เที่ยวเกาหลีสไตล์ TEATA หมู่บ้านดูโม (ตอน 1)

เมื่อเอ่ยถึงชื่อประเทศ ‘เกาหลี’ หลายคนคงจะนึกถึงกิมจิ ผักดองแสนอร่อย, ย่านเมียงดง ถนนคนเดินช้อปปิ้งชื่อดังที่สุดในกรุงโซล, นึกถึงนักร้องหน้าใสวง Boy Band และนึกถึงละครซีรีส์เรื่องโปรด ที่ทำให้หลายคนออกเดินทางตามรอยพระเอกนางเอกที่ตนชื่นชอบไปยังประเทศนี้ ทว่าแท้จริงแล้วเกาหลียังมีเรื่องน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายให้เราค้นหาได้ไม่สิ้นสุด อย่างเช่นการเดินทางสุดพิเศษของ ‘สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย’ หรือ TEATA ในครั้งนี้ ที่กำลังนำเราไปรู้จักเกาหลีในมุมมองอันแตกต่าง

ทริปนี้ผมโชคดี ต้องขอบคุณ คุณนีรชา วงศ์มาศา นายสมาคม TEATA ที่มอบโอกาสให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะ 34 ชีวิต เดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน Study Trip ของ 4 หมู่บ้านชนบทเกาหลี ระหว่างวันที่ 7-11 มิถุนายน 2561 ด้วยความร่วมมือและสนับสนุนอย่างดีจาก Korea Rural Village Experience Council (KRVEC) ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกท่องเที่ยวหมู่บ้านกว่า 1,000 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศเกาหลี และกำลังเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวมาแรง ไม่ต่างจากการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-based Tourism) ของไทยเลยสักนิดเดียว คงเพราะคนปัจจุบันเบื่อหน่ายสังคมเมืองอันสับสนวุ่นวาย จึงโหยหาความสงบ ธรรมชาติ และเสน่ห์ของวิถีผู้คนในชุมชนท้องถิ่นนั่นเองครับ
วันแรกเราบินตรงจากไทยไปยังสนามบินปูซาน แล้วนั่งรถยนต์ต่ออีก 2 ชั่วโมงครึ่ง สู่ เกาะนัมเฮ (Namge Island) เกาะใหญ่ทางภาคใต้ของเกาหลี เยี่ยมเยือนหมุดหมายแรกที่เราตั้งใจ คือ ‘หมู่บ้านดูโม’ (Dumo Village) เมืองนัมเฮ (Namhe) จังหวัดคยองซาง (Geongsang) ที่มีชื่อเสียงในแง่ว่า ตัวหมู่บ้านแม้มีเนื้อที่ไม่มาก ทว่าถูกโอบล้อมด้วยป่าสน แถมอาชีพหลักของชาวบ้านคือทำนาปลูกข้าว เราจึงได้เห็นนาข้าวแบบผืนน้อยกับทะเลสีฟ้าครามอยู่คู่กันอย่างแปลกตา หาไม่ได้ง่ายๆ การมาเที่ยวหมู่บ้านดูโมจึงมีคอนเซปต์ที่ว่า ‘Farm & Fishing’ คือเราสามารถเที่ยวสัมผัสได้ทั้งวิถีเกษตรกรรม นาข้าว และวิถีประมง ท้องทะเล ในเวลาเดียวกัน เริ่ดจริงๆ อ่ะ
พอไปถึงปั๊ป ผู้นำชุมชนก็มารับเราไปทานอาหารเที่ยงกันก่อนเลยวันนี้ผู้นำชุมชนและหน่วยงานท่องเที่ยวชนบทของเกาหลีหลายท่าน มาต้อนรับเราด้วยตนเอง โดยเฉพาะ Mr. Lee Kyujeong (ประธาน The Korean Rural Village Experience Council / คนใส่แว่น เสื้อสีฟ้า)
อาหารมื้อแรกในเกาหลีน่าประทับใจ เพราะเป็นอาหารแดนกินจิแท้ๆ นั่งกินกับพื้น มีเครื่องเคียงนานาชนิดยกมาเสิร์ฟ พร้อมด้วยซุปผัก ผัดหมูเกาหลี กินกับข้าวสวยร้อนๆ โดยใช้ช้อนและตะเกียบเหล็กแบบเกาหลี ทำให้รสชาติอาหารที่ว่าดีอยู่แล้ว อร่อยขึ้นอีกเป็นกองเลย ทีเด็ดคือ เครื่องเคียงทุกอย่างเติมได้ไม่อั้นครับ ฮาฮาฮากิมจิ ผักดองเพื่อสุขภาพ เป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ในทุกมื้ออาหารของคนเกาหลี แต่ละบ้านล้วนมีสูตรของตนเอง เมื่อกินบ่อยๆ จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ขับถ่ายดี เพราะผักดองกิมจิมีเอนไซม์ที่เป็นประโชน์ต่อร่างกายมากเครื่องเคียงนานาชนิด เติมได้ไม่อั้น แค่กินเครื่องเคียงอย่างเดียวก็อิ่มแปร้แล้วมั้ง ฮาฮาฮาวัฒนธรรมการกินแบบเกาหลี คือต้องกินอาหารกับช้อนและตะเกียบเหล็กแบบนี้ ทีแรกอาจไม่ค่อยถนัด แต่พอสักพักจะรู้สึกว่าตักคีบอะไรได้มั่นคงดีมาก จึงทำให้ Speed การกินเราไม่ตกเลย อิอิห้องรับประทานอาหารรวม ของหมู่บ้านดูโม ไม่ใหญ่โต แต่อบอุ่นด้วยมิตรไมตรีของคุณป้าๆ ที่มาคอยดูแลเราอย่างใกล้ชิด ไม่ขาดตกบกพร่อง โดยคนที่มาท่องเที่ยวหมู่บ้านดูโม ทั้งแบบ One Day Trip และ Overnight (ค้างคืน) ก็จะต้องมากินอาหารรวมกันที่นี่ทั้ง 3 มื้อครับ อาหารก็มีให้กินกันอิ่มแปร้ ไม่ต้องห่วงตัวหมู่บ้านดูโมมีที่ราบไม่มากนัก นาข้าวส่วนใหญ่อยู่ในหุบเขาหว่างกลาง มีแนวภูเขาขนาบสองด้าน จากใจกลางหมู่บ้านเราเดินหรือปั่นจักรยานชิลชิล ผ่านผืนนาไปแค่ไม่ถึง 10 นาที ก็จะถึงท่าเรือแล้ว ที่นี่เขาจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนกันเองอย่างน่ารัก มีการแบ่งหน้าที่กันทำ และรับนักท่องเที่ยวในปริมาณที่พอเหมาะ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวถูกใช้เป็นทั้งที่ให้ข้อมูล ที่กินอาหาร และด้านบนเป็นที่พักแบบง่ายๆ ซอยเป็นห้องๆห้องพักแต่ละห้อง พักได้ 3-5 คน พร้อมห้องน้ำในตัว วิธีการนอนก็เป็นแบบเกาหลีแท้ คือปูฟูกบางๆ นอนบนพื้น จากห้องเปิดประตูไปมองเห็นนาข้าวและทิวเขา ได้ยินเสียงกบเขียด แมลง หรีดเรไร และนกต่างๆ ร้องระงม ใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศก็สดชื่นสุดๆ ชีวิตชาวบ้านที่ยังผูกพันอยู่กับผืนนา และความพอเพียงต้นข้าวเขียวขจี รับไอแดดอุ่นของฤดูร้อนริมทะเล บนเกาะนัมเฮ แห่งนี้ในนาข้าวยังมีกบ เขียด แมลงปอ แมลงต่างๆ และลูกอ๊อดว่ายไปมา บ่งบอกว่าผืนนาที่นี่เป็น Organic หรืออินทรีย์แท้ๆวิวโล่งโปร่งสบายของหมู่บ้านดูโม สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนแปลงกายเป็นพระเอกเกาหลี ไปโพสต์ท่าถ่ายภาพเก็บไว้ความน่ารักอีกอย่างของหมู่บ้านดูโม คือเขามีการวาด ภาพบนฝาผนัง หรือ Wall Painting สวยๆ น่ารักๆ ไว้มากมาย เพื่อเพิ่มสีสัน เติมชีวิตชีวา และใช้เป็นฉากถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่รู้เบื่อเลย โดยภาพแต่ละอันก็สะท้อนเรื่องราว ความโดดเด่น หรือประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านภาพนี้คือหัวกระเทียมครับ ที่เขาบอกว่าหัวกระเทียมของเกาะนัมเฮอร่อยที่สุดในเกาหลี รสชาติเหมือนแอปเปิล! เพราะดินดี และลมทะเลพัดเข้ามาโดนต้นกระเทียม ทำให้รสชาติต่างจากที่อื่นๆสองสาวฮิปสเตอร์ โพสต์ท่าถ่ายภาพอย่างสนุกสนานภาพ Wall Painting บนกำแพงของบางบ้าน ก็ละเอียดยิบ และสวยงามจนต้องหยุดเก็บภาพกันอย่างนานเลยจะหล่อไปไหนเนี่ยะ พี่เล็ก?! นอกจากการปั่นจักรยานเที่ยวชมรอบๆ หมู่บ้านแล้ว กิจกรรมยอดฮิตที่ทำให้หมู่บ้านดูโมโด่งดังมาก ในประเทศเกาหลีคือ ‘การพายเรือคายัคในทะเล’ (Sea Kayak) โดยเขาจะมีไกด์ท้องถิ่นให้ความรู้ สอนก่อนว่าต้องพายยังไง มีเสื้อชูชีพให้ แล้วนำเราพายเรือคายัคจากท่าเรือเลาะเลียบชายฝั่งออกไปยังเกาะใกล้ๆ คลื่นลมไม่แรง พายสนุก ชมวิวเพลินๆ ใครเหนื่อยก็พายกลับได้เลย ไม่มีการบังคับกัน โดยกิจกรรมนี้ใช้เวลาราวๆ 1.30 ชั่วโมง นับเป็นกิจกรรม Eco-tourism ที่ไม่รบกวนธรรมชาติ อีกทั้งทำให้เราได้ใกล้ชิดทะเลแบบเอื้อมมือแตะน้ำได้เลย สนุกสนานกันใหญ่กับการพายเรือคายัคในทะเลจริงๆ เทคนิคการพายง่ายๆ คือ ให้พายพร้อมกัน ซ้าย ขวา โดยให้คนหลังดูจังหวะคนหน้าเป็นหลัก วันนี้โชคดีคลื่นลมไม่แรง เลยไม่เหนื่อยมาก ชิลๆ จากนั้นก็เป็นกิจกรรมนั่งเรือประมงออกไปตกปลาในทะเลแบบ Fishing with the Fisherman ที่สนุกสนาน และปลอดภัย เพราะเรือประมงของเกาหลีเขาดูทันสมัย สะอาดสะอ้านมากเรื่อเร่งเครื่องตัดผืนทะเลเรียบสีฟ้าครามสะอาดตา ออกสู่เวิ้งอ่าวเบื้องหน้า ที่มีเกาะน้อยใหญ่เรียงรายรอเราอยู่แค่ 10 นาที ก็มาถึงจุดเหมาะ ที่กัปตันคิดว่ามีปลาให้เราได้ตกแล้วกัปตันใจดี สาธิตการตกปลาด้วยสายเอ็นเกี่ยวเบ็ดอย่างง่ายๆ หย่อนลงไปในน้ำลึกราวๆ 3 เมตร กระตุกเอ็นขึ้นลง ประเดี๋ยวเดียวก็ได้ปลาตัวเขื่องติดเบ็ดขึ้นมา แต่เราไม่ได้เอามันไปกินนะ ปล่อยมันกลับลงทะเลดีกว่า เหยื่อที่ใช้เกี่ยวเบ็ด ลักษณะคล้ายไส้เดือนหรือหนอนทะเลก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คือ เป็นเหยื่อที่ปลาชอบกินมาก (กัปตันบอก)ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 5 นาที ก็ได้ปลาตัวเบ้อเริ่ม! บ่งบอกถึงความอุดสมบูรณ์ของท้องทะเลแถบนี้ ที่ไม่ต้องแล่นเรือออกไปไกลฝั่งเลยหน้าตาน้องปลาที่กำลังตกใจ ก่อนเราปล่อยเขากลับคืนลงสู่ท้องทะเลดังเดิมพอตกปลากันหอมปากหอมคอแล้ว เรือประมงก็พาเราแล่นวนรอบเกาะใหญ่ ให้ได้ชมภูมิประเทศชายฝั่งโขดหินแปลกตา ทั้งสีสันและรูปทรง นี่คือเสน่ห์ของชายฝั่งทะเลตอนใต้ของเกาหลีล่ะ เย็นย่ำแล้ว อาบน้ำเปลี่ยนชุดซะหอมฉุย ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแบบง่ายๆ แต่แสนอร่อยแล้ว มีครบทั้งคาร์โบไฮเดรต ผัก ปลา เนื้อสัตว์ สมกับที่มีคนบอกว่าอาหารเกาหลีเป็น Healthy Food จริงๆมื้อนี้มีปลาแดดเดียวทอดราดซอสพริกด้วย ออกจะเค็มๆ นะ ต้องกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ถึงจะพอดี แต่ตอนกินต้องระวังก้างด้วยชุมชนหมู่บ้านดูโม มีการแบ่งงานแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน และทำท่องเที่ยวใน scale ที่พอเหมาะเท่าที่ตนเองรับไหว ไม่เกินขีดจำกัด อย่างคุณป้าแม่ครัวก็จะผลัดเวรกันมาดูแลนักท่องเที่ยว เข้าครัว ทำความสะอาด ส่วนเวลาปกติก็กลับไปทำงานบ้านของตน ทำนาทำไร่ และช่วยสามีในอาชีพประมง เขาจึงทำท่องเที่ยวได้อย่าง Happy มีรอยยิ้ม เพราะใช้การท่องเที่ยวเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น นี่สิ ถึงจะก่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริงคุณคัง (Mrs. Kang) หญิงแกร่งหญิงเก่ง ผู้เป็นหัวหอกสำคัญกลับมาพัฒนาท่องเที่ยวในบ้านเกิดของเธอ จากที่ดูโมเคยทำอาชีพปลูกข้าวและประมงเท่านั้น ใช้เวลา 3-4 ปี กลับมีชื่อเสียงในแง่การท่องเที่ยวชุมชน ที่ดึงจุดเด่นของตนเองออกมาพัฒนาเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวอันมีเอกลักษณ์ คือ Farm & Fishing บวกกับกิจกรรมพายเรือคายัคในทะเล ที่โด่งดังไปทั่วเกาหลี นี่คือความภูมิใจของคนทำงานและรักบ้านเกิดอย่างแท้จริง
พี่หุย คุณนีรชา นายกสมาคม TEATA มอบของที่ระลึกให้คุณคัง ต่อไปนี้เราเป็นเพื่อนและเป็นเครือข่ายกันแล้วนะจ๊ะผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่งที่คุณคังได้คิดค้นพัฒนาขึ้นเองมานานแล้วก็คือ ‘ชาดอกไม้’ (Flowers Tea) เพราะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของหมู่บ้านดูโม ในป่าบนภูเขาหรือตามท้องทุ่ง จะมีดอกไม้เบ่งบานละลานตา เธอจึงนำมาผลิตเป็นชาดอกไม้หลากชนิด ที่ให้กลิ่น สี และรสชาติต่างกัน กลายเป็นของที่ระลึกของหมู่บ้านดูโม ที่หมู่บ้านอื่นๆ บนเกาะนัมเฮทำเลียนแบบกันเพียบเลยในปัจจุบัน
ค่ำคืนในหมู่บ้านดูโมผ่านไปอย่างรวดเร็ว อากาศยามค่ำและยามเช้าตรู่ที่เย็นสบายกำลังดี ทำให้ไม่ต้องเปิดพัดลม แอร์ หรือเครื่องทำความร้อนแต่อย่างใด ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า ขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างงัวเงีย แต่ธรรมชาติบริสุทธิ์ของดูโม กลับทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดแรงบันดาลใจในการออกไปปั่นจักรยานชมหมู่บ้านยามเช้าอันสดใสเบิกบานเช่นนี้ชาวนาที่ดูโมตื่นเช้ากว่าผมอีก ตอนนี้ถึงเวลาซ่อมต้นกล้า เติมน้ำเข้านา และถอนวัชพืชออกจากท้องนา อากาศเย็นสบาย มีสายหมอกบางๆ โรยตัวลงอย่างอ่อนโยนปั่นจักรยานแค่ไม่ถึง 10 นาที จากใจกลางหมู่บ้านที่เป็นทุ่งนา มาสู่ท่าเรือที่เราออกไปพายคายัคกันเมื่อวาน ขณะนี้ท้องน้ำนิ่งสงบ ไร้คลื่นลม พาให้จิตใจสงบไปด้วย ผมพบแล้วมุมแห่งความสุขที่ค้นหามานาน!อาหารเช้าสไตล์หมู่บ้านดูโม มื้อนี้มีปลาแดดเดียวตัวใหญ่ทอดมาให้ชิมด้วย ว้าว!
ได้เวลาอำลาหมู่บ้านนารักนามว่า ดูโม แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 วัน 1 คืน แต่ก็เกิดภาพประทับใจและความทรงจำดีๆ มากมายที่นี่ น้ำใจไมตรีของชาวบ้าน รอยยิ้มอันอบอุ่น และผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง นำพาดูโมไปในทิศทางที่ควรจะเป็น โดยสามารถรักษาเอกลักษณ์และวิถีของตนไว้ได้อย่างเต็มร้อย ถ้ามีโอกาส ผมต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอนครับ
ก่อนจากลา พี่เอื้อง ท่านผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานอุบลราชธานี มอบของที่ระลึกเก๋ไก๋ไว้ให้คุณคัง แล้วพบกันใหม่นะจ๊ะSimple Smile @Dumo Village. I Never Forgot it!สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) โทร. 08-3250-9343 (คุณน้ำ)

Happiness Never Ended @Klong Thom Spa Town (Episode 2)

I continue my wonderful trip in Klong Thom Spa Town to Klong Thom Tai Sub-district (ต.คลองท่อมใต้) famous for their ancient beads trading center among Andaman’s Malaya Peninsula, archeologist unearth thousands of antiques especially the ancient beads in variable shapes, colours and materials. The Suriyathep Bead (ลูกปัดสุริยเทพ) is the most famous among all because its found not more than 100 pieces around the globe so its cost higher than million baht each! I need to see it with my own eyes, then I visited Klong Thom Temple (in Thai วัดคลองท่อม).

            Klong Thom Museum located in Klong Thom Temple, here i can enjoy the fine collection of 2,000-3,000 years ancient bead around the world such as from Persian, Roman Empire, Southern India, etc. However, the most outstanding ancient bead of Klong Thom is the colorful glass bead which produced in top secret process and trading around the world for 2,000-3,000 years ago.

            One hour in Klong Thom Museum is never enough for me but I should move to the next destination ‘Wang Hin Pandanus Weaving Craft Center’ (กลุ่มหัตถกรรมเตยปาหนัน บ้านวังหิน) in Klong Thom Tai Sub-district, one of the most famous Islamic weaving style in Krabi. The villagers at the weaving center show their warm welcome smile and hospitality, then show me the pandanus (เตยปาหนัน) weaving process starting from the fresh pandanus leaf collecting as first step, then transform it to a countless tiny fiber, coloring the fiber, drying and the most difficult step is weaving its with local patterns creating various kind of gift & handicraft for tourist, such as mat, hat, wallet, bag, basket, tablet case, etc. The developing of better processing and modern weaving pattern matching the tourist’s lifestyle, hence villager can sell a high quality souvenirs made by their hands – head – heart.

            Not far from the Pandanus weaving center in Klong Thom Tai Sub-district, I take a short break at a small special restaurant with air conditioning ‘I Arun Rang Nok’ (ไออรุณ รังนก). Here I can enjoy the peaceful atmosphere among greenery garden with true southern Thai food recipe, beside I can taste high quality Bird Nest Beverage made from swallow’s nest collected from both natural and bird nest farm in Klong Thom Spa Town. Good news is they have a new products ‘Beauty Drink’ made from natural herb around here. First one is ‘Sparkling Ma Muang Bao Drink’ (น้ำมะม่วงเบา) produce from a local mango breed grows in this area, we calls Beauty Drink because its contained a lot of anti-aging extract, vitamin, honey and mineral water of Klong Thom Spa Town itself. The second latest product is ‘Dala Blossom Drink’ (น้ำดาหลา) process from Dala Flower one of Zingiber family plant, mixed with mineral water, bird nest and Garcinia (ส้มแขก) contained high quantity of antioxidant and anti-aging extract.

            I continue my trip in Klong Thom Tai Sub-district to ‘Goat Farm Small Enterprise Klong Kanan Taew Raew’ (วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงแพะ คลองขนานแต้วแร้ว), the new attraction for tourist in Klong Thom Spa Town. The owner of this goat farm is so friendly, they invite me to see their business and feeding milk to baby goat at the first place. Next is what i can’t miss, Goat Milk Ice Cream Testing, ha ha ha! The 3 flavours they provide are Coffee-Cashew Nut Flavor, Banana-Cacao Flavor and Passion Fruit-Honey Flavor. I cannot tale which one I like most, because I prefer all! The Goat Milk Ice Cream is good for the one who allergy to Cow Milk, therefor you can easily enjoy the fine texture of soft ice cream containing high protein and calcium in very low fat rate.

