เที่ยวในประเทศ

เที่ยวนครพนมริมโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้าน (ตอน 1)

1

นครพนม เมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็น “เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก” เพราะเมืองริมลำน้ำโขงแห่งนี้มีบรรยากาศเนิบช้า น่าอยู่ ใครได้ไปสัมผัสก็จะรู้สึกเย็นกายเย็นใจ ที่สำคัญคือลำน้ำโขงที่ไหลเลียบตลอดริมฝั่งนครพนม ได้นำพาความชุ่มชื่นมาสู่คนถิ่นนี้ เชื่อมโยงไปถึงเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ในฝั่งลาวซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน โดยทุกวันนี้สามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปมาได้สบาย ด้วยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ทำให้นครพนม และเมืองท่าแขก กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่ชิลมากๆ

เมื่อวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม ได้สร้างสรรค์ทริปดีๆ “เส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน ไทย ลาว” มีกิจกรรมแห่งความสุข ณ นครพนม เพื่อพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง โดดเด่นด้วยการตระเวนกราบพระธาตุสำคัญหลายองค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต แถมยังได้ล่องเรือออกไปกลางลำน้ำโขง เพื่อบูชาพญานาค ซึ่งชาวนครพนมและพี่น้องฝั่งลาวต่างเคารพบูชามาหลายชั่วอายุคนแล้ว

2

เริ่มต้นทริปสุขสันต์ ด้วยการกราบไหว้ “พระธาตุท่าอุเทน” ในอำเภอท่าอุเทน ริมลำน้ำโขงนครพนม เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์ และภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งนำมาจากเมืองย่างกุ้งของพม่าในครั้งอดีต พระธาตุท่าอุเทนมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยม สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูง 15 เมตร โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 เมื่อกราบพระธาตุ และถวายผ้าห่มองค์พระธาตุแล้ว ก็ควรเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม ถวายสังฆทานกันด้วยหากมีเวลา ยิ่งกว่านั้น นครพนมยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของ “อาณาจักรศรีโคตรบูร” ซึ่งเคยกินอาณาเขตทั้งสองฝั่งโขงบริเวณนี้เลยในอดีต

3

อำเภอท่าอุเทน ยังเป็นถิ่นที่ตั้งชุมชนของชนเผ่า “ไทญ้อ” ซึ่งพวกเขามีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่เมืองหงสา แขวงไชยบุรี ประเทศลาวในครั้งอดีต ต่อมาจึงมีการอพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งบ้านเมืองใหม่อยู่ที่เมืองไชยบุรี มาจวบจนปัจจุบัน

4

นี่คือบริเวณปากแม่น้ำสงคราม บริเวณตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยแม่น้ำสงครามได้ไหลออกมาบรรจบกับแม่นำ้โขง เกิดเป็นแม่น้ำสองสี สีเขียวสดใสที่เห็นคือแม่น้ำสงคราม ส่วนสีน้ำตาลด้วยตะกอนขุ่นข้นคือแม่น้ำโขง กลายเป็นแหล่งอาศัยของปลาชุกชุม หล่อเลี้ยงปากท้องและวิถีประมงของชาวไทญ้อที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว

5

มาถึงตำบลไชยบุรีแล้วห้ามพลาด ชิม “ปลาส้ม” ที่อร่อยจนหยุดไม่ได้ เพราะความเปรี้ยวกำลังดี เนื้อนุ่ม กินกับข้าวเหนียว ข้าวสวยร้อนๆ แล้วหยิบหอมแดงเจียวกับกระเทียมเจียวกินตามเข้าปากไป โอ้โห แซ่บอีหลี แต่ถ้ายังกินไม่สะใจ เขาก็มีเป็นของฝากให้ซื้อกลับไปกินต่อที่บ้านด้วยนะจ๊ะ

6

พี่อุ๊ CEO แห่งบริษัท Win Win Smile Co., Ltd. นำนักท่องเที่ยว พร้อมผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสื่อมวลชน นั่งรถสามล้อสกายแลป และปั่นจักรยาน ตามเส้นทางท่องเที่ยวริมน้ำอำเภอไชยบุรี ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการปรับปรุงเป็นเส้นทางห้ามรถยนต์ผ่าน ปล่อยให้เป็นเส้นทางเดินเล่นชมวิวริมโขง เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ เกิดเป็นกิจกรรมใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวจ้า

7

ทริปนี้ มีพี่น้องสื่อมวลชนจากเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว เข้ามาร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ริมโขงนครพนมด้วย นี่สิ ถึงจะเรียกว่าเป็นการเชื่อมโยงสายใยผู้คนและการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง

8

เส้นทางปั่นจักรยานและเดินชมวิวริมลำน้ำโขง ตำบลไชยบุรี ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร กำลังจะมีการปรับปรุงใหม่

9

ปั่นจักรยานกันสนุก วิวทั้งสวย แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้สัมผัสกันด้วยในเส้นทางนี้

11

เนื่องจากเมืองเก่าไชยบุรี (หรือตำบลไชยบุรี ปัจจุบัน) ความจริงแล้วเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกโดยชาวไทญ้อ ที่อพยพมาจากแขวงไชยบุรี ประเทศลาว นับถึงปัจจุบันก็มีอายุไม่น้อยกว่า 204 ปีแล้ว ปัจจุบันจึงยังคงปรากฏซากโบราณสถานและวัดน้อยใหญ่ เป็นวัดโบราณที่เด่นด้วยศิลปะล้านช้างแบบลาว กระจายอยู่ตามริมโขงแถบนี้หลายสิบแห่ง ซึ่งทางจังหวัดนครพนมกำลังมีการบูรณะ พัฒนา เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายในปี 2558 นี้ล่ะ ใจเย็นๆ ได้เที่ยวกันแน่ โดยเฉพาะคนที่รักชอบเรื่องประวัติศาสตร์ อาทิ วัดไตรภูมิ และวัดกลาง เป็นต้น

121314

ลักษณะเด่นของวัดโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ริมโขงตำบลไชยบุรีก็คือ สิม (คือ โบสถ์) แบบอีสาน ที่มีลักษณะเล็กๆ แต่ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นแบบล้านช้าง แสดงถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม พืช และสัตว์ ของแถบนี้ในอดีต ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สร้างก็คือช่างพื้นบ้าน ลวดลายต่างๆ จึงสะท้อนวิถีประจำวันของชาวไทญ้อและชาวนครพนมเมื่อครั้งกาลก่อน

151622

บ้านพนอม ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน ยังมีแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้อยู่ด้วย นั่นคือ “แหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ อำเภอท่าอุเทน” ซึ่งมีรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุ 100 ล้านปี ฝังอยู่ในหินทรายสีแดงมากถึง 199 รอย แบ่งเป็นแนวยาวถึง 32 แนว โดยมีทั้งไดโนเสาร์กินพืชและกินเนื้อ ชนิดเด่นๆ เช่น อิกัวโนดอน, ออร์นิโธนิโมซอ (ไดโนเสาร์นกกระจอกเทศ), จระเข้ขนาดเล็ก ฯลฯ โดยเราสามารถเดินขึ้นไปชมได้อย่างสะดวกสบาย จะเห็นรอยเท้าของพวกมันปรากฏอยู่บนพื้นหินทรายอย่างชัดเจน เป็นรูปตีนสามนิ้ว Amazing มากๆ ลองนึกจินตนาการดูสิ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีไดโนเสาร์เดินท่อมๆ อยู่ในภาคอีสานด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ

252627

ออกจากแหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ท่าอุเทน เราก็มุ่งหน้าไปต่อที่ “วัดพุทธนิมิต” ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน วัดนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรมริมโขงในลักษณะวัดป่า แต่ส่วนหน้าสุดของวัด ก็มีพระอุโบสถอันสวยงามวิจิตรตระการตา แสดงถึงพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ร่วมกันก่อสร้าง ความโดดเด่นคือลวดลายตามช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้ง ของพระอุโบสถแห่งนี้ ได้เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะทำให้นึกถึงวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ราวกับเป็นฝาแฝดกัน

28.12829

ภายในพระอุโบสถของวัดพุทธนิมิต มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแนวร่วมสมัยฝีมือชั้นครู สะท้อนถึงเรื่องราววิถีพื้นถิ่นในอดีต บวกกับปริศนาธรรม และพุทธประวัติ ชวนให้นั่งชมอยู่นานๆ ก็ไม่เบื่อ

3031

เมื่อเดินจากพระอุโบสถ ลึกเข้าไปในพื้นที่ป่าด้านหลังวัด ใกล้แม่น้ำโขงเข้าไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบกับบรรยากาศอันวิเวก สงบสงัด เหมาะแก่การฝึกจิตปฏิบัติธรรมในลักษณะวัดป่าอย่างแท้จริง โดยท่านเจ้าอาวาสยังคงรักษาสภาพป่าไม้ และแม่ไม้ขนาดใหญ่ ต้นโตๆ หลายคนโอบ ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

32

3334

ในบริเวณริมลำน้ำโขงของวัดพุทธนิมิต กำลังมีการก่อสร้างพระปางสมาธิขนาดใหญ่ สูงไม่ต่ำกว่า 30-40 เมตร พร้อมกับมีการสร้างเขื่อนริมน้ำ และมีเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวริมลำน้ำโขง เตรียมต้อนรับเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ในอำเภอท่าอุเทน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกันภายในปี 2558 นี้ล่ะ

36

กลับจากอำเภอท่าอุเทน เข้าสู่ตัวเมืองนครพนม ก็ค่ำพอดี เราเลยชวนกันไปนั่งรถพ่วงเที่ยวเล่น ชมแสงสียามเย็น และความคึกคักของวิถีชีวิตริมโขงหน้าเมืองนครพนม

38

โชคดีมาเที่ยวตรงวันเสาร์ ที่ถนนเมืองเก่าริมโขงนครพนม เขาเลยมีการปิดถนน จัดเป็นถนนคนเดิน โดยเฉพาะตรงหน้าหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ถือเป็น Landmark สำคัญ มีสินค้าขายกันเพียบ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น ส่วนสินค้าพื้นบ้านวัฒนธรรมต่างๆ ยังไม่ค่อยมี

394041

 บ้านเก่าริมน้ำโขง ได้รับการฟื้นคืนชีวิต ตบแต่งหน้าตาใหม่จนสวดสดงดงาม ส่วนใหญ่กลายเป็นร้านอาหารวิวดี้ดี

4445

ตระเวนเที่ยวกันมาตลอดวันแล้ว ได้เวลามานั่งชิลริมโขง ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ พร้อมกับชมการแสดงของสาวเรณู ผู้ไท แห่งอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เชิดหน้าชูตาจังหวัด จากนั้น ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายธวัช ศิริวัธนนุกูล ก็ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการ “กิจกรรมท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน” ในวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 เพราะปัจจุบันนครพนมได้กลายเป็น “ประตูสู่อินโดจีน” และ HUB ของเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยง ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาทต่อปี

4647

หลังจากนั้น ก็มีการจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ บูชาพญานาคแห่งลำน้ำโขง และลอยเรือไฟ (ไหลเรือไฟ) แบบโบราณด้วย ยังความชื่นมื่นสุขใจให้แก่ผู้เข้าร่วมทริปทุกคน

48

49

การไหลเรือไฟแบบโบราณ ชาวบ้านอีสานจะช่วยกันสร้างเรือไฟขนาดเล็กขึ้นด้วยวัสดุธรรมชาติที่หาได้ โดยใช้หยวกกล้วย (ต้นกล้วย) ทำเป็นโครง แล้วน้ำใบตองกับดอกไม้ต่างๆ มาประดับให้งดงาม จากนั้นผู้ที่จะร่วมพิธี จะตัดผมและเล็บของตนออกมาเล็กน้อย นำไปใส่ในเรือไฟ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ และมีการใส่เงินลงไปด้วย คล้ายๆ กับการลอยกระทงของคนไทยภาคกลางนั่นล่ะ

5051

Special Thanks : จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดียิ่ง

OK เบตง เมืองมหัศจรรย์ใต้สุดแดนสยาม

b2

“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” นี่คือสโลแกนท่องเที่วของดินแดนสุดแสน Amazing อำเภอเบตง” จังหวัดยะลา ที่ต้องบอกเลยว่ามีทั้งความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมผสมกลมกลืน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนภาคใต้ตอนล่างเขานิยมไปพักผ่อนตากอากาศกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง

b3.1

ใครหลายคนอยากมาพักผ่อนตากอากาศ เนื่องจากเบตงเป็นเมืองในอ้อมกอดขุนเขาใหญ่โดยรอบ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกาลาคีรีกั้นพรมแดนไทย-มาเลเซีย สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,590 เมตร อากาศของเบตงจึงเย็นสบายตลอดปี หน้าร้อนไม่ร้อนอบอ้าว ส่วนหน้าหนาวเย็นเจี๊ยบจับใจไม่แพ้ภาคเหนือ แถมยังมีทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ให้ชมกันด้วย!

b3 b4

“ทะเลหมอกเขาไมโครเวฟ” ที่ตำบลอัยเยอร์เวง บนถนนหมายเลข 410 ตรงช่วง กม. 33 เป็นทะเลหมอกที่ Amazing มาก เพราะเราสามารถเที่ยวได้เกือบตลอดปี! โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ยิ่งถ้าเป็นวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ เหมือนธรรมชาติจะเป็นใจ บันดาลให้เกิดทะเลหมอกสีขาว หนาแน่นราวกับปุยนุ่น ลอยอ้อยอิ่งอาบแสงอาทิตย์ยามเช้าให้เราได้ตื่นตะลึงงงงันกันไปทุกคน! ผมขอ Confirm เลยว่า นี่คือธรรมชาติ Unseen เป็นทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ และสู้ทะเลหมอกทางภาคเหนือได้สบาย!

