมาใช้งานไม่ได้ ข้าวหลามยาว ซอย 0 เชียงคาน เลยต้องรับซื้อไม้ไผ่มาจากฝั่งลาวแทนเชียงคาน 69

เมื่อปิ้งข้าวหลามจนสุกดีแล้ว ก่อนหม่ำก็ต้องมาเหลาเปลือกให้บางเฉียบ จนสามารถใช้มือปอกข้าวหลามกินได้ทันที นี่คือเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของข้าวหลามยาวเชียงคาน
เชียงคาน 70

เที่ยวชมเชียงคานกันมาจนเหนื่อยแล้ว ได้เวลาเติมพลัง กับ “ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว” ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากลาว (ต้นตำรับคือเวียดนาม) แท้จริงแล้วก็คือเส้นขนมจีน ใส่น้ำซุป และเครื่องในหมู เนื้อหมู กินกับผักแกล้ม พริก กะปิ มะนาว คล้ายๆ เฝอ (ก๋วยเตี๋ยว) เวียดนามนั่นล่ะ

เชียงคาน 71

ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว คืออาหารเช้ายอดฮิตของคนเชียงคาน ชื่อดังสุดคือ ข้าวปุ้นน้ำแจ่วป้าบัวหวาน ซอย 14 (บน)เชียงคาน 72

ส้มตำด้องแด้ง แห่งร้านจิตส้มตำ ปากซอย 21 (บน) ใกล้โรงพยาบาลเชียงคาน เป็นส้มตำเจ้าเด่นเจ้าดัง รสชาติแซ่บถึงใจ สั่งได้ตามต้องการ มีตำทุกประเภทให้เลือก โดยเฉพาะส้มตำด้องแด้ง ซึ่งมีต้นกำเนิดที่นี่เชียงคาน 73

จุ่มนัวยายพัด หรือสุกี้หลวงพระบาง ขายอยู่ที่ซอย 10 (ล่าง) รสชาติอร่อยกลมกล่อม ลูกค้าแน่นตลอดวัน ขายมาหลายสิบปี ร้านนี้ยังมีขนมหวานแบบไทยๆ ให้กินล้างปากด้วย โดยเฉพาะลอดช่อง, กล้วยบวชชี, ฟักทองแกงบวช สุดยอด!!!เชียงคาน 74

ตื่นเช้าเดินไปเที่ยวตลาดเชียงคาน ถ้าหิวขึ้นมา ก็เดินไปชิม “ปาท่องโก๋ยัดไส้” กินคู่กับกาแฟ โอวัลติน ชาร้อน ต้อนรับวันใหม่ให้สดชื่นอิ่มท้องเชียงคาน 75

มีคนเคยบอกว่า ตลาดเช้าคือสิ่งที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นๆ ได้ดี มันคือความจริง เพราะในตลาดเช้าเชียงคาน จะมีพืชพักผลไม้ในท้องถิ่นมาขายหลากหลายตามฤดูกาล รวมถึงพืชผัก ข้าวเหนียว แกง อ่อม หมก แหนม ฯลฯ อุดมสมบูรณ์ คนที่อยากใส่บาตรข้าวเหนียว ตื่นเช้าเอากระติ๊บมาซื้อข้าวเหนียวร้อนๆ ที่นี่ได้เลย
เชียงคาน 76

เชียงคาน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ของเรื่องราว ชีวิต วัฒนธรรม และธรรมชาติงามริมโขง เรือนไม้เก่าทุกหลังล้วนมีอดีต เรื่องเล่า ที่พร้อมให้เราเข้าไปเรียนรู้ เชียงคานไม่ได้มีแต่ถนนคนเดิน แม้เชียงคานจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่นั่นคือการปรับตัวตามวิวัฒนาการของเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว คำถามคือ เราจะทำอย่างไรที่จะช่วยกันรักษาเชียงคานให้คงอยู่ พร้อมกับรักษาอัตลักษณ์ตัวตนไว้ได้ด้วย

เชียงคานไม่ใช่เมืองที่ถูกแช่แข็งไว้ในกาลเวลา แต่เป็นเมืองที่มีความเติบโตไปตามยุคสมัย วันนี้เชียงคานยังน่านัก เต็มไปด้วยเรื่องราวของชีวิตที่หมุนไป ไม่หยุดหย่อน เราจึงต้องเคารพความเป็นเชียงคาน ไปเรียนรู้ในสิ่งที่เขาเป็น อย่าให้เขาต้องเปลี่ยนเพื่อคนนอก

นี่คือเมืองแห่งเรือนไม้เก่าริมโขง ที่ฉันหลงรักจนหมดใจ ในความน่ารักและรอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

มานครพนม ชมสามที่สุด เพื่อสุขที่สุด

วิวริมโขง นครพนม 2

มาเที่ยวนครพนมทีไร สุขใจทุกครั้ง ทั้งวิวสวยริมโขง ผู้คนน่ารัก ความหลากหลายของวัฒนธรรมไทย ญวน จีน และอีสาน ผสมกลมกลืน รวมถึงอาหารแสนอร่อย แต่มาเที่ยวคราวนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นปีท่องเที่ยวนครพนม ที่เขาจัดแคมเปญสนุกๆ ชื่อ “สามที่สุด…ปีท่องเที่ยวนครพนม” ชวนไปชมของดีของเด่น ซึ่งจะทำให้เราประทับใจไม่รู้ลืม

ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด : พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์ และปีวอก

สวยที่สุด : สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน)

งามที่สุด : ทิวทัศน์ริมฝั่งโขงพระธาตุพนม 1

ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด : พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์ และปีวอก

พระธาตุพนม 2ท่านสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดตัวกิจกรรม “สามที่สุด…ปีท่องเที่ยวนครพนม” กับจุด Check In แรก ณ พระธาตุพนม ซึ่งถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจังหวัดนครพนม
พระธาตุพนม 3มาเที่ยวนครพนมแล้ว ร่วมกิจกรรม “เช็ค อิน ฟินสุขสุด” และกิจกรรม Like and Share เพื่อรับของที่ระลึกและของรางวัลจากนครพนม ทั้งสินค้าโอทอป, เสื้อ T-Shirt สามที่สุด, แฟลชไดร์ฟสามที่สุด, Gift Voucher โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านของฝากในจังหวัด และแพ็กเกจทัวร์ ตั้งแต่ 11 มิถุนายน – 30 ตุลาคม 2559

สอบถามเพิ่มเติมที่ สำนักงานจังหวัดนครพนม โทร. 0-4251-1287
พระธาตุพนม 4

พระธาตุพนม เป็นพระบรมธาตุที่เก่าแก่มาก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยทวารวดี เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 11 หรือ 12 เป็นที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า ถ้าได้มากราบไหว้ หรือห่มผ้าพระธาตุแล้ว ถือว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งกับชีวิต
พระธาตุพนม 5

ใครได้มาไหว้พระธาตุพนมครบ 7 ครั้ง ถือว่าเป็นลูกพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์แล้วนะจ๊ะพระธาตุพนม 6 อาจารย์คฑา ชินบัญชร และ คุณซัน ประชากร ปิยะสกุลแก้ว นักแสดงสายเลือดนครพนม นำคณะผู้ศรัทธา บูชาพระธาตุพนมและห่มผ้าพระธาตุ ณ จุด Check In จุดแรกพระธาตุพนม 7.1

พลังแห่งศรัทธา ณ พระธาตุพนมพระธาตุพนม 7เนื่องจากปี 2559 นี้ ถือเป็นปีดีเฮงๆ ของคนปีวอก จังหวัดนครพนมจึงจัดงาน “พิธีบูชาพระธาตุพนม เสริมบารมีคนปีวอก” ซึ่งโดยปกติจัดกันอยู่แล้วทุกวันเสาร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน แต่ปีนี้จัดยิ่งใหญ่และพิเศษขึ้นอีก ด้วยว่าองค์พระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีวอก จึงมีผู้ศรัทธาเข้าร่วมอย่างล้นหลาม

พระธาตุพนม 8

ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธีเปิดงานบูชาพระธาตุพนม เสริมบารมีคนปีวอกพระธาตุพนม 9.1

ท่านประมวล มุ่งมาตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงาน “พิธีบูชาพระธาตุพนม เสริมบารมีคนปีวอก” เมื่อค่ำของวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2559พระธาตุพนม 9

ผู้ศรัทธาและนักท่องเที่ยวนับพัน เข้าร่วมพิธีบูชาพระธาตุพนม เสริมบารมีคนปีวอก
พระธาตุพนม 10.1

พิธีบายศรีสู่ขวัญตามความเชื่อของชาวอีสาน ก่อนที่การรำบูชาพระธาตุพนมจะเริ่มขึ้นพระธาตุพนม 10.2

พานบายศรีประดิษฐ์ด้วยใบตองฝีมือละเอียดประณีตของชาวนครพนม สร้างสรรค์เป็นรูปพญานาค 7 เศียร
พระธาตุพนม 10 ไฮไลท์ของงานบูชาพระธาตุพนมที่ทุกคนรอคอย คือการฟ้อนบูชาพระธาตุพนมโดยชาวบ้านกลุ่มต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา จัดขึ้นทุกวันเสาร์ที่ 2 และ 4 ของเดือนพระธาตุพนม 11

การฟ้อนบูชาพระธาตุพนมอันยิ่งใหญ่ตระการตา ได้ชมเมื่อไหร่ก็ประทับใจเมื่อนั้น สะท้อนถึงความผูกพันของผู้คน กับพระพุทธศาสนา และพระบรมธาตุอันศักดิ์สิทธิ์พระธาตุพนม 12.1

ชาวบ้านในอำเภอต่างๆ ของจังหวัดนครพนม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทำการแสดง เพื่อบูชาองค์พระธาตุพระธาตุพนม 12 การฟ้อนอันสวยงามอ่อนช้อย ของสาวนครพนม ตำบลพระกลางทุ่ง
พระธาตุพนม 13.1

รำด้วยศรัทธา ถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระธาตุพนมพระธาตุพนม 13 พระธาตุพนม 14 พระธาตุพนม 15 พระธาตุพนม 16 พระธาตุพนม 17

ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมฟ้อนรำกับนางรำตำบลพระกลางทุ่ง ในช่วงท้ายของพิธีบูชาพระธาตุพนม เสริมบารมีคนปีวอกสะพานมิตรภาพไทย ลาว นครพนม 1

สวยที่สุด : สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) จุด Check In จุดที่ 2 ของสามที่สุด… ปีท่องเที่ยวนครพนม นำเราไปชมความสวยงามของสะพานทอดยาวข้ามลำโขง สู่เมืองท่าแขกของลาว ซึ่งมีทิวเขาหินปูนยิ่งใหญ่ทอดยาวตระการตา เป็นวิวทิวทัศน์ที่ Amazing จริงๆ!สะพานมิตรภาพไทย ลาว นครพนม 2

ซัน ประชากร ปิยะสกุลแก้ว นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง ลูกหลานของชาวนครพนมแท้ๆ มาเป็น presenter ให้กับกิจกรรม “สามที่สุด…ปีท่องเที่ยวนครพนม” ว๊าว!
สะพานมิตรภาพไทย ลาว นครพนม 3สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ปี 2011 เวลา 11.11 น. ทำหน้าที่เหมือน Gateway ใหม่ของการเดินทางท่องเที่ยวและค้าขายใน ASEAN
สะพานมิตรภาพไทย ลาว นครพนม 4

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ในวันฟ้าใสปิ๊งๆ
วิวริมโขง นครพนม 1งามที่สุด : ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง จุด Check In ที่ 3วิวริมโขง นครพนม 2

วิวริมโขงนครพนมสวยสุดๆ ตลอดวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น มองเห็นเทือกเขาหินปูนฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ทอดยาวเป็นแนวกำแพงธรรมชาติอยู่ไกลลิบๆ ตรงเส้นขอบฟ้า
วิวริมโขง นครพนม 3

สามพรีเซนเตอร์ ณ จุดงามที่สุด ทิวทัศน์ริมฝั่งโขงนครพนมวิวริมโขง นครพนม 4

ถ้าใครขยันตื่นเช้า ก็จะได้ชื่นชมความงามของตะวันเบิกฟ้า ณ ริมโขงนครพนม มองข้ามโขงไปเห็นแสงทองรับวันใหม่ เหนือเทือกเขาหินปูนแขวงคำม่วนวิวริมโขง นครพนม 5

ยามเช้าอันเงียบสงบที่ริมโขงนครพนม ยังเป็นเมือง Slow Town ที่ช่วยทำให้นาฬิกาชีวิตเราเดินช้าลงจริงๆ นะจ๊ะวิวริมโขง นครพนม 6.1

นอกจากวิวธรรมชาติสวยๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมตักบาตรริมโขงรับวันใหม่ ตามวิถี Slow Life ชาวนครพนมวิวริมโขง นครพนม 6

บรรยากาศสบายๆ ในยามเช้าอันสดใสที่ริมโขงนครพนม รอพระเดินบิณฑบาตรหน้าวัดพระมหาธาตุ
วิวริมโขง นครพนม 7

ตักบาตรริมโขงยามเช้า สืบสานวิถีพุทธอันสงบเย็นให้คงอยู่สืบไปวิวริมโขง นครพนม 8

คนอีสานบ้านเฮา ก็ต้องตักบาตรข้าวเหนียวอย่างนี้ล่ะจ้าวิวริมโขง นครพนม 9

วิวริมโขงนครพนมในช่วงกลางวันแดดกระจ่างตาฟ้าใส มองไปเห็นทิวทัศน์เทือกเขาทอดยาวเรียงราย เหมาะนั่งเรือชมธรรมชาติสองฝั่งโขงซะจริงๆ เลยนะ
พระธาตุท่าอุเทน

นอกจากการร่วมกิจกรรม “จุดถ่ายภาพสามที่สุด” ในปีท่องเที่ยวนครพนมแล้ว มาเยือนจังหวัดนี้ทั้งที ก็ต้องหาโอกาสไปนมัสการพระธาตุประจำวันเกิดให้ครบ 7 วันด้วยนะจ๊ะ เพราะนครพนมเป็นจังหวัดเดียวในเมืองไทย ที่มีพระธาตุประจำวันเกิดครบ 7 วัน อย่างพระธาตุท่าอุเทน เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์จ้าพระธาตุนครพระธาตุนคร พระธาตุประจำคนเกิดวันเสาร์
พระธาตุเรณู

พระธาตุเรณู พระธาตุประจำคนเกิดวันจันทร์พระธาตุศรีคูณ

พระธาตุศรีคูณ พระธาตุประจำคนเกิดวันอังคารทำบุญ นครพนม 1

มาไหว้พระทำบุญ ถวายสังฆทาน สะสมบุญบารมีกันที่นครพนม
ทำบุญ นครพนม 2

อาจารย์คฑา ชินบัญชร เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มการจัดกิจกรรมไหว้พระธาตุประจำวันเกิดในจังหวัดนครพนม จนเกิดคลื่นมหาชนผู้ศรัทธา หลั่งไหลมาสักการะพระธาตุประจำวันเกิด เสริมบุญบารมี สร้างสิริมงคลแก่ชีวิตทำบุญ นครพนม 3สวดมนต์ไหว้พระ ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว เสริมบุญบารมีกันที่นครพนม เมืองริมโขงอันแสนสงบร่มเย็นอนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ บ้านนาจอก 1พอไหว้พระเสร็จแล้ว ถ้าใครมีเวลาเหลือก็อย่าลืมแวะชมแหล่งท่องเที่ยวใหม่เอี่ยมของนครพนม คือ “อนุสรณ์สถานประธานาธิบดีโฮจิมินห์” เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของเส้นทางการต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราช ของประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ซึ่งเคยมาหลบภัยพำนักอยู่ที่บ้านจาจอก ตำบลหนองญาติ จังหวัดนครพนม อยู่หลายปีเลยล่ะ
อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ บ้านนาจอก 2

สาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ที่บ้านนาจอก นครพนมอนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ บ้านนาจอก 3

สีสันของสาวเวียดนามรุ่นใหญ่ ที่อนุสรณ์สถานประธานาธิบดีโฮจิมินห์ แหล่งท่องเที่ยวซึ่งไม่ใช่เฉพาะชาวไทยเท่านั้นนิยมไปชม แต่ชาวเวียดนามแท้ๆ ก็มักจะเดินทางตามรอยประวัติศาสตร์การกู้ชาติ มาเยือนบ้านนาจอกเสมอๆ โดยภายในที่นี้มีการจำลองบ้านพักของท่านมาให้ชมด้วย
อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ บ้านนาจอก 4อนุสรณ์สถานประธานาธิบดีโฮจิมินห์ บ้านนาจอก นครพนม แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ไม่ควรพลาด
อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ บ้านนาจอก 5

รูปเคารพของลุงโฮ หรือท่านโฮจิมินห์ ประธานาธิบดีคนแรกของเวีดยนาม หลังจากต่อสู้ทวงคืนเอกราชจากฝรั่งเศสได้สำเร็จ บัดนี้สร้างอย่างยิ่งใหญ่ ณ บ้านนาจอก นครพนม แหล่งที่ท่านเคยหนีมาพำนัก เพื่อวางแผนกู้ชาติNakhonpanomสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดนครพนม โทร. 0-4251-1287

From Nan to Luang Prabang, the Land of Peace (episode 1)

As the tourism activities in GMS country or Greater Mekong Sub-region (Cambodia, The People’s Republic of China (PRC) (Yunnan and Guangxi Provinces), The Lao People’s Democratic Republic (Lao PDR), Myanmar, Thailand and Vietnam) are growing rapidly. We are now not in a small world like an old day anymore, but the new gateway to GMS or ASEAN and AEC countries has already opened to all bussiness man, investor and tourist as well.

During 22-26 May 2016, Mekong Tourism was arranged the International Media Trip visiting Nan province in  the Northern Thailand connecting route to the World Heritage site Luang Prabang City in Lao PDR by road and cursing along Mekong River as connectivity tourism in the GMS region.น่าน 2

Nan is a small and peaceful province in the Northern Thailand bordering Lao PDR flourished in Nature, Fine Art, Culture and Local Way of Life, moreover Nan is also the centre of Eastern-Lanna Kingdom for hundred years. Thai Lue (in Thai language “ไทลื้อ) from the Southern China migrated downward to this land and settle down. That’s why “Wat Phumin” the most famous and most beautiful temple in Nan was build by Thai Lue architecture mixed with Lanna Artistic style.น่าน 3

Not only the beautiful open wide space of Nan’s city landscape could calm down our heart but also this is exactly the SLOW TOWN and SLOW LIFE atmosphere. Inside the main pavilion hall of Wat Phumin, i found a very peaceful corner with 4 golden huge sacred Buddha Statutes constructed since 1596. Well known as one of the most beautiful Buddhist Pavilion in Northern Thailand. And TAT promote Wat Phumin to the Unseen Thailand!ปู่ม่านย่าม่าน น่าน

Very old and amazing wall painting inside Wat Phumin Pavilion Hall is famous around the country, especially “the whispering of Love” the iconic painting by great painting master named Nhan Bua Phan. This painting reflected not only the concept of eternal love through time, but also showing us the way of Nan’s dressing for hundred years ago. Which believe this man was Burmese whispering some love poet to his Nan’s lady Love one.น่าน 4

Wat Phumin at twilight turn on beautiful lighting from 6.00 pm. to 10.00 pm. everyday as a landmark in the city centre of NAN. From outside we can see Thai Lue architecture style call “Viharn Sot” (in Thai language วิหารซด) means 3 steps of roof layer above the Pavilion.น่าน 5

Wat Phumin walking street.น่าน 6

A very lively rhythm of life at Wat Phumin walking street. น่าน 7

The second destination of my trip to this peaceful city is “Wat Phra That Chae Hang” that was founded in 1354-1358. The location of this temple was use to be the first capital city of NAN Kingdom in the ancient time, but after a great epidemic killed thousand of peoples here, Nan king’s ordered across Nan River for building the new capital city as we seen until now.

The Jedi or Golden Stupa at Wat Phra That Chae Hang is believe to be the Jedi of people who born in the year of Rabbit as ancient believe. This golden jedi is contain a real scared Buddha Relic, therefor thousand of pilgrims came here everyday to pay their homage.น่าน 8

Wat Phra That Chae Hang is famous for the Huge Golden Buddha Statutes in a main Prayer Hall. The Buddha Statute was created with Sukhothai-Style surrounded with hundred of smaller golden buddha statues offering to the temple year by year from many kings.น่าน 9

The true mercy face of Great Buddha Statutes in the main pavilion hall of Wat Phra That Chae Hang.น่าน 10

From the flat land that Wat Phra That Chae Hang located, i travel with a small van gradually up the hill just outside Nan city centre called “Wat Phra That Khao Noi” (in Thai language “วัดพระธาตุเขาน้อย”). Here is known as the best scenic point of sun rise, sunset and good for observing Nan city in panoramic top view. At the top of the hill located a golden huge standing Buddha Statute facing Nan city area as blessing symbol.น่าน 11

The greenery landscape viewing from top of Wat Phra That Khao Noi toward Nan City. As we could see here is still no Skycreeper disturbing the peaceful landscape, therefore Nan is remain one of popular slow town in Thailand nowadays.น่าน 12

After visited many famous temples in Nan for all day long, after sunset and do some shopping at Wat Phumin Walking Street, Bua Loi Aunty Nim (in Thai language บัวลอยป้านิ่ม) is the best choice to choose.น่าน 13

Aunty Nim is boast for her 40 years of selling local dessert call “Bua Loi” which “Bua” means “Lotus” and “Loi” means “Float”. Because of this local dessert made from flour, after boiling it for a while in sweet syrup then after the flour well cooked it will float on the syrup’s surface, so call Bua Loi.น่าน 14

Don’t Miss Aunty Nim’s Bua Loi!. Selling during 6.00 pm. to 10.00 pm. everyday at Wat Sri Phah Ton (in Thai language วัดศรีพันต้น) intersection.น่าน 15

The second day in Nan, is a good time to proof the words “Nan the city of Art”. Then i visit one of the biggest and most famous local Art Gallery in town : “Nan Riverside Art Gallery” (in Thai language หอศิลป์ริมน่าน) because this wonderful place situated by the bank of Nan River, 20 kilometres from Nan City. Easy to reach by car via super highway number 101, which is the same route take us to Thai-Lao Border at Huay Kon : ห้วยโก๋น (138 kilometres from Nan City).น่าน 16

On the outdoor open space of Nan Riverside Art Gallery, there are many Installation Art with mixed Media, some are metal, brass and wood. Yes! this is a good photo point for sure.
น่าน 17

Inside the 2 stories building of Nan Riverside Art Gallery is a True Heaven of Art’s Lover! Because every corner in the gallery is shown the circulating Work of Art from many local artists in Nan and more. I spend one hour here to appreciate fine art reflecting Nan way of life. So Wonderful!
น่าน 18

Because Nan was use to be a great kingdom since the ancient time, therefore they got their own artistic style separated them from the others Lanna Art in the Northern Thailand. Many local artist nowadays try to gather in a small group creating new channel of showing, teaching and selling their own works. By the near future we will see more Nan’s Art spread to the public.น่าน 19

Installation Art on the second floor of Nan Riverside Art Gallery.น่าน 20

Next to the Main Gallery, i take a shot walk to a mini gallery close to Nan River, here is permanently exhibition of Photographic copy from Wat Phumin (in thai Language วัดภูมินทร์) and Wat Nong Bua (in Thai language วัดหนองบัว) where Nhan Bua Phan the Great Painter done his wall painting. So we could see the similarity painted style and some pictures that he love and always paint such as, a chicken standing with one leg and a young Thai Lue woman do their everyday living.น่าน 21

To proof that Nan Bua Phan the Great Painter of Nan was the same guy to make wall painting at Wat Phumin and Wat Nong Bua, So i took my van straight to Wat Nong Bua not far away. The first thing i can conclude is the main pavilion hall of Wat Phumin and Wat Nong Bua build with the same architectural style of Thai Lue. Small but very fine and elaborate wood carving decorated outstandingly.น่าน 22

Next to the parking area and main pavilion hall of Wat Nong Bua is a small ban of aged local musician. The 3 of their major unplug music instruments are : Sa Lor (สะล้อ), Sor (ซอ) and Seung (ซึง) all playing together in the same time creating soft rhythm in true slow life of Lanna region.
น่าน 23

Again with a breath taking beautiful masterpiece of art here inside the main pavilion hall of Wat Nong Bua, i can feel a very perfect peaceful moment of Buddhism which i respected. The huge golden Buddha Statute glittering in a dim light and all of ancient wall painting are fade colours, but still showing a great art of Nan Bua Phan the Great Painter.น่าน 24

The Load Buddha was creating by local artist in both statute and wall painting, reflected their strong believe in Buddhism concept.น่าน 25

The wall painting in Wat Nong Bua created with 3 main colours : Red, Blue and White, which all raw material making these colours came from 100 percent natural in the old day. Some of the painting shows battle scene in the ancient time by the King and Queen on an elephant’s back.น่าน 26

Finally, just behind the wall of main Buddha Statue i found a self-portrait of Nan Bua Phan the Great Painter. He is not just a normal guy of Thai Lue but the one who contained a perfect gift in art and painting. Not attended to any school, Nan Bua Phan practise his own painting style and finally done the wall painting in Wat Phumin and Wat Nong Bua, the best 2 Lue’s temple in Nan until nowadays.น่าน 27

In Wat Nong Bua surrounded area, located an old Thai Lue Wooden House for tourist to visit. Normally in the old day some of their cattles, hens and pigs will kept on the ground floor and on the second floor are the connecting of 3 houses. Two big houses is for living and a small house behind is for storing their rice seed.น่าน 28

The bedroom of Thai Lue Old Wooden House Style.น่าน 29

Next to the Thai Lue Wooden House in Wat Nong Bua, is a small local shop good for shopping in local handicraft, fruits, herbs, dessert and Nan’s textile call “Sin Nham Lai” (“Sin” is a cloth of local woman / “Nham” is “Water” and “Lai” is “Flowing” so all together means “the cloth with flowing water motif”.น่าน 30

Sin Nam Lai textile.น่าน 31

From Wat Nong Bua i took my van continue to Thai-Lao Boarder at Huay Kon which is still more than a hundred kilometre away, but as i’m in a slow life mode so i take a short break at a very lovely local coffee shop “Coffee Ban Tai-Lue” (in Thai language กาแฟ บ้านไทลื้อ). น่าน 32

This Coffee Shop is situated in a rice paddy field providing me the wonderful landscape of mountain background and the greenery at foreground. Just one sip of local Arabica Nan’s Coffee and this amazing view, i’m in HEAVEN now! น่าน 33

Beautiful smile, beautiful natural view and wonderful coffee at Coffee Ban Tai-Lue, the famous local coffee shop today where i can find my own private corner sitting by the greenery all day long!น่าน 34

Arabica Coffee of Ban Tai-Lue is ready to serve.น่าน 35More than an ordinary local coffee shop, here we can appreciate a very creative of building style with bamboo architecture to be a bridge, walkway, platform and see-through wall blended into the greenery atmosphere.
น่าน 36

The big water wheel pumping water from a small stream into the paddy field and flowers garden.
น่าน 37

The last place i stopped on the way before reach the Thai-Lao Border in Huay Kon, is a famous local silver factory : Doi Silver Factory (in Thai language ดอย ซิลเวอร์ แฟคตอรี่). Here is one of the hundred silver factory in Nan province. The staff is welcome a group to see their silver production line and after that surely for shopping a very good quality silver products as a souvenir.น่าน 38

Real Silver Peacock for sale.น่าน 39

Silver handbag of lady for a formal use and gala luxury dinner. I cannot imagine how much time, experiences, effort and perseverance they should spend for creating these elaborate silver products!? However, this silver factory gained more than 40 years of experienced, so they can teach the technics to young generation.
น่าน 40

Silver Necklace for lady creating in local orchid form.น่าน 41

More than 200 silver makers of Doi Silver Factory got a handful work everyday!น่าน 42

Silver Bowl in production line.น่าน 43

Silver Bracelet under the production process by experienced hands.

My wonderful journey from Nan to Luan Prabang, the twin cities of slow life is not ended here. I’m still carry on the trip to Thai-Lao Border at Huay Kon by my van loaded full of my friends and my eager.

Please find more adventure in episode 2 and 3 in the next article here at www.gotravelphoto.com
sponsor logoUntitled-1 2

Special Thanks : Mekong Tourism / Tourism Authority of Thailand Phrae Office / Air Asia /

Luang Say Lodge & Cruise / EXO Travel / SOFITEL Luang Prabang

Passport น่าน PLUS แพร่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด (ตอน 4)

s2วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวในแคมเปญ Passport น่าน Plus แพร่ ของ ททท. สำนักงานแพร่ ทำให้เรารู้สึกใจหาย เพราะหลายวันที่ผ่านมาเราได้สัมผัสเรื่องราวน่ารู้ และสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายเหลือเกิน จนทำให้รู้สึกว่า เราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของล้านนาถิ่นนี้ไปแล้ว!

ยามเช้าอากาศสดชื่น เราขับรถจากที่โรงแรม Come Moon Loft ผ่านชุมชนเชตวัน ตรงไปสุดที่ริมแม่น้ำยม จนได้พบกับแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง คือ “โรงเรียนป่าไม้แพร่ (เดิม)” ซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมไม้สัก แกะสลักลวดลายแบบขนมปังขิงอย่างสวยงามตามแฟชั่นนิยมสมัยรัชกาลที่ 5 โดยอาคารโบราณหลังนี้แท้จริงแล้วเคยเป็นที่ทำการของ บริษัท อีส ทีค (East Asia Teak) ซึ่งเข้ามาสัมปทานทำไม้สักในภาคเหนือของสยามนั่นเอง
s3

ภายในอาคารด้านล่าง มีนิทรรศการเล็กๆ ให้ชม บอกเล่าเรื่องราวกิจการทำไม้สักในจังหวัดแพร่ ซึ่งกลายเป็นต้นกำเนิดของการจัดตั้งกรมป่าไม้ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยอธิบดีกรมป่าไม้คนแรกของสยามเป็นฝรั่งชื่อ เอช. เอ. สเลด (H.A. Slade) เป็นเจ้ากรมระหว่างปี พ.ศ.2439-2444s4

ภาพที่หาชมไม่ได้อีกแล้ว! เป็นการล่องไม้ซุงนับพันๆ หมื่นๆ ท่อนลงมาตามลำน้ำยม เพื่อลงไปรวมไว้ที่จังหวัดนครสวรรค์ แล้วส่งออกไปต่างประเทศ กิจการสัมปทานทำไม้ในอดีตนั่นเองคือส่วนหนึ่งที่ทำให้หัวเมืองทางเหนือของสยามร่ำรวยมหาศาล! ทว่าในขณะเดียวกันป่าไม้ธรรมชาติก็หดหายไปจนน่าใจหายเช่นกัน!

