เมืองต้องห้ามพลาด! “ชุมพร” ประตูสู่ภาคใต้
ได้เวลาเก็บกระเป๋า ชวนกันไปเที่ยว “ชุมพร ประตูสู่ภาคใต้” เมืองแห่งสีเขียวและความเงียบสงบสไตล์ Slow Travel โดยเริ่มต้นกันที่ “เนินทรายยักษ์บางเบิด” บนเขตรอยต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเนินทราย หรือ Sand Dune ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย!!! คือเป็นเนินทรายสีน้ำตาลแดง เม็ดละเอียด ถูกคลื่นลมพัดมากองรวมกันนานนับพันปี! สูงกว่า 10-20 เมตร และยาวถึง 10 กิโลเมตร! มีต้นเตยทะเลขนาดใหญ่งอกงามอยู่ดาษดื่น เป็นภูมิทัศน์มหัศจรรย์ธรรมชาติอันแสนแปลกตาสุดๆ
ทัศนียภาพสวยงามแปลกตา ณ เนินทรายยักษ์บางเบิด
หาดทรายรี แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดลมบนของชุมพรมาช้านาน เป็นเวิ้งอ่าวรูปจันทร์เสี้ยว สวยงามสะอาดตา เหมาะจะมาพักผ่อนหรือนั่งปิกนิกชมธรรมชาติกัน เพราะที่หาดนี้มีห้องพักและร้านอาหารให้เลือกมากมาย
นอกจากหาดทรายรีจะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวชุมพรแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญคือ “ศาลกรมหลวงชุมพร” อนุสรณ์สถานของ พลเรือเอก พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ผู้ทรงสถาปนากองทัพเรือสมัยใหม่ให้แก่สยามประเทศ จนเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไปในพระนาม “เสด็จเตี่ย” ซึ่งทหารเรือและชาวเรือทุกคนเคารพยิ่ง ก่อนออกเรือต้องระลึกถึงท่านเสมอ เพื่อให้ปลอดภัยกลับมา
นอกจากจะได้พระนาม “เสด็จเตี่ย” แล้ว กรมหลวงชุมพรฯ ท่านยังได้ฉายา “หมอพร” จากชาวชุมพรทุกคนด้วย เพราะหลังจากพระองค์ลาออกจากราชการแล้ว ได้ทรงมาทำงานส่วนพระองค์เป็นแพทย์รักษาคนป่วยฟรี อยู่ที่เมืองชุมพร จนเป็นที่รักใคร่ของปวงชน กระทั่งทรงเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2466 ณ หาดทรายรี นี่เอง สิริพระชนมายุเพียง 43 พรรษา ถือว่าพระองค์จากเราไปรวดเร็วเหลือเกิน!
เรือรบหลวงชุมพร เป็นเรือตอปิโอขนาดใหญ่ที่ปลดประจำการแล้ว ชาวชุมพรได้ขอให้กองทัพเรือนำขึ้นบกมาจัดแสดงไว้ใกล้ศาลกรมหลวงชุมพร เพื่อเป็นอนุสรณ์ โดยเรือนี้ปลดประจำการเมื่อปี พ.ศ. 2518 และนำมาแสดงไว้ที่หาดทรายรีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 นับเป็นการเทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งราชนาวีไทยอย่างสูง
อีกมุมหนึ่งของ ศาลกรมหลวงชุมพร หาดทรายรี
ชุมพรเป็นเมืองคนกล้าอย่างแท้จริง มีหลักฐานปรากฏชัดจากอดีตมาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะที่ “อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร” เรื่องจริงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทหารญี่ปุ่นบุกยกพลขึ้นบกที่บริเวณหาดบ้านคอสน ตำบลบางหมาก อำเภอเมืองชุมพร จนมีการปะทะกันอย่างดุเดือดกว่าครึ่งวัน กับกองกำลังผสมฝ่ายสยาม ประกอบด้วยยุวชนทหารที่ 52 โรงเรียนศรียาภัย และกองพันทหารที่ 38 จุดปะทะกันอยู่ที่เชิงสะพานท่านางสังข์ อันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ยุวชนทหารนั่นเอง ปัจจุบันอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 4001 (ถนนสายชุมพร-ปากน้ำ) เข้าไปชมและทำความเคารพได้ไม่ยาก
ทุกปีในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ขณะที่สายฝนชุ่มฉ่ำกำลังพร่างพรมอาบรดผืนดินทั่วชุมพร นั่นคือฤดูกาลแห่ง “การดูเหยี่ยวอพยพ” ที่เขาดินสอ อำเภอปะทิว นักดูนกจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลมาที่นี่นับหมื่นคน! เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์การอพยพของฝูงเหยี่ยวหลายสิบชนิด รวมแล้วนับแสนตัว! ถ้าจะดูให้สนุก ควรมีคู่มือดูนก (Bird Guide) และกล้องส่องทางไกลคุณภาพดีๆ ไปสักตัว จะได้เห็นชัด
ดูเหยี่ยวอพยพอย่างเดียวอาจไม่สะใจพอ ต้องขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย โชคดีได้กล้องและเลนส์ Tele 500 มิลลิเมตร f4 VRII NANO จาก Nikon Sales Thailand เลยได้ภาพเหยี่ยวสวยๆ มากฝากกันไงล่ะ
ชวนกันขับรถขึ้นไปชมวิวที่ “เขามัทรี” ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร ด้านบนมีจุดชมวิวแบบสุดสายตาพาโนรามา เห็นได้ทั้งทิศตะวันออก-ตะวันตก ทั้งฝั่งอ่าวไทยและชุมชนประมงปากน้ำ บนยอดเขามัทรีเป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมพระโพธิสัตย์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลา จากจุดนี้มองออกไปเห็นเวิ้งอ่าวภราดรภาพ ปากน้ำชุมพร ชุมชน และท่าเทียบเรือ บรรยกาศยามเย็นโรแมนติกสุดๆ อย่ามาคนเดียวล่ะ เดี๋ยวจะเหงา!
