เที่ยวในประเทศ

Green Circle เลย-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก

2

สีเขียว เป็นสีที่ดูแล้วสบายตาที่สุด โดยเฉพาะแมกไม้เขียวร่มครึ้ม ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม และผืนป่าอุดม เหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติที่บ้านเรามีอยู่ เส้นทางท่องเที่ยวสาย “Green Circle” จากจังหวัดเลย-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก เป็นหนึ่งในเส้นทางสีเขียวที่หลากหลายและสวยงามที่สุดของไทย ใครชื่นชอบป่าเขาลำเนาไพร สายน้ำ กิจกรรมสนุกๆ หรือต้องการชื่นชมวิถีวัฒนธรรมชุมชนก็มีพร้อม

9

“อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย”  (อุทยานแห่งชาตินาแห้ว) ภูมิทัศน์ยามเช้าในขุนเขาช่างแสนคลาสสิก มีสายหมอกขาวค่อยๆ ลอยลงคลอเคลียผืนป่ารกชัฏเขียวครึ้ม ซึ่งก็คือหนึ่งในผืนป่าที่มีต้นค้อเหลืออยู่มากที่สุด เนื่องจากอดีตพื้นที่แถบนี้เคยมีการสู้รบ ป่าต้นค้อจึงถูกทำลายไปเกือบหมด ประกอบกับชาวบ้านนิยมเก็บลูกค้อมารับประทาน ทำให้ต้นค้อขยายพันธุ์ได้ยากยิ่งตามธรรมชาติ โชคดีที่ภูสวนทรายอนุรักษ์ป่าค้อผืนนี้ไว้ให้เราได้ยล พอเพ่งพินิจดีๆ ที่แท้เจ้าต้นค้นก็คือไม้วงศ์ปาล์มนั่นเอง มันมีลำต้นสูงชะลูดหลายสิบเมตร ยอดเป็นพุ่มกลมสูงเด่นจากยอดไม้ชนิดอื่นขึ้นมาเห็นได้ชัด

3

4

21

16

“พระธาตุศรีสองรัก” ศูนย์รวมศรัทธาคนเมืองเลยทั้งมวล นี่คือตัวแทนแห่งสัมพันธไมตรีระหว่างกรุงศรีอยุธยา และกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) ที่สืบต่อมาให้ลูกหลานได้สืบสานสมานฉัน แต่ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการ ต้องไม่สวมเสื้อผ้าสีแดง หรือนำวัตถุใดๆ ที่มีสีแดงขึ้นไปโดยเด็ดขาด เป็นธรรมเนียมมาแต่โบราณ บรรยากาศรอบองค์พระธาตุศรีสองรักสงบร่มเย็น กลิ่นอายอบอวลด้วยศรัทธาและกลิ่นธูปควันเทียน

17

“พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนวัดโพนชัย” ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านทรงไทยสร้างด้วยไม้อย่างดี ภายในมีห้องจัดแสดงหุ่นผีตาโขนหลากสีหลายขนาด  ทั้งผีตาโขนเล็กที่คนทั่วไปเล่นกัน และผีตาโขนใหญ่ที่อนุญาตให้ทำได้ปีละ 2 ตัว เพื่อแห่ไปในวันพิธี จริงๆ แล้วงานผีตาโขนเป็นส่วนหนึ่งของงานบุญหลวง หรือบุญผะเหวด ที่รวมเอางานเทศมหาชาติ งานแห่พระเวสสันดร (แห่ผีตาโขน) และงานบุญบั้งไฟ ไว้ในงานเดียวกัน ปกติจัดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม มักตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ หลังขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ทุกปี หลังงานนมัสการพระธาตุศรีสองรักแล้ว

18

19

“วัดโพธิ์ชัย” อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย เก่าแก่กว่า 400 ปี สร้างแบบศิลปกรรมล้านนาผสมล้านช้าง (ลาว) ภายในโบสถ์ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติ และวิถีชีวิตท้องถิ่นอันน่าชม นับเป็นจุดที่น่าไหว้พระขอพรอย่างยิ่ง

14

“พระธาตุวัดผาแก้ว” มหาเจดีย์สีทองที่ทำให้เราตื่นตา ในความวิจิตรของลวดลาย และตะลึงกับขนาดอันใหญ่โตโอฬาร ซึ่งมีทั้งสถานปฏิบัติธรรม สวนสวย และองค์พระธาตุที่มีลวดลายไม่เหมือนใคร คือใช้ทองคำ เงิน และเพชรนิลจินดาแท้ๆ มาประดับ ส่วนภายนอกก็ใช้กระเบื้องหลากสี ถ้วยชามสังคโลก และสร้อยหินสีล้ำค่ามาตกแต่ง งามราวเทพนฤมิตร

15

5

6

7

“อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง” บริเวณหน่วยหนองแม่นา จังหวัดพิษณุโลก มีสภาพเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย ในท้องทุ่งสีเขียวผืนใหญ่ที่มีต้นไม้งอกงามอยู่เป็นกลุ่มๆ ชวนให้นึกถึงภาพสัตว์ป่าพวกเก้งกวางที่ออกมากิน ถ้ามีเวลาพอต้องช่วยกันทำโป่งเทียม เพื่อให้สัตว์กินพืชที่ต้องการสารอาหารเพิ่มเติมแก่ร่างกายมากินกัน เราเดินจากที่ทำการหน่วยหนองแม่นาไป 500 เมตร จนถึงแหล่งดินโป่ง จึงช่วยกันขุดหลุม แล้วนำเกลือโรยลงไป รดน้ำ กลบดิน

8

14

ความสนุกคงยังไม่สิ้นสุด เสียงสายน้ำซัดซ่าในลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก กำลังร้องเรียกเราอยู่ อดรนทนไม่ไหวเลยพากันเปลี่ยนชุดไปล่องแก่ง แต่ขอบอกว่าพิเศษกว่าทุกครั้ง เนื่องจากเป็นการ “ล่องแก่งเก็บขยะ” โดยชมรมรักษ์ลำน้ำเข็ก

12

เส้นทาง Green Circle สีเขียวเย็นตาในเขตเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ฉายาเก๋ไก๋ว่า “สวิตเซอร์แลนด์แดนสยาม” จะจริงหรือไม่? เราจะได้ชมทิวเขาสีเขียวสลับซับซ้อน ทอดยาว พร้อมด้วยสายหมอกขาวลอยเรี่ยละเมียดละไม อากาศที่เย็นฉ่ำตลอดปี ทำให้บนเขาค้อมีต้นสนงอกงามเป็นทิว มองๆ ไปคล้ายวิตเซอร์แลนด์จริงๆ ด้วย บนเขาค้อมีร้านกาแฟช่วง กม. 95 ของถนนพิษณุโลก-หล่มสัก ชื่อร้าน Route 12 จากจุดนี้สามารถชมทัศนียภาพขุนเขาได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ชวนกันไปนั่งจิบกาแฟ ชิมเค็กอร่อยๆ หรือดูดดื่มกาแฟลาเต้เย็นๆ แล้วเข้าไปนอนค้างแรมในรถบ้าน Camper Van ในสนามหญ้ากว้างของ Route 12 แสนคลาสสิกจริงๆ

11

Traveler’s Guide

How to go : เส้นทาง Green Circle เลย-เพชรบูรณ์-พิษณุโลก จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางอยุธยา-สระบุรี เข้าทางหลวงหมายเลข 21, 203, 2113, 2168 สู่อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย จากนั้นกลับลงมาอำเภอหล่มสัก ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 เที่ยวบนเขาค้อ ป่าสนทุ่งแสลงหลวง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ขากลับแวะเมืองพิษณุโลกไหว้พระพุทธชินราช แล้วกลับกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางพิษณุโลก-นครสวรรค์-อุทัยธานี-ชัยนาท-สิงห์บุรี-อ่างทอง-พระนครศรีอยุธยา-ปทุมธานี-กทม.

Where to stay : จังหวัดเลย PhuNaCome Resort โทร. 0-4289-2005-6 www.phunacomeresort.com / Phu Pha Nam Resort & Spa โทร. 0-4207-8078-9, 08-1407-7577 www.phuphanamresort.com / Rungyen Resort โทร. 0-4280-9511-3 www.rungyenresort.com สำหรับที่เขาค้อเพชรบูรณ์ แนะนำ Maethaneedol Resort & Restaurant โทร. 0-5675-0503-5 www.maethaneedolresort.com พิษณุโลก แนะนำ Rain Forest Resort โทร. 0-5529-3085-6 www.rainforestthailand.com

What to eat : ร้านอาหารที่เลย แนะนำ ร้านบ้านยาย เมนูเด็ด หมี่ผัดกะทิ โทร. 0-4283-3361, 08-5457-3573 ที่เพชรบูรณ์ แนะนำ ร้าน Eating Out Route 12 มีอาหารหนัก เค็ก และเครื่องดื่มเย็นๆ บริการ โทร. 08-1206-7211, 08-9527-1723 ที่พิษณุโลก แนะนำ Rain Forest มีแกงคั่วอกเป็ดรมควัน น้ำพริกป่าฝน หมูพันตะไคร้ ไอศกรีมเรนฟอเรสท์ ฯลฯ โทร. 0-5529-3085-6

Info : ชมรมรักษ์ลำน้ำเข็ก โทร. 08-1395-9575, 0-5529-3085-6 / อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย โทร. 0-4280-7616 / อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โทร. 0-5526-8019, 08-6208-2473

 

ปู้น ปู้น เที่ยวไปกับรถไฟหัวจักรไอน้ำโบราณ

02

ในยุคปี พ.ศ. นี้ คนไทยเรากำลังตื่นเต้นกับการกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปีหน้านี้แล้ว หลายคนกำลังฝันค้างกับรถไฟความเร็วสูงแบบหัวจรวด ที่พาผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ได้ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง! แต่จะมีสักกี่คนที่คิดถึงอดีต คิดถึงบรรยกาศเก่าๆ เมื่อครั้งที่ประเทศสยามของเราเพิ่งมีรถไฟหัวรถจักรไอน้ำวิ่งเป็นครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 5 วันนี้แทบไม่มีใครนึกภาพออกแล้วว่า หน้าตาของรถไฟหัวรถจักรไอน้ำเป็นแบบไหน?

ทุกวันนี้หัวรถจักรไอน้ำโบราณของไทยเราได้รับการนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงรถจักรธนบุรี ริมคลองบางกอกน้อย โดยมีอยู่ทั้งหมด 5 หัว ที่สั่งซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ หัวรถจักรแบบโมกุล (C56) มี 2 คัน คือหมายเลข 713 และ 715 หัวรถจักรแบบแปซิฟิค มี 2 คันเช่นกัน คือหมายเลข 824 และ 850 รวมถึงหัวรถจักรแบบมิกาโด หมายเลข 953 ซึ่งทั้งหมดได้รับการซ่อมใหญ่ ปรับปรุงจนมีสภาพสมบูรณ์ สามารถนำมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารหรือวิ่งโชว์ตัวได้จริงๆ เพียงปีละ 4 วัน เป็นขบวนรถพิเศษนำเที่ยว ในวันที่ 26 มีนาคม (วันสถาปนากิจการรถไฟ), วันที่ 12 สิงหาคม (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสริริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ), วันที่ 23 ตุลาคม (วันปิยมหาราช) และวันที่ 5 ธันวาคม (วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช)

03

04

06

หลายชั่วโมงผ่านไป รถไฟเราหยุดแวะที่สถานีบางปะอิน เป็นเวลา 15 นาที ปล่อยให้เราลงไปชื่นชมกับสถาปัตยกรรมยุโรปย้อนยุคอันแสนงดงาม ของ “พลับพลาที่ประทับ รัชกาลที่ 5” ซึ่งปกติไม่เคยเปิดให้ใครชมมาก่อน แต่ตอนนี้ทางจังหวัดอยุธยากำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงเพื่อเปิดเป็น แหล่งท่องเที่ยวใหม่ พลับพลานี้รัชกาลที่ 5 ทรงเคยใช้ประทับเมื่อครั้งเสด็จพระราชวังบางปะอิน รวมถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ก็ทรงเคยเสด็จประทับเช่นกัน ภายในพลับพลานี้งามด้วยกระจกสเตนกลาสจากอิตาลีแท้ๆ พร้อมด้วยการฉลุลายไม้อย่างวิจิตร แบบยุควิคตอเรียของยุโรป รวมถึงยังมีตราประจำรัชกาลของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ประดับตกแต่งอยู่ที่นี่ด้วย