            Not only the Goat Milk Ice Cream but many more spa produces process from goat milk invented in Klong Thom Spa Town, such as ‘Nourishing Sun Bright SPF 50 PA++’ with BB cream and waterproof performance, this nourishing cream can relief facial dark spot and make your face soften like a baby. Next is ‘Goat Milk Body Lotion & Soap’ mixed from natural herbal and local organic rice contained high degree of vitamin and protein, can soften and brighten up your skin, moreover it could reduce melanin spot and acne, so you can feel free for your routine make up and the beauty.

            While the weather is quite hot in the afternoon, I need somewhere to cool down and relax in Spa Town. ‘Klong Thom Coffee’ is one place I can enjoy good coffee by local people, so the best way to prove is tasting it, right? The latest 3 capsule coffee blended I found here are ‘The Original’ (Robusta 100%), ‘Medium Strong’ (Robusta 80% Arabica 20%) and last one is ‘Strong’ (Robusta 50% Arabica 50%). This capsule coffee can easily prepare with a small machine, no need for any assist from professional Barista, hence the organic coffee of Klong Thom is now transform to the new era for Coffee Lover. Then I order Medium Strong Coffee to taste, YES I LOVE IT.

            Now I heading to Huai Nam Khao Sub-district (ต.ห้วยน้ำขาว) of Klong Thom Spa Town, where I plan to overnight and discover the most special hot spring in Thailand, ‘Saline Hot Spring’ (in Thai น้ำพุร้อนเค็ม) an unseen natural hot spring which local peoples believe in its natural healing power. This Saline Hot Spring is one of the ‘Big3’ in Klong Thom Spa Town : The Emerald Pool, The Hot Waterfall and Saline Hot Spring, like the main flagship of wellness tourism attractions in Klong Thom nowadays. Saline Hot Spring is so special because its very rare founded around the globe, the thermal water of 40-47 degree Celsius containing with multiple effective minerals good for our body both external and internal healing. Someone believes that Saline Hot Spring can cure from skin problem, bone disease and Rheumatoid, therefore lot of patients choose here as their longstay alternative way of therapy.

            This is my turn to touch the Saline Hot Spring with myself in a luxury private pool of SHS Resort close to the original source of Saline Hot Spring, I feel so relax while the whole body dipping into the hot mineral water as MIRACLE WATER indeed !

            The latest premium spa products from Saline Hot Spring introduced to wellness & beauty market is made from Amaritha Co., Ltd. such as, ‘Hot Spring Chlorophyll Fresh Mask’ produced from white natural clay in rich minerals substance, good for facial nourishing, soften & brighten up the skin and baby-face like because of very high extract of Lumnitzera (เสม็ดแดง) chlorophyll, green tea and Melaleuca oil (น้ำมันเสม็ด) combined. Next is ‘Hot Spring Relax Herbal Massage Cream’ blended from Melaleuca oil and Cassumunar Ginger (ไพล) perform deeply muscle relief quality. Last one is ‘Energizing Hot Spring Essence’ for daily refreshing mineral spay to our face and soften facial skin.

            Still roaming around Huai Nam Khao Sub-district, I found a small bakery shop with various kind homemade sweet, cake and yummy ice cream. ‘Klong Thom Cake’ is its simple name and the shop’s logo apply from Suriyathep Ancient Bead reflected original root of Klong Thom Spa Town.

Plenty of delicious & healthy menu I can find here, such as ‘KUR Herbal Tea’ (ชาใบขลู่) made from Indian Marsh Fleabane (ต้นขลู่) plant abundantly grows in this area, the tea is blended from Nutmeg Seed (ลูกจันทน์) with high Beta-Carotene, Gac Fruit (ฟักข้าว) contained with high calcium and lycopene good for blood pressure reducing and active as an Anti-Aging Drink.

            Next is ‘Healthy Cashew Nut Cereal’ the big bar of cereal mix up with Cashew Nut (เม็ดมะม่วงหิมพานต์), White Sesame Seed (งาขาว), Nut (ถั่ว), ลูกเกด (Raisin), honey etc. which all of this can fill up our stomach in 1 or 2 pieces only, unbelievable!

            Now is a ‘Fancy Golden Cake’ the traditional sweets present in cup cake-like, noted for its very soft texture and nice sweet taste. A perfect couple with KUR Tea, I think.

            Recommended menu here is a ‘Pandan Cake with Coconut on top’ famous for its very fine texture as cotton-like body cake with the Pandan aroma while chewing, and finishing with the crispy fresh coconut layer on top. WOW! Can’t wait anymore!

            Another perfect couple with any kind of tea or coffee is a ‘Choc-Balls’ which make me feel refresh by its deep dark chocolate taste and dense layer cake ready to make me happy while chewing!

            The new local snack just launch to the customer here is a ‘Shrimp & Banana in Chili Paste’, the perfect blended of dry tiny shrimp with Kluai Hom Thong Banana (กล้วยหอมทอง) abundantly grows in Klong Thom, mix up with local chili paste call ‘Nam Prick Kung Seab’ (น้ำพริกกุ้งเสียบ) one of the most famous chili paste in Krabi. The snack presented in a very crispy shrimp & banana coated with sweet, sour, salted and a bit chili taste blended in a perfect proportion.

            And the last but not least is a ‘Green Tea Ice Cream’, serving in a triangle shape as a cake-like. If you been to a Japanese restaurant before and use to try a cup of Green Tea Ice Cream there, I can tell you that Klong Thom Green Tea Ice Cream is not different !

            Last destination I’ve been visited in Klong Thom is Phe Lha Sub-district (ต.เพหลา) located in the northern most of Klong Thom area, dominant by vast paddy field with the Learning Center. Their organic rice is call ‘Kao Rai’ (ข้าวไร่) growing appropriately on the high ground by natural precipitation, therefore Khao Rai can grows and harvest once a year. Moreover, this Learning Center can kept a lot of local rice biodiversity, such as Kao Dhok Kha (ข้าวดอกข่า), Kao Dhok Pha Yom (ข้าวดอกพะพยอม) and Kao Chor Mai Pai (ข้าวช่อไม้ไผ่), etc. which all of these are very healthy organic rice breed.

            After visited Kao Rai plantation and back to the Learning Center, I can taste the healthy ice cream in 4 flavors process from organic Kao Rai, which is Green Bean Flavor, Black Bean Flavor, Hom Nil Rice Flavor and Kao Rai Flavor. I cannot judge which one is the best because I like all natural flavor mix up in this ice cream. So I bought to my friends as well.

            Time rapidly run out for this trip, may be because I can enjoy with the hot spring, the spa products, the hospitality of the villagers, the green atmosphere and all delicious cuisine. When we happy, time goes so fast! But countless memorable good pictures in Klong Thom still in my mind, this is the place where wellness concept and tourism activity perfectly blended.

I fall in love with Klong Thom Spa Town, the Happiness Never Ended here, I believe!

Happiness Never Ended @Klong Thom Spa Town (Episode 1)

What is the most preferable conceptual way of living in your life? For most Thai People’s the answer exactly will be ‘A Good Health’ because nowadays we need a healthy living and long life stay with our family or love one. Media broadcast repeatedly about the dramatic increasing statistic of Thai people die because of cancer every year! So what happened to our country for the way of living, what we consumed or how we take care of our body, mind and spirit?

For me if i can ‘TAKE A BREAK’ escaping to somewhere slow life among green atmosphere, moreover I could relax in health or spa service destination, Oh! That’s my little paradise of ‘Wellness Tourism’ ideal. My dreams come true when i’ve been visiting Klong Thom District, Krabi Province in southern Thailand, so called ‘Klong Thom Hot Spring Spa Town’ the place where nature – local life – wellness tourism can blended into one concept.

In the previous day, Krabi is well known for their blue ocean’s beauty by Sea – Sand – Sun and Sky which millions of tourists around the globe visited the province annually. However, Krabi have more than the ocean & islands, but containing with various kind of wellness tourism products, especially the World Class HOT SRING destination in Klong Thom Spa Town revealing new concept of ‘Sea – Sand – Sun and Spa’.

Only 30-40 minutes by car from Krabi International Airport, heading south to Klong Thom Spa Town with a good quality super highway, first felling of Green Route expose to my eyes. Make me feel like my watch is stopping and the smell of happiness spreads through the air and suddenly absorb into my heart. Klong Thom’s atmosphere is really different from the crowded beach of Ao Nang in Krabi Muang District, in contrast the tranquility of Klong Thom make me fall in love at first sight.

Klong Thom Nua Sub-district is the first area i’m getting to. Because of ‘The Emerald Pool’ and ‘Hot Waterfall’ are the most outstanding Iconic attractions among the tourists. Geologist survey can explained why Klong Thom have many natural hot spring as we seen nowadays. The simple reason because this area is laying above the crack of tectonic plates, releasing hot – heat – natural spring to the earth’s surface. Moreover, difference size of the hot spring providing various kind of premium spa products, such as white-clay spa, facial mask and energizing spray, etc. This is the true value of Spa Town i can feel and touch in the real world.

‘The Emerald Pool’ (สระมรกต in Thai) is the flagship of Klong Thom Spa Town attraction, this crystal-clear water natural pool located in the middle of Khao Pra – Bang Kram Wildlife Sanctuary, Klong Thom Nua Sub-district. Surrounded by virgin tropical rain forest and lush green canopy, known as ‘The Last Lowland Rain Forest in Thailand’ and also the last habitat of Gurney’s Pitta, very rare bird of the world still roaming this jungle. May be i cannot see it in this life, but shot trekking routes (Nature Trail) of 800 m. and 1,300 m. give me a good chance in observing another kind of birds, butterfly and exotic plants, for example the palm tree spreading its finger leaf-shape harvesting sunlight among dense humid jungle.

Dipping myself into the Emerald Pool on a sunny day, cold spring water make me fresh again after a long journey from my hometown Bangkok. I swim around the pool, dive into the shallow water and say hello to small fishes surrounded me as their new friend. This is an unforgettable moment that the Emerald Pool can reboot & refresh me in one place. Oh! What a wonderful world! Ha ha ha.

After visited the Emerald Pool, the best way to enjoy Spa Town is take a short stop at ‘Krabi Coffee’ small and lovely coffee shop with a factory producing blended coffee from Baan Pandin Samor (บ้านแผ่นดินเสมอ) where abundant volcanic soil are the sources of special quality coffee. Arabika and Robusta breed introduces into Klong Thom for long time ago growing well with volcanic soil, hence this shop owner can produce 3 in 1 coffee and New Blended Smooth Drift Coffee. I ordered 1 cup of black coffee drifted by hot boiling water, aroma smell spread to the air, and one sip of coffee make me feel like at home.

My next destination is ‘Hot Waterfall’ (น้ำตกร้อน in Thai) one of the amazing destination of Klong Thom Nua sub-district, opened to the public for many years and very poplar among the group tour in Krabi. From the main gate i took a transfer mini-bus to the hot waterfall that hiding itself under the shade of dense canopy by the Klong Thom Cannel, origin of the district’s name. My guide told me that in the past Klong Thom Cannel is wider and deeper than this, therefore many ships can cruise along for their commercial activities. Especially the Ancient Beads trading centered here 3,000 years ago!

As i see, hot waterfall is very small but so wonderful indeed, its capacity is not over 20-30 tourists soaking in the same time. Therefore during the weekend or long holiday this place is too crowded more than you can imagine! However, today i’m so lucky, only 10 tourists just arrived so i can dip myself into the hot mineral of 30-40 degree celsius which make me very happy. I just sit stay still into the hot water, let if flows over my shoulders, my body, my skin from head to toes. So Nice! Because hot mineral spring here is a Natural Spa healing me in holistic include body, mind and spirit.

Good news is local SMEs developer of Klong Thom got a new spa product from the Hot Waterfall, which is ‘Mineral Sun and Smooth Lotion’ a perfect mixture of Hot Waterfall Mineral Water with local herbals eg., coffee’s berry, Artocarpus (มะหาด) and Caesalpinia (ฝาง) trees, performing a great value of smooth lotion with aroma containing free radicals anti-aging, moisturizing, anti skin inflammation and muscle relief quality. This product is now in developing process and will be in the market soon at Klong Thom Spa Town.

Not far from the Hot Waterfall just across Klong Thom Cannel is ‘Wareerak Hot Spring Retreat’ one of the top premium spa service in Thailand, located among the greenery atmosphere with excellent landscape design, accommodation, healthy cuisine, services especially various spa treatment programs we can choose as our preference. In 2018 Wareerak offers a latest Spa Treatment to their guest and I would like to try that.

The spa treatment start with a warming up exercise in various postures adapting from Chinese Tai Chi and Thai Traditional Exercises. Then we are invited to have a skin scrub with Thai Herbals by professional therapist, then have a body massage and facial mask with black spa clay originated produce in Klong Thom itself.

The Program continue with an Acupressure in the hot spring pool, starting from hands and arms to feet and legs. This acupressure treatment is originated from Chinese tradition knowledge and adapted to the modern spa program smoothly.

Before finishing, Wareerak have more special treatment for you, firstly is ‘Scent Therapy’ by sniffing mixed herbal scent put into warm clay pot, this is one of the best way to clear your mind and nasal cavity for the better breathe respiratory.

Second special treatment is just for lady ‘Healthy Womb Therapy‘ by sitting on a small chair above a tiny stove with mixture Thai Herbals selected for the specific reason. When the whole herbals expose into fire heat, many natural substances will be vapourize up directly to the lady’s sitting above, could gives a stronger and very healthy womb and uterus for long term. Wow!

Before I leave Klong Thom Nua to another area, villagers suggest me to test more new spa products ; such as ‘Coffee Jel Mask’ from coffee berry at Baan Pandin Samor (บ้านแผ่นดินเสมอ) which containing a rich caffeine like an anti-aging jel and deep cleansing to our facial skin. Next product is ‘Coffee Bean Purifying Clear Soap’ can give you a baby face when use it frequently.

Last attraction in Klong Thom Nua I visited was suitable for all, because this is the Textile Art Lover destination. Here you can creates DIY activity on T-Shirt silk screen, block printing and Tie Dye technics teach by experienced local textile artisan. The latest wale design is a tree and birds with block stamp technics which you can do it by yourself (DIY) then take it as a memorable souvenirs from Klong Thom Spa Town.

Oh this is a long long day with happiness all around, i’m going to check in a lovely boutique hotel for tonight. I will come back on Klong Thom episode 2, I would like to meet you again. Bye bye.

TEATA เซ็นต์ MOU เกาหลี แลกเปลี่ยนเรียนรู้ท่องเที่ยวชุมชนยั่งยืน

เมื่อวันที่ 7-11 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) ได้นำคณะสมาชิก 34 ชีวิต เดินทางสู่ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อร่วมศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน 4 ชุมชนท้องถิ่น และเซ็นต์บันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกัน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT : Community-based Tourism) ระหว่างกันอย่างยั่งยืน โดยการเซ็นต์ MOU ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ระหว่าง TEATA โดยคุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย เป็นตัวแทน และในฝั่งเกาหลีมี Mr.Kyujeong Lee นายกสภาท่องเที่ยวหมู่บ้านชนบทเกาหลี (The Korean Rural Experience Village Council : KREVC) เป็นตัวแทนการเซ็นต์ MOU ครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ในการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนของทั้งสองประเทศ เพราะในอดีตที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการทำข้อตกลงในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อน ผลจากการเซ็นต์ MOU ของทั้งสององค์กร ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนในหลายๆ ด้าน ทั้งองค์ความรู้ในการจัดการและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน, การฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน, การศึกษาดูงาน, การจัดทริปท่องเที่ยวแบบเหย้าเยือน ฯลฯ โดยองค์ความรู้ต่างๆ สามารถนำมาต่อยอดเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือ CBT ได้อย่างกว้างขวางในทุกมิติ ในทริปนี้ TEATA ได้เข้าไปเยี่ยมเยือน ทำกิจกรรม และพักค้างคืนในชุมชนน่ารัก 4 แห่งของเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นชุมชนต้นแบบในการท่องเที่ยว CBT ที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ทั้งในแง่การจัดการ, กิจกรรม, ที่พัก, อาหาร และตัวแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ หมู่บ้านดูโม (Dumo Village) เมืองนัมเฮ จังหวัดคยองซาง, หมู่บ้านดารังงี (Darangee Village) เมืองนัมเฮ จังหวัดคยองซาง, ไร่ชาโพฮยองดาวอน (Bohyang Da Won Tea Farm Village) เมืองโพซอง จังหวัดเจลลา และ หมู่บ้านเวอัม (Way Am Village) เมืองอาซาน จังหวัดชองชุงนัม
การเยี่ยมชมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Study Trip) ครั้งนี้ของ TEATA ทำให้เราได้รับทราบถึงบทเรียนอันทรงคุณค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ดี มีประสิทธิภาพ เป็นขั้นเป็นตอน มีการแบ่งหน้าที่กันทำในชุมชนอย่างชัดเจน เราได้เห็นการมีส่วนร่วมของผู้คนในชุมชน บนรากฐานของความสามัคคี ที่พยายามดึงจุดเด่นของตนเองออกมาสร้างเป็นกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างน่ารัก อีกทั้งยังได้รับทราบถึงการส่งเสริมของภาครัฐอย่างจริงจัง ตั้งแต่ระดับนโยบาย งบประมาณ องค์ความรู้ เครื่องไม้เครื่องมือที่พรั่งพร้อม รวมถึงความจริงใจในการผลักดันให้ ‘การท่องเที่ยโดยชุมชน’ ของเกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้ในปัจจุบัน สภาท่องเที่ยวหมู่บ้านชนบทเกาหลี (The Korean Rural Experience Village Council : KREVC) มีหมู่บ้านสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ ไม่น้อยกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีจุดเด่นต่างกันไป และเที่ยวได้ใน 4 ฤดูอันแตกต่าง ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าสู่ชุมชนที่เคยซบเซาถูกทิ้งร้าง จนปัจจุบันการท่องเที่ยวชุมชนได้กลายเป็น Trend ใหม่สุดฮิตในเกาหลีไปแล้ว เพราะมิใช่ว่าไปเที่ยวชุมชนแล้วจะได้พบเห็นแต่วิถีชีวิตผู้คนเท่านั้น ยังมี กิจกรรมเชิงธรรมชาติและผจญภัย (Eco-Tourism) เดินป่า พายเรือ ปีนเขา ฯลฯ ผสมผสานเข้าไปด้วยอย่างลงตัว จนกลายเป็น Farming Experience Village ที่โด่งดังมาก ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่กำลังจะถึงนี้ คณะทำงานท่องเที่ยวชุมชนของเกาหลีใต้ มีแผนที่จะเดินทางมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยด้วยเช่นกัน เราจึงมีโอกาสทำความเข้าใจซึ่งกันและกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือหรือฟันเฟืองหนึ่ง ในการขับเคลื่อนชุมชนให้คึกคัก คับคั่ง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยยังสามารถรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมของตนเองไว้ได้ สมดังเจตนารมณ์ของ TEATA และการเซ็นต์ MOU ครั้งนี้ ให้บรรลุผลในเชิงปฏิบัติเป็นรูปธรรมต่อไปสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) โทร. 08-3250-9343 (คุณน้ำ)

Living Wellness @คลองท่อม ‘เที่ยวเมืองสปา มีมากกว่าที่คิด’ (ตอน 2)

เวลาและวารีไม่เคยรอใคร แต่เรายังเที่ยวกันต่อใน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ที่เขาบอกว่ากำลังจะกลายเป็น Hot Spring Spa Town อย่างเต็มรูปแบบในเวลาอีกไม่นาน