b5 b6.1 b6.2

ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “เบตง” หลายคนคงยังนึกไม่ออกว่าหน้าตาเมืองนี้จะเป็นยังไง ก็ให้ลองจินตนาการถึงเมืองเล็กๆ อันสงบงาม โดยมีเทือกเขาน้อยใหญ่รายล้อมอยู่เหมือนปราการธรรมชาติ ในตัวเมืองมีตึกสูงอยู่ไม่กี่ตึก เวลามาเที่ยวเมืองนี้เราจึงยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเก่าๆ แบบย้อนอดีต หน้าตาของคนที่นี่ก็มีสองกลุ่มใหญ่ผสมกลมกลืนกัน คือชาวจีน และพี่น้องชาวอิสลาม ที่ผู้หญิงจะใช้ผ้าคลุมศีรษะหลากสีสวยงาม แลเรียบร้อยน่ารัก แถมคนเบตงยังยิ้มเก่งซะด้วยนะ และสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปเบตงกันมากมายก็เพราะ ภาพยนตร์ไทยเรื่อง OK เบตง ที่มาถ่ายทำกันที่นี่เป็นครั้งแรก ทำให้คนไทยในภาคอื่นๆ ได้พบเห็นความงามของเมืองสวยใต้สุดแดนสยาม ซึ่งมีด่านชายแดนต่อเนื่องเข้าสู่รัฐเปรักของมาเลเซียได้อย่างง่ายดาย

b6.3b6.4 b6

“สวนดอกไม้เมืองหนาว” ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ตั้งอยู่บนเขา อากาศเย็นสบาย พาคนพิเศษของเราไปทำโรแมนติก ชวนกันถ่ายรูปกับดอกกุหลาบ ดอกฮอลีฮ้อค ดอกแอสเตอร์ สีสันสวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ เสร็จแล้วจะนอนค้างในรีสอร์ทสวยของเขาได้สบาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าชายแดนใต้สุดของสยามจะมีดอกไม้เมืองหนาวให้ชมกันด้วย Amazing!

b7b8b9b10.1

ถ้ามาเที่ยวเบตงในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อน ป่ายางพาราของชาวบ้านที่อยู่สองฟากฝั่งถนน ก็จะผลัดใบเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง อย่างสดใสน่ามอง ถ่ายรูปมา Amazing ไปอีกแบบเนอะ

b10

“บ่อน้ำร้อนเบตง” บ้านจะเราะปะไร ตำบลเนาะแม (ห่างจากตัวเมืองเบตง 5 กิโลเมตร บนถนนสาย 410) บ่อน้ำร้อนธรรมชาติแห่งนี้ มีควันฉุยตลอดเวลา น้ำอุ่นกำลังดี ต้มไข่สุกได้ใน 7 นาที นักท่องเที่ยวนิยมลงมาอาบแช่แก้เมื่อย รักษาสุขภาพ บ้างก็แก้หนาว โดยปัจจุบันมีการสร้างรีสอร์ทเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นอนพักค้างคืนกันด้วย ชิลมากๆ

b11b12

จากบนภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงมาจะเห็นตัวเมืองเบตงทั้งหมดได้อย่างเต็มตา พาโนรามา นี่ล่ะเมืองหนาวกลางหุบเขาที่มีเสน่ห์ที่สุดในภาคใต้ตอนล่าง

b14

ตัวเมืองเบตงยามค่ำคืน ถ้าตรงกับช่วงเทศกาลต่างๆ ก็จะมีการประดับประดาโคมไฟสว่างไสว เปี่ยมชีวิตชีวา สมเป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะในเบตงมีพี่น้องชาวจีนอาศัยอยู่เยอะ บรรยากาศ ร้านอาหาร รวมถึงหน้าตาผู้คน จึงมีทั้งจีน ไทย มุสลิม และมาเลเซีย ผสมกลมกลืนกัน

b15b16

วงเวียนหอนาฬิกา”  เป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน เปรียบเสมือนสัญลักษณ์จุดศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม ในยามเย็นจะเห็นฝูงนกนางแอ่นนับหมื่นตัวบินมาเกาะหลับอยู่บนสายไฟรอบๆ หอนาฬิกา จนกลายเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกาไปแล้วโดยปริยาย คนเบตงเขามีอารมณ์ขัน บอกว่าถ้าใครมาเที่ยวเบตงแล้วถูกนกนางแอ่นอุจจาระใส่หัว จะต้องกลับมาเที่ยวที่นี่อีกแน่นอน! จริงหรือเปล่า อันนี้คงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ ฮาฮาฮา

b17

ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งเบตง มีประวัติว่า นายสงวน จิรจินดา นายกเทศมนตรีเทศบาลเบตงคนแรก และเป็นอดีตนายไปรษณีย์โทรเลข เห็นว่าอำเภอเบตงอยู่ห่างไกล จะติดต่อสื่อสารโดยช่องทางอื่นกับโลกภายนอกไม่ได้เลย ยกเว้นทางจดหมาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตงท่านจึงได้สร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์นี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2467 โดยสร้างขึ้นที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง ปัจจุบันมีการสร้างตู้ใบใหม่ที่มีขนาดใหญ่เป็น 3.5 เท่าอยู่ริมถนนหน้าศาลาประชาคม ถือเป็นตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน ตู้ทั้งสองใบสามารถใช้ส่งจดหมายได้จริงซะด้วย เท่ห์ไหมล่ะ? นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่อยากทำเก๋ ก็นิยมเขียนโปสการ์ดหรือจดหมาย ส่งกลับไปหาตัวเองหรือญาติมิตรที่บ้าน เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกไงล่ะครับ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาเยือนเมืองใต้สุดแดนสยามแล้ว ว้าว

b18

จากวงเวียนหอนาฬิกาและตู้ไปรษณีย์ยักษ์ ถ้าเราเดินเที่ยวต่อลงมาทางทิศใต้แค่อีกไม่กี่อึดใจ ตามถนนอมรฤทธิ์ ก็จะถึง “อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์” ซึ่งสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างแข็งแรง ยาว 273 เมตร เป็นอุโมงค์ถนนลอดภูเขาแห่งแรกในเมืองไทย เปิดใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาในการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบัน กับชุมชนเมืองใหม่ ภายในอุโมงค์มีการติดไฟและโคมจีนสีแดงสดใสสวยงาม น่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่มีการเปิดไฟประดับประดาสว่างไสวอย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวพอกินอาหารเย็นอร่อยๆ เสร็จแล้ว ก็นิยมเดินชมเมือง ชมหอนาฬิกา ตู้ไปรษณีย์ยักษ์ แล้วเดินตรงมายังอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์นี่ล่ะครับ

b19b20.1b20

“มัสยิดกลางเบตง” เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจของพี่น้องชาวมุสลิมเบตง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมอิสลาม ทาสีฟ้าขาวเย็นตาเย็นใจ ส่วนบนสุดสร้างเป็นโดมทรงหัวหอม มีรูปจันทร์เสี้ยวและดาวห้าแฉกเป็นสัญลักษณ์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ แต่ต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สุภาพ ไม่ส่งเสียงดัง ถ่ายภาพห้ามใช้แฟลช และผู้หญิงควรหาผ้ามาคลุมศีรษะด้วย นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาชมการประกอบพิธีวันละ 5 ครั้ง ภายในมัสยิด

b21

b22b23b24.1b24

วัดพุทธาธิวาสเป็นวัดสำคัญตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา มีพระประธานในอุโบสถเหมือนหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเท่าองค์จริง ผู้คนมาสักการะกันไม่ได้ขาด ส่วนภายนอกมีพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ สีทองอร่ามงามเด่น กับพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดยักษ์ตั้งอยู่กลางแจ้ง ชื่อ พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ให้กราบไหว้กันด้วย

b25

พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ มีสองชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณๆ หาชมได้ยาก และประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันน่าสนใจของเบตง ไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะชั้นล่างมีการจัดแสดงกบภูเขา สัตว์หายากมากของเขตเทือกเขาสันกาลาคีรีให้ชมด้วย จากชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ฯ เดินต่อขึ้นไปบนหอคอยชมวิวสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองเบตงได้อย่างทั่วถึง เต็มอิ่ม เต็มตา แบบพาโนรามาเลยล่ะ

b26

b13

จากพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงไปเบื้องล่างเห็นเมืองเบตงและขุนเขาโดยรอบได้อย่างเต็มตา

b27b28

ว่ากันว่า สนามกีฬากลางของอำเภอเบตง เป็นสนามกีฬาที่มี location สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพราะมีเนินเขาลูกย่อมๆ ล้อมอยู่ทั้งสี่ด้านนั่นเอง ประกอบกับบางช่วงของปี ป่ายางพาราบนเนินเขาก็จะผลัดใบเป็นสีแดงฉาน บรรยากาศแปลกตามากๆ

b30b31

 เบตง เป็นเพียงอำเภอเดียวในเมืองไทย ที่ทางราชการอนุญาตให้สามารถออกทะเบียนรถเป็นชื่ออำเภอตัวเองได้! เนื่องจากเบตงอยู่ไกลจากตัวจังหวัดยะลามาก การเดินทางไปมากินเวลามาก จึงอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะออกทะเบียนรถใหม่ ออกในนาม “เบตง” ได้เลย เท่ห์อ่ะ

b32.1b32b33

เบตง Smile ยิ้มหวานของสาวเบตง กับชีวิตสุขสงบ น่าอิจฉานิ

b34b35b36b37 b38

ไก่เบตง คืออาหารรสเลิศเลื่องชื่อไปทั่วประเทศ ของแท้ต้องมาชิมที่อำเภอเบตงเท่านั้น เนื้อไก่ของเขาเหนียวนุ่ม มันน้อย หวานในปาก เคี้ยวง่าย ส่วนหนังไก่เป็นสีเหลืองทอง กรอบ ไม่มีชั้นไขมันหนาอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนไก่เลี้ยงสายพันธุ์อื่น เพราะไก่เบตงเวลาเลี้ยงต้องปล่อยให้วิ่งเล่นไปมาอย่างอิสระ ว่ากันว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีชาวจีนนำพันธุ์ไก่เบตงเข้ามาจากจีนตอนใต้ จนเลี้ยงกันแพร่หลาย ทว่ากว่าจะจับขายได้แต่ละตัว ต้องรอถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี จำนวนผู้เลี้ยงจึงลดลง ปัจจุบันเหลือเลี้ยงอยู่จริงไม่กี่เจ้า ถึงบอกไงล่ะ ว่าไก่เบตงของแท้หาชิมยากสุดๆ

b39b40b41b42b43

นี่คือ “เบตง” เมืองหนาวสุด Amazing สุดชายแดนปักษ์ใต้สยาม เมืองงามสามฤดู ถ้าหากยังไม่เคยไปเยือนล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคุณได้พลาดเมืองท่องเที่ยวดีที่สุดแห่งหนึ่งไปแล้วจริงๆ

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส และโครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

เบตง Guide

Best season : เที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ มีทะเลหมอกสวยงามตื่นตาอลังการให้ชม ไม่แพ้ในภาคเหนือเลยซักนิดเดียว

How to go : เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลงที่อำเภอหาดใหญ่ จากนั้นนั่งรถตู้ (โทร. 08-1944-5325, 0-7323-1966) หรือเช่ารถยนต์ขับไปอำเภอเบตง เส้นทางหาดใหญ่-อำเภอเมืองยะลา-อำเภอเบตง (หาดใหญ่-ยะลา 100 กิโลเมตร ยะลา-เบตง 140 กิโลเมตร) หรืออาจใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัฐเคดาห์ มาเลเซีย-เข้าอำเภอเบตง ทางรัฐเปรัก มาเลเซีย วิวสวย แต่ต้องเตรียมเอกสารผ่านแดนไปให้พร้อม โดยปัจจุบันมาเลเซียไม่อนุญาตให้รถตู้ไทยเข้าประเทศ เข้าได้เฉพาะรถเก๋งสี่ล้อที่ไม่ติดฟิล์มหนาเกินไปเท่านั้น

Where to stay : Garden View Betong Hotel ถนนอัยเยอร์เบอร์จัง เมืองเบตง โทร. 0-7324-6222-3

What to eat : อาหารขึ้นชื่อที่ห้ามพลาดชิมคือ ไก่เบตง ของแท้มีที่นี่ที่เดียว อยากชิมติดต่อ คุณหัสดี แซ่เยี่ยง (กรรมการหอการค้าจังหวัดยะลา) โทร. 08-6967-9888, 0-7323-2053 ส่วนขนมหวานอร่อยๆ แนะนำ ร้าน Sugared โทร. 08-1424-2236 มีเค้กและเครื่องดื่มเย็นชื่นใจให้ชิม

Souvenirs : เส้นหมี่เบตง, ส้มโชกุน, ปลาส้มคอกช้าง, กาแฟโบราณ, หมวกกาปิเยาะห์, กริชรามันห์, กล้วยหินฉาบ, ไม้นวดภูมิไท, ซีอิ๊วขาว ฯลฯ

More info : ททท. สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส โทร. 0-7352-2411, 0-7354-2346, 08-1598-6624, 08-5123-1109 / คุณอุดม ลักษณะ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวยะลา-เบตง โทร. 0-7323-0970, 08-6294-1061 / ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเบตง โทร. 0-7323-4614

เที่ยวอุดรได้ตลอดปี ไม่ได้มีแต่ทะเลบัวแดง!

A1

มีเพื่อนๆ หลายคนชอบมาถามว่า ถ้าหมดฤดูท่องเที่ยวทะเลบัวแดงที่หนองหานแล้ว อุดรธานี จะมีที่เที่ยวที่ไหนให้ไปเยือนบ้างรึเปล่านะ??? ตอบง่ายๆ ได้เลยแบบดังๆ ว่า มีชัวร์! เพราะอุดรธานีเป็นเสมือนจังหวัดศูนย์กลางของภาคอีสานตอนบน นอกจากจะมีอารยธรรมบ้านเชียงอันเก่าแก่กว่า 5,000 ปี จนถึงขั้นเป็นมรดกโลกแล้ว ยังมีความน่าสนใจในอีกหลายแง่มุมให้ค้นหา ว่าแล้วก็รีบเก็บกระเป๋า ออกไปทัวร์อุดรธานีกันเลยดีกว่านะพวกเรา! เย้

A2

แหล่งโบราณสถานบ้านเชียง มรดกโลก ดินแดนที่เคยมีผู้คนอาศัยเมื่อกว่า 5,000-1,800 ปีล่วงมาแล้ว เป็นแหล่งชุมชนที่มีอารยธรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถเพาะปลูกพืชผล เลี้ยงสัตว์ ทำเกษตรกรรม หลอมโลหะ ประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะสามารถปั้นเครื่องปั้นดินเผาลายเชือกทาบสีแดง คล้ายรูปขดก้นหอย อันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียงแท้ๆ

A3 A4

แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้รับการค้นพบครั้งแรกโดยชาวบ้านในแถบนั้นเมื่อ พ.ศ. 2503 เพราะมีเศษภาชนะดินเผาแตกเกลื่อนกระจายอยู่ทั่วไปตามหัวไร่ปลายนา ต่อมาจึงมีการขุดค้นจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2515 วงการโบราณคดีทั่วโลกจึงตกตะลึง! เพราะพบว่าเป็นแหล่งชุมชนโบราณขนาดใหญ่ เก่าแก่กว่า 5,000 ปี ทุกวันนี้มีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างดี พร้อมด้วยหลุมขุดค้นจริงที่วัดโพธิ์ศรีใน เราจะได้เห็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณ พร้อมด้วยซากเครื่องปั้นดินเผามากมาย ถ้าใครมาเที่ยวบ้านเชียงตรงกับเดือนกุมภาพันธ์พอดี ก็จะได้ชม “งานมรดกโลกบ้านเชียง” มีขบวนแห่และงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่

A5

 CONTACT : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง อำเภอหนองหาน อุดรธานี โทร. 0-4220-8340 เปิดเวลา 08.30-16.30 น.