08

ปู้นๆ ปู้นๆ เสียงสัญญาณลากยาว พร้อมกับไอน้ำสีขาวกลุ่มใหญ่พวยพุ่งออกจากหัวรถจักร เอาตอนเช้าตรู่ นำเราออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมุ่งหน้าสถานีพระนครศรีอยุธยา เสียงหวูดนั้นไพเราะจับใจ จนเราอยากจดจำไว้นานๆ ลืมบอกไปว่ารถไฟของเราแล่นด้วยความเร็วแค่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบบ Slow Train ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Slow Travel อิ่มเอมกับบรรยากาศวิวทิวทัศน์ท้องทุ่งและผู้คนสองข้างทางไปตลอด

09

 รถไฟหัวจักรไอน้ำของเราในวันนี้คือ หัวจักรแบบแปซิฟิคหมายเลข 824 ซึ่งดูแล้วบึกบึนน่าเกรงขาม สมเป็นรถไฟรุ่นคุณปู่ที่ยังคงมีสภาพสวยงามแสนคลาสสิก จนรถไฟสมัยใหม่ต้องอายไปเลย ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟหน้า ล้อเหล็กขนาดใหญ่ที่มีฟันเฟืองอะไรไม่รู้เต็มไปหมด รวมถึงท่อไอน้ำที่มักจะพ่นปู้นๆ เป็นสัญญาณอย่างที่คนรุ่นก่อนๆ คุ้นเคยกัน แต่คนรุ่นนี้คงไม่รู้จักเสียแล้ว

07

หลังจากรถไฟหัวจักรไอน้ำรุ่นคุณปู่นำเรามาถึงสถานีรถไฟพระนครศรีอยุธยาแล้ว ก็ได้เวลาตระเวนเที่ยวไหว้พระ 4 จังหวัด อยุธยา-สิงห์บุรี-อ่างทอง-ชัยนาท ทำบุญเสริมสร้างบารมีให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง แต่นอกจากไหว้พระแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขอแวะเข้าไปศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา และชมวิวท้องทุ่งนาสีเขียวสวยๆ ของชัยนาทด้วย

010

 “ศูนย์ท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหอศิลป์ร่วมสมัยอโยธยา” ชมประวัติความเป็นมาอันยาวนานของราชธานีโบราณ เมืองมรดกโลกอันสงบสุข ผูกพันอยู่กับสายน้ำใหญ่ถึง 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา, แม่น้ำลพบุรี, แม่น้ำป่าสัก บ้านเมืองนี้จึงสมบูรณ์ มั่งคั่ง ในน้ำมีปลาในนามีข้าวมาจนถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อได้ไปเยือนวัดใหญ่ชัยมงคล เราคงตกตะลึงกับพระปรางค์ทรงลังกาขนาดใหญ่ที่สุดในอยุธยา ลองสังเกตพระพักตร์ของพระพุทธรูปวัดนี้ให้ดี จะพบว่ามีพุทธลักษณะอิ่มเอิบ งดงาม แลใจเย็น เป็นมิตร ทำให้ใจผู้มาเยือนจากแดนไกลอย่างเราสงบ สะท้อนว่ายุคที่อยุธยารุ่งเรืองสุดขีดนั้น บ้านเมืองคงยิ่งใหญ่ไม่แพ้ราชธานีใดบนแผ่นดินสุวรรณภูมิเลย

011

012

“ตลาดโก้งโค้ง” ชิมอาหารโบราณย้อนยุคอร่อยๆ อย่างผัดไทยกุ้งสด, ก๋วยเตี๋ยวเรือ ต่อด้วยของหวานอย่างขนมกล้วยนาบ, บัวลอยไข่หวาน และอีกสารพัด

013

 “พระนอนวัดขุนอินทประมูล” จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นพระนอนยาวอันดับ 2 ของประเทศไทย คือยาวถึง 50 เมตร (รองจากพระนอนวัดบางพลีใหญ่กลาง สมุทรปราการ ยาว 53 เมตร และพระนอนจักรสีห์ สิงห์บุรี ยาว 47 เมตร) พระนอนองค์นี้มีพระพักตรงดงามได้สัดส่วนมาก แสดงออกถึงความเมตตา เรามากราบไหว้จึงรู้สึกสุขใจ อีกทั้งโดยรอบวัดมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้บรรยากาศสงบร่มเย็นเป็นธรรมชาติ

014

015

“วัดไชโยวรวิหาร” อ่างทอง หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า วัดเกษไชโย มีองค์พระประธานในโบสถ์ สูงถึง 22.65 เมตร นามว่า พระมหาพุทธพิมพ์ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จโตวัดระฆัง แต่ต่อมาทลายลง แล้วมีการบูรณะใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 จนองค์พระมีขนาดใหญ่โตจนเราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เรียกว่าต้องแหงนมองคอตั้งบ่ากันเลยทีเดียว

016 017

มาเยือนชัยนาททั้งที ก็อย่าลืมหาโอกาสไปล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิถีชีวิตสองฟากฝั่ง เส้นทางเริ่มจากวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ไปถึงเขื่อนเจ้าพระยา ใช้เวลาแค่ 40 นาที แต่ประทับใจไปนานแสนนาน กับธรรมชาติอันงดงามตามวิถีภาคลุ่มน้ำภาคกลาง เมืองอู่ข้าวอู่น้ำ

018

เสร็จแล้วก็มาห่มผ้าพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ “วัดพระบรมธาตุวรวิหาร” ซึ่งมีบ่อน้ำโบราณ เป็นบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยเหือดแห้ง ชาวบ้านนิยมเดินทางมานำน้ำนี้ไปอาบกินเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

019

“วัดปากคลองมะขามเฒ่า” จังหวัดชัยนาท ของหลวงปู่ศุข เกจิอาจารย์ชื่อดังจอมขมังเวชวิชาอาคมต่างๆ ผู้เป็นพระอาจารย์ของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ แม้หลวงหลวงปู่ศุขจะละสังขารไปนานแล้ว ทว่าชื่อเสียงของท่านยังคงอยู่ เมื่อกราบพระแล้ว ก็ต้องเข้าไปในวิหารหลังเล็ก ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของกรมหลวงชุมพรฯ แท้ๆ ที่ท่านได้วาดฝากฝีมือไว้ครั้งมาร่ำเรียนวิชาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าอยู่หลายปี เห็นแล้วเป็นบุญตาจริงๆ

020

023 024

“วัดหน้าพระเมรุ” วัดเดียวสมัยกรุงแตก ที่ไม่โดนพม่าเผาทำลาย เนื่องจากพม่าใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพ แล้วใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง จุดเด่นของวัดนี้คือพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่อย่างกษัตริย์ ซึ่งจะหาชมที่อื่นใดไม่ได้อีกแล้ว

025

026

Special Thanks : ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชัยนาท, อ่างทอง, สิงห์บุรี, พระนครศรีอยุธยา และชาวจังหวัดชัยนาททุกคน ที่ช่วยสนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี

Traveler’s Guide

How to go : นั่งรถไฟจากหัวลำโพง ไปลงที่สถานีพระนครศรีอยุธยา แล้วนั่งรถเที่ยวต่อในเส้นทาง อยุธยา-สิงห์บุรี-อ่างทอง-ชัยนาท จากนั้นนั่งรถไฟกลับ ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้สบาย ใครอยากนั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำ มีแค่ปีละ 4 ครั้ง คือ วันที่ 26 มีนาคม, 12 สิงหาคม, 23 ตุลาคม และ 5 ธันวาคม สนใจติดต่อ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 เว็บไซต์ www.railway.co.th

Where to stay : ที่จังหวัดชัยนาท แนะนำ 111 Resort and Spa โทร. 0-5648-2113, 09-3221-1022 www.111-resort.com และ สุวรรณาการ์เด้นรีสอร์ท โทร. 0-5647-7789, 08-2177-2989

What to eat : อาหารชัยนาทเด็ดๆ มีหลายอย่าง เช่น ขนมตาล, ขนมลืมกลืน, แป้งข้าวหมาก, ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ, ขนมจีนซาวน้ำ, ลาบส้มโอ, หมี่กรอบ, ไอศกรีมข้าวไรซ์เบอร์รี่, ส้มโอขาวแตงกวา ฯลฯ

Souvenirs : ของที่ระลึกจากชัยนาท เช่น หุ่นฟางนกเล็ก, ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกก, ผ้าทอลายโบราณลาวครั่ง, ธูปสมุนไพรไล่ยุงบ้านสระไม้แดง, กระบุงปากบาน, น้ำตาลโตนด, โตกหวาย, เก้าอี้ผักตบชวา ฯลฯ

More info : ททท. ชัยนาท-อ่างทอง โทร. 0-3552-5867, 0-3552-5880 / ททท. สิงห์บุรี โทร. 0-3677-0096-7 / ททท. พระนครศรีอยุธยา โทร. 0-3524-6076-7 / บริษัท ฟูจิ ทัวร์ โทร. 09-8273-4435

เขาใหญ่มรดกโลก อาณาจักรแห่งสรรพชีวิต

ณ มุมหนึ่งของพงไพรอันแสนลึกลับ รกชัฏ และกว้างใหญ่ไพศาล ดอกไม้ป่ายังคงเบ่งบาน ต้นไม้ใหญ่ยังคงยืนตระหง่านชูเรือนยอดขึ้นหาแสง เถาวัลย์ยังคงเกี่ยวกระหวัดเลื้อยพันทอดยาวไปในป่า อย่างมิมีที่สิ้นสุด ที่นั่นสรรพสัตว์น้อยใหญ่ยังคงออกดุ่มเดินหากินได้อย่างเสรี มีนกเงือก ชะนี ค่าง บ่าง กระรอก และนกป่าอีกนานาชนิด ครองความเป็นใหญ่บนเรือนยอดไม้สูงลิบ พวกมันส่งเสียงระงม สร้างสีสัน และความคึกคักให้ป่าผืนนี้มานับร้อยชั่วอายุคน ต่ำเตี้ยลงมาใกล้พื้นป่า ช้าง เสือ กระทิง วัวแดง เก้ง กวาง สมเสร็จ และส่ำสัตว์อีกนานาชนิด ยังคงบุกฝ่าลัดเลาะพงไพรหากินและผสมพันธุ์สืบทอดเผ่าพงศ์ จะหาป่าใดในยุคปี พ.ศ. นี้ในเมืองสยาม ที่อุดมเทียบผืนป่านี้ได้อีกเล่า

            นี่คือ “ป่าเขาใหญ่” หรือผืนป่าดงพญาเย็น ส่วนเสี้ยวแห่งตำนานป่าดงพงพีของอีสานใต้

2

ป่าเขาใหญ่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผืนป่าที่คงความสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบัน ขณะที่ผืนป่าอื่นๆ หลายแห่งได้ถูกรุกล้ำทำลายแผ้วถางลงเกือบหมดแล้ว เนื้อที่ขนาด 1.3 ล้านไร่ กินอาณาเขตจังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และสระบุรี คืออาณาเขตไพศาลที่สามารถเก็บรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ของพืชและสัตว์นับไม่ถ้วนชนิด ดุจดังขุมขลังทางทรัพยากรธรรมชาติล้ำค่าที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด หากเราเข้าใจและรู้จักใช้อย่างยั่งยืน

จะเรียกว่า “ป่าเขาใหญ่” คือปฐมบทแห่งการอนุรักษ์ผืนป่าไทยก็คงไม่ผิด เพราะเขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติแรกของไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505   ทุกวันนี้เราสามารถขับรถขึ้นเขาใหญ่ได้ใน 2 เส้นทาง คือจากทางด้านจังหวัดปราจีนบุรี ขึ้นเขาใหญ่ทางด่านตรวจเนินยายหอม ส่วนอีกทางหนึ่งขึ้นเขาใหญ่ทางด่าน กม. 23 (ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่) ในด้านจังหวัดนครราชสีมา แต่ต้องขับช้าๆ นิดนะ เพราะอาจมีช้างเดินข้ามถนนไปมาได้เสมอ!

