อึ้ง ทึ่ง เสียว กับที่สุดสวนน้ำระดับโลก Vana Nava Hua Hin
ไปหัวหินครั้งหน้าต้องแวะไปเช็กอิน เล่นน้ำที่นี่ซะหน่อยแล้ว!! Vana Nava Hua Hin (วานา นาวา หัวหิน) สวนน้ำระดับโลก คอนเซ็ปต์ “Water Jungle” แห่งแรกในเอเซีย ของบ.พราว เรียลเอสเตท บริหารงานโดยคุณพราวพุธ ลิปตพัลลภ ยกเอาเครื่องเล่นสุดมันและหวาดเสียวกระชากอะดรีนาลีนมาให้คนไทยได้สนุก ตื่นเต้น ดับร้อนกัน พร้อมเปิดให้บริการ วันที่ 1 ธันวาคม นี้!
บนพื้นที่ 20 ไร่ ใจกลางเมืองหัวหิน ได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวนน้ำ สถานที่พักผ่อนระดับโลก ถือเป็นแห่งแรกในหัวหิน ที่รวมเอาสวนน้ำและความบันเทิง สถานที่พักผ่อน รับประทานอาหาร และสังสรรค์กับเพื่อนไว้ในที่เดียวกัน เหมาะกับทุกเพศวัย ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว มาเฮฮา จัดงานปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง หรือจัดงาน Event แบบ Exclusive
ค่าเข้าเมื่อเทียบกับความอลังการของเครื่องเล่นแต่ละชิ้นและ facilities ต่างๆ ที่ทางสวนน้ำจัดไว้ให้นั้น ถือว่าคุ้ม ยิ่งมาเป็นครอบครัว สามารถซื้อเป็นตั๋วแพ็กเกจได้ด้วย
ซื้อตั๋วแล้ว ทุกคนก็จะได้สายรัดข้อมือ RFID คนละ 1 เส้น ใช้แทนเงินสดและกุญแจล็อกเกอร์ โดยสามารถเติมเงินได้ตามความต้องการ ที่จุดบริการที่จัดไว้ให้ภายในสวนน้ำ จะได้เล่นน้ำให้สนุกแบบสบายใจ ไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์ให้ยุ่งยาก
เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็พร้อมลุยกันได้เลย! Vana Nava จะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักๆ คือ โซนแอดเวนเจอร์และโซนวอเตอร์จังเกิ้ล รวมมีเครื่องเล่นทั้งหมดถึง 19 ชนิดด้วยกัน ทุกชนิดปลอดภัยได้มาตรฐานระดับโลก มีการ์ดคอยดูแลอยู่ภายในสวนน้ำทั้งหมดถึง 160 คน และเครื่องเล่นแต่ชนิดก็จะมีการจำกัดความสูงผู้เล่นเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย
Surf Zone ใครอยากลองเล่น surf ที่นี่เขาก็มีทีมงานคอยสอนวิธีเล่น surfboard และ bodyboard ด้วยนะ เช็กเวลาสอนได้จากตารางเวลาที่กำหนด
The Abyss (ดิ อะบิส) ถือเป็นไฮไลต์ของ Vana Nava เลย มาแล้วห้ามพลาด กับสไลเดอร์น้ำที่ได้รับการบันทึกว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!
ส่วนเครื่องเล่นที่ถือว่ายาวที่สุด คือ Boomerango (บูมเมอแรงโก)
เสียวที่สุดต้องตัวนี้ Free Fall สไลเดอร์ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังไม่แพ้เครื่องเล่นอื่น กับการทิ้งดิ่งตัวลงมาบนรางในระดับ 80 องศา แทบจะตั้งฉากเลยนะเนี่ย
อีกเครื่องเล่นที่กระชากอะดรีนาลีนกันแบบสุดๆ ไปเลยเห็นจะเป็นเจ้านี่ Aqua Loop Slider ตีลังกา เหวี่ยงหมุน 360 องศา ท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก
สามเครื่องเล่นที่สร้างความเสียว ด้วยการนั่งบนห่วงยางและไหลลงมาตามท่อในระดับความเร็ว 18-50 กม./ ชม.