 A6

นอกจากบ้านเชียงจะเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญระดับโลกแล้ว ยังเป็นแหล่งผ้าทอย้อมคราม ของพี่น้องชาวไทยพวน ซึ่งอพยพข้ามมาจากฝั่งลาวในอดีตอีกด้วย โดยมีทั้งผ้าฝ้าย และผ้าไหมมัดหมี่ อันประณีตงดงาม หาซื้อได้ง่ายมาก เพราะมีหลายร้านเรียงรายอยู่ด้านหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์บ้านเชียงนั่นเอง

A7

ไม่น่าเชื่อเลยว่า บนเทือกเขาภูพานอันลึกเร้น เนื้อที่กว่า 3,430 ไร่ ในเขตตำบลบ้านผือปัจจุบันนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อ 2,000-3,000 ปีก่อน จะเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ พากันมาตั้งชุมชนทางศาสนาพุทธสมัยทวารวดี โดยใช้ภูมิประเทศอันโดดเด่น เป็นลานหิน ป่าละเมาะเตี้ยๆ และกลุ่มหินเทินรูปทรงประหลาดจำนวนมาก เป็นศาสนสถานและที่ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ที่นี่คือ “อุทยทานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ซึ่งมีหอนางอุษาเป็น Landmark โดดเด่นที่สุด

A9

 ตามซอกหลืบหิน ในโพรงถ้ำน้อยใหญ่ และใต้เพิงผาของภูพระบาท ยังปรากฏร่องรอยภาพเขียนสีโบราณอยู่หลายสิบภาพ ทั้งรูปทรงเรขาคณิต และภาพมนุษย์โบราณ รวมถึงมีหินสลักเป็นพระพุทธรูปแบบนูนสูงด้วย ทว่าน่าเสียดาย ส่วนใหญ่ถูกโจรใจบาปแอบมาตัดเศียรพระไปนานแล้ว! กระทั่งเพิ่งเข้ามามีการอนุรักษ์ภายหลัง เมื่อปี พ.ศ. 2524

A10 A11

CONTACT : อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตำบลเมือนพาน อำเภอบ้านผือ อุดรธานี โทร. 0-4225-0616, 0-4225-1350 เปิด 08.00-16.30 น.

A12

หลังจากเดินเที่ยวภูพระบาทกันจนเหนื่อยล้าแล้ว ก็ได้เวลาไปผ่อนคลายกายใจกันที่ “สปาเกลือ” ของบ้านกุญณภัทร อำเภอบ้านดุง แหล่งเกลือสินเธาว์ธรรมชาติจากใต้พิภพ ซึ่งอุดมคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีการนำเกลือจากแหล่งนี้ไปให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ผลปรากฏว่ามีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่เพียบ! ได้ลงอาบแช่ หรือแค่ขัดตัว พอกหน้า เท่านี้ก็จะมีสุขภาพดี ผิวใส อ่อนเยาว์เลยล่ะ จริงๆ นะไม่ได้โม้!

A13

 วิธีการทำนาเกลือสินเธาว์ (เกลือใต้ดิน) ก็คล้ายกับการทำเกลือสมุทร (เกลือทะเล) โดยเกลือสินเธาว์จะสูบน้ำเกลือจากใต้ดิน ขึ้นมาพักไว้ในบ่อตื่นๆ ให้แดดและไอร้อนเผา จนเกิดการตกตะกอนของผลึกเกลือ จนได้เกลือคุณภาพ เป็นเครื่องบ่งชี้ได้จริงๆ เลยว่า ในครั้งอดีตกาลนานโพ้น ภาคอีสานทั้งหมดเคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน จึงมีชั้นเกลือสะสมอยู่ใต้ดินอย่างมหาศาล

A14

 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าจริงๆ แล้วเกลือมีหลายเกรด หลายระดับคุณภาพ เกลือคุณภาพเยี่ยมที่สุดเรียกว่า “เกสรเกลือ” เป็นผลึกเกลือเล็กๆ ที่จับตัวลอยอยู่เหนือผิวน้ำนี่ละ แต่ถ้าปล่อยเกสรเกลือไว้โดยไม่ไปทำอะไรกับมันเลย ไม่นาน พอมันรวมตัวกันเยอะขึ้น หนักขึ้น ก็จะจมลงไปที่ก้นบ่อ จากนั้นเมื่อน้ำเกลือระเหยไปหมด ก็จะได้เกลือที่นำมาทำอาหาร หรือเกลือที่ใช้ในสปาต่อไป ถ้ามาเที่ยวที่ บ้านกุญณภัทร เขาจะมีกิจกรรมให้เราไปช้อนเกสรเกลือกลับบ้านกันอย่างสนุกสาน ใครขยันมากได้มาก ขอบอกเลยว่า ราคาเกสรเกลือแพงมากจริงๆ!

A15 A16 A17

 พอช้อนเกสรเกลือกันสนุกได้ที่แล้ว ก็มาพักผ่อนนั่งแช่เท้าในน้ำเกลืออุ่นๆ เพื่อผ่อนคลาย ให้เลือดวิ่งปรี๊ดไปทั่วตัว เพราะเท้าคนเราจริงๆ แล้วถือเป็นจุดศูนย์รวมประสาทที่สำคัญมาก หรือถ้าใครมีเวลามาก จะแช่ทั้งตัว หรือนวดหน้าก็ได้นะ เขามีบริการพร้อม เสร็จสามารถซื้อผลิตภัณฑ์จากเกลือธรรมชาตินี้กลับไปใช้เองที่บ้านได้อีก แหม ครบวงจรจริงๆ นะครับพี่

A19

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

CONTACT :  สปาบ้านกุญณภัทร ตั้งอยู่ที่ 214 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านดุง อำเภอบ้านดุง อุดรธานี โทร. 08-1975-6494

A20

ในตัวเมืองอุดรธานีวันนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะ “ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน (จ.อุดรธานี)” ซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยทุนกว่า 15 ล้านบาท โดยพี่น้องชาวจีนคณะกรรมการศาลเจ้าปู่-ย่า สมัยที่ 58 และเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวจีนพลัดถิ่น ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งรกรากประกอบธุรกิจการค้าจนรุ่งเรืองเป็นเจ้าสัวอยู่ในเมืองอุดรธานีมาถึงทุกวันนี้

A21

 ภายในศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี มีการจัดภูมิทัศน์ และสวนจีน เลียนแบบเมืองจีนแท้ๆ เข้าไปเดินเที่ยวแล้วนึกว่าอยู่ในเมืองจีนจริงๆ ด้วย! กลางสวนมีบ่อปลาคาร์พจักรพรรดิ์ห้าสี ขนาบด้วย อาคารเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ หอคุณธรรม ที่รวมคติความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวจีนในอุดร สอนลูกสอนหลานต่อเนื่องกันมา ให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อไป ถึงแม้เราจะไม่ใช่ชาวจีน ก็สามารถเข้าไปชมได้ เหมาะมากสำหรับทุกคนในครอบครัว

A22.1

A22.2A22A23

 CONTACT : ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี 889 ถนน 39 ศาลเจ้าเนรมิตร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โทร. 0-42242-444 , 0-4224-2333

A24

 ศาลเจ้าปู่ย่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ศูนย์รวมพลังศรัทธาและพลังสามัคคีของพี่น้องชาวจีนทุกตระกูลแส้ในอุดรธานี โดยภายในศาลนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรไปสักการะ 6 อย่าง คือ หนึ่ง “ทีตีแป่บ้อ” เรียกสั้นๆ ว่า “ทีกง” หรือชื่อในภาษาไทย คือ “ศาลเทพยดาฟ้าดิน” สอง “ปึงเถ่ากงม่า” คือ “เจ้าปู่เจ้าย่า” สาม “ศาลเจ้าพ่อหนองบัว” สี่ “ตี่จู๋เอี๊ย” หรือ ชื่อภาษาไทย คือ เจ้าที่เจ้าทางซึ่งก็คือสิ่งศกดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปักรักษาดูแลสถานที่นั้นๆ ห้า “พระสังกัจจายน์” และ หก คือ “ฉั่งง่วนส่วย” เป็นองค์เทพที่เชี่ยวชาญในการปราชญ์เป็นอย่างยิ่ง เป็นที่นิยมสักการะของนักเรียน นักศึกษา ในการจะไปสมัครสอบครั้งสำคัญ

CONTACT : ศาลเจ้าปู่ย่า ตั้งอยู่ที่ริมสระหนองบัว ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง อุดรธานี โทร. 0-4224-7291

A25.1

A26

หลังจากสักการะศาลเจ้าปู่ย่า และหาแหนมเนืองแสนอร่อยชิมกันจนอิ่มแปร้แล้ว ก็ได้เวลาตะลุยราตรี สัมผัสวิถีชีวิต Night Life ของเมืองอุดร ทุกวันนี้ดูเหมือนถ้าไม่ได้ไปเดินช้อปปิ้งที่ UD TOWN ถือว่าเชยแย่! เพราะที่นี่เป็นเหมือน Center Point หรือ Siam Square ของคนอุดรเขาล่ะ แต่ไม่เท่านั้น ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราจะเห็นคนลาว และรถยนต์จากฝั่งลาว ข้ามสะพานมิตรไทย-ลาว ที่หนองคาย เข้ามาเดินเที่ยวช้อปปิ้งกันเป็นพันคน!

A27

 คนที่รักธรรมชาติ ต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางผืนป่าเขียวๆ ในโอบล้อมขุนเขา เราแนะนำให้ไปเที่ยวที่ “หมู่บ้านคีรีวงกต” อำเภอนายูง ชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ที่จัดการท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย พาเราเข้าไปชื่นชมวิถีชีวิตแบบพอเพียง พึ่งพิงธรรมชาติ จนสามารถปลูกพืชผลพืชไร่ได้หลากหลายชนิด ตั้งแต่พืชผักสวนครัว, ข้าวไร่, อ้อย, ข้าวโพด, ยางพารา หรือแม้แต่สตรอว์เบอร์รี่สีแดงแสนอร่อย ซึ่งจะดกมากโดยเฉพาะในฤดูหนาว

A28

A29A30A31

 ทีเด็ดของการมาเที่ยวบ้านคีรีวงกต คือการนั่งรถอีแต๋นเที่ยวป่า! ลัดเลาะราวไพรเข้าไปตามลำห้วยชื่อ ห้วยใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จนไปถึงน้ำตกใสสะอาดที่มีน้ำไหลตลอดปี บ่งบอกเป็นนัยๆ ได้ว่า ผืนป่ารอบหมู่บ้านยังดีอยู่ จึงสามารถดูดซับและปล่อยน้ำออกมาให้ชาวบ้านได้ใช้สอย ดูสิ นอกจากจะได้ใช้อาบกินในบ้าน ในนาไร่แล้ว ยังเกื้อหนุนกับการท่องเที่ยวทำรายได้อย่างยั่งยืนแบบนี้ล่ะ น่าชื่นชมเอาตัวอย่างจริงๆ

A32

 ระหว่างทางก็จะได้ชื่นชม พร้อมกับเก็บภาพธรรมชาติสวยๆ มองไปไกลๆ ยังเห็นภูเขาทอดตัวอยู่เป็นเพื่อน เคียงคู่พงไพรและไม้ใหญ่ รวมถึงต้นค้อ และต้นยางนายักษ์เป็นจำนวนมาก นี่คือป่าชุมชนที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ

A33 A34

A35

A36

 สิ้นสุดการขี่รถอีแต๋นเที่ยว ก็คือการข้ามน้ำตกเล็กๆ มานั่งตั้งวงกินข้าวกันกลางป่า ฮาฮาฮา มีความสุขจริงๆ นะพวกเรา

A37

 จังหวะข้ามลำธารนี้เอง ที่ใครแอบชอบใครก็ขอจับมือทำทีช่วยข้ามลำธารกันตอนนี้ล่ะ! ฮาฮาฮา ล้อเล่นน่า

A38

 คุณลุงโชเฟอร์นักขับอีแต๋น ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวปิ้งไก่ให้เรากินด้วย แถมยังมีน้ำสมุนไพรต้มแสนชุ่มคอมาให้ชิมปิดท้ายอีกต่างหาก ใจดีจังนิ

A39

 อาหารพื้นบ้าน ง่ายๆ แต่แซ่บเวอร์! มื้อนี้มีทั้งปลาเผา ข้าวหลาม ส้มตำปลาร้า ปีกไก่ย่างถ่านหอมฉุย แจ่วรสเด็ด และต้มยำน้ำข้น ขอบอกว่ากินกันเกลี้ยงทุกสิ่งอย่าง!!!!