3

4

มาเขาใหญ่เขาทำอะไรกันนะ? คำถามนี้ตอบได้ง่ายดายซะเหลือเกิน เพราะบนเขาใหญ่มีกิจกรรมสำหรับคนรักธรรมชาติให้ทำชนิดที่เรียกว่า ตั้งแต่เช้าจรดเย็น และต่อเนื่องไปถึงค่ำคืนได้อย่างไม่น่าเบื่อ ถึงขนาดบางคนมาอยู่บนเขาใหญ่เป็นสัปดาห์ๆ เพื่อเดินป่า ส่องสัตว์ ดูผีเสื้อ หรือดูนกที่ตนเองชื่นชอบ เส้นทางเดินป่ายอดฮิตบนเขาใหญ่มีหลายเส้นทาง อาทิ ลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต, น้ำตกกองแก้ว-สนามกอล์ฟ, ที่ทำการอุทยานฯ-มอสิงโต, ที่ทำการอุทยานฯ-หนองผักชี, กม 33 – หนองผักชี, หน่วยพิทักษ์ป่าคลองปลากั้ง-น้ำตกวังเหว และที่ท้าทายมากกว่านั้นคือ เส้นทางเดินป่าขึ้นเขาสมอปูน ที่ต้องใช้เวลากว่า 3 วัน 2 คืน รอนแรมบุกป่าฝ่าดงขึ้นไปสัมผัสลานหินปูนชุ่มน้ำบนเขาสูง ซึ่งมีดอกไม้และพืชนานาชนิดงอกงามดารดาษ

5

6

ที่หนองผักชีมีหอดูสัตว์และโป่งให้เราเข้าไปซุ่มดูสัตว์ต่างๆ ที่จะออกมากินน้ำและเลียกินดินโป่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช อย่างช้าง เก้ง กวาง กระทิง วัวแดง ฯลฯ เพราะสัตว์เหล่านี้กินแต่ใบไม้ จึงต้องการสารอาหารจากเกลือในดินเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย แต่ก็มักมีสัตว์ผู้ล่าแอบย่องออกมาจับสัตว์เหล่านี้กินอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งและหมาใน เคยมีคนจับภาพเสือโคร่งกินลิงได้มาแล้ว! การซุ่มดูสัตว์จริงๆ ต้องใช้เวลา ขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาส และความโชคดีของเรา ส่วนเครื่องแต่งกายก็ควรเป็นสีกลืนกับธรรมชาติ อย่างสีเขียวทึบๆ สีเทา และสีน้ำตาล ซุ่มดูกันเงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ใส่น้ำหอม และควรมีกล้องส่องทางไกล

7

ถ้ายังไม่จุใจ เขาใหญ่ยังมีกิจกรรมส่องสัตว์ในยามราตรีให้ด้วย รถส่องสัตว์เป็นรถกระบะท้ายเปิด พร้อมไกด์และไฟสปอร์ตไลท์แรงสูงอย่างดี เส้นทางก็อยู่บนถนนเท่านั้น นักท่องเที่ยวห้ามลงจากรถเด็ดขาด เมื่อความมืดโรยตัวห่มคลุมจนทั่วอย่างสมบูรณ์แล้ว เวลาสักประมาณทุ่มหรือสองทุ่ม บนเขาใหญ่ก็มืดสนิท แสงไฟสาดส่องเป็นลำกวาดทะลุความมืด อากาศรอบตัวเย็นฉ่ำ เราอาจได้เห็นฝูงกวางป่านับสิบๆ ตัว กำลังยืนเกาะกลุ่มแทะเล็มหญ้าระบัดเขียวสดอยู่กลางทุ่งโล่ง พอไฟสาดไปโดนมันเข้า มันก็จะชูคอขึ้นมอง เห็นแววตาสะท้อนไฟพราวอยู่ในความมืดอันลึกเร้น ถัดมาไม่ไกล เราอาจเห็นหมาในและหมาป่ากำลังวิ่งไล่จับกระต่ายอยู่ เช่นเดียวกับเม่นใหญ่ที่เดินต้วมเตี้ยม ยักย้ายรูปร่างอ้วนๆ ของมันซึ่งเต็มไปด้วยหนามแหลม ดุ่มเดินอยู่ข้างถนน หากินรากไม้ รากไผ่ และเศษอาหาร แต่ที่น่าตื่นเต้นสุดคงต้องยกให้การพบเห็นโขลงช้างป่าออกมาหากินริมถนนบริเวณน้ำตกเหวนรก ภาพนั้นอาจทำให้หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเลยก็ว่าได้!

8

9

2 ชีวิตกลางป่าใหญ่ cha

10

ในช่วงกลางวัน กิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวก็คือการไปเที่ยวชมน้ำตกหลายแห่งบนเขาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกเหวนรกอันน่าเกรงขาม น้ำตกเหวสุวัตที่มีสายน้ำไหลแรงซู่ซ่ากลางป่าเขียวตลอดปี น้ำตกผากล้วยไม้ ที่มีกล้วยไม้หวายแดงอันแสนหายากออกดอกให้ดูในฤดูร้อน รวมถึงน้ำตกอีกหลายแห่งทางด้านใต้ของอุทยานฯ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกผาตะแบก น้ำตกผากระจาย น้ำตกผาชมพู น้ำตกห้วยระย้า น้ำตกตาดตาภู่ และน้ำตกมะนาว เป็นต้น ตลอดทางเดินป่าสู่น้ำตกเหล่านี้ เราสามารถศึกษาพรรณไม้ อย่างเฟิน หวาย ปาล์ม เถาวัลย์ พืชวงศ์ขิงข่า และสภาพป่าที่มีทั้งป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณที่มีไผ่ขึ้นหนาแน่น บ่งบอกถึงความหลากหลายของระบบนิเวศเขาใหญ่

11

 น้ำตกเหวสุวัต เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงเป็นรองก็แต่น้ำตกเหวนรกเท่านั้น

12

 น้ำตกผากล้วยไม้ แห่งเขาใหญ่

13

 รอบป่าเขาใหญ่มีน้ำตกหลายแห่ง เปิดโอกาสให้นักผจญภัยแบบ Extreme ไปพิสูจน์ฝีมือกัน!

15

พรรณไม้ที่น่าพิศวงและหายากมากของเขาใหญ่มีด้วยกันหลายชนิด ทั้ง “พิศวง” พืชกินซากรูปร่างพิลึก ที่ไม่มีคลอโรฟิลด์สีเขียวสังเคราะห์แสงสร้างอาหารเองได้ จึงชอบขึ้นอยู่ตามซากกองใบไม้ทับถมเน่าเปื่อยชื่นๆ เจ้านี่ไม่ธรรมดา เพราะค้นพบไม่กี่แห่งในโลกเท่านั้น เขาใหญ่จึงเป็นหนึ่งในบ้านอันปลอดภัยที่พิศวงเลือกอาศัย พืชมหัศจรรย์อีกชนิดคือ “กระโถนฤาษี” ญาติใกล้ชิดของบัวผุดทางภาคใต้ แต่กระโถนฤาษีมีดอกเล็กกว่า มีสิบกลีบสีแดง มันเป็นพืชกาฝากที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากเถาวัลย์ป่า ฝังตัวอยู่ในเถาวัลย์หรือรากไม้นั้น ดูดกินน้ำเลี้ยงและธาตุอาหารจากพืชเจ้าบ้าน รอวันส่งดอกขึ้นมาเบ่งบานเพื่อผสมพันธุ์ปีละไม่กี่วันเท่านั้น

17

 เขาใหญ่คือบ้านของนกเงือกที่อุดมสมบูรณ์มาก ในภาพนี้เป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ของนกเงือกผัวเมีย โดยตัวผู้ตาจะเป็นสีแดง ตัวเมียตาสีขาว

18

 ตามริมลำธารใสในป่าเขาใหญ่ มีโป่งผีเสื้อสวยๆ ให้ชมกันทั่วไป

19

 ชะนีมือขาว เป็นสัตว์ที่หากินอยู่บนยอดไม้ โดยตลอดชีวิตของมันจะไม่ลงมาที่พื้นเลย เพราะมันกินผลไม้ใบไม้เป็นหลัก และได้รับน้ำจากผลไม้หรือน้ำค้างที่มันดื่มกินอยู่แล้ว

21

 หวายแดง ที่น้ำตกผากล้วยไม้ เป็นพรรณไม้ป่าหายากชนิดหนึ่งของไทยในปัจจุบัน

22

เขาใหญ่วันนี้ได้รับการประกาศให้เป็น “ป่ามรดกโลก” เรียบร้อยแล้ว เราในฐานะคนไทยคนหนึ่ง จึงควรเข้าไปท่องเที่ยวอย่างรู้ค่า เพื่อให้เขาใหญ่ทำหน้าที่เป็นขุมขลังแห่งทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าได้ตลอดไป สมกับชื่อผืนป่าดงพญาเย็น ที่สร้างความร่มเย็นให้สรรพชีวิตมาแสนเนิ่นนาน

ong 0005

Traveler’s Guide

How to go : รถยนต์ จากปากช่องนครราชสีมา มาจากกรุงเทพฯ แยกขวามช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ที่สระบุรีก่อนถึงปากช่อง เลี้ยวขวาตรงทางต่างระดับไปตามทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) ประมาณ 25 กิโลเมตร จะถึงด่านตรวจหน่วยพิทักษ์ฯ ขญ. 1   ควรแวะซื้ออาหารและเติมน้ำมันรถให้เต็มถังที่ปากช่องก่อนเข้าถนนธนะรัชต์ เมื่อผ่านด่านตรวจเป็นถนนไต่ระดับลดเลี้ยวขึ้นเขาชัน ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง

Where to stay : บนเขาใหญ่มีทั้งบ้านพักอย่างดี บริเวณบ้านพักธนะรัชต์ รวมถึงลานกางเต็นท์จำนวนมาก ที่ลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้และลำตะคอง โทร.จองโด้โดยตรงที่อุทยานฯ โทร. 0-4424-9305, 08-6092-6529 (30, 31) หรือจองที่พักผ่านเว็บไซต์ของกรมอุทานแห่งชาติ www.dnp.go.th

What to eat : บนเขาใหญ่มีร้านอาหารอยู่ในทุกลานกางเต็นท์ และมีร้านอาหารใหญ่ใกล้ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สามารถซื้ออาหารกินได้ทั้งสามมื้อ แต่เวลาเดินป่าต้องคดห่อไป

More info : ททท. สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา โทร. 0-4421-3030, 0-4421-3666

เที่ยวย้อนอดีต 3 วัง เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์

2

“เขาวัง” หรือพระนครคีรี พระราชวังฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งสร้างเป็นกลุ่มของพระราชวังทรงยุโรปผสมศิลปะไทย และมีวัดประจำวัง ตั้งอยู่บนยอดเขากลางเมืองเพชรอย่างสวยงามโดดเด่น จากบนยอดเขานี้สามารถมองออกไปได้กว้างไกล สุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะในฤดูร้อนดอกลั่นทม (ดอกลีลาวดี) สีขาวที่มีอยู่นับพันๆ ต้นบนเขาวัง จะบานสะพรั่งพร้อมกันเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เวลาขึ้นไปอยู่บนเขานี้แล้ว จะมีลมพัดพรูตลอดเวลา ชื่นใจจริงๆ สมัยโบราณรัชกาลที่ 4 ท่านจะทรงเสลี่ยงคานหามขึ้นเขาวัง ส่วนข้าราชการชั้นสูงก็ขี่ม้า และไพร่พลต่างๆ ก็เดินตามขึ้นไป แต่สมัยนี้สะดวกแล้ว เขามีรถรางไฟฟ้า 2 คัน ให้ขึ้นจากด้านหลังเขาครับ

3

เล่ากันว่าตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองเพชรบุรีเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลใหญ่ที่สุดของประเทศ เพราะสมัยก่อนน้ำตาลจะได้มาจากต้นตาล, อ้อย และมะพร้าว เท่านั้น เพชรบุรีเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลโตนดที่ทำรายได้ภาษีให้หลวงปีละหลายล้าน (หลายล้านบาทสมัยโบราณ ก็คงเท่ากับเป็นพันๆ ล้านบาทต่อปีในสมัยนี้!) แต่ปรากฏว่า ข้าราชการที่เก็บภาษีน้ำตาลโตนดเมืองเพชรส่งภาษีที่เก็บได้เข้าคลังไม่ครบ รัชกาลที่ 4 จึงทรงประณีประณอม ด้วยการใช้กุศโลบายบอกว่า งั้นก็ไม่ต้องเอาเงินมาคืนหรอก ให้สร้างวังบนเขาวังขึ้นแทนละกัน! กลุ่มพระราชวังทั้งหมดที่เราเห็นตรงนี้ จึงเกิดขึ้นได้จริงเพราะภาษีน้ำตาลโตนดล้วนๆ เลยครับ แต่พอสร้างเสร็จปรากฏว่าบนเขาวังไม่มีแหล่งน้ำจืดเลย ต้องอาศัยชาวลาวโซ่งที่อยู่กันมากรอบๆ เขาวัง ช่วยกันหาบน้ำขึ้นมาบนเขาวังทุกวัน! ชาวลาวโซ่งจึงได้รับการยกเว้นภาษีจากหลวงเรื่อยมา