จากจุดชมวิวยอดเขามัทรี มองไปทางตะวันออกเห็นทะเลอ่าวไทย และเวิ้งอ่าวภราดรภาพ ได้ตระการตาจริงๆ
เจ้าแม่กวนอิมพระโพธิสัตย์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลา บนยอดเขามัทรี
เที่ยวท่องล่องธรรมชาติชุมพรกันมาพอสมควรแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสวิถีชุมชนชาวสวนแบบพอเพียงกันบ้าง ที่ “สวนลุงนิล” ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก ชื่นชมแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ที่ได้รับการนำมาปฏิบัติจนเป็นรูปธรรมของ ลุงนิล (คุณสมบูรณ์ ศรีสุบัติ) เกษตรกรตัวอย่างที่เนรมิตให้ที่ดินเพียง 17.13 ไร่ กลายเป็นสวรรค์ ทำรายได้ให้ปีละหลายล้านบาท!!! จนเหลือกินเหลือใช้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ
ผลจากการลองผิดลองถูก เริ่มต้นด้วยการปลูกสวนทุเรียนอยู่หลายปี จนในที่สุดองค์ความรู้ตกตะกอน กลายเป็นปราชญ์ชาวบ้าน 1 ใน 25 ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ที่สำนักงานการฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) คัดเลือกให้เป็นปราชญ์นำร่อง ขยายองค์ความรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กว้างขวางย่ิงขึ้น ทุกวันนี้บ้านลุงนิลจึงหัวกระไดไม่แห้งเลย มีคนจากทั่วประเทศมาเยี่ยมชมตลอดทั้งปี เจ๋งสุดคือ แนวคิดการปลูกพืชแบบคอนโด 9 ชั้น อันมีชื่อเสียงของลุงนิล ทำให้คนร่ำรวยกันมานักต่อนักแล้ว!!!
บ้านลุงนิล ร่มรื่น สมเป็นบ้านสวนจริงๆ เลย
สวนของลุงนิลแม้มีขนาดไม่ใหญ่ แต่มีต้นไม้ใบหญ้า พืชสมุนไพร ผลหมากรากไม้ ขึ้นผสมกันหลากหลาย อีกทั้งมีการแบ่งฐานเรียนรู้เป็นจุดๆ ด้วย
ลุงนิล อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเปิดเผย เต็มใจ ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย น่าชื่นชมจริงๆ
น้ำสมุนไพรสูตรเด็ดจากสวนลุงนิล “น้ำหญิง 1 ชาย 2” อย่าคิดมาก ชื่อนี้ไม่ได้ทะลึ่ง แต่หมายถึงว่ามีส่วนผสมของย่านาง 1 ส่วน กระชาย 2 ส่วน และน้ำผึ้ง 3 ส่วน จนได้เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพสุดเจ๋ง! ขายขวดละ 300 บาทเท่านั้น
CONTACT : สวนลุงนิล เลขที่ 14 หมู่ 6 ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร โทร. 08-7466-0596
Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง
สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6
Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd.
สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th
หรรษาฮาเฮ เที่ยวทะเลชุมพร เมืองหาดทรายสวย 400 ลี้!
