ถึงรสปักษ์ใต้แท้อร่อยล้ำ ร้านน้องโจ๊ก จ.กระบี่

_KBI0689

ร้านน้องโจ๊ก ฟังชื่ออาจจะดูเด็ก แต่ขอบอกว่ารสชาติไม่เด็ก เพราะปัจจุบันน้องโจ๊ก ได้เติบโตกลายเป็น “โกโจ๊ก” ที่แวดวงร้านอาหารในจังหวัดกระบี่รู้จักกันดี เพราะเขาขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติแบบปักษ์ใต้แท้ ไม่เน้นการปรุงมาก แต่เน้นที่วัตถุดิบสดใหม่ พร้อมด้วยการปรุงแบบรักษาเอกลักษณ์อาหารใต้ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งหน้าตาและรสชาติ รีบไปชิมกันเลยดีกว่า

_KBI0640

แกงส้มปลากะพง ราวท้อง ยอดมะพร้าว คัดมาเฉพาะส่วนท้องปลาอย่างเดียว เนื้อจึงนุ่มหวานมัน หาเมนูอื่นใดมาเทียบเทียมได้ยาก ฮาฮาฮา!

_KBI8412

แกงส้มไข่ปลาอ้อดิบ ขอบอกว่าไข่ปลาเนื้อแน่นสู้ปาก ไม่คาวสักนิด ส่วนอ้อดิบก็อวบอ้วน กรอบกรุบดีแท้

_KBI0647

 น้ำพริกกุ้งเสียบ เมนูนี้ไม่ต้องบรรยายมาก เพราะเป็น Signature ของอาหารจังหวัดกระบี่ ที่ทุก Restaurant ต้องมีประจำ จะสั่งกุ้งเสียบหรือกุ้งสดก็ “อร่อยอย่างแรง!”

_KBI0653

 กุ้งผัดสะตอกะปิ คัดมาเฉพาะสะตอเม็ดใหญ่ สด กรอบ ผัดไฟแรงแล้วนำขึ้น จึงยังคงความกรอบ รส กลิ่นปักษ์ใต้ขนานแท้ ร้านนี้เขาใช้กะปิอย่างดีมาผัด จึงหอมอร่อยมากๆ

_KBI0656

ปลาอินทรีย์ทอดซีอิ๊ว ชิ้นใหญ่มากๆ!!! แถมรสชาติยังหวาน เค็ม กำลังดี ทอดซีอิ๊วเข้าเนื้อครับ

_KBI0658

กรรเชียงปูนึ่ง สด หวาน อร่อย กินได้เต็มปากเต็มคำ!_KBI0668

 หอยชักตีนลวก จิ้มน้ำจิ้ม Seafood รสแซ่บ

_KBI8425

หอยแครงลวก เคยกินไหมหอยใหญ่เท่ามือ??? อันนี้เป็นหอยธรรมชาติครับ ไม่ใช่หอยเลี้ยงนะเจ้าข้า_KBI0672หมึกไข่ทอดกระเทียม เน้นกระเทียมกรอบกรุบ เข้ากันดีกับความหนุบของหมึก

_KBI0681

 ผักเหมียงผัดไข่ (หรือใบเหรียงผัดไข่) เมนูปักษ์ใต้แท้ๆ หรอยอย่างแรง!!!

_KBI8406

 ยำไข่แมงดาทะเล ยกมาทั้งตัว รสจัดจ้าน ไข่กรุบแตกในปาก!

_KBI8415

หมึกไข่นึ่งมะนาว หมึกซดสด! รสชาติจี๊ดจ๊าดจัดจ้านถึงใจ

_KBI8418

ปูนิ่มทอดกระเทียม อร่อยไม่แพ้ปูนิ่มระนองเลยสักนิด

_KBI8429

อิ่มจากของคาวแล้ว ก็ต้องปิดท้ายด้วยนี่เลยครับ ไอศกรีมรสทุเรียน กลิ่นและรสหวานหอมกำลังดีนะจะบอกให้

Eating Guide

Address : ร้านอาหารน้องโจ๊ก เลขที่ 50/3 หมู่ 7 ตำบลไสไทย อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ 81000

Opening Time : เปิดเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-21.00 น.

Contact : โทร. 0-7561-1639 แฟ็กซ์ 0-7562-0179

ชิม Seafood ร้านบ้านมะหญิง เขาขนาบน้ำ จ.กระบี่

2

 บ้านมะหญิง ร้านอาหารบนกระชังปลาในลำคลองกลางป่าชายเลนของแม่น้ำกระบี่ อยู่ใกล้เขาขนาบน้ำแค่ไม่กี่อึดใจ ได้ชื่อว่าโดดเด่นในเรื่องอาหารทะเลรสเลิศ สดสุดๆ และมีกลิ่นอายของรสชาติวันวาน ในสไตล์คุณแม่ คุณย่า คุณยาย ปรุงให้เราทาน พิถีพิถันคัดวัตถุดิบและเครื่องปรุงคุณภาพมาก ประทับใจจริงๆ ครับ

3

มื้อนี้ต้องเรียกว่าลาบปากจริงๆ นะจ๊ะ น้องตั๊ก
4

 แกงส้มปลากะพงอ้อดิบ เนื้อปลาสดหวาน อ้อดิบกรอบอร่อย น้ำแกงไม่เผ็ดเกินไป คนกรุงเทพฯ กินได้ โดยน้ำแกงยังคงความเผ็ดแบบปานกลาง และหอมกลิ่นขมิ้นแบบปักษ์ใต้ กินกับข้าวสวยร้อยๆ สุดยอด!

5ต้มตะไคร้หอยตลับ น้ำหวานเจี๊ยบ ซดร้อนๆ คล่องคอ ชื่นใจ เนื้อหอยก็สด ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย เพราะเป็นหอยตลับธรรมชาติที่ตัวใหญ่จนเรางง!!!

6

 ส้มตำปลาทอดแสนอร่อย

7

 ปูม้านึ่งตัวเบ้อเริ่ม จิ้มน้ำจิ้ม Seafood รสเด็ด

1

กุ้งลายเสือราดซอสมะขาม เนื้อแน่นแต่นุ่ม คัดมาเฉพาะกุ้งตัวใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ!8

9

 ให้อาหารปลาในกระชังหน้าร้านอาหารกันอย่างสนุกสนาน

10

อิ่มแล้วเริ่มมีแรง ชวนกันไปพายเรือคายัคล่องป่าชายเลน โดยทางร้านบ้านมะหญิงเขามีเรือให้ยืมด้วยจ้า

11

Eating Guide

Address : ร้านบ้านมะหญิง บ้านเกาะกลาง หมู่ 1 (ท่าหิน) อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่

Opening Time : เปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-17.00 น.

Contact : โทร. 08-1271-6102, 08-6690-1054 อี-เมล bdm1111222@hotmail.com

โรตีน้ำแกงรสเลิศ ร้านบางนรา จ.กระบี่

2

 ชอบมาก เพราะร้านนี้ไม่ได้มีแต่โรตีน้ำแกงแสนอร่อยให้ชิมเท่านั้น แต่ยังมีอาหารอิสลามอื่นๆ อีกหลายเมนู ทั้งข้าวยำ, ผัดหมี่กะทิ, ไก่ทอดเกลือ, ข้าวหมกไก่, แกงเนื้อแพะ ฯลฯ ชิมได้เลย อร่อยทุกอย่างจริงๆ นะ

3

 ยกมาแล้วจ้า โรตีน้ำแกง Signature ที่ใครมาก็ต้องชิมของร้านบางนรา

4

5

6

 อากาศเมืองกระบี่จะร้อนแค่ไหน แต่ก็ยังแพ้ความเย็นฉ่ำของชาชักเย็นแก้วนี้

7

ร้านบางนรา โปร่งโล่งสบาย สีสวยสดใสน่านั่ง แถมสะอาดสะอ้านมากๆ ด้วย8

Eating Guide

Address : ร้านบางนรา ถนนอุตรกิจ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ 81000 จากลานปูดำที่ริมแม่น้ำกระบี่ (ท่าเรือไปเขาขนาบน้ำ) เดินข้ามถนนมาแค่นิดเดียวก็ถึงร้านแล้ว

Opening Time : เปิดตั้งแต่ 06.00 น. จนถึงบ่ายๆ ก็หมดแล้ว

Contact : โทร. 08-1478-8486 เฟสบุ๊ค www.facebook.com/pages/โรตี-บางนรา-ณ-กระบี่

ขนมจีนน้ำยา-ไก่ทอดรสเด็ด ร้านโกจ้อย จ.กระบี่

_KBI8745

_KBI8725

_KBI8732

_KBI8739

_KBI8749

Eating Guide

Address : ร้านโกจ้อย ขนมจีนน้ำยา-ไก่ทอด เลขที่ 752/3 หมู่ 2 ตำบลเหนือคลอง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่

Opening Time : เปิดตั้งแต่ 06.00-13.00 น.