4

5

 บนเขาวังทุกวันนี้มีการบูรณะปรับปรุงดูแลภูมิทัศน์ให้อยู่ในสภาพดี เหมือนครั้งสุดท้ายที่เคยใช้งาน ต้อนรับกษัตริย์และพระราชินีจากเยอรมนี เครื่องเรือน ภาพวาด โต๊ะเก้าอี้ เครื่องถ้วยโถโอชามต่างๆ ล้วนมีความเป็นยุโรปทั้งสิ้น เล่ากันว่าครั้งกษัตริย์เยอรมนีเสด็จพักบนเขาวัง มีการสั่งให้ร้อยมาลัยดอกไม้สด ห้อยไว้ในทุกบานหน้าต่างบนเขาวังตลอดเวลา! กลิ่นนั้นหอมหวนมากจนกระทั่งกษัตริย์และราชินีเยอรมนี ทรงบันทม (นอนหลับ) ไม่ได้! เพราะกลิ่นนั้นหอมเกินไป! จึงต้องรื้อมาลัยดอกไม้บางส่วนออกกันเลยทีเดียว

6

1

“พระรามราชนิเวศน์” หรือพระราชวังบ้านปืน ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงรับสั่งให้สถาปนิกเยอรมันสร้างขึ้น แต่ยังไม่ทันสร้างเสร็จ พระองค์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน! รัชกาลที่ 6 ท่านจึงทรงเข้ามาสานต่อจนสร้างเสร็จ แต่ก็ไม่เคยมีการเสด็จมาประทับอย่างจริงจัง มีเพียงครั้งที่รัชกาลที่ 6 ทรงเสด็จมาทอดพระเนตรการฝึกเสือป่า อยู่เพียงไม่กี่วัน ทุกวันนี้เราจึงเห็นได้ว่าภายในพระราชวังบ้านปืนแทบไม่มีเครื่องเรือนอะไรเลย มีเพียงแค่พอใช้งานเท่านั้น เล่ากันว่าวังใหญ่โตมโหฬารนี้สร้างด้วยเงินทุนเพียง 900,000 บาท! ที่ใช้เงินน้อยกว่าวังอื่นๆ เพราะมีเพียงส่วนพื้นเท่านั้นที่ปูหินอ่อน (เป็นหินอ่อนจากเหมืองที่ดีที่สุดในโลก ของประเทศอิตาลี ซึ่งเหลือจากการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม) ตัววังสร้างแบบยุโรป เป็นสองชั้นงดงามยิ่ง โดยสร้างอยู่ติดกับแม่น้ำเพชรบุรี อันเป็นแม่น้ำที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ท่านทรงโปรดมากที่สุด กว่าแม่น้ำสายใดในสยาม

7

 ครั้งแรกสร้างพระราชวังบ้านปืน มีการปั้นรูปพระรามถือคันศรตั้งไว้หน้าวัง โดยเขาเรียกคันศรนั้นว่า “ปืน” ต่อมามีการย้ายรูปปันนี้ออกไป แล้วนำพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 มาประดิษฐานแทน แต่ผู้คนก็ยังเรียกวังแห่งนี้ว่า “พระราชวังบ้านปืน” กันจนติดปากมาทุกวันนี้ เกร็ดประวัติศาสตร์อีกอย่าง ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือ ที่วังนี้มีสนามเทนนิสแห่งแรกในเมืองไทยอยู่ด้วย! แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นสวนแล้ว

8

12

“พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” พระราชวังแห่งความรัก และความหวัง ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นในบริเวณชายหาดที่สวยที่สุดของเพชรบุรี มีความร่มรื่น เงียบสงบ เดิมที่ตรงนี้ชาวบ้านเรียกว่า “ห้วยทราย” หมายถึงห้วยน้ำไหล ที่มีกวางเนื้อทรายมาลงกินน้ำอยู่เป็นประจำ พระราชนิเวศน์มฤคทายวันเป็นวังโบราณแห่งเดียว ที่ยังไม่มีการถอนสิทธิ์ความเป็นวังออกไป จึงยังคงมีสภาพเป็นเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ออก เวลาเราเข้าไปเที่ยวจึงต้องปฏิบัติตามกฎต่างๆ อย่างเคร่งครัด

9

10

ที่นี่เป็นวังชายทะเลแห่งแรกของกษัตริย์ไทย สร้างด้วยไม้เป็นทรงโปร่งโล่งสบาย รับลมได้ตลอดวัน จากตำหนักด้านหน้า (ส่วนที่ผู้ชายอยู่) มีระเบียงทางเดินเชื่อมถึงกันตลอดไปยังตำหนักใน (ส่วนที่ผู้หญิงอยู่) และมีระเบียงทอดยาวไปลงทะเลด้วย เล่ากันว่ารัชกาลที่ 6 ทรงโปรดการเล่นน้ำทะเลที่นี่มาก เวลาทรงลงเล่นน้ำ จะมีข้าราชบริพารประมาณ 20 คน ล้อมรอบพระองค์ไว้ แต่ละคนถือสวิงตักแมงกะพรุน คอยระวังไม่ให้แมงกะพรุนหลุดรอดเข้าไปต้องพระองค์ได้

11

14

15

13

16

17

18

21

 “วัดใหญ่สุวรรณาราม” พระอารามหลวงที่ถือว่าสำคัญที่สุดในเมืองเพชรทุกวันนี้ วัดนี้มีอดีตยาวนานย้อนไปได้ถึงยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลายโน่น เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชแตงโม พระอริยสงฆ์ชื่อดังที่สมเด็จพระเจ้าเสือทรงนับถือมาก พระองค์จึงโปรดให้รื้อท้องพระโรงจากอยุธยา มาประกอบขึ้นใหม่ถวายเป็นศาลาการเปรียญให้สมเด็จแตงโม ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ! นักประวัติศาสตร์เชือ่กันว่าศาลาไม้หลังนี้เคยใช้เป็นท้องพระโรงออกว่าราชการของพระเจ้าเสือ ปัจจุบันจึงเป็นพระที่นั่งไม้เพียงหลังเดียวจากยุคกรุงศรีอยุธยาแท้ๆ ที่เหลือรอดจากการเผ่าของพม่ามาให้เราชม ภายในงดงามด้วยการเข้าเครื่องไม้ การลงรักปิดทอง และภาพวาดฝีมือชั้นครู ส่วนในพระอุโบสถวัดใหญ่ฯ ก็มีภาพเทพชุมนุมอันงดงาม สะท้อนเอกลักษณ์พุทธศิลป์ของกรุงศรีอยุธยาตอนปลายได้ชัดเจน

22

 

23

24

25

19

20

Traveler’s Guide

When to go : เที่ยวเส้นทาง 3 วัง ได้ตลอดปี แต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม มีฝนตกบ้าง

How to go : รถยนต์จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (แยกวังมะนาว) ถึงจังหวัดเพชรบุรี รวมระยะทาง 123 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านนครปฐม ราชบุรี ไปยังเพชรบุรี รวมระยะทาง 166 กิโลเมตร จากนั้นถ้าจะไปหัวหินต่อ ก็เดินทางแค่ 66 กิโลเมตรเท่านั้น

Where to stay : แนะนำ The Regent Chalet Resort Beach หาดชะอำ โทร. 0-3250-8140-3 www.regent-chaam.com เป็นรีสอร์ทสไตล์บ้านพักเป็นหลังๆ ริมทะเล ร่มรื่นเงียบสงบดี

What to eat : ร้านอาหารพวงเพชร โทร. 0-3242-6753, 0-3241-1380 เมนูเด็ดมีเพียบ เช่น ผัดฉ่าหอยเสียบ, ปลากะพงทอดราดน้ำปลา, หมึกทอดกระเทียม, ต้มยำทะเล ฯลฯ / ร้านอยู่เย็น บัลโคนี่ ถนนแนบเคหาสน์ ริมหาดหัวหิน โทร: 0-3253-1191 อาหารยอดฮิต เช่น ฉู่ฉี่ปลาทู, ปลาทูต้มส้มใบมะขาม, ผัดฉ่าทะเลรวม, ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน, หอยตลับผัดฉ่า, กุ้งมรกต ฯลฯ

Souvenirs : อาหารทะเลแห้ง, โมบายเปลือกหอย, โปสการ์ด เสื้อยืด หัวหิน เพชรบุรี, หมวก และของที่ระลึกเก๋ไก๋ จากพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน, ผ้าโขมพัสตร์ หัวหิน, ผ้าบาติกเขาตะเกียบ ฯลฯ

More Info : บริษัท Great Happiness Co.,Ltd. โทร. 0-2153-8119-20, 08-6366-9708 แฟกซ์ 0-2153-8120 www.selfdrivethailand.com , www.facebook.com/selfdrivethailand

เกาะกูด เกาะสุดท้ายปลายทางบูรพา จ.ตราด

เกาะกูด “เกาะสุดท้ายปลายทางตะวันออกของน่านน้ำไทย” เป็นเกาะใหญ่อันดับ 4 ของทะเลไทยที่อุดมด้วยความพิสุทธิ์แห่งธรรมชาติ สงบงาม และปกคลุมด้วยไม้ร่มครึ้ม นี่คือดินแดนที่นักท่องเที่ยวเรียกว่า สวรรค์แห่งทะเลตะวันออก ได้อย่างเต็มปาก

2

ดูความใสของน้ำทะเลมุมนี้แล้ว เกาะกูดของเราก็ไม่แพ้หมู่เกาะมัลดีฟส์เหมือนกันนะ ฮาฮาฮา

3

 ชายหาดบริเวณอ่าวพร้าว เป็นบริเวณที่เงียบสงบ เหมาะจะมานอนพักผ่อนฟังเสียงทะเลสีครามกระซิบแผ่วเบากับท้องฟ้าสีน้ำเงิน แถมยังมีทิวมะพร้าวโอนเอน ได้บรรยากาศของการอยู่ทะเลอยู่เกาะจริงๆ เลยนะเนี่ยะ

4

เกาะกูดมีภูมิประเทศคล้ายเกาะช้าง คือชายฝั่งด้านตะวันออกต้องปะทะกับลมมรสุม จึงมีแต่หาดหินขรุขระ   ผิดกับชายฝั่งตะวันตกที่คลื่นลมสงบกว่า และมีแนวหาดทรายอยู่หลายแห่ง หาดทรายขาวเหล่านี้ถูกสลับด้วยป่าชายเลนและลำคลองคดเคี้ยวเข้าสู่ภายในเกาะ หากมีโอกาสพายเรือคายักเข้าไปก็จะพบกับบรรยากาศคล้ายป่าอะเมซอนในทวีปอเมริกาใต้ ณ ที่นั่นเราจะสัมผัสได้ถึงมุมอันบริสุทธิ์ ลึกลับ ดิบเถื่อน และงดงามของโลก

5

 แน่นอนว่า เกาะกูดก็เป็นอีกหนึ่งเกาะในทะเลตะวันออก ที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียชื่นชอบเป็นพิเศษ

6

ส่วนด้านทิศเหนือของเกาะกูดบริเวณคลองยายกี๋ เป็นที่ตั้งของรีสอร์ตน่ารักๆ ชื่อ กัปตันฮุ๊ก รีสอร์ท ซึ่งสร้างได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ แถมมีมุมส่วนตัวให้นั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือเล่มโปรดโดยไม่มีใครมารบกวน หน้ารีสอร์ตเป็นเวิ้งอ่าวยายกี๋ หาดทรายกว้าง ทิวมะพร้าว โขดหิน และลำคลองที่นำเข้าไปสู่ป่าชายเลนและน้ำตกคลองเจ้า ทว่าที่พิเศษสุดคือ ในคืนเดือนมืดจะมีกิจกรรมพาเข้าไปชมฝูงหิ่งห้อยนับพันๆ ตัวที่พากันออกมากระพริบแสงเป็นจังหวะพร้อมกันเพื่อหาคู่ เป็นภาพอันแสนมหัศจรรย์ที่นับวันจะหาชมได้ยากขึ้นเรื่อยๆ หรือถ้าเป็นคนตื่นเช้าก็ต้องไปที่อ่าวกล้วย ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้งดงามจับใจไม่รู้ลืม

7

8

9

 นอกจากจะได้เล่นน้ำทะเลใสแจ๋วแล้ว บนเกาะกูดยังมีเส้นทางเดินป่าด้วย ระหว่างทางมีพรรณพืช และโป่งผีเสื้อสวยๆ ให้ชื่นชมมากมาย แต่ขอบอกก่อนว่า รีสอร์ทบนเกาะกูดจะปิดไม่รับนักท่องเที่ยวในฤดูมรสุม คือประมาณเดือนมิถุนายน-ตุลาคม เนื่องจากคลื่นลมจะแรงเกินไป การเดินทางด้วยเรือ หรือกิจกรรมดำน้ำชมปะการังจึงไม่ปลอดภัย และไม่สวยเท่าที่ควร

10

ในป่าดงดิบบนเกาะกูด มีกล้วยไม้หายากชนิดหนึ่งอยู่ นั่นคือ หวายเหลืองจันทบูร จะพบได้เฉพาะในป่าดงดิบและหมู่เกาะของภาคตะวันออกเท่านั้น

11

 ผีตากผ้าอ้อมริมหาดบนเกาะกูด เปลี่ยนผืนฟ้าให้กลายเป็นสีเหลืองทองอย่างน่าตื่นตาจนเราต้องตะลึง!