A40

A41 A42

CONTACT : หมู่บ้านคีรีวงกต อำเภอนายูง จ.อุดรธานี ไปพัก Homestay หรือนั่งรถอีแต๋นเที่ยวทัวร์ป่า ติดต่อ ผู้ใหญ่นรินทร์ โทร. 08-3147-9004 หรือ www.facebook.com/OonSonkeeree

A43

 อาชีพทำไม้กวาดดอกหญ้า คือภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สรรค์สร้างเป็นงานหัตถกรรมน่าซื้อ น่าใช้ ทุกครัวเรือนไทยเหมาะมาซื้อหากันถึงแหล่ง จะได้อุดหนุนชาวบ้านอย่างแท้จริง

 

 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี โทร. 0-4232-5406-7, 08-1486-2775

หรือติดต่อ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 08-9752-7552, 08-5295-0092

The Bloom อาณาจักรกล้วยไม้บาน 365 วัน! จ.ราชบุรี

B2 B3

 The Blooms Orchid Park แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดราชบุรี สวรรค์ของคนรักกล้วยไม้และธรรมชาติ ในบรรยากาศสวนสวยร่มรื่น เนื้อที่กว่า 100 ไร่! ในเขตอำเภอบางแพ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง ที่เที่ยวง่าย ได้ความสืดชื่น ส่วนคนที่ชอบถ่ายภาพ ขอบอกว่าอยู่ที่นี่ได้เป็นวันๆ ไม่เบื่อ เพราะเขามีมุมถ่ายภาพเซลฟี่สวยๆ นับไม่ถ้วน!

B4

 ความพิเศษสุดของสวนกล้วยไม้ The Blooms ก็คือ จะมีกล้วยไม้นับร้อยสายพันธุ์ หมุนเวียนเบ่งบานให้ชมตลอด 365 วัน! เรียกง่ายๆ ว่าเป็นดินแดนดอกไม้บานตลอดปีนั่นเอง ไปเที่ยวเมื่อไหร่ไม่ผิดหวังแน่นอน

B5

ฟ้ามุ่ย เป็นกล้วยไม้ในสกุล Vanda ที่สวยงามและหายาก อีกทัง้ยังเป็นพืชอนุรักษ์ตามอนุสัญญา CITES บัญชีที่ 1 อีกด้วย ลักษณะเป็นกล้วยไม้อิงอาศัย คือเกาะติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ ตามธรรมชาติออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม เมืองไทยพบมากทางภาคเหนือ แต่ทุกวันนี้สามารถเพาะพันธุ์ปลูกเลี้ยงกันได้แล้ว

B6

B7

 บอกไม่ถูกเลยนะ ว่าระหว่างคนกับดอกไม้ อะไรจะงามกว่ากัน? ฮาฮาฮา สรุปงามทั้งคู่

B8

เดินเที่ยวชมสวนไป เซลฟี่ไป สุขใจจะจริงๆ เลยนะสาวๆ

B9

 สวนกล้วยไม้ของ The Blooms เป็นการจัดสวนและ Landscape อย่างพิถีพิถัน ให้ดูเหมือนป่าธรรมชาติ โดยนำกล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ นับร้อยพันธุ์ ทั้งลูกผสมและธรรมชาติ ไปเกาะเกี่ยวไว้กับต้นไม้ใหญ่ เวลาเดินเข้าไปชมจึงรู้สึกว่าเราถูกโอบล้อมด้วยอ้อมกอดของป่าดงพงไพรเขียวขจีร่มรื่นจริงๆ กล้วยไม้เด่นๆ ของเขา มีทั้งสกุลหวาย, สกุลช้าง อย่างช้างแดง ช้างกระ, ไอยเรศ, เอื้องต่างๆ และยังมีเพชรหึง (ว่านหางช้าง) กล้วยไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกให้ชมกันด้วยล่ะ

B11

 หวายแดง กล้วยไม้สกุล Renanthera ที่สวยงามและหายากของไทย ตามธรรมชาติพบมากทางภาคเหนือ อีสาน และตะวันออก ในป่าดิบชื้นที่ไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนัก ที่เห็นในรูปเป็นพันธุ์ลูกผสม (Hybrid)

B12

 กล้วยไม้พวกหวาย หรือสกุล Dendrobium มักจะมีลักษณะกลีบเรียวยาวปลายแหลม สีสันสดใส และบานทนนาน เป็นเอกลักษณ์

B13B14B15

B16B17B18B19 B20B21B22B23B24B25B26 B27B28 B29

B30

B31B32B33

B34B35B36

B37

 เหลืองพิศมร เป็นกล้วยไม้ดินสกุล Spathohlottis สีสันสดใส ที่ออกดอกในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม

B38B39

 เอื้องเข็มแดง และเอื้องเข็มแสดพันธุ์ลูกผสม

B40

 เอื้องเข็มแสด กล้วยไม้สกุล Ascocentrum ที่มีช่อตั้งขนาดใหญ่สวยงาม แถมยังบานทนนานเป็นสัปดาห์ จึงนิยมเพาะเลี้ยงไว้ดูกันเล่น หรือเป็นกล้วยไม้ตัดดอกขายราคาเยี่ยม

B41B42

 หวายแดงลูกผสม

B43B44

B45

 ช้างกระ กล้วยไม้ในสกุล Rhynchostylis ช่อใหญ่ อวบอ้วน ดอกบานอยู่ได้นาน เป็นที่นิยมปลูกเลี้ยงของคนรักกล้วยไม้ทั่วไป

B46

Travel Guide

Address : บริษัท เดอะบลูมส์ ออร์คิดปาร์ค จำกัด (The Blooms Orchid Park) เลขที่ 65 หมู่ 7 ตำบลวัดแก้ว อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี 70160

How to go : การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม ผ่านจังหวัดนครปฐม ตรงผ่านสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ข้ามสี่แยกบางแพ ตรงมาทางราชบุรีประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายที่คลองชลประทาน หลัก กม.84+380 ม. ตรงมาประมาณ 4 กิโลเมตร The Blooms Orchid Park อยู่ทางขวา  ส่วนการเดินทางมาจากอำเภอดำเนินสะดวก ใช้ถนนสายดำเนินสะดวก-บางแพ ผ่านวัดหลวงพ่อสด มาถึงแยกหัวโพ เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 3 กิโลเมตร จนถึงคลองชลประทาน จากนั้นเลี้ยวขวา วิ่งเลียบคลองชลประทานไป 2 กิโลเมตร จนถึงทางเข้า The Blooms Orchid Park มีลานจอดรถด้านหน้าสะดวก กว้างขวาง

Office Hour : เปิด จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-17.30 น.

Entrance Fee : ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท

Contact : โทร. 08-7111-4436, 08-6111-0084 / www.thebloomsorchidpark.com

สดชื่นสดใสวันดอกไม้บาน แก่นมะกรูด จ.อุทัยธานี

ชาธร 2

 ใครว่าภาคกลางไม่หนาว! ขอเถึยง โดยเฉพาะต้นปีนี้อากาศหนาวจัดไม่ใช่เล่น ใครแวะไปแถบอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี คงมีโอกาสได้ชมสีสันพรรณไม้เมืองหนาวเบ่งบานละลานตา ที่ตำบลแก่นมะกรูด โดยเฉพาะดอกลิลลี่และดอกทิวลิป ซึ่งสั่งตรงเข้ามาจากเนเธอร์แลนด์ ให้ได้ชมกันเฉพาะฤดูหนาวนี้ ประมาณปลายเดือนธันวาคม ถึงปลายเดือนมกราคม เท่านั้น

ชาธร 3

 

 

 

 

 

 

 

ชาธร 4 ชาธร 5

ดอกลิลลี่ที่แปลงดอกไม้เมืองหนาวแก่นมะกรูด มีทั้งสีส้ม สีเหลือง และสีขาว เวลาไปอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจ แต่ของสวยแบบนี้ ดูแต่ตามืออย่าต้องเป็นดีที่สุด เก็บความงามไว้ให้คนอื่นได้ชื่นชมด้วย

ชาธร 6 ชาธร 7

ชาธร 9

 อากาศที่เย็นฉ่ำตลอดปีของแก่นมะกรูด ทำให้เกษตรชาวปกากะญอของที่นี่ สามารถปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้ โดยมีการนำพันธุ์มาจากจังหวัดเชียงใหม่ แต่ด้วยวิธีการปลูกและดูแลแบบธรรมชาติ ไม่ฉีดยาฆ่าแมลง ประกอบกับดินภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้สตรอว์เบอร์รี่แก่นมะกรูดมีรสชาติหวานชื่นใจ แม้จะเพิ่งปลูกมาแค่ไม่ถึง 3 ปี แต่ผลผลิตดีเยี่ยม ได้รับความนิยมอย่างสูง จนปลูกขายไม่ทันความต้องการลูกค้าในปัจจุบัน!!!

ชาธร 10

ชาธร 11

 แปลงสตรอว์เบอร์รี่อยู่ที่ หมู่ 1 บ้านใต้ ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ปัจจุบันแปลงนี้มีเนื้อที่ 2 ไร่ และแน่นนอนว่ากำลังขยายเพิ่มเติมกับความต้องการของนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด!

ชาธร 12

 สาวๆ ถ่ายรูปสวยๆ กับแปลงสตรอว์เบอร์รี่แก่นมะกรูด ท่ามกลางอากาศเย็นฉ่ำในช่วงฤดูหนาว เดินทางก็ง่าย เพราะอยู่ไม่ไกลจากแปลงดอกไม้เมืองหนาว

ชาธร 13

 เยอเอ๊เนอ เป็นภาษาปกากะญอ (กะเหรี่ยง) แปลว่า I Love You หรือฉันรักเธอ ใครอยากบอกรักกัน แต่ไม่กล้า ลองซื้อเสื้อตัวนี้ไปเป็นตัวแทนความรู้สึกดีๆ ก็ได้นะ

ชาธร 14

 จูงมือกันไปเซลฟี่ ท่ามกลางแปลงดอกไม้เบ่งบานละลานตา ฮาฮาฮา

ชาธร 15ชาธร 16ชาธร 17

ชาธร 18

 สาวสวยย่อมต้องคู่กับดอกไม้งาม เป็นเรื่องธรรมดา

ชาธร 19ชาธร 20ชาธร 22

ชาธร 23

 นอกจากแก่นมะกรูดจะโดดเด่นด้วยดอกลิลลี่แล้ว จริงๆ ยังมีดอกทิวลิป ที่แต่ละปีจะสั่งตรงเข้ามาจากเนเธอร์แลนด์นับพันๆ หัว และมีดอกไม้เมืองหนาวอีกหลายสิบชนิดเบ่งบานพร้อมๆ กัน ได้ไปสัมผัสแล้วสดชื่นมากๆ เหมือนการช๊าตพลังชีวิตในช่วงปีใหม่เลย

ชาธร 4.1

ชาธร 24

ชาธร 25ชาธร 26

 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ททท. สำนักงานอุทัยธานี-นครสวรรค์ โทร. 0-5651-4651-2

หรือที่ “ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 73” แปลงเรียนรู้เกษตรพอเพียงบนที่สูง ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี

สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านไร่ 0-5653-9117 , คุณวิโรจน์  08-3036-0943

เที่ยวเมืองปากน้ำสุขใจ ในสายลมหนาว

B2

เมื่อสายลมหนาวโบกโบยมาทีไร ชวนให้นึกถึงการท่องเที่ยวขึ้นดอยดูทะเลหมอกทางภาคเหนือ แต่นั่นคงต้องใช้เวลาและงบประมาณไม่น้อยในการเดินทาง ทริปนี้เลยอยากพาพวกเราไปเที่ยวง่ายๆ ใกล้ๆ กรุง รับลมหนาว รับรองว่าเป็นการเที่ยวแบบประหยัด และใช้เวลาแค่วันเดียวก็ Happy แล้ว เส้นทางนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ชวนกันขับรถสบายๆ ไปพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว แบ่งปันความสุขให้เต็มอิ่ม กับ เมืองปากน้ำสมุทรปราการ เมืองที่สายน้ำจืดของเจ้าพระยา มาบรรจบพบกับน้ำเค็มของอ่าวไทย หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างสรรค์ที่เที่ยวมากมายไว้ให้เราสัมผัส

B3

 เริ่มต้นกันที่ “สถานตากอากาศบางปู” ชายทะเลใกล้กรุงอันแสนคลาสสิก เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตทหารที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าสัมผัสได้ตลอดปี แต่สวยสุดต้องฤดูหนาว เพราะอากาศเย็นสบาย แถมมีนกนางนวลอพยพนับหมื่นตัว

B4

 พระอาทิตย์อัสดงที่ชายทะเลบางปู ในช่วงฤดูหนาวจะเห็นพระอาทิตย์เป็นดวงกลมโตสีแดงแบบนี้ล่ะ น่ามหัศจรรย์จริงๆ เลย!