จากป่าไม้ที่สยามเคยมีกว่า 80 เปอร์เซนต์ของเนื้อที่ประเทศในสมัยรัชกาลที่ 5 ทุกวันนี้เราเหลือป่าไม้แค่ 30 เปอร์เซนต์เท่านั้น! งั้นคงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเมืองไทยอากาศจึงได้ร้อนนัก!!!
s5

ไม่ไกลจากโรงเรียนป่าไม้แพร่ (เดิม) เราขับรถสูดอากาศยามเช้าเย็นสบายหลังฝนตกใหม่ๆ ไปเที่ยวต่อกันที่ “บ้านประทับใจ” ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ ตั้งอยู่ริมถนนสายแพร่-ลอง (ทางหลวงหมายเลข 1023) โทร. 0-5452-2245, 08-9851-2981

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาทs6.1

ลวดลายแกะสลักไม้สักทองอันประณีตงดงาม ที่หน้าจั่วบ้านประทับใจ สะท้อนถึงฝีมือเชิงช่างไม้ชั้นยอดของคนล้านนา ที่สามารถเนรมิตไม้สักให้กลายเป็นลวดลายอันวิจิตรพิสดารได้ถึงเพียงนี้!
s6

จุดเด่นของบ้านประทับใจ คือมีเสาไม้สักทองกว่า 130 ต้น ซึ่งแต่ละต้นมีอายุกว่า 300 ปี เส้นรอบวง 2-3 คนโอบ! ที่รองรับน้ำหนักทั้งหมดของตัวบ้านขนาดใหญ่เอาไว้ โดยบ้านหลังนี้เป็นเรือนไทยประยุกต์หลังคาสูง ต่อเนื่องกันถึง 3 หลัง มีหน้าจั่วแบบกาแล สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2515
s7

โคนเสาไม้สักทองแต่ละต้นที่บ้านประทับใจ มีการแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ อย่างงดงาม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับป่าไม้ ช้าง การทำไม้ซุง และวิถีชีวิตของชาวแพร่ในอดีตs8

ที่ชั้นล่างของบ้าน มีการนำข้าวของเครื่องใช้ของคนแพร่ในอดีตมาจัดแสดงไว้ให้ชมด้วยs9

บนชั้นสองของบ้านประทับใจ มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตมาก ส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าบ้าน และอีกส่วนเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเครื่องเรือนที่ทำด้วยไม้สักทองทั้งหมด อลังการมาก!s10 s11 s12

เครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ จัดแสดงให้ชมบนชั้นสองของบ้านประทับใจs13

จากบ้านประทับใจ เราขับรถออกไปนอกเมือง ตามถนนที่มุ่งหน้าตรงสู่พระธาตุช่อแฮ (ทางหลวงหมายเลข 1022) พอดีระหว่างทาง เหลือบไปเห็นทางซ้ายมือมีป้าย “ร้าน API ” (อภิ) ก็เลยต้องรีบชะลอรถ เลี้ยวเข้าไปซะหน่อย เพราะที่นี่เป็นจุดประทับตรา Passport ของ ททท.

ร้าน API จริงๆ หาง่ายมาก อยู่ทางไปวัดพระธาตุช่อแฮ ติดกับปั๊มน้ำมัน PT ป่าแดง ถ้ามาจากตัวเมืองแพร่ ร้านอยู่ฝั่งซ้ายมือ จอดรถได้ทั้งด้านข้างและด้านหน้าริมถนนs14

ชื่อร้าน API จริงๆ แล้วมาจากชื่อ คุณเบล อภิสิทธิ์ เจ้าของร้าน ซึ่งปัจจุบันเปิดมาได้ครบหนึ่งขวบปีแล้ว มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ทั้งในเรื่องของกาแฟหอมอร่อย และเบเกอร์รี่ Home Made ทำเองสดอร่อยทุกวัน จากฝีมือเจ้าของร้านเลยล่ะs15

ประทับตราในสมุด Passport ของเรา ที่ร้าน API s17 s20

ภายในร้าน API ออกแบบตกแต่งให้ดูโปร่งโล่งสบายตา โต๊ะเก้าอี้มีวางไม่แน่นจนเกินไป ผนังด้านหน้าและด้านข้างร้านเป็นประจกใส แลโปร่งดี ส่วนฝาผนังแบบปูนเปลือยและอิฐมอญก็ช่วยให้หรูเรียบ ตามมาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้อย่างดี ที่ลงทุนไปไม่น้อย สร้างสรรค์ให้บรรยากาศน่านั่งชิลกันนานๆ ได้ไม่เบื่อเลย

นับเป็นจุดแวะแห่งใหม่บนเส้นทางไปพระธาตุช่อแฮ ที่แนะนำเลยว่า ต้องไม่พลาด!s21

ร้าน API มีเมนูเครื่องดื่มและเค้กอร่อยๆ ให้เลือกชิมมากมาย
s22

ด้านหน้าร้าน API เป็นกระจกใสแลโปร่งสบายตา เชิญชวนให้เราเข้าไปลิ้มลองกาแฟหอมกรุ่น
s23 s24

ครัวซองต์เนยสดของร้าน API สุดยอดมากๆ! ทั้งเนื้อนุ่ม ทั้งหอมกรุ่น ได้กินตอนร้อนๆ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมจ้าs25

ชีสเค้ก ของร้าน API เนื้อนุ่มแน่นกำลังดี กลิ่นหอมติดจมูกติดลิ้น แถมรสชาติก็หวานกำลังดีด้วยs1

เมื่อเต็มอิ่มกับกาแฟร้าน API แล้ว ก็ขับรถตรงต่อไปอีกแค่ไม่กี่กิโลเมตร ในที่สุดเราก็มาถึง “วัดพระธาตุช่อแฮพระอารามหลวง” อันเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พระธาตุช่อแฮ พระธาตุประจำคนเกิดปีเสือ (ปีขาล)

นับเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่มาช้านาน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1879-1881 สมัยพระมหาธรรมราชาธิราช (ลิไท) โดยขุนลั๊วะอ้ายก้อม ใช้ประดิษฐานพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองศิลปะเชียงแสน สีทองอร่าม งดงามจับใจมาก
s26

ภายในพระอุโบสถวัดพระธาตุช่อแฮ บางเดือนก็จะมีการจัดพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาแบบล้านนาด้วยs27.1

ห่างจากพระธาตุช่อแฮไม่ไกล คือที่ตั้งของ “วัดพระธาตุดอยเล็ง” ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวเมืองแพร่จากมุมสูงอันตระการตา โดยคำว่า เล็ง เป็นภาษาถิ่นเหนือ ตรงกับภาษากลางหมายถึง จ้อง มอง ดู นั่นเอง เส้นสีขาวที่เห็นในภาพคือบันไดเดินขึ้นเขา!!! แต่ไม่ต้องตกใจ ใครเดินไม่ไหว รถยนต์ก็ขึ้นถึงจ้า โอว โล่งอก!
s27

จากตีนเขามีถนนสองเลนแคบๆ ขึ้นไปถึงยอดเขา อันเป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุดอยเล็ง อย่าลืมเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำด้วยรถยนต์จะได้มีแรง เพราะทางบางช่วงค่อนข้างชันทีเดียวs28

จุดชมวิวแรกของพระธาตุดอยเล็ง อยู่ทางด้านซ้ายมือขณะขับรถขึ้นเขาs29 s30

บันไดวัดใจสำหรับเดินขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยเล็ง

ตรงใกล้ถึงยอดเขา มีลานจอดรถ และบันไดแค่ 97 ขั้น ให้เดินออกำลังกาย ขึ้นไปกราบขอพรพระธาตุดอยเล็งs32

พระธาตุดอยเล็ง ถือเป็นพระธาตุที่ตั้งอยู่สูงสุดในบรรดาพระธาตุทั้งหมดของจังหวัดแพร่s33

ขึ้นมาถึงยอดเขาแล้ว ก็ต้องกราบพระขอพรกันหน่อยล่ะs34

จากพระธาตุดอยเล็ง มองลงไปเห็นที่ตั้งของวัดพระธาตุช่อแฮด้วยs35

จากบนยอดเขาที่ประดิษฐานพระธาตุดอยเล็ง มองเห็นวิวได้กว้างไกลแบบสุดสายตาพาโนรามาเลยล่ะ โดยเราจะมองเห็นได้ไกลถึง 3 อำเภอ คือ อำเภอสูงเม่น อำเภอร้องกวาง และอำเภอเมืองแพร่s36

ในช่วงบ่ายของวันนั้น ก่อนบินกลับบ้าน เราใช้เวลาขับรถเที่ยวชมวิวไปจนถึงอำเภอลอง เพื่อตามหาจุดประทับตราสุดท้ายในสมุด Passport ของเราที่ “ร้านกาแฟแห่ระเบิด” (โทร. 08-9485-1978)s37

ร้านกาแฟแห่ระเบิด อำเภอลอง มีกิมมิคสุดเท่ห์เป็นลูกระเบิดขนาดใหญ่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แขวนไว้เป็นสัญลักษณ์เรียกแขก ฮาฮาฮา แต่ไม่ต้องกลัว ข้างในไม่มีดินระเบิดอยู่แล้ว

ร้านนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในเรื่องเครื่องดื่มอร่อย และยังเป็น Art Gallery อีกด้วย ร้านสร้างด้วยไม้ ตกแต่งอย่างสวยงาม มีลูกเล่น โดยนำเรื่องราวของ “คนแพร่แห่ระเบิด” มาเป็นจุดขาย เพราะแพร่เป็นจุดที่ถูกเครื่องบินรบอเมริกันทิ้งระเบิดเยอะมากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทว่าระเบิดส่วนหนึ่งด้าน ไม่ระเบิด ชาวบ้านจึงเก็บมาถอดดินปืนออก แล้วแห่นำไปถวายวัดเพื่อใช้ทำระฆังซะเลย!!!s38

ทริปกิน เที่ยว เลี้ยวลดสัมผัสเรื่องราวสนุกๆ ของ น่าน แพร่ สองจังหวัดสุดเจ๋งแห่งล้านนาตะวันออก ของเราจบลงตรงนี้ แต่ความประทับใจในน้ำใจไมตรีของคนน่าน แพร่ ก็ยังตรึงอยู่ในใจเราเสมอ วิถีชีวิตที่ยังคงเนิบช้า ธรรมชาติที่ยังคงอาบอิ่ม และวัฒนธรรมที่ยังคงมีลมหายใจของทั้งสองจังหวัดนี้ คือเสน่ห์เมืองเหนือที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

และตอนนี้ ก็ได้เวลานำสมุด Passport ของเรา ไปขอรับของรางวัลที่ ททท. สำนักงานแพร่ แล้วล่ะจ้า ฮาฮาฮา
d60LOGO TATสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ โทร. 0-5452-1127

Passport น่าน PLUS แพร่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด (ตอน 3)

x2

วันที่สามของการเดินทางท่องเที่ยว ตามแคมเปญ Passport น่าน Plus แพร่ 12 เมืองต้องห้ามพลาดพลัส ของ ททท. สำนักงานแพร่ ยังมีอีกหลายจุดหมายปลายทางรอเราอยู่ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งวันอันน่าจดจำสำหรับคนชอบเที่ยว อยู่ไม่ติดบ้านอย่างพวกเรา ฮาฮาฮาx3

เราเริ่มทักทาย ทำความรู้จักเมืองแพร่กับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์สำคัญที่ “คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่” (โทร. 0-5452-4158, 0-5453-2485-8) เปิดให้ชมเวลา 08.30-16.30 น. ทุกวัน

คุ้มแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนนคุ้มเดิม (หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2435 โดยเจ้าหลวงพิริยะชัยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองเมืองแพร่องค์สุดท้าย โดยอาคารหลังนี้สร้างอย่างโอ่โถง มีประตูหน้าต่างรวมกันมากถึง 72 บาน งดงามด้วยศิลปกรรมไม้ฉลุ ตัวอาคารไม่มีการฝังเสาเข็มเลยสักนิดเดียว แต่ใช้ไม้ซุงท่อนเป็นไม้เนื้อแข็งวางเป็นฐานรากแทน!x4

คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ จัดแบ่งห้องภายในให้ชมอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม ทั้งห้องนอน, ห้องอาหาร, ห้องรับแขก, ห้องจัดแสดงอาวุธ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงประวัติของ “เจ้าแม่บัวไหล” พระชายาในเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์ที่ 22 และเป็นแม่เจ้าหลวงแห่งนครแพร่ด้วย โดยเจ้าแม่บัวไหลเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อยมาก ได้ปักผ้าม่าน หมอนขวาน รวมถึงผ้าคลุมรถดิ้นทองผืนแรกของสยาม ถวายรัชกาลที่ 5 เป็นที่โปรดปรานมากx5

ตัวเมืองแพร่นั้นไม่ใหญ่โต จึงขับรถวนเที่ยวได้สบาย เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ พอเที่ยวคุ้มเจ้าหลวงเสร็จ ก็มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านวงศ์บุรี แต่ก่อนถึงเราขอแวะดื่มกาแฟหอมกรุ่นกันก่อน ที่ “ร้านเณอบาร์ Coffee & Cake” ถนนคำลือ (โทร. 08-6922-3899) โดยร้านนี้ เป็นจุดประทับตราใน Passport ททท. ด้วย
x6

ร้านเณอบาร์ หรือ Je Bar เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “บาร์ของฉัน”
x7

ประทับ Passport กันไปพร้อมรอยยิ้มx9

มุมเล็กๆ ในช่วงเวลาน่าจดจำที่ร้านเณอบาร์x10

มีมุมเก๋ไก๋ น่ารัก ให้เลือกมากมายตามใจชอบ ทั้งในห้องแอร์ และด้านนอกx11

นอกจากกาแฟรสนุ่มกลมกล่อมแล้ว ร้านเณอบาร์ยังมีเบเกอร์รี่สดใหม่ให้ชิมทุกวันด้วยนะx12

การชงกาแฟให้อร่อย คือศิลปะชั้นสูงอย่างหนึ่ง จริงไหม?
x13

กาแฟเย็น และเค้กช็อกโกแลต ที่หน้าตาดูดีมาก เช่นเดียวกับรสชาติที่ไม่หวานเกินไป ลงตัวดีจริง
x14

เค้กหน้าผลไม้ใหม่สดทุกวัน ที่ร้านเณอบาร์ แพร่x15

เค้กของร้านเณอบาร์ น่าหม่ำมากๆ x16

เค้กช็อกโกแลตร้านเณอบาร์ ไม่ได้ลองจะเสียใจ!x17

จากร้านเณอบาร์ เดินไปแค่ไม่กี่สิบเมตร ก็ถึง “บ้านวงศ์บุรี” ถนนคำลือ (โทร. 0-5462-0153) เรือนไม้ลายฉลุสุดอลังการ ในสไตล์ขนมปังขิง หรือ Gingerbread แบบยุโรป ประกอบกับเมืองแพร่คือแหล่งใหญ่ของไม้สักเมืองเหนือ จึงมีไม้เหลือเฟือมาฉลุลายประกอบเป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมงดงามอย่างน่าทึ่ง ถึงเพียงนี้!