RainFortress เครื่องเล่นสำหรับเด็กที่รับรองผู้ใหญ่ยังอยากแย่งเล่น เพราะมีสไลเดอร์ถึง 7 อัน และถังน้ำยักษ์ที่จะเทน้ำปริมาณมหาศาลถึง 2,000 ลิตรลงมาให้ความฉุ่มช่ำ สนุกสนานทุกๆ 4 นาที
ใครไม่ชอบความเสียว อยากผ่อนคลายสบายๆ ก็ต้อง Lazy River สายน้ำแห่งการผ่อนคลายที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เพียงนั่งบนห่วงยาง แล้วปล่อยตัวสบายๆ ล่องลอยชมบรรยากศของสวนน้ำป่าเขตร้อน ลดเลี้ยวลอดใต้สะพาน ผ่านน้ำตก และสไลเดอร์ระดับโลกทั่วสวนน้ำ วานา นาวา
เล่นน้ำมาเหนื่อย แวะพักจิบเครื่องเดื่มเย็นๆ ได้ที่ Infinity Pool จิบเครื่องดื่มโปรดปรานจาก Fisherman’s Tavern
หรือถ้าหิวก็แวะมาที่ Fisherman’s Cafe’ สั่งอะไรรองท้องก่อนไปมันกันต่อ ที่นี่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้นภายในบริเวณสวนน้ำ ภาชนะทุกชิ้นที่นำมาใช้จะเป็นกระดาษเท่านั้น
นอกจาก Fisherman’s Cafe’ แล้ว ที่นี่ยังมี
– ศูนย์อาหาร The Groove ศูนย์อาหารแบบเปิดขนาดใหญ่ ที่มีอาหารให้เลือกทั้งไทย จีน ฝรั่ง และซีฟู้ด ราคาคุ้มค่า วัตถุดิบคุณภาพ
– Tree Top Lounge บริการอาหารว่างและเตรื่องดื่มชั้นเลิศและค็อกเทลมากมาย
– Surf Bar เสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ เมนูชิกๆ จังหวะดนตรีมันๆ พร้อมชมลีลาการโต้คลื่นที่ surf zone ได้ด้วย
– ร้านกาแฟอเมซอน จิบกาแฟเคล้าบรรยากาศสวนน้ำท่ามกลางป่าเมืองร้อน
สระคลื่นเทียม
สระคลื่นเทียมและ Coconut Beach บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 1,600 ตรม. แห่งเดียวของประเทศที่ใช้ทรายจริงโอบรอบสระน้ำ ในสระสามารถสร้างคลื่นเทียมได้หลายระดับ ตั้งแต่คลื่นซัดชายหาดเบาๆ ไปจนถึงคลื่นยักษ์ให้ได้สนุกกัน ใครอยากอาบแดดก็มีเตียงไว้บริการ หรือบีชฮัทไว้พักเหนื่อยและหลบร้อนได้
ถ้าอยากเก็บภาพบรรยากาศความสนุกสนาน ประทับใจ อยากเห็นว่าใครในก๊วนกรี๊ดหวีดเสียวทำหน้าเหยเกที่สุด ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องพกกล้องให้กลัวเปียกกลัวพัง เพราะที่นี่มีบริการถ่ายภาพและบันทึกภาพโดยช่างภาพมืออาชีพ แถมถ่ายปุ๊บกดโหลดแชร์ลง Facebook ได้ที่เครื่องให้คนอื่นอิจฉาได้ปั๊บ แถมยังสั่งพิมพ์เก็บเป็นที่ระลึกเอากลับบ้านได้ทันที
สวนน้ำ Vana Nava Hua Hin (วานา นาวา หัวหิน) ช่วงปกติเปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 18.00 น. ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และช่วงฤดูท่องเที่ยวเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน จะเปิดให้บริการถึง 22.00 น.
สอบถาม เช็กข้อมูล และติดตามส่วนลด โปรโมชั่น กิจกรรมพิเศษต่างๆ ได้ที่ www.vananavahuahin.com หรือ www.facebook.com/vananavahuahin
10 ที่เที่ยวฟรุ้งฟริ้ง รับลมหนาว 2
1. ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ความงามของดอก Maxican Sunflowers นับล้านๆ ดอก จะบานขึ้นพร้อมกันเพื่อรับสายลมหนาวแรก ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เปลี่ยนเทือกดอยแม่อูคอให้กลายเป็นสวรรค์แห่งผืนพรมสีเหลืองสดใส ตระการตา ตัดกับสีของฟ้าหน้าหนาว เห็นแล้วนึกอยากจะวิ่งจีบกันแบบหนังอินเดียบ้างไรบ้าง อิอิ
2. ผาชู้ ผาหัวสิงห์ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน หนึ่งในจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดของดินแดนล้านนาตะวันออก น่าน ใครขยันตื่นเช้าจะได้รับรางวัลเป็นภาพสวยๆ ของทัศนียภาพทะเลหมอกตระการตา อาบแสงแรกสีทองของตะวันยามเช้า บวกกับตำนานรักผาชู้ ระหว่างเจ้าเอื้องผึ้ง กับเจ้าจันทน์ผา ที่มั่นคงในรักแท้ แม้ไม่สมหวัง แต่ก็พากันโดดลงไปจากหน้าผานี้ กลายเป็นตำนานเล่าขานมาจวบจนปัจจุบัน
3. ดอยภูคา จังหวัดน่าน เทือกดอยตระหง่านสูงเสียบเมฆ กว่า 1,980 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บ่มเพาะความหนาวและความพิสุทธิ์ของธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งใหญ่ด้วยทะเลหมอกขาวราวปุยนุ่น เคียงคู่ผืนป่าโบราณ ที่อุดมด้วยพืชพรรณาหายากนานาชนิด ทั้งเมเปิลภูคา, ชมพูภูคา, เต่าร้างยักษ์ภูคา, กระโถนฤาษี ฯลฯ แถมฟ้าบนดอยยังกระจ่างใส เหมาะจะดูดาว และยามเช้ายังเหมาะสำหรับกิจกรรมดูนก โดยเฉพาะนกอพยพฤดูหนาวแสนน่ารักจากซีกโลกเหนือของโลก
4. ทะเลหมอกหยุนไหล บ้านสันติชล อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในฤดูหนาวนี้ จากบ้านสันติชลต้องนั่งรถของชาวบ้านขึ้นสู่ยอดเขาจุดชมทะเลหมอก ตั้งแต่ก่อนย่ำรุ่งผู้คนก็คลาคล่ำ พากันมาเก็บเกี่ยวความเย็นฉ่ำของอากาศ และสายหมอกดอกไม้ รอจนตะวันเริ่มฉานฉาย สาดแสงสีทองอาบทะเลหมอกที่ลอยเป็นแพแน่นอยู่เบื้องล่าง ถ้าลมไม่แรง ทะเลหมอกนี้จะอยู่ไปจนถึง 10 โมงเช้าเลยล่ะ หนาวๆ อย่างนี้ เรามากอดกันดีกว่านะ!
5. ทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก ป่าสนผืนใหญ่ที่กระจายสลับอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างบนเนินเขา ยามฤดูฝนจะเขียวสด แต่ยามฤดูหนาว-ฤดูร้อน จะกลายเป็นทุ่งหญ้าสีทองที่มีเสน่ห์แปลกตาไปอีกแบบ จากทุ่งแสลงหลวงเราสามารถนั่งรถกระบะเข้าสู่ทุ่งนางพญา เพื่อกางเต็นท์แค้มปิ้งท่ามกลางธรรมชาติ นอนฟังเสียงใบสนลู่ลมดังเกรียวกราว และตื่นเช้ามาชมทะเลหมอกกับฟ้าหลากสี ไม่เคยซ้ำกันเลยสักวันเดียว
6. สวนสนบ่อแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ ความงามอันน่าตื่นตาราวกับว่าไม่ใช่เมืองไทย! นี่คือป่าสนสามใบ เนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ที่ปลูกไว้ทดลองทำเยื่อกระดาษ แต่ท้ายที่สุดได้กลายเป็นจุดแวะท่องเที่ยว บนเส้นทางฮอด-แม่สะเรียง ช่วง กม.36 ใครผ่านไปผ่านมาก็นิยมจอดรถแวะถ่ายรูปคู่กับทิวสนแสนสวย ลำต้นตรงชะลูด อากาศสดชื่นเย็นสบาย บรรยากาศโรแมนติกน่าบอกรักกันเป็นที่สุด
7. ดูดอกไม้เมืองหนาว บ้านแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าห่างจากกรุงเทพฯ ไปไม่ไกลในเขตป่าตะวันตก จะมีผืนป่าสมบูรณ์ เทือกเขาสลับซับซ้อน และอากาศสดชื่นเย็นสบายเป็นที่สุด โดยเฉพาะในฤดูหนาว อุณหภูมิจะลดต่ำลงถึงขนาดปลูกดอกไม้เมืองหนาวให้ผลิดอกอวดกันได้อย่างไม่อายใคร ต้องไปที่ “ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 73 อุทัยธานี” ซึ่งเป็นการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูงให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เฉพาะฤดูหนาวจะมีแปลงดอกไม้นานาพันธุ์ให้ชม ทั้งดอกลิลลี่ทุกสี และดอกทิวลิปแดงจี๊ดจ๊าดจริง
8. สวนสตรอว์เบอร์รี่ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ขับรถขึ้นไปรับลมหนาวบนยอดดอยสูง ชมดงดอกนางพญาเสือโคร่งอีกแห่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เสร็จแล้วได้เวลาพากันไปชิมสตรอว์เบอร์รี่สดๆ อร่อยๆ เนื้อฉ่ำๆ ลูกสีแดงเต่งตึง ปลูกกันเนื้อที่กว้างใหญ่ตามลาดไหล่เขาโดยชาวบ้านที่นี่ ซึ่งเปลี่ยนอาชีพจากการบุกรุกป่า หันมาปลูกสตรอว์เบอร์รี่ขายได้กำไรงาม ชวนกันไปเดินเล่น ถ่ายภาพ และซื้อสตรอว์เบอร์รี่หวานฉ่ำ อุดหนุนกระจายรายได้ให้ชาวบ้านด้วยนะจ๊ะ
9. บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง หนาวๆ อย่างนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ลงแช่ในบ่อออนเซ็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่น เพื่อคลายหนาว แต่ขอโทษ ไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่น แค่ที่ลำปางก็มีให้แช่แล้วล่ะ ฮาฮาฮา ก็ที่บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนไงล่ะ ที่นี่เขามีบ่อน้ำแร่ร้อนน้อยใหญ่ 9 บ่อ กระจายอยู่ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ เป็นบ่อกลางแจ้งเดือดปุดๆ อุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียส ส่งควันฉุย แต่ที่เจ๋งคือ เขามีการต่อท่อเข้ามาในห้องแยกหญิงชายอย่างดี ให้เราอาบแช่ผ่อนคลายเหนื่อยล้า หรือรักษาโรคภัยไข้เจ็บบางอย่างได้ด้วย อาบแช่แล้วที่แน่ๆ คือ ผิวพรรณผุดผ่อง จริงไม่จริงต้องไปพิสูจน์กันแล้วล่ะ
10. น้ำพุร้อนเทพพนม อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ บ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติอันแสนอัศจรรย์ ที่มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นจากใต้พิภพ อุณหภูมิสูงถึง 99 องศาเซลเซียส กลิ่นกำมะถันค่อนข้างแรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีห้วยธารน้ำเย็นไหลเข้ามาปะปน แล้วหลากไหลไปตามพื้นดิน เกิดเป็นภูมิทัศน์ธรรมชาติแปลกตาน่าชม เราสามารถลงแช่ในบ่อห้องแยกหญิงชายได้ อุณหภูมิน้ำมีการปรับไว้กำลังดี แต่ก็ไม่ควรแช่นานเกิน 10 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ความดันเลือดสูงเกินไป แช่แล้วตัวเบาสบาย โล่ง รู้สึกสดชื่นมากๆ ถึงแม้อากาศภายนอกจะหนาวแค่ไหนก็ตาม เจ๋งอ๋ะ!