B5 B6

ฝูงนกนางนวลเริงร่าท้าลมหนาว พากันมารวมฝูงรับแสงสุดท้ายของวัน พวกมันคือนกนางนวลที่น่ารักน่าชังจริงๆ

B7 B8 B9B10

 รัศมีแสงสุดท้ายของอาทิตย์ยามอัสดง อาบทาผืนฟ้าที่บางปูงามราวสรวงสวรรค์! ไม่ได้ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อ ว่าจริงๆ แล้วอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียวนะเนี่ย

 B11

 เสน่ห์ของบางปูเป็นเช่นนี้มาหลายสิบปีไม่เคยเปลี่ยน เพราะเมื่อสายลมหนาวมาเยือน ทั้งฝูงนกนางนวลและผู้คน ต่างก็มารวมกัน ณ สถานที่นี้ “บางปู”

B12

 มาบางปูไม่ได้มีแค่นกนางนวลให้ชมอย่างเดียว แต่ยังมีร้านอาหารทะเลชายน้ำ ชื่อ “ศาลาสุขใจ” ลองไปชิมอาหารทะเลสดอร่อย ในราคาจ่ายสบาย แถมยังมีจุดเปิดโล่งให้ชมทะเลอย่างเต็มอิ่มด้วย

B13

 ฝูงนกนางนวลหางดำ ลอยน้ำรอรับอาหารจากนักท่องเที่ยว

B14

 อิริยาบทอันแสนน่ารักของนกนางนวลหางดำที่บางปู

B15

 จะว่าไปแล้ว นกนางนวลที่บางปูอาจเป็นนกที่ถ่ายรูปได้ง่ายที่สุดในโลก! ฮาฮาฮา เพราะมันคุ้นคน บินโฉบไปโฉบมาแบบใกล้ๆ เลย ถ่ายรูปง่าย ใช้เลนส์และกล้องธรรมดาก็ได้รูปสวยๆ แบบนี้มาอวดกันแล้วล่ะ

B16

 นกนางนวลหางดำ (Black-tailed Gull) เป็นฝูงนกอพยพที่มีจำนวนมากที่สุดของบางปู ทุกปีมันจะอพยพหนีหนาวจากตอนเหนือของโลก มาหากินและผสมพันธุ์กันในเมืองไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม

B17B18

 บางปูมีบริการรถตุ๊กๆ พานักท่องเที่ยวเข้าไปใน สะพานสุขตา ยื่นยาวออกไปในทะเล เป็นจุดที่ยืมชมและให้อาหารนกนางนวลได้อย่างใกล้ชิดสุดๆ

B19

B20

 จากบางปู ขับรถต่อไปที่ “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” สถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลเมืองปากน้ำ ซึ่งไทยเคยใช้เป็นหน้าด่านป้องกันเรือรบข้าศึกที่จะเข้ามาโจมตีพระนคร

B21

 เรือรบหลวงแม่กลอง หลังปลดประจำการแล้ว ก็ได้รับการนำขึ้นมาตั้งเป็นอนุสรณ์และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ขึ้นไปชมได้อย่างใกล้ชิด แถมใกล้ๆ กันนั้น ยังมี ร้านอาหารท้ายเรือหลวงแม่กลอง ให้ไปชิมกันได้ทุกวัน

B22

 ป้อมปืนเสือหมอบ เป็นปืนใหญ่โบราณสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะพิเศษคือเวลายิง ปืนจะยกตัวขึ้นเหมือนคนยืน แต่พอยิงเสร็จปืนก็จะลดระดับลงมาแอบอยู่ในหลุมใต้ดิน! ปืนนี้เคยใช้ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศส ที่เข้าปิดปากน้ำเจ้าพระยา ในช่วงวิกฤตการณ์ รศ.112 เพื่อบีบบังคับให้ไทยยกดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงให้ จนในที่สุดไทยก็ต้องยอม เพราะช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสถือเป็นมหาอำนาจนักล่าอาณานิคมที่มีอำนาจมาก!

B23.1

 ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า ใกล้กับเรือรบหลวงแม่กลอง มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เป็นสะพานไม้ยกระดับอย่างดี พร้อมรากวันตก และมีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้เรื่องพืชพรรณต่างๆ เหมาะจะพาครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ ไปสัมผัสธรรมชาติกันบ้าง

B23

 พิพิธภัณธ์ราชนาวี ที่สมุทรปราการ เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของราชนาวีไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งส่วนจัดแสดงกลางแจ้งและในร่ม ไฮไลท์อยู่ที่โมเดลแสดงขบวนเรือพระราชพิธี เสด็จพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งโมเดลเรือแต่ละลำนั้น สร้างย่อส่วนมาได้สมจริง และมีรายละเอียดสวยงามมากๆ นิทรรศการที่น่าสนใจ เช่น เรือรบหลวงพระร่วง ในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งชาวไทยช่วยกันเรี่ยรายบริจาคเงินซื้อ จำนวน 3,514,604 บาท 1 สตางค์ ในปี พ.ศ. 2463 เป็นต้น

B24B25

 ไม่บอกไม่รู้! นี่คือห้องสะพานเดินเรือของ “เรือดำน้ำมัจฉานุ” 1 ใน 4 เรือดำน้ำของไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2481-2494

B26

 ดูกันชัดๆ นี่ล่ะ เครื่องบินน้ำของจริง ที่ราชนาวีไทยเคยใช้ในกิจการงานป้องกันประเทศมาแล้ว

B27

 พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ Landmark สำคัญของสมุทรปราการ มหัศจรรย์แหล่งท่องเที่ยวของเอเชียอาคเนย์ เป็นประติมากรรมลอยตัวรูปช้างเอราวัณสามเศียรขนาดยักษ์ สูงถึง 43.60 เมตร! สร้างด้วยแผ่นทองแดงนำมาตีต่อกัน ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นประติมากรรมช้างทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก! สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจของ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ (ผู้สร้างเมืองโบราณ) เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้พุทธศาสนา ผ่านทางประณีตศิลป์ วิจิตรศิลป์ และสถาปัตกยกรรมไม่เหมือนใคร ได้ไปเห็นกับตาแล้วต้องอึ้งทึ่งในความใหญ่โตมโหฬารงดงามสุดๆ

B28

 “พระสมุทรเจดีย์” ศูนย์รวมศรัทธาคนปากน้ำ และยังเป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการด้วย พระสุทรเจดีย์เริ่มสร้างสมัยรัชกาลที่ 2 เสร็จสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์จุดสังเกตของคนเรือพ่อค้าวาณิชย์ที่ล่องสำเภามาค้าขายกับสยาม เมื่อมองจากอ่าวไทยเข้ามาเห็นพระสมุทรเจดีย์ (ซึ่งในอดีตอยู่บนเกาะกลางน้ำ แต่ปัจจุบันมีดินเลนงอกเข้าไปเชื่อม จนกลายเป็นแผ่นดินเดียวกัน) ก็จะรู้ว่ามาถึงสยามแล้ว

B29

 “หลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน” อันศักดิ์สิทธิ์ และขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดสมุทรปราการ ท่านเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองอร่าม งดงามและเก่าแก่มาก หลวงพ่อโตองค์นี้เป็น 1 ใน 3 พระพุทธรูปที่ชาวอยุธยาล่องหนีพม่าลงมาตามน้ำ เมื่อ 200 กว่าปีก่อน โดยแต่ละองค์ได้ไปหยุดอยู่ ณ ที่ต่างๆ กันคือ หลวงพ่อบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม, หลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และหลวงพ่อโต จังหวัดสมุทรปราการ ได้กราบแล้วเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง

B30.1

 กราบหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ในเสร็จแล้ว เดินไปใกล้ๆ ก็ถึง “ตลาดโบราณ 100 ปี บางพลีใหญ่ใน” ตลาดเก่าแก่ริมน้ำ มีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันขนานไปกับริมลำคลอง อิ่มเอมกับบรรยากาศน่ารักๆ โหยหาอดีต รอยยิ้มของผู้คน ของกินอร่อย และมีสินค้าย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงตอนเราเป็นเด็ก

IslBG

 “เมืองโบราณ” ของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ จำลองแบบสถานที่สำคัญของไทย 4 ภาค ด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจงภายในเนื้อที่กว่า 800 ไร่ เราจะได้ชมพระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท ซึ่งจำลองมาจากกรุงศรีอยุธยาก่อนถูกพม่าเผา ชมปราสาทเขาพระวิหารจำลอง และอีกมากมาย ถ่ายรูปกันมันส์ แต่ที่นี่เขาห้ามเอาขาตั้งกล้องเข้าไปนะจ๊ะ

B31

 “ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ” ฟาร์มจระเข้ใหญ่ที่สุดในโลก! เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2493 จนมีจระเข้เลี้ยงอยู่กว่า 100,000 ตัว! ชมการแสดงสุดระทึก น่าตื่นเต้น ระหว่างคนกับจระเข้ แถมยังมีสวนสัตว์นานาชนิดให้ชม ได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน

B32

B33

 ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ ไม่ได้มีแต่จระเข้ให้ชมอย่างเดียว แต่ยังมี ละครลิงสนุกๆ ให้ฮากันเต็มที่จนท้องแข็ง ทั้งแสนรู้ ทั้งน่ารัก

B34

 เที่ยวกันมาเต็มอิ่มแล้ว ก่อนกลับบ้านแวะซื้อของฝากเจ๋งๆ กันสักนิด ปลาสลิดบางบ่อ เป็นปลาสลิดตากแห้งที่มีคุณภาพและขึ้นชื่อว่าอร่อย เพราะเนื้อแน่น รสไม่เค็มจัด มีขายทั้งแบบตากแห้งและที่ทอดเสร็จแล้วบรรจุเป็นกล่องๆ นำมากินกับข้าวต้มข้าวสวยร้อนๆ ได้เข้ากันดีจิรงๆ หาซื้อได้ทั่วไปตามริมถนนสุขุมวิท รวมถึงอำเภอบางบ่อ และตลาดปากน้ำสมุทรปราการ

 

 

B35

แส้ปัดยุงไม้บงจาก เป็นหัตถกรรมโบราณที่กำลังจะสูญหายไปจากเมืองสมุทรปราการ เพราะเหลือผู้ผลิตอยู่แค่ไม่กี่ราย ลักษณะเป็นแส้ไม้ปัดยุงปัดแมลงเหมือนแส้ ทำจากก้านต้นจาก (บงจาก) นำมาตีให้แบนแล้วใช้แปรงลวดสางจนเป็นเส้นฝอยละเอียด หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องจักสานที่ตลาดปากน้ำสมุทรปราการ หรือโทรติดต่อกลุ่มผู้ผลิต โทร. 08-6615-3857, 08-6773-0695 เหตุที่มีแส้ไม้ปัดยุงขายในสมุทรปราการมานานโขก็เพราะ สมัยกรุงศรีอยุธยา พ่อค้าที่ล่องเรือผ่านปากน้ำเข้ามาต้องผ่านป่าชายเลนแน่นทึบ มีบันทึกว่ายุงที่นี่ตัวใหญ่ กัดเจ็บ สามารถกัดทะลุเสื้อผ้าได้! จึงมีการคิดทำแส้ไม้ปัดยุงบงจากขึ้น และใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน

B36

 เที่ยวเมืองปากน้ำ ก็ต้องไม่พลาดชิม Seafood อร่อย ที่ ศาลาสุขใจ สถานตากอากาศบางปู เมนูแนะนำ เช่น กุ้งเผา, กุ้งอบวุ้นเส้น, หมึกไข่นึ่งมะนาว, หอยหลอดผัดฉ่า, ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ฯลฯ และอื่นๆ อีกมากมาย

B37B38

 สมุทรปราการ Guide

How to go : รถยนต์ ใช้ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) และทางหลวงหมายเลข 303 (ถนนสุขสวัสดิ์) ระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร เข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดสมุทรปราการได้เลย จากนั้นถ้าจะไปดูนกนางนวลบางปู (มีเฉพาะฤดูหนาว) จากสามแยกสมุทรปราการ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ประมาณหลัก กม. 37 กลับรถ ทางเข้าสถานตากอากาศบางปูจะอยู่ริมถนนซ้ายมือ มีที่จอดรถจำนวนมาก

Where to stay : ถึงแม้สมุทรปราการจะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว แต่ถ้าอยากจะค้างคืนก็ได้ แนะนำ สถานตากอากาศบางปู กรมพลาธิการทหารบก มีที่พักเป็นบังกะโลสำหรับนักท่องเที่ยว โทร. 0-232-39911, 0-323-9530 ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวควรโทรจองล่วงหน้า เพราะมีจำนวนจำกัด

More info : ททท. สำนักงานสมุทรปราการ โทร. 0-2250-5500 ต่อ 2991-5 / พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โทร. 0-2371-3135-6 / ป้อมพระจุลฯ โทร. 0-2475-6109 / พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ โทร. 0-2394-1997, 0-2475-3808 / เมืองโบราณ โทร. 0-2323-4094-9 / ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ โทร. 0-2703-4891-95

พะงัน พระจันทร์หลากสี มีมากกว่าที่คิด!

ไป “พะงัน” กันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสนต์ ไปเล่นลมสู้คลื่น สดชื่นและสมหวัง… ใช่แล้ว ไปเที่ยวทะเลทั้งทีก็ต้องมีความสุขแน่นอน เพราะพะงันเป็นเกาะใหญ่ที่สวยที่สุดเกาะหนึ่งของทะเลสุราษฎร์ธานีเลยล่ะ แต่ก่อนชื่อว่า “เกาะพงัน” ซึ่งมาจากคำว่า “หลังงัน” เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึงสันทรายที่โผล่ขึ้นมายามน้ำลด และต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น “เกาะพะงัน” มาถึงทุกวันนี้

P2

 เดิมทีพะงันเป็นเกาะเงียบๆ มีแต่สวนมะพร้าวกับวิถีประมง ผู้คนอยู่กันแบบพอเพียง แต่ต่อมาชื่อเสียงของ Full Moon Party ก็ทำให้พะงันโด่งดังระดับโลก! มีแบ็กแพ็เกอร์ หรือพวกแบกเป้เที่ยวเข้ามาพะงันเดือนละหลายหมื่นคน ภาพลักษณ์ของพะงันจึงกลายเป็นเกาะแห่งการ Party ไปซะงั้น แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ลึกๆ แล้ว พะงันยังมีแง่มุมน่าสนใจอื่นๆ อีกหลายมิติมุมมองให้ค้นหา และทริปนี้ เราจะร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อร่วมงาน “พระจันทร์หลากสี” ที่พะงัน

P3

ทริปนี้เราใช้วิธีบินจากกรุงเทพฯ ไปลงเกาะสมุย แล้วต่อเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะพะงัน อีกแค่ 20 นาทีก็ถึงแล้ว

P4

เมื่อเรือเฟอร์รี่เร่ิมเร่งเครื่องออกเดินทาง เราก็ทิ้งเกาะสมุยไว้เบื้องหลัง วันนี้ฟ้าสวยแดดใสดีจริงๆ เลยนะ

P5

 ถึงแล้ว เกาะพะงัน เกาะในฝันของคนรักทะเล ที่เราจะมาตามหาแง่มุมน่าสนใจอันหลากหลาย

P6

อดใจไม่ไหว ขอไปลงน้ำกันก่อนเลย โดยเฉพาะที่ “ทะเลแหวก” ตรงหาดแม่หาด มีสันทรายเชื่อมไปยังเกาะม้าได้ เขาบอกว่าเป็นจุดำน้ำตื้นดูปะการังที่สวยที่สุดของเกาะพะงันเลยล่ะ บางวันเวลาเรือดำน้ำที่เกาะเต่าหนาแน่นมากๆ เรือบางลำก็จะพานักท่องเที่ยวมาดำน้ำตื้นดูปลากันที่เกาะม้านี่ล่ะ

P7

ลองไปเดินเล่นบนสันทรายของทะเลแหวก เห็น เกาะม้า อยู่ใกล้ๆ ข้างหน้าแค่นิดเดียว ผืนทรายของที่นี่เป็นสีน้ำตาลทอง เม็ดละเอียดกำลังดี เวลามาเดินอยู่บนทะเลแหวกจริงๆ แล้ว จะให้ความรู้สึกแปลกดี เพราะมีทะเลขนาบตัวเราอยู่สองข้าง บางจังหวะคลื่นจากทะเลสองฝั่งจะซัดเข้ามาชนกัน แล้วแหลกออก สลับไปสลับมาอย่างนี้ สมชื่ทะเลแหวกจริงๆ

P8

อุตส่าห์หนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่มาถึงทะเลสวยๆ อย่างหาดแม่หาดแล้ว ขอตัวนอนเล่นบนเก้าอี้ผ้าใบ ฟังเสียงคลื่นจุมพิตหาดทราย และเหม่อมองทะเลแหวกและเกาะม้าอันแสนบริสุทธิ์สวยงาม

P9

มนต์เสน่ห์ทะเลพะงัน ดูจะเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายร้อยเท่าทวีคูณในยามอาทิตย์อัสดง โดยเฉพาะที่ หาดศรีธนู ซึ่งเป็นหาดเงียบสงบใต้ทิวสนและดงมะพร้าว มีถนนให้รถวิ่งชมวิวเลียบหาดได้ แต่ที่เจ๋งสุดคือ มีต้นมะพร้าวโอนเอนลงเรื่ยผิวทะเลเลยล่ะ น่าไปโดดน้ำเล่นชะมัด

P10

ไม่น่าเชื่อเลยว่า ที่พะงันจะมีโรงเรียนสอนเล่น Kite Surf อยู่ด้วย กีฬาทางน้ำนี้เล่นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม โดยการใช้ร่มลากกระดานโต้คลื่น ผู้เล่นจึงต้องมีร่างกายแข็งแรง ในการคุมร่มให้อยู่ เกาะพะงันมีลมดีเล่น Kite Surf ได้ตลอดปี ใครอยากเรียนไปได้เลยที่หาดมาลิบู (มาลิบู รีสอร์ท)

P11

P12

การเล่น Kite Surf จะมันส์ตรงที่เวลานักเล่นโดดลอยตัวขึ้นไปหมุนโชว์ลีลาอยู่กลางอากาศนี่ล่ะ!!