Contact : โทร. 0-7569-1145, 08-1894-1932

ดูสายหมอกหยอกล้อทุ่งกระเจียวบาน ป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ

T2

เมื่อสายฝนเย็นฉ่ำพร่างพรมลงบนทุ่งหญ้าบนเทือกเขาพังเหย แห่งอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ก็จะเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ธรรมชาติ ทุ่งดอกกระเจียวบานรับสายฝน นับแสนๆ ดอก แข่งกันอวดความงาม!T3

ในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต มีการจัดทำเป็นสะพานยกระดับเตี้ยๆ ให้นักท่องเที่ยวเดินชมทุ่งกระเจียว จะได้ไม่ลงไปเดินมั่ว เหยียบย่ำทุ่งกระเจียวจนเสียหาย

T4

 ดอกกระเจียว หรือบัวสวรรค์ เป็นพรรณไม้ในวงศ์ขิงข่าที่สวยงาม กลีบสีชมพูที่เห็นแท้จริงไม่ใช่ดอก แต่เป็นใบประดับ (ภาษาวิชาการพรรณไม้เรียกว่า Bract) ส่วนดอกจริงๆ เป็นดอกเล็กๆ สีขาวนั่นเอง กระเจียวในป่าหินงาม จะขึ้นอยู่คู่กับหญ้าเพ็กในป่าเต็งรังบนเขาพังเหย

T5

T6

 แอบสังเกตใกล้ๆ จะมีแมลงหลายชนิดแอบมาดูดกินน้ำหวานจากดอกกระเจียวด้วย น่ารักมากๆ

T7

T8

T9

 ดอกข่าลิงสีเหลือง เป็นพรรณไม้ในวงศ์ขิงข่าอีกชนิด ที่มักจะออกดอกในฤดูฝนเมื่อความชุ่มชื้นพอเพียง พบมากตามเส้นทางจากทุ่งกระเจียวไปสู่ผาสุดแผ่นดิน

T10

ผาสุดแผ่นดิน เป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหยในอำเภอเทพสถิต สูงประมาณ 846 เมตรจากน้ำทะเล ถือเป็นจุดแบ่งภาคกลางและภาคอีสานออกจากกัน

T11

นั่งชมสายหมอกขาวลอยฟุ้งขึ้นมาจากหุบเขาเบื้องล่าง สู่ผาสุดแผ่นดิน

T12

 มาทำซึ้งกันที่ผาสุดแผ่นดิน น่าอิจฉาจัง!

T19

 หินรูปถ้วยฟุตบอลโลก ในป่าหินงาม มองจากมุมนี้เหมือนมากๆ เลย

T13

อีกมึมหนึ่งของหินถ้วยฟุตบอลโลก กับเด็กๆ ที่เข้าไปเดินเที่ยวศึกษาธรรมชาติในป่าหินงาม

T14

T15

T16

T17

T18

 หินรูปจานเรด้าห์ในป่าหินงาม

T20

T21

 จากลานจอดรถ เวลาจะเข้าไปเที่ยวทุ่งกระเจียวและป่าหินงาม ต้องนั่งรถพ่วงของทางอุทยานต่อเข้าไป เพื่อไม่ให้เกิดจราจรติดขัด ความวุ่นวาย และควันพิษรบกวนธรรมชาติ

T22

Traveler’s Guide

Best season : ดอกกระเจียวบานเยอะและสวยที่สุดช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ทุกปี

How to go : รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรีไปทางสามแยกพุแค แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 21 สู่บ้านลำนารายณ์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 205 เส้นทางลำนารายณ์-ลำสนธิ-เทพสถิต-หนองบัวโคก-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร ก่อนถึงที่ว่าการอำเภอเทพสถิตประมาณ 1 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายไปอำเภอหนองบัวระเหวตามทางหลวง หมายเลข 2354 ไป 15 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายเข้าบ้านไร่เป็นระยะทางอีก 14 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และทุ่งกระเจียวบาน

Where to stay : แนะนำ บ้านทุ่งดอกกระเจียว ไฮแลนด์รีสอร์ท จองผ่าน www.booking.com หรือ www.agoda.co.th / เทพสถิตวิวล์ รีสอร์ท โทร. 08-0372-8811, 0-4485-5255 www.thepsatitview.com

What to eat : ใกล้ๆ กับทุ่งกระเจียวมีร้านอาหารเยอะมาก เลือกชิมได้ตามสะดวก อาทิ ครัวป่ากระเจียว, ครัวบุญพร้อม, และครัวอีสาน ฯลฯ ตามริมทางมักมี “ข้าวโพดตักหงาย” ต้มขายอยู่ อย่าลืมแวะซื้อกิน อร่อยมาก หวานมัน หาชิมได้เฉพาะช่วงฤดูฝนนี้เท่านั้น

Souvenirs : ที่ปากทางเข้าทุ่งกระเจียว มีของที่ระลึกเก๋ๆ เป็นดอกกระเจียวประดิษฐ์สำหรับตั้งโชว์ ทำโดยกลุ่มแม่บ้านอำเภอเทพสถิต นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ดอกกระเจียวบ้านใส่กระถางหรือถุงเพาะชำวางขาย ราคาไม่แพง ส่วนงานหัตถกรรมพื้นบ้านน่าสนใจของจังหวัดชัยภูมิ แนะนำ “ผ้าไหมบ้านเขว้า” เป็นผ้าไหมแน่นเนียน มันวาว เมื่อนำมาซักเนื้อผ้าไม่ยุบซึ่งถือเป็นลักษณะพิเศษของผ้าไหมที่นี่ ผ้าไหมมัดหมี่ลายขอน้อยเป็นงานที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยสีที่นิยม คือ สีน้ำเงิน สีน้ำทะเล และสีเทา

More info : อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ โทร. 0-4489-0105 / อุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ โทร. 0-4473-8428, 08-9282-3437 / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชัยภูมิ-นครราชสีมา โทร. 0-4421-3030, 04421-3666 อีเมลล์ tatsima@tat.or.th

Thailand International Balloon Festival 2013

2

3

ในชีวิตคนเดินดินธรรมดาๆ อย่างเรา จะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่ได้ขึ้นไปบินอยู่บนท้องฟ้า มองโลกกลับลงมาจากมุมมองของวิหค การนั่งเครื่องบินก็ถือว่าใช่ แต่ยังมีกระจกหน้าต่างเครื่องบินเป็นอุปสรรคขวางกั้นเรากับท้องฟ้าภายนอก จะมีพาหนะใดรึเปล่านะ ที่พาเราขึ้นไปลอยละลิ่วอยู่บนฟากฟ้า โดยไม่มีอะไรกั้นตัวเรากับมวลอากาศเบื้องบนไว้เลย? นี่คงเป็นความฝันของใครหลายๆ คน เช่นเดียวกับตัวผมที่ฝันว่าอยากบินได้เหมือนนกมาตั้งแต่เด็กแล้ว

4

เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี ในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริง! เมื่อ บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการบินบอลลูนเพื่อการท่องเที่ยวหนึ่งเดียวในเมืองไทย มีฐานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ร่วมกันจัดงาน Thailand International Balloon Festival 2013 ขึ้น ณ จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นโลเกชั่นที่มีภูมิประเทศสวยงาม อากาศเย็นสบาย โดยในปีนี้เป็นการจัดงานบอลลูนนานาชาติในเมืองไทยครั้งที่ 7 แล้ว เช่นเดียวกับ 6 ครั้งที่ผ่านไป นับว่าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งในส่วนของผู้เข้าร่วมจัดงาน นักท่องเที่ยวไทยและเทศ รวมถึงนักบินบอลลูนมืออาชีพจากทั่วโลก ซึ่งในครั้งที่ 7 นี้ มีนักบินบอลลูนจาก 8 ประเทศเข้าร่วม ทั้งสเปน, รัสเซีย, โครเอเชีย, อังกฤษ, มาเลเซีย, เยอรมนี, เบลเยี่ยม และไทย พร้อมด้วยบอลลูนกว่า 15 ลูก เป็นบอลลูนลูกใหญ่ 10 ลูก และบอลลูนลูกเล็กอีก 5 ลูก มาช่วยกันสร้างสีสัน ให้น่านฟ้าเชียงใหม่มีชีวิตชีวา พาให้ชาวเมืองเชียงใหม่ตื่นเต้น ขานรับการมาถึงของพาหนะลอยฟ้าแสนน่ารัก

5

การบินบอลลูนเริ่มต้นขึ้นในเวลาเช้าตรู่ประมาณ 05.30 น. เมื่อนักบินและลูกทีมเร่งนำบอลลูนของตน มากางออกบนพื้นสนามหญ้า จากนั้นใช้พัดลมขนาดใหญ่เป่าลมเย็นเข้าไปให้บอลลูนพองตัวออกพอเป็นรูปทรง เมื่อพองได้ที่ ก็ถึงเวลาเป่าลมร้อนเข้าไปให้ลูกบอลลูนพองเต็มที่แล้วเริ่มตั้งขึ้น โดยก๊าซที่ใช้เป่าเข้าไปในลูกบอลลูนคือ ก๊าซ LPG (Liquid Petroleum Gas) หรือก๊าซหุงต้ม เหมือนที่ใช้กันอยู่ในครัวบ้านเรานี่เองครับ ซึ่งเขาวิจัยกันมาแล้วว่าปลอดภัย