บ้านวงศ์บุรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชมคนไทย 30 บาท และมีร้านอาหารในบริเวณด้านข้างด้วย เมนูแนะนำคือ ข้าวซอยไก่ และข้าวซอยหมูหมัก
x18

บ้านวงศ์บุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2450 โดยพรหม (หลวงพงษ์พิบูลย์) และเจ้าสุนันตาวงศ์บุรี ธิดาเจ้าบุรี (พระยาบุรีรัตน์) เป็นบ้านไม้สองชั้นแบบยุโรปประยุกต์ หลังคามีสองชั้น ทรงปั้นหยา ภายในจัดแสดงเครื่องเรือนโบราณ ในลักษณะที่เหมือนกับยังมีคนอยู่อาศัยจริงในยุคอดีต จึงตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหราโอ่อ่ามากx19

ห้องนอน ภายในบ้านวงศ์บุรีx20

ห้องนั่งเล่น ภายในบ้านวงศ์บุรีx21

จากบ้านวงศ์บุรี ขับรถเที่ยวเล่นเย็นใจไปช้าๆ เข้าสู่ถนนวิชัยราชา กระทั่งพบกับเรือนไม้สุดอลังการอีกแห่งของเมืองแพร่ นามว่า “คุ้มวิชัยราชา” (หรือ คุ้มเจ้าโว้ง) โทร. 08-1562-4425x22.1

คุ้มวิชัยราชา เป็นบ้านไม้สักเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ของพญาแสนศรี สืบทอดมาจากยุคของพระเจ้าวิชัยราชา เป็นเรือนไม้สักทรงมะนิลา ที่เคยเสื่อมโทรมเพราะขาดทุนทรัพย์บูรณะ ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมเพียงบางส่วน งามเด่นตั้งแต่ลายฉลุหน้าจั่ว บังลม ระเบียง หน้าต่างบานกระทุ้ง ราวบันได ตลอดจนช่องลมเหนือประตูหน้าต่าง ฯลฯ นับเป็นอาคารโบราณที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง
x22

คุ้มวิชัยราชา เคยมีประวัติที่น่าสนใจคือ วีรกรรมความกล้าของพระวิชัยราชา ที่ยอมเสี่ยงนำคนไทยจากภาคกลางขึ้นไปซ่อนไว้บนเพดานบ้าน ในสมัยที่เมืองแพร่มีกบฎเงี้ยวx23

ปัจจุบันภายในคุ้มวิชัยราชา ทั้งชั้นล่างและชั้นบนว่างเปล่า ไม่มีเครื่องเรือนจัดแสดง สะท้อนถึงยุครุ่งเรือง และยุคเสื่อมถอยของเมืองแพร่ ตามกาลเวลาและสถานการณ์บ้านเมืองในแต่ละสมัย ทว่าการได้มีโอกาสเดินเข้าไปชมภายใน แม้เพียงนิดเดียว ก็ถือเป็นการย้อนอดีตอันมีคุณค่า ได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมที่คนแพร่และคนสยามควรหวงแหนx24

จุดประทับตราใน Passport ของ ททท. จุดต่อไป คือ “ร้าน Gingerbread House Gallery” ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองแพร่ ตรงบริเวณสี่แยกหน้าสถานีตำรวจ (โทร. 08-6885-6551) เปิดเวลา 08.00-18.00 น. ทุกวันx25

ประทับตราใน Passport ของ ททท. ที่ร้าน Gingerbread House Gallery x26 x27

ร้าน Gingerbread House Gallery ไม่ได้ขายเฉพาะกาแฟ แต่ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ รวมถึงอาหารหลัก พร้อมด้วยห้องพัก ร้านขายของที่ระลึกจำพวกผ้าย้อมฮ่อมพื้นเมือง และ Art Gallery ที่ชั้นสองด้วย จึงกลายเป็นแหล่งพบปะของ Artist นักสถาปัตย์ และช่างภาพ ต่างมานั่งเสวนากันอยู่เป็นประจำx28

ภายในร้าน Gingerbread House Gallery ออกแบบตกแต่งอย่างมีดีไซน์ ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยไม้และแสงไฟโทนสีเหลืองอ่อนอุ่นๆ
x29 x30 x31

มุมจำหน่ายของที่ระลึกกิ๊บเก๋มีดีไซน์ ของ Gingerbread House Gallery
x32

ภายในร้าน Gingerbread House Gallery มีบรรยากาศไม่ต่างอะไรจากแกลเลอร์รี่จัดแสดงงานศิลป์จริงๆ เลยล่ะx33

ห้องพักของ Gingerbread House Gallery แม้จะเล็ก แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นการผสมผสานความ Modern เข้ากับกลิ่นอายล้านนาตะวันออกได้อย่าลงตัวจริงๆ
x34.1

ร้าน Gingerbread House Gallery ในยามค่ำคืน Lighting แสงไฟสวยมากๆx34.2

บนชั้นสองของร้าน Gingerbread House Gallery เป็นห้องพักขนาดเล็กกะทัดรัด น่ารัก แค่ไม่กี่ห้อง อยากมาพักต้องรีบจองล่วงหน้านะจ๊ะx34

หนึ่งแห่งท่องเที่ยวที่ถือว่า ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงในตัวเมืองแพร่ก็คือ “วัดจอมสวรรค์” ถนนยันตรกิจโกศล ตำบลในเวียง เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ประมาณ พ.ศ.2437 โดยชาวเงี้ยวผู้เข้ามาทำกิจการค้าขายจนร่ำรวยในเมืองแพร่ ต่อมาเกิดกบฏเงี้ยว วัดจึงถูกทิ้งร้าง กระทั่งได้รับการบุณณะโดยชาวไทยใหญ่x35

วัดจอมสวรรค์ เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมศิลปะพม่าแบบไทยใหญ่ หลังคาซ้อนลดหลั่นกันหลายชั้น ประดับประดาด้วยลายไม้แกะสลัก และลายฉลุอย่างวิจิตรงดงาม ทั้งภายนอกและภายในx36

กลุ่มเจดีย์แบบพม่าภายในวัดจอมสวรรค์ แม้จะดูทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความขลัง ความงาม และพลังศรัทธาข้ามกาลเวลา!x37

ภายในวัดจอมสวรรค์ งดงามน่าตื่นตาด้วยเสาไม้สักสีทองอร่ามหลายสิบต้น ฝาผนังและเพดานอลังการด้วยลายไม้แกะสลักวิจิตรพิสดาร! จนทำให้รู้สึกราวกับว่าได้ไปเยือนวัดวังเวียงของพม่าแท้ๆ อย่างไรอย่างนั้น!x38

เครื่องจองพารา คือ การสร้างปราสาทจำลองเพื่อรับเสด็จพระพุทธเจ้า ที่เสด็จกลับลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวันออกพรรษา ตามความเชื่อของชาวไทยใหญ่ มีจัดแสดงให้ชมภายในวัดจอมสวรรค์

x39

พระพุทธรูปศิลปะพม่าภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดจอมสวรรค์x40

พ่อเฒ่าคำอ่อง (ชาวเงี้ยว) ได้ร่วมมือกับพ่อฮ่อยกันตี (ต้นตระกูลเจริญกุศล) สร้างวัดจอมสวรรค์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2437 ใช้เวลาสร้างประมาณ 5 ปี จึงแล้วเสร็จ
x41

คัมภีร์ใบลานจารภาษาล้านนาหลายร้อยเล่ม ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีที่วัดจอมสวรรค์x1

ทุกปีจะมีการทอผ้าห่มธาตุวัดจอมสวรรค์ ใครมีฝีมือการทอก็ไปช่วยกันได้เพื่อสร้างบุญกุศลแรงกล้าx42

ไม่ห่างจากวัดจอมสวรรค์ ถ้าขับรถไปเรื่อยๆ ตามถนนยัตรกิจโกศล สองข้างทางจะพบร้านขาย ผ้าย้อมฮ่อม บ้านทุ่งโฮ้ง อันมีชื่อเสียง ยาวเหยียดต่อเนื่องกันไปกว่าหนึ่งกิโลเมตร นับเป็นแหล่งใหญ่ของผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมฮ่อมเมืองไทย ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนารูปแบบขึ้นมาก จนน่าสวมใส่ ไม่ทำให้รู้สึกเชยเหมือนที่ใครหลายคนบ่นเมื่อสมัยก่อนแล้วล่ะ
x43

ร้านขายผ้าหม้อฮ่อม บ้านทุ่งโฮ้งx44

มีเสื้อผ้าหญิงชายที่ตัดเย็บจากผ้าย้อมฮ่อม ให้เลือกกันละลานตา ที่บ้านทุ่งโฮ้งx45

ถ้ามีเวลาเยอะ นอกจากร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าหม้อฮ่อม เราสามารถแวะเข้าชมไปชมขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การหมักฮ่อมในหม้อ (ขั้นตอนคล้ายการย้อมครามของภาคอีสาน) การย้อมเส้นใย ไปจนถึงการทอ
x46

เส้นฝ้ายที่ย้อมสีฮ่อมเรียบร้อยแล้ว รอตากให้แห้ง แล้วนำไปทอต่อไปจ้าx47

เที่ยวเมืองแพร่กันมาทั้งวัน ตอนค่ำต้องออกไปเดินเล่น พร้อมกับหาอะไรอร่อยๆ หม่ำกันให้อิ่มแปล้ไปเลย ที่ “ตลาดประตูชัย” ในอำเภอเมือง โดยเฉพาะวันอาทิตย์แรกของเดือน จะมีร้านมาขายเยอะที่สุดx48

ตลาดประตูชัย เมืองแพร่x49

ชาวต่างชาติเฮฮา บ้าน I ไม่มีตลาดริมถนนแบบนี้ ตลาดประตูชัยเมืองแพร่บ้าน You Amazing จริงๆ เลย!x50

ลูกชิ้นป้ิงตลาดประตูชัย เมนูกินเล่น ที่กินไปกินมาก็อิ่มจริงได้เหมือนกัน ฮาฮาฮาx51

ที่พักอุ่นสบายของเราในคืนนี้ “คำมูลลอฟท์ โฮเทล” (Come Moon Loft Hotel) ที่พักเปิดใหม่เอี่ยมแค่ 6 เดือน ตั้งอยู่ในชุมชนเชตวัน อำเภอเมืองแพร่ (โทร. 09-0328-3203, 0-5462-0148)x52

โลโก้แสนน่ารักของ Come Moon Loft x53

Come Moon Loft เป็นหนึ่งใน จุดประทับตราใน Passport ของ ททท.

คุณเอ๋ เจ้าของ Come Moon Loft ประทับตราใน Passport ของ ททท. ให้เราด้วยตัวเอง พร้อมเล่าว่า ที่ใช้ชื่อ คำมูลลอฟท์ ก็เพราะคุณแม่ของคุณเอ๋เป็นชาวแพร่แท้ๆ ชื่อของท่านคือ คำมูล จึงใช้ชื่อนี้เลยเพื่อความโชคดี
x55Come Moon Loft Hotel ตั้งอยู่ในชุมชนเชตวัน ซึ่งแม้จะอยู่ในอำเภอเมืองแพร่ก็จริง แต่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง จึงเงียบสงบมาก โดยรอบเป็นบ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยกันแบบพี่น้อง ต่อเนื่องมาหลายสิบปีแล้ว
x56

ห้องพักสไตล์ Loft Hotel ที่เน้นความหรูเรียบ ทว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาคืนหนึ่งก็ไม่แพงเลย แค่ 590 บาทเท่านั้น เหลือเชื่อ!x57

ตกแต่งน่ารักแบบนี้ ขอนอนไปเลยหลายๆ คืนจ้าx58

นอกจากที่พักแล้ว Come Moon Loft ยังมีร้านคาเฟ่เล็กๆ จำหน่ายเครื่องดื่มต่างๆ และยังใช้เป็นห้องอาหารเช้าสำหรับแขกที่เข้ามาพักด้วยx59

มุมสุดกิ๊บเก๋ ในห้องอาหารของ Come Moon Loft
x60

บรรยากาศของ Come Moon Loft Hotel เมื่อมองจากชั้นบนลงไป เป็นความงามบนความเรียบง่าย ที่ผสานกับความ Modern ได้อย่างลงตัวจริงๆ

คืนนี้เราคงหลับฝันดี เพื่อพรุ่งนี้จะได้มีแรง มีเวลา ออกไปไล่ล่าฝัน เก็บเกี่ยวเรื่องราวสนุกๆ ในจังหวัดแพร่กันต่อจ้า…
LOGO TATสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ โทร. 0-5452-1127

Passport น่าน PLUS แพร่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด (ตอน 2)

a2

เรายังเดินทางท่องเที่ยวกันต่อไป พร้อมกับแคมเปญสุดเจ๋งของ ททท. สำนักงานแพร่ “Passport น่าน Plus แพร่” 12 เมืองต้องห้ามพลาดพลัส ที่นำเราออกไปสัมผัสเรื่องราวแปลกใหม่ในจังหวัดน่าน-แพร่ อย่างไม่รู้จบ พร้อมกับได้ประทับตราในสมุด Passport เล่มน้อย เพื่อเอาไปรับรางวัลที่ ททท. แพร่ ในภายหลังด้วย

โดยโครงการดีๆ นี้ มีในระหว่าง เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2559 เท่านั้น

เริ่มต้นเที่ยววันที่สองอย่างมีความสุข กับการไปหาอาหารเช้าอร่อยๆ หม่ำกันที่ “ร้าน Sweety 9″ ถนนสุมนเทวราช ร้านน่ารักใจกลางเมืองน่าน (โทร. 08-7090-2298, 09-1778-3930) เปิดเวลา 07.00-17.00 น. ทุกวัน
a4

ร้าน Sweety 9 มีคำขวัญประจำร้านแสนน่ารักว่า “ขม หวาน เพื่อสุขภาพ” หรือ Bitter Sweet Healthy มาชิมอาหารร้านนี้ จึงได้ครบทั้งสุขภาพและความอร่อยa5

ร้าน Sweety 9 ตั้งอยู่ตรงทำเลยอดเยี่ยม คือหัวมุมถนนสี่แยกประตูน้ำเข้ม โดยเจ้าของร้านคนปัจจุบันได้ปรับปรุงเรือนไม้เก่าให้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ชั้นล่างเป็นร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก ส่วนชั้นบนเป็น Art Gallery

จึงทำให้ ร้าน Sweety 9 ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในสาขาอาคารพาณิชย์ อีกด้วย น่าภูมิใจแทนจริงๆ นะจ๊ะ

ก่อนจะหม่ำอาหารเช้า เราไม่ลืม ประทับตราใน Passport ททท. สะสมให้ครบเตรียมไปแลกของรางวัล อิอิ
a7.1