10 ที่เที่ยวฟรุ้งฟริ้ง ♥♥ รับลมหนาว 1
http://www.gotravelphoto.com/2014/11/11/10-ที่เที่ยวฟรุ้งฟริ้ง-รั/
10 ที่เที่ยวสุดประทับใจ “วันพ่อ”
1. พาพ่อไหว้พระวัดสำคัญใน กทม. เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต อาทิเช่น วัดพระแก้ว, วัดโพธิ์, วัดอรุณ, วัดชนะสงคราม, วัดสุทัศน์, วัดกัลยาณมิตร, ภูเขาทอง ฯลฯ และอีกมากมาย อิ่มบุญอิ่มใจไปพร้อมๆ กันทั้งพ่อ แม่ ลูก
2. ตะลุยเที่ยวกินถิ่นเยาวราช กลิ่นอายแดนมักงรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนผืนดินสยาม เดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรมอาคารเก่าอันงดงาม ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตอันคึกคักในย่านตลาดเก่าเยาวราช ไห้พระวัดเล่งเน่ยยี่ (วัดมงกรกมลาวาส) แล้วตอนค่ำๆ ก็ชวนกันชิมอาหารอร่อยนับร้อยเมนู
3. ล่องเรือดินเนอร์ยามค่ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พากันไปล่องเรือชมความงามของสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นเลือดหลักของภาคกลาง และเมืองหลวง กทม. ตื่นตากับแสงสีสองฝั่งน้ำ เก็บภาพพระราชวัง ศาลเจ้าจีน อาคารสูง และแหล่งช้อปปิ้งริมน้ำ ที่พากันเปิดไฟสว่างไสวในช่วงวันพ่อ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลอันแสนสุขนี้ และแน่นอนว่าขณะล่องเรือ เราจะได้ชิมอาหารแสนอร่อย ที่จะช่วยเติมเต็มช่วงเวลาพิเศษนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
4. เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี เกาะสวยใกล้กรุง แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีน้ำทะเลสีมรกตใสแจ๋ว และหาดทรายสีขาวนวลเนื้อละเอียดยิบ แถมที่เกาะนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำสนุกๆ ให้เล่นกันเพียบ ตั้งแต่เจ็ตสกรี, เรือลากร่ม, พายเรือคายัค ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นเกาะล้านยังมีที่พักบูติกหลายเกรดหลายราคาให้เลือกตามสะดวก ตอนหัวค่ำอย่าลืมพาพ่อไปหม่ำ Seafood อร่อยๆ กันล่ะ รับรองว่าสด และราคาไม่ทำให้กระเป๋าฉีกแน่นอน
5. หาดหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หาดทรายสวยแห่งมนต์เสน่ห์ของอดีตและปัจจุบัน ที่มาบรรจบพบกันอย่างลงตัว เพราะว่าหัวหินเป็นถิ่นที่มีการสร้างบ้านพักตากอากาศอยู่ชายทะเลเป็นแห่งแรกๆ ของสยามเลยล่ะ พาพ่อไปเล่นน้ำทะเลใส ขี่ม้าเลียบหาด หรือนอนเล่นในรีสอร์ทชายทะเล พักผ่อนสบายๆ กันทั้งครอบครัว ในบริเวณนี้ยังมีที่เที่ยวใกล้เคียงหลากหลาย ตั้งแต่พระราชวังไกลกังวล, เขาตะเกียบ, เขาหินเหล็กไฟ, อ่างเก็บน้ำเขาเต่า, สะพานปลา, ถนนคนเดินยามค่ำ, ตลาดฉัตรชัย ฯลฯ รวมถึงร้าน Seafood ตลอดแนวหาดเลยล่ะ
6. หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาจัดระเบียบหาดบางแสนแล้วนะ ทั้งสะอาด ปราศจากร่ม ถิ่นบางแสนแดนสุขีที่หลายคนเดินทางไปเพื่อจะหลงรัก พาพ่อไปพักผ่อนสบายๆ บนชายทะเลยอดฮิต ชมความคึกคักของผู้คนบนหาดทรายสีทองเคียงคู่ฟ้าสีคราม ยามเย็นพระอาทิตย์อัสดงแสนงาม ขับรถเลียบหาดไปเที่ยวเขาสามมุข ไหว้เจ้าแม่สามมุข จนถึงอ่างศิลา พากันชิม Seafood สดๆ อร่อยๆ ราคาไม่แพง และก่อนกลับบ้านต้องแวะที่ตลอดหนองมน ซื้อข้าวหลาม, ขนมจาก, อาหารทะเลแปรรูปตากแห้งหลากหลาย เที่ยวใกล้ๆ งบไม่บานปลาย สุขใจจริงๆ
7. เที่ยว 3 ตลาดน้ำ จังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดน้ำอัมพวา, ตลาดน้ำบางน้อย, นัดท่าคา ปล่อยตัวและหัวใจไปกับวิถีชีวิตและบรรยากาศริมน้ำแม่กลองอันแสนสุขสงบ ร่มรื่น ไม่เร่งร้อน ทำให้ไปสัมผัสครั้งใด จะรู้สึกเย็นกายเย็นใจไปด้วย ทริปนี้รับรองสนุก เพราะมีทั้งเรื่องช้อปปิ้ง เรื่องกิน และเรื่องเก่าๆ ทำนองย้อนอดีตให้รำลึก ให้พูดคุยกันไม่รู้จบจ้า