จากตอนที่แล้ว เราได้ไปเล่นน้ำป๋อมแป๋มกันที่สระมรกตและน้ำตกร้อน ต่อด้วยการทำสปาระดับพรีเมี่ยมที่วารีรักษ์ Hot Spring & Retreat คราวนี้ก็ได้เวลาเที่ยวต่อที่ ‘วัดคลองท่อม’ (ตำบลคลองท่อมใต้) ศูนย์รวมศรัทธาผู้คน อีกทั้งยังเป็น Landmark ที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ เพราะเป็นแหล่งขุดพบลูกปัดโบราณอายุกว่า 2,000-3,000 ปี บริเวณควนลูกปัด โดยเฉพาะลูกปัดสุริยเทพที่มีอยู่ไม่กี่เม็ดในโลก!t1t2พอกราบพระเสร็จ เราก็ชวนกันเข้าไปชม ‘พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม จังหวัดกระบี่’ ซึ่งชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า ‘พิพิธภัณฑ์วัดคลองท่อม’ หรือ ‘พิพิธภัณฑ์ลูกปัด’ เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่ท่านเจ้าอาวาสองค์เก่าสร้างไว้ ใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุล้ำค่าที่ขุดพบในคลองท่อม โดยเฉพาะลูกปัดนานาชนิดจากแหล่งสำคัญๆt3พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ปิดวันพุธนะ อย่าหลงมาเชียวล่ะ เดี๋ยวเสียเที่ยว ชั้นล่างจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับแหล่งลูกปัดสำคัญๆ ในเมืองไทย อย่างเช่น ที่จังหวัดพังงา, ไชยา สุราษฎร์ธานี, คลองท่อม กระบี่ ฯลฯ ซึ่งล้วนเคยเป็นเมืองท่าค้าขายในอดีต มีเรือสำเภาจากทั่วโลกแล่นมาเทียบ จึงเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะ ‘เมืองตะโกลา’ หรือคลองท่อมในอดีตเมื่อ 2,000-3,000 ปีก่อนนั่นเอง จากหลักฐานที่ค้นพบ บ่งชี้ว่าคลองท่อมเคยเป็นชุมชนค้าขายขนาดใหญ่ มีโรงผลิตลูกปัดแก้วที่ถือเป็น Signature ของแถบนี้เลยt4ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุหลากหลาย รวมถึงลูกปัดนานาชนิดจากหลายแหล่งทั่วโลก ทั้งโรมัน, เปอร์เชีย, อินเดีย ฯลฯ มีทั้งลูกปัดจากไม้ กระดูกสัตว์ หิน และแก้วหลอมหลากสีt5นี่ล่ะครับ ‘ลูกปัดสุริยเทพ’ หรือ ‘ลูกปัดหน้าคน’ ที่ค้นพบเพียงไม่กี่เม็ดในโลก ของจริงขนาดจิ๋วมากครับ ขนาดพอๆ กับปลายนิ้วก้อยของเราเอง! ความอัศจรรย์ของลูกปัดสุริยเทพนี้ นอกจากความลึกลับในเรื่องราวความเป็นมาแท้จริงที่ยังหาคำตอบชัดเจนไม่ได้แล้ว ยังมหัศจรรย์ในเทคนิคการทำด้วย เนื่องจากเป็นลูกปัดแก้วหลากสี ที่แก้วแต่ละชนิดนั้นมีอุณหภูมิการหลอมเหลวต่างกัน แต่คนโบราณสามารถหลอมรวมให้กลายเป็นเม็ดเดียวได้อย่างวิเศษ ซึ่งเทคนิคนี้ได้สาบสูญไปแล้ว แม้คนปัจจุบันเองก็ยังทำไม่ได้เลย!t6ดูกันชัดๆ ลูกปัดสุริยเทพแห่งคลองท่อม ที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นลูกปัดแก้วสีที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ
t7เอกลักษณ์ของลูกปัดคลองท่อม คือส่วนใหญ่จะเป็นลูกปัดแก้วที่มีขนาดไม่เท่ากันสักเม็ด เพราะทำด้วยมือล้วนๆ ลองคิดดูเองละกันว่า บางเม็ดเล็กจิ๋ว แล้วคนโบราณเขาเจาะรูได้อย่างไร???
t8อึ้งทึ่งกับประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของลูกปัดคลองท่อมไปพักหนึ่ง ก็ได้เวลาเที่ยวต่อในตำบลคลองท่อมใต้ เลี้ยวรถยูเทิร์นจากหน้าวัดคลองท่อม ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ขับรถตรงไปผ่านสี่แยกตลาดคลองท่อมไม่ไกล ก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่ ‘กลุ่มหัตถกรรมเตยปาหนัน บ้านวังหิน’ อันมีชื่อเสียง เพราะเขาสามารถนำวัตถุดิบในท้องถิ่นที่มีอยู่ดาษดื่น คือเตยปาหนัน’ มาถักทอเป็นสินค้าที่ระลึกน่ารักๆ เก๋ๆ เริ่มต้นจากเสื่อเตยปาหนันที่ใช้งานทนทาน ตอนนี้มีการพัฒนารูปแบบ ลวดลาย สีสันให้โมเดิร์นขึ้น ตอบสนอง Lifestyle ของนักท่องเที่ยวได้หลายกลุ่มt9ภูมิปัญญาท้องถิ่นของพี่น้องชาวมุสลิมบ้านวังหิน สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ใส่ใจ ใส่ความรัก ใส่ความประณีต พัฒนาจนขายดิบขายดีมีออร์เดอร์ทำแทบไม่ทันt10กระเป๋าแบบใหม่ที่ดีไซน์เสร็จสดๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูกเลยว่านางแบบกับกระเป๋าเตยปาหนันใบนี้ ใครสวยกว่ากันนะครับ ฮาฮาฮาt11หมวกดีไซน์ใหม่ของบ้านวังหิน ปีกกว้าง ใส่กันแดดป้องกันหน้าดำได้ดี แถมเตยปาหนันยังช่วยระบายอากาศดี ใส่แล้วไม่ร้อนหัวจ้าt12อุดหนุนผลิตภัณฑ์เตยปาหนันบ้านวังหินกันหลายอย่าง หอบของจนตัวเอียง รู้สึกหิวๆ เพื่อนเลยแนะนำให้ไปชิมรังนกคุณภาพเยี่ยมเพื่อสุขภาพที่ ‘ไออรุณรังนก’ ตำบลคลองท่อมใต้ เป็นรังนกที่เลี้ยงในคอนโดนกนางแอ่น นำมาคัดเลือกทำความสะอาดอย่างดี จนได้รับรางวัลมากมายt13หนึ่งในคอนโดนกนางแอ่นของไออรุณรังนก ปกติเขาจะให้ชมได้แค่ภายในนอกนะจ๊ะ ไม่ให้เราเข้าไปรบกวนนกข้างในหรอก เดี๋ยวนกจะตกใจอ่ะดิ อิอิt14ไออรุณรังนกมีส่วนร้านอาหารทั้ง Indoor ติดแอร์เย็นฉ่ำ และ Outdoor อากาศโปร่งโล่งสบายริมสระน้ำ พร้อมมีที่พักเล็กๆ น่ารักด้วย หรือใครที่อยากแค่แวะมาชิมอาหารปักษ์ใต้อร่อยๆ เขาก็มีร้านอาหารไว้บริการทุกวันจ้าt15รังนกคุณภาพเยี่ยมของไออรุณรังนก ขายได้กิโลกรัมละเฉียดแสนบาท!t16ไออรุณรังนกเขาไม่หยุดนิ่ง พัฒนาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ 2 สูตรใหม่ให้ลิ้มลองกัน คือ น้ำมะม่วงเบา (สีเหลืองอ่อน) และน้ำดาหลา (สีส้มอมชมพูน่าลิ้มลอง) ทั้ง 2 สูตรนี้ ถือเป็น Beauty Drink ที่ทั้งอร่อย อุดมคุณค่าทางอาหาร และช่วยให้สุขภาพดี ที่สำคัญคือมีส่วนผสมของน้ำรังนกด้วยจ้า สุดยอด!

อย่างแรก ‘น้ำมะม่วงเบา’ สูตร Sparkling รสเปรี้ยวอมหวานจากน้ำผึ้งธรรมชาติ ให้วิตามินซีสูง ผสานพลังงานจากรังนก ดื่มแล้วช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้สุขภาพดีจ้า ส่วนอีกตัวหนึ่งคือ ‘น้ำดาหลา’ สูตร Blossom รสกลมกล่อม หวานอ่อนๆ หอมกำลังดี ดื่มง่าย โดยเฉพาะถ้าใส่น้ำแข็งหรือแช่เย็นมา ช่วยดับร้อนเยี่ยมเลย จากการวิจัยพบว่าสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในดอกดาหลา ผสานกับส้มแขกและรังนก จะช่วยให้สุขภาพดีจริงๆ
t17เครื่องดื่มสองตัวนี้ยังไม่มีจำหน่ายที่ไหน ใครอยากชิมต้องไปเยี่ยมเยียนไออรุณรังนกกันนะจ๊ะ เขาบอกว่าดื่มแล้วช่วยให้สดชื่น คลายร้อน ช่วยเติมวิตามินซีและเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไประหว่างวันได้อย่างยอดเยี่ยม หรือคนที่ทำงานกลางแจ้ง ตากแดด ตากลม เสียเหงื่อมากๆ ได้ดื่ม Beauty Drink ทั้งสองนี้แล้วจะสดชื่นกระชุ่มกระชวยได้อย่างรวดเร็วt18น้ำดาหลา และน้ำมะม่วงเบา Double Drink เพื่อสุขภาพ มาลองชิมกันนะครับt19ยังอิ่มๆ อยู่กับอาหารปักษ์ใต้และ Beauty Drink ของไออรุณรังนกอยู่เลย แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ มาจัดเต็มกันต่อกับฟาร์แพะของ ‘วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงแพะ คลองขนานแต้วแร้ว’ ตำบลคลองท่อมใต้ ซึ่งเมื่อก่อนเขาเลี้ยงแต่แพะเนื้อ เอาเนื้อไปขาย แต่ปัจจุบันได้พัฒนาใหม่ให้หน้าตาดูดี มีโรงเรือนใหม่สะอาดสะอ้าน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าชม ไปเล่น ไปถ่ายภาพกับน้องแพะได้นะจ๊ะ โดยแพะรุ่นใหม่เป็นแพะนมที่เขานำน้ำนมไปแปรรูปเป็นอาหารและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ น่าสนใจทั้งน้านนนนนนt20โห เขายาวโง้งขนาดนี้ แถมมีเคราแพะหล่อเหลา เจ้านี้ต้องเป็นพ่อพันธุ์แพะนมชัวร์t21น่ารักทั้งคนทั้งลูกแพะ สัมผัสกันได้อย่างใกล้ชิดเลย สนุกสนานมากที่นี่t23เล่นกับน้องแพะเสร็จแล้ว ก็ได้เวลามาชิมไอศกรีมนมแพะ 3 รส ที่เขาคิดขึ้นมาใหม่ คือ รสกาแฟผสมเม็ดมะม่วงหิมพานต์, รสกล้วยหอมผสมโกโก้ และรสเสาวรสผสมน้ำผึ้ง อร่อยทุกแบบ ใครชอบรสอะไร เลือกได้เลยจ้าUntitled-1คนที่แพ้นมวัว เขาว่าสามารถกินนมแพะได้ มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่า และมีไขมันน้อยกว่านะจ๊ะ ความพิเศษของไอศกรีมนมแพะคลองท่อมใต้คือ เนื้อเนียน รสนุ่ม อุดมด้วยโปรตีนนมแพะ ซึ่งดีต่อสุขภาพมากเลย จัดเป็นของกินเล่นคลายร้อนเวลามาเที่ยวปักษ์ใต้แบบนี้ได้ดีจริงๆ อ่ะk52ในเมื่อน้ำนมแพะมีโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ อยู่มากมาย ไฉนเลยจะเอามากินอย่างเดียวก็น่าเสียดายเนอะ คนคลองท่อมใต้เขาเลยคิดพัฒนาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์สุดเจ๋ง ‘ครีมกันแดดบำรุงผิวจากนมแพะ’ นั่นไง

ครีมกันแดดนมแพะตัวใหม่ล่าสุดนี้ เป็น Nourishing Sun Bright SPF 50 PA++ แถมยังกันน้ำ และมี BB เป็นรองพื้นบางๆ ผสมอยู่ ช่วยให้หน้าเนียนกระจ่างใสด้วย จากการวิจัยพบว่า นมแพะที่ผสมอยู่สามารถลดความเข้มของเม็ดเมลานินที่ผิวหนัง ใครที่ใบหน้ามีกระฝ้าใช้ต่อเนื่องมันจะจางลง ผิวหน้าแลอ่อนเยาว์ขึ้นด้วยนะจ๊ะ ความพิเศษอีกอย่างของ Product นี้คือ เนื้อเจลบางเบา ทาแล้วซึมง่ายแห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งยังเป็นสีเบจที่เข้ากับสีผิวได้แทบทุกชนิด ใช้เป็นครีมรองพื้นกันแดดได้สบายๆ ในตอนเช้า หรือทาซ้ำระหว่างวันในกรณีที่เราต้องออกแดดจัดๆ จ้าt33ตอนนี้คลองท่อมเขายังได้พัฒนาโลชั่นและสบู่นมแพะตัวใหม่ล่าสุดมาให้ลองใช้กันด้วยนะ เรียกว่า Goat Milk Body Lotion & Soap โดยตัวโลชั่นเป็นส่วนผสมระหว่างนมแพะอันอุดมคุณค่ากับสมุนไพรท้องถิ่น ส่วนสบู่ก็มีส่วนผสมของนมแพะและข้าวหอมนิลที่มีประโยชน์ ทั้งสองอย่างช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น เมื่ออาบน้ำด้วยสบู่นมแพะแล้ว พอเช็ดตัวแห้ง ก็ชโลมโลชั่นนมแพะให้ทั่วสารพางกาย ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดการเกิดสิว ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน และผิวยังดูมีน้ำมีนวลอีกด้วยt34
Untitled-2ยามบ่ายที่อากาศค่อนข้างอบอ้าวอย่างนี้ เราขอหลบร้อนเข้าไปนั่งเล่นให้สบายอารมณ์ ปล่อยเวลาให้เคลื่อนผ่านไปตรงหน้า พร้อมกับจดจำประสบการณ์ดีๆ ที่ ‘คลองท่อม Coffee’ กาแฟที่ขายดิบขายดีกับ 3 in 1 สูตรเข้มข้น แต่มาวันนี้คุณป้าประไพ เจ้าของคลองท่อม Coffee ได้คิดค้นกาแฟแคปซูลใหม่เอี่ยม 3 สูตร เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน คลองท่อม Spa Town
Untitled-3กาแฟแคปซูลคลองท่อม Coffee เป็นการเสพความสุนทรีย์ผ่านเครื่องดื่มรสละมุน โดยไม่ต้องพึ่งบาริสต้า (หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟมาคอยชงให้) เพราะเขามีแคปซูลและเครื่องชงที่สะดวกง่ายดาย จะตั้งเครื่องไว้ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือในร้านค้าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย มี 3 สูตรให้เลือก คือ รสต้นตำรับ (Robusta 100%), รสเข้มกลาง (Robusta 80% Arabica 20%) และรสเข้ม (Robusta 50% Arabica 50%) นับเป็นการนำกาแฟโรบัสต้ารสเข้มข้นแห่งบ้านแผ่นดินเสมอของคลองท่อม มาบวกกับอะราบิก้าที่หอมนุ่มนวลได้อย่างลงตัว ดื่มแล้วตาสว่าง สดชื่นมากๆ ครับt35คืนนี้เราจะ Check In พักค้างแรมกันที่ ‘น้ำพุร้อนเค็ม รีสอร์ท’ ตำบลห้วยน้ำขาว ซึ่งอยู่ใกล้กับน้ำพุร้อนเค็ม 1 ใน 3 แหล่งของ Big 3 (สระมรกต, น้ำตกร้อน, น้ำพุร้อนเค็ม) ที่เป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดคนรักสุขภาพ เข้ามาอาบแช่ผ่อนคลายกายใจ และบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆ โดยน้ำพุร้อนเค็มนี้กล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่บ่อของโลก หากได้อาบแช่บ่อยๆ จะช่วยให้ผิวพรรณดี ผ่องใส เลือดลมไหลเวียนคล่อง เพราะน้ำพุร้อนเค็มที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 40-47 องศาเซลเซียส จะช่วยขับสารพิษในร่างกายออกมา คลายความอ่อนล้า คลายเส้น หลายคนเลยมาออกกำลังกาย และลงแช่กันแบบ Long Stay คือพักอยู่เป็นเดือนๆ เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะก็มีt36ในบ่อแม่ของน้ำพุร้อนเค็ม เต็มไปด้วยสาหร่ายและสารประกอบที่ผุดขึ้นมาจากใต้พิภพ ล้วนพัดพาแร่ธาตุนานาชนิดขึ้นมาเจือปนอยู่ในนำ้ จนกลายเป็น ‘สายธาราแห่งการบำบัด’ The Miracle of Saline Hot Spring ที่ต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต ผมคนนึงล่ะครับ ที่มาอาบแช่น้ำพุร้อนเค็มหลายครั้งแล้ว และพิสูจน์กับตัวเองแล้วว่าช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่อง ผดผื่นต่างๆ หายเกลี้ยง มหัศจรรย์จริงๆ ครับ!t37โคลนขาว หรือ White Clay ที่พบได้ทั่วไปในบริเวณป่าพรุรอบๆ น้ำพุร้อนเค็ม ตำบลห้วยน้ำขาว เป็นเสมือนของขวัญจากธรรมชาติที่อุดมด้วยแร่ธาตุคุณประโยชน์นานาชนิด สามารถนำมาแปรรูปเป็น Spa Product ระดับพรีเมี่ยมได้เลยล่ะ
t38เที่ยวมาเยอะแล้ว เหนื่อยไหมล่ะ? ได้เวลาปลดเปลื้องพันธนาการทุกอย่าง ปล่อยวางเรื่องวุ่นวายกายใจ ลงไปแช่น้ำพุร้อนเค็มในห้อง Spa อย่างดี ที่น้ำพุร้อนเค็ม รีสอร์ท ซึ่งอยู่กับน้ำพุร้อนเค็มนั่นเองt39Relax ร่างกายทุกส่วน ปล่อยให้น้ำพุร้อนเค็มค่อยๆ ซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง บำบัดกาย ใจ จิต ไปพร้อมๆ กัน เหมือนการช๊าตพลังชีวิตใหม่ใน Spa Town คลองท่อมt40มีความสุขกับน้ำแร่ธรรมชาติ ภายในห้อง Spa ส่วนตัว ที่ไม่ต้องมีใครมารบกวนt41อย่างที่บอกว่าเขามีการนำโคลนขาวจากธรรมชาติของที่นี่ มาพัฒนาเป็น Spa Product ระดับพรีเมี่ยม วันนี้เราเลยขอทดลองกันสักหน่อย กับ ‘Hot Spring Chlorophyll Fresh Mask’ หรือ ‘มาส์กโคลนน้ำพุร้อนเค็ม’ ของ บริษัท อมฤต จำกัด ซึ่งมี คุณเอก-นฤพันธ์ พรหมวิเศษ CEO หนุ่มไฟแรงผู้มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนา สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นมาใช้มาส์กหน้า บำรุงฟื้นฟูผิวพรรณให้อ่อนเยาว์ ด้วยคุณสมบัติของโคลนขาวที่อุดมด้วยแร่ธาตุนานาชนิด ผสมกับสารสกัดจากพืชท้องถิ่นคือต้นฝากดอกแดง ได้สารคลอโรฟิลด์เข้มข้น บวกกับน้ำมันเสม็ด และชาเขียว ทำให้โคลนสปาตัวนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสาวๆ ที่รักสวยรักงามt42‘ถ้าของเขาดีจริง ก็ต้องทาได้ทั้งตัวสิ’ เพื่อนเราคนหนึ่งพูดขึ้น เราจึงไม่ได้ใช้มาส์กหน้าอย่างเดียว แต่ทดลองกันจะๆ ให้เห็นๆ ไปเลยว่า Hot Spring Chlorophyll Fresh Mask ยังใช้ทาใช้พอกเป็นโคลนสปาตัวได้ด้วยแต่ก็อาจจะเปลืองหน่อย เพราะอาจจะหมดเร็ว ฮาฮาฮา ไม่เป็นไร ยอมๆ ผิวจะได้กระจ่างใสปิ๊งๆ เลยนิt43เที่ยวทริปนี้แล้ว คงพกความสุขกันไปเต็มอิ่มทุกคน เพราะได้มาทำสปาในน้ำพุร้อนเค็ม สุขภาพดีจะไปไหนเสีย จริงไหมล่ะUntitled-4นอกจาก Hot Spring Chlorophyll Face Mask แล้ว ตอนนี้ยังมี Premium Spa Product ใหม่ๆ ของน้ำพุร้อนเค็มเกิดขึ้นอีกหลายอย่าง เช่น ‘Hot Spring Relax Herbal Massage Cream’ (ครีมนวดน้ำพุร้อนเค็ม) ที่มีส่วนผสมของเสม็ดและไพล ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้อย่างล้ำลึก รวมถึงยังมี ‘Energizing Hot Spring Essence’ (สเปร์น้ำแร่บำรุงผิวหน้าและผิวกายจากน้ำพุร้อนเค็ม) สกัดจากสมุนไพรหลายชนิด ช่วยคืนความชุ่มชื้น อ่อนเยาว์ ให้ผิวพรรณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากครับ โห…เห็นแล้วน่าใช้ทั้งนั้น t48ทำสปากันจนหน้าใสผิวนุ่มไปทั้งสารพางกายแล้ว จะนอนอยู่ห้องเฉยๆ ก็กระไรอยู่ คนคลองท่อมแนะนำให้ไปเยี่ยม ‘ร้านเค้กคลองท่อม’ ตำบลห้วยน้ำขาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำพุร้อนเค็มมากนัก ชิมกาแฟและขนมอร่อยๆ นานาชนิด ที่เจ้าของร้านสร้างสรรค์ขึ้น รวมถึงยังนำมาจากชาวบ้านรอบๆ ช่วยกันขายกระจายรายได้ให้ถ้วนหน้า ร้านนี้เล็กๆ น่ารัก แอร์เย็น เหมาะเข้าไปนั่งชิลกันได้นานๆ (แถมเจ้าของร้านใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเลยจ้า)
t49โลโก้ร้านนี้ไม่ธรรมดา เพราะนำลูกปัดสุริยเทพ 3,000 ปีมาเป็นโมเดล เขาบอกว่าจริงๆ มีเค้กรูปสุริยเทพให้ชิมด้วยนะt50เริ่มต้นยามบ่ายแก่ๆ กับ ‘ชาใบขลู่’ KUR Herbal Tea ดื่มด่ำรสชาติชาดีๆ จากสมุนไพรท้องถิ่น พร้อมสรรพคุณช่วยให้สดชื่นและบำรุงสุขภาพ เพราะนอกจากจะมีใบขลู่ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักแล้ว ยังมีสารสกัดจากลูกจันทร์ ซึ่งมีสารเบต้าแคโรทีน และฟักข้าวมีสารไลโคปีน แคลเซียมในปริมาณสูง ช่วยลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด และต้านอนุมูลอิสระได้อย่างยอดเยี่ยม ดื่มเป็นประจำสุขภาพดีแน่นอนครับt51ชาใบขลู่เพื่อสุขภาพแห่งคลองท่อม ดีงามจ้าt52ไหนๆ ก็สุขภาพแล้ว ก็ต้องไปให้สุด เราเลยสั่ง ‘ซีเรียลธัญพืชสุขภาพจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์’ มาชิมกันคนละชิ้น รูปร่างหน้าตาเห็นแล้วน่าสนุก เพราะดูมีอะไรใส่ไว้เยอะดี โดยเฉพาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ให้พลังงานสูง กินแท่งเดียวน่าจะอิ่มไปนานเลย ฮาฮาฮา เขาบอกว่าธัญพืชบาร์นี้ไม่ใส่น้ำตาลด้วยนะ แต่ได้ความหวานจากน้ำผึ้งธรรมชาติของคลองท่อมนี่ล่ะt53กินซีเรียลธัญพืชคู่กับชาใบขลู่หอมกรุ่น เข้ากันดี๊ดีt54หม่ำๆ อร่อยแน่ อิ่มด้วย กับซีเรียลธัญพืชเม็ดมะม่วงหิมพานต์จ้า
t55จะรอช้าอยู่ใย ต่อกันเลยดีไหมกับ ‘เค้กหน้าฝอยทอง’ เนื้อนุ่ม หวานอ่อนๆ กำลังดี กินกับชาใบขลู่หรือกาแฟที่ชอบ ก็ใช่ทั้งนั้นt56แล้วก็มาถึงขนมที่เจ้าของร้านบอกว่า Recommended เป็น ‘เค้กใบเตยหน้ามะพร้าวสด’ สูตรใหม่ล่าสุด ผมกัดเข้าไปคำแรก โอ้โห เนื้อมันนุ่มยังกับปุยสำลี มีความหวานอ่อนๆ และกลิ่นหอมใบเตยตีขึ้นลิ้นขึ้นจมูก แถมความนุ่มของซอฟท์ครีมสีขาวตรงหน้ายังให้รสสัมผัสนุ่มนวลเสียนี่กระไร และยังจบด้วยความกรุบ กรอบ นิ่ม ของเนื้อมะพร้าวอ่อนที่โรยหน้ามาด้วย ถ้าไม่เรียกว่า Perfect Soft Cake แล้วจะเรียกว่าไรดีเนี่ย ฮาฮาฮาt57ยังไม่พอ ขอชิม ‘Choc-Balls’ รสช็อกโกแลตเข้มข้น กัดเข้าไปเจอเนื้อบราวนี่หนาหนุ่มสู้ปาก ดุดัน ความหวานปรี๊ดขึ้นสมองจนหายง่วง เจ้านี่ก็กินคู่กับชาใบขลู่หรือกาแฟก็เป็น Perfect Couple เช่นกัน อิอิt58ร้านนี้ยังมีของทานเล่นแปลกๆ ที่ผมเพิ่งเคยเจอด้วย คือ ‘น้ำพริกกุ้งเสียบกล้วย’