6

“บอลลูนลมร้อน” หรือ Hot Air Balloon” ถือเป็นพาหนะเก่าแก่ที่สุดซึ่งสามารถพามนุษย์บินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จอย่างปลอดภัย ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์ปีกและเครื่องบิน โดยการบินบอลลูนครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1783 เหนือน่านฟ้ามหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดย 2 นักบิน คือ Jean-François Pilâtre de Rozier และ François Laurent d’Arlandes ต่อมาการบินบอลลูนก็ได้พัฒนากลายเป็นกีฬา, ภารกิจเพื่อการทหาร, การขนส่ง, การท่องเที่ยว, เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ และอื่นๆ อีกหลายจุดประสงค์ เราต้องถือว่าบอลลูนลมร้อนเป็นพาหนะที่พิเศษสุดๆ เพราะเป็นพาหนะชนิดเดียวในโลก ที่เมื่อขึ้นบินแล้ว ไม่สามารถบอกได้ว่าจะร่อนลงจอดที่ใด!? เนื่องจากต้องอาศัยกระแสลมเป็นตัวพัดพาไปเท่านั้น การเลือกสถานที่และฤดูกาลในการบินบอลลูนลมร้อน จึงต้องพิถีพิถันสรรหากันอย่างถี่ถ้วนเพื่อความปลอดภัย

7

8

9

เมื่อก๊าซร้อนอัดเข้าไปในลูกบอลลูนจนเต็มพิกัด ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งบอลลูนไม่ให้ลอยขึ้นได้อีกต่อไป ลูกบอลลูนของผมค่อยๆ ลอยสูงขึ้นจากพื้นโลกอย่างช้าๆ จาก 5 เมตร เป็น 10 เมตร เป็น 100 เมตร จนกลายเป็นหลายร้อยเมตรในที่สุด! เรามองเห็นยอดไม้ทอดต่อเนื่องไปเป็นผืนพรมสีเขียวอยู่เบื้องล่าง มองเห็นตัวคน วัดวาอาราม บ้านเรือน รถยนต์ กลายเป็นขนาดเล็กจิ๋วราวกับของเล่นเด็ก ตอนบอลลูนลอยสูงขึ้นทีแรกใจเริ่มหวิวๆ แต่สัก 10 นาที ก็ปรับตัวได้ ผมตื่นเต้นสุดๆ กับวิวพาโนรามา 360 องศารอบตัวที่มองเห็น ตัวเมืองเชียงใหม่ยามเช้าช่างสงบงาม แลเห็นสายหมอกขาวลอยคลอเคลียดอยสุเทพ วัด เจดีย์ แม่น้ำปิง บ้านเรือน   ป่าไม้ และทุ่งข้าวสีทองที่เก็บเกี่ยวไปแล้วบางส่วน เมื่อมองไปทางทิศตะวันออก อาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆ ลอยเด่นขึ้น เห็นกลุ่มบอลลูนน้อยใหญ่ลอยละลิ่วไปตามแรงลม ช่างเป็นภาพมหัศจรรย์จริงๆ

10

ใช้เวลาบินอยู่เหนือน่านฟ้าเชียงใหม่กว่า 1 ชั่วโมง ผมก็ร่อนลงในทุ่งข้าวอำเภอสารภีอย่างปลอดภัย แต่ที่สนุกมากอีกอย่างคือ การช่วยนักบินเก็บบอลลูนขึ้นรถกลับนี่สิ ทั้งสนุกทั้งเหนื่อยมาก ได้รสชาติของชีวิต   นี่คือหนึ่งประสบการณ์ที่ผมจะต้องจดจำไป อีกนานแสนนาน

11

12

13

14

15

16

17

18

19

ไฮไลท์ของงานไม่ได้อยู่ที่การขึ้นบินบอลลูนชมเมืองเชียงใหม่เท่านั้น ทว่าในบริเวณงาน ช่วงเย็นยังมีการจัดแสดงบอลลูนเรืองแสง (Balloon Night Glow) ประกอบแสงสีเสียงและการจุดพลุสุดอลังการ พร้อมด้วยการคัดเลือกผู้โชคดี 100 คนในงาน ให้ได้ขึ้นบอลลูนผูกยึดอยู่กับที่ (Tethered Balloon) โดยลอยสูงขึ้นจากพื้นประมาณ 5-10 เมตร นอกจากนี้ยังมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ ปาล์มมี่, ฮิวโก้, การ์ธ เทย์เลอร์ จากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ฯลฯ สร้างสรรค์ให้งานทั้งสนุกและน่าชม

20

21

22

23

24

25

Traveler’s Guide

When to go : งานบอลลูนนานาชาติในประเทศไทย จัดเป็นประจำทุกปีช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม โดยเปลี่ยนสถานที่จัดงานไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสม แต่ดูเหมือนว่าจะจัดที่เชียงใหม่บ่อยสุด สนใจเข้าร่วมงานกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า

Contact : บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด หมู่ที่ 6 158/60 ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ 50220 โทร. 0-5329-2224 / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 0-5327-6141

Balloon International Festival 2010 @นครนายก

2

สำหรับโลกยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างจะดูทันสมัยไปซะหมด และเทคโนโลยีล้ำยุคได้เข้ามาชี้นำชีวิตของเรา การเดินทางด้วยพาหนะต่างๆจึงรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาเหมือนในอดีต แต่เราก็ต้องแลกมาด้วยการใช้พลังงานที่ปลดปล่อยก๊าซเรือกระจกออกมาสร้างภาวะโลกร้อน ถ้ามานั่งคิดดูให้ดี ก็เหลือพาหนะอยู่ไม่กี่แบบที่ยังคงใช้พลังงานธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะพลังงานลม “บอลลลูน” (Balloon) คือหนึ่งในพาหนะชนิดนั้น ที่มนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราคิดค้นขึ้นมา ด้วยความหวังว่าจะบินได้เหมือนนก !

3

สำหรับคนไทย บอลลูนอาจเป็นพาหนะแปลกประหลาดราวกับจานบินแห่งฟากฟ้า ทว่าสำหรับประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา เขารู้จักพาหนะชนิดนี้มาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1700 แล้ว กระทั่งล่วงเข้าถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 บอลลูนจึงมีการพัฒนาให้ล้ำยุค สามารถใช้ขนส่งคน ส่ิงของ สอดแนมทางทหาร และใช้เพื่อการพาณิชย์หรือท่องเที่ยวในเวลาต่อมา แต่ถ้าจะถามว่าชาติใดสามารถคิดค้นบอลลูนได้เป็นชาติแรกของโลก คำตอบคือ “จีน” นั่นเอง ส่วนพี่ไทยก็คงจะมีโคมลอยแถวภาคเหนือเท่านั้นล่ะที่พอจะใกล้เคียงบอลลูนบินได้ของยุโรปมากที่สุด

            บอลลูนแบ่งเป็นหลายประเภท อาทิ บอลลูนลมร้อน (Hot Air Balloon) ที่เติมลมร้อนเข้าไปจึงบินได้ แต่บินไม่ค่อยสูงนัก ส่วนที่บินได้สูงจริงๆ และมีการปรับระดับความสูงขึ้นลงได้ อีกทั้งยังบินได้ไกลมากก็คือ บอลลูนก๊าซ (Gas Balloon) ที่ใช้ก๊าซฮีเลียม (ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมเนื่องจากติดไฟง่ายเกินไป) ไฮโดรเจน (ได้รับความนิยมสูง แต่ราคาแพง) โพรเพน (เป็นก๊าซเติมบอลลูนที่ปลอดภัยกว่าสองชนิดแรก) ฯลฯ อัดเข้าไปในลูกบอลลูนเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งเจ้าพวกนี้เองที่มาทำการบินอยู่ในจังหวัดนครนายกของเรา

4

5

6

7

8

การบินบอลลูนในเมืองไทยยังรู้จักกันในหมู่คนจำกัด ไม่แพร่หลาย เพราะผู้ที่จะเป็นเจ้าของและทำการบินได้ต้องมีงบประมาณส่วนตัวสูงลิบ เข้าขั้นสิบล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวที่อยากได้รับประสบการณ์บินบอลลูนสักครั้งในชีวิต ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายครั้งละไม่ต่ำกว่า 6,000-8,800 บาท ต่อการบินบอลลูนเพียง 1 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้เองงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติจึงเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้สัมผัสบอลลูนของจริงอย่างใกล้ชนิด