หลีกหนีความจำเจ ชวนกันล่องเรือโล้คลื่นออกไปชื่นชมน้ำทะเลสีมรกตสดใส ณ “หมู่เกาะทะเลชุมพร” ซึ่งกระจายอยู่มากถึง 40 เกาะ! ไล่จากทิศเหนือ-ใต้ ตั้งแต่อำเภอปะทิว, อำเภอมืองชุมพร, อำเภอสวี, อำเภอทุ่งตะโก และอำเภอหลังสวน ออกไปค้นหานิยามแห่งความสุขในแบบของคุณเอง ในโอเอซิสกลางอ่าวไทย “ทะเลชุมพร”
ว่ายน้ำเล่นในวันฟ้าใส ชุ่มฉ่ำน้ำทะเลสีมรกตหน้าเกาะลังกาจิว
แนวปะการังแข็งหน้าเกาะลังกาจิว กว้างขวางถึง 0.025 ตารางกิโลเมตร ดำน้ำดูปลากันเต็มอิ่มไปเลยล่ะ
กระท่อมคนเฝ้าถ้ำรังนก บนเกาะลังกาจิว
วันฟ้าใสแจ๋ว บนหาดทรายหน้าเกาะลังกาจิว
ปะการังรูปหัวใจ Landmark ใหม่ของทะเลชุมพร
ปะการังรูปหัวใจ ไม่ได้มีแค่ก้อนเดียว ถ้าหาให้ดี จะเจอรูปร่างคล้ายกันอีกหลายก้อนเลยล่ะ
การเป็นเกาะสัมปานทานเก็บรังนก ที่อนุโลมให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้บ้างเป็นครั้งคราว มีข้อดี เพราะช่วยรักษาความสมบูรณ์ของปะการัง ให้ทรุดโทรมช้า หน้าเกาะลังกาจิวจึงไม่ต่างจาก โอเอซิสแห่งท้องทะเลชุมพร
โขดปะการังแข็งก้อนเบ้อเริ่ม! ที่หน้าเกาะลังกาจิว มีลักษณะกลมคล้ายวงแหวนศิลาสีมรกต!
ความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังแข็งน้ำตื้น หน้าเกาะลังกาจิว ยังซุกซ่อนความลับของธรรมชาติไว้อีกมาก รอให้เราไปสัมผัส
ว่ายน้ำเล่นหน้าเกาะลังกาจิว
นกนางนวลแกลบท้ายทอยดำ มาอาศัยทำรังและหากินอยู่บนเกาะลังกาจิว
ฝูงปลาเสือที่คุ้นคน พากันลอยตัวขึ้นมาหากินอยู่บนผิวน้ำหน้าเกาะลังกาจิว สังเกตว่าบางตัวโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำด้วยซ้ำ
แม้เกาะลังกาจิว จะเป็นเกาะสัมปทานรังนกที่ห้ามขึ้นบนเกาะ แต่ก็มีการอนุโลมให้ดำน้ำชมปะการังหน้าเกาะได้
ความสวยใสบริสุทธิ์ของน้ำทะเล และแนวปะการังพื้นที่กว่า 0.025 ตารางกิโลเมตร หน้าเกาะลังกาจิว
เกาะลังกาจิว เป็นเกาะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงเคยเสด็จประภาสเพื่อทอดพระเนตรการเก็บรังนกบนเกาะนี้ถึง 3 ครั้ง และได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ของพระองค์ไว้บนผนังหินปากถ้ำ ทางด้านใต้ ซึ่งยังคงปรากฏมาจนทุกวันนี้
เกาะลังกาจิว เป็นเกาะสัมปานเก็บรังนกขาย จึงมีกระท่อมของคนเฝ้ารังนกกระจายอยู่ทั่วเกาะ
เรือพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำเล่นที่เกาะลังกาจิว
เกาะละวะ อีกหนึ่งจุดดำน้ำยอดฮิตของหมู่เกาะชุมพร แต่เกาะนี้ไม่มีหาดทรายให้ขึ้นไปเที่ยวนะ เพราะรอบเกาะมีแต่โขดหิน กับแนวปะการังแข็งใต้น้ำอันสวยงาม
เรือนำเที่ยวเกาะละวะ
ดำน้ำแหวกว่ายทักทายหมู่ปลาและปะการังสวย หน้าเกาะละวะ
บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน (Nature Trail) พร้อมป้ายความรู้เป็นระยะ ให้เราเดินเข้าไปสัมผัสธรรมชาติ โดยต้นโกงกางเหล่านี้เป็นฝีมือการปลูก ของนักเรียนนักศึกษา และคนจิตอาสา เส้นทางเดินนี้จะเลียบลำคลองไปเรื่อยๆ จนถึงท่าเรือเล็ก และสะพานแขวนข้ามคลองไปยังอีกฝั่งได้
ป่าโกงกางบริเวณท่าเรือของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร
พายเรือคายัคเที่ยวชมป่าชายเลน บริเวณใกล้ๆ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ถ้าให้ปลอดภัยควรสวมเสื้อชูชีพด้วย
จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร สามารถขอยืมเรือคายัคออกไปพายเที่ยวชมธรรมชาติ ศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลน ซึ่งยังอุดมสมบูรณ์มาก
เรือนำเที่ยวจากท่าของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จะใช้เรือประมงดัดแปลงของชาวบ้าน นั่งได้ไม่เกิน 10-15 คน ค่าเช่าเรือ 2,500-2,800 บาท/วัน ส่วนการเช่าเรือออกไปไดหมึก ค่าเช่า 3,000-3,500 บาท/เที่ยว แล้วแต่ตกลงกัน
CONTACT : อุทยทานแห่งชาติหมู่เเกาะชุมพร หมู่ 5 บ้านโพงพาง ต.หาดทรายรี อ. เมืองชุมพร จ. ชุมพร 86120 ติดต่อโทร. 0-7755-8144, 0-7755-8145