P13

จริงๆ แล้ว เราไม่อยากให้คนรู้จักเกาะพะงันเพียงแง่ของ Full Moon Party และทะเลอันสวยงามเท่านั้น เมื่อวันที่ 9-13 ธันวาคม 2557 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเกาะสมุย ร่วมกับสมาคมโรงแรมเกาะพะงัน จึงจัดงาน “พระจันทร์หลากสี ที่พะงัน” หรือ Phangan Color Moon Festival 2014 โดย ท่านกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาเป็นประธาน เพื่อประกาศให้เป็นที่รู้กันว่า พะงันมีของดีอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสายตาชาวโลก มากถึง 5 หมวดการท่องเที่ยว (เปรียบได้กับ พระจันทร์ 5 สี) ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ, เชิง Beach Part ระดับโลก, วิถีชีวิตและวัฒนธรรม, อาหารอร่อย และยังมีการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ – เกษตรอินทรีย์ ให้สัมผัสอีกด้วย

P14.1

หลังจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้าชมนิทรรศการภาพสุดพิเศษ ซึ่งจัดแสดงกันภายใน เรือรบหลวงพะงัน ที่ชาวพะงันร่วมกันขอจากกองทัพเรือหลังปลดประจำการ มาตั้งแสดงไว้ที่นี่

P14

P15

ภายในท้องเรือรบหลวงพะงัน กลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้ง กับงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายพะงันวันวานและวันนี้ มีภาพถ่ายเก่าๆ ย้อนรำลึกถึงวันวานอันน่าหลงใหลของมนต์เสน่ห์วิถีชีวิตและธรรมชาติบนเกาะพะงัน สวรรค์กลางอ่าวไทย

P16

P17

เชื่อหรือไม่ว่า นี่คือภาพถ่ายของต้นกำเนิดงาน Full Moon Party?! ที่ทำให้เกาะพะงันมีชื่อเสียงก้องโลก! ชาวพะงันเรียกการนั่งล้อมวงกินข้าวกันในหมู่เพื่อนฝูง หรือญาติสนิท บนหาดทรายนี้ว่า “การกินห่อ” คือสมัยก่อนไม่มีร้านขายของ เวลาจะกินข้าวกันก็ต้องห่อข้าวห่อปลามานั่งล้อมวงกันเอง ต่อมามีการเล่นกีต้า เลี้ยงสุราอาหารเป็นที่สำราญใจ จนไม่น่าเชื่อว่าจะกลายมาเป็นงาน Full Moon Party ที่หาดริ้นไปได้

P18

ภาพเก่าเล่าเรื่องอดีต ของเกาะพะงันเมื่อกว่า 50 ปีก่อน แม้แต่ชาวต่างชาติยังหลงใหลเสน่ห์อันพิสุทธิ์ของพะงันเลย

P19

ภาพเก่า บอกเล่างานเทศกาลชักพระทางเรือของเกาะพะงัน ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้ว เพราะเปลี่ยนไปชักพระทางบกกันแทนน่ะสิ น่าเสียดาย เห็นการแต่งกายของสาวพะงันสมัยก่อน ช่างสวยงาม sexy คล้ายสาวๆ ที่หมู่เกาะฮาวายไม่มีผิดเลย

P20.1

ท่านกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เข้าชมนิทรรศการภาพวันวาน วันนี้ ที่เกาะพะงัน และชมภาพยนตร์เก่าสไตล์หนังกลางแปลง บอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันแสนสงบสุขของผู้คนบนเกาะพะงันเมื่อหลายสิบปีก่อน

P20

ยามค่ำที่เกาะพะงัน กับงานพระจันทร์หลากสี มีลานกิจกรรม, การออกร้าน และการแสดงทางวัฒนธรรม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ทั้ง 5 หมวดการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยจัดกันบริเวณลานข้างท่าเรือประจำเกาะนั่นล่ะ

P21

 พะงัน เป็นเกาะที่มะพร้าวคุณภาพดีที่สุดในเมืองไทยก็ว่าได้ ไม่ได้โม้! เพราะลูกมะพร้าวจากเกาะพะงันเป็นมะพร้าวแห่งเดียวในเมืองไทยที่ได้ มาตรฐาน GI (Geographical Indications) หรือมาตรฐานสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิจัยแล้ว พบว่าเป็นมะพร้าวที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก เนื้อหนานุ่ม เป็นมะพร้าวที่มีเนื้อ 2 ชั้น (ต่างจากเกาะอื่นในเมืองไทย ที่มะพร้าวมีเนื้อชั้นเดียว) แถมยังมีน้ำที่หอมอร่อย ไม่หวานจัด อุดมด้วยแร่ธาตุบำรุงสุขภาพ ชาวพะงันจึงรักมะพร้าวและสวนมะพร้าว มากพอๆ กับลูกหลาน ถึงขนาดเรียกมะพร้าวว่าเป็น “มรดกมะพร้าว” ที่มีการรวมกลุ่มวิสาหกิจ ผลิตน้ำมันมะพร้าวกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ได้ราคาดีเยี่ยม

P22

นอกจากน้ำมันมะพร้าวของพะงัน จะใช้ทาตัว และใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง เครื่องประทินผิว ยาสระผา หรือผสมยา ได้แล้ว ยังมีน้ำมันมะพร้าวที่ใช้ผัด ทอด ได้อีกด้วย รับรองเลยว่า Product นี้หายาก และอาจมีแต่ที่เกาะพะงันเท่านั้น เพราะสมัยโบราณคนพะงันก็ใช้น้ำมันมะพร้าวที่สกัดพิเศษ ในการทำอาหารกันทั้งนั้นล่ะ

P23

คนพะงันฉลาดนะ รู้จักใช้กะลามะพร้าว (คนท้องถิ่นเรียก พรกพร้าว) มาทำเป็นที่นวดฝ่าเท้า เหมือนการกดจุด ช่วยผ่อนคลาย ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี นับเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านอันชาญฉลาดที่น่าสืบสานโดยแท้

P24

นอกจากมะพร้าวแล้ว พะงันยังเป็นเกาะที่มี “กะปิ” ชั้นดี ราคากิโลกรัมละ 500 บาท! ฟังดูอาจแพงใช่ไหม แต่ขอบอกเลยว่าขายหมดเกลี้ยง ทำขายไม่ทัน! เนื่องจากพะงันเป็นเกาะที่มีน้ำทะเลสะอาดมาก กุ้งเคยที่ใช้ทำกะปิ จึงว่ายน้ำเข้ามาหากิน ชาวบ้านจะใช้ตาข่ายขึงกับคานไม้ไผ่สองอันเหมือนรูปคีม เดินไปในท้องน้ำตื้นๆ ใกล้ชายหาด เรียกว่า “การรุนเคย” นอกจากนี้ยังมีวิธีการกินกะปิที่พิเศษไม่เหมือนใคร คือนำกะปิสดมาใส่กะลามะพร้าวเล็กๆ แล้วย่างไฟจนสุกหอมฉุย กินกับข้าวสวยร้อนๆ แกล้มผักเหนอะหลากหลายสไตล์ปักษ์ใต้

P25

ในอีกแง่มุมหนึ่ง พะงันยังมีแหล่งปลูกผักปลอดสารพิษ หรือผักอินทรีย์ ด้วย โดยปัจจุบันมีสมาชิกปลูกกว่า 160 ราย ส่งขายให้กับโรงแรมต่างๆ แทบจะไม่พอ! บ่งบอกถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กำลังมาแรง ในอนาคตอันใกล้นี้ พะงันจะกลายเป็น Organic Island และ Organic Farm ต้นแบบ ที่คนรักสุขภาพ รักทะเล จะไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน

P26

ในเมื่อวิถีชีวิตอันเงียบสงบ และธรรมชาติ ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการคงอยู่ของจิตวิญญาณความเป็นเกาะพะงัน ทุกวันนี้ทั่วเกาะจึงยังมีสวนมะพร้าวสวยๆ ให้เห็นอยู่ทั่วไป แม้ว่าหลายสนจะกลายเป็นบังกะโล รีสอร์ท ไปแล้วก็ตาม แต่มะพร้าวก็ยังมีความหมาย ไม่ถูกตัดโค่นไปง่ายๆ มะพร้าวสูงๆ ที่เห็นอายุเฉียดร้อยปีทั้งนั้น!

P27

 ถึงแม้วันนี้ เกาะพะงันจะกลายเป็น Destination ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวแบกเป้ และกลายเป็น Party Island ของคนนับหมื่นๆ ในช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่แท้จริงแล้ว คนพะงันยังรักสงบ รักพ่อหลวง ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายพอเพียง นี่คือความจริง

P28

หาดริ้น ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดงาน Full Moon Party เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วยังมีภาพของวิถีประมงท้องถิ่นให้ชมกันด้วย

P29

หาดริ้นในคืนวันธรรมดา ที่ไม่มีงาน Full Moon Party, Half Moon Party หรือ Black Moon Party บรรยากาศเงียบสงบ ลมทะเลพัดเย็นสบาย โรแมนติกไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย

P30

เมื่อเอ่ยถึงแง่ประวัติศาสตร์ พะงันเป็นเกาะที่มีเรื่องราวสำคัญให้ศึกษาล้นเหลือ โดยเฉพาะเรื่องของการเสด็จประพาสของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มายังเกาะพะงันมากถึง 16 ครั้ง! และทรงค้างแรมที่นี่มากถึง 14 ครั้ง ในระหว่างเส้นทางเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ และมลายู โดยพะงันถือเป็นจุดจอดเรือเติมน้ำจืดและเสบียงกรังที่สำคัญ พระพุทธเจ้าหลวงเคยจอดเรือที่หาดแห่งนี้ แล้วเสด็จพระราชดำเนิน (เดิน) ตามร่องน้ำเข้าไปสู่น้ำตกธารเสด็จ ที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินแค่ไม่กี่ร้อยเมตร

P31

ศาลาทรงงานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ซึ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ แทนหลังเก่าที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ศาลาไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากชายทะเล และอยู่ใกล้กับน้ำตกธารเสด็จแค่นิดเดียว

P32

 น้ำตกธารเสด็จ ในช่วงต้นฤดูฝน เร่ิมมีสายน้ำหลากไหลสวยงาม ลดหลั่นลงมาตามลาดหินเป็นชั้นๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 5 ท่านจะเคยเสด็จมาที่นี่ด้วยพระองค์เอง

P33

ภาพถ่ายเก่า คราวที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เสด็จมายังน้ำตกธารเสด็จ เมื่อปี พ.ศ. 2431

P34

เกาะพะงัน มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่สุดในภาคใต้องค์หนึ่งอยู่ด้วย นั่นคือ หลวงพ่อเพชร วชิโร แห่งวัดอัมพวัน (ท่านมีชีวิตอยู่ช่วงปี พ.ศ. 2390-2467 สมัยรัชกาลที่ 3) ท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคม และปลุกเสกพระเครื่องที่ร่ำลือกันว่ามีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์มาก ปัจจุบันนักเลงพระซื้อขายเช่ากันอยู่ในราคาหลักล้านบาท!!! ส่วนคนที่ไม่ใช่นักเลงพระ ไปกราบรูปจำลองของท่านที่วัดก็ได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต

P35

P36

พระธาตุเขาน้อย และวัดเขาน้อย ตั้งอยู่บนยอดเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวัดอัมพวัน (วัดหลวงพ่อเพชร) สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อเพชร ด้านข้างเจดีย์นี้มีสถูปพบรรจุอัฐิของพลวงพ่อเพชรอยู่ด้วย ทุกวันนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว

P37

ตะลุยเที่ยวพะงันกันมาทั้งวันแล้ว ได้พบความสวยงาม ความหลากหลายอย่างคาดไม่ถึง หลายคนอาจเริ่มเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แนะนำให้ไปสัมผัสพะงันในแง่ของ “การเติมพลังชีวิต” เพื่อสุขภาพดีและอายุที่ยืนยาว ไม่เฉพาะการทำสปาชั้นเลิศเท่านั้น แต่พะงันยังได้ชื่อว่าเป็น Island of Yoka หรือ Yoka Sahool ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยอีกด้วย! คนไทยไม่ค่อยรู้ แต่รับทราบกันแพร่หลายในหมู่ชาวต่างชาติ ที่ชอบเข้ามาอยู่บนเกาะพะงันนานเป็นเดือนๆ เพื่อเรียนและฝึกโยคะอย่างจริงจัง