8. เที่ยว 3 น้ำตก จังหวัดนครนายก ชุ่มฉ่ำกับสายธารและแมกไม้ไพรพฤกษ์เขียวสดใกล้ๆ กรุง ทั้งน้ำตกสาริกา, น้ำตกนางรอง, น้ำตกวังตะไคร้ พาพ่อแสนรักหลบร้อนไปพักผ่อนกันให้สบายใจ สูดโอโซนบริสุทธิ์จากป่า โสตทัศนาป่าเขาเขียวๆ และเงี่ยหูฟังสรรพสำเนียงจากธรรมชาติบริสุทธิ์ โดยเฉพาะเสียงสายน้ำลำธารที่ช่วยผ่อนคลายกายใจได้อย่างดีเยี่ยม
9. สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี แหม.. อย่าตกใจ แอบถามว่าทำไมต้องพาพ่อไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วย พ่อไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ! อย่าเข้าใจผิด เพราะผู้ใหญ่ก็เที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้เหมือนกัน ที่นี่เขาไม่ได้เลี้ยงสัตว์แบบขังกรง เราจึงได้ชมฝูงสัตว์ดุ่มเดินไปมาอยู่อย่างเสรีในบริเวณที่กำหนด จะเดินชม หรือนั่งรถยนต์ชมก็สะดวกมาก แถมยามค่ำคืน ยัง Check In เข้าพักที่ เขาเขียว เอสตาเต้ รีสอร์ท ได้ด้วย เป็นที่พักในเต็นท์ติดแอร์สไตล์พระราชาไปเที่ยวซาฟารี ยังไงยังงั้นเลย
10. เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ฉายา “Switzerland เมืองไทย” อาบอิ่มอากาศเย็นฉ่ำในช่วงวันพ่อ ทอดสายตาชื่นชมขุนเขาทอดยาวสลับซับซ้อน กล่าวคำทักทายทิวสน แล้วดื่มกาแฟร้อนๆ สักถ้วยช่วยให้อุ่นขึ้น ชวนกันขับรถชมวิว ทัศนาทัศนียภาพโปร่งโล่งสบายตา หรือถ้าจะให้เจ๋ง ต้อง Check In เข้าพักในรถบ้านบนเขาค้อ ชวนกันนั่งรอบกองไฟดูดาวในยามค่ำคืน แล้วอย่าลืมบอกพ่อว่า “ผมรักพ่อมากที่สุด” แล้วกอดพ่อให้แน่นๆ สักครั้งนะจ๊ะ
http://www.gotravelphoto.com/2014/10/25/กลับคืนสู่ธรรมชาติที่-es-ta-te/
Life @บ้านบางพัฒน์ จ.พังงา
บ้านบางพัฒน์ เป็นชุมชนประมงขนาดเล็ก ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม สร้างบ้านเรือนอยู่บนเกาะเล็กๆ ในอ่าวพังงา โดยมีสะพานปูนเชื่อมเข้าหาชุมชน บริเวณนี้มีแนวป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์มาก เดิมชื่อ “บางลิง” เพราะมีลิงเยอะ แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บางพัฒน์” โดยมีการย้ายเข้ามาอยู่ครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 โน่นเลย
นี่คือสะพานหลักที่นำผู้คนเข้าออกจากบ้านบางพัฒน์ล่ะครับ
ชุมชนบ้านบางพัฒน์ สร้างบ้านเป็นเรือนยกเสาสูงหนีน้ำ คล้ายๆ ที่เกาะปันหยีนั่นแหละ
ที่บ้านบางพัฒน์มี ธนาคารปู โดยรับซื้อปูไข่นอกกระดองมาจากชาวบ้าน เพาะเลี้ยงในกระชัง แล้วนำไปขายเอาเงินเข้ามาเป็นกองทุนพัฒนาชุมชน
ถึงแม้จะนับถือต่างศาสนา แต่หัวใจของมะก็มีพ่อหลวงองค์เดียวกับชาวไทยทุกคนนะจ๊ะ
พี่น้องชาวบางพัฒน์ ยังเคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลาม โดยเข้ามาทำละหมาดในมัสยิด หรือถ้าไม่สะดวกก็ทำที่บ้านได้
สำหรับสตรีชาวอิสลาม เวลาจะทำละหมาดก็ต้องมีชุดคลุมสีขาวเช่นนี้ สวมใส่ไว้เสมอ
คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล มองจากบ้านบางพัฒน์ออกไปเห็นป่าเกาะในอ่าวพังงาตั้งอยู่ไม่ไกลแล้ว แถมยังมีกระชังปลา และหลักหอย (เป็นไม้ไผ่ปักลงไปในทะเลให้หอยมาเกาะ) เรียงรายอยู่นับหมื่นๆ อัน
ชาวบ้านบางพัฒน์เลี้ยงเหยี่ยวแดงไว้ไล่นกอื่น ไม่ให้มากวนกระชังปลาของพวกเขา เป็นความผูกพันรูปแบบหนึ่งซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นที่อื่น
ป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์แห่งบ้านบางพัฒน์ เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน ให้เติบโตเป็นสัตว์ทะเลตัวใหญ่ จับขายจับกินค้ำจุนชีวิต แถมแนวป่าชายเลนยังเป็นปราการป้องกันคลื่นลมได้อย่างยอดเยี่ยม