12

 พอแสงอาทิตย์ลาลับไป บางรีสอร์ทก็เริ่มมี show ควงลูกตุ้มไฟให้นักท่องเที่ยวชม ลีลาแบบนี้บอกได้คำเดียวว่า มืออาชีพจริงๆ!

13

 แสงสุดท้ายที่เกาะกูด เป็นช่วงเวลาแสนโรแมนติกสำหรับคู่รัก

14

Traveler’s Guide 

Best season : เหมาะสมที่สุด คือ เดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม หลังจากนั้นเป็นฤดูมรสุม ทะเลมีคลื่นลมแรง รีสอร์ทต่างๆ มักจะปิดไม่รับนักท่องเที่ยว

How to Go : การเดินทางไปเกาะกูด มีทั้งแบบเรือโดยสารสาธารณะ และเรือของรีสอร์ทต่างๆ ที่เราซื้อแพ็กเกจไว้

– เรือไม้ เที่ยวไป เรือออกจากท่าเรือด่านเก่า เวลา 10.00 น. ถึงเกาะกูด ท่าเรือสะพานน้ำลึก เวลา 14.00 น. เที่ยวกลับ เรือออกจากเกาะกูดไปท่าเรือด่านเก่า เวลา 10.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-9069-1031, 08-9096-9005

– เรือเร็ว เที่ยวไป มีเรือออกจากท่าเรือแหลมศอกไปเกาะกูด (เรือจอดที่ท่าเรือบางเบ้า) ทุกวัน วันละ 1 เที่ยว เวลา 13.00 น. เที่ยวกลับ เรือออกจากเกาะกูดไปท่าเรือแหลมศอก เวลา 10.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-6126-7860

-เรือเฟอร์รี่ เที่ยวไป มีเรือออกจากท่าเรือด่านเก่า (ท่าโชคสาคร) วันละ 1 เที่ยว เวลา 8.00-10.30 น. เที่ยวไป มีเรือออกจากเกาะกูก เวลา 11.00 น.  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-6126-7860

หรือใช้บริการเรือโดยสารของ บริษัท เกาะกูด ซีทรานส์ จำกัด โทร. 0-3959-7646, 08-1444-9259 ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที มีเรือออกจากท่าเรือแหลมงอบ (ท่าเทียบเรือกระโจมไฟ) วันอังคาร วันศุกร์และวันเสาร์ เวลา 09.00 น. ถึงเกาะกูดเวลา 11.30 น.

ท่าเรือไปเกาะกูด :

-ท่าเรือด่านเก่า 

ท่าเรือด่านเก่าเป็นท่าเทียบเรือของกูดคาบาน่า รีสอร์ท ห่างจากตัวเมืองตราด 5 กิโลเมตร ถ้าซื้อแพ็คเกจของกูดคาบาน่า จะมีรถรับส่งจากตัวเมืองตราดไปยังท่าเรือด้วยเรือสปีดโบ๊ท ใช้เวลา 1 ชั่วโมง  นอกจากนี้ยังเป็นท่าเรือของใบกูด แซบาล่า และ เกาะกูด อ่าวพร้าว ติดต่อ โทร. 0-2164-1001-6

-ท่าเรือแหลมศอก

ท่าเรือของปีเตอร์แพน รีสอร์ทและกัปตัน ฮุ๊ก รีสอร์ท ห่างจากตัวเมืองตราด 24 กิโลเมตร  ปลายสุดถนนบ้านแหลมศอก ปีเตอร์แพน รีสอร์ทและ กัปตัน ฮุ๊ก รีสอร์ท โทร. 0-2164-1001-6

-ท่าเรืออ่าวช่อ

ท่าเรือเกาะกูดลากูน่า รีสอร์ท  อยู่ห่างจากตัวเมืองตราดไปตามเส้นทางแหลมศอกประมาณ 20 กิโลเมตร เรือเร็วใช้เวลาประมาณ 50 นาที ท่านที่ขับรถยนตร์ ส่วนตัวมาเรามีบริการที่จอดรถค้างคืนที่สะดวกและปลอดภัย โดยคิดค่าบริการ 50 บาทต่อคันต่อคืน เกาะกูดลากูน่า รีสอร์ท โทร. 0-2164-1001-6

-ท่าเรือแหลมงอบ

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30-3 ชั่วโมง เรือออกจากท่าเรือแหลมงอบทุกวันศุกร์และวันเสาร์เวลา 09.00น. และเที่ยวกลับออกจากท่าเรือหินดำ อ่าวตะเภา ทุกวันศุกร์และวันอาทิตย์ เวลา12.30น. ติดต่อ บริษัท เกาะกูดซีทรานส์ 0-3959-7646

Where to Stay : บนเกาะกูดมีที่พักให้เลือกมากมาย ค้นหาได้จาก www.koh-kood.com และ www.เกาะกูด.net

Special Tips : เที่ยวทะเลให้สนุกต้องเตรียมตัวให้พร้อม อย่าลืมแว่นกันแดด หมวก ครีมกันแดดที่มีค่า spf สูงๆ เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ที่เปียกน้ำแล้วแห้งเร็ว รองเท้าแตะ ถุงกันน้ำ (Dry Bag) เอาไว้ใส่ของมีค่าเวลาลงเรือ

More info : ททท. จังหวัดตราด โทร. 0-3959-7259-60

ดูเหยี่ยวอพยพ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร

มีคนเคยบอกว่า ธรรมชาติคือครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราสามารถเรียนรู้บทเรียนอันมีค่ามากมายจากธรรมชาติ ทั้งในด้านสว่างและด้านมืด แม้แต่พระพุทธองค์เองก็ยังทรงเรียนรู้สัจธรรมความจริงจากธรรมชาติ แล้วนำมาประกาศ เพื่อให้ปุถุชนที่ยังไม่ได้ละวางทางโลกสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข สำหรับตัวผมเอง เป็นคนที่นิยมเรียนรู้ชีวิตและโลกกว้างจากการท่องไปในธรรมชาติ หลายครั้งได้เห็นแง่มุมสุดจะงดงาม ซึ่งผู้คนทั่วไปมิอาจเข้าไปพานพบ และบางครั้งก็พบกับความโหดร้ายที่ธรรมชาตินำเราเข้าไปเผชิญ แต่ก็นั่นล่ะ ทั้งหมดคือ “บทเรียนชีวิต” ที่ครูธรรมชาติสอนให้เราเข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น

_DSC0445

ทุกปีในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร จะเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าชม ของการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในเมืองไทยเรา คือเหยี่ยวสิบๆ ชนิดจากซีกโลกเหนือแถบมองโกเลียและไซบีเรีย นับแสนๆตัว! จะพากันบินอพยพลงสู่ซีกโลกใต้ เพื่อหนีความหนาวเย็นลงมาหากิน โดยบินผ่านเหนือผืนดินของทวีปเอเชียลงสู่หมู่เกาะอินโดนีเซีย และมีบางกลุ่มที่บินเหินฟ้ายาวไกลไปถึงออสเตรเลียเลยก็มี พวกมันอาศัยความทรงจำจากเหยี่ยวรุ่นบรรพบุรุษ ที่ฝังอยู่ในส่วนลึกสุดของยีนส์และเซลล์สมอง บวกกับสัญชาติญาณดิบและแรงแม่เหล็กโลกที่จับได้ บินจากเหนือลงใต้โดยไม่ผิดพลาดผิดเพี้ยน บินมาพร้อมกันทั้งเหยี่ยวตัวผู้ ตัวเมีย และตัวเด็กๆ สู่ดินแดนที่ไม่รู้จัก ดำเนินเป็นจังหวะแห่งธรรมชาติเช่นนี้มั่นคงมานับร้อยนับพันชั่วรุ่น สืบสานเผ่าพงษ์เหยี่ยวให้อยู่คู่โลกต่อไป

7

9

 ก่อนไปดูเหยี่ยวอพยพในช่วงเวลาดังกล่าว เราลองมาทำความรู้จักกับนกชนิดนี้กันนิดหน่อยก่อนดีกว่า “เหยี่ยว” (ในภาษาอังกฤษใช้หลายคำด้วยกัน เช่น Falcon, Hawk, Kite, Kestrel แล้วแต่ขนาดและลักษณะ) พวกมันเป็นนกนักล่าที่ปราดเปรียวที่สุดบนฟากฟ้า ธรรมชาติได้มอบเครื่องมือสำหรับการล่าไว้ให้พวกมันครบ ทั้งสายตาที่มองได้กว้างไกล ขนาดไกลเป็นกิโลเมตรยังเห็นได้! แถมยังมีกรงเล็บแหลมคมไว้จับเหยื่อ นอกจากนี้ยังมีจงอยปากงองุ้มใช้จิก คาบ และฉีกเหยื่อได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งยังมีเรียวปีกแผ่กว้าง บินได้ไกล บินได้สูง บินแบบฉลัดเฉวียนราวนักกายกรรมก็ได้ และสุดท้ายคือมีกรงเล็บอันทรงพลัง ใช้จับเหยื่อได้มั่นคง ไม่มีโอกาสหนีรอดเลย! นี่ล่ะครับนักล่าที่ชื่อเหยี่ยว ซึ่งในเมืองไทยของเรามีอยู่เกือบ 60 ชนิดเลยทีเดียว ทั้งเหยี่ยวขนาดใหญ่และเหยี่ยวขนาดเล็ก ลืมบอกไปว่าอาหารโปรดของพวกมันคือหนู งู กิ้งก่า และนกขนาดเล็ก เรียกว่าเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ช่วยควบคุมประชากรสัตว์เล็กให้สมดุล ถ้าวันใดเหยี่ยวลดจำนวนหรือหมดไป ก็จะเกิดผลกระทบทางธรรมชาติเป็นลูกโซ่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

8

ปกติในเมืองไทยเรามีเหยี่ยวที่อยู่ประจำถิ่นตลอดปีหลายชนิดด้วยกัน พบเห็นได้ไม่ยากอย่างเหยี่ยวแดง, เหยี่ยวรุ้ง นกออก เหยี่ยวนกเขาหงอน เหยี่ยวนกเขาชิครา เหยี่ยวผึ้ง เหยี่ยวนกกระจอกเล็ก และเหยี่ยวปีกแดง เป็นต้น เหยี่ยวบางพวกชอบอยู่โดดเดี่ยว ออกล่าตัวเดียว แต่บางพวกก็ชอบรวมฝูงเป็นร้อยตัว นักดูนกบอกว่าการจำแนกชนิดเหยี่ยวถือว่ายาก (ถ้าไม่ชำนาญจริง) เพราะลวดลายสีสันบนตัวพวกมันคล้ายๆ กัน ต้องอาศัยประสบการณ์จดจำนานหลายปี อีกทั้งต้องมีอุปกรณ์พวกกล้องส่องทางไกลคุณภาพดีช่วยอีกแรงหนึ่ง ส่วนเครื่องแต่งกายก็ควรเป็นสีพราง อย่างสีเขียวเข้ม น้ำตาล หรือเทาเข้มๆ ให้ตัวเรากลืนไปกับธรรมชาติ