9

ในเช้าตรู่วันที่อากาศดี ฟ้าปลอดโปร่ง ลมไม่แรงจัด นักบินบอลลูนจะทำการตรวจข่าวพยากรณ์อากาศ จากนั้นก็ปล่อยบอลลูนตรวจอากาศลูกเล็กๆ เรียกว่า Spy Ball ขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อดูว่าลมบนแรงแค่ไหนและพัดไปทางทิศใด เมื่อเห็นว่าเหมาะสมแล้ว นักบินพร้อมทีมลูกเรือก็จะช่วยกันกางบอลลูนขึ้น โดยบอลลูนแต่ละลูกจะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนของลูกโป่งอัดก๊าซหรือลมร้อน และส่วนตะกร้าผู้โดยสารที่ห้อยอยู่ด้านใต้ การเตรียมการทั้งสองส่วนนี้จะทำพร้อมกันอย่างรวดเร็วตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อแข่งกับอุณหภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะหากปล่อยให้สาย เที่ยง หรือบ่ายแล้ว อากาศเมืองไทยเราจะร้อนเกินไป บอลลูนจะลอยไม่ค่อยขึ้น หรือถ้าลอยขึ้นก็บินไปไหนไม่ได้ไกล เนื่องจากการที่บอลลูนบินได้ก็ด้วยเหตุที่มีความต่างของอุณหภูมิภายนอกและในบอลลูนนั่นเอง พูดง่ายๆคือ บอลลูนเบากว่าอากาศภายนอก มันจึงล่องลอยไปไหนมาไหนได้พร้อมกระแสลม

10

11

เมื่อตะกร้าถูกติดสลิงขึงไว้กับลูกบอลลูนที่พองตัวขึ้นเต็มที่แล้ว กัปตันก็จะเติมก๊าซร้อนเข้าไปจนเต็ม ทำให้บอลลูนสีสดใสค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆ ผู้โดยสารที่มาคอยอยู่แล้วจึงต้องรีบขึ้นบอลลูนให้ทัน วันนี้โชคไม่ดี เราไม่สามารถปล่อยตัวบอลลูนจากหน้าเขื่อนขุนด่านปราการชลได้ เนื่องจากเกิดลมหมุนในอากาศ จึงต้องมาปล่อยตัวกันบริเวณสนามกีฬาจังหวัดนครนายก เมื่อลูกโป่งยักษ์ค่อยๆลอยขึ้นเหนือพื้นอย่างเชื่องช้า ทีแรกจะเกิดความรู้สึกหวิวเล็กน้อย แต่เมื่อผ่านไปสักพักเราก็จะชินกับสายลมอ่อนๆ บนท้องฟ้าใส ได้เห็นวิวภูเขา ทุ่งนา บ้านเรือนผู้คน มีฝูงนกออกบินหากินในยามเช้า พร้อมกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องมาอาบบอลลลูนและตัวเราจนอบอุ่น ขณะที่บอลลูนถูกพัดพาไปตามกระแสลม ดูวิวไปเพลินๆ และถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็ลองมาสำรวจในตะกร้าผู้โดยสารกันบ้าง ตะกร้าของบอลลูนสานขึ้นจากหวายเส้นใหญ่เป็นทรงสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 150 เซนติเมตร ถ้าเป็นตะกร้าเล็กจะจุคนได้ไม่เกิน 4 คน แต่ถ้าเป็นตะกร้าใหญ่ก็ไม่เกิน 6 คน

12

13

14

15

16

17

การบินระยะทางใกล้ๆ จะใช้ก๊าซ 2 ถัง ส่วนการบินไกลๆ อย่างการบินข้ามเทือกเขาแอลป์ในยุโรป ก็ต้องใช้ถังก๊าซไม่น้อยกว่า 4 ถัง และมีการสำรวจจุดลงไว้ล่วงหน้า บนบอลลูนของเรายังมีเครื่องวัดความสูง และความเร็วลมอยู่ด้วย บวกกับประสบการณ์ของกัปตัน จึงไม่ต้องกังวล เพราะเขาคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ทำให้เราสนุกกับการล่องลอยไปพร้อมกระแสลมครั้งนี้ สิ่งที่รู้สึกได้ก็คือ “ความอิสระเสรี” มีเพียงตัวเรากับความสูงและความเวิ้งว้างของอากาศรอบๆตัว ไม่มีกระจกกั้นเหมือนนั่งเครื่องบิน ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เบื้องบน ผิวหนังได้สัมผัสความเย็นของอากาศ อีกทั้งได้ชมวิวรอบตัวแบบ 360 องศา สุดสายตาพาโนรามา สุดยอดจริงๆเลย

18

ก่อนจะลงจอดบนพื้น กัปตันบอลลูนชาวอเมริกาที่ไปอาศัยอยู่ในอิตาลีมกว่าสิบปี และปัจจุบันเป็นครูสอนบินบอลลูนด้วยบอกว่า ในโลกปัจจุบันนี้มีพาหนะอยู่เพียง 2 อย่างที่ยังอาศัยพลังธรรมชาติเพื่อการเดินทางอย่างแท้จริง คือ เรือใบและบอลลูน โดยทั้งสองอย่างนี้พึ่งพลังงานลมด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเราสามารถนำพลังงานสะอาดชนิดนี้มาทดแทนน้ำมันได้ก็คงดี

19

20

ประมาณ 1 ชั่วโมงที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า ไปพร้อมกับบอลลูนอีกเกือบยี่สิบลูก และเพื่อนๆที่ขึ้นบินบอลลูนพร้อมกัน มันช่างรวดเร็วเหมือนฝัน ทำไมนะ เวลาแห่งความสุขจึงหมดไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แต่มันก็เป็นสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ลืมไม่ลงจริงๆ

21

1841

 

Traveller’s Guide

Best season : ปัจจุบันบินได้ตลอดปีในช่วงเากาศเหมาะสม แต่ดีที่สุดคือฤดูหนาว-ต้นฤดูร้อน ประมาณปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนมีนาคม โดยเทศกาลงานบอลลูนนานาชาติ จะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไปตามจังหวัดต่างๆ ที่มี location เหมาะสม โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่

More info : บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด โทร. 0-5329-2224 เว็บไซต์ www.thailandadventuresports.com

5,000 กิโลเมตร! จากเมืองไทยถึงแชงกรี-ลา China

สุดยอดปราชญ์จีนอย่างขงจื้อเคยกล่าวไว้ว่า “เดินทางแค่ลี้เดียว ดีกว่าอ่านหนังสือร้อยเล่ม” คำกล่าวนี้จริงแท้แน่นอน และถ้าเป็นการเดินทางสัก 5,000 กิโลเมตรล่ะ! เราจะได้ประสบการณ์มากมายมหาศาลแค่ไหน? ผมยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ จนกระทั่งได้เดินทาง ด้วยวิธีการขับรถจากเมืองไทยไปสู่ดินแดนชายขอบหลังคาโลก “แชงกรี-ลา” (เมืองจงเตี้ยนของจีน) ติดประตูบ้านทิเบตตะวันออก โดยใช้เวลาไป-กลับถึง 17 วัน แชงกรี-ลา (Shangri-la) คือเมืองที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสสายลมแห่งขุนเขาหิมะคำราม แผ่ปกด้วยทุ่งดอกไม้ ทะเลสาบ วัดวาอารามเก่าแก่ และวิถีวัฒนธรรมสุดอลังการ

การเดินทางจากไทยไปเมืองแชงกรี ลา มีทั้งแบบง่ายๆ ชิลชิล และแบบผจญภัยสุดขั้ว คือไปได้ง่ายๆ แบบนั่งเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมงถึง หรือจะเดินทางด้วยรถยนต์จากเมืองระยะทางไปกลับ 5,500 กิโลเมตร! ขับรถ 10-14 วัน เส้นทางไทย (อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย) – ลาว (เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว) – เมืองเชียงรุ้ง (แคว้นสิบสองปันนา) – เมืองคุนหมิง – เมืองต้าลี่ – เมืองลี่เจียง – เมืองแชงกรี ลา

26

แชงกรี ลา ได้รับการเอ่ยถึงในโลกตะวันตกพร้อมวรรณกรรมชื่อก้องโลก “ขอบฟ้าที่สาบสูญ” หรือ The Lost Horizon ของนักเขียนนวนิยายแนวผจญภัยชื่อดัง เจมส์ ฮิลตัน (James Hilton) ซึ่งใช้ข้อมูลจากการเดินทางของนักสำรวจจีนโดยสมาคมแนชั่นแนลจีโอกราฟิกชื่อ โจเซฟ ร็อก (Joseph Rock) บวกกับจินตนาการของเขา เนรมิตดินแดนแชงกรี ลา ขึ้นมาในโลกแห่งวรรณกรรม โดยคำว่า “แชงกรี ลา” นี้ แท้จริงมีรากศัพท์มาจากภาษาทิเบตว่า “ชัมบาลา” (Shambala) หมายถึงชีวิตอันสงบสันติ ตามแนวพระพุทธศาสนานิกายวัชรยาน และเป็นดินแดนในอุดมคติที่หลุดพ้นจากตัณหากิเลสทั้งปวง ต่อมารัฐบาลจีนได้จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติออกค้นหาดินแดนแชงกรี ลา ว่าอยู่ในส่วนใดของจีน ก็มาพบ เมืองจงเตี้ยน (Zhongdian) ที่มีภูมิประเทศใกล้เคียงกับนวนิยายของเจมส์ ฮิลตัน มากที่สุด รัฐบาลจีนจึงเปลี่ยนชื่อ “เมืองจงเตี้ยน” เป็น “แชงกรี ลา”   นับเป็นแผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จสุดๆ เพราะหลังจากนั้นเงินทอง ความเจริญ และนักท่องเที่ยว ก็หลั่งไหลเข้าสู่จงเตี้ยน ชาวจีนจึงเรียกเมืองแชงกรี ลา ใหม่นี้ว่า “เชียงเก๋อหลี่ลา” (Xiang-ge-li-la) ซึ่งนี่อาจเป็นตัวแทนของแชงกรี ลา ในฝัน ที่เราสัมผัสได้จริง