ตากปลาแห้งไว้ขายให้นักท่องเที่ยว สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ นี่คือสินทรัพย์จากท้องทะเลอันไม่มีวันหมด ถ้าเรารู้จักใช้ในปริมาณพอเหมาะ
ลูกทะเลของแท้ ต้องผิวเข้ม Man Man อย่างนี้ล่ะ
ความคึกคักของมอเตอร์ไซค์ขายของยามบ่ายในชุมชน
กินอยู่เรียบง่าย พอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ แค่นี้ก็เป็นสุขแล้ว โดยเฉพาะเมื่อได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวที่รัก
ร้านขายของที่ระลึก แหม..เห็นแล้วอยากกวาดไปให้หมดทั้งร้านเลย! สวยๆ ทั้งนั้น
นกกรงหัวจุก หรือนกปรอทหัวโขน เป็นนกเลี้ยงยอดฮิตของชาวอิสลามทุกแห่งหน เพื่อเอาไว้ฟังเสียงขับขานไพเราะ แต่มันก็คงโหยหาอิสระภาพเช่นกัน
ว่างเมื่อไหร่ หาเวลามานอน Homestay ที่บ้านบางพัฒน์ของหนูนะคะ บ้าย บาย
Special Thanks : ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา และ คุณนครพจน์ ปิ่นมิ่ง ททท. ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (โครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย) สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้
Traveler’s Guide
Address : ชุมชนบางพัฒน์ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดพังงา
How to go : เดินทางมาตามถนนสายพังงา-ทับปุด ประมาณ 10 กิโลเมตร จากสามแยกวังหม้อแกง เลี้ยวขวาเข้าทางแยกวัดเขาเฒ่า-บางพัฒน์ ประมาณ 10 กิโลเมตร จอดรถไว้ แล้วเดินข้ามสะพานคอนกรีตไปประมาณ 100 เมตร เข้าสู่ชุมชนบ้านบางพัฒน์
Contact : บังบ่าว โทร. 08-6274-4557 / ครัวอารีย์ บังหมาด (บางพัฒน์ Homestay) โทร. 08-6274-4557, 08-7282-6659 / ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา โทร. 0-7648-1900-2
PhuNaCome Resort หนาวนี้ที่ภูนาคำ จ.เลย
ภูนาคำ รีสอร์ท อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ที่พักแนว Nature Boutique กลมกลืนกับธรรมชาติ แต่ก็ไม่ขาดความสะดวกสบาย ที่นี่เขาใช้น้องควาย หรือเจ้าทุยแสนน่ารักเป็นตัวมาสคอต น่าเอ็นดูจริงๆ เลยนะ
วิวสวยๆ ตรงระเบียงข้างลอบบี้นี้ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ขอนั่งชิลดื่มกาแฟแกล้มอากาศหนาวให้ฉ่ำใจไปเลย
สระว่ายน้ำที่ภูนาคำ ดูเผินๆ ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่จะบอกให้ว่านี่สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือแท้ๆ ไม่ใช้สารคลอรีนที่เป็นพิษเลยแม้แต่น้อย ลงไปว่ายเล่นเลยเหมือนกับได้แช่น้ำเกลือธรรมชาติ ผิวพรรณผุดผ่องดี
ภายในรีสอร์ท มีพื้นที่ให้เจ้าทุยแสนน่ารักอยู่อาศัย เดินไปเดินมาอย่างเสรี กลมกลืนกับวิถีธรรมชาติและชุมชนโดยรอบอย่างแท้จริง
ภูนาคำเขามีกิจกรรมปลูกข้าวให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมด้วยนะ
ตื่นเช้ามาเดินเล่นในแปลงผัก เก็บผักปลอดสารพิษไปให้แม่ครัวปรุงอาหารเช้า นี่คือประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในเมืองกรุงอย่างแน่นอน
โมงยามแห่งความสุขที่ภูนาคำ นอกจากจะได้พักในรีสอร์ทสวยกลางธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมปลูกผัก เก็บผักปลอดสารพิษเองกับมือ เพื่อนำไปทำอาหารสุขภาพอร่อยๆ อากาศที่นี่สดชื่นมาก ใครไปพักก็หน้าใสทุกคน
เก็บมาเรียบร้อยแล้ว ตรงสู่ครัว สำหรับผักสดปลอดสารพิษที่เราปลูกเองกับมือ
ผักสดปลอดสารพิษที่ปลูกกันเอง หรือรับซื้อจากชาวบ้านในกลุ่มเกษตรกรธรรมชาติรอบๆ รีสอร์ท นำมาทำสลัดผักสดสุขภาพให้หม่ำกันทุกเช้าอย่างนี้ล่ะ
อะไรจะมาสู้ อาหารอร่อยๆ และวิวสวยๆ ของภูนาคำได้อีกล่ะ?