โอ้ว ฟังชื่อก็แปลกแล้ว หน้าตาก็ไม่เลว เขาบอกว่าเป็นการนำกล้วยหอมทองซึ่งปลูกมากกันในคลองท่อม มาแปรรูปเป็นน้ำพริกกุ้งเสียบ เหมาะจะกินเล่นเป็นขนม เอ… นี่หรือขนม? กุ้งเสียบจะเป็นขนมได้ไงอ่ะ? ผมเลยต้องลองกับตัวเอง หยิบใส่ปากเคี้ยวเลย นั่นไง มันคือกล้วยกรอบที่คลุกเคล้าด้วยส่วนผสมของน้ำพริกกุ้งเสียบอย่างดี รสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม นัวกันครบ ยิ่งกินยิ่งเพลินเฮะ สรุปกินไปกินมาคนเดียวครึ่งขวด (ขวดไม่ใหญ่ ฮาฮาฮา) ขอบอกเลยว่า พี่ครับ ช่วยทำขวดใหญ่ขายด้วยเถอะ นี่มัน ‘กล้วยเบรกแตกชัดๆ!’ ก็กินแล้วหยุดไม่ได้นี่นาt59ตัวผมน่ะไม่ไหวแล้ว อิ่มแปร้เลย และขอเก็บท้องเผื่อไว้กิน Seafood มื้อเย็นด้วย แต่เพื่อนๆ หลายคนก็ยังอุตส่าห์สั่ง ‘ไอศกรีมชาเขียว’ มาชิมต่ออีก เลยขอมาลองสักช้อน แหม… รสชาติใช้ได้ ไม่หวานจัด ความหอม ความหวาน มาแบบอ่อนๆ คลาสสิก กินได้ไม่เลี่ยน รสชาติเทียบได้กับไอศกรีมชาเขียวในร้านอาหารญี่ปุ่น ที่เขายกมาเสิร์ฟตอนเรากินอาหารหลักเสร็จแล้วเลย เยี่ยมครับt60วันสุดท้ายก่อนกลับบ้าน เราโบกมือลา ‘คลองท่อม Spa Town’ กันที่ ตำบลเพหลา (ออกเสียงว่า เพ-หลา) ตำบลเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่เป็น 1 ใน 7 ตำบลของอำเภอคลองท่อม ที่มีของดีซุกซ่อนอยู่ นั่นคือ ‘ข้าวไร่ออร์แกนิก’ ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ท้องถิ่นที่ปลูกบนที่ดอน ที่สูง โดยไม่ต้องใช้น้ำท่วมเหมือนนาลุ่มแถบภาคกลางครับ เวลาปลูกก็จะใช้วิธีขุดหลุมหยอดเมล็ดลงไป ใช้น้ำฟ้าน้ำฝนเพียงอย่างเดียว จึงปลูกข้าวไร่ได้แค่ปีละครั้ง นี่คือวิถีคนเพหลาเขาล่ะt61ข้าวไร่ของตำบลเพหลา มีหลากหลายสายพันธุ์ ส่วนหนึ่งเป็นการอนุรักษ์ข้าวพันธุ์ดั้งเดิมซึ่งเป็นพันธุ์ท้องถิ่นเอาไว้ มิให้สูญหาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวกล้วย, ข้าวดอกข่า, ข้าวดอกพะยอม, ข้าวเหนียวดำเม็ดดำ, ข้าวเหนียวสายไหม, ข้าวช่อไม้ไผ่, ข้าวรำพึง และอีกมากมาย ล้วนเป็นข้าวที่มีโภชนาการสูง กินแล้วร่างกายแข็งแรงจ้าt62Untitled-5Untitled-6นอกจากการมาเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้วิถีข้าวไร่เพหลาแล้ว เรายังได้ชิม ไอศกรีมหน้าตาดีรสชาติเริ่ด 4 แบบ ที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นใหม่ ให้นักท่องเที่ยวพวกชอบค้นหาของแปลกอย่างเราลิ้มลองกัน คือ รสถั่วเขียว, รสถั่วดำ, รสข้าวหอมนิล และรสข้าวไร่ กินกันไปนั่งสรวลเสเฮฮากันไป ให้พี่ๆ เขาเล่าเรื่องการปลูกข้าวไร่ให้ฟัง สนุกดี ทำให้เราเข้าใจในชีวิตความเป็นอยู่ และอาชีพของคนคลองท่อมได้ลึกซึ้งขึ้น ผ่านรสชาติหอมหวาน และคุณค่าของไอศกรีม 4 รสนี้ เรียกว่า ‘Every Bite Make Me Feel Happy Indeed.’ (ทุกคำที่กัด มันใช่เลย มันสุขสุดๆ จริงๆ ฮาฮาฮา)

ทริปนี้สนุกสนานครบรส ทั้งเรื่องสุขภาพสปาน้ำพุร้อนของเมือง Hot Spring Spa Town คลองท่อม แถมยังได้ลิ้มลองของอร่อยๆ ได้สัมผัส Spa Products ใหม่ๆ อีกเพียบ นี่ถ้าไม่มาดูเองคงไม่รู้ คงไม่เชื่อว่า Spa Town จริงๆ แล้วมีอะไรมากกว่าที่คิด ไม่ใช่เมืองสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเครือข่ายแห่งความสุขของผู้คน ที่ช่วยกันหล่อหลอม ช่วยกันเติมเต็ม ให้อำเภอเล็กๆ อย่างคลองท่อม ก้าวขึ้นสู่ความเป็น Spa Town ได้อย่างแท้จริง แล้วพบกันใหม่นะคลองท่อม บ้ายบายUntitled-1

Special Thanks : คุณ Jiravalai Chamnanraj (คุณ Fiat) แห่ง Pooltara Resort Krabi ที่กรุณามาเป็นนางแบบสปากิตติมศักดิ์ให้เราในงานนี้ครับ

Living Wellness @คลองท่อม ‘เที่ยวเมืองสปา มีมากกว่าที่คิด’ (ตอน 1)

k1มีคนเคยบอกว่า ‘ความไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐ’ คนเราจึงแสวงหาสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์มาช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง บ้างต้องการให้อายุยืนยาว บ้างต้องการผลด้านความสวยงามฟรุ้งฟริ้ง ชะลอวัย และบ้างก็เพื่อต้องการ Relax ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า หรือความเครียดจากการทำงาน ไม่เว้นแม้แต่การท่องเที่ยว ทุกวันนี้เขาก็มีเทรนด์ ‘เที่ยวเพื่อสุขภาพ’ หรือ Wellness Tourism ซึ่งกำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก
k3.1ทว่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่การดูแลเฉพาะร่างกายเท่านั้น แต่เป็นการดูแลกายใจในองค์รวม ทั้งกาย (Body) ใจ (Mind) และจิตหรือความรู้สึกภายใน (Spirit) เพื่อปรับให้ตัวเราเกิดความสมดุลย์ ในด้านร่างกายและอารมณ์ เมื่อมีความสุข สดชื่นเบิกบาน ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ยิ่งบวกกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ได้กินอาหารสุขภาพ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ด้วยแล้ว แหม… สุขภาพดีจะหนีไปไหนได้ จริงไหมล่ะ?k3หลายคนตื่นมาทำโยคะแต่เช้าตรู่รับอรุณ ได้สูดอากาศสดชื่นๆ น่าอิจฉาจังk4หลายคนใช้วิธีนั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ กำหนดลมหายใจเข้าออก ผลคือระบบการหมุนเวียนโลหิตในร่างกายไหลลื่น มีสมาธิเพิ่มขึ้น จะคิดจะทำอะไรก็ดูง่ายไปซะหมด ฮาฮาฮา
k5แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบนี้มีอยู่จริงในเมืองไทย และผมได้ค้นพบกับตัวเองแล้ว ที่ ‘อำเภอคลองท่อม’ จังหวัดกระบี่ ซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาไปสู่ความเป็น ‘เมืองสปาน้ำพุร้อนต้นแบบของไทย’ หรือ Hot Spring Spa Town แหม… ฟังดูน่าตื่นเต้น เขาบอกว่าที่คลองท่อม (อยู่ห่างจากสนามบินกระบี่แค่ 30 นาที) เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สมบูรณ์ และน่าเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้เลยล่ะ เช่น สระมรกต (The Emerald Pool) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม เขานอจู้จี้ เป็นบ่อน้ำพุเย็นธรรมชาติ ได้ลงอาบแช่แล้วสดชื่นเหมือนการ Refresh กายใจได้อย่างวิเศษจริงๆk6นอกจากนี้อำเภอคลองท่อมยังมี ‘น้ำตกร้อน’ (Hot Waterfall) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า ‘น้ำตกร้อนสะพานยูง’ เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่ไหลลงสู่คลองท่อม มหัศจรรย์ตรงที่น้ำมีอุณหภูมิราวๆ 40-41องศาเซลเซียส ลงอาบแช่แล้วรู้สึกผ่อนคลายกายใจ เหมือนการทำสปาธรรมชาติยังไงยังงั้นk7และยิ่งกว่านั้น อำเภอคลองท่อมยังมี ‘น้ำพุร้อนเค็ม’ (Saline Hot Spring) ที่มีอยู่เพียงไม่กี่บ่อในโลกเท่านั้น โดยน้ำพุร้อนเค็มนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยน้ำขาว อุณหภูมิน้ำอยู่ที่ราวๆ 37-46 องศาเซลเซียส และเจ๋งตรงที่เป็นน้ำพุร้อนเค็มซึ่งอุดมด้วยแร่ธาตุนานาชนิด จึงมีคุณสมบัติช่วยบำบัดเยียวยาอาการป่วยบางอย่างได้อย่างวิเศษ เรียกว่าเป็น Natural Healing ที่คนท้องถิ่นเชื่อถือศรัทธา ถึงขนาดมีการมาบนบาลศาลกล่าวกันอยู่เสมอ

แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติทั้ง 3 แห่งที่ว่า คือ สระมรกต, น้ำตกร้อนสะพานยูง และน้ำพุร้อนเค็ม ได้รับการตั้งฉายาเก๋ไก๋ว่า ‘Big 3’ เที่ยวได้ตลอดปี เป็นการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพ ที่ธรรมชาติมอบเป็นของขวัญให้คนปักษ์ใต้ และคนไทยเราอย่างแท้จริง แต่ผมเชื่อว่า เมื่อได้มาสัมผัสอำเภอคลองท่อมแล้ว ย่อมต้องค้นพบความน่าสนใจ และความหลากหลาย มากกว่าน้ำพุร้อนธรรมชาติแน่นอนk8.1ผมเริ่มต้นสัมผัสความมหัศจรรย์าทางธรรมชาติของอำเภอคลองท่อมกันที่ ‘เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม’ อันเป็นที่ตั้งของ สระมรกต ป่าแห่งนี้มีความพิเศษสุดๆ เพราะเป็นป่าดิบที่ราบต่ำ หรือ Low-land Evergreen Forest ผืนสุดท้ายของเมืองไทย เนื่องจากป่าแบบนี้เกิดขึ้นในที่ราบ จึงถูกบุกรุกแผ้วถางไปหมดสิ้น เหลือที่นี่ที่เดียว อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาศัยหากินสุดท้ายบนโลกของ นกแต้วแล้วท้องดำ (Gurney’s Pitta) นกที่แทบจะสูญพันธุ์แล้ว และพบได้ในป่าลึกๆๆๆๆๆ ของที่นี่เท่านั้นk8.2จากปากทางเข้าสระมรกต ถ้าเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ลดเลี้ยวเข้าไปในป่า ก็จะกินระยะทางประมาณ 1,300 เมตร แต่ถ้าเดินตรงไปเลยอีกทาง จะแค่ 800 เมตรเอง ผมบ้านไกลเวลาน้อย เลยขอเลือกเดินทางใกล้ดีกว่านะ ก่อนถึงสระมรกต เจอนกแต้วแล้วท้องดำตัวผู้กับตัวเมีย ยืนจังก้าต้อนรับอยู่ ฮาฮาฮา อย่างน้อยก็ยังมีนกคู่นี้ไว้เป็นนกรับแขกเนอะk8จากนั้นเดินเลี้ยวไปอีกแค่ไม่กี่สิบเมตร ก็ถึง ‘สระมรกต’ ที่เกิดจากบ่อน้ำผุดธรรมชาติกลางป่าดิบที่ราบต่ำ จากนั้นน้ำก็หลากล้นท้นเอ่อเป็นสายธารลงมารวมตัวกันในแอ่งใหญ่ จนเกิดสระมรกตขึ้นในที่สุด นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่ดึงดูดคนเข้ามาเที่ยวชมอย่างล้มหลาม (ถึงขนาดแน่นขนัดในวันเสาร์ อาทิตย์) ถ้าจะเที่ยวแบบคนน้อย ต้องขยันตื่นเช้า พอประตูเปิดก็เข้ามาเลย จะได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติแสนพิสุทธิ์k9ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ทั้งคนในจังหวัดกระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง ต่างก็มาเที่ยวสระมรกตกัน วันนี้มีแต่รอยยิ้มแห่งความสุขนะจ๊ะk10เล่นน้ำชุ่มฉ่ำจากสระมรกตพอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็ขับรถเที่ยวต่อ จุดหมายต่อไปคือ ‘น้ำตกร้อนสะพานยูง’ แต่เอ่ะ ระหว่างทางมองด้านขวา เห็นร้านกาแฟน่ารักๆ อยู่ริมถนน ป้ายเขียนว่า KRABI COFFEE เอาล่ะ ต้องขอแวะชิมกันซักหน่อย อิอิk12เปิดประตูเข้าไปรับแอร์เย็นฉ่ำในร้าน คุณพี่สมจิตร์ แห่ง กาแฟกระบี่ (KRABI COFFEE) ต้อนรับเราด้วยรอยยิ้ม การจัดแต่งร้านน่ารัก ดูโมเดิร์น และมีฟังก์ชั่นครบ เหมาะจะนั่งชิลได้นานๆ อย่างสบายอารมณ์ ตอบสนอง Lifestyle นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ดีเหลือเกิน นับเป็นการช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้ เมือง Spa Town คลองท่อมได้สุดยอดครับ
k13ความพิเศษของกาแฟร้านนี้ คือกาแฟของเขาปลูกอยู่ที่ไร่บนภูเขาบริเวณบ้านแผ่นดินเสมอ เลยจากสระมรกตขึ้นไป ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาไฟเก่าที่ดับแล้ว ดินจึงมีแร่ธาตุอุดมอย่างยิ่ง ประกอบกับอากาศเย็นสบายตลอดปี เหมาะปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งชอบอากาศร้อนชื้นแบบภาคใต้ ให้รสกาแฟที่เข้มข้น หอมกรุ่นกำลังดี และตอนนี้คุณพี่เขาก็นำมาผลิตเป็น กาแฟ 3 in 1 รวมถึงใหม่ล่าสุด ‘กาแฟดริฟคลองท่อมเบลนด์’ กินได้ทั้งแบบร้อนและเย็น อย่างนี้ต้องขอลองทั้ง 2 แบบเลยนะครับ ฮาฮาฮาUntitled-1แม้ผมจะไม่ใช่คอกาแฟ แต่เมื่อได้กลิ่นกาแฟดริฟของเขาแล้ว ก็ถึงกับทำให้เกิดความอยากชิมขึ้นมาในบัดดล น้ำร้อนในอุณหภูมิได้ที่ เทลงในซองกาแฟดริฟที่วางอยู่บนกา รอให้น้ำร้อนค่อยๆ ซึมผ่านมวลผงกาแฟโรบัสต้าที่คั่วบดมาอย่างพิถีพิถัน จนน้ำกาแฟสีน้ำตาลเข้มข้น ค่อยๆ หยดติ๋งๆ ลงมาทีละหยด นำมารินใส่แก้วเสิร์ฟ วันนี้ผมขอลองแบบเพียวๆ เป็น Black Coffee เลยครับ จะได้สัมผัสความอร่อยอย่างแท้จริง