2

3

4

5

6

7

 โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบเดินทางช้าๆ เก็บรายละเอียดต่างๆ ไปด้วย เพราะชอบถ่ายภาพ การเดินทางด้วยรถยนต์จึงเหมาะสุด เริ่มอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามเรือเฟอร์รี่เข้าสู่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว แล้วใช้ถนนสาย R3A ผ่าน เมืองหลวงน้ำทา (Luang Namtha) ต่อด้วยทางหลวงสาย 13B มุ่งหน้าสู่ เมืองบ่อเต็น (Boten) แล้วข้ามชายแดนลาว-จีน ที่ เมืองโมฮาน (Mohan)

            จากด่านโมฮาน ขับรถต่อไปอีก 101 กิโลเมตร ผ่าน เมืองลา (Mengla) จนถึง เมืองเชียงรุ่ง (Jinghong) สิบสองปันนา ผมชอบถนนช่วงนี้เพราะสวยแปลกตาดี สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้ สลับกับสวน และต้องวิ่งลอดอุโมงค์ที่รัฐบาลจีนเจาะภูเขาทะลุไปถึง 17 แห่ง ข้ามสะพานข้ามเหวสูงอีกกว่า 20 แห่ง นับเป็นความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมเลยก็ว่าได้ครับ จากนั้นผ่านเมืองคุนหมิง (Kunming) เข้าสู่เมืองต้าหลี่

8

 ต้าหลี่ (Dali) เป็นเมืองโบราณของชนชาติไป๋ (Bai) ที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 ทั่วเมืองเต็มไปด้วยเสน่ห์ของการผสมผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน และมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อาทิ “เจดีย์สามองค์แห่งวัดฉงเซิ่ง” ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สุด โดยเจดีย์องค์กลางสูง 70 เมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมสร้างสมัยราชวงศ์ถัง ส่วนเจดีย์องค์เล็กสององค์ สูง 43 เมตร เป็นทรงแปดเหลี่ยมสร้างสมัยราชวงศ์ซ่ง ปัจจุบันเจดีย์องค์เล็กเอียงไป 4-6 องศา คล้ายหอเอนปิซ่าที่อิตาลี!

ตัวเมืองต้าหลี่ถูกขนาบด้วยทะเลสาบเอ๋อไห่ทางตะวันออก และเทือกเขาชานซานทางตะวันตก เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ใน พ.ศ. 1480-1796 เมืองต้าหลี่ตั้งอยู่บนความสูง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบายตลอดปี ทำให้การเดินเที่ยวของผมช่างรื่นรมย์ จากวัดเจดีย์สามองค์ไปต่อกันที่ “เมืองเก่าต้าหลี่” (Dali Old Town) อายุกว่า 1,000 ปี ผมค่อยๆ เดินเข้าไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ชมบ้านเก่าสไตล์จีนสร้างด้วยหิน มุงหลังคากระเบื้องดินเผาลอนโค้ง เก่าคร่ำคร่าจนมีมอสและดอกไม้งอกขึ้นราวสวนธรรมชาติ โครงหน้าต่างและเสาค้ำของบ้านเป็นไม้ท่อนใหญ่ และปูลาดทางเดินทั่วเมืองด้วยหินดั้งเดิมอายุนับพันปี ซึ่งคนไม่รู้กี่ชั่วอายุคนเดินเหยียบย่ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิศวกรจีนโบราณผู้เนรมิตเมืองต้าหลี่ชาญฉลาดนัก ออกแบบให้มีคลองส่งน้ำเล็กๆ ไหลหล่อเลี้ยงทั่วเมือง ให้คนได้ดื่มกินอาบใช้ น้ำใสไหลเย็นนี้ก่อเกิดจากหิมะละลายจากเทือกเขาชานซานที่ตระหง่านอยู่ข้างเมืองนั่นเอง

9

10

 จากต้าลี่เดินทางต่ออีกแค่ 180 กิโลเมตร ก็ถึงเมืองโบราณ ลี่เจียง (Lijiang) ในเขต “เมืองเก่าซู่เหอ” (Shuhe Old Town) อายุกว่า 1,000 ปี! แม้วันนี้ซู่เหอจะมีสีสันสมัยใหม่เข้ามาแทรกซึมอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงกลิ่นอายโบราณไว้มาก ยังคงมีก้อนหิน เสาไม้ ลวดลายแกะสลัก และกระเบื้องมุงหลังคาแบบจีน   ผมเข้าไปนั่งจิบกาแฟร้อนๆ ริมสายน้ำใสไหล้เย็นใต้เงาต้นหลิว ปล่อยเวลาให้เคลื่อนผ่านโดยไม่ต้องกังวล ยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าใด ก็ยิ่งเห็นคุณย่าคุณยายชาวน่าซี (Naxi) ที่ยังคงแต่งกายแบบดั้งเดิม สวมเสื้อแขนยาว หมวกสีน้ำเงิน เดินไปมาอยู่ทั่วไป เมืองเก่าแห่งนี้มีสระน้ำที่มีต้นหลิวโอนเอนล้อลมน่ามอง สมแล้วที่ลี่เจียงได้ฉายาว่า “เมืองน้ำสวย” (ลี่ แปลว่า สวย และเจียง แปลว่า น้ำ)

11

12

13

14

15

16

18

19

20

 คนที่จะขับรถเส้นทางนี้ต้องมีทักษะในการขับรถบนเขาสูงชัน เพราะเส้นทางเมืองไทย-แชงกรี ลา เต็มไปด้วยหุบเขาสลับซับซ้อน

21

22

 จากลี่เจียงบนความสูงเพียง 2,400 เมตรเหนือน้ำทะเล ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงดินแดนในฝัน แชงกรี ลา บนความสูงกว่า 4,300 เมตรเหนือน้ำทะเล! จนได้ ช่วงที่ไปถึงเป็นฤดูใบไม้ร่วงพอดี ใบไม้ในราวไพรจึงผลัดใบเปลี่ยนสี ทำให้ภูเขาทั้งลูกเหมือนถูกระบายแต้มด้วยสีเหลือง ส้ม แดง น่าตื่นตามาก บางช่วงถนนคดโค้งเลียบลำธารใสและโขดหินใหญ่ ในทุ่งหญ้ามีฝูงม้า จามรี และแกะของชาวทิเบต เดินเลาะเล็มหญ้าหากินอยู่อย่างเสรี มีบ้านทิเบตที่สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยม โดยใช้อิฐ หิน และไม้ อย่างง่ายๆ เราพบเจดีย์ทิเบตที่เรียกว่า ชอร์เต็น (Chorten) มากมาย บางแห่งสร้างโดยเรียงก้อนหินขึ้นไปธรรมดาๆ แต่บางองค์สร้างเป็นเจดีย์ฉาบปูนทาสีขาวผูกโยงธงมนต์ปลิวไสว ถ้าสังเกตให้ดีธงมนต์จะมี 5 ตามสีมงคลของทิเบต คือ แดง ขาว เหลือง เขียว และน้ำเงิน บนธงมนต์มีรูป “ม้าลม” (Wind Horse ชาวทิเบตเรียกว่า ลุงตะ) เชื่อว่าม้าลมจะนำบทสวดมนต์บนผืนธง ให้ลอยไปสร้างสงบสานติทั่วโลก

23

 ผืนป่าบนภูเขาของแชงกรี ลา  ผลัดใบหลากสีสุดอลังการในต้นฤดูใบไม้ร่วง ราวภาพศิลปะของศิลปินเอก

24

 “หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน” (Blue Moon Valley) บนระดับความสูงกว่า 3,800 เมตร ซึ่งเราต้องนั่งรถกระเช้ายาวเหยียดขึ้นสู่ยอดเขา บนนั้นแม้จะวิวสวย แต่ออกซิเจนเบาบางมาก บางคนจึงต้องพกออกซิเจนกระป๋องเล็กๆ ขึ้นไปใช้หายใจให้สะดวกขึ้น ผืนป่าในหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินยามนี้เปล่งปลั่งสุดขีด ผลัดใบเป็นสีเหลืองทั้งขุนเขา ยิ่งมองเลยออกไปลิบๆ จะเห็นภูเขาหิมะหนาวเย็นทอดยาวอยู่ตรงปลายฟ้า ทำให้รู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาเยือนสวรรค์ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจอยู่ บนเขามีสะพานทางเดินไปยังส่วนต่างๆ พร้อมกับมีชอร์เต็น 3 องค์ ผูกโยงธงมนต์ทิเบต ผมจึงอธิษฐานขอให้ได้กลับมาที่นี่อีกในฤดูหิมะหน้า