P38

ถ้าจะให้แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร ลองไปทำโยคะใต้แสงจันทร์ที่เกาะพะงันสิ

เวลาเพียงไม่กี่วัน กับงานพระจันทร์หลากสีที่พะงัน ทำให้เราได้ค้นพบคุณค่าความหมายใหม่อีกมากมาย บนเกาะที่สวยงามที่สุดเกาะหนึ่งของอ่าวไทย นามว่า “พะงัน” เกาะที่เราบอกตัวเองว่า การใช้เวลาอยู่ที่นี่แค่วันสองวันคงจะไม่พอซะแล้ว แต่คงต้องหวนกลับมานอนค้างอยู่นานเป็นสัปดาห์ เพื่อเรียนรู้ถึงตัวตน จิตวิญญาณ และความน่ารักของมนต์เสน่ห์ทะเลพะงัน ให้มากกว่านี้ในอนาคต แล้วเราจะกลับมาใหม่นะ พะงันที่รัก

LOGO TAT

Special Thanks : ขอขอบคุณ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 08-9752-7552, 08-5295-0092 / ททท. ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเกาะสมุย โทร. 0-7742-0504 / สมาคมโรงแรมเกาะพะงัน โทร. 08-1752-0035, 08-5060-1100

Thailand International Balloon Festival 6-7 ธันวาคม 2014, เชียงใหม่

B1

 กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ กับ งานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ประเทศไทย ครั้งที่ 8“Thailand International Balloon Festival 2014” งานบอลลูนนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมากมายตั้งแต่ปี 2007 และสร้างความสุขให้กับทุกครอบครัวมาโดยตลอด

 บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด ผู้จัดงาน พร้อมด้วยการสนับสนุนของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ในช่วงฤดูหนาวอันเย็นสบาย ระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2014 ณ สนามกอล์ฟ สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เชียงใหม่ ซึ่งปีนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ มากมายเหมือนเดิม

B2

B4

จะมีโอกาสสักกี่ครั้งในชีวิต ที่เราจะได้สัมผัสพาหนะสุดพิเศษอย่างบอลลูน กันใกล้ชิดขนาดนี้

B5

สีสัน ณ มุมหนึ่งของงานบอลลูนนานาชาติ ครั้งที่ 8

B6

ผู้บริหาร บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด และหน่วยงานพันธมิตรผู้สนับสนุนงาน Thailand International Balloon Festival ครั้งที่ 8 ปี 2014 ร่วมกันทำพิธีเปิดงาน Grand Opening อย่างเป็นทางการ ในเย็นวันที่ 6 ธันวาคม 2014 ณ สนมกอล์ฟยิมคานา กลางเมืองเชียงใหม่

B7

B8

บอลลูนบังคับ และเจ้าตุ๊กตาหมีน้อย คือขวัญใจของเด็กๆ ในงานปีนี้

B9

ตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง ทั้งลูกเรือและลูกทีม ต่างก็ต้องมาเตรียมตัวกันที่สนามกอล์ฟยิมคานา โดยการเป่าลมเย็นและร้อนเข้าไปในลูกบอลลูน ให้มันพองตัวออก จากนั้นจะใช้เวลา 30-40 นาที เมื่อบอลลูนตั้งขึ้นก็จะไม่สามารถรอได้นาน ต้องลอยขึ้นสู่อากาศทันที ผู้โดยสารจึงต้องมายืนรออยู่ใกล้ๆ ด้วย เพื่อปีนขึ้นบอลลูนได้ทันทีที่นักบินสั่ง

B10

วินาทีที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อบอลลูนลูกแรกลอยละลิ่วขึ้นสู่อากาศตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี ส่วนลูกทีเหลืออีกไม่นานก็จะตามไป โดยปีนี้มีบอลลูนเข้าร่วมบินกว่า 20 ลูก ทำให้บรรยากาศคึกคักกว่าทุกปีเลย

B11

ภาพยิ่งใหญ่ตระการตาของการบินบอลลูนในเมืองไทยแบบนี้ มีแต่ บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด เท่านั้น ที่นำโอกาสดีๆ อย่างนี้มาให้คนไทยได้สัมผัสทุกปีที่เชียงใหม่ เพราะเป็นโลเกชั่นที่เหมาะสมสุดๆ โดยเฉพาะสภาพอากาศอันเย็นสบาย เหมาะต่อการบินบอลลูนมากๆ

B12

บอลลูนน้อยใหญ่ถูกกระแสลมพัดพาไปอย่างแช่มช้า อ่อนโยน ปล่อยให้ทั้งนักบินและผู้โดยสารได้ชมวิวยามเช้าของเชียงใหม่กันอย่างจุใจ โดยเฉพาะภาพของสายหมอกขาวบางเบา ที่ปกคลุมอยู่ในยามเช้าเช่นนี้

B13

ในที่สุดแสงทองแรกของตะวันยามเช้าก็สาดส่อง อาบไปทั่วเมืองเชียงใหม่และบอลลูนของเรา ช่างงามราวกับลอยอยู่บนสวรรค์จริงๆ เลยนะเนี่ย

B14

ลอยละลิ่วไปในทะเลสีทองแห่งแสงยามเช้าอันอบอุ่น เราจะไม่มีวันลืมภาพสุดวิเศษนี้ไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

B15

กล่าวกันว่า บอลลูนเป็นพาหนะชนิดเดียวที่เมื่อขึ้นบินแล้ว จะไม่สามารถบอกได้ว่าจะร่อนลงตรงไหน เพราะต้องปล่อยให้กระแสลมพัดพาไป ทว่านั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะตลอดเวลาที่ลอยอยู่ในอากาศ ทั้งนักบินและลูกเรือ ต่างก็ได้ชมวิวสวยงามของเทือกดอยสุเทพ บ้านเรือน ไร่นา และพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่นน่าอยู่ของเชียงใหม่ เมืองศูนย์กลางล้านนาอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์

B16

ชมกันให้เต็มตา กับวิวจากมุมมองของนกแบบสุดสายตาพาโนรามา มีเพียงการบินบอลลูนเท่านั้นที่จะมอบวิวสวยๆ แบบนี้ให้ได้ เพราะไม่มีอะไรกั้นตัวเรากับอากาศภายนอกไว้เลยสักนิดเดียว ทำให้รู้สึกอิสระเสรีสุดๆ จริงๆ

B17

มองจากบนบอลลูน เห็นพระธาตุดอยสุเทพตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนดอยสุเทพ ซึ่งมีสายหมอกขาวในยามเช้าลอยคลอเคลียอยู่อย่างอ่อนโยน

B18

ปีนี้ Go Travel Photo.com โชคดีมาก ได้บินบอลลูนกับคุณลุงโจเซฟ เจ้าของบริษัทผลิตบอลลูน Magic Balloon ของสเปน คุณลุงมีประสบการณ์บินมากว่า 15 ปีแล้ว และบอลลูนที่เข้าร่วมงานปีนี้กว่าครึ่ง ผลิตจากโรงงานของคุณลุง คุณลุงเป็นคนใจดี คุยสนุก และบอกว่า When i am flaming, surely i want fo fly long. หมายความว่า ถ้าเมื่อไหร่แกพ่นไฟใส่บอลลูนให้ลอยละลิ่วไปในอากาศแล้วล่ะก็ แกจะไม่ร่อนลงเร็วหรอก แต่แกจะบินไปนานที่สุดเท่าที่ทำได้ ปีนี้เราเลยได้บินนานชั่วโมงกว่าสมใจอยาก

B19

เคยเข้าใจผิดมาหลายปีว่า บอลลูนเลี้ยวไม่ได้ แต่พอมาเจอลุงโจเซฟ แกเลยแสดงวิธีเลี้ยวบอลลูนให้ชมเป็นขวัญตา! เพราะจริงๆ แล้วกระแสลมในแต่ละระดับความสูงจะมีทิศต่างกัน ถ้านักบินสังเกตรู้ ก็สามารถลอยขึ้นลงไปยังระดับความสูงต่างๆ เพื่อบินไปในทิศทางที่ต้องการได้นั่นเอง สุดยอดจริงๆ ครับคุณลุง เก๋ามากๆ

B20

เชียงใหม่ยังมีมุมสงบงาม และร่มรื่นให้ชมอีกมาก สมเป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรล้านนาโบราณ โดยเฉพาะเมื่อมองจากบอลลูนอย่างนี้ ก็ได้มุมมองแปลกตาดีครับ

B21

บินมาได้เกือบชั่วโมง บอลลูนบางลูกก็หาที่ปลอดภัยร่อนลงกันแล้วล่ะ ในขณะที่อีกหลายลูกยังคงบินชมวิวกันต่อไปอย่างสบายอารมณ์

B22

สนามหญ้ากว้าง โล่งๆ ที่ไม่มีสายไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ เหมาะมากสำหรับการร่อนลง และการเก็บบอลลูน เพราะมีถนนอยู่ใกล้ๆ ด้วย ทีมงานเลยเข้าไปเก็บบอลลูนกลับอย่างง่ายดาย

B23

ความสุขของการบินบอลลูนอย่างหนึ่งคือ เป็นพาหนะที่เงียบ และได้ชมวิวจากมุมมองอันแปลกแตกต่าง โดยบอลลูนจะบินได้ดีที่สุดในตอนเช้าที่อากาศเย็น ทั้งนักบินและผู้โดยสารจึงรู้สึกสดชื่นกับบรรยากาศยามเช้าอันสดใสของเชียงใหม่ต้นฤดูหนาว

B24

หลังจาการบินบอลลูนภาคเช้าจบลง ช่วงกลางวันนักบินก็จะพักผ่อน รอให้แดดร่มลงตกอีกครั้งในช่วงเย็น ทุกคนก็จะมารวมตัวที่สนามกอล์ฟยิมคานาอีกครั้ง เพื่อแสดง Ballon Glow และ Balloon Tethering

B25

Balloon Tethering คือการบินบอลลูนขึ้นสูงในระยะที่กำหนด โดยมีเชือกผูกโยงบอลลูนเอาไว้ให้อยู่กับที่ ไม่ลอยไปไหน เป็นการนำบอลลูนขึ้นพร้อมกับผู้โดยสารที่โชคดี ได้รับคัดเลือกให้ขึ้นบินฟรีนับร้อยคนในปีนี้

B26

นั่งชมบอลลูน Balloon Tethering ไป พร้อมกับชิมอาหารอร่อยๆ ที่มาออกร้านไปด้วย นี่คือความสุขของงาน Thailand International Balloon Festival ณ เมืองเชียงใหม่ น่าอิจฉาที่สุด

B27

เจ้าหนูน้อยดีใจสุดขีด เมื่อได้ขึ้น Balloon Tethering แม้จะลอยสูงจากพื้นไม่มากนัก แต่ก็น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย ทว่าลอยอยู่ได้ไม่นานก็ต้องลงซะแล้ว เพราะมีคิวคนรอขึ้นอีกเพียบ!

B28

บรรยากาศสีสัน ชีวิตชีวา และความคึกคัก ในยามเย็น ที่สนามกอล์ฟยิมคานา ย่ิงเย็นคนก็ยิ่งเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวชาวเชียงใหม่ที่มาร่วมชมงานกันอย่างล้นหลาม ส่วนนักบินและลูกทีมก็เตรียมตัวแสดง Balloon Glow กันอย่างพร้อมใจ

B29

B30

B31

ทุกปี นักบิน (Pilot) จะพานักบินผู้ช่วย (Co-Pilot) และลูกทีม (Crew) มาฝึกฝนทักษะประสบการณ์ด้วย เพื่อให้เติบโตขึ้นไปเป็นนักบินบอลลูนมืออาชีพในอนาคต

B32

Co-Pilot สาวสวย ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นขวัญใจช่างภาพ ของงานบอลลูนปีนี้ไปแล้ว!

B33

ปีนี้มีบอลลูนบังคับมาบินโชว์ในงานหลายสิบลูก ทำให้ผู้เข้าร่วมชมงานได้สัมผัสบอลลูนจริงๆ อย่างใกล้ชิด สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก

B34

แม้จะเป็น Balloon Tethering ที่ลอยขึ้นจากพื้นสูงแค่นิดเดียว และลอยอยู่แค่ไม่กี่นาที แต่ก็มอบความสุขและรอยยิ้มให้กับพ่อ แม่ ลูก ชาวเชียงใหม่ นี่คือช่วงเวลาอันน่าจดจำจริงๆ และนับเป็นความสำเร็จของงาน Thailand International Balloon Festival ครั้งที่ 8 อย่างงดงาม

B35

Balloon Tethering บางลูกลอยสูงเกินยอดไม้ ทำให้ผู้โดยสารตื่นเต้นกันยกใหญ่!

B36

ประมาณทุ่มตรง หนึ่งในสุดยอดไฮไลท์ของงานบอลลูน นานาชาติ ครั้งที่ 8 ก็เริ่มขึ้น คือการแสดง Balloon Night Glow เป็นการแสดงแสงสีเสียง ประกอบดนตรี และการพ่นไฟให้บอลลูนทุกลูกสว่างเรืองในความมืดขึ้นพร้อมกัน เสียงเพลงอันเร้าใจ แสงไฟเลเซอร์อันวูบวาบน่าตื่นเต้น และโดยเฉพาะการจุดพลุยิ่งใหญ่สุดอลังการ ทำให้ Balloon Night Glow กลายเป็นพระเอกของานปีนี้ไปเลยทีเดียว

B37

B38

หลังจาก Balloon Night Glow จบลง ก็ต่อด้วยคอนเสิร์ตเพลงหวานฟังสบาย เข้ากับบรรยากาศต้นหน้าหนาวของเชียงใหม่เป็นที่สุด มีศิลปินแนวหน้าของไทยที่ระดับอินเตอร์ยอมรับ อย่างตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย, มิ้น มาลีวัลย์ เจมีน่า, แต๋ม ชรัส เฟื่องอารมณ์,ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว, ก้อย ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์ ฯลฯ มาร่วมขับขานเสียงเพลงหวานซึ้ง โรแมนติก ใครไม่ได้ฟัง ขอบอกคำเดียวว่า Sorry!