เพียงจิบแรก ก็ร้องโอ้โห บอกเลยว่าเข้มกำลังดี หอมติดลิ้นติดจมูก แต่เข้มแบบนี้ขอแก้วเดียวพอ เดี๋ยวคืนนี้จะนอนไม่หลับอ่ะดิ ฮาฮาฮาk17ถ้าใครสนใจเขาก็มีจำหน่ายแล้วที่ร้าน เป็นซองแพ็กอย่างดี พกไปชงดื่มดริฟที่ไหนก็ได้สะดวกมากk18 k19หรือถ้าใครชอบกาแฟ 3 in 1 ที่เข้มข้นของ KRABI COFFEE เขาก็มีให้เลือกหลายสูตร ทั้งเข้มมากเข้มน้อยตามชอบเลยนะk20ลองแล้วจะติดใจจ้า คอฟฟี่ดริฟสูตรใหม่ล่าสุดของคลองท่อม!k21ตาสว่าง หายง่วงกับฤทธิ์กาแฟเข้มข้น จนในที่สุดก็มาถึง ‘น้ำตกร้อน’ สมดังใจหมาย วันนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะ เราเลยได้ลงเล่นแช่น้ำกันอย่างที่ตั้งใจ แต่น้ำไม่ได้ร้อนเหมือนที่คิด จริงๆ มันอุ่นกำลังดี เลยขอนอนแผ่แช่น้ำ ปล่อยให้สายธาราหลากมาบำบัดคอ บ่า ไหล่ จากการขับรถเดินทางมาไกล
k22ผมนอนอิงก้อนหิน เอาตัวแช่น้ำอุ่น หลับตาลง ใช้โสตประสาทรับฟังเสียงลม เสียงใบไม้พัดพลิ้ว เสียงนก เสียงแมลงป่าร้องระงม รวมถึงเสียงน้ำไหลรินอย่างอ่อนโยน ณ วินาทีนั้น ผมรู้สึกเลยว่าได้รับพลังจากธรรมชาติมาเต็มๆ และจิตใจที่เคยอ่อนล้าได้รับการเยียวยาแล้วอย่างวิเศษ “I Love You So Much, my Wonderful Hot Waterfall!”t47เล่นน้ำตกร้อนอย่างเดียวอาจจะไม่เจ๋งพอ วันนี้เขาจึงมีการคิดค้น Spa Product ตัวใหม่เพื่อสุขภาพมาให้ลองใช้กันครับ คือ ‘Mineral Sun & Smooth Lotion’ (โลชั่นบำรุงผิวน้ำตกร้อน) ที่นำน้ำแร่อันทรงคุณค่าจากน้ำตกร้อน มาผสานผสมสมุนไพรพื้นถิ่นลงไป อย่างเมล็ดเบอร์รี่กาแฟ รวมทั้งสารสกัดจากต้นมะหาด และต้นฝาง ทำให้โลชั่นเนื้อเนียนเบาบางนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมล็ดเบอร์รี่กาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ป้องกันรอยเหี่ยวย่น และป้องกันการอักเสบต่างๆ บนผิวหนังได้อย่างยอดเยี่ยม
k23ผมให้รางวัลกับชีวิตต่อไปในเมืองสปาคลองท่อม ขับรถแค่ไม่กี่นาทีข้ามไปยัง ‘วารีรักษ์ Hot Spring Retreat’ สปาระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับรางวัลระดับชาติมาแล้วมากมาย ทั้งด้วยบริการขั้นสุดยอด เทอร์ราปิสที่เก่ง เชี่ยวชาญ มีความรู้ รวมถึงบรรยากาศของที่นี่เรียกได้ว่า สงบ เป็นส่วนตัว และเป็นธรรมชาติสุดๆ ราวกับเรากำลังอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน นวดผ่อนคลายกันอยู่กลางป่าจริงๆ เลย ว้าว!
k24วารีรักษ์ เขามีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติเป็นของตัวเอง จึงปรับแต่งภูมิทัศน์ได้อย่างลงตัวน่ามอง โดยแบ่งเป็นบ่อร้อนบ่อเย็นอย่างดี พร้อมกับมีแพ็กเกจ Spa ให้เลือกหลากหลาย ตามความต้องการและเวลาของลูกค้า ไม่ว่าจะมาเดี่ยว มาคู่ หรือมาเป็นหมู่คณะ เขาก็ต้อนรับได้ เพราะมีที่พักอย่างดีไว้บริการด้วย
k25จะด้วยโชคดีหรืออะไรก็ไม่รู้ ผมมาถึงในช่วงที่วารีรักษ์เขาเพิ่งเปิดตัวคอร์สสุขภาพใหม่ล่าสุดพอดี เรียกว่า Prasuton Songpalang (พระสุธน ทรงพลัง) หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว เขาก็พาเราไปยืดเส้นยืดสาย Warm Up ทำท่าฤาษีดัดตน ตัดแข้งดัดขา พร้อมกับหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ โห… ตึงไปหมดทั้งร่าง อย่างนี้ต้องรีบให้เทอร์ราปิสช่วยบีบนวดโดยด่วนครับ
k26 k31เมื่อยืดเส้นกันดีแล้ว ก็ได้เวลาขัดตัวด้วยวัสดุจากธรรมชาติล้วนๆ โดยเขาจะดูก่อนว่าช่วงเวลานั้นเป็นฤดูอะไร ก็จะเลือกใช้วัสดุให้ตรงกับธาตุและลมฟ้าอากาศ อย่างเช่น ฤดูร้อน ใช้ถั่วเขียว + เกลือ + โยเกิร์ต + น้ำมันมะพร้าว, ฤดูฝน ใช้ขมิ้น + ข้าวสาร + โยเกิร์ต + น้ำมันมะพร้าว, ฤดูหนาว ใช้มะขาม + ข้าวสาร + โยเกิร์ต + น้ำมันมะพร้าว แหม… อย่างนี้ผิวต้องนุ่มลื่น สดใส ผ่อง ขาววิ้งชัวร์!
Untitled-2k32k33พออาบน้ำล้างตัวเสร็จ ก็ได้เวลาขึ้นเตียงนอนให้เทอร์ราปิสขัดตัว แต่ไม่ใช่ขัดธรรมดา เพราะเขาจะบีบนวด คลึงกล้ามเนื้อนส่วนต่างๆ ของเราด้วย โอ้ว! สวรรค์!
k34k27ขัดตัวเสร็จ ยังมีการนวดผ่อนคลายอีกรอบ มีความสุขแบบลืมวันลืมคืนไปเลยเรา
k35อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะคุณผู้หญิงเท่านั้น แต่แพ็กเกจนี้ยังเปิดโอกาสให้คุณผู้ชายทำได้ด้วย คือการนวดหน้า พอกหน้าด้วยโคลนสปาธรรมชาติอย่างดี โดยโคลนสปา หรือ Natural Clay ที่ว่านี้ ก็ได้มาจากแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติในอำเภอคลองท่อมด้วย มันมีคุณสมบัติพิเศษช่วยดูดสารพิษออกจากผิวหนัง ทำให้หน้าใส เต่งตึง เด้งๆ และสำคัญคือช่วยชะลอวัย ทำให้ริ้วรอยจางจง! เป็นไงล่ะ เจ๋งป่ะ?k36 k37เมื่อชะโลมโคลนสปาจนทั่วใบหน้าแล้ว (เว้นส่วนดวงตาและปาก) เทอร์ราปิสก็จะเริ่มขั้นตอนต่อไป คือทำสปาดวงตา ฟื้นคืนความสดชื่น คลายความอ่อนล้าของดวงตาที่เราใช้งานมานาน ยิ่งคนเมืองจ้องแต่หน้าจอโทรศัพท์มือถือกับจอคอมพิวเตอร์ ทำสปาคอร์สนี้แล้วจะรู้สึก Fresh เวอร์อ่ะ
Untitled-3เขาจะให้เราหลับตา จากนั้นนำสำลีหรือผ้ากรอสมาวางไว้บนดวงตา เหยาะโคลนสปาเย็นๆ ลงไป จากนั้นให้เรานอนพัก ปล่อยให้แร่ธาตุจากธรรมติซาบซึมลงไปรอบดวงตา ทิ้งไว้สักพักจนโคลนพอกหน้าแห่งสนิท ก็ล้างหน้าด้วยน้ำแร่ เท่านี้คุณก็จะเด็กขึ้นอีกกี่ปีหนอ? อันนี้แล้วแต่ตัวใครตัวมัน ฮาฮาฮา… แต่ส่วนตัวผม Confirm รู้สึกได้จริงอะไรจริงว่าหน้าใสตึงนุ่มนิ่มมากๆๆๆๆๆๆๆๆk41นึกว่าจบแล้ว แต่ที่ไหนได้ เทอร์ราปิสเชิญเราไปแช่น้ำเย็น และน้ำอุ่นต่อ จากนั้นก็มาให้นวดกดจุดกันในน้ำอีก เอาล่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ต้องทำตามแพ็กเกจกันให้สุดไปเลยนิk42เขาบอกว่า การนวดกดจุดขณะแช่ตัวอยู่ในน้ำแร่ จะเป็นการกระตุ้นพลังงานชีวิตของเราได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงระบบการหมุนเวียนโลหิต ลมในกายจะไหลได้คล่องตัวขึ้น ไขข้อต่างๆ จะไม่ติดขัด เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก ยิ่งถ้าเรามากันเป็นคู่ด้วยแล้ว แหม ความรู้สึกมันคงจี๊ดจ๊าดกว่าปกติด้วย จริงไหม่เอ่ย?k43 k44เริ่มต้นด้วยการ กดจุดเหอกู่ (Hegu) ต่อด้วยจุดเลี่ยเซี๊ยะ (Lieque)k45ต่อด้วยจุดล่าวกง (Laogong) จุดเสินเหมิน (Shenmen) จุดโฮ่วซี (Houxi) จุดเว่ยกวน (Weiguan)
k46 k47ปิดท้ายด้วย จุดหย่งเฉวียน (Yongquan) จุดไท่ชง (Taichong) จุดซานอินเจียว (Sanyinjiao) จุดซานหลี (Zusanli) จุดหยางหลิงเฉวียน (Yanglingquan) และจุดเว่ยจง (Weizhong) ถือเป็นอันเสร็จพิธีนวดกดจุดในน้ำ แล้วปล่อยให้เรานอนแช่น้ำแร่อุ่นๆ ผ่อนคลายไปอีกสัก 5 นาที ก็ขึ้นจากน้ำได้เลย
k48แต่วันนี้เขามีของแถม เป็นการดมสมุนไพรอุ่นๆ หมักหม้อดิน เพื่อล้างพิษในระบบทางเดินหายใจ กระตุ้นประสาท อีกทั้งช่วยให้รู้สึกสดชื่นคืนพลังได้อย่างงวิเศษk49 k50กลิ่นบำบัด ความพิเศษที่วารีรักษ์สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสุขภาพกายใจที่ดีของผู้มาเยือนk51และสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ ทั้งคนที่เพิ่งคลอดบุตร ต้องการกระชับมดลูก หรือต้องการให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น รวมทั้งสาวๆ ที่ยังโสด แต่ต้องการให้มดลูกแข็งแรง กระชับ ใช้งานได้ดี เขาก็มีกรรมวิธีนั่งอบสมุนไพรแบบโบราณ โดยการนำสมุนไพรต่างๆ มาอังบนเตา เอาเก้าอี้ครอบ จากนั้นก็นั่งอังไว้พออุ่นๆ สัก 5 นาที เท่านี้ก็ช่วยได้แล้วล่ะ ไม่ลองไม่รู้ ไม่ดูไม่เห็น ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองนะจ๊ะสาวๆk54ในแถบตำบลคลองท่อมเหนือ ซึ่งสระมรกต, น้ำตกร้อน และวารีรักษ์ Hot Spring Retreat ตั้งอยู่ จริงๆ แล้วตอนนี้เขาได้มีการพัฒนา Weelness & Spa Products ใหม่ๆ ขึ้นมาอีก เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ให้นักท่องเที่ยว ได้จับจ่ายใช้สอย และเตรียมพร้อมรับความเป็น Hot Spring Spa Town เต็มรูปแบบในอนาคต ผลิตภัณฑ์น่าสนใจที่อยากแนะนำ คือ ‘มาส์กกาแฟ Coffee Jel Mask’ เป็นมาร์สหน้าจากเบอร์รี่กาแฟบ้านแผ่นดินเสมอของคลองท่อม เมื่อพอกหน้าทิ้งไว้สักพักจนแห้ง สามารถลอกออกเป็นแผ่น โดยสารคาเฟอีนในกาแฟจะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันริ้วรอย และล้างทำความะสะอาดหน้าได้อย่างล้ำลึกครับ นอกจากนี้ยังมี ‘สบู่ Coffee Bean Purifying Clear Soap’ ให้ลองใช้กันด้วยk55เที่ยวกันจนชุ่มปอดแล้ว แช่น้ำกันจนตัวจะเปื่อยแล้ว นวดกันจนเส้นนุ่มไปทั้งร่าง และดื่มด่ำกับกาแฟดริฟหอมกรุ่นไปแล้วด้วย

ตอนนี้ก็ได้เวลาเปลี่ยนบรรยากาศ มาทำ กิจกรรมศิลปะ Art Therapy DIY สนุกๆ กันดีกว่าที่ ‘กลุ่มสตรีแม่บ้าน อบต. คลองท่อมเหนือ’ นำโดย คุณพี่ธันยพร คนเก่งและทีมงาน ที่สร้างสรรค์กิจกรรมผ้าพิมพ์ลาย ผ้ามัดย้อม ผ้าสกรีน สวยๆ ด้วยลวดลายเป็นเอกลักษณ์คลองท่อม ทั้งลายนกแต้วแล้ว และลายลูกปัดสุริยเทพ 3,000 ปีk56การท่องเที่ยวยุคนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่แค่ไปดู ไปถ่ายภาพ ไปซื้อ แล้วกลับบ้านเหมือนยุคก่อน ตอนนี้เราต้องการมีส่วนรร่วม มีประสบการณ์ หรือ Experienced กับชุมชนคนท้องถิ่นด้วย กิจกรรมทำผ้าพิมพ์ลายสนุกๆ นี้ จึงช่วยให้เราได้รู้จักคนคลองท่อมในเชิงลึกขึ้น เพราะลวดลายที่เขาคิดค้นขึ้น ล้วนสื่อเรื่องราวความเป็นมาในคุณค่าของคลองท่อมอย่างแท้จริง อย่างลายสร้อยลูกปัดที่เพิ่งได้รับการคิดค้นขึ้นใหม่ ก็เก๋ไก๋ น่าสวมใส่ หรือซื้อเป็นของฝากเพื่อนๆ เนอะk57นอกจากจะสกรีนลายลูกปัด 3,000 ปีลงบนเสื้อยืด T-Shirt แล้ว ยังมีผ้าผืนลายเก๋อย่างในภาพให้ซื้อหากันด้วยนะจ๊ะk58ลวดลายใหม่ล่าสุดบนเสื้อยืดพิมพ์ลาย คือลายกิ่งไม้กับนก สื่อถึงนกแต้วแล้วท้องดำ ที่พบเพียงแห่งเดียวในโลกที่จังหวัดกระบี่นั่นเอง
4ขั้นตอนการทำกิจกรรม DIY ก็ง่ายแสนง่าย คือนำแป้นพิมพ์รูปนก มาทาสีที่ต้องการ แล้วปั๊มลายลงไปบนเสื้อยืดที่เขาเตรียมให้ จะปั๊มนก 1 ตัว 2 ตัว หรือจะกี่ตัวก็ได้ตามใจชอบ ถือว่าเป็นเสื้อของเราแล้ว และมีแบบนี้ตัวเดียวในโลกด้วย ฮาฮาฮา ได้ข่าวว่าต่อไปเขากำลังคิดสร้างตัวปั๊มลายใหม่เพิ่มขึ้นอีก เพื่อเพิ่มความสนุกให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนคลองท่อมจ้าk62เสร็จแล้ว เสื้อพิมพ์ลายฝีมือเราเอง น่าภูมิใจชะมัด!

การท่องเที่ยวสนุกๆ ในเชิงสุขภาพที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ของผมยังไม่จบแค่นี้ เพราะนี่เพิ่งแค่โหมโรง โปรดติดตามตอน 2 ที่เราจะไปท่องเที่ยวในตำบลคลองท่อมใต้ ตำบลห้วยน้ำขาว และตำบลเพหลา กันต่อ

ไปดูซิว่านอกจากแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติแล้ว คำว่า Hot Spring Spa Town ที่แท้จริง เขาจะมีความหลากหลายอะไรมาเติมเต็มประสบการณ์สนุกๆ ของเราได้อีก แล้วพบกันใหม่จ้าUntitled-1

ททท. เปิดตัวแคมเปญ “Take a Break” ชวนมนุษย์ทำงาน หยุดพักจากการทำงาน

PPT3

กรุงเทพ, 3 เมษายน 2561 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การบินไทย รอยัลออร์คิดพลัส, สายการบินไทยสมายล์, สายการบินนกแอร์, บัดเจ็ท คาร์, ทราเวลไอโกดอทคอม, เลิฟอันดามัน, ทรูยู ร่วมกันเปิดตัวแคมเปญท่องเที่ยวเพื่อมนุษย์ทำงาน “Take a Break” (เทค อะ เบรค) หยุดพักจากงาน แล้วไปเที่ยวกัน

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ทุกวันนี้คนทำงานหนักกันมาก พักผ่อนหน่อย เครียดมาก จนหมดพลัง หมดไฟในการทำงานไปเลย แคมเปญ Take a Break (เทค อะ เบรค) เกิดขึ้นเพื่ออยากจะเชิญชวนมนุษย์ทำงานทุกคนให้เห็นความสำคัญของการหยุดพักเบรคจากการทำงานแล้วออกเดินทางท่องเที่ยว งานวิจัยต่างๆ ก็ยืนยันมาแล้วว่า ข้อดีของการท่องเที่ยวช่วยบำบัดความเครียด ช่วยชาร์จพลัง จุดไฟสร้างสรรค์ให้กลับมาทำงานได้ดีมากขึ้น”

Print

“ททท. ได้จัดสำรวจออนไลน์ให้มนุษย์ทำงานโหวตเลือกเมืองที่อยากไป Take a Break (เทค อะ เบรค) มากที่สุด ผลสำรวจ 20 เมืองที่ได้รับการโหวตมากที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 เชียงราย อันดับ 2 แม่ฮ่องสอน อันดับ 3 น่าน อันดับ 4 ระนอง อันดับ 5 ชุมพร อันดับ 6 ตรัง   อันดับ 7 เพชรบูรณ์ อันดับ 8 สตูล อันดับ 9 ตราด   อันดับ 10 จันทบุรี อันดับ 11 ราชบุรี   อันดับ 12 นครศรีธรรมราช อันดับ 13 อุบลราชธานี อันดับ 14 อุดรธานี อันดับ 15 นครนายก อันดับ 16 ปราจีนบุรี อันดับ 17 สมุทรสงคราม อันดับ 18 อุทัยธานี อันดับ 19 สุโขทัย อันดับ 20 พิษณุโลก

3

ททท. ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ การบินไทย, สายการบินไทยสมายล์, สายการบินนกแอร์, ทรูยู, บัดเจ็ท คาร์, ทราเวลไอโกดอทคอม, เลิฟ อันดามัน จัดโปรแกรม “Take a Break Pills (เทค อะ เบรค พิล)” มอบโปรแกรมดีลส่วนลดพิเศษ ให้มนุษย์ทำงาน Take a Break (เทค อะ เบรค) หยุดพักจากการทำงาน แล้วออกเดินทางท่องเที่ยวไปใน 20 Cities for Take a Break (ซิตี้ ฟอร์ เทค อะ เบรค) ดังนี้

  1. ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ จากการบินไทย ไทยสมายล์ และนกแอร์
  2. ดีลโรงแรมราคาพิเศษที่สุด กว่า 200 โรงแรม จากทราเวลไอโก ดอทคอม จัดดีลโรงแรมราคาพิเศษที่สุด กว่า 200 โรงแรม จาก 20 cities for Take a Break (ซิตี้ ฟอร์ เทค อะ เบรค) ให้มนุษย์ทำงานไปเปลี่ยนที่นอน ชาร์จพลังให้สมอง
  3. ดีลรถเช่าราคาสุดพิเศษ จาก บัดเจ็ท คาร์ ให้มนุษย์ทำงานได้ขับรถท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใน 20 cities for Take a Break (ซิตี้ ฟอร์ เทค อะ เบรค) ใครที่กำลังเบื่องาน ลองไปขับรถเที่ยวเดือนละครั้ง รับรองว่าหายเหงา หายเบื่อแน่นอน
  4. Love Andaman (เลิฟ อันดามัน) จัดแพ็คเก็จเที่ยวเกาะราคาสุดพิเศษ พามนุษย์ทำงานสุดเครียด หนีกรุงเทพ ไปเที่ยวเกาะช้างเผือก ระนอง มหานครแห่งปะการัง ซึ่งสมบูรณ์ที่สุด และในเดือนเมษายน ถึง พฤษภาคมนี้ ขอเชิญมนุษย์ทำงาน Break (เบรค) จากงาน แล้ว Take (เทค) ตัวเองไปเกาะช้างเผือก ไปโพสต์ท่าถ่ายรูป Jumping on the beach (จัมพ์ปิ้ง ออน เดอะ บีช) ส่งมาประกวด ชิงรางวัล 5 หมื่นบาท กับ Love Andaman (เลิฟ อันดามัน)
  5. ทรูยู มอบส่วนลดพิเศษ ให้มนุษย์ทำงาน ไป Check in (เช็ค อิน) นั่งจิบกาแฟ ชมวิวสวยๆ ในร้านกาแฟสุดฮิป สุดเก๋ 45 ร้าน จาก 20 เมือง ให้คนทำงานในเมืองได้ออกนอกเมือง เปลี่ยนบรรยากาศ ไปนั่งจิบกาแฟ ชมวิวสวยๆ คลายเครียด

4

รองผู้ว่าฯ นพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ททท. และพันธมิตร ยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ You need to take a break (ยู นีด ทู เทค อะ เบรค) เปิดโอกาสให้มนุษย์ทำงาน 20 ทีม 20 อาชีพ ประกอบไปด้วย 1. ทีมหมอ 2. ทีมพยาบาล 3. ทีมครู 4. ทีมตำรวจ 5. ทีมทหาร 6. ทีมแอร์โฮสเตส 7. ทีมนักบัญชี/นักการเงิน 8. ทีมพีอาร์ 9. ทีมอีเว้นท์ ออแกไนเซอร์ 10. ทีมเอเจนซี่ โฆษณา 11. ทีมนักข่าว 12. ทีมนักกฎหมาย 13. ทีมไอที 14. ทีมพนักงานต้อนรับโรงแรม 15. ทีมกราฟิก ดีไซน์เนอร์ 16. ทีมนักเขียน 17. ทีมนักตัดต่อวีดีโอ 18. ทีมโปรดิวเซอร์ 19. ทีมสถาปนิก 20. ทีมวิศวกร โดยทั้ง 20 ทีมนี้จะร่วมทำกิจกรรมโปรโมท 20 เมือง 20 Cities for Take a Break (ซิตี้ ฟอร์ เทค อะ เบรค) ทุกทีมได้พักเบรคจากบทบาทเดิมๆ จากงานในสายอาชีพของตัวเองแล้วมารับบทบาทใหม่เป็นนักรีวิว นักเดินทาง สำรวจที่กิน ที่เที่ยว ที่ดื่มกาแฟ ที่ check in (เช็ค อิน) เก๋ๆ ใน 20 เมือง สุดฮิป มนุษย์ทำงานอาชีพไหน รีวิวเก่ง ถ่ายรูปและทำคลิปสวย ททท. มีรางวัลให้กว่า 3 แสนบาท”

5

ททท. ตั้งเป้าว่า แคมเปญ Take a Break (เทค อะ เบรค) จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มคนทำงาน ออกเดินทางไปท่องเที่ยว ใน 20 เมืองนี้ ช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องราวของเมืองในมุมมองของคนทำงานรุ่นใหม่ ช่วยกระตุ้นการเดินทาง สร้างรายได้ให้กลุ่มเมืองรอง อย่างน้อย 200 ล้านบาท

6

โปรแกรมรักษาอาการหมดไฟในการทำงาน มอบให้มนุษย์ทำงานสุดเครียดทุกคน จองซื้อดีลได้ที่ www.TakeabreakThailand.com (เวิลด์ไวด์เว็บดอทเทคอะเบรคไทยแลนด์ดอทคอม) ตั้งแต่วันนี้ถึง เดือนกันยายน ศกนี้

7

สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการ คุณธชาษร อัสดาธร (เกล้า) Mobile : 098-635-6365, 098-263-9393 Email : 9@ninetynine99.com