25

28

 “วัดซงซานหลิน” (Songzanlin Monastery) วัดอายุกว่า 300 ปี ซึ่งได้รับการสร้างโดยดาไลลามะองค์ที่ 5 นับเป็น 1 ใน 13 วัดสำคัญที่สุดของทิเบต วัดซงซานหลินเป็นวัดใหญ่ มีอารามหลักหลังคาสีทองอร่าม พร้อมด้วยกุฏิของพระเณรรายรอบ เมื่อมองจากระยะไกลมีสัณฐานคล้ายพระราชวังโปตาลาในนครลาซา เมืองหลวงของทิเบต วัดซงซานหลินจึงได้รับฉายาว่า “โปตาลาน้อย” ในวิหารกลางมีรูปปั้นดาไลลามะองค์ที่ 5 ใหญ่เท่าตึก 3 ชั้น! ผู้คนมากราบไหว้ไม่ขาด พร้อมกันนี้บนฝาผนังยังมีภาพปริศนาธรรม เทพพิทักษ์ธรรมในปางดุ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระศรรีอริยเมตรไตรย และผ้าพระบฏ (Thangka) โบราณอยู่มากมาย

29

30

 สาวแชงกรี ลา แท้จริงก็คือสาวเชื้อสายทิเบตนี่เอง เพราะสมัยโบราณเขตนี้คือดินแดนของทิเบตตะวันตก

31

 เมื่อมาถึงแชงกรี ลา แล้ว ก็ต้องฝึกพูดทักทายสวัสดีเป็นภาษาทิเบตไว้หน่อย เขาใช้คำว่า “ตาชิ เตเล่” (Tashi Delek) จำไว้ให้ขึ้นใจ ฝึกพูดไว้ให้ติดปาก จะได้รับการต้อนรับจากทุกคนทุกที่

32

 คาราวานขับรถเที่ยวในเมืองแชงกรี ลา (เมืองจงเตี้ยน) ผ่านหุบเขาสูงชัน คดเคี้ยว ลงสู่ทุ่งราบกว้างสุดลูกหูลูกตา

33

 ค่ำคืนในแชงกรี ลา อากาศหนาวจับใจ อุณหภูมิลดต่ำเหลือแค่ 5 องศาเซลเซียส! เช้าวันถัดมาจึงมีน้ำค้างแข็งเป็นเกล็ดขาวๆ เกาะพราวอยู่ทั่วไปตามพื้นถนนและบนหลังคารถ หนาวแบบนี้เริ่มทำให้ผมคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ของคนที่เมืองไทยซะแล้ว แต่ยังเหลือหนทางยาวไกลอีกตั้ง 2,500 กิโลเมตร กว่าจะกลับถึงบ้าน ที่ซึ่งผมจะนำประสบการณ์สุดพิเศษทั้งหมดนี้ ไปบอกเล่ากับทุกคน ว่า “แชงกรี ลา The Lost Horizon” มันคือขอบฟ้าที่สูญหายแห่งดินแดนหลังคาโลกอย่างแท้จริง

35

 รอยยิ้มหวานเจี๊ยบจากสาวสิบสองปันนาทางตอนใต้ของจีน ทำให้การเดินทางยาวไกลกว่า 5,500 กิโลเมตร หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ อิอิ

36

1841

Traveler’s Guide

Best season : เที่ยวได้ตลอดปี เดือนมีนาคม-เมษายนดอกไม้บาน เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนใบไม้เปลี่ยนสี และเดือนธันวาคม-มกราคมได้เล่นหิมะสมใจ

How to go : เส้นทางขับรถเที่ยว ไทย (อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย)-ลาว (เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว)-เมืองเชียงรุ้ง (แคว้นสิบสองปันนา)-เมืองคุนหมิง-เมืองต้าลี่-เมืองลี่เจียง-เมืองแชงกรี-ลา ระยะทางไปกลับประมาณ 5,000 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 10-14 วัน ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ และคนขับที่มีประสบการณ์ผ่านทางภูเขาคดเคี้ยว อีกทั้งต้องทำวีซ่าลาว-จีน, เอกสารประกันภัย-เอกสารรถให้พร้อม แต่ถ้าอยากไปแบบง่ายกว่านั้น ให้บินจากกรุงเทพฯ-เมืองคุนหมิง แนะนำสายการบินไทย โทร. 0-2356-1111 www.thaiairways.co.th แล้วบินเมืองคุนหมิง-เมืองแชงกรี-ลา   (สนามบินตี๋ชิ่ง : Diqing Airport) สายการบิน China Eastern Airlines โทร. 0-2636-6979-80 มีบินทุกวัน ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง

Where to stay : มีโรงแรมหลายระดับให้เลือก เช่น เมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา โรงแรม Gloden Zone โทร. 86-691-2150888 www.goldenzonehotel.com เมืองคุนหมิง โรงแรม Empark Grand Hotel โทร. 86-871-7388888 www.empark.com.cn เมืองต้าลี่ โรงแรม Asia Star Garden Hotel โทร. 86-872-2680199 www.asiastargroup.com เมืองลี่เจียง โรงแรม Treasure Harbour International Hotel โทร. 86-888-3116688 www.treasureharbour.cn เมืองแชงกรี-ลา โรงแรม Paradise Hotel โทร. 86-887-8228008 http://www.chinaodysseytours.com/hotels/Paradise-Hotel.html ค่าห้องพักรวมอาหารเช้าด้วย

What to eat : เส้นทางขับรถช่วงที่อยู่ในลาวอาหารยังคล้ายกับไทย แต่เมื่อข้ามแดนเข้าจีนแล้ว อาหารจะเป็นพวกข้าวสวย บะหมี่ หมูแดง เป็ด ไก่ หมั่นโถว ซาลาเปา ผัดผัก ปลานึ่ง ซุปต่างๆ ถ้าพักตามโรงแรมใหญ่ๆ จะมีอาหารตะวันตกด้วย ใครกลัวเลี่ยน แนะนำให้พกน้ำพริกไทยไปด้วย ที่แชงกรี-ลา อย่าลืมชิมเนื้อจามรีทอด (คนจีนเรียกว่าเนื้อเหมาหนิว) รวมถึงชาเนยทิเบต กินกับซัมปะ (แป้งข้าวบาร์เลย์คั่ว)

Souvenirs : ของที่ระลึกบนเส้นทางนี้มีมากมายให้เลือก ที่เมืองเชียงรุ้ง แนะนำใบชาปู้เอ่อ เครื่องไม้แกะสลัก และเครื่องหนัง ที่เมืองคุนหมิง แนะนำครีมบัวหิมะทาแก้น้ำร้อนลวก ที่เมืองต้าหลี่ แนะนำผ้าทอมือ และกระเป๋าถักของชนเผ่าไป๋ ที่เมืองลี่เจียง แนะนำผ้าคลุมไหล่ทอมือ และงานหัตถกรรมของชนเผ่าน่าซี ส่วนที่เมืองแชงกรี-ลา แนะนำหวีจากเขาจามรี แส้พู่หางจามรี และหินสีทิเบต (โปรดระวังของปลอม!)

เปิดโลกธรรมชาติไร้ขีดจำกัด! จังหวัดสตูล

2

น้ำทะเลใสแจ๋วหน้าเกาะราวี เคียงคู่กิ่งไม้โอนเอนแทบจะลงไปหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

3

อดรนไม่ไหว ใส่อุปกรณ์ดำน้ำตื้นลงไปทักทายหมู่ปลาและปะการังหลากชนิด ที่หน้าเกาะราวี

4

 วันฟ้าใสที่สะพานหินเกาะไข่ เป็น Landmark ที่คนเห็นกันชนชินตา และกลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะตะรุเตาไปแล้ว

5

 สะพานหินเกาะไข่ เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นลมในบริเวณปลายแหลมหิน จนเกิดโพรงช่องทะลุใหญ่ สามารถเดินลอดเข้าไปได้

6

 ท่าเรือหน้าเกาะตะรุเตา เกาะใหญ่ซึ่งที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตาตั้งอยู่ เมื่อก่อนเกาะนี้เองเคยเป็นที่คุมขังนักโทษการเมือง จนกลายเป็นโจรสลัดที่ออกปล้นเรือ และถูกปราบปรามในเวลาต่อมา

7

 ฝูงลูกปลาน้อยว่ายน้ำเข้ามาทักทายนักท่องเที่ยวที่ท่าเรือหน้าเกาะตะรุเตา

8

 ในวันฟ้าใสคลื่นลมสงบแบบนี้ จะมีอะไรดีไปกว่าการออกไปพาบเรือคายัคเที่ยวเล่นชมธรรมชาติรอบเกาะตะรุเตาล่ะ

9

 เกาะตุเรามักจะเป็นที่จอดเรือหลบคลื่นลมของเรือยอร์ชต์นักท่องเที่ยว

10

 แสงสุดท้ายของตะวันกำลังจะลาลับลงจุมพิตผืนทะเลที่หน้าเกาะตะรุเตา แต่กว่าจะได้ภาพนี้มาก็ต้องออกแรงปีนขึ้นเขาไปยังจุดชมวิว