B39

B40

Special Thanks : บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด ผู้จัดงาน Thailand International Balloon Festival ครั้งที่ 8 สนับสนุนการเดินทาง เข้าร่วมงาน เป็นอย่างดียิ่ง ท่านใดที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ โทร. 09-1873-7258, 08-1306-8914

ชวน “เที่ยวรับ-ส่งตะวัน” 19 จังหวัดภาคกลาง

ททท.ภูมิภาคภาคกลาง จัด THEME ส่งท้ายปี  “เที่ยวรับ-ส่งตะวัน” 19 จังหวัดภาคกลาง ชวนเที่ยว/ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ในมุมที่สุดแสนจะโรแมนติก พร้อมรับลมหนาว ในแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ทั้ง 19 จังหวัดภาคกลาง ส่งท้ายปีกัน….

มีที่ไหนบ้างเตรียมหาข้อมูลวางแผนกันเล้ยยย!!!

 

จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตก 19 จังหวัดภาคกลาง

1. กรุงเทพมหานคร  ขึ้น ใบหยก / Sky walk ช่องนนทรี  ตก วัดอรุณราชวราราม / ชายทะเลบางขุนเทียน

2. สมุทรปราการ ขึ้น บางปู  ตก เมืองโบราณ (เขาพระวิหาร)

3.นนทบุรี ขึ้น สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์  ตก ท่าน้ำนนทบุรี / สวนเฉลิมพระเกียรติ

4. ปทุมธานี ขึ้น หออัครศิลปิน ตก พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ / ริมแม่น้ำเจ้าพระยา @ สามโคก

5. ฉะเชิงเทรา ขึ้น อ่างเก็บน้ำคลองสียัด ตก จุดชมโลมา-ท่าข้าม @ บางปะกง / เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน

6. นครปฐม ขึ้น พระปฐมเจดีย์ ตก พุทธมณฑล

7. สมุทรสาคร ขึ้น นาเกลือ @ พระราม 2 ตก ปากน้ำท่าจีน @ เขื่อนริมศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทร

8. สมุทรสงคราม ขึ้น อัมพวา ตก ดอนหอยหลอด

9. ราชบุรี ขึ้น เขากระโจม @ สวนผึ้ง  ตก เขาห้วยคอกหมู @ สวนผึ้ง

10. เพชรบุรี  ขึ้น บางกระบูน / หาดเจ้าสำราญ / หาดชะอำ  ตก พะเนินทุ่ง / สันเขื่อนแก่งกระจาน

11. ประจวบคีรีขันธ์  ขึ้น ทะเลหัวหิน / ศาลเจ้าแม่ทับทิม ปากน้ำปราณบุรี ชายหาดปราณบุรีและเขากะโหลก / อ่าวประจวบ / เขาช่องกระจก / หาดสามร้อยยอด / หาดทับสะแก / หาดบ้านกรูด / หาดฝั่งแดง@บางสะพานน้อย / พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ / เขาหินเหล็กไฟ  ตก เขาหินเหล็กไฟ / อ่าวประจวบ /ศาลเจ้าแม่ทับทิมทอง / พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ / เขาเรดาร์ @ บางสะพานน้อย / ปากน้ำปราณ

12. กาญจนบุรี  ขึ้น สะพานข้ามแม่น้ำแคว  ตก เขาช้างเผือก-ทองผาภูมิ / สะพานมอญ-สังขละบุรี

DSC_2431

13. พระนครศรีอยุธยา  ขึ้น วัดไชยวัฒนาราม ตก ทุ่งมะขามหย่อง / วัดพระศรีสรรญเพชญ / เศียรพระในต้นไม้@วัดมหาธาตุ

14. ชัยนาท  ขึ้น กลางแม่น้ำเจ้าพระยา @ หน้าวัดธรรมามูล  ตก ยอดเขาพลอง

15. อ่างทอง  ขึ้น วัดขุนอินทประมูล  ตก วัดม่วง

16. สุพรรณบุรี  ขึ้น ยอดเขาทำเทียม @ อู่ทอง  ตก เขื่อนกระเสียว / อุทยานมังกรสวรรค์

17. สิงห์บุรี  ขึ้น อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน  ตก วัดพิกุลทอง

18. สระบุรี  ขึ้น วัดป่าสว่างบุญ (เจดีย์ 500)  ตก ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า / ทุ่งหญ้าฟาร์มโคนมหมวกเหล็กเดนมาร์ก@หมวกเหล็ก

19. ลพบุรี  ขึ้น ทุ่งทานตะวัน  ตก เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

_BAL5351

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท.ภูมิภาคกลาง โทร 0-2250-5500    www.เที่ยวภาคกลาง.com

อึ้ง ทึ่ง เสียว กับที่สุดสวนน้ำระดับโลก Vana Nava Hua Hin

ไปหัวหินครั้งหน้าต้องแวะไปเช็กอิน เล่นน้ำที่นี่ซะหน่อยแล้ว!!  Vana Nava Hua Hin (วานา นาวา หัวหิน) สวนน้ำระดับโลก คอนเซ็ปต์  “Water Jungle” แห่งแรกในเอเซีย ของบ.พราว เรียลเอสเตท บริหารงานโดยคุณพราวพุธ ลิปตพัลลภ ยกเอาเครื่องเล่นสุดมันและหวาดเสียวกระชากอะดรีนาลีนมาให้คนไทยได้สนุก ตื่นเต้น ดับร้อนกัน พร้อมเปิดให้บริการ วันที่ 1 ธันวาคม นี้!

vana 1

วานาและนาวา Mascot ประจำ Vana Nava หัวหิน

บนพื้นที่ 20 ไร่ ใจกลางเมืองหัวหิน ได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวนน้ำ สถานที่พักผ่อนระดับโลก ถือเป็นแห่งแรกในหัวหิน ที่รวมเอาสวนน้ำและความบันเทิง สถานที่พักผ่อน รับประทานอาหาร และสังสรรค์กับเพื่อนไว้ในที่เดียวกัน เหมาะกับทุกเพศวัย ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว มาเฮฮา จัดงานปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง หรือจัดงาน Event แบบ Exclusive

vana 26

จุดจำหน่ายตั๋วพร้อมรับสายข้อมือ RFID

ค่าเข้าเมื่อเทียบกับความอลังการของเครื่องเล่นแต่ละชิ้นและ facilities ต่างๆ ที่ทางสวนน้ำจัดไว้ให้นั้น  ถือว่าคุ้ม ยิ่งมาเป็นครอบครัว สามารถซื้อเป็นตั๋วแพ็กเกจได้ด้วย

photo 2-31

สายรัดข้อมือ RFID เท่ๆ ที่เอาไว้เติมเงินใช้แทนเงินสด

ซื้อตั๋วแล้ว ทุกคนก็จะได้สายรัดข้อมือ RFID คนละ 1 เส้น ใช้แทนเงินสดและกุญแจล็อกเกอร์ โดยสามารถเติมเงินได้ตามความต้องการ ที่จุดบริการที่จัดไว้ให้ภายในสวนน้ำ จะได้เล่นน้ำให้สนุกแบบสบายใจ ไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์ให้ยุ่งยาก

vana 8

Zone คนรัก Adventure, Climbing wall และ Ropes Course

เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็พร้อมลุยกันได้เลย!  Vana Nava จะแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักๆ คือ โซนแอดเวนเจอร์และโซนวอเตอร์จังเกิ้ล รวมมีเครื่องเล่นทั้งหมดถึง 19 ชนิดด้วยกัน ทุกชนิดปลอดภัยได้มาตรฐานระดับโลก มีการ์ดคอยดูแลอยู่ภายในสวนน้ำทั้งหมดถึง 160 คน และเครื่องเล่นแต่ชนิดก็จะมีการจำกัดความสูงผู้เล่นเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย

vana 4

Surf บอร์ดสุดมันเหนือผิวน้ำ ใน Adventure Zone

Surf Zone ใครอยากลองเล่น surf ที่นี่เขาก็มีทีมงานคอยสอนวิธีเล่น surfboard และ bodyboard ด้วยนะ เช็กเวลาสอนได้จากตารางเวลาที่กำหนด

nava 20

Water Jungle Zone, Boomerango (ซ้าย) และ The Abyss (ขวา)

vana 3

The Abyss (ดิ อะบิส) ถือเป็นไฮไลต์ของ Vana Nava เลย มาแล้วห้ามพลาด กับสไลเดอร์น้ำที่ได้รับการบันทึกว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!

ส่วนเครื่องเล่นที่ถือว่ายาวที่สุด คือ Boomerango (บูมเมอแรงโก)

vana slider

Free fall สไลเดอร์เสียวสุดใจ ทิ้งดิ่ง 80 องศา!

เสียวที่สุดต้องตัวนี้ Free Fall สไลเดอร์ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังไม่แพ้เครื่องเล่นอื่น กับการทิ้งดิ่งตัวลงมาบนรางในระดับ 80 องศา แทบจะตั้งฉากเลยนะเนี่ย

vana 5

Aqua Loop, Slider ตีลังกา 360 องศา

อีกเครื่องเล่นที่กระชากอะดรีนาลีนกันแบบสุดๆ ไปเลยเห็นจะเป็นเจ้านี่ Aqua Loop Slider ตีลังกา เหวี่ยงหมุน 360 องศา ท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก

vana 13

เครื่องเล่น Innter-Tube, Rattler และ SuperBowl

vana 21

Rattler

สามเครื่องเล่นที่สร้างความเสียว ด้วยการนั่งบนห่วงยางและไหลลงมาตามท่อในระดับความเร็ว 18-50 กม./ ชม.

vana 18

Aqua Course

 

vana 22

RainFortress เครื่องเล่นของเด็กๆ ที่มีถึง 7 สไสเดอร์ และถังน้ำยักษ์

RainFortress เครื่องเล่นสำหรับเด็กที่รับรองผู้ใหญ่ยังอยากแย่งเล่น เพราะมีสไลเดอร์ถึง 7 อัน และถังน้ำยักษ์ที่จะเทน้ำปริมาณมหาศาลถึง 2,000 ลิตรลงมาให้ความฉุ่มช่ำ สนุกสนานทุกๆ 4 นาที

vana 12

Lazy River นั่งบนห่วงยางแล้วปล่อยตัวสบายๆ ชมบรรยากาศรอบสวนน้ำ

ใครไม่ชอบความเสียว อยากผ่อนคลายสบายๆ ก็ต้อง Lazy River สายน้ำแห่งการผ่อนคลายที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เพียงนั่งบนห่วงยาง แล้วปล่อยตัวสบายๆ ล่องลอยชมบรรยากศของสวนน้ำป่าเขตร้อน ลดเลี้ยวลอดใต้สะพาน ผ่านน้ำตก และสไลเดอร์ระดับโลกทั่วสวนน้ำ วานา นาวา

vana 11

บาร์น้ำ Fisherman’s Tavern

เล่นน้ำมาเหนื่อย แวะพักจิบเครื่องเดื่มเย็นๆ ได้ที่  Infinity Pool จิบเครื่องดื่มโปรดปรานจาก Fisherman’s Tavern

vana 14

Fisherman’s cafe’

หรือถ้าหิวก็แวะมาที่ Fisherman’s Cafe’ สั่งอะไรรองท้องก่อนไปมันกันต่อ ที่นี่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้นภายในบริเวณสวนน้ำ ภาชนะทุกชิ้นที่นำมาใช้จะเป็นกระดาษเท่านั้น

นอกจาก Fisherman’s Cafe’ แล้ว ที่นี่ยังมี

– ศูนย์อาหาร The Groove ศูนย์อาหารแบบเปิดขนาดใหญ่ ที่มีอาหารให้เลือกทั้งไทย จีน ฝรั่ง และซีฟู้ด ราคาคุ้มค่า วัตถุดิบคุณภาพ

– Tree Top Lounge บริการอาหารว่างและเตรื่องดื่มชั้นเลิศและค็อกเทลมากมาย

– Surf Bar เสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ เมนูชิกๆ จังหวะดนตรีมันๆ พร้อมชมลีลาการโต้คลื่นที่ surf zone ได้ด้วย

– ร้านกาแฟอเมซอน จิบกาแฟเคล้าบรรยากาศสวนน้ำท่ามกลางป่าเมืองร้อน

vana 10

สระคลื่นเทียม

vana 24

Coconut Beach

สระคลื่นเทียมและ Coconut Beach บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 1,600 ตรม. แห่งเดียวของประเทศที่ใช้ทรายจริงโอบรอบสระน้ำ ในสระสามารถสร้างคลื่นเทียมได้หลายระดับ ตั้งแต่คลื่นซัดชายหาดเบาๆ ไปจนถึงคลื่นยักษ์ให้ได้สนุกกัน  ใครอยากอาบแดดก็มีเตียงไว้บริการ หรือบีชฮัทไว้พักเหนื่อยและหลบร้อนได้

 

vana 19

คุณพราวพุธ โชว์รูปถ่ายที่สามารถแชร์ใน FB และสั่งพิมพ์กลับบ้านได้ทันที

vana 23

ถ่ายปุ๊บ แชร์ปั๊บ พริ้นต์แป๊บ

ถ้าอยากเก็บภาพบรรยากาศความสนุกสนาน ประทับใจ อยากเห็นว่าใครในก๊วนกรี๊ดหวีดเสียวทำหน้าเหยเกที่สุด ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องพกกล้องให้กลัวเปียกกลัวพัง เพราะที่นี่มีบริการถ่ายภาพและบันทึกภาพโดยช่างภาพมืออาชีพ แถมถ่ายปุ๊บกดโหลดแชร์ลง Facebook ได้ที่เครื่องให้คนอื่นอิจฉาได้ปั๊บ แถมยังสั่งพิมพ์เก็บเป็นที่ระลึกเอากลับบ้านได้ทันที

สวนน้ำ Vana Nava Hua Hin (วานา นาวา หัวหิน) ช่วงปกติเปิดให้บริการระหว่างเวลา 10.00 – 18.00 น. ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และช่วงฤดูท่องเที่ยวเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน จะเปิดให้บริการถึง 22.00 น.

สอบถาม เช็กข้อมูล และติดตามส่วนลด โปรโมชั่น กิจกรรมพิเศษต่างๆ ได้ที่ www.vananavahuahin.com หรือ www.facebook.com/vananavahuahin