ได้มาแล้วจ้า ตราประทับใน Passport ของร้าน Sweety 9

มุมเก๋ๆ น่ารักๆ ที่ร้าน Sweety 9
a7

ร้าน Sweety 9 มีสินค้าพื้นเมืองน่านจำหน่ายด้วยนะจ๊ะ ทั้งผ้าทอ เสื้อยืด โปสการ์ด ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และขนมพื้นเมืองต่างๆ ในราคามิตรภาพจ้าa8

ร้านของที่ระลึก Sweety 9a9

บนชั้นสองของร้าน Sweety 9 จัดเป็นแกลเลอร์รี่แสดงงานศิลปะแบบหมุนเวียน
a10

ยกมาแล้ว เมนูอาหารเช้าอย่างแรกของเรา ข้าวผัดน้ำพริกหนุ่ม กินกับไส้อั่ว แคบหมู และไข่ต้ม รสชาติลงตัวมากๆ
a11

เมนูที่สองเพิ่มพลังเช้านี้ คล้าย American Breakfast แต่ร้าน Sweety 9 เขาใช้ไส้อั่วแทนไส้กรอก และใช้หมูยอแทนเบค่อน สร้างสรรค์มาได้ลงตัวสุดๆ แต่งจานมาสีสันก็น่าหม่ำเหลือเกิน
a12

Green Tea ของร้าน Sweety 9 ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่ม Signature แสนอร่อย ที่มีคนตามมาชิมกันเยอะมาก
a13

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่ร้าน Sweety 9 มีทั้งยาสระผา ครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว สบู่ และอื่นๆa14ออกเดินทางจากตัวเมืองน่าน ด้วยทางหลวงหมายเลข 101 ตรงไปอำเภอเวียงสา เพื่อตามหาจุดประทับตรา Passport ต่อไปของ ททท. ทางช่วงนี้ขับรถง่าย เพราะไม่ต้องขึ้นภูเขา
a15

ถึงแล้ว วัดบุญยืน อำเภอเวียงสา เป็นวัดเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่ทรงของวิหารเป็นแบบล้านนาแท้ คล้ายที่วัดภูมินทร์ เรียกว่า “วิหารซด” คือหลังคาลดหลั่นซ้อนกันลงมาเป็น 3 ชั้น ปัจจุบันได้รับการบูรณะงดงามสะอาดตาa16

ด้านหลังโบสถ์มีองค์พระธาตุอยู่ด้วย แต่ผู้หญิงห้ามขึ้นไปด้านบนa17

ภายในโบสถ์วัดบุญยืน งดงามวิจิตรตระการตา ด้วยฝีมือช่างโบราณสมัย พ.ศ.2329 โดยผู้ครองนครน่านองค์ที่ 55 เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เด่นที่องค์พระประธานในโบสถ์สูงถึง 8 ศอก สีทองอร่ามงามตา เป็นปางประทับยืนเปิดโลก โดยมีเสาวิหารสีแดงขนาดสองคนโอบกว่าสิบต้นเป็นเส้นนำสายตาเข้าไป ทำให้แลอลังการสุดบรรยาย!a18

พระยืนสูง 8 ศอก ที่วัดบุญยืน อำเภอเวียงสาa19

อำเภอเวียงสายังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งคือ “เฮือนรถถีบ” (โทร. 08-9898-4404) ซึ่ง คุณสุพจน์ เต็งไตรรัตน์ ผู้เป็นเจ้าของ มีใจรักและผูกพันกับจักรยานโบราณ จึงสะสมมานานหลายสิบปี ทุกคันสามารถใช้งานได้จริง เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่คนรักจักรยานสามารถมาศึกษาวิวัฒนาการความเป็นไปของจักรยาน หรือที่คนเหนือเรียกว่า รถถีบ นั่นเอง
a20

เฮือนรถถีบ อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 4 ถนนเจ้าฟ้า ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา (ทางหลวงหมายเลข 1026) เปิดให้เยี่ยมชมเวลา 09.00-11.00 น. และ 14.00-16.00 น. แต่ต้องโทรนัดก่อนเข้าชมa21

คุณสุพจน์ เต็งไตรรัตน์ กับจักรยานล้อโตแบบโบราณสุดรัก ซึ่งยังใช้งานได้จริง!a22

ระหว่างขับรถเที่ยวอำเภอเวียงสา เราพบร้านกาแฟเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในมุมอันเงียบสงบมุมหนึ่ง ป้าย “ร้านฮอมมคัฟเฟ่” (Hormm Coffe) ยิ่งทำให้เราอยากรู้ จนต้องจอดรถเข้าไปทักทาย และชิมกาแฟ กับเค้ก Home Made ที่เขาว่าเด็ดมาก
a23

ร้านฮอมมคัฟเฟ่ อยู่บ้านเลขที่ 303 หมู่ 3 ซอยเจ้าฟ้า 1 ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน (โทร. 0-5478-1322, 08-8022-6664) เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-17.00 น.
a24

คุณแพทและคุณแป้ง สองเพื่อนสนิท ผู้ก่อตั้งร้านฮอมมคัฟเฟ่ ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนเคยเปิดร้านอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ด้วยความเครียดจากเมืองใหญ่ ในที่สุดก็ย้ายกลับมาเปิดร้านที่บ้านเกิด จนวันนี้มีรอยยิ้มเปื้อนหน้า ร้านกาแฟเล็กๆ นี้สร้างความสุขให้ทั้งกับตัวเอง และกลมกลืนกับชุมชนโดยรอบได้เป็นอย่างดี

ประทับตราสะสมให้ครบ ร้านฮอมมคัฟเฟ่ เป็นหนึ่งในจุดที่ ททท. สำนักงานแพร่ เลือกให้เป็นที่ประทับตราของนักท่องเที่ยว ถ้าใครยังไม่มีสมุด Passport ก็มาขอรับได้ที่นี่ฟรีจ้าa26 a27

ขอชิมกาแฟคั่วเองสูตรพิเศษสักแก้วนะจ๊ะ ได้ข่าว่าร้านนี้มีกาแฟหลายสิบชนิด จากทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศให้ชิมกันด้วย ว้าว!a28

กาแฟดริปหอมกรุ่น จากเมล็ดกาแฟคั่วเอง ฝีมือคุณแพท a29 a30าเขียวเย็นสูตรพิเศษ ร้านฮอมมคัฟเฟ่a31

แพชชั่นฟรุตปั่น หวานอมเปรี้ยวชื่นใจจริง
a32

ชีสเค้กหอมอร่อย เนื้อนุ่มกำลังดี จากฝีมือของคุณแป้งและคุณแพท ร้านฮอมมคัฟเฟ่a33

กาแฟฮอมมคัฟเฟ่ คั่วเองใหม่สด มีให้คนรักกาแฟเลือกซื้อกลับบ้านกันหลายระดับความเข้ม
a34

นอกจากกาแฟและเค้กแล้ว ร้านนี้ยังมีสบู่ธรรมชาติที่ผลิตเองขายด้วย อย่างสบู่มะกรูดที่เก็บจากต้นหลังบ้าน จึงรับรองได้ว่าดีต่อสุขภาพร่างกาย เพราะเป็น Organic 100 เปอร์เซนต์แน่นอนa35

เรายังวนเวียนอยู่ในอำเภอเวียงสาอันแสนน่ารัก ห่างจากร้านฮอมมคัฟเฟ่และวัดบุญยืนไม่ไกล ก็ถึง อีกหนึ่งจุดประทับตราใน Passport ของ ททท. คือ “ร้านจ๊างน่าน” (โทร. 08-9898-4404) เปิดเวลา 10.00-22.00 น.a36

โลโก้น่ารักๆ ของร้านจ๊างน่าน เหตุที่ใช้ช้างมาเป็นสัญลักษณ์เพราะ รุ่นปู่ของเจ้าของร้านคนปัจจุบัน ท่านเลี้ยงช้างไว้ใช้งานด้วย เพราะคนแพร่สมัยก่อนมีกิจการสัมปทานทำไม้ จึงใช้ช้างกันเป็นเรื่องธรรมดา ปัจจุบันเหลือเพียงโลโก้น้องช้างให้คิดถึงจ้า
a37

ร้านจ๊างน่าน ตกแต่งสไตล์วินเทจสุดน่ารัก ดัดแปลงจากบ้านไม้สองชั้นเดิมซึ่งอยู่อาศัยกันมา 3 ชั่วอายุคนแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู รุ่นพ่อ จนมาถึงรุ่นปัจจุบัน ภายในร้านโปร่งโล่งสบาย ตามแบบเรือนไม้ทางเหนือ ซึ่งนอกจากด้านหน้าบ้านที่ติดถนนจะกว้างแล้ว ยังมีแนวลึกเข้าไปทางด้านหลังบ้านด้วยa38

ได้ตราประทับใน Passport ของ ททท. เพิ่มอีกหนึ่งดวงที่ ร้านจ๊างน่านa39 a40 a41

วันนี้ คุณหยก (วงศกร ไกรทอง) เจ้าของร้านจ๊างน่าน ลงมือทำกาแฟไนโตรสูตรพิเศษสุดๆ ให้เราชิมเองเลยกับมือ เป็นกาแฟเข้มข้นใส่นม อัดด้วยก๊าซไนโตรเจนแรงดันสูง หาชิมได้ไม่กี่ที่ในเมืองไทยนะ ขอบคุณ คุณหยกมากๆ จ้า

a42

ร้านจ๊างน่าน แต่เดิมชื่อร้านจ๊างน่าน Milk Club & Gallery ขายเสื้อผ้า กาแฟ และมีแกลเลอร์รี่แสดงงานศิลปะ โดยหลังจากคุณหยกเรียนจบและทำงานอยู่ที่ กทม. หลายปี ในที่สุดก็พบคำตอบสุดท้ายว่า การกลับมายังบ้านเกิด เพื่อทำงานที่ตนรักและสร้างแบรนด์ของตัวเองให้เข้มแข็ง คือสิ่งที่ยั่งยืนที่สุดแล้ว
a43

นอกจากจะมีที่นั่งในร้านแล้ว ด้านหลังยังมีมุมสงบใต้ร่มไม้ร่มรื่น ให้รื่นรมย์กันด้วย
a44

บนชั้นสองของร้านจ๊างน่าน จัดเป็น Art Gallery แบบหมุนเวียน ให้เสพศิลป์กันได้ตลอดปีa45

ภาพแห่งอดีตอันน่าจดจำ ของคุณปู่คุณหยก เจ้าของร้านคนปัจจุบัน ในภาพคุณปู่คือคนที่ยืนใส่เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีน้ำเงิน ท่านมีกิจการสัมปทานทำไม้ซุงในยุคแรก และต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นกิจการวิ่งรถบัสโดยสาร พร้อมกับเปิดร้านขายอะไหล่ชื่อ วาสนาพานิชa46

รถบัสในยุคอดีตของวาสนาขนส่ง แม้ไม่ได้วิ่งแล้ว แต่เปลี่ยนหน้าที่มาเป็นร้านอาหารได้อย่างวิเศษ!a47

โต๊ะอาหารภายในรสบัส คือมุมที่ลูกค้าโปรดปรานที่สุดมุมหนึ่ง ณ ร้านจ๊างน่าน
a48

ข้าวเปียกเส้น ร้านจ๊างน่าน ใครหิวสั่งมากินกันหนักๆ ได้เลยกับเมนูอร่อยนี้
a49

แหนมเนืองร้านจ๊างน่าน แค่ชุดเล็กก็อิ่มแปล้แล้ว เพราะให้เยอะ จริงใจมากๆa50

บ่ายคล้อย เราออกเดินทางจากร้านจ๊างน่าน ต่อไปยัง “ดอยเสมอดาว” ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย (โทร. 0-5473-1714, 09-3242-2914) เพื่อชมความงามสุดอลังการของขุนเขาสลับซับซ้อน และหนึ่งในป่าไม้ผืนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของน่าน นี่คือแหล่งต้นน้ำลำธารที่ไหลลงไปเติมเต็มให้แม่น้ำเจ้าพระยาด้วยเช่นกัน

ดอยเสมอดาว ตั้งอยู่ที่ กม.16 ถนนสายนาน้อย-ปางไฮ เป็นจุดชมทิวทัศน์ 360 องศา สุดฮิต
a1

ดอยเสมอดาว เป็นจุดกางเต็นท์นอนสัมผัสธรรมชาติ ห่มหนาว ดูดาว ชื่นชมทะเลหมอกยามเช้า ที่สวยสดงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองน่าน เที่ยวได้ตลอดปี แต่เจ๋งสุดคือฤดูหนาว ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ความสูง และความงามที่ปรากฏ จึงได้รับการเปรียบเปรยไปว่า อยู่สูงเสมอดาวเลยล่ะ!
a51

จากจุดชมวิวดอยเสมอดาว มองไปทางขวาจะเห็นผาหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ชื่อว่า “ผาหัวสิงห์” ซึ่งมีทางเดินไต่ขึ้นไปยืนชมวิวบนนั้นได้ด้วยa52

ลำน้ำน่าน ไหลลดคดโค้งอยู่เบื้องล่าง เมื่อมองจากดอยเสมอดาวลงไป ถ้าได้มาเที่ยวในตอนเช้าตรู่ของฤดูหนาว ก็จะเห็นทะเลหมอกลอยปกคลุมราวปุยนุ่นสีขาว
a53

จุดหมายสุดท้ายในวันนี้ ก่อนขับรถกลับเข้าไปนอนพักที่ตัวเมืองน่าน คือ “เฮือนฝ้ายแม่จำปี” อำเภอนาน้อย เป็นศูนย์ OTOP ผ้าทอคุณภาพดีของท้องถิ่น และ เป็นจุดประทับตราใน Passport ททท. ด้วยเช่นกัน (โทร. 0-5475-4228, 08-5100-1807) เปิดเวลา 08.00-22.00 น.
a54

ใครยังไม่มีสมุด Passport ที่ใช้ประทับตราในโครงการ Passport น่าน Plus แพร่ ก็มารับที่ร้านเฮือนฝ้ายแม่จำปี ได้ฟรี
a55a56

ดีใจจัง ประทับตราของจังหวัดน่านครบทุกแห่งแล้ว! a57

มุกเก๋สุดน่ารัก ในบรรยากาศย้อนยุคที่เฮือนฝ้ายแม่จำปีa58

ขับรถมาไกล เที่ยวกันมาทั้งวัน แวะดื่มชาเขียวเย็น และชานมเย็น ที่เฮือนฝ้ายแม่จำปี
a59

ห้องพักแสนสบาย แอร์เย็นฉ่ำที่ เฮือนฝ้ายแม่จำปีs18

วันพรุ่งนี้ เราจะไปเที่ยวจังหวัดแพร่กันแล้วจ้า…LOGO TATสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ โทร. 0-5452-1127

Passport น่าน PLUS แพร่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด (ตอน 1)

d2

ล้านนาตะวันออก ถิ่นนี้ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแสนน่ารัก อาบอิ่มด้วยธรรมชาติ ป่าเขา สายน้ำ รวมถึงวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว “น่าน และแพร่” จึงเป็น 2 จังหวัดแห่งล้านนาตะวันออก ที่น่าเที่ยว น่าเยี่ยมเยือนกันได้ตลอดปี