12

การเริ่มต้นดูเหยี่ยวทั้งประจำถิ่นและอพยพ อย่างแรกคงต้องทำการบ้านสักนิดว่าพวกมันอยู่ที่ไหน? จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดในเดือนอะไร? ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะในการเฝ้าดูคือตอนเช้าและสาย ประมาณ 08.00-10.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แดดยังไม่ร้อนจัด เหยี่ยวจะบินค่อนข้างต่ำ ไม่ห่างพื้นมาก แต่พอเร่ิมใกล้เที่ยงไปถึงบ่ายแก่ๆ ราวๆ 11.00-16.00 น. แดดที่ร้อนจัดจะทำให้เกิดมวลอากาศร้อนลอยตัวขึ้นสูง ลักษณะเป็นวงกลม เหยี่ยวจึงใช้มวลอากาศนี้ช่วยประหยัดแรงไม่ต้องกระพือปีกมาก ลอยตัวขึ้นพร้อมอากาศร้อน บางครั้งในระดับสูงลิบหลายกิโลเมตรจากพื้นดิน การเฝ้าสังเกตพวกมันจึงทำได้ยาก ยกเว้นช่วงฤดูอพยพผ่าน ที่จะมาพร้อมกันนับพันๆ ตัว และมักบินผ่านยอดเขาต่างๆ ให้เห็นแบบไม่อายกันเลยครับ

13

 บนเขาเรดาห์ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อันเป็นเขตรอยต่อกับจังหวัดชุมพร ผมและเพื่อนๆ ขับรถขนอุปกรณ์ถ่ายภาพนกขึ้นไปดักรอเก็บภาพฝูงเหยี่ยวอพยพครั้งยิ่งใหญ่ ทว่าโชคร้าย วันแรกที่ไปถึงฝนถล่มหนักราวพายุ ทำให้เราต้องถอนทัพลงมาตั้งหลักใหม่ วันที่สองฟ้าเร่ิมเป็นใจ พวกเราจึงได้ทีรีบขึ้นไปเฝ้ารอพวกมันแต่เช้า นอกจากพวกเรายังมีกลุ่มชาวบ้าน นักดูนกมืออาชีพ มือสมัครเล่น นักท่องเที่ยว และนักเรียนนักศึกษาอีกเป็นร้อยคน บางคนมีแค่กล้องอันเล็กๆ ผิดกับบางคน (รวมทั้งพวกเรา) ที่มีกล้องและเลนส์อันยาวเท่าแขนไว้เก็บภาพนกโดยเฉพาะ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำในการมองเห็นอย่างชัดเจน ไม่นานนักเหยี่ยวฝูงแล้วฝูงเล่าก็ปรากฏตัวออกจากกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า โดยใช้มวลอากาศร้อนพาพวกมันโผผินไป กลุ่มละเป็นร้อยๆตัว ทว่าพวกมันบินสูงอยู่เหนือยอดเขาเรดาห์ขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายกิโลเมตร ภาพที่ได้จึงเล็กจิ๋ว

14

10

15

11

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป พวกผมเปลี่ยนโลเกชั่นดูนกเหยี่ยวไปยังเขาดินสอในจังหวัดชุมพร ซึ่งจุดนี้มีความยากลำบากกว่าเขาเรดาห์ที่ประจวบฯ เพราะรถขึ้นไม่ถึงยอด เราจำเป็นต้องพาตัวเอง แบกอุปกรณ์ถ่ายภาพหนักอึ้งนับสิบกิโลกรัมเดินขึ้นเขาไปเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ยอมรับว่าเหนื่อย หนัก แต่ก็มีความสุข เพราะนี่คือชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเราเลือกแล้ว และโชคดีที่เพื่อนๆ ใจดีช่วยแบกอุปกรณ์ให้ด้วย บนยอดเขาเราพบนักดูนกหลายสิบคน บ้างมาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และแถบยุโรป ได้พบเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และแล้วธรรมชาติก็ให้รางวัลแก่เรา มีเหยี่ยวนับร้อยตัวบินโฉบผ่านไปในระยะที่สามารถเก็บภาพได้ไม่ยาก ภาพยุงที่เคยเห็นที่เขาเรดาห์ในจังหวัดประจวบฯ บัดนี้ปรากฏเด่นชัดในช่องมองภาพของกล้องและเลนส์ คือภาพเหยี่ยวอพยพแผ่ปีกร่อนลมแสนสง่างาม บางตัวบินฉวัดเฉวียนอย่างเสรี เริงร่า บ้างก็มีการเกี้ยวพาราศรี และบ้างก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ต่างจากสังคมมนุษย์เลยสักนิดเดียว

4

5

6

ธรรมชาติสอนให้เรารู้จักรอคอยจังหวะอันเหมาะเจาะ รอคอยด้วยความเข้าใจและอดทน เพื่อให้ได้พานพบสิ่งที่ดีที่สุด ณ สถานที่และห้วงเวลาอันดีที่สุด ตราบใดที่เราไม่ละความพยายาม ตราบนั้นรางวัลชีวิตคงอยู่ไม่ไกล จงอย่ายอมแพ้เหมือนเหยี่ยวเหล่านี้ จงสู้ และบินฝ่าระยะทางยาวไกลแห่งชีวิต มิฉะนั้นคุณก็จะเป็นผู้แพ้ และไม่มีสิทธิ์ได้โผบินอีกเลย!

3

1841

ขอขอบคุณ บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. สนับสนุนเลน์ 500 มิลลิเมตร f4 Nan0 สุดยอดเลนส์ระดับมืออาชีพ เพื่อการบันทึกภาพนกโดยเฉพาะ

สนใจติดต่อ โทร. 0-2633-5100 / แฟ็กซ์ 0-2633-5191 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

Bird Watching Guide :

เขาดินสอ จังหวัดชุมพร จากตัวเมืองชุมพร-อำเภอปะทิว ใช้ทางหลวงหมายเลข 3180 ประมาณ 20 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านสะพลีถึงสี่แยกต้นมะขาม เลี้ยวขวาไปผ่านอ่าวบางสน แล้วจะมีซอยแยกซ้ายขึ้นเขาดินสอได้เลย สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานชุมพร-ระนอง โทร. 0-7750-1831-2 , 0-7750-2775-6

เขาเรดาห์ ตำบลบ้านไชยราช อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วงรอยต่อประจวบฯ-ชุมพร ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ก่อนถึงศูนย์บริการทางหลวงเขาโพธิ์ จะเห็นซอยเลี้ยวซ้ายเข้าเขาเรดาห์ สนใจติดต่อ อบต. ไชยราช โทร. 0-3269-4619 และ ททท. ประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0-3251-3885, 0-3251-3871, 0-3251-3854

ครั้งหนึ่งในชีวิต ล่องเรือใบอ่าวพังงา!

2

3

10

5

6

7

8

9

4

11

12

13

14

15

16

 

Traveler’s Guide

When to go : เที่ยวได้ตลอดปี แต่ฟ้าปลอดโปร่ง คลื่นลมสงบที่สุด ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

How to go : จากกรุงเทพฯ บินตรงสู่ภูเก็ตได้ทุกวัน จากนั้นเดินทางด้วยรถยนต์สู่ท่าเรือ Yacht Haven Marina แหลมพร้าว ลงเรือ June Bahtra ล่องอ่าวพังงา รับผู้โดยสารได้เที่ยวละไม่เกิน 10 คน แพ็กเกจ One Day Trip เริ่มเวลา 07.00-18.00 น. พื้นที่อ่าวพังงา, เกาะปันหยี, เขาตาปู, เขาพิงกัน, เกาะห้อง, เกาะพนัก, ถ้ำลอด

Where to stay : ที่ภูเก็ต แนะนำ The Village Resort & Spa หาดกะรน โทร. 0-7639-8200-5 www.thevillageresortandspa.com ที่พักหรูห้าดาว อาหารอร่อย สปาเยี่ยม มีสระว่ายน้ำอยู่หน้าห้องเลยล่ะ

What to eat : แนะนำ ร้านวันจันทร์ ถนนเทพกระษัตรี อำเภอเมืองภูเก็ต โทร. 0-7635-5909, 08-8659-5636 เมนูเด็ด แกงส้มปลากะบอกยอดมะพร้าวอ่อน, น้ำพริกกุ้งเสียบ, หมูฮ้อง, แกงปูใบชะพลู, ผักเหมียงผัดไข่กุ้งเสียบ, สะตอผัดกะปิกุ้ง, กุ้งผัดซอสมะขาม, ก้ามปูผัดมะนาว และคอหมูย่างคั่วพริกเกลือ

Souvenirs : ล่องเรืออ่าวพังงาทริปนี้มีของฝากหลายอย่าง ทั้งไข่มุกแท้, น้ำพริกกุ้งเสียบ, กะปิ, ผ้าบาติก ฯลฯ

More info : โทร. 08-3540-9529, 08-8809-7047, 08-1496-4516 เว็บไซต์ www.asian-oasis.com

ผจญภัยโลกใต้น้ำ เกาะจันทร์ ระยอง

จำได้ว่าสมัยเป็นนักศึกษาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่แถวชายทะเลชลบุรี ช่วงปิดเทอมใหญ่ ผมกับเพื่อนๆ ชอบไปเที่ยวทะเลระยองกัน เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เกาะยอดฮิตของพวกวัยรุ่นงบน้อยอย่างเราก็คือ “เกาะเสม็ด” แห่งทะเลระยองนี่ล่ะครับ เพราะว่าสมัยนั้นเสม็ดเป็นเกาะที่ยังเงียบสงบ สวยงาม มีสภาพธรรมชาติ ทั้งบนบกและในทะเลรอบๆ งดงามอุดมสมบูรณ์มาก และยิ่งถ้าย้อนไปเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เราคงเคยได้ยินตำนานฤาษีเกาะเสม็ด ซึ่งในภาพยนตร์ตลกเรื่องกลิ่นสีและกาวแป้งเคยนำมาทำหนังด้วยซ้ำ! ขอบอกว่าฤาษีตนนี้มีตัวตนอยู่จริงซะด้วย เพราะเป็นพ่อของเพื่อนผมเอง! เสม็ดในยุคหนึ่งจึงเป็นเสมือน “เกาะใกล้กรุง” ที่คนงบน้อยและคนทุกเพศทุกวัยสามารถเดินทางไปพักผ่อนได้ แม้มีเวลาไม่มาก

_BRU3439

_BRU3464

_BRU3482

ได้ไปเที่ยวเสม็ดอีกครั้ง แต่คราวนี้เน้นไปที่โลกใต้ทะเลมากกว่าบนบกครับ จากท่าเรือบ้านเพเราขนอุปกรณ์ดำน้ำมากมายใส่เรือโดยสารสองชั้น แล่นอย่างเชื่องช้ามุ่งหน้าสู่เกาะใหญ่ที่ทอดตัวอยู่นิ่งสงบอยู่เบื้องหน้า เรือค่อยๆ วิ่งเลาะไปทางด้านฝั่งตะวันตกของเกาะเสม็ด ผ่านอ่าวพร้าวลงไปจนสุดปลายเกาะ แล้วเลยไปจนถึงเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งที่ตั้งอยู่เคียงคู่กับเกาะสันฉลาม สายลมเย็นๆ และกลิ่นอายทะเลพัดพรูเข้ามาบนดาดฟ้าเปิดโล่งชั้นสอง ทำให้เรารู้สึกสดชื่น บัดนี้เรามาถึงแล้ว เกาะจันทร์หนึ่งเกาะสำคัญอันเป็นแหล่งดำน้ำลึก (SCUBA) ยอดฮิตของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด คนเรือบอกว่าเกาะจันทร์และเกาะสันฉลาม เป็นเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ จริงๆ มีลักษณะคล้ายกองหินโผล่พ้นน้ำมากกว่าเกาะซะอีก ในบางฤดูจะมีฝูงนกนางนวลมาทำรังวางไข่ ส่วนใต้น้ำมีปลาค่อนข้างชุกชุม โดยเฉพาะปลาอินทรีย์ที่จะแวะเวียนเข้ามาหากินเสมอ นักดำน้ำที่ไปสำรวจโลกใต้ทะเลฝั่งอันดามันกันมาจนปรุแล้ว และต้องการหาโลเกชั่นดำน้ำใหม่ทางอ่าวไทยบ้าง ก็ไม่ควรลืมชื่อเกาะจันทร์ไปอย่างเด็ดขาด