ครัวซองนมสม เนื้อแป้งนุ่ม หอมนม รับรองว่าสองชิ้นไม่พอ ต้องขอเพิ่มสำหรับเช้านี้
ห้องอาหาร Na Come ตกแต่งแบบโมเดิร์น บรรยากาศดี แถมเสิร์ฟอาหารอร่อยอีกต่างหาก มีทั้งเมนูพื้นบ้านและฟิวชั่น
ห้องอาหาร Buffalo Bar เหมาะจะชวนกันไปนั่งชิลตอนเย็นๆ ค่ำๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ที่หาได้ยากยิ่ง
ที่พักของภูนาคำ รีสอร์ท มีทั้งเป็นเรือนหลังๆ อยู่บนเนินเขาเขียวๆ และมีแบบที่เป็นห้องในอาคารใหญ่ด้วย เลือกได้ตามสไตล์ความชอบของเราเลย
มาพักที่ภูนาคำ รีสอร์ท บอกได้คำเดียวว่าบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน Relax มากๆ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องกลุ้มใจว่าวันนี้จะออกไปไหนดี เพราะเขามีมุมสบายๆ อย่างห้องหนังสือ ให้เราไปนั่งพักผ่อนกันตามใจชอบ
ถ้าอยากออกกำลังกาย หรืออยากออกไปเที่ยวชมชุมชนใกล้ๆ รีสอร์ท ภูนาคำเขาก็มีจักรยานให้ยืมปั่นเล่นด้วยล่ะ
Traveler’s Guide
PhuNaCome Resort : เลขที่ 461 หมู่ 3 บ้านเดิ่น อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย 42120 โทร. 0-4289-2005-6, 0-2393-5855 เว็บไซต์ www.phunacomeresort.com อี-เมล sales@phunacomeresort.com
How to go : อำเภอด่านซ้ายอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเลย 82 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 203 ผ่านอำเภอภูเรือ ไปทางทิศตะวันตก หรือถ้ามาจากจังหวัดพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 2013 ง่ายดายมาก ส่วนทางไปภูนาคำ รีสอร์ท เร่ิมต้นจากตัวอำเภอด่านซ้าย ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 2014 (ด่านซ้าย-ภูเรือ) เลยโรงพยาบาลด่านซ้ายไปประมาณ 800-900 เมตร ปากซอยเข้าภูนาคำฯ อยู่ซ้าย ปากซอยมีร้านอาหารจันทรา เลี้ยวเข้าซอยไปอีก 600 เมตร รีสอร์ทอยู่ซ้ายมือเห็นเด่นชัด
What to eat : แนะนำขนมจีนทิศ-แดง ข้างพระธาตุศรีสองรัก ส่วนอาหารสุขภาพก็ที่ภูนาคำ รีอสร์ท ใช่เลย
Souvenirs : ของที่ระลึกสัญลักษณ์ผีตาโขน มีทั้งเสื้อยืด หน้ากากผีตาโขนใหญ่-เล็ก โปสการ์ด ฯลฯ ส่วนของกินที่นิยมซื้อกลับบ้านกันก็คือ เห็ดหอมสด ขอบอกว่าสดและราคาถูกมากๆ
เที่ยว 10 เมือง Slow Town หนาวนี้
1. อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เมืองเงียบสงบกลางอ้อมกอดขุนเขา งามพิสุทธิ์ด้วยธรรมชาติ วิถีชีวิตผู้คน และทิวทัศน์แสนสบายตา มีลำธารสายน้อยไหลผ่านกลางเมือง อากาศก็เย็นสบาย ไปสัมผัสแล้วเหมือนได้หยุดเวลาไว้ตรงนั้น เดินทางง่าย เพราะจากตัวเมืองลำปางมีรถประจำทางวิ่งมาถึงอำเภอเมืองปานเลยล่ะ แถมยังมีรีสอร์ทสวยแนบชิดธรรมชาติให้ไปนอนเล่นกันด้วย
2. เมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดลมบนในช่วงฤดูหนาว นอกจากจะมีธรรมชาติสวยสดงดงาม และมีแม่น้ำปายไหลเอื่อยๆ ให้เย็นตาเย็นใจแล้ว ยังมีตัวเมืองเก่าที่ได้รับการแต่งแต้มด้วยศิลปะเก๋ไก๋ จนกลายเป็นเมืองต้นแบบของการเขียนโปสการ์ด และการทำเสื้อยืดประจำเมืองขายนักท่องเที่ยวกันเลยทีเดียว
3. เมืองน่าน สวรรค์น้อยๆ ของดินแดนล้านนาตะวันออก เป็นเมืองที่ต้องตั้งใจไปเท่านั้นจึงจะไปถึง เพราะน่านไม่ใช่เมืองผ่าน เมื่อไปถึงแล้วจะหลงรัก เพราะน่านวันนี้ยังคงเติบโตอย่างช้าๆ ผู้คนใจเย็น ยิ้มง่าย เที่ยวสนุกตั้งแต่ตลาดเช้า ตลาดเย็น วัดวาอาราม และธรรมชาติขุนเขานอกตัวเมือง นี่คือดินแดนแสนสงบที่ยังมีอยู่จริงในยุคปี พ.ศ. นี้