แต่เรามีข่าวดีข่าวด่วนมากบอก เมื่อ ททท. สำนักงานแพร่ จัดแคมเปญ Passport น่าน Plus แพร่ 12 เมืองต้องห้ามพลาดพลัส ให้เราท่องเที่ยวสัมผัสวิถีสองจังหวัดใหญ่แห่งล้านนาตะวันออก เรียนรู้จิตวิญญาณที่แท้จริงของเขา ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วัฒนธรรม และชุมชน พร้อมกับตามล่ารางวัลมากมาย โดยการนำสมุด Passport เล่มน้อย ไปประทับตราตามจุดที่กำหนด แค่จังหวัดละ 3 แห่ง (รวม 6 แห่ง) เท่านี้ก็นำไปขอรับรางวัลที่ ททท. สำนักงานแพร่ ได้แล้วจ้าd3

แคมเปญ Passport น่าน Plus แพร่ มีให้เราร่วมสนุกกันระหว่างเดือน พฤษภาคม ถึงเดือนกันยายน 2559 เลยนะจ๊ะ

จุดรับสมุด Passport น่าน Plus แพร่ 12 เมืองต้องห้ามพลาดพลัส ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองน่าน ซึ่งอยู่ในใจกลางเมือง ตรงข้ามกับวัดภูมินทร์ และเป็นจุดขึ้นรถรางเที่ยวรอบเมืองด้วยล่ะ

หรือเราจะไปหยิบสมุด Passport ตามจุดประทับตราทุกแห่งที่ระบุไว้ในสมุด ก็ได้เช่นกันจ้า

ไม่รอช้ารับ สมุด Passport แล้ว ก็เริ่มไปเที่ยวกันเลยดีกว่า เดินข้ามถนนจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของเทศบาลเมืองน่านมาอีกฝั่ง ก็ถึง “วัดภูมินทร์” แล้วล่ะ หยุดอ่านข้อมูลในสมุด Passport ให้ได้ความรู้ก่อน จะได้เที่ยวสนุกd6

วัดภูมินทร์  เป็นวัดหลวง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2139 ในสมัยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ปกครองน่าน ความโดดเด่นคือ พระอุโบสถเป็นอาคารทรงจตุรมุข ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ หาได้ยากยิ่ง สะท้อนถึงความเชื่อในเรื่องพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ของชาวพุทธล้านนาในอดีต

ยิ่งกว่านั้นพระอุโบสถหลังนี้ยังได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในสุดยอดศิลปกรรมไทลื้อ ที่เรียกว่า “วิหารซด” เป็นรูปแบบการสร้างวิหารหรือโบสถ์ให้หลังคาซ้อนลดหลั่นกันลงมาหลายชั้น ไม่เน้นความสูง รวมถึงมีการประดับกระจกสีด้วย
d7

ภายในวิหารวัดภูมินทร์เหลืองอร่ามงามด้วยสีทองคำเจิดจรัส ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ ซึ่งเคยได้รับการยกย่องให้เป็น แหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand ของ ททท. มาแล้ว
d8

ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ต้นกำเนิดกระซิบรักอมตะ วาดขึ้นโดยศิลปินพื้นบ้านฝีมือชั้นครูนามว่า หนานบัวผัน ซึ่งเป็นผู้เดียวกับที่วาดภาพจิตรกรรมในวัดหนองบัว คาดว่าภาพปู่ม่าน ย่าม่าน วาดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2410-2417 ระหว่างการบูรณะซ่อมแซมวัดภูมินทร์ในสมัเจ้าอนันตฤทธิวรเดชครองเมืองน่าน ซึ่งตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพนี้เป็นเอกลักษณ์ของผู้วาดคือหนานบัวผันโดยแท้ เพราะวาดด้วยขนาดเท่าคนจริง และใบหน้าคนมีคิ้วโก่ง ปากเป็นกระจับ ดังที่หนานบัวผันชอบd9

เมื่อชมวัดภูมินทร์เสร็จแล้ว ก็ได้เวลา นั่งรถรางเที่ยวรอบเมืองน่าน วันเสาร์-อาทิตย์ เขามีรอบเวลา 09.30 / 10.30 / 13.30 / 15.30 น. โดยเราสามารถโทรจองได้ ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลเมืองน่าน โทร. 0-5475-1169 ส่วนวันจันทร์-ศุกร์ มี 2 รอบ เวลา 09.30 และ 15.30 น. ค่าบริการคนละ 30 บาทเท่านั้นd10

นั่งรถรางเที่ยวชมความสวยงาม และเรื่องราวประวัติศาสตร์น่าสนใจของเมือง Slow Town น่าน ที่เราหลงรัก
d11 วัดพระเกิด อำเภอเมืองน่าน (โทร. 08-1765-2710) แม้จะเป็นวัดไม่ใหญ่โต แต่ก็มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ พ.ศ.2554 แล้ว เพราะเป็นต้นกำเนิดงานหัตถกรรมพื้นบ้าน “ตุงก้าคิง” เป็นภาษาไทยใหญ่หมายถึง “ธง” โดยผู้ที่คิดค้นทำตุงก้าคิงขึ้นคนแรกก็คือ อาจารย์คำรบ วัชราคม อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคน่าน

นักท่องเที่ยวหรือคนทั่วไปที่สนใจ สามารถเข้ามาฝึกทำตุงก้าคิงที่วัดพระเกิดได้สบายมาก โดยป้าติ๋มและป้าไก่ สองผู้นำจะคอยช่วยให้ความรู้ แต่ถ้าจะให้ได้ชมชัวร์ๆ ก็ควรโทรติดต่อป้าทั้งสองก่อนนะจ๊ะ
d13

ป้าไก่ สาธิตการทำตุงก้าคิงให้เราชม พร้อมกับเล่าว่า ตุงก้าคิงมี 2 ประเภท คือ ตุงมงคล ใช้เพื่อถวายวัดในงานมงคลต่างๆ อาทิ สงกรานต์, ปักเจดีย์ทราย, ถวายเป็นพุทธบูชา, ใช้ในห้องพระ ฯลฯ และอย่างที่สองคือ ตุงอวมงคล ซึ่งใช้ในงานเรือนทาน, งานศพ ฯลฯ
d14

การทำตุงก้าคิง ต้องตัดกระดาษสีมาเติมรายละเอียดหน้าตาในตุงให้ครบถ้วน แล้วติดสัญลักษณ์ตัวสัตว์ในปีนักษัตรลงไป ให้ตรงกับปีเกิดของเราd15

การทำตุงก้าคิง วัสดุหลักใช้กระดาษสาสีขาวอย่างหนา แล้วเปะกระดาษสีลงไปประดับให้ครบถ้วนทั้งสองด้าน หน้าหลัง ดังนั้นลายของทั้งสองด้านจึงต้องเหมือนและตรงกัน
d16

การตอกลายตุงก้าคิงที่วัดพระเกิด ปัจจุบันมีคนที่ทำเป็นไม่กี่คน ลูกหลานคนไหนสนใจไปช่วยกันสืบสานไว้ได้นะจ๊ะ

ตุงก้าคิงแต่ละผืน จะมีความสุงเท่ากับ (หรือใกล้เคียง) เจ้าของผู้ทำ เพื่อใช้เป็นตัวแทนคนคนนั้น แล้วนำไปแขวนไว้ในโบสถ์วัดพระเกิด จนกว่าผืนตุงจะเปื่อยยุ่ยไปเองตามกาลเวลา นับเป็นการสะเดาะเคราะห์วิธีหนึ่ง ตามความเชื่อของชาวบ้านพระเกิด เพราะมีอยูที่นี่ที่เดียวในภาคเหนือ
d19

หลังจากถวายตุงก้าคิงกับท่านเจ้าอาวาสแล้ว ก็ได้เวลานำเข้ามาแขวนภายในโบสถ์วัดพระเกิด โดยตุงนี้จะแขวนอยู่ภายในโบสถ์นานจนกระดาษจะเปื่อยไปเอง ในภาพนี้ ป้าติ๋มและป้าไก่ ช่วยกันโชว์ตุงก้าคิง 3 ยุค ซึ่งมีการพัฒนาความสวยงามและลวดลายขึ้นตามลำดับ รุ่น 1 หน้าตาน่ารักมาก เป็นแบบง่ายๆ มีแต่ตา ปาก และจมูกd20

ตุงก้าคิง ที่แขวนอยู่บนผนังโบสถ์วัดพระเกิด แบ่งกลุ่มตามปีนักษัตรd21

พระประธานในโบสถ์วัดพระเกิด งดงามน่าเลื่อมใส ขนาบข้างด้วยพญานาคสองตนd22

พิพิธภัณฑ์ชุมชนบ้านพระเกิด เป็นสถานที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณล้ำค่าน่าชมของชุมชน ก่อตั้งขึ้นโดย อาจารย์คำรบ วัชราคม ชาวพัทลุง ผู้เดินทางมาทำงานอยู่ที่น่าน ในตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคน่าน ทว่าปัจจุบันท่านได้ลาโลกไปแล้ว ฝากไว้แต่ผลงานการอนุรักษ์ภูมิปัญญาของชุมชนวัดพระเกิดแห่งนี้d23

ภายในพิพิธภัณฑ์ชุมชนบ้านพระเกิด รวบรวมและจัดแสดงวัตถุโบราณและพระพุทธรูปล้ำค่าจำนวนมาก
d24

พิพิธภัณฑ์ชุมชนบ้านพระเกิด ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยอาจารย์คำรบ วัชราคม เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันd25จากวัดพระเกิด เราตระเวนเที่ยวน่านกันต่อที่ “โฮงเจ้าฟองคำ” ถนนสุมนเทวราช (โทร. 0-5471-0537, 08-9560-6988) ที่นี่เป็นหนึ่งใน โฮง หรือ เรือนไม้เก่าโบราณ ที่ถือว่างดงามที่สุดของเมืองน่านในปัจจุบันd26

ประวัติเล่าว่า เดิมโฮงเจ้าฟองคำ เป็นบ้านพักของเจ้าศรีตุมมา หลานของเจ้ามหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 11 สร้างขึ้นราว พ.ศ.2384-2400 แล้วตกทอดมาเป็นของเจ้าฟองคำ แต่เดิมตัวโฮงเป็นไม้สักประกอบด้วยวิธีใส่สลักไม้ หลังคามุงแป้นเกล็ด ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินขอ ด้านล่างเป็นที่สาธิตการทอผ้า ส่วนบนบ้านเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชมอย่างดี คล้ายเราได้ย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตครั้งที่เมืองน่านยังเป็นอาณาจักร หรือประเทศอิสระไม่ขึ้นกับสยามที่บางกอก
d27

ห้องพระภายในโฮงเจ้าฟองคำd28ที่ด้านล่างของโฮงเจ้าฟองคำ มีการสาธิตทอผ้า และปักลายผ้าแบบโบราณล้านนาให้ชมทุกวัน
d29 จุดประทับตรา Passport ของ ททท. จุดแรกในวันนี้ คือ ร้านฮักน่าน เบค คาเฟ่ ถนนข้าหลวง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน (โทร. 08-1777-0141) เป็นร้านกาแฟเล็กๆ น่ารัก ตกแต่งย้อนยุคสไตล์วินเทจd30

ภายในร้านฮักน่าน เบค คาเฟ่ น่ารักด้วยการใช้โทนสีอบอุ่น แต่เด่นสุดที่กระเบื้องปูพื้นลายเก๋ไม่ซ้ำกัน ช่วยให้บรรยากาศดูสนุก น่านั่ง พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มและเค้กอร่อยๆ มาชิมกันเลย
d31

กระเบื้องปูพื้นของร้านฮักน่าน เบค คาเฟ่ สวยงาม หลากหลาย ไม่เหมือนใคร
d32

เอาล่ะ ได้เวลาเอา สมุด Passport มาให้ทางร้านประทับตรา นี่ถือเป็นจุดแรกของเราเลยนะเนี่ยะ d33 d34

ตราประทับ Passport น่าน Plus แพร่ ของแต่ละร้านจะไม่เหมือนกัน เพราะมีชื่อของร้านกำกับอยู่ด้วย ใครคิดจะมั่ว งานนี้มั่วไม่ได้นะจ๊ะ ขอบอก ฮาฮาฮาd35

ประทับ Passport แล้ว ก็ได้เวลาสั่งเครื่องดื่มมาดับร้อนกันเลยd36

คุณนัท เจ้าของร้านฮักน่าน เบค คาเฟ่ ลงมือชงกาแฟอร่อยๆ ให้เราดื่มด้วยตัวเองเลยล่ะ วันนี้ขอเป็นเอสเปรสโซ่เย็นละกันนะพี่d37

เค้ก Home Made รสนุ่ม และเอสเปรสโซ่เย็น ของร้านฮักน่าน เบค คาเฟ่ ช่วยเพิ่มพลังให้เราออกไปเที่ยวน่านได้ต่อd38

จากในตัวเมืองน่าน เราขับรถออกไปเที่ยวนอกเมืองกันบ้าง ที่ “หอศิลป์ริมน่าน” โดยใช้ถนนน่าน-ท่าวังผา (ทางหลวงหมายเลข 101) ตรง กม.20 (โทร. 08-1989-2912)d39

หอศิลป์ริมน่าน เป็นของ คุณวินัย ปราบริปู ศิลปินชาวน่าน ในเนื้อที่กว่า 13 ไร่ ประกอบด้วยอาคารหอศิลป์ สตูดิโอ และบ้านพักรับรอง ใช้เป็นสถานที่รวมงานศิลป์ร่วมสมัย จัดแสดงผลงานของคุณวินัยเกือบ 200 ชิ้น ในแบบกึ่งถาวร เปิดให้เข้าชมทุกวันพฤหัสบดี-วันอังคาร เวลา 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 20 บาท/คน
d40

จากหอศิลป์ริมน่าน เราขับรถสบายๆ ไปกราบพระที่ “วัดพระธาตุแช่แห้ง” พระธาตุประจำคนเกิดปีกระต่าย (ปีเถาะ) พุทธสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่านมาช้านาน ตั้งอยู่บนเนินสูงเรียกว่า ภูเพียงแช่แห้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งตัวเมืองน่านเดิม องค์พระธาตุเป็นสีทองอร่ามงามเด่นด้วยทรงระฆัง คล้ายพระธาตุหริภุญชัยเมืองลำพูน
d41

พระประธานในโบสถ์วัดพระธาตุแช่แห้ง มีขนาดใหญ่มาก พุทธศิลป์งามล้ำน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก

บางคนสงสัยว่า ทำไมพระธาตุแห่งนี้จึงชื่อว่า แช่แห้ง แช่แล้วทำไมแห้ง? ทำไมไม่เปียก? คำตอบอยู่ที่ตำนานเล่าว่า ในอดีตสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมาที่นี่ มีคนนำผลไม้มาถวายพระพุทธเจ้า แต่ผลไม้นั้นแห้งแข็งมาก ท่านจึงทรงนำไปแช่น้ำให้นิ่มก่อนจึงเสวยได้ พระพุทธองค์จึงทรงทำนายว่า ต่อไปในอนาคตจะมีพระพุทธศาสนาสถิตมั่นคงขึ้นในดินแดนนี้ และมีองค์พระธาตุสำคัญประดิษฐานอยู่
d42