_BRU3493

_BRU3495

ก่อนจะโดดลงน้ำ Dive Leader ซึ่งเป็นหัวหน้าทัวร์ดำน้ำในครั้งนี้ ได้เรียกประชุมเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อสรุปลักษณะการดำน้ำให้ฟัง เพราะบริเวณเกาะจันทร์แม้มีปะการังสวย แต่กระแสน้ำค่อนข้างแรง ต้องให้ไต้ก๋งเรือซึ่งชำนาญพื้นที่หาจุดปล่อยตัวตรงบริเวณน้ำเชี่ยวน้อยสุด เพื่อนๆ หลายคนที่เป็นนักดำน้ำมืออาชีพและพกกล้องถ่ายภาพใต้น้ำตัวใหญ่มาด้วย ง่วนอยู่กับการประกอบกล้อง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดๆ ใต้น้ำขึ้นได้เด็ดขาด ส่วนคนอื่นๆ ก็ Re-Check อุปกรณ์ดำน้ำทุกชิ้นอีกครั้ง ตั้งแต่หน้ากาดำน้ำและท่อหายใจ (Mask) ถังดำน้ำบรรจุก๊าซออกซิเจนบริสุทธิ์ (Oxygen Tank) เสื้อชูชีพ (BCD) ชุดดำน้ำ (Wet Suit) ตีนกบ (Fins) รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ไฟฉายใต้น้ำ, มีด, ทุ่นลอย ฯลฯ

ฟังดูเหมือนว่ากีฬาดำน้ำลึกจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน แต่จริงๆ เมื่อเราสอบผ่านเบื้องต้นในระดับ Open Water และได้บัตรดำน้ำสากลไว้ประจำตัวจากสถาบัน PADI แล้ว เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ทุกอย่างมันก็จะง่ายไปเองครับ เราจะสามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว เหมือนเป็นอัตโนมัติ แต่ที่สำคัญคือเวลาไปดำน้ำต้องมีคู่บัดดี้หรือคู่หูด้วยทุกครั้งตามกฎสากลเพื่อความปลอดภัย มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทันท่วงที และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การอยู่ใต้น้ำต้องไม่ตื่นตกใจกลัวง่าย (Panic) ต้องพยายามตั้งสมาธิ รวมสติให้ได้เสมอ กีฬาดำน้ำจึงได้ประโยชน์มากกว่าความสนุกหรือท่องเที่ยว แต่ยังได้ฝึกกายฝึกจิตให้เข้มแข็งขึ้นด้วยครับ

_BRU3500

_BRU3507

วันนี้เป็นวันข้างแรม ฟ้าใส พอเรือจอดสนิทได้สัญญาณ นักดำน้ำก็ค่อยๆ ทยอยกันโดดลงน้ำทีละคน เสียงดังตูมน้ำแตกกระเซ็น แต่น้ำทะเลค่อนข้างขุ่นมีตะกอนมาก เราจึงต้องเกาะกลุ่มไว้กันหลงทาง   ไม่นานนักเราก็เริ่มปล่อยลมออกจากเสื้อชูชีพจนหมด ตะกั่วถ่วงเอวค่อยๆ ทำหน้าที่เพิ่มน้ำหนัก ทำให้ตัวเราจมลงสู่ห้วงลึกอย่างช้าๆ น้ำทะเลสีเขียวเริ่มอมสีฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับความลึกที่เพิ่มขึ้น เราได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเองผ่านท่อหายใจ และมีเพียงเสียงความเงียบรอบข้าง ผสานกับเสียงฟองอากาศขาวพุ่งลอยออกไปทุกครั้งที่หายใจ Dive Leader ให้สัญญาณชี้ทิศทางดำน้ำเลียบไปตามโขดหินใต้น้ำของเกาะจันทร์ ซึ่งมีลักษณะหลายแบบ ทั้งโขดหินปะการังใหญ่ พื้นทราย และบางจุดเป็นกำแพงหน้าผาหักชันลงไปในเหวลึก พวกเราเลือกดำน้ำไปในส่วนตื้นเลียบเกาะ ห่างออกจากฝั่งประมาณ 10 เมตร เพราะตรงนี้ไม่ลึกจนเกินไป กระแสน้ำไม่แรงนัก และมีโลกใต้ทะเลสวยๆ แอบซ่อนอยู่ให้ค้นหา

_MG_4048

สิ่งแรกที่เห็นคือพื้นทรายสีขาวอมน้ำตาล และตะกอนจำนวนมากมายมหาศาลที่ล่องลอยอยู่ในน้ำ รวมถึงหอยเม่นสีดำตัวเขื่องที่เกาะอยู่ตามโขดหิน ภาวะน้ำทะเลร้อนอันเกิดจากภาวะโลกร้อน ได้ทำให้ปะการังแข็งส่วนใหญ่ที่เกาะจันทร์ตายไปเกือบหมด! ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันผมเชื่อว่าเป็นระยะฟื้นตัว สิ่งมีชีวิตน่าสนใจที่เราพบในวันนี้มีไม่น้อย อาทิ ม้าน้ำจิ๋วตัวสีน้ำตาลกลืนไปกับสีปะการังและสีทรายที่มันอยู่ ถ้าไม่สังเกตให้ดีคงไม่เห็น เชื่อหรือไม่ว่าแม้ว่าม้าน้ำจะมีรูปร่างไม่เหมือนปลาเลยก็ตาม แต่มันก็ถูกจัดอันดับไว้ในวงศ์วานเดียวกับพวกปลากระดูกแข็ง โดยมีกระดูกหรือเปลือกแข็งห่อหุ้มลำตัว แทนเกล็ด หลายคนสงสัยว่าม้าน้ำเคลื่อนที่ได้อย่างไร? คือมันมีครีบหลังและครีบท้องอันเล็กๆ ครับ ใช้โบกสะบัดถี่ๆ ในการเคลื่อนตัวขึ้นลงหรือไปข้างหน้าได้อย่างช้าๆ ปกติม้าน้ำเป็นสัตว์อาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง ตัวผู้เป็นฝ่ายเลี้ยงลูกแทนตัวเมีย คือในช่วงผสมพันธุ์ตัวเมียจะฉีดไข่ลงในถุงหน้าท้องตัวผู้ จากนั้นตัวผู้ก็จะฉีดน้ำเชื้อออกมาผสมกันภายใน แล้วฟักไข่อยู่นานราว 2 สัปดาห์ จึงได้ลูกม้าน้ำตัวจิ๋วออกมา

_MG_4133

ในวันนั้นเรายังได้พบฟองน้ำครกสีแดง ทากทะเลสีขาว ดงหอยเม่น หอยมือเสือ และดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูน ซึ่งอาศัยพึ่งพิงกันได้อย่างกลมกลืนน่ารัก ปลาการ์ตูนที่เราพบเป็นชนิด “ปลาการ์ตูนอินเดียนแดงสีชมพู” (Pink Skunk Clownfish) ที่มีลักษณะเด่นคือตัวยาวประมาณ 10 เซนติเมตร สีชมพูอมส้มอ่อนๆ และมีลายเส้นสีขาว พาดจากหน้าผากผ่านหัว สันหลัง ไปถึงโคนปลายหาง และอีกจุดคือมีเส้นสีขาว 1 เส้น พาดอยู่ข้างแก้ม เห็นชัดเจนครับ เจ้านี่เป็นปลาสวยงามที่คนนิยมเลี้ยงกัน แต่ก็ยังไม่ฮิตเท่าปลาการ์ตูนส้มขาวหรือนีโม่ แต่โดยส่วนตัวผม คิดว่าการได้ดำน้ำลงมาเห็นปลาการ์ตูนในสภาพธรรมชาติ ว่ายน้ำหากินปกป้องถิ่นอาศัยเล็กๆ ในกอดอกไม้ทะเลของมันนี้ คือช่วงเวลาพิเศษของชีวิตที่ผมจะไม่ลืมเลือนตลอดไป นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเกาะจันทร์และท้องทะเลตะวันออก ยังมีสิ่งมีช่วิตที่สวยงามอาศัยอยู่มากมาย เรามนุษย์ซึ่งมักเรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐผู้เจริญแล้ว จึงมีหน้าที่ปกป้องสิ่งมีชีวิตอันแสนบอบบางในระบบนิเวศนี้ ให้คงอยู่ตลอดไป เพื่อความสมดุลของธรรมชาติ

_MG_4105

_MG_4106

DSCN5699

_BRU3596

DSCN5739

เราขึ้นจากน้ำด้วยความปลอดภัยทุกคนพร้อมความชื่นมื่น ทริปนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีเรื่องเล่า มีประสบการณ์ดีๆ พกกลับบ้านไปเล่ากันเพียบ นี่ล่ะครับ เสน่ห์ของเกาะจันทร์แห่งท้องทะเลระยอง

_BRU3663

DSCN5759

_BRU3716

DSCN5793

Traveler’s Guide

Best season : ดำน้ำได้ดี คลื่นลมสงบ น้ำใสสุด ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

How to go : ลงเรือโดยสารหรือเรือสปีตโบ๊ทจากท่าเรือบ้านเพ ฝั่งจังหวัดระยอง ใช้เวลา 40 นาที จนถึงเกาะเสม็ด เกาะจันทร์อยู่ใกล้หินสันฉลาม ทางปลายด้านใต้สุดของเกาะเสม็ด เหมาะสำหรับการดำน้ำลึก ผู้ที่จะไปดำน้ำต้องมีบัตร PADI และมีประสบการณ์ดำน้ำเบื้องต้นมาพอสมควร น้ำบริเวณนี้ลึก 4-6 เมตร กระแสน้ำค่อนข้างแรง ควรสอบถามจากคนเรือก่อนลงดำน้ำทุกครั้ง

Where to stay : แนะนำ Lima Coco อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด โทร. 08-9814-9843, 08-9105-7080 www.limasamed.com

What to eat : แนะนำสุดยอดร้านอาหารทะเลระยอง แหลมเจริญซีฟู้ด ปากน้ำระยอง โทร. 0-3894-0094 http://laemcharoenseafood.com ต้องไม่พลาดชิมปลากะพงทอดราดน้ำปลา เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้

SCUBA Tour : บริษัททัวร์ที่จัดแพ็กเกจดำน้ำในเขตทะเลระยอง เกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะมันกลาง เกาะมันนอก ติดต่อ The Toy Tour โทร. 0-3863-9099 / Follow Me Tour โทร. 0-3864-7374 / Villa Bali โทร. 0-3863-8080 / เรือโชคหิรัญนาวี โทร. 08-1578-6082

More info : ททท. สำนักงานจังหวัดระยอง โทร. 0-3865-5420-1, 0-3866-4585

เที่ยวสานสายใยสองแผ่นดิน นครพนม-คำม่วน ลาว

2

เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 (พฤศจิกายน) ค.ศ. 2011 เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที คือวันหนึ่งที่คนไทยต้องจดจำ เพราะเป็นวันสำคัญยิ่งที่ “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3” จะเปิดอย่างเป็นทางการ เชื่อมโยงผู้คน วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ของไทย-ลาว-เวียดนาม-จีน เข้าด้วยกัน จังหวัดที่ดูเหมือนจะเงียบๆ อย่างนครพนมจึงกลายเป็น HUB หรือเมืองหน้าด่านสำคัญขึ้นมาทันที  และเมื่อโฟกัสจุดสนใจลงไปที่ “การท่องเที่ยว” แล้ว ก็นับว่าสดใสมากๆ คนจากทั้ง 4 ประเทศ จะได้ไปมาหาสู่กันอย่างสะดวกโยธิน เช่นเดียวกับสินค้าไทยที่คนลาว เวียดนาม จีน ชื่นชอบในคุณภาพ ก็จะส่งออกได้เพิ่มขึ้นทวีคูณ ส่วนอาหารทะเลสดๆ จากชายทะเลเวียดนามกลาง ก็จะส่งตรงสู่นครพนมทุกวัน

10

สมัยโบราณตัวเมืองนครพนมเดิมตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงของไทย-ลาว ชื่อ “อาณาจักรศรีโคตรบูร” กระทั่งเจ้าเมืองคนสุดท้ายย้ายเมืองกลับไปฝั่งลาวทั้งหมด ต่อมาถึงยุคฝรั่งเศสบุกยึดนครพนมเป็นอาณานิคม จึงวางผังเมืองอันสวยงาม และสร้างตึกทรงโคโลเนียลไว้ให้ชมกันจนทุกวันนี้ พร้อมกับมีชาวเวียดนามที่นับถือคริสตศาสนาย้ายเข้ามาด้วย กระทั่งถึงยุคสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันใช้นครพนมเป็นฐานทัพ และใช้ย่านชุมชนริมน้ำโขงเป็นที่พักผ่อน มีร้านนั่งดื่มสไตล์อเมริกันเพียบ เมื่อสงครามเวียดนามสงบนครพนมจึงค่อยๆ พัฒนาจนมีหน้าตาเฉกเช่นปัจจุบัน จึงสรุปได้ชัดเจนว่า นครพนมมีความเป็น “เมืองหน้าด่านสำคัญ” มาทุกยุคสมัยไม่เคยเปลี่ยน