11

 บนเกาะตะรุเตามีค่างแว่นถิ่นใต้อยู่หลายฝูง แถมยังคุ้นคน เข้ามาอยู่ใกล้ๆ บ้านพักเลย ค่างแว่นถิ่นใต้มีลักษณะเฉพาะคือหนังสีขาวรูปตัว C รอบตาสองข้าง แต่ถ้าเป็นค่างแว่นถิ่นเหนือแผ่นหนังสีขาวนั้นจะเป็นรูปตัว O พวกมันอาศัยอยู่เป็นฝูงเล็กๆ และกินใบไม้ผลไม้เป็นหลัก เรียกว่าเป็นสัตว์มังสวิรัตอย่างแท้จริง

12

 นกแก็ก คือนกเงือกชนิดตัวเล็กที่สุดของไทย Amazing มากๆ เพราะที่เกาะตะรุเตามันเข้ามาโชว์ตัวถึงหน้าบ้านพักเลย ไม่ต้องออกแรงเข้าไปหาดูในป่า

13

 แสงยามเย็นที่ปลายแหลมด้านทิศใต้ของเกาะหลีเป๊ะ เก็บภาพได้งดงามจากมุมสูง เห็นสีของเนินทรายตัดกับผืนทะเลไล่โทนเข้มอ่อนเบื้องหลังอย่างงดงาม

14

 อรุณรุ่งฝั่งหมู่บ้านชาวเลที่เกาะหลีเป๊ะ งามไม่ต่างจากภาพสวยๆ ของศิลปินธรรมชาติ

15

 วิถีชาวเลเผ่าอูรักลาโว้ยแห่งเกาะหลีเป๊ะ ยังผูกพันอยู่กับทะเลไม่เคยเปลี่ยน เมื่อแสงอาทิตย์ส่อง จังหวะแห่งชีวิตก็เริ่มต้นขึ้น

16

 สาวสวยกับหาดทรายขาวที่หาดพัทยา เกาะหลีเป๊ะ ศูนย์รวมความเจริญบนเกาะน่าเที่ยวแห่งนี้

17

 ดวงตะวันกลมดิกเป็นไข่แดง ขณะอาทิตย์อัสดงที่จุดชมวิวมุมสูงของเกาะตะรุเตา

18

 เกาะหินซ้อน เป็นเหมือนกองหินขนาดใหญ่โผล่ขึ้นเหนือทะเล ว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกลงทะเลได้สวยที่สุดจุดหนึ่งในหมู่เกาะตะรุเตา

19

 เกาะหินงาม ถือเป็นความพิเศษหนึ่งเดียวของธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะเป็นเพียงเกาะเดียวที่มีหินริ้วลายสวยงามนับหมื่นๆ แสนๆ ก้อน ไปกองรวมกัน จนกลายเป็นหาดหินเคียงคู่เกลียวคลื่นขาว แต่หินบนเกาะนี้มีคำสาบ! ใครบังอาจเก็บติดมือกลับบ้าน จะต้องประสบเหตุเภทภัย จนต้องนำกลับมาคืนทุกราย!!!

20

21

 จังหวัดสตูลไม่ได้มีแต่ท้องทะเลสวยงามน่าเที่ยวเท่านั้น แต่บนบกยังมีธรรมชาติน่าเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะการผจญภัยลงสู่โลกใต้พิภพ เป็นโลกซ่อนเร้นที่แทบไม่เคยมีใครพบเห็น ภาพนี้คือ ถ้ำภูผาเพชร ที่มีโถงถ้ำมรกตอันเกิดจากตะไคร่เขียวขึ้นปกคลุมโดยอาศัยความชุ่มชื้นในโถงถ้ำ เมื่อสะท้อนแสงไฟจึงเปล่งประกายงดงามเช่นนี้

22

 ถ้าภูผาเพชร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งพบหินงอก หินย้อย และเสาหินขนาดยักษ์ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการก่อกำเนิดขึ้น

23

 บางช่วงเวลาของวัน จะมีลำแสงอาทิตย์ส่องทะลุโพรงหินเข้าสู่ความมืดมิดภายในถ้ำภูผาเพชร จนเกิดเป็นภาพแปลกตา รวมกับลำแสงรัสมีจากสวรรค์!

24

 พายเรือคายัคลำน้อยเข้าสำรวจถ้ำเจ็ดคต ถ้ำน้ำลอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้!

25

 เด็กๆ ชาวป่าเผ่าเซียมัง ที่พบอาศัยอยู่ในป่าดงดิบของจังหวัดสตูลเท่านั้น ส่วนเผ่าซาไกพบได้ในแถบจังหวัดพัทลุงและตรัง

26

 คลองลำโลน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นลำธารสายน้อย ใสแจ๋ว และคดเคี้ยว ลดเลี้ยวเข้าไปตามป่าดงดิบ ผ่านถิ่นอาศัยของคนป่าเผ่าเซียมังด้วย

เกาะไม้ท่อน มัลดีฟส์แห่งใหม่ในทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต

ฉันนั่งมอง wristband สีฟ้าสดใส ที่มีตัวหนังสือสีขาวสกรีนลงไปว่า LOVEandaman.com ซึ่งสวมอยู่ที่ข้อมือข้างขวาของฉันตอนนี้ เจ้า wristband หรือปลอกข้อมือยางนี้ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ นะ แต่คุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์สุดพิเศษ One Day Trip ของบริษัท Love Andaman ที่กำลังมุ่งหน้าฝ่าท้องทะเลสีคราม น้ำใสแจ๋ว ตรงจากเกาะภูเก็ตมุ่งหน้าไปยัง “เกาะไม้ท่อน” เกาะส่วนตัวที่ปิดมานานนับสิบปี แต่เพิ่งเปิดออกสู่สายตาโลกภายนอกไม่นาน ทำให้เราได้มีโอกาสนั่งเรือสปีตโบ๊ทเร็วจี๋เหินเหนือยอดคลื่นมาในวันนี้

ผู้โดยสารกว่า 40 คนบนเรือต่างตื่นเต้น มองไปทางหัวเรือ ที่ใกล้ถึงเกาะไม้ท่อนเข้าไปทุกที อีกไม่กี่อึดใจแล้วสินะ ฉันก็จะได้เห็นเกาะสวรรค์ที่ใครๆ ตั้งฉายาให้ว่า มัลดีฟส์แห่งใหม่ของเมืองไทย เกาะที่อาบอิ่มด้วยธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ เป็นเสมือนเกาะส่วนตัว ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฮันนีมูนกับคู่รักหรือคนพิเศษของเราโดยไม่กลัวใครจะมารบกวน ว้าว!

2

จริงๆ แล้ว เกาะไม้ท่อนเป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวคุณภูริ หิรัญพฤกษ์ ดาราหนุ่มสุดหล่อ ที่ควงคู่มากับเจ้าสาวสุดสวยคุณแอน อลิชา เห็นแล้วน่าอิจฉา เพราะทั้งคู่มีเกาะส่วนตัวไว้ฮันนีมูนกัน ตลอดชีวิตเลย! เกาะไม้ท่อนจึงเรียกว่าเป็นเกาะแห่งความรัก ก็ไม่น่าจะผิดนะ

3

เพียงแค่ 15 นาที เรือสปีตโบ๊ทแรงม้าสูงสามเครื่องยนต์ ก็พาเรามาถึงเกาะไม้ท่อนอย่างรวดเร็ว เหมือนโกหก ภาพเกาะตรงหน้าทำให้พวกเราตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะไม่นึกเลยว่า ไม้ท่อนจะมีความใสบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ บนเกาะมีป่าเขียวครึ้มปกคลุม ถัดลงมาเป็นหาดทรายสีทองอ่อนๆ เคียงคู่น้ำทะเลสีเขียวมรกตไล่โทนไปจนถึงสีครามเข้มอ่อนอย่างสวยงามชวนมอง แดดเจิดจ้าและฟ้าใสๆ ของวันนี้ ได้เปิดเผยความงามในสัมผัสแรกให้เราประทับใจกันถ้วนหน้า มองไปบนหาดทรายหน้าเกาะ เราเห็นเพียงอาคารรีสอร์ทไม่กี่หลัง สร้างกลืนไปกับดงไม้ร่มครึ้ม มีเพียงความเงียบสงบ อวลด้วยกลิ่นอายทะเล ยินเพียงเสียงคลื่นขาวสาดซัดเข้าหาฝั่งดังซ่าๆ เป็นจังหวะน่าฟัง นี่ล่ะเสน่ห์แบบธรรมชาติของเกาะไม้ท่อน ที่แม้แต่เจ้าชายจิกมีแห่งประเทศภูฏานก็ยังทรงโปรดฯ เพราะทรงเคยเสด็จมาประทับพักผ่อนที่นี่ด้วย!