นราธิวาส Smile ดินแดนแสนงามปลายด้ามขวานทอง

Untitled-11. ‘เกาะกลางน้ำบางนราแสนน่ารัก’ ชุมชนกาแลตาแป อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส เป็นชุมชนเก่าแก่บนเกาะกลางน้ำเล็กๆ อันสุขสงบกลางแม่น้ำบางนรา ผู้คนทำอาชีพประมงเป็นหลัก นำปลาที่ได้มาขาย หรือแปรรูปเป็น ‘กรือโป๊ะ’ ข้าวเกรียบปลาทะเลแสนอร่อย ใครอยากเห็นเรือกอและ ซึ่งเป็นเรือประมงพื้นบ้านของปักษ์ใต้อย่างใกล้ชิด มาเที่ยวชมชุมชนนี้ไม่ผิดหวัง แต่ต้องให้ความเคารพในวิถีพี่น้องชาวมุสลิมที่นี่ด้วยนะจ๊ะ
_BOT2453

_BOT2374 _BOT2396_BOT2301_BOT2342

2. เทศกาลแข่งเรือกอและ เรือยาว เรือยอกอง ในแม่น้ำบางนรา อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘ที่สุดแห่งการชิงชัยกลางสายน้ำ ด้วยลีลากีฬาพื้นบ้านสุดมันส์’ งานนี้จัดกันในเดือนกันยายนของทุกปี บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ เฉลิมพระชนมพรรษา ในตัวเมืองนราธิวาสนั่นเอง โดยมีอัฐจรรย์ให้นั่งชมการแข่งเรือได้อย่างสนุกสนาน ช่วงเวลาเดียวกันมีการจัดงานวันลองกอง, งานแสดงผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ, การแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงถ้วยพระราชทาน รวมถึงมีการออกร้านอาหารพื้นบ้านละลานตา แต่ไฮไลท์น่าตื่นเต้นสุด คือ การแข่งขันเรือกอและ เรือยอกอง และเรือคชสีห์ ในแม่น้ำบางนรา ที่มีผู้คนนับหมื่นมาร่วมเชียร์

_NAR1703 _NAR1874 N2 N9 N13_NAR0428

3. น้ำตกปาโจ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ‘สายน้ำใส ธรรมชาติยิ่งใหญ่ พงไพรเขียวพิสุทธิ์’ น้ำตกปาโจเป็นน้ำตกใหญ่กลางป่าดิบอันชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ ของอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี น้ำตกชั้นที่ 1 ถือว่าสวยสุด เพราะเป็นผาหินลาดชันลงมากว่า 60 เมตร มีน้ำหลากไหลให้ชมและให้ลงแช่เล่นตลอดปี ยิ่งใหญ่มาก ที่สำคัญบริเวณผืนป่าข้างน้ำตกยังมี ‘ใบไม้สีทอง’ หรือ ‘ย่านดาโอ๊ะ’ เลื้อยพันอยู่อย่างสวยงาม นับเป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นที่ค้นพบครั้งแรกของโลกที่นี่ เมื่อ พ.ศ. 2531 สร้างความงามแปลกตา คุณค่า และชื่อเสียงให้แก่ป่าดิบชื้นผืนนี้อย่างมาก

_TAK5350_TAK5375_BOT2163

4. ต้นกะพง (สมพง) ยักษ์ 30 คนโอบ อายุกว่า 100 ปี ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ‘อลังการไม้ยักษ์กลางพงไพร ไม่ไปไม่รู้’ ชวนกันไปเดินป่าระยะสั้นๆ แค่ไม่กี่ร้อยเมตร ข้ามลำห้วยใสๆ และป่าดิบชื้นสวยๆ เข้าไปชมต้นสมพงยักษ์ ยืนต้นตระหง่านกว่า 30 เมตร ทะลุเรือนยอดไม้อื่นขึ้นไปอย่างโดดเด่น โดยมีพูพอนขนาดใหญ่ตรงโคนต้นแผ่กว้างคล้ายปีก ค้ำยันลำต้นสูงลิบนี้เอาไว้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ฯ ทรงเคยเสด็จมาทอดพระเนตรแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2543

_IND8898 _IND8914 _IND8922

5. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง ‘บ้านของนกเงือก ราชาวิหคเหินหาวแห่งป่าฝนเขตร้อน’ ป่าฮาลา-บาลา เป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์บนรอยต่อชายแดนไทย-มาเลเซีย กินอาณาเขต 2 จังหวัด คือ นราธิวาส และยะลา ป่าผืนนี้มีนกเงือก (Hornbill) อยู่มากถึง 9 ชนิด จากทั้งหมด 12 ชนิด ที่มีในเมืองไทย ถือเป็นดัชนีบ่งชี้ความอุดมที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นนกชนหิน, นกเงือกหัวแรด, นกเงือกปากย่น, นกเงือกหัวหงอก, นกกก, นกแก๊ก, นกเงือกปากดำ, นกเงือกดำ, นกเงือกกรามช้าง ฯลฯ โดยเฉพาะนกชนหินนั้นถือว่าหายากสุดๆ อีกทั้งยังเป็นนกเงือกชนิดเดียวในเมืองไทยที่หนอกบนหัวของมันตัน ไม่กลวงเหมือนนกเงือกอีก 11 ชนิดที่เหลือ นอกจากนี้ ฮาลา-บาลา ยังมีเซียมัง (ชะนีดำใหญ่) เพียงแห่งเดียวในเมืองไทย และพบร่องรอยของกระซู่ ซึ่งเคยคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วจากเมืองไทยด้วย โดยกระซู่ได้เดินหากินข้ามไปมาระหว่างป่าของไทย-มาเลเซีย นับเป็นข่าวดีที่มันยังไม่หายไป

Bird นกกก นกกาฮัง นกเงือก 1 Bird นกกก นกกาฮัง นกเงือก 2

6. อ่าวมะนาว ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘หาดสงบงาม ณ ที่ท้องฟ้าจุมพิตผืนน้ำ’ ได้ยินชื่ออ่าวมะนาว อย่าสับสนกับอ่าวมะนาวที่ประจวบคีรีขันธ์เด็ดขาด เพราะอ่าวมะนาวของนราธิวาส เขาสวยบริสุทธิ์ เงียบสงบ มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง อ่าวมะนาวทอดตัวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง หาดนี้ยาวกว่า 4 กิโลเมตร สลับกับโขดหินเป็นช่วงๆ โดยด้านหนึ่งติดกับเขาตันหยงและพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ด้วย ริมหาดมีแนวต้นสนและป่าชายหาด (Beach Forest) ร่มรื่น เหมาะนั่งปิกนิก แต่ชายหาดน้ำลึกและคลื่นแรง ลงเล่นต้องดูความปลอดภัยดีๆ แค่เดินถ่ายภาพหรือป่ายปีนโขดหินหามุมสวยๆ ก็ Happy แล้วล่ะ ใครที่รักความสงบ มาเที่ยวอ่าวมะนาวต้องชอบแน่ เพราะมีมุมส่วนตัวให้เลือกเพียบ

_TAK5390_RAN0735 _TAK5405

7. หาดนราทัศน์ อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘หาดแห่งการพักผ่อน ที่ซึ่งเสียงคลื่นและเสียงกิ่งสนล้อลมแสนไพเราะ’ เป็นหาดรับแขกของเมืองนราธิวาสเลยก็ว่าได้ เพราะว่ากันว่าเป็นชายหาดสวยที่สุดของจังหวัดนี้ ทอดตัวยาวกว่า 4-5 กิโลเมตร สุดลูกหูลูกตา งามอย่างละมุนละไมด้วยเม็ดทรายละเอียดสีน้ำตาลอ่อนค่อนไปทางขาว ริมหาดมีแนวต้นสนทะเลขนาดใหญ่เรียงรายร่มรื่น เหมาะไปนั่งพักผ่อนหรือลงเล่นน้ำชิลชิล หรือจะไปนั่งฟังเสียงสนล้อลม ชมความงามของเกลียวคลื่นที่ทยอยกันสาดซัดเข้าหาฝั่ง นี่คือความสุขสงบในมุมเล็กๆ ของ ‘นราเมืองน่ารัก’

_BOT2247 _NAR1244 v2

8. ป่าพรุโต๊ะแดง (ศูนย์ศึกษาและวิจัยธรรมชาติป่าพรุสิรินธร) อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ‘ป่าพรุผืนใหญ่สุดแดนสยาม สุดยอดอาณาจักรลึกเร้นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพใต้ร่มไม้เขียว’ ป่าพรุ (Swamp Forest) คือระบบนิเวศน์พิเศษแสนเปราะบางที่พบไม่มากในเมืองไทย ป่าพรุโต๊ะแดงเนื้อที่กว่า 120,000 ไร่แห่งนี้ล่ะ คือป่าพรุผืนใหญ่ที่สุดของสยาม เก็บรักษาพืชพรรณและสัตว์ป่านานาชนิดเอาไว้ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ เขาจัดทำเส้นทางเดินป่าเป็นสะพานไม้ยกระดับอย่างดี พร้อมด้วยป้ายสื่อความหมายธรรมชาติ และจุดพัก ตลอดทางเราจะได้สัมผัสป่าพรุที่ยังมีชีวิต เป็นป่าที่มีน้ำขัง ทับถมด้วยเศษใบไม้ซากพืชซากสัตว์ จนน้ำและดินมีความเป็นกรดสูง ทว่าน้ำไม่เคยเน่าเสีย เพราะมีการไหลเวียนตลอด จึงมีปลาอาศัยอยู่ได้ โดยเฉพาะปลากะแมะ เสือปลา นาก ฯลฯ ส่วนพืชเด่นๆ เช่น หมากแดง กะพ้อ ระกำ หลุมพี หวาย หลาวชะโอน ฯลฯ ดูๆ ไปแล้วคล้ายป่าอะเมซอนเมืองไทยไม่มีผิดเลยนะ ฮาฮาฮา

_TAK5751_TAK5500_RAN0904 _TAK5591_IND7885_RAN0956

9. ตลาดน้ำยะกัง ริมคลองยะกัง อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘เกี่ยวก้อยกันไปนั่งชิลในตลาดน้ำสุดเก๋ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน’ ตลาดน้ำเปิดใหม่เก๋ไก๋ในตัวเมืองนราธิวาส เปิดเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. ในชุมชนยะกัง ซึ่งเป็นชุมชนโบราณคู่เมืองนรา มาวันนี้คนในชุมชนร่วมใจปรับโฉมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ สร้างสีสันและชีวิตชีวา โดดเด่นด้วยร้านขายตามทางเดินเลาะริมน้ำยาวกว่า 700 เมตร ซึ่งมีอาหารและขนมโบราณกว่า 100 ชนิดให้ชิม เพื่อเป็นการสืบสานตำนานขนมโบราณเมืองนราไม่ให้สูญหาย ส่วนที่นั่งชิลของนักท่องเที่ยวก็เก๋ยิ่งกว่า เพราะสร้างเป็นสะพานไม้และที่นั่งยืนลงไปในน้ำ ส่วนยามค่ำคืนจะมีการแสดงพื้นบ้านหลากหลายให้ชม นับเป็นมิติใหม่ของการท่องเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เลยทีเดียว

_IND8650 _IND8656 _IND8686 _KWA4402 _KWA4453

10. สะพานคอยร้อยปี อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ‘สะพานแห่งความโรแมนติก เชื่อมวิถีชีวิตสองฝั่งลำน้ำตากใบ’ เข้าไปสู่ชุมชนบนเกาะยาว เกาะที่ด้านหนึ่งติดแม่น้ำตากใบ อีกด้านติดทะเล มีหาดทรายขาวนวลน่าเที่ยว แต่กว่าจะมีการสร้างสะพานให้คนสัญจรสะดวก จากเกาะยาวข้ามมาฝั่งที่ทำการอำเภอตากใบ ก็ต้องรอกันนานถึง 100 ปี จึงเป็นที่มาของชื่อสะพานนี้ ขอบกว่าบรรยากาศบนสะพานสวยมาก อากาศสดชื่น เห็นแม่น้ำตากใบไหลเอื่อยๆ เย็นชื่นใจ ปัจจุบันสะพานไม้เก่า ยาว 345 เมตร เคียงคู่ด้วยสะพานปูนใหม่เอี่ยม เชื่อมโยงธรรมชาติและวิถีชีวิตสองฝากฝั่งเข้าด้วยกันอย่างสนิทแนบ

_IND9041 _IND9047 _IND9050 _KWA4910 _KWA4924

11. สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ‘สถานีรถไฟเก่าเล่าเรื่องอดีต อวลกลิ่นอายชายแดนแสนรุ่งเรือง’ เมื่อมาเห็นสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ก็ต้องบอกเลยว่า ‘ระยะทางอันห่างไกล จริงๆ แล้วคือเสน่ห์น่าเที่ยว’ เพราะสถานีรถไฟแห่งนี้ คือสถานีรถไฟสุดท้ายของเส้นทางรถไฟสายใต้ โดยอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ มากที่สุด ถึง 1,142 กิโลเมตร ติดต่อกับเขตแดนเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ของมาเลเซีย ตัวสถานีรถไฟมีดีไซน์สถาปัตยกรรมย้อนยุคน่ารักดี ยังเปิดใช้งานอยู่ ใครจะลองนั่งรถไฟเล่นๆ จากสุไหงโก-ลก กลับกรุงเทพฯ ก็ได้ มีบริการทุกวัน สอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สายด่วนรถไฟ โทร. 1690

_KWA4890_IND9036

12. หอนาฬิกาเก่า อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘Landmark เมืองนรา หอนาฬิกา หอรวมใจผู้คน’ แม้ไม่ใหญ่โต แต่ก็ถือเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองนราธิวาสมาช้านาน ทางเทศบาลเมืองนราธิวาสปรับปรุงขึ้นใหม่ ให้แข็งแรงสวยงาม เด่นที่หลังคาบนยอดหอนาฬิกา สร้างเป็นทรงปั้นหยามุงกระเบื้องว่าวแบบปักษ์ใต้ ไม่ละทิ้งเสน่ห์อัตลักษณ์ตัวตนคนนรา ในยามค่ำคืนจะเปิดไฟประดับสวยงาม อีกทั้งริมถนนใกล้ๆ ยังมีร้านขายชาชัก โรตี มะตะบะ ให้มานั่งสังสรรคกันอย่างฉันมิตรทุกค่ำคืน

_BOT2641

13. กลุ่มผลิตภัณฑ์กระจูด บ้านทอนอามาน ต.โคกเคียน อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘ด้วยสองมือและหัวใจ ถักทอจากเส้นสายสู่งานศิลป์’ กระจูด เป็นพรรณไม้จำพวกกกที่ขึ้นอยู่มากในป่าพรุแถบภาคใต้ ชาวบ้านนิยมนำมาทอเป็นเสื่อ กระบุง ตะกร้า ใช้กันในครัวเรือนมาเนิ่นนาน เช่นเดียวกับชาวบ้านทอนอามาน ที่ตั้งกลุ่มทำผลิตภัณฑ์กระจูดอันประณีต สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นขึ้นเมื่อ พ.ศ.2543 โดยใช้เวลาว่างหลังจากทำประมง มาช่วยกันทำผลิตภัณฑ์กระจูดที่มีทั้งรูปแบบดั้งเดิมและแบบที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้ทันสมัย จนกลายเป็น OTOP สำคัญที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของนราธิวาส ซึ่ง คุณพัชรินทร์ บินเจ๊ะมิง นอกจากจะเป็นผู้นำกลุ่มแล้ว ยังเป็นครูสอนในโครงการศิลปาชีพของสมเด็จพระราชินีด้วย สนใจเปิดให้เข้าชมและช้อปปิ้งทุกวัน โทร. 08-6289-6671, 0-7356-5070

_IND8625 _IND8634 _KWA4361 _KWA4368

14. วาเลนไทน์พันธุ์ไม้ บ้านตันหยงมะลิ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ‘สุดยอดอาณาจักรแคคตัสแดนใต้’ เป็นสวนกระบองเพชร หรือแคคตัส ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ รวบรวมกระบองเพชรไว้ไม่น้อยกว่า 300 สายพันธุ์ นับแสนๆ ต้น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชม ถ่ายภาพ ได้ฟรี  ไม่มีค่าผ่านประตู ไม่ซื้อไม่ว่า ขอให้มาเที่ยวก็ชื่นใจแล้ว ส่วนใครจะซื้อกลับบ้านแต่ไม่รู้จะเอาขึ้นเครื่องบินกลับยังไงดีนะ? เขาก็มีบริการส่งทั่วประเทศ ว้าว! ไฮไลท์ของที่นี่คือ ต้นกระบองเพชรยักษ์อายุ 20 ปี ที่เจ้าของปลูกเลี้ยงไว้ดูและถนุถนอนอย่างดี สนใจ โทร. 08-1957-2614 เว็บไซต์ www.valentinepanmai.com

_IND8931 _IND8934 _IND8954 _KWA4795

15. พิพิธภัณฑ์เมืองนราธิวาส อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘ศูนย์รวมเรื่องเล่าความเป็นมา จากเมืองบางนราสู่นราธิวาส’ ตั้งอยู่ที่ถนนพิชิตบำรุง ต.บางนาค ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส โดยใช้อาคารศาลากลางจังหวัดหลังเก่า มาพัฒนาจัดแต่งใหม่เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติความเป็นมา ศาสนา ชาติพันธุ์ ชนเผ่า งานศิลปหัตถกรรม เรือกอและ กีฬาปักษ์ใต้ อาหารถิ่น ฯลฯ รวมถึงวิถีชีวิตของชาวนราธิวาสในทุกแง่มุมอย่างละเอียด อาคารมี 2 ชั้น ชั้นล่างแบ่งเป็น 6 ห้อง ส่วนชั้นบนแบ่งเป็น 8 ห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระราชทานงานศิลปาชีพสู่นราธิวาสด้วย (พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. โทร. 0-7351-2207)

_KWA4182_IND8495 _IND8511 _IND8513 _IND8537 _KWA4193

16. พิพิธภัณฑ์คัมภีร์อัล-กุรอาน อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ‘สมบัติล้ำค่าแห่งแผ่นดิน ชมอัล-กุรอานสวยที่สุดในโลก!’ อัล-กุรอาน มาจากรากศัพท์ภาษาอาหรับแปลว่า ‘การอ่าน หรือ การรวบรวม’ เป็นคัมภีร์สุดท้ายที่อัลลอฮ์ได้ประทานแก่นบีมุอัมมัด ซึ่งชาวมุสลิมถือว่าเป็นนบีคนสุดท้าย และการจะเป็นชาวมุสลิมที่ดีได้ก็ต้องศรัทธาในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ปัจจุบันที่ โรงเรียนสมานมิตรวิทยา (ปอเนาะศาลาลูกไก่) ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ชั่วคราว เก็บรักษาคัมภีร์อัล-กุรอานโบราณ อายุ 150-1,100 ปี ไว้มากถึง 78 เล่ม (กำลังมีการสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ในบริเวณใกล้ๆ กัน คาดว่าจะเสร็จภายใน พ.ศ. 2561) ทั้งหมดเป็นปกหนังสัตว์ เนื้อกระดาษโบราณและเปลือกไม้ เขียนตัวอักษรด้วยหมึกสีดำเป็นภาษายาวีและภาษาอาหรับโบราณ บางเล่มใช้สี 5 สี ประดับทองคำเปลว งดงามมาก โดยมีอยู่เล่มหนึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็น ‘คัมภีร์อัล-กุรอานสวยที่สุดในโลกมุสลิม ตั้งแต่ปี 2016’ จากสถาบันหอสมุดสุไลมานียะห์ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เพราะมีการประดับทองคำเปลว และประดับลวดลายถึง 30 ลาย เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2256 โดยรูสะมีแล จังหวัดปัตตานี (สนใจเข้าชม โทร. 08-4973-5772, 09-5202-4342)

_IND8550 _IND8585 _KWA4250 _KWA4272

17. เหมืองทองโต๊ะโมะ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ‘เดินป่าผจญไพร ค้นหาหุบเขาทองคำที่ยังมีลมหายใจ’ ไม่น่าเชื่อเลยว่าในป่าดงดิบรกชัฏลึกเร้นของอำเภอสุคิริน บนเทือกเขาโต๊ะโมะและเขาลิโซ ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย เพียง 800 เมตร จะเป็นที่ตั้งของเหมืองทองคำเก่าอันมีชื่อเสียงลือลั่นไปทั้งประเทศ ในนาม ‘เหมืองโต๊ะโมะ’ ประวัติเล่าว่าเร่ิมต้นในอดีตมีชาวจีนคนหนึ่งชื่อ นายฮิว ซิ้นจิ๋ว นำคน 50 คน จากชายแดนมาเลเซีย เดินทางร่อนทองขึ้นมาตามลำห้วยลิโซ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำสายบุรี พวกเขาร่อนทองได้มากมายเมื่อเข้าใกล้ต้นน้ำ จึงเกิดยุคตื่นทอง ผู้คนนับพันเข้ามาตั้งหมู่บ้าน รัฐบาลไทยจึงตั้ง นายอาฟัด ลูกชายของนายฮิว แซ่จิ๋ว เก็บภาษีทองคำ แล้วให้ดำรงตำแหน่ง หลวงวิเศษสุวรรณภูมิ ต่อมาในยุคหลังฝรั่งเศสได้มาขอสัมปทานทำเหมือง ได้ทองคำเนื้อดีไปมากมาย และเมื่อล่วงถึงยุคโจรจีนผู้ก่อการร้ายมลายา เหมืองทองโต๊ะโมะก็ปิดตัวลงอย่างถาวร มีเพียงชาวบ้านละแวกนั้นเข้าไปร่อนทองหาค่ากับข้าวนิดๆ หน่อยๆ ส่วนอุโมงค์ลำเลียงยาว 1 กิโลเมตร ซึ่งเคยทะลุจากไทย-มาเลเซียได้ ก็ถูกปิดลงเช่นกัน ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติเหมืองทองคำที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของเรา

_IND8840 _IND8843 _IND8865 _KWA4658 _KWA4670 _KWA4676 _KWA4699

18. ชุมชนภูเขาทอง หมู่ 3 อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ‘ชุมชนมลายู-ลาว ปลายด้ามขวานทอง ไปดูบุญบั้งไฟแห่งเดียวในแดนใต้’ ไม่ห่างจากเหมืองทองคำโต๊ะโมะและศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะมากนัก คือที่ตั้งของ ‘ชุมชนบ้านภูเขาทอง’ หมู่บ้านของชาวอีสานที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ตามนโยบายรัฐบาลไทยในครั้งอดีต ด้วยนโยบายเมืองล้อมป่าต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยรัฐได้ให้ที่ดินครอบครัวละ 18 ไร่ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย และอีก 16 ไร่เพื่อทำการเกษตรปลูกยางพารา ทว่าพวกเขาไม่ได้มามือเปล่า แต่นำขบมความเชื่อและวัฒนธรรมจากอีสานมาด้วย ทุกวันนี้ชาวบ้านภูเขาทองจึงยังคงพูดอีสาน กินอาหารอีสาน เซิ้งแบบอีสาน และมีประเพณีบุญบั้งไฟในช่วงเดือนมิถุนายนทุกปี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมหมู่บ้าน ชมการเซิ้งร่อนทอง ชิมอาหารพื้นบ้าน และล่องแก่งด้วยเรือคายัคในฤดูที่มีน้ำพอเพียง นับเป็นกิจกรรมผจญภัยกลางแจ้งที่น่าสนุกตื่นเต้นไม่น้อยเลย

_KWA4748_KWA4714 _KWA4717 _KWA4722

19. มัสยิด 300 ปี บ้านตะโละมาเนาะ ต.ลุโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ‘สุดยอดงานสถาปัตย์แห่งศรัทธา งามข้ามกาลเวลาไม่เคยเสื่อมคลาย’ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘มัสยิดวาดีลฮูเซ็น หรือมัสยิดตะโละมาเนาะ’ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2167 โดยนายวันฮูเซ็น ฮัส-ซานาวี ผู้อพยพมาจากบ้านสะนอยานนา จังหวัดปัตตานี เดิมทีใช้ใบลานมุงหลังคา ต่อมาใช้กระเบื้องว่าว ตัวมัสยิดสร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีนประยุกต์ผสมมลายู โดยสร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือ สร้างเป็นอาคารสองหลังเชื่อมถึงกัน, มีฐานรองรับหลังคาหน้าจั่ว และหอขาน หรือหออาซาน สร้างด้วยศิลปะจีนประยุกต์งามแปลกตา นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ชมได้แค่ภายนอก แต่ถ้าอยากชมด้านในต้องขออนุญาตโต๊ะอิหม่ามประจำหมู่บ้านก่อน เพราะถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญยิ่งของจังหวัดนราธิวาส

_TAK5329 _TAK5344

20. วัดชลธาราสิงเห (วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย) หมู่ 3 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ‘หมุดหลักปักเขตแดนสยาม ความงามแห่งพุทธศิลป์ริมน้ำตากใบ’ เป็นหนึ่งในวัดสำคัญที่สุดของนราธิวาส เพราะเกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย ในยุคอาณานิคมอังกฤษ เพราะรัฐบาลไทยใช้วัดนี้ รวมถึงพุทธศาสนา และพุทธศิลป์ เป็นเครื่องต่อรอง อังกฤษจึงไม่ยึดผืนดินส่วนนี้ไป วัดชลธาราสิงเหตั้งอยู่ริมแม่น้ำตากใบ มองไปทางขวาจะเห็นสะพานคอยร้อยปีที่ทอดเข้าสู่เกาะยาวได้ชัดเจน ภายในวัดมีศาลาไม้ลวดลายสีสันงดงาม เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาสมบัติโบราณล้ำค่าของท้องถิ่น และมีพระอุโบสถหลังเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 งดงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือพระภิกษุชาวสงขลา ประดิษฐานพระประธานปิดทองอร่าม จนแลไม่เห็นพระโอษฐ์สีแดง และพระเกศาสีดำ วัดนี้บรรยากาศเงียบสงบดีมาก สามารถไปนั่งเล่นที่ศาลาไม้ริมแม่น้ำตากใบ ชื่นชมธรรมชาติได้ชิลๆ

1 2 3 4 5 6

21. ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ บ้านโต๊ะโมะ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ‘ต้นทางแห่งศรัทธาของลูกมังกร ใกล้เหมืองโต๊ะโม๊ะ’ ที่นี่คือ ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ (เจ้าแม่ทับทิม) ดั้งเดิม ซึ่งชาวจีนที่อพยพเข้ามาร่อนทองจากมาเลเซีย ช่วยกันก่อสร้างขึ้น ในยุคที่ฝรั่งเศสได้สัมปทานทำเหมืองทอง นายช่างหัวหน้าเหมืองชื่อ ‘กัปตันคิว’ ไม่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ หลายครั้งร่างทรงเจ้าแม่ทำนายไม่ให้ขุด ก็ยังดื้อรั้น จึงเกิดดินถล่มทับคนงานตายนับร้อย กัปตันคิวจึงเดินทางไปเมืองจีนเพื่อนำองค์จำลองเจ้าแม่กลับมาประดิษฐานไว้ที่ศาลในอำเภอสุคิริน ต่อมาเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมืองทองต้องปิดตัวลง ผู้คนแตกกระสานซ่านเซ็น เจ้าแม่จึงได้ไปเข้าฝันนายสรรกุล กับเถ้าแก่กังร้านบึงจีบฮวด พ่อค้าในอำเภอสุไหงโก-ลก ให้ช่วยกันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหาที่ดินและเรี่ยรายทรัพย์สร้างศาลเจ้าแม่ขึ้นใหม่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก ทุกวันนี้ชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงชาวจีนฝั่งมาเลเซียก็ยังเคารพศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้แม่มาก จนเรียกขานว่า ‘เจ้าแม่โต๊ะโมะ’ ตามที่ตั้งของศาลนั่นเอง

_IND8796 _IND8809 _KWA4583

22. ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ‘สืบสานตำนานเจ้าแม่ จากสุคิรินถึงถิ่นสุไหงโก-ลก กลิ่นอายแห่งศรัทธาไม่เคยจางไป’ เป็นศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะแห่งที่สอง ซึ่งย้ายมาจากอำเภอสุคิริน (ใกล้เหมืองทองโต๊ะโมะ) หลังจากที่ฝรั่งเศสหยุดทำเหมืองทอง และเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น ตัวศาลตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านเศรษฐกิจของอำเภอสุไหงโก-ลก มีชาวไทยและจีนจากฝั่งมาเลเซียเข้ามาสักการะจำนวนมากทุกวัน โดยเฉพาะในวันที่ 23 เดือน 3 ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันเกิดของเจ้าแม่ จะมีพิธีฉลองใหญ่ ผู้คนเข้าร่วมนับหมื่น

_IND9013 _IND9023 _KWA4841 _KWA4880

23. พุทธอุทยานเขากง ต.ลำภู อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘นมัสการพระพุทธรูปกลางแจ้ง งดงามและใหญ่ที่สุดในแดนใต้’ นราธิวาสเป็นเมืองสงบ เป็นดินแดนแห่งความเชื่อและศรัทธาของหลายศาสนา ที่มาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทั้งอิสลาม พุทธ จีน และอื่นๆ ใครไปสัมผัสก็ต้องประทับใจ อย่างที่ ‘วัดเขากง’ อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล องค์พระพุทธรูปกลางแจ้งที่ถือว่าสวยงามและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ องค์พระสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับกระเบื้องโมเสกสีทองอร่าม ศิลปะสกุลช่างอินเดียใต้ หน้าตักกว้าง 17 เมตร สูงถึง 24 เมตร ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาลูกย่อมๆ แลโดดเด่นน่าศรัทธาอย่างยิ่ง นับเป็นศูนย์รวมใจชาวพุทธเมืองนราที่สำคัญที่สุดก็คงจะไม่ผิดนัก

_BOT2029 _BOT2120 _BOT2135

24. พระพิฆเนศเมืองนรา ต.บางนาค อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘ตื่นตาพระพิฆเนศงามที่สุดในภาคใต้’ สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาเปี่ยมล้นของ คุณอินดาร์แซล บุศรี เจ้าของกิจการห้างดีวรรณพาณิชย์ในเมืองนราธิวาส เพราะตัวท่านเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะ ความเมตาและความสำเร็จ อีกทั้งท่านต้องการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทยที่ได้อาศัยมากว่า 60 ปี เพื่อให้องค์พระพิฆเนศเป็นที่สักการะบูชาสำหรับผู้ที่นับถือ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งมาจนถึงปัจจุบัน องค์พระพิฆเนศนี้มีขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร สูงถึง 16 เมตร ประทับนั่งในท่าลลิตาสนะ สวมศิลาภรณ์มงกุฎประดับโมเสคแก้วหลากสี งวงเยื้องไปทางขวาแล้วเวียนกลับมาทางซ้ายขององค์ เหนือพระนาคีมีสายธุรำเป็นงูแผ่พังพานใต้พระถันด้านซ้าย ส่วนงาข้างซ้ายนั้นหักเพื่อให้นำสิ่งไม่ดีออกไป ขณะที่พระหัตถ์ขวาบนถือดอกบัวเป็นสัญลักษณ์แทนสติปัญญา พระหัตถ์ขวาล่างถือประคำแสดงท่าประทานพรให้ความสำเร็จ พระหัตถ์ซ้ายบนถือปรศุและขอช้างรวมกันเป็นสัญลักษณ์ของการฟันฝ่าอุปสรรค ให้ความคุ้มครองและเดินไปสู่ความรู้โดยปราศจากมายา พระหัตถ์ซ้ายล่างถือชามขนมโมทกะเป็นสัญลักษณ์รางวัลแห่งความเจริญรุ่งเรือง

3_BOT2148

25. พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘บ้านของพระราชา-พระราชินี สถานที่ฝึกงานอาชีพแด่ราษฎร’ เป็นพระตำหนักทรงงาน ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 บนเขาตันหยงมัส เพื่อใช้เป็นที่ประทับทรงงานและแปรพระราชฐานของพระองค์ รวมถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยรอบพระตำหนักประดับด้วยพรรณไม้ดอกไม้ใบงดงามตลอดปี อีกทั้งยังมีส่วนอาคารฝึกศิลปาชีพให้ราษฎรด้วย โดยเฉพาะเครื่องปั้นดินเผา เครื่องจักสาน และเซรามิค นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมบริเวณภายนอก หรือติดต่อเป็นหมู่คณะเพื่อเข้าชมงานศิลปาชีพได้

_TAK5433 _TAK5439_RAN0788 _RAN0802_RAN0755 _RAN0778 _RAN0782

26. พระตำหนักสมเด็จย่า (พระตำหนักสุคิริน) อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ‘จากน้ำพระทัยสมเด็จย่า สู่ปวงประชาชาวสุคิริน’ ทรงพระราชทานชื่อ ‘สุคิริน’ ไว้ ณ ดินแดนนี้ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2507 ครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส เป็นครั้งแรก ดังลายพระหัตถ์ที่ได้พระราชทานเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และสมาชิกนิคมฯ ว่า “สุคิริน ขอให้นิคมนี้จงมีความเจริญรุ่งเรือง คนอยู่ในศีลธรรม เพื่อความสุขของตนเองและส่วนรวม” การรับเสด็จในครั้งนั้น ข้าราชการและเจ้าหน้าที่นิคมฯ ได้กราบบังคมทูลเชิญพระองค์ท่านเสด็จประทับ ณ เรือนรับรองนิคมฯ ซึ่งเป็นอาคารหลังเล็กๆ ที่เราได้เห็นกันในวันนี้

_KWA4572_IND8792 _KWA4570

27. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘ต้นแบบวิถีพอเพียง ทรงพระราชทานศาสตร์พระราชา เพื่อความสุขแห่งปวงประชาอย่างยั่งยืน’ เป็นศูนย์การพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 1 ใน 6 ศูนย์ฯ ของไทย ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงจัดตั้งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่ราษฎร์เผชิญอยู่ อย่างที่ศูนย์ฯ พิกุลทอง นี้ พระองค์ทรงต้องการแก้ปัญหาเรื่อง ดินเปรี้ยวจัด เพื่อให้ราษฎร์ธสามารถใช้พื้นที่ปลูกข้าวได้ จึงทรงทดลอง ‘แกล้งดิน’ ใช้น้ำสลับกับปูนขาวแก้ปัญหาดินเปรี้ยวได้สำเร็จ ด้วยพระอัจฉริยภาพอย่างสูง ปัจจุบันศุนย์ฯ พิกุลทองเป็นสถานที่ฝึกอบรมดูงานครบวงจรตามแนวพระราชดำริ ของพระองค์ท่าน ทั้งโครงการแกล้งดิน, หญ้าแฝก, การจัดการน้ำ, เลี้ยงปลา, ปศุสัตว์, ปลูกข้าว, ปลูกไม้ผลนานาชนิด, ไบโอดีเซล, งานป่าไม้ ฯลฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ราษฎร์ที่สนใจนำไปปฏิบัติโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนนักท่องเที่ยวก็เข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน แต่ถ้ามาเป็นหมู่คณะ ควรติดต่อล่วงหน้านะจ๊ะ โทร. 0-7363-1038 เขามีรถพ่วงพร้อมวิทยากรพานำชมฟรีจ้า

_RAN1007_IND9087 _IND9096 _KWA5015 _RAN1118 _TAK5926 _TAK5935

28. วิถีชีวิตริมแม่น้ำบางนรา อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส ‘วิถีคน วิถีน้ำ ความผูกพันที่ไม่มีวันจางคลาย’ บางนราเป็นแม่น้ำที่แยกออกจากแม่น้ำโก-ลก ที่อำเภอตากใบ แล้วไหลขึ้นสู่ทิศเหนือผ่านตัวเมืองนราธิวาส แล้วออกอ่าวไทยในที่สุด บริเวณใกล้ปากแม่น้ำมีชุมชนประมงของชาวบ้านอาศัยอยู่สองฟากฝั่ง แลเห็นอู่ซ่อมเรือ บ้านเรือนริมน้ำ และเรือกอและจอดเรียงรายนับร้อยลำ กินอยู่กันอย่างเรียบง่ายพอเพียง ผูกพันอยู่กับท้องทะเล สายลม แสงแดด เกลียวคลื่น ทุกเมื่อเชื่อวัน ตามประสาลูกทะเล ถ้าไปเที่ยวนราธิวาสคราวหน้า อย่าลืมแวะชมกันนะจ๊ะ มีมุมสวยๆ ให้เซลฟี่ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันเพียบ แต่ก็ต้องให้ความเคารพชุมชนด้วยล่ะ อย่าลืมนะ

_BOT2176 _BOT2177 _BOT2190 _NAR1542 N17

29. กรือโป๊ะ ‘ข้าวเกรียบปลาทะเลแสนอร่อย ขนมกินเล่น Signature เมืองนรา’ มาเที่ยวเมืองนราถ้าอยากหาของกินเล่นแบบท้องถิ่นแท้ๆ ล่ะก็ ต้องถามหา ‘กรือโป๊ะ’ (หรือ กือโป๊ะ = Keropok : ภาษามลายู) เป็นอันดับแรก เพราะมันคือข้าวเกรียบปลาแผ่นกลม บาง เคี้ยวกรุบกรอบ รสชาติออกเค็มนิดๆ หวานหน่อยๆ ยิ่งกินยิ่งมันจนหยุดไม่ได้ เพราะทั้งอร่อยและได้คุณค่าโปรตีนจากทะเลน่ะสิ จะกินธรรมดาหรือจิ้มซอสก็ได้ ตามใจชอบ หาซื้อได้ทั่วไปในร้านค้าริมถนน และร้าน OTOP ของจังหวัด

_BOT1974 _NAR0368_BOT1964

30. ปลากุเลาเค็ม อ.ตากใบ ‘สุดยอดอาหารถิ่น ที่ใครมากินก็ต้องติดใจ’ ปลากุเลาเป็นปลาทะเลชั้นดีมีราคา ที่คนนราธิวาสนิยมนำมาทำเป็นปลากุเลาเค็มแดดเดียว ทอดกินกับข้าว บีบมะนาวนิด ซอยหอมแดง โรยหน้าด้วยพริกขี้หนูลงไปหน่อย แหม แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว กินกับข้าวสวยร้อนๆ นะ เรียกว่าต้องเติมข้าวจานสองจานสามโดยไม่รู้ตัวเชียว มีชื่อเสียงที่สุดคือ ปลากุเลาเค็มอำเภอตากใบ แนะนำ ร้านอ้อยูงทองปลากุเลา (อยู่ใกล้กับสะพานคอยร้อยปี บนถนนเส้นเดียวกับที่จะไปวัดชลธาราสิงเห) โทร. 0-7358-1044, 09-2996-5641 เราสามารถซื้อขึ้นเครื่องบินกลับบ้านได้ เพราะเขามีกรรมวิธีแพ็กห่อพลาสติกและใส่กล่องเก็บกลิ่นอย่างดี สุดยอดจริงๆ

_IND9060_IND8491

31. ลองกองตันหยงมัส ‘สุดยอดผลไม้ปักษ์ใต้ ไม่ชิมไม่ได้แล้ว’ ถ้าไปเที่ยวนราธิวาสในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน อันเป็นช่วงที่ผลไม้ภาคตะวันออกอย่างระยอง จันทบุรี ซาหมดไปแล้ว เรายังมีโอกาสได้ลิ้มลอง ‘ลองกองตันหยงมัส’ (หรือ ลองกองซีโป) หนึ่งในสุดยอดผลไม้ปักษ์ใต้ ด้วยลักษณะเด่นคือออกผลเป็นช่อสวย เปลือกผลนุ่มคล้ายกำมะหยี่สีเหลืองทอง เนื้อล่อน เมล็ดน้อยหรือไม่มีเลย กลิ่นหอม รสหวานชื่นใจ และยังอุดมด้วยวิตามินบีและฟอสฟอรัส ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยลดความร้อนในร่างกาย ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นไข้ ตัวร้อน บรรเทาอาการร้อนในช่องปาก ลองกองตันหยงมัสจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของนราธิวาสไปโดยปริยาย มีแหล่งปลูกมากที่สุดอยู่ที่ อ.ระแงะ อ.ศรีสาคร และ อ.สุไหงปาดี

_BOT2092Untitled-1

Special Thanks : ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนราธิวาส (ดูแลจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา), สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แถลงความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไตรมาส 1 ปี 2561

2

27 มีนาคม 2561 ณ ห้องประชุมอโนมา 1 ชั้น 3 โรงแรมอโนมา แกรนด์ กรุงเทพฯ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำโดย นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แถลงข่าวดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาส 1/2561 เท่ากับ 101 ซึ่งอยู่ในระดับปกติ ทั้งนี้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวอันเนื่องจากเศรษฐกิจโลก นำโดย สหรัฐอเมริกาและกลุ่มยุโรปที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้การส่งออกของเอเชียปรับขยายตัวดี ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว ส่วนในไตรมาสที่ 2/2561 สทท. คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ เท่ากับ100 เป็นการคาดการณ์ในระดับปกติอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ประกอบการมีการปรับเพิ่มเป้าหมายผลประกอบการในไตรมาสหน้า และบางส่วนวางแผนที่จะปรับเพิ่มราคาสินค้าไปพร้อมๆ กับเพิ่มการจ้างงานและการลงทุน โดยในปี 2561 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 38.63 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.16 จากปี 2560 และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.14 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 17.37