3

ริมโขงนครพนมในยามฤดูแล้งช่างสวยงามเหมือนสวรรค์สรรค์สร้าง น้ำโขงลดระดับ เผยให้เห็นเนินทราย และริ้วทรายสวยงาม เรียกว่า หาดทรายทองศรีโคตรบูร

9

วัดนักบุญอันนาหนองแสง เป็นโบสถ์คริสต์ขนาดใหญ่ริมโขงในเมืองนครพนม ที่นี่เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยคริสต์ในแถบนี้ล่ะครับ ซึ่งส่วนหนึ่งมีเชื้อสายญวน หรือเวียดนาม นั่นเอง

11

 แม้ว่ามุกปีนครพนมจะมีประเพณีไหลเรือไฟใหญ่ อันยิ่งใหญ่อลังการ แต่เขาก็ยังอนุรักษ์การไหลเรือไฟโบราณลำเล็กๆ น่ารัก เพื่อสะเดาะเคราะห์ และขอขมาลาโทษพระแม่คงคาในลำน้ำโขง

12

งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ยิ่งใหญ่อลังการ ปลุกท้องน้ำโขงยามราตรีให้สว่างไสว มีชีวิตชีวา โดยเขาจะจัดกันในช่วงวันออกพรรษา (เดือนตุลาคม) นั่นเอง

13

สาวหนุ่มชาวผู้ไทนครพนม แข่งกันดูดอุ สานสัมพันธ์ให้แนบแน่น

4

เมืองเก่านครพนม ตั้งเรียงรายอยู่ริมโขง ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงเป็นร้านน่านั่งบรรยากาศชิลสุดๆ

5

หอนาฬิกาในเมืองเก่านครพนม วันเสาร์ อาทิตย์ จะปิดเป็นถนนคนเดินน่ารักๆ

6

ตลาดยามค่ำที่เมืองนครพนม เต็มไปด้วยจังหวะแห่งชีวิตและสีสันพรรณไม้ไหว้พระ

7

พระธาตุนคร ตั้งอยู่ริมโขงหน้าเมืองนครพนมในวัดมหาธาตุ เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันเสาร์

8

นครพนมเป็นเพียงจังหวัดเดียวในเมืองไทย ที่มีพระธาตุประจำคนเกิดครบ 7 วัน จึงสามรถเช่ารถสามล้อสกายแลป ให้วิ่งพาไปสักการะได้ทั่วถึง

14

สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน

15

นั่งเรือข้ามโขง จากนครพนมไปคำม่วน เชื่อมความสัมพันธ์สองแผ่นดิน

16

ถ้ามีเวลาค้างคืนในแขวงคำม่วน ขอแนะนำให้ตื่นแต่เช้า ไปรอใส่บาตรข้าวเหนียว สัมผัสวิถีอันเรียบง่าย งดงาม และเนิบช้าของเมืองที่ยังบริสุทธิ์แห่งนี้

17

แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ห้ามพลาดในเมืองท่าแขกคือ “พระธาตุศรีโคตรบอง” (คนไทยเรียก พระธาตุศรีโคตรบูร) พระธาตุองค์สำคัญที่สุดของแขวงนี้ สันนิษฐานว่าสร้างสมัยเดียวกับพระธาตุอิงฮัง แขวงสะหวันนะเขตของลาว พระธาตุศรีโคตรบองมีความงดงามมาก ส่วนฐานสีขาว ส่วนปลียอดสีทองอร่าม ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระกะกุสันโท พระโกนาคะมะโน พระกัดสะโบ และพระโคตะโม การสักการะที่ถูกต้อง ควรซื้อดอกไม้ธูปเทียนและหมากเบง (พุ่มบายศรี) ที่แม่ค้าลาวนำมาขาย แล้วนำขึ้นไปสักการะองค์พระธาตุ โดยต้องแต่งกายให้สุภาพ ห้ามนุ่งกางเกงขาสั้น ผู้ชายยังพออนุโลม แต่สุภาพสตรีที่นุ่งสั้นมา จำเป็นต้องเช่าผ้าถุงของทางวัดนุ่งให้เรียบร้อยก่อน

19

ร้านอาหารส่วนใหญ่เมืองท่าแขก พอกินเสร็จแล้ว สาวเสิร์ฟจะเริ่มเปลี่ยนหน้าที่มาเต้นบาสโลบ แล้วก็จะชวนเราเข้าไปร่วมวงด้วย

20

ตลาดในเมืองท่แขกแขวงคำม่วน มีสินค้าให้ช้อปปิ้งเพียบ โดยเฉพาะซิ่นของแม่หญิงลาวหลากสีหลายลาย ละลานตา!

21

ถนนหนทางในเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ร่มรื่นมาก ยิ่งถ้าเป็นฤดูฝนด้วยยิ่งเขีนวสดชื่นสุดๆ

22

“กำแพงยักษ์” (The Great Wall) แหล่งท่องเที่ยวใหม่ Unseen เมืองลาว ที่ใครเห็นก็ต้องตะลึง กับกำแพงหินยักษ์ยาว 15 กิโลเมตร สูงกว่า 5-6 เมตร สร้างด้วยหินล้วนๆ บางก้อนใหญ่เท่ารถสิบล้อทั้งคัน! สร้างขึ้นสมัยอาณาจักรศรีโคตรบองราวๆ พุทธศตวรรษที่ 9 ปัจจุบันตั้งอยู่กลางป่ารกลึกลับมาก

23

ถ้ำนางแอ่น เป็นถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งจนติดอันดับในเอเชีย ยิ่งเดินลึกเข้าไปในถ้ำก็ยิ่งตื่นตา เพราะแต่ละโถงแต่ละห้องหับช่างใหญ่โตอลังการซะจริงๆ

Traveler’s Guide

How to go : เส้นทางนครพนม สะพานมิตรภาพไทย ลาว 3 – เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน (ลาว) สามารถใช้ได้ทั้งรถเก๋ง รถตู้ และรถบัส เพราะถนนหนทางสะดวกแล้ว

Where to stay : ไทย แนะนำ โรงแรมนครพนมริเวอร์วิว โทร. 0-4252-2333-40 และ iHotel โทร. 08-6450-9693, 0-4254-3355 ลาว (เมืองท่าแขก) Hotel Riveria โทร. 008-856-51250000

More info : ททท. จังหวัดนครพนม-สกลนคร-มุกดาหาร โทร. 0-4251-3490, คุณธารินทร์ พันธุมัย ผู้เชี่ยวชาญการท่องเที่ยว จ.นครพนม โทร. 08-1380-4673, ล่องเรือลำโขงนครพนม โทร. 08-6230-5560

น่าน เมืองเนิบช้าแห่งล้านนาตะวันออก (ตอน 1)

ภาพกระซิบรักบันลือโลก หรือภาพปู่ม่านย่าม่าน แห่งวัดภูมินทร์ พุทธศิลป์งามล้ำขั้นเอกอุ สะท้อนวิถีชีวิตของชาวไทลื้อในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน
1

วัดพระธาตุแช่แห้ง หนึ่งในโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองน่าน เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีกระต่าย (ปีเถาะ) ผิวพระธาตุด้านนอกบุด้วยทองคำจังโกสีทองสุกปลั่ง เหลืองอร่าม

2

พระประธานในโบสถ์ใหญ่วัดพระธาตุแช่แห้ง

3

โบสถ์วัดภูมินทร์ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทลื้อ โดยมีหลังคาซ้อนลดหลั่นกันลงมา 3 ชั้น เรียกว่าวิหารซด ลักษณะของวิหารเตี้ย ไม่สูงใหญ่มากนัก และมีทางเข้าออกทั้งสี่ทิศ

4

พระประธานในโบสถ์วัดภูมินทร์ หนึ่งในพุทธศิลป์งามล้ำ เป็น Unseen Thailand เพราะมีพระประธาน 4 องค์ หันหน้าไปสี่ทิศ สะท้อนคติความเชื่อล้านนาเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ซึ่งได้มาอุบัติขึ้นแล้วในภัทรกัปนี้

6

นาคที่ราวบันไดทางขึ้นโบสถ์วัดภูมินทร์ ว่ากันว่าเป็นต้นแบบของนาคทั้งปวงของล้านนา สองตัวนี้เป็นนาคตัวผู้และตัวเมีย

7

วัดช้างค้ำ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองน่าน ตรงข้ามวัดภูมินทร์และข่วงเมืองนั่นเอง

8

พระประธานในโบสถ์วัดหนองบัว สร้างด้วยศิลปะไทลื้อแท้ๆ งดงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันละเอียดประณีต

9

ศาลหลักเมืองน่าน อยู่ที่วัดมิ่งเมือง งามโดดเด่นด้วยศิลปะปูนปั้นร่วมสมัยอันวิจิตรพิสดาร

10

วัดพระธาตุเขาน้อย มีจุดชมวิวตัวเมืองน่านจากมุมสูง เช้าเย็นสวยงามมาก

11

งามช้างดำ โบราณวัตถุล้ำค่าคู่เมืองน่าน เป็นงาช้างดำเพียงกิ่งเดียวของไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน

12

ภาพเก่าของเมืองน่าน ในคุ้มเจ้าราชบุตร วังเก่าที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้

13

เรือนแบบไทลื้อขนานแท้ ปัจจุบันยังหาชมได้ในแถบวัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา

14

น่านเป็นเมืองเนิบช้า Slow Town ที่ผู้คนยังคงยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ทุกเช้าจะมีการตักบาตรในตลาดเช้าและตัวเมือง ช่วยกันสืบสานอายุพระพุทธศาสนา

15

16

วงสะล้อซอซึงของพ่ออุ้ยที่อำเภอท่าวังผา ฟังแล้วช่างเข้ากับบรรยากาศของเมืองสงบเงียบ แสนน่ารักอย่างน่าน ซะเหลือเกิน

21

รำตัวอ่อน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองน่าน เห็นท่านี้แล้วอย่าลองทำล่ะ เพราะจะมีก็แต่เด็กๆ กับคนที่ฝึกฝนประจำเท่านั้นจึงจะร่ายรำแบบนี้ได้

17

สาวงามเมืองน่านในงานต้อนรับนักท่องเที่ยว

18

ลองมาชิมขันโตกเมืองน่าน รับลองลำแต้ๆ เจ้า

19

20

ศูนย์ OTOP เมืองน่าน มีสินค้าให้เลือกเพียบ โดยเฉพาะงานฝีมือ ผ้าทอ ผ้าชาวเขา และเรือแข่งจำลอง

23

ผาวิ่งชู้ หรือผาชู้ ในยามเช้าอันหนาวเย็น เป็นจุดชมวิวและชมทะเลหมอกยอดฮิต

24

22

เสาดินนาน้อย (มีลักษณะคล้ายกับแพะเมืองผี จ.แพร่ และละลุ จ.สระแก้ว) เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ จนมีรูปร่างแปลกตา ได้ฉายาว่า Canyon เมืองไทย หรือ Grand Canyon แห่งล้านนา

25

ป่าปาล์มยักษ์ที่ดอยภูคา เป็นปาล์มหายากใกล้สูญพันธุ์ของโลก เคยพบเช่นกันในแถบจีนตอนใต้ แต่ที่นั่นสูญพันธุ์ไปแล้ว ของดอยภูคาจึงเหลือเป็นแหล่งสุดท้ายในธรรมชาติ ปัจจุบันเราสามารถเพาะพันธุ์เพิ่มเติมได้แล้ว

26

 เมเปิลภูคา เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นที่พบเพียงแห่งเดียวที่นี่ จะผลัดใบเป็นสีแดงในต้นฤดูหนาวอย่างสวยสดงดงาม

27

ลานดูดาว เป็นหนึ่งลานกางเต็นท์บนดอยภูคา ช่วงหน้าหนาวจะมีหมอกโรยตัวลงปกคลุมเช่นนี้
28

นาขั้นบันไดแถบอำเภอบ่อเกลือ งามด้วยผืนพรมสีเขียวของต้นข้าวที่เพิ่งแตกกอใหม่ๆ ส่วนมากเป็นข้าวไร่ หรือข้าวดอย ที่ไม่ต้องใช้น้ำมาก