กราบพระเสร็จแล้ว เราก็กลับเข้าเมืองน่าานอีกครั้ง แต่ด้วยความที่เราเป็นคนรักแมว เลยไปหาที่นั่งชิลกันแถวริมลำน้ำน่าน ที่ “ร้านสุดกองดี” หรือ Cafe’ Soodgongdee ที่มีชื่อเสียงในบรรยากาศร้านน่ารัก แถมยังมีกาแฟอร่อยๆ ให้ชิมด้วย
d44

ร้านสุดกองดี เป็นร้านกาแฟบนเรือนไม้ยกเสาสูง โดยคำว่า “สุดกอง” จริงๆ แล้วแปลว่า “สุดซอย” นั่นเอง หมายความว่าร้านนี้อยู่สุดซอยพอดี ฮาฮาฮา หรืออีกความหมายหนึ่ง “กอง” ในภาษาเหนือแปลว่า “รอคอย” นั่นก็หมายถึง สิ้นสุดการรอคอยที่สุดกองดีไงจ๊ะ

ร้านสุดกองดี เป็น จุดประทับตราใน Passport น่าน Plus แพร่ ของ ททท. ด้วยd45

บรรยกาศอันร่มรื่นใต้เงาไม้ใหญ่ริมลำน้ำน่าน บนดาดฟ้าชั้นสองของร้านสุดกองดี ชิลมากๆ โดยเฉพาะยามเย็น
d46

ภายในร้านสุดกองดี มีรูปวาดแมวและตุ๊กตาแมวตัวเล็กตัวน้อยตกแต่งอยู่ทุกที่ แถมยังมีน้องเหมียวตัวจริงที่เจ้าของร้านเลี้ยงไว้ออกมาเดินรับแขกด้วยนะ ฮาฮาฮาd48

น้ำอัญชัญเย็นชื่นใจ ที่ร้านสุดกองดีd49

เค้ก Home Made แสนอร่อยของร้านสุดกองดีimage-13จุดประทับตรา Passport ททท. จุดต่อมาคือ “บ้านๆ น่านๆ ห้องสมุด & เกสต์โฮม” ของคุณครูต้อม
d51

บ้านๆ น่านๆ เป็นเรือนไม้เก่าสองชั้นแสนคลาสสิก ที่ครูต้อมซื้อมาจากญาติสนิท แล้วดัดแปลงให้เป็นที่พัก ห้องสมุด ร้านกาแฟ ในสไตล์ Relax นั่งชิลอ่านหนังสือ ซดกาแฟกันได้ทั้งวัน เปิดเวลา 08.30-18.00 น. (โทร. 08-9859-5898)d52

ครูต้อม หญิงเก่งผู้มากความสามารถ เจ้าของบ้านๆ น่านๆ ซึ่งเป็นทั้งห้องสมุด ร้านกาแฟ และห้องพักแบบอบอุ่น เป็นกันเอง คนที่รักการอ่านมาเที่ยวที่นี่ มีหนังสือดีๆ ประเทืองปัญญาให้อ่านนับร้อยๆ เล่มจ้าd47

บ้านๆ น่านๆ เป็นจุดประทับตราใน Passport ของ ททท. ด้วยล่ะd53

นั่งอ่านหนังสือตามที่ชอบกันได้ทั้งวัน ที่บ้านๆ น่านๆ ศูนย์รวมหนอนหนังสือตัวจริง

มุมจำหน่ายหนังสือดีๆ ที่คัดสรรมาแล้ว เพื่อการปลูกปัญญาd55

ห้องพักที่บ้านๆ น่านๆ มีทั้งแบบเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ คืนละไม่กี่ร้อยบาท ในสไตล์กันเองเหมือนอยู่บ้านd56

บรรยากาศโถงรวมให้นั่งพักผ่อน บนเรือนของบ้านๆ น่านๆ สวย เรียบ เงียบสงบ เหมาะหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่มาพักผ่อนอย่างแท้จริงd57

ใครสนใจเรื่องสมุนไพรธรรมชาติ ที่บ้านๆ น่านๆ เขามีผลิตภัณฑ์สมุนไพรหลายชนิดจำหน่ายด้วยนะจ๊ะd58

หลังจากตระเวนเที่ยวน่านกันมาทั้งวัน เมื่ออาทิตย์ลาลับ เราก็ชวนกันมาเดินเที่ยวที่ “กาดข่วงเมืองน่าน” เพราะยามหัวค่ำแบบนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเดินปล่อยอารมณ์ชมสีสันของชีวิตเนิบช้า เดินหาอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ กินเติมพลัง พูดคุยกับคนน่าน ที่ดูใจเย็น ใจดี ยิ้มง่าย น่ารักซะจริงๆ แต่กาดข่วงเมืองน่านที่ด้านข้างวัดภูมินทร์ เขามีเฉพาะคืนวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้นนะจ๊ะ เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. จ้า

ภารกิจตามล่าประทับตราในสมุด Passport น่าน Plus แพร่ ของ ททท. สำนักงานแพร่ ยังไม่สิ้นสุด วันต่อๆ ไป เราจะออกตระเวนกิน เที่ยว สัมผัสวิถีเรื่องราวอีกมากมายของจังหวัดน่าน แพร่ ไปพร้อมๆ กันนะจ๊ะd60LOGO TAT

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ โทร. 0-5452-1127

ดำน้ำตามหาปลาการ์ตูน ปลาน่ารักแห่งเกาะผี จ.ตราด

ดำน้ำเกาะผี 1

ทะเลเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก แต่ทริปนี้เราจะพาคนชื่อ “หมอนก” ไปดำน้ำดูปลาการ์ตูนในทะเลกันที่เกาะผี ฮาฮาฮาเกาะผี 1

เกาะผี เป็นเกาะเล็กๆ คล้ายกองหินโผล่พ้นน้ำ รอบเกาะไม่มีหาดทราย มีแต่โขดหินขรุขระที่มีหอยนางรมเกาะอยู่นับไม่ถ้วน มองเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่โลกใต้น้ำรอบเกาะผีนั้นสุดยอดจริงๆอ่าวพระ 2ทริปดำน้ำเที่ยวเกาะผีในวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ Castaway @Low Carbon Island 2016 ของ อพท. หรือ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เพื่อนำเรามาลั้นลาสัมผัสเกาะหมาก และหมู่เกาะใกล้เคียง ให้เห็นทั้งในด้านความงาม ความอุดมสมบูรณ์ และวิถีชีวิตคนบนเกาะ ที่ยังคงผูกพันกับทะเล กินอยู่เรียบง่าย ภายใต้แนวคิด “ปลดปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศโลกให้น้อยที่สุด”

อ่าวพระ 3

การจะไปดำน้ำที่เกาะผี ใกล้สุดต้องลงเรือที่อ่าวพระ ทางชายฝั่งด้านทิศเหนือของเกาะหมาก

คนบนเกาะหมากเล่าให้ฟังว่า สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เวลามาเที่ยวเกาะหมากแล้วซื้อแพ็กเกจดำน้ำแบบ One Day Trip ก็จะได้ไปแค่หมู่เกาะรัง ไม่ค่อยมีใครได้มาเกาะผี คนที่มีโอกาสไปเที่ยวเกาะผี จึงเป็นเพื่อนสนิทของคนบนเกาะหมากเท่านั้น วันนี้เราจึงโชคดีมากๆ
นั่งเรือไปเกาะผี 2

เรือมุ่งหน้าออกจากอ่าวพระ ตรงดิ่งสู่เกาะผี คุณลุงหมายคนขับเรือบอกว่าไม่เกิน 20 นาที เดี๋ยวก็ถึง
นั่งเรือไปเกาะผี 4

หลังจากดำน้ำดูปะการังกันที่อ่าวผ่องของเกาะหมาก ในช่วงเช้าแล้ว บ่ายวันนี้คุณไมเคิล ซึ่งมีรีสอร์ทเล็กๆ อยู่ที่อ่าวผ่อง ก็มาร่วมแจมทริปด้วย ทำให้ Project Castaway สำรวจเกาะผีในบ่ายนี้ของเรา น่าสนุกยิ่งขึ้นนั่งเรือไปเกาะผี 5

ก่อนถึงเกาะผี มองไปทางซ้ายมือคือ อ่าวลอม หนึ่งในอ่าวอันเงียบสงบของเกาะหมาก ทว่าไม่มีทางรถยนต์เข้าถึง ต้องใช้เรือเท่านั้น โลกใต้น้ำของอ่าวลอมจึงยังสมบูรณ์มากอ่าวลอม 2

อ่าวลอม มีหาดทรายขาวทอดยาวเคียงคู่ทิวมะพร้าวโอนเอน เป็นธรรมชาติสุดๆ เพราะไม่มีที่พักหรือรีสอร์ทอะไรเลย แถมใต้น้ำยังมีปะการังแข็งอยู่ดาษดื่นเกาะผี 2

เรือวิ่งเลยอ่าวลอมมานิดเดียว ก็ถึง เกาะผี เกาะเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกองหินขนาดใหญ่โผล่ขึ้นเหนือน้ำ บางส่วนของเกาะเป็นกองหินยอดแหลมๆ ที่มีหอยนางรมเกาะอยู่นับไม่ถ้วน สมัยก่อนคนที่เกาะหมากจะล่องเรือออกมาเกาะผี พร้อมกับเตรียมเหล็กปลายแหลมเรียกว่า สับปะนก มาเพื่อแงะหอยนางรมกินกันสดๆ แกล้มกับยอดกฐินอ่อน และมะนาว แหม.. เขาว่าแซ่บหลายเด้อ!
ดำน้ำเกาะผี 3

ถึงเกาะผีแล้วจะรีรออยู่ใย วันนี้อากาศดี แดดไม่ร้อน คลื่นลมสงบ น้ำใส ทัศนวิสัยการมองเห็นได้น้ำกว้างไกล หมอนกสาวสวยโดดลงน้ำเป็นคนแรกดำน้ำเกาะผี 4

น้ำรอบเกาะผีไม่ลึก ตื้นแค่ 3-5 เมตร ทำให้ดำน้ำดูปะการังง่ายมาก ส่วนใหญ่เป็นปะการังแข็งหลากชนิดหลากสี ราวกับป่าใต้น้ำอันลึกลับ เป็นที่อยู่อาศัย หลบภัย หากิน แพร่พันธุ์ ของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนดำน้ำเกาะผี 5

คุณไมเคิล เอากล้องถ่ายภาพใต้น้ำตัวใหญ่คู่ใจ ดำดิ่งลงไปช่วยเก็บภาพโลกใต้น้ำของเกาะผี มาให้เราชมกันปลาผีเสื้อปากยาว

แค่โดดลงน้ำไปไม่นาน ก็มี ปลาผีเสื้อปากยาว (Beak Butterflyfish) หลายตัว ว่ายน้ำมาทักทายเราแล้ว น่ารักมากๆปะการังโขด 1

โลกใต้น้ำของเกาะผี เต็มไปด้วยความหลากหลายของปะการังแข็งหลากชนิด โดยเฉพาะปะการังโขด (Mountain Coral หรือ Finger Coral) นับว่าโดดเด่นมีจำนวนมากที่สุด พวกมันดึงแคลเซียมคาร์บอเนตมาจากทะเล เพื่อสร้างโครงสร้างแข็งให้ตัวเองอยู่รอด บ้างเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล และสีชมพูอ่อน ราวกับเขาวงกตใต้น้ำอย่างไรอย่างนั้น!ปะการังโขด 2

ในปะการังโขดบางกอ มีหอยสองฝาไปแอบฝังตัวอยู่อาศัยร่วมกันด้วยหอยมือเสือ 1

โลกใต้น้ำของเกาะผียังอุดมสมบูรณ์มาก สังเกตได้จาก หอยมือเสือ (Giant Clam) ที่มีอยู่มากมาย นอกจากพวกมันจะสวยงามแล้ว ยังมีคุณค่าต่อระบบนิเวศน์แนวปะการังมาก เพราะหอยมือเสือช่วยฟอกน้ำให้สะอาด แถมในเนื้อของมัน ยังมีสาหร่ายซูแซนเทลลีเข้าไปอาศัยอยู่ด้วย มันจึงช่วยสังเคราะห์แสง สร้างออกซิเจนเพิ่มให้น้ำทะเลหอยมือเสือ 2

หอยมือเสือฝังตัวลงไปในกอปะการังรังผึ้งจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน!ปะการังโขด 3

โลกใต้น้ำอันน่าตื่นตาของเกาะผี แม้จะมีหอยเม่นหนามยาวอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตราย เพราะเราสามารถว่ายน้ำหลบหลีกไปได้ เพื่อชื่นชมปะการังแข็งรูปทรงและสีแปลกๆปะการังโขด 4

ปะการังแข็งสีเหลืองกับหนอนท่อ อาศัยอยู่ร่วมกัน ช่วยต่อเติมห่วงโซ่อาหารแห่งแนวปะการังให้สมดุลย์ปะการังโขด 8

ใต้น้ำของเกาะผีมี หอยเม่นหนามดำ (Sea Urchin : ชื่อวิทยาศาสตร์ Diadema setosum) อยู่อย่างหนาแน่น การดำน้ำเที่ยวชมปะการังจึงต้องระมัดระวังด้วย พยายามลอยตัวในแนวราบขนานกับผิวน้ำไว้ตลอด อย่าเข้าไปใกล้พวกมัน และอย่าให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไปสัมผัสโดนเด็ดขาด เพราะหนามของมันจะหักติดอยู่ในเนื้อเรา ปวดมาก!!!!ปะการังโขด 11

ปะการังโขดกอใหญ่ เติบโตแผ่ขยายอาณาเขตออกไปใต้น้ำ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้มาพึ่งพิง
ปะการังดอกเห็ด 1ต้น้ำรอบเกาะผี มี ปะการังดอกเห็ด (Mushroom Coral) อันสวยงาม กระจายอยู่ทั่วไป ริ้วลายเส้นสายของปะการังชนิดนี้ ชวนให้พิศวงในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่สร้างสรรค์สรรพชีวิตนับไม่ถ้วนขึ้นปะดับท้องทะเลปะการังดอกเห็ด 3

ปะการังดอกเห็นบางอัน ก็มีรูปทรงแทบจะกลมดิกเลยล่ะปะการังดอกเห็ด 4

ปะการับดอกเห็ด เติบโตขึ้นบนกอปะการังโขดอันอุดมสมบูรณ์ปะการังดอกเห็ด 5ปะการังดอกเห็ด เกาะผีฟองน้ำครก 1

ฟองน้ำครกขนาดใหญ่มาก แลคล้ายปากปล่องภูเขาไฟใต้น้ำ! ฮาฮาฮาหนอนดอกไม้ 3

เห็นเป็นพุ่มพลิ้วไหวไปมาตามกระแสน้ำ แถมสีสวยขนาดนี้ อย่านึกเชียวนะว่าเป็นดอกไม้ทะเล จริงๆ เขาคือ หนอนท่อ (Tube Worm) ชื่อวิทยาศาสตร์ Sabellastarte sp. เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง อาศัยอยู่ในท่อหรือโพรงหินปูนและปะการัง เวลามีภัยมันจะผลุบเข้าไปในโพรงทั้งตัวจนไม่เห็นเลย แต่เมื่อเวลาหาอาหาร มันก็จะโผล่ออกมาสยายกิ่งก้านลักษณะคล้ายซี่กรองอาหารและแพลงก์ตอนเล็กๆ กินจากน้ำทะเลหนอนดอกไม้ 5