4

5

6

7

8

จากท่าเทียบเรือหน้าหาด ไกด์ผู้มากอารมณ์ขัน พาเราเดินตรงไปยังที่นั่งพักผ่อนติดกับร้านอาหาร ซึ่งจุดนี้มีระเบียงไม้แบบ Outdoor กว้างขวางใต้ทิวสนทะเลต้นเบ้อเริ่ม ให้เราได้นั่งชิลชมวิวทะเลสวยราวสวรรค์เบื้องหน้า หรือจะถอดรองเท้าลงไปเดินเล่นบนผืนทรายนุ่มๆ แสนสะอาด แล้วมานอนอิงกายบนเตียงผ้าใบใต้ร่มชายหาดสีขาว สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาจิบ ยกกล้องคู่ใจขึ้นมาบันทึกภาพสักแช๊ะ แล้วลองหลับตา สูดโอโซนเข้าปอดสักฟอดใหญ่ๆ จากนั้นลองใช้โสตประสาทสัมผัสทางหู รับฟังสรรพสำเนียงของธรรมชาติแท้ๆ ที่คุณจะหาจากที่อื่นไม่ได้ง่ายๆ นี่คือโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งฉันอยากหยุดเวลาไว้ แล้วขอนอนเอกเขนกอยู่ตรงนี้ให้นานๆ ตลอดไป

9

10

กิจกรรมของทริปทัวร์วันนี้ไม่มีอะไรมาก ไม่อัดแน่น ไม่บังคับกัน ใครอยากจะพักอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีใครว่า แต่ส่วนใหญ่ (รวมทั้งตัวฉันด้วย) เลือกที่จะลงไปเดินเล่นถ่ายภาพบนชายหาดมากกว่า แหม ไม่ได้มากันบ่อยๆ ขอเก็บภาพประทับใจไปอวดเพื่อนๆ ที่กรุงเทพฯ ให้อิจฉาเล่นดีกว่า ขอบอกว่า แม้หาดทรายบนเกาะไม้ท่อนจะไม่ได้เป็นสีขาวจั๊วะเหมือนกับแถวหมู่เกาะสิมิลัน หรือหมู่เกาะสุรินทร์ของพังงา แต่หาดทรายสีทองอ่อนๆ ของที่นี่ก็มีเนื้อละเอียดเนียน นุ่มเท้า อ่อนโยนยามได้สัมผัส อีกทั้งฟองคลื่นขาวที่สาดซัดเข้ามาตลอดเวลา ก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้หาดของเกาะไม้ท่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลายคนอดใจไม่ไหว โดดลงไปเล่นน้ำ พายเรือคายัก เดินหาเปลือกหอยสวยๆ มาเรียงบนหาดทราย หรือไม่ก็หามุมถ่ายภาพตามโขดหิน ร่มไม้ แล้วโดดตัวลอยถ่ายภาพพร้อมกันเป็นหมู่อย่างสนุกสนาน

            สมแล้วที่เกาะไม้ท่อนเป็นเกาะแห่งความรักและความสุข ฉันแอบอิจฉาตัวเองเล็กๆ ที่ได้มาอยู่บนหาดทรายผืนนี้ ณ วินาทีนี้

11

12

13

ก่อนเที่ยง ไกด์ผิวเข้มหน้าตาใจดี ชวนพวกเราเดินขึ้นเขาไปบนจุดชมวิว ไม่ต้องตกใจหรอก เดินแค่ 200-300 เมตร ก็ถึงแล้ว ถ้าไม่ขึ้นไปจะเสียใจ ระหว่างทางมีแมกไม้ร่มรื่น เดินชิลไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ พอถึงยอดเขาก็ต้องร้องโอ้โห เพราะสามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามา 360 องศา โดยในวันที่ฟ้าโปร่งแบบนี้ เราสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 3 จังหวัดเลยทีเดียว คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ บนยอดเขาจุดชมวิวนี้ค่อนข้างโล่ง มีศาลาที่พักเล็กๆ ให้นั่งชมวิว พร้อมกับภายประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิให้เรากราบไหว้เป็นสิริมงคลด้วย

            กลับลงมาที่ร้านอาหาร ไลน์บุฟเฟ่ต์ก็เตรียมเสร็จพอดี นี่คืออาหารเที่ยงแบบจัดเต็ม กินกันไม่อั้น โดยเฉพาะหมึกย่างกับกุ้งเผา จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเด็ด ใครจะหม่ำข้าว สปาเก็ตตี้ น่องไก่ทอด ผัดผัก แกงจืด มันฝรั่งทอด ฯลฯ ก็เลือกกันเลยตามสบาย กินให้อิ่มนะ แต่อย่าอิ่มจนล้น เพราะประมาณบ่ายโมง เขาจะพาลงเรือไปดำน้ำดูปลาทักทายปะการังแสนสวยกันด้วย

14

15

16

17

18

19

20

จุดเด่นอย่างหนึ่งของธรรมชาติเกาะไม้ท่อนก็คือ มีแนวปะการังอุดมสมบูรณ์ยาวเหยียดกว่า 1 กิโลเมตร ทอดตัวขนานไปกับชายหาดด้านหน้าเกาะ โดยอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเอง แถมยังเป็นโลกใต้น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยปะการังนานาชนิด มีปลาการ์ตูน หอยต่างๆ ฟองน้ำทะเล ดอกไม้ทะเล ปลาดาว และโดยเฉพาะฝูงลูกปลานับล้านๆ ตัว! แหวกว่ายรวมฝูงกันอยู่อย่างหนาแน่น แสดงให้เห็นว่าทะเลตรงนี้ปลอดภัย ใช้เป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์ทะเล เพื่อต่อเติมห่วงโซ่แห่งโลกสีครามให้สมบูรณ์ต่อไปไม่สิ้นสุด

            พอเรือสปีตโบ๊ทจอดเราก็ไม่รอช้า รีบสวมหน้ากากดำน้ำ เสื้อชูชีพ และตีนกบ โดดลงน้ำตูมทางท้ายเรือ ว่ายน้ำตามไกด์ไปตรงจัดที่มีปะการังสวยๆ รออยู่

21

22

โลกใต้น้ำที่นี่ช่างสวยงาม น่าตื่นเต้น น่าค้นหา ปะการังส่วนใหญ่เป็นแบบปะการังโขดก้อนใหญ่ๆ อย่างปะการังสมองก้อนเบ้อเริ่ม ปะการังเขากวางดงใหญ่ทอดต่อเนื่องออกไปเป็นพื้นที่ยาวเหยียด นอกจากนี้ยังมีปะการังผักกาด ปะการังโต๊ะ หอยมือเสือ ดาวทะเล หนอนพู่ฉัตร และปลาหลากสีว่ายวนหากิน อยู่คู่กับปะการังเหล่านั้น เปรียบไปคงเหมือนบ้านอันแสนสุขของพวกมัน ฉันโชคดีว่ายไปเจอกอดอกไม้ทะเล กับปลาการ์ตูนคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในนั้น มันว่ายน้ำผลุบๆ โผล่ๆ ออกมาจากกอดอกไม้ทะเล เพื่อมาสอดแนมฉัน ดูว่าพวกเรามาทำอะไรกันในเขตบ้านของมัน ไม่ต้องกลัวนะเจ้าปลาน้อย ฉันแค่มาเยี่ยม ไม่ได้มาทำอันตรายหรอก

23

เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว บ๊ายบาย เกาะไม้ท่อน มัลดีฟส์ของฉัน แล้วพบกันใหม่เร็วๆ นี้นะจ๊ะ

1841

Special Thank : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. สนับสนุนสุดยอดอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ

สนใจติดต่อ โทร. 0-2633-5100 / แฟ็กซ์ 0-2633-5191 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

 

Professional Guide

Best season : ฟ้าสวยน้ำใส คลื่นลมสงบที่สุด ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

Getting there : เกาะไม้ท่อนอยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางตะวันออก 9 กิโลเมตร เรือสปีตโบ๊ทออกจากท่าเรือแหลมพันวา ใช้เวลาวิ่งเพียง 15 นาที ก็ถึงแล้ว โดยมีรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวจากโรงแรมที่พักมายังท่าเรือด้วย แพ็กเกจ One Day Trip อยู่ในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. นอกจากพาเดินเที่ยวขึ้นจุดชมวิวบนเกาะแล้ว ยังมีพาไปดำน้ำ 2 จุด และพักผ่อนบนหาดด้วย

Overnight : บนเกาะไม้ท่อนมีที่พักอยู่แห่งเดียว คือ Honeymoon Island Phuket Resort (ชื่อเดิม ไม้ท่อน ไอส์แลนด์ รีสอร์ท) ตั้งอยู่บนหาดส่วนตัวทางด้านตะวันออกของเกาะ ซึ่งเป็นจุดที่เรือสปีดโบ๊ทมาจอดนั่นแหละ สามารถจองผ่าน www.hoteltravel.com

Cuisine : แพ็กเกจ One Day Trip เกาะไม้ท่อน มีอาหารเที่ยงรวมให้ด้วย 1 มื้อ เสิร์ฟบนเกาะอย่างอิ่มหนำ สำราญ จัดเต็มกับซีฟู๊ดกุ้ง หมึก ปลา และสารพัดอาหารอร่อย พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ สำหรับคลายร้อน

Contact : Love Andaman เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับอนุญาตให้พานักท่องเที่ยวไปเกาะไม้ท่อน สนใจจองแพ็กเกจทัวร์ โทร. 0-7648-6095-6, 08-1999-8844, 08-9500-5111 เว็บไซต์ http://loveandaman.com เฟสบุ๊ค www.facebook.com/loveandaman อีเมล info@LoveAndaman.com