3ในไตรมาสที่ 1/2561 สทท.คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.84 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.07 จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนในไตรมาส 2/2561 หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 9.10 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.93 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวจากประเทศในกลุ่มอาเซียน 2.66 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.37 นักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออก (รวมจีน) 3.74 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.48 นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะอยู่ที่ 1.25 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.62 จากปี 2560 ส่วนแนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศ ไตรมาสที่ 1/2561 มีนักท่องเที่ยวไทยวางแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ร้อยละ 25 ต่ำกว่าระยะเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 2/2561 เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 33 ซึ่งเพิ่มสูงกว่าปีก่อน 4สทท. มองว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติยังสามารถขยายตัวได้ดี ด้วยปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การเดินทางที่สะดวกรวดเร็วและง่ายขึ้น รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมกับแผนการตลาดเชิงรุกจากหน่วยงานภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เห็นควรให้ภาครัฐวางระบบพัฒนาการคมนาคมขนส่งให้มีมาตรฐานและเชื่อมต่อระบบการเดินทางต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสถานที่ท่องเที่ยว และสถานประกอบการในพื้นที่ท่องเที่ยว ให้เป็นไปตามมาตรฐานสอดคล้องกับความสามารถในการรองรับของพื้นที่ และออกแบบการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้นโยบายที่มีความสัมพันธ์กับการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและเข้าถึงทุกพื้นที่ ในส่วนของผู้ประกอบการควรพัฒนาคุณภาพสินค้า และการให้บริการให้อยู่ในมาตรฐานสากล    มีการทำงานร่วมกันในพื้นที่ระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น และส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรในสถานประกอบการเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าและบริการได้อย่างมีคุณภาพ 5นายศิเวก สัจเดว ผู้ก่อตั้งบริษัทไมนด์ทรี กล่าวถึงผลการวิเคราะห์ทัศนคติของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ว่า ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์โดยนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาใช้ในการแบ่งทัศนคติออกเป็น 4 ระดับ คือ Positive (สีเขียว) , Negative (สีแดง), Ambivalent (สีเหลือง) และ Neutral (สีเทา) โดยในการประมวลผลดัชนีความพึงพอใจสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวนั้นทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมกับบริษัท ไมนด์ทรี ได้ทำการพัฒนาโมเดลและระบบปัญญาประดิษฐ์ให้สอดคล้องกับดัชนี World Economic Forum Travel & Tourism Competitiveness Index จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ไตรมาส 1 ปี 2561 นักท่องเที่ยวมีทัศนคติต่อเมืองเชียงใหม่เป็นบวกมากที่สุด ร้อยละ 56 และมีทัศนคติเป็นบวกเพิ่มขึ้นสูงสุดจากทุกเมืองหลักเมื่อเทียบจากไตรมาส 4 ปี 2560 ส่วนพัทยาและภูเก็ตเป็นสองเมืองที่นักท่องเที่ยวมีทัศนคติเป็นบวกน้อยสุด ร้อยละ 46 และ ร้อยละ 50 ตามลำดับ ทั้งนี้จังหวัดกระบี่เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมีทัศนคติเป็นลบเพิ่มขึ้นสูงเมื่อเทียบจากไตรมาส 4 ปี 2560 6ในการวิเคราะห์ความเห็นนักท่องเที่ยวต่อโครงสร้างพื้นฐาน สนามบิน และการเชื่อมต่อทางอากาศ ได้ข้อสรุปว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีทัศนคติเป็นบวกต่อสายการบิน Qatar Airways ที่ได้ประกาศเปิดเที่ยวบินใหม่ เชื่อมต่อสู่สนามบินอู่ตะเภา บินตรงจากเมืองโดฮา (Doha) เพื่อเป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวพัทยา ส่วนทัศนคติของนักท่องเที่ยวต่ออาหารและร้านอาหารของประเทศไทยในไตรมาส 1 ปี 2561 พบว่ากระแสของ “ข้าวซอย”เป็นที่น่าสนใจมาก เนื่องจากทำให้ทัศนคติของนักท่องเที่ยวเป็นบวกต่ออาหารไทย โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่เกิดจาก ผู้กำกับชื่อดัง (Phil Rosenthal) ได้เปิดตัวรายการสารคดีอาหาร (Somebody Feed Phil) ผ่าน Netflix ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชม โดยออกอากาศตอนแรกในเดือนมกราคม 2561 รายการถ่ายทำที่กรุงเทพฯและเชียงใหม่ เน้นเรื่อง อาหารการกิน ว่าจะกินอะไร ? โดยนำเสนออาหารขึ้นชื่อทางภาคเหนือ ได้แก่ “ข้าวซอย” เกิดเป็นกระแสให้คนอเมริกันมีการเข้าไปค้นหาข้อมูลสูตรการทำข้าวซอยจาก Google เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 7

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

โทร 02 250 5500 ต่อ 1646-1648 อีเมลล์ info@thailandtourismcouncil.org

Explore Mie, Miracle of Kansai (Episode 4)

อิกะ นินจา 001วันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยวใน จังหวัดมิเอะ (Mie) ความสนุกสนานเข้มข้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย แต่ยิ่งทวีความน่าสนใจขึ้น จนเราต้องรีบตื่นเช้านั่งรถขึ้นไปทางตอนเหนือของจังหวัดมิเอะ เข้าสู่เขตภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยผืนป่าร่มรื่นที่ เมืองอิงะ (Iga) เพราะที่นี่คือ ‘ต้นกำเนิดนินจาญี่ปุ่น’ ซึ่งราเห็นกันในหนังนั่นแหละ!
อิกะ นินจา 002นินจาคือใคร และใครคือนินจา? พวกเขาคือนักรบนิรนามที่ทำงานในทางลับ เป็นภารกิจซ่อนเร้นอำพราง สอดแนม ล้วงความลับ โขมย ลอบฆ่า ที่โชกุนหรือไดเมียวในยุคอดีตสั่งให้ทำ ถือเป็นงานสกปรกที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น ผิดกับงานของเหล่าซามูไรที่ดูมีเกียรติในสังคม และสามารถเปิดเผยตัวออกสู่โลกได้ ทว่างานของนินจาก็สำคัญยิ่งยวด เพราะเป็นงานที่ช่วยให้เจ้านายของตนรบชนะ หรือคงอยู่ในอำนาจต่อไปได้ พวกนินจาจึงต้องฝึกฝนวิชากันอย่างหนักหน่วง ทั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การใช้อาวุธนานาชนิด การใช้ยาพิษ การรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ฝึกเทคนิคการอำพรางกาย การไต่ปีนที่สูง หรือแม้แต่การเดินบนผิวน้ำก็มีจริง ไม่ใช่เรื่องโกหก (เขามีรองเท้าชนิดพิเศษ ทำให้เดินบนผิวน้ำได้ ปัจจุบันจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์นินจาหมู่บ้านอิงะ)อิกะ นินจา 003วันนี้เรามาเที่ยวชม ‘หมู่บ้านนินจาอิงะ’ (Iga Ninja Village) ซึ่งถือเป็นพื้นที่ดั้งเดิมแท้จริง ของนินจา 1 ใน 2 สำนัก ที่โด่งดังที่สุดในแดนอาทิตย์อุทัย สายแรกคือ อิงะนินจา (Iga Ninja) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในจังหวัดมิเอะ และสายที่สองคือ โคงะนินจา (Koga Ninja) โดยนินจาเหล่านี้ได้เริ่มปรากฏชื่อขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยนาราและสมัยคามาคุระ เมื่อผู้นำทางศาสนาในศาลเจ้าชินโตต่างๆ เร่ิมเสื่อมอำนาจ เพราะถูกทางการปฏิรูประบบศาสนา เหล่าพระและนักบวชจึงพัฒนาการบำเพ็ญตบะตามป่าเขาห่างไกล ให้กลายเป็นวิชานินจาขึ้นมา นำนินจาในสังกัดไปออกรบรับใช้โชกุนและไดเมียว เพื่อรักษาฐานอำนาจตนอิกะ นินจา 004กระทั่งถึงยุคโชกุนโตกุกาวา อิเอยาสุ ถือเป็นยุคทองของเหล่านินจา เพราะโชกุนองค์นี้ได้นำนินจากว่า 200 คนจากก๊กของฮัตโตริ ฮันโซ เข้ามาใช้งาน ภาระกิจลับของนินจาจึงแพร่หลาย และถูกใช้งานรับใช้นายเพื่อความมั่นคงทางการเมือง กระทั่งล่วงเข้าปี ค.ศ. 1606 เมื่อโชกุนองค์อื่นๆ มีอำนาจขึ้นแทน ก็เลิกใช้งานนินจา เพราะถือว่าเป็นนักรบไร้เกียรติ เรื่องราวของนินจาอิงะและโคงะจึงค่อยๆ เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ และลดความสำคัญลงจนกระทั่งปัจจุบัน จนบางคนถึงกับกล่าวเย้ยหยันว่า เรื่องของนินจาเป็นเพียงตำนาน!!!อิกะ นินจา 005แม้วิถีทางของนินจาจะดูไร้เกียรติและทำงานสกปรกในสายตาใครบางคน แต่ชื่อ ‘นินจา’ ก็ดูมีเสน่ห์ลึกลับเสมอ สามารถดึงดูดความสนใจผู้คนได้ทุกยุคสมัย วันนี้เราได้มาถึงหมู่บ้านนินจาอิงะแล้ว และได้ชมการแสดงของนินจารุ่นใหม่ เหมือนการปลุกชีวิตนินจาอิงะขึ้นมาให้ได้ชมอย่างสนุกตื่นเต้น!

อิกะ นินจา 006นินจาเป็นนักรบในเงามืดที่ต้องเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นดาบ มีด เคียว กระบองคู่ หอก ง้าว สามง่าม หน้าไม้ ธนู มีดสั้น เข็มพิษ ลูกดอกอาบยาพิษ ดาวกระจาย และอีกมากมาย โดยนินจาอิงะจะแบ่งเป็น 3 ระดับความเก่ง ไล่ตั้งแต่เก่งมากสุดไปจนถึงเก่งน้อย คือ โจนิน (Jonin) เป็นพวกเก่งสุด ชูนิน (Chunin) เป็นพวกเก่งกลางๆ และ เงนิน (Genin) เป็นพวกเก่งน้อยสุด ต้องฝึกอีกเยอะว่างั้น
อิกะ นินจา 007การปีนป่ายขึ้นที่สูงด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ อย่างเชือกและตะขอ รวมถึงการปีนด้วยตัวเปล่า (คล้ายวิชาตัวเบาในหนังจีน) คือสิ่งที่นินจาทุกคนต้องฝึกจนชำนาญอิกะ นินจา 008ดาวกระจายคมกริบ คืออาวุธสังหารที่ถือเป็น Signature ของนินจาเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถซัดได้จากระยะไกล ทั้งเพื่อป้องกันตัว ใช้ถ่วงเวลาเพื่อหนี ทำให้ศัตรูหวาดกลัว และเพื่อสังหาร! การแสดงของอิงะนินจาวันนี้ เขาใช้ดาวกระจายจริงๆ ที่คมกริบ ทดลองซัดให้ดูเห็นๆ ขอบอกเลยว่าถ้าคนโดนเข้าไปคงไม่รอด!
อิกะ นินจา 009ในการรบของนินจา อาวุธทำลายล้างแรงสูงชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กัน คือ ธนูติดระเบิด! ใครโดนเข้าไป แหลกชัวร์!!!
อิกะ นินจา 0010โชว์การต่อสู้ของนินจา ต้องอาศัยความทักษะ ความว่องไว และความกล้าอย่างมาก เพราะใช้อาวุธจริงกันเลยนิ
อิกะ นินจา 0011แค่มีเชือกเส้นเดียวก็สามารถแย่งดาบจากศัตรูมาได้ และท้ายที่สุดสามารถสังหารศัตรูได้ด้วยดาบของศัตรูเอง นี่คือสุดยอดนินจาอิงะอิกะ นินจา 0012โชว์น่าตื่นเต้นอีกอย่างคือ การสาธิตใช้ดาบคาตานะ (ดาบซามูไรญี่ปุ่น) ฟันท่อนฟางให้ขาด 3 ท่อน แบบเนียนๆ ภายในพริบตาแค่ไม่เกิน 3 วินาที!!!อิกะ นินจา 0013ตลอด 30 นาที ของการดูโชว์ เต็มไปด้วยความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ปนอารมณ์ขัน ไม่มีคำว่าน่าเบื่อเลย แต่เขาห้ามถ่ายภาพนะครับ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนสมาธินักแสดง เพราะเขาใช้อาวุธจริงแสดงทั้งหมด ใครที่พาเด็กไปดูด้วย ก็ต้องจับลูกหลานคุณไว้ให้ดี ส่วนใครที่อยากถ่ายภาพจริงๆ ก็ต้องขออนุญาตให้ถูกต้องก่อน
อิกะ นินจา 0014เมื่อชมโชว์นินจาจบแล้ว ก็ได้เวลาเข้าชมบ้านของนินจา ซึ่งต่างจากบ้านคนธรรมดานะจะบอกให้ เพราะในบ้านมีค่ายกล ห้องลับ และที่หลบซ่อน ทางหนีมากมาย จนศัตรูที่บุกเข้ามางงงวย นินจาจึงหนีออกไปได้ หรือสามารถย้อนกลับมาจัดการกับผู้บุกรุกได้สบายๆอิกะ นินจา 0015แม้แต่พื้นบ้านของนินจาก็ใช้แอบซ่อนดาบสั้น ดาวกระจาย เงิน และตะปูเรือใบ เพื่อใช้ในการต่อสู้หรือหลบหนีแบบฉุกเฉิน ถ้าคุณคิดจะบุกเข้าไปฆ่านินจาในบ้านของพวกเขาด้วยดาบคาตานะอย่างยาวล่ะก็ อย่าหวัง เพราะบ้านนี้มีเพดานเตี้ยมาก และมีคานเพดานถี่ การใช้ดาบยาวในบ้านจึงไม่คล่องตัว ต้องใช้ดาบสั้นแทนนะจ๊ะอิกะ นินจา 0016ก่อนอำลา ถ่ายภาพกับเหล่านินอิงะนินจา โดยเฉพาะพี่นินจาชุดดำ แหม ทาคิ้วเข้มเหมือนกับจะไปเล่นงิ้วแน๊ะ ฮาฮาฮาmitzui outlet park 001ออกจากหมู่บ้านนินจาอิงะ เรานั่งรถยิงยาวขึ้นไปทางเหนือของมิเอะ จนถึง เมืองคุวานะ (Kuwana) เพื่อกินข้าวเที่ยง และช้อปปิ้งรอ เตรียมขึ้นเครื่องบินกลับบ้านที่สนามบินนาโงย่าในตอนค่ำ และคงจะไม่มีสถานที่ไหนดีไปกว่าการไปช้อปปิ้งทิ้งท้ายที่ Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima เอาท์เล็ทที่มีสินค้าแบรนด์เนมละลานตาในราคาพิเศษ ให้เลือกกันอย่างจุใจ
mitzui outlet park 002 mitzui outlet park 003เอาท์เล็ทแห่งนี้เปรียบเสมือนเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ที่เราสามารถเดินช้อปปิ้งกันได้ทั้งวัน เพราะมีสินค้าทั้งของเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย ให้เลือกกันนับร้อยๆ แบรนด์mitzui outlet park 004ใช้เวลาอยู่ที่นี่อย่างต่ำต้อง 3-4 ชั่วโมง หรือต้องจัดให้ครึ่งวันไปเลย จะได้สะใจ ไม่ต้องรีบร้อนNabana No Sato 001เย็นมากแล้ว เรามุ่งหน้าไปอำลามิเอะกันที่แหล่งท่องเที่ยวสุดอลังการงานสร้าง ซึ่งมีการประดับประดาไฟในฤดูหนาวอย่างยิ่งใหญ่ ถือว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลย คือ Nabana No Sato สวนพฤกษศาสตร์สวย 4 ฤดู ที่เที่ยวชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะจุดเด่นคือ ‘อุโมงค์ไฟฤดูหนาว’ ที่เหมือนช่องทางเดินขึ้นสู่สวรรค์Nabana No Sato 002แต่ก่อนฟ้าจะมืดและไฟจะเปิดโชว์เต็มที่ ก็ได้เวลา Dinner ปิ้งย่างส่งท้ายทริปกันซะก่อนNabana No Sato 003ร้านอาหารของ Nabana No Sato บรรยากาศดีเยี่ยมNabana No Sato 004ยกมาเสิร์ฟแล้ว กับสารพัดเมนูปิ้งย่าง ที่เติมได้ตลอดNabana No Sato 005 Nabana No Sato 006Nabana No Sato เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ งดงามทั้ง 4 ฤดู มีดอกไม้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเบ่งบานให้ชมไม่รู้เบื่อ อย่างดอกไฮเดรนเยียในต้นฤดูร้อน ทุ่งคอสมอสในต้นฤดูใบไม้ร่วง และช่วงฤดูใบไม้ผลิเด่นด้วยดอกซากุระ ทิวลิป กุหลาบ แด๊ฟโฟดิล ฯลฯ บานสะพรั่ง ทว่าไฮไลท์จริงๆ อยู่ที่ การประดับไฟในฤดูหนาว (Winter Illumination) ที่มีหลอดไฟกว่า 200 ล้านหลอด และอุโมงค์ไฟอันน่าตื่นตา!Nabana No Sato 007 Nabana No Sato 008โรแมนติกสุดๆ ถ้ามาเป็นคู่Nabana No Sato 009 Nabana No Sato 0010เดินเที่ยวชมภายในสวนอันกว้างใหญ่ ทุกแห่งหนล้วนประดับไฟสว่างไสวเรืองรองNabana No Sato 0011 Nabana No Sato 0012แม้แต่สวนดอกไม้ก็ยังเที่ยวชมได้ในยามราตรี เมื่อมีแสงไฟมาช่วยเติมแต่งให้สว่างไสวขึ้นNabana No Sato 0013 Nabana No Sato 0014ภาพนี้บอกไม่ถูกเลย ว่าคนหรือดอกไม้ ใครสวยกว่ากันNabana No Sato 0015เดินเที่ยวสวน Nabana No Sato ในคืนพระจันทร์เต็มดวง อากาศเย็นสบายกำลังดี และมีดอกไม้เบ่งบานอยู่รอบๆ ตัว นี่สวรรค์หรือโลกมนุษย์กันแน่นะ?Nabana No Sato 0016อีกจุดที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ สวน Nabana No Sato คือโรงเรือนปลูกต้นบีโกเนีย (Begonia) เขาไม่ได้ปลูกกันแค่ต้นสองต้น แต่ะปลูกกันเป็นหมื่นๆ ต้น! ทั้งแบบใส่กระถางลงดิน และแบบห้อยระย้าลงมาจากเพดาน ละลานตาด้วยสีสัน Colorful ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้Nabana No Sato 0017จะเดินถ่ายภาพให้จุใจ หรือนั่งเฉยๆ ปล่อยอารมณ์ไปกับดอกบีโกเนียรอบตัว ก็เอาที่สบายใจเลยNabana No Sato 0018สวยจริง สวยจัง ทั้งดอกไม้ทั้งคนNabana No Sato 0019 Nabana No Sato 0020 Nabana No Sato 0021 Nabana No Sato 0022 Nabana No Sato 0023 Nabana No Sato 0024นอกจากดอกบีโกเนียแล้ว ในโรงเรือนอื่นๆ ก็ยังมีดอกไม้นานาชนิดให้ชื่นชม โดยเฉพาะดอกทิวลิปหลากสีNabana No Sato 0025 Nabana No Sato 0026มุมน่ารักๆ เก๋ๆ มีให้เดินเก็บภาพนับไม่ถ้วนNabana No Sato 0027สุดท้ายคือโรงเรือนพรรณไม้เขตร้อน จำพวกเฟิน (Fern) อย่างในภาพนี้คือ เฟินต้น (Tree Fern) เป็นเฟินขนาดใหญ่มีลำต้นสูงเหมือนมะพร้าว และจัดเป็นเฟินโบราณที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคจูราสสิก ครั้งที่ยังมีไดโนเสาร์เดินดุ่มๆ อยู่บนโลกโน่นเลย!Nabana No Sato 0028 Nabana No Sato 0029มาถึงแล้ว ไฮไลท์ของสวนพฤกษศาสตร์ Nabana No Sato คือ อุโมงค์ไฟ Winter Illumination ที่จะประดับประดาให้ชมกันเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น โดยอุโมงค์ไฟนี้ยาว 200-300 เมตร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกันมากที่สุด จึงต้องแบ่งๆ กันนะจ๊ะ ใจเย็นๆ จะได้ภาพสวยกันครบทุกคน
Nabana No Sato 0030ภาพแห่งความประทับใจของเราสองคนเนอะNabana No Sato 0031ไฮไลท์อีกอย่างของ Nabana No Sato คือสวนไฟนับแสนๆ ดวง ที่จัดแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหวควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ โดยปีนี้มีคอนเซ็ปต์นำตัวการ์ตูนชื่อดัง Kumamon เจ้าหมีสีดำแก้มแดงอันแสนน่ารัก มาเป็นตัวพระเอกดำเนินเรื่อง นำเราท่องเที่ยวมิเอะใน 4 ฤดู งดงามอลังการ หาชมได้ยากจริงๆ
Nabana No Sato 0032 Nabana No Sato 0033 Nabana No Sato 0034นอกจากอุโมงค์ไฟ สวนไฟ และโรงเรือนดอกไม้นับร้อยๆ ชนิดแล้ว การเดินชมแสงไฟที่ประดับอยู่ทั่วสวนและสระน้ำในยามราตรี ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่หาชมไม่ได้ในบ้านเรา
Nabana No Sato 0035หอคอยจานบิน (อันนี้เราตั้งชื่อเอง) ให้คนขึ้นไปอยู่ข้างบน จากนั้นเสาจะยกตัวขึ้น พร้อมกับจานบินหมุนไปรอบๆ อย่างช้าๆ กลางอากาศ ให้เราได้ชมวิว 360 องศา ของดวงไฟนับล้านที่ประดับสวนในยามราตรี Amazing!Nabana No Sato 0036 Nabana No Sato 0037 Nabana No Sato 0038 Nabana No Sato 0039ปิดท้ายลงอย่างน่าประทับใจ กับทริปเที่ยวจังหวัดมิเอะ 4 วัน 3 คืน ทำให้เราได้เห็นญี่ปุ่นในมุมมองที่ต่างไป ภาพของธรรมชาติงดงาม มิตรไมตรีของผู้คน อาหารแสนอร่อย ที่พักอุ่นสบาย และการช้อปปิ้งสุดมันส์ ทำให้เราบอกตัวเองว่า ต้องกลับมามิเอะอีกรอบแล้วรอบเล่า เพราะที่ได้สัมผัสมาใน 4 วันนี้ มันแค่เสี้ยวเดียวของมิเอะ ยังมีสถานที่แปลกใหม่น่าสนใจรอเราอยู่อีกนับไม่ถ้วน

แล้วเราจะกลับมาอีกนะ ดินแดนอันแสนน่ารักนามว่า ‘มิเอะ’logo World Pro

Special Thanks : บริษัท เวิล์ดโปร แทรเวิล จำกัด (World Pro Travel Co., Ltd.) สนับสนุนการเดินทางจัดทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดีเยี่ยม

สนใจไปเที่ยวมิเอะ ติดต่อ โทร. 0-2026-3372, line id : wpoutbound หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.worldprotravel.com/tour-program

และ www.facebook.com/WorldProTravel หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ outbound@worldprotravel.com