หนอนท่อ (Tube Worm) ที่เกาะผีมีหลากสีหลายชนิด กระจายอยู่ในเขตน้ำตื้นใสสะอาด คอยกรองกินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร แต่น่าแปลกที่ในบริเวณนี้ไม่พบหนอนฉัตร (Christmas-tree Worm) เลยปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล 1

ดำน้ำวนเวียนดูปะการังแข็งอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเราก็มาพบกับสิ่งที่ตามหา นั่นคือเจ้าปลาแสนน่ารักแห่งท้องทะเลไทย ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง (Pink Anemonefish) ชื่อวิทยาศาสตร์ Amphiprion perideraion เป็นปลาการ์ตูนที่พบเห็นได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ตัวมันยาวแค่ 3-5 เซนติเมตรเท่านั้น ดีใจนะ ที่ได้พบกันวันนี้ปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล 2

ด้วยระดับน้ำที่ลึกแค่ 3-5 เมตร รอบๆ เกาะผี อีกทั้งคลื่นลมไม่ค่อยแรง และน้ำค่อนข้างใส ทำให้ ดอกไม้ทะเล (Sea Anemone) เติบโตได้ดี เชื่อหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วดอกไม้ทะเลที่แลพลิ้วไหวอ่อนนุ่ม จริงๆ แล้วเป็นสัตว์อยู่ในตระกูลเดียวกับปะการังแข็ง เพียงแต่ดอกไม้ทะเลไม่สร้างโครงหินปูนขึ้นห่อหุ้มลำตัวเท่านั้นเองปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล 4

ดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนอาศัยอยู่ร่วมกัน แบบพึ่งพากัน โดยปลาการ์ตูนใช้กอดอกไม้ทะเลเป็นบ้าน เป็นที่อาศัยหลบภัย เพราะดอกไม้ทะเลมีเข็มพิษไว้ป้องกันตัว แต่ปลาการ์ตูนไม่เป็นอันตราย เพราะตัวมันมีเมือกพิเศษใช้ป้องกันเข็มพิษดอกไม้ทะเลได้ ส่วนดอกไม้ทะเลได้ประโยชน์จากปลาการ์ตูนคือ ดอกไม้ทะเลให้ปลาการ์ตูนเป็นเหยื่อล่อปลาอื่นปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล 5

ดอกไม้ทะเลพลิ้วไหวไปมาตามกระแสคลื่นใต้น้ำ งดงามราวกับทุ่งหญ้าต้องลมปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล 6

ปลาการ์ตูนมีนิสัยอยู่เป็นที่เป็นทาง (ประจำถิ่น) ไม่ย้ายบ้านไปไหน เมื่อมันตัดสินใจอยู่ที่ดอกไม้ทะเลกอใด มันก็จะอยู่ไปตลอดชีวิต จับคู่ ผสมพันธุ์ เลี้ยงลูก กันอยู่ตรงนี้ เราจึงต้องช่วยกันปกป้องอาณาจักรปลาการ์ตูนแห่งเกาะผีไว้ดีๆปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล 7

พอดำน้ำลงไปดูใกล้ๆ เจ้าปลาการ์ตูนอินเดียนแดงตกใจ รีบมุดเข้าไปแอบในกอดอกไม้ทะเล ไม่ต้องกลัวหรอกจ้า แค่มาทักทายกันเฉยๆ นะดำน้ำเกาะผี 6

สิ่งมีชีวิตโดดเด่นอีกอย่างที่เกาะผี คือ ฟองน้ำครก (Marine Sponges) จริงๆ แล้วมันเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโบราณ ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อกว่า 600 ล้านปีก่อน เคยครอบครองความเป็นใหญ่ในอาณาจักรใต้ทะเลยุคเปอร์เมียน หรือเมื่อ 290-248 ล้านปีก่อน ทว่าหลังจากนั้นปะการังก็เพิ่มจำนวนขึ้นแทน
ดำน้ำเกาะผี 8

น้ำใสแจ๋ว แถมไม่ลึกมาก ปะการังจึงอยู่ใกล้เราแค่นิดเดียว แต่อย่าไปจับล่ะ เพราะมันอาจมีพิษระคายเคืองผิวหนังได้!ปะการังโต๊ะ

ปะการังโต๊ะ (Table Coral) ขนาดใหญ่ คือแหล่งอาศัยหลบภัยอย่างดีของสิ่งมีชีวิตนานาชนิด
ปะการังแผ่น 1

ปะการังแผ่นขนาดใหญ่ งอกงามอยู่บนกอปะการังโขด โดยมีหนอนท่อขอไปพักพิงอิงอาศัย เหมือนอาณาจักรเล็กๆ ใต้น้ำ บางครั้งก็มี ปลาเขียวพระอินทร์ (Moon Wrasse) ว่ายผ่านไปผ่านมา เติมเต็มความอุดมสมบูรณ์ปะการังรังผึ้ง

ปะการังรังผึ้ง (Honey Comb Coral) ขึ้นปะปนอยู่กับปะการังแข็งชนิดอื่นฟองน้ำครก 2

คนเรือที่เกาะหมากเคยเล่าให้ฟังสนุกๆ ว่า ที่เกาะผีมีปล่องภูเขาไฟอยู่ด้วยนะ! เราก็เชื่อสนิท ตื่นเต้นใหญ่ พอดำน้ำลงไปดูจริงๆ มันก็คือฟองน้ำครกขนาดใหญ่ ที่มีทรงอ้วนๆ ตรงกลางกลวงคล้ายปากปล่องภูเขาไฟ! แต่ไม่ใช่ เพราะฟองน้ำแท้จริงคือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อาศัยอยู่ใต้น้ำนั่นเองฟองน้ำครก 4

ปากปล่องฟองน้ำครก น้ำทะเลจะไหลเข้าทางนี้ เพื่อกรองกินสารอินทรีย์และแพลงก์ตอนเป็นอาหารหนอนดอกไม้ 1

หนอนท่ออันสวยงาม ยามไม่ถูกรบกวน มันจะโผล่ขึ้นมาจากโพรงหินปูน แล้วสยายกิ่งก้านดักจับ กรองอาหารกินจากน้ำทะเลรอบๆ ตัวหนอนดอกไม้ 4

หนอนท่อสีสันแปลกตา เพิ่มชีวิตชีวากับแนวปะการังเกาะผีหนอนดอกไม้ 6

หนอนท่อสีขาวหนอนดอกไม้ 7

หนอนท่อสีน้ำตาลอ่อนหนอนดอกไม้ 8

หนอนท่อกับปะการังแผ่น อยู่ร่วมกันได้เหมือนเพื่อนเนอะดำน้ำเกาะผี 7
วันนั้น แม้จะใช้เวลาดำน้ำเล่นกันอยู่ที่เกาะผีแค่ 2-3 ชั่วโมง แต่ก็ประทับใจมาก เพราะได้ตื่นตากับความหลากหลายของปะการังแข็ง ฝูงปลา และอาณาจักรปลาการ์ตูนอินเดียนแดง ที่ยังคงสามารถใช้ชีวิตหากินอยู่อย่างเสรี และปลอดภัย ต้องขอบคุณคนเกาะหมาก และหมู่เกาะโดยรอบแห่งทะเลตะวันออก ที่เห็นคุณค่าของทรัพยากรทางทะเลนี้ แล้วช่วยกันปกป้องไว้ไม่ให้สูญหาย

เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถ้าเสื่อมสูญไปวันใด ก็ยากจะสร้างทดแทนกลับคืน! ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เราสามารถร่วมแรงร่วมใจกันคนละไม้คนละมือ ไปเที่ยวชม ศึกษาเรียนรู้ให้ซึ้งถึงคุณค่า แล้วนำภาพอันงดงามนั้นมาบอกต่อ เพื่อสร้างการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่ยั่งยืน ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ

เพื่อให้ท้องทะเลตะวันออก ยังคงเป็นสวรรค์ของพวกเราตลอดไป นะจ๊ะlogo รวมขอขอบคุณ : อพท. หรือ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) และพี่น้องชาวเกาะหมากที่น่ารักทุกท่าน ที่ร่วมมือ ร่วแรงร่วมใจสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ นี้ขึ้น สอบถามโทร. 0-2357-3580-402Nikon logo 1Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. สนับสนุนกล้องถ่ายภาพระดับมืออาชีพ D4 และกล้องถ่ายภาพใต้น้ำ AW130 เพื่อการเก็บภาพสวยๆ เหล่านี้มาฝากเพื่อนๆ ทุกคน สนใจสอบถาม โทร. 0-2633-5100

https://goo.gl/GeqdbB

#LowcarbonAtkohmak #CastawayAtkohmak #ติดเกาะโลว์คาร์บอน

Taiwan 2 : ฟาร์มแกะชิงจิ้ง

ชิงจิ้ง ฟาร์ม 2บนทางหลวงสาย 14A (Central Cross-Island Highway) ของไต้หวัน ที่ตัดขวางข้ามจากชายฝั่งตะวันตก-ตะวันออก ผ่านไปยังภูเขาสูงสลับซับซ้อนกว่า 1,750 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล คือที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต สุดฮอต และรีสอร์ทบ้านพักสไตล์ Swiss Old House อันมีชื่อเสียง

ใครอยากไปยกมือขึ้น! เราจะพาไปเที่ยว “ฟาร์มแกะชิงจิ้ง” (Cingjing Farm) จ้า
ชิงจิ้ง ฟาร์ม 3

ฟาร์มแกะชิงจิ้ง ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้าน Datong Village จังหวัดหนานโถว (Nantou) บนภูเขาสูง อากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 15-23 องศาเซลเซียส ถือว่าเย็นสบายกำลังดี แถมวิวแถวนี้ก็สวยมากด้วย

ทว่าจริงๆ แล้วยุคของการพัฒนาฟาร์มชิงจิ้ง เริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่อปี ค.ศ.1961 เมื่อนายทหารที่ไปรบจากสงครามคอมมิวนิสต์ ในแถบชายแดนไทย-พม่า-ยูนนาน กลับคืนสู่ไต้หวัน แล้วเริ่มพลิกฟื้นผืนดินตรงนี้ให้เป็นฟาร์ม
ชิงจิ้ง ฟาร์ม 4

ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดอกซากุระของฟาร์มแกะชิงจิ้งจะเบ่งบานพร้อมกัน เห็นแล้วสดชื่นๆชิงจิ้ง ฟาร์ม 5.1 ชิงจิ้ง ฟาร์ม 5.2 ชิงจิ้ง ฟาร์ม 5.3

ในแถบฟาร์มชิงจิ้ง เต็มไปด้วยบ้านเรือนแบบ Swiss Old House ที่มองแล้วนึกว่าอยู่ในแถบเทือกเขา Swiss Alp ของยุโรปซะอีก ฮาฮาฮาชิงจิ้ง ฟาร์ม 5.4

บ้านเรือนสีสดใส ในแถบฟาร์มชิงจิ้งชิงจิ้ง ฟาร์ม 5

บริเวณทางเข้าด้านหน้าของฟาร์มแกะชิงจิ้ง สร้างจำลองปราสาทยุคกลางของยุโรปย่อส่วน
ชิงจิ้ง ฟาร์ม 6

ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ฟาร์มแกะชิงจิ้งจะสดชื่นสดใสเป็นพิเศษ ด้วยดอกซากุระสีชมพูเบ่งบานเพิ่มความงามชิงจิ้ง ฟาร์ม 7 ชิงจิ้ง ฟาร์ม 8

ว้าว! สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆชิงจิ้ง ฟาร์ม 9

จากฟาร์มแกะชิงจิ้ง มองออกไปรอบด้าน เห็นแนวเทือกเขาสลับซับซ้อน ในหุบเขาเบื้องล่างนั่นล่ะ ที่มีแปลงพืชผักผลไม้เมืองหนาวอยู่อย่างอุดม ทั้งแอปเปิล, ลูกพีช, ลูกแพร์, พลัม และกีวีแสนอร่อย

ชิงจิ้ง ฟาร์ม 10

ฟาร์มแกะชิงจิ้ง มีจุดถ่ายภาพเก๋ๆ หวานๆ โรแมนติก ให้ชักภาพกันได้ไม่เบื่อทั้งวัน
ชิงจิ้ง ฟาร์ม 11

บรรยากาศในฟาร์มแกะชิงจิ้ง ถ้าไม่บอกนึกว่าอยู่ในยุโรปนะฮะชิงจิ้ง ฟาร์ม 12

กังหันลมใหญ่แบบฮอลแลนด์ และแนวต้นซากุระ คือหนึ่งใน Landmark จุดถ่ายภาพยอดฮิตชิงจิ้ง ฟาร์ม 13 ชิงจิ้ง ฟาร์ม 14.1

ไม่ได้มีน้องแกะกับต้นซากุระให้ชมเท่านั้น ยังมีไอศกรีมอร่อยๆ จากนมแกะให้หม่ำกันอย่างจุใจ รสชาติหอมหวานกำลังดี ดูซิ หม่ำแล้วหน้าใส แก้วแดงเป็นสีชมพูเลยนะจ๊ะ อิอิชิงจิ้ง ฟาร์ม 14

จากจุดถ่ายภาพและดงซากุระด้านบนเขา มีทางเดินผ่านลาดเนินเขาลงมายังจุดโชว์การแสดงตัดขนแกะ แถมยังมีม้าตัวใหญ่, ม้าแคระ (Pony) ให้ขี่เล่นไปมา ใครจะซื้ออาหารมาป้อนน้องแกะแสนน่ารักก็ได้นะจ๊ะชิงจิ้ง ฟาร์ม 15ดูเอาละกัน ว่าแกะที่ฟาร์มชิงจิ้งอิสระและมีความสุขขนาดไหน เวลาหิวน้ำยังเดินมากินในก๊อกน้ำเดียวกับนักท่องเที่ยว!
ชิงจิ้ง ฟาร์ม 16

แม้แต่เด็กยังขี่ม้าเดินเล่นได้ เพราะเขามีเจ้าของม้าเดินจูงให้จ้า ไม่ต้องกลัว
ชิงจิ้ง ฟาร์ม 17

หรือจะไม่ขี่ม้า แต่ขึ้นไป post ท่าถ่ายภาพอย่างเดียว เขาก็ไม่ว่าจ้าชิงจิ้ง ฟาร์ม 18

Pony หรือม้าแคระแสนน่ารัก ตัวเตี้ยม่อต้อ เหมาะสำหรับเด็กๆ ขี่เล่นเท่านั้นจ้า ผู้ใหญ่อย่าเลย สงสารน้องม้าจ้าชิงจิ้ง ฟาร์ม 19

ความผูกพันของคนกับสัตว์ชิงจิ้ง ฟาร์ม 20

ฝูงแกะเดินหากินอย่างเสรีในทุ่งหญ้าบนเนินเขาของฟาร์มชิงจิ้ง
ชิงจิ้ง ฟาร์ม 21 ชิงจิ้ง ฟาร์ม 22 ชิงจิ้ง ฟาร์ม 23Special Thanks บริษัท Magic on Tour ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวไต้หวัน สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี สนใจ โทร. 02-444-3173, 08-9219-0822  

http://www.magic-ontours.com

logo_Magic_Final[createoutline]