4. กาดกองต้า จังหวัดลำปาง ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำวัง ที่เติบโตขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งลำปางยังมีสัมปทานทำไม้สัก ชาวจีน ชาวพม่า และฝรั่ง เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ค้าขาย ตลอดความยาวเกือบ 2 กิโลเมตร นี้ มีเรื่องราวเรื่องเล่าจากอดีตให้รับฟังนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมเก่าแบบเรือนขนมปังขิงของยุโรป ซึ่งสมาคมสถาปนิกสยามยกย่องให้รางวัล ถ้ามาเที่ยวตอนค่ำวันเสาร์อาทิตย์ เขาจะปิดเป็นถนนคนเดินกาดกองต้า คึกคัก มีสีสันมาก
5. เชียงคาน จังหวัดเลย เมืองนี้มีมนต์จนยากจะลืม ด้วยเสน่ห์ของเรือนไม้เก่าริมโขงเลียบนที เคยเป็นเมืองท่าแต่เปลี่ยนมาเป็นเมืองเที่ยว ผู้คนคึกคัก หลั่งไหลไปชมบรรยากาศเก่าๆ โหยหาอดีต ซึ่งได้รับการเติมแต่งหน้าตาด้วยศิลปะยุคใหม่เก๋ไก๋ มีร้านขายของน่ารักๆ และร้านนั่งชิลให้ชมลำน้ำโขงสบายตา อีกทั้งมีวัดวาอาราม วิถีชีวิตผู้คน และอาหารเมนูปลาน้ำโขงแสนอร่อย ส่วนกิจกรรมยอดฮิตคือการตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียว ตามวิถีคนเชียงคานที่อพยพข้ามมาจากฝั่งลาวนั่นเอง
6. ถนนคนเดินเลียบโขง จังหวัดหนองคาย จัดกันเฉพาะช่วงฤดูหนาว ยาวเกือบ 2 กิโลเมตร ตรงริมแม่น้ำโขงหน้าตลาดท่าเสด็จ ขอบอกว่าบรรยากาศชิลสุดๆ เพราะช่วงนั้นอากาศเย็นเฉียบ เหมาะจะพาคนรู้ใจเกี่ยวก้อยเดินชมธรรมชาติ ช้อปสินค้าพื้นเมืองหลากหลาย
7. เมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ประตูสู่ล้านนา เมืองผ่านที่หลายคนมองข้าม แต่ถ้าได้ไปสัมผัสจริงจะหลงรัก เพราะพะเยาวันนี้ยังคงสงบงาม เนิบช้า ชวนกันไปล่องเรือเที่ยวกว๊านพะเยา ชื่นชมทะเลสาบใหญ่ซึ่งมีเกาะเล็กๆ ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง อีกทั้งยังมีวัฒนธรรมชาวไทลื้อเข้ามาแต่งแต้ม สะท้อนความเป็นเมืองเก่าอันทรงคุณค่าแท้จริง
8. อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เมืองน้อยในหุบเขาใหญ่ ในบริเวณด้านหลังดอยอินทนนท์ เป็นเมืองเนิบช้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปตามโลกยุคใหม่ที่หมุนเร็วจี๋ เมืองนี้งดงามด้วยนาขั้นบันไดเขียวขจี ทิวเขาสลับซับซ้อน สายน้ำใส และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ โดยเฉพาะซิ่นแม่แจ่มที่โด่งดังไปทั่วล้านนา และยังคงมีการทอด้วยกี่มือแบบโบราณกันมาจนทุกวันนี้ เป็นซิ่นสีเหลือง แดง ดำ มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สวมใส่แล้วงามอย่างแม่หญิงล้านนาแต้ๆ เจ้า
9. อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เมืองชายแดนและผืนป่าใกล้กรุง ที่มีบรรยากาศธรรมชาติแสนสดชื่น ผืนป่าเขียว สายน้ำใสไหลเย็น โอบล้อมด้วยทิวเขาและเนินทุ่งหญ้าเขียว สวนผึ้งดูจะได้เปรียบกว่าที่เที่ยวอื่นๆ เพราะมีที่พักสไตล์บูติกหลายสิบแห่ง เปิดให้บริการ สร้างสีสันให้สวนผึ้งดูโมเดิร์น ดูฟรุ้งฟริ้งถูกใจวัยรุ่น เราจะพบว่าที่นี่มีมุมถ่ายภาพนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะในฟาร์มแกะสไตล์ Vintage Farm แสนน่ารัก แม้จะเที่ยวได้ตลอดปี แต่ฤดูหนาวจะมีคนไปเยือนมากที่สุดเลยล่ะ
10. อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เมืองมอญแห่งป่าตะวันตก ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะได้นำชาวพม่าอพยพเข้ามาตั้งเป็นชุมชนใหญ่ แล้วช่วยกันสร้างสะพานมอญ เป็นสะพานไม้ยาวที่สุดในเมืองไทยไว้เป็นอนุสรณ์ สังขละบุรีคือนิยามของธรรมชาติพิสุทธิ์โดยแท้ เพราะนอกจากจะมีทิวเขาตระการตา อากาศเย็นสดชื่น มีสายหมอกให้ชมกันทุกวันแล้ว ยังมีทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ (เขื่อนเขาแหลม) ให้ล่องเรือเล่น ชมวิถีชาวน้ำ ชิมอาหารเมนูปลาแสนอร่อย แล้วไปเที่ยวต่อกันที่ตลาดเช้าชุมชนชาวมอญ เก็บภาพประทับใจไม่รู้ลืม ไว้อีกนานแสนนาน