HOW TO GO : รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง โดยทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) มุ่งหน้าจังหวัดชุมพร เมื่อถึงสี่แยกปฐมพร เลี้ยวซ้ายเข้าไป 8 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวเมืองชุมพร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4001 (อำเภอเมือง-ปากน้ำชุมพร) ประมาณ 13 กิโลเมตร ก่อนจะถึงปากน้ำชุมพรมีสามแยกไปหาดทรายรี ให้เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 20 เมตร จะพบทางแยกให้เลี้ยวขวาอีกครั้ง ไปตามถนน รพช. สายบ้านมัทรี-หาดทรายรี ประมาณ 9 กิโลเมตร จนพบป้ายทางเข้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เลี้ยวขวาไปประมาณ 1 กิโลเมตร จนถึงที่ทำการอุทยานฯ
BEST SEASON : เที่ยวหมู่เกาะชุมพรได้สวยที่สุด ฟ้าโปร่ง คลื่นลมสงบ อากาศแจ่มใส ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม
Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง
สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6
Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd.
สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th
เที่ยวเพลิน “ระนอง” เมืองฝน 8 แดด 4 แห่งอันดามัน
สนับสนุนการเดินทางและอุปกรณ์ถ่ายภาพ
ได้เวลาชวนกันไปเที่ยว “ระนอง” เมืองฝน 8 แดด 4 แห่งชายฝั่งทะเลอันดามัน เมืองที่อาบอิ่มด้วยธรรมชาติอันสวยสดงดงาม มีความเขียวของพงไพร และความชุ่มฉ่ำของสายน้ำแร่ น้ำตก ผสานผสมกลมกลืนกับวิถีผู้คน นี่คือเมือง Slow Town ที่มีบรรยกาศเนิบช้า เปี่ยมสุขอย่างแท้จริง “ระนอง”
พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ตั้งอยู่กลางเมืองระนอง บนเนินเขารัตนรังสรรค์ วังแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่เสด็จประทับแรมของรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2433) รัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2452) และรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2471) โดยสร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทั้งหลัง ภายในมีห้องบรรทม ห้องทรงงาน และอื่นๆ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แบบ Muti Media ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย เข้าชมได้ทุกวัน
ด้านหน้าพระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) มีอนุสาวรีย์ชาวจีนหาบแร่ดีบุก ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของเศรษฐกิจอันมั่งคั่งของระนองมาจนทุกวันนี้
ระนองเป็นเมืองน้ำแร่อย่างแท้จริง เพราะตั้งอยู่เหนือรอยเลื่อนของเปลือกโลก ใต้พิภพจึงมีน้ำแร่ร้อนระอุ ผุดขึ้นมาหลายจุดด้วยกัน มีชื่อเสียงที่สุดคือ “บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์” ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง บ่อน้ำร้อนแห่งนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์บริการแล้วว่าประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ ไม่มีกำมะถันเจือปน จึงทำให้ไม่มีกลิ่นฉุนของกำมะถัน และมีความบริสุทธิ์สามารถดื่มได้ดี มีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่การรักษาสุขภาพ โดยมีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว
น้ำแร่เมืองระนอง เป็นน้ำแร่คุณภาพดีที่สุดในเมืองไทย อุดมด้วยแร่ธาตุนานาชนิด แต่ไม่มีกลิ่นกำมะถันฉุนๆ เลย
บริเวณใกล้บ่อน้ำร้อน มีการจัดภูมิทัศน์เป็นสวนสาธารณะชื่อ “รักษะวาริน” หมายถึง “น้ำที่ใช้รักษาโรคได้” เป็นนามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานไว้เมื่อคราวเสด็จเยือนระนอง พ.ศ. 2510
ถึงแม้จะไม่ได้ลงแช่น้ำแร่ทั้งตัว แต่แค่แช่เท้าก็ช่วยรักษาโรคบางอย่าง หรือช่วยให้สุขภาพดีได้แล้ว เพราะเท้าของคนเราเป็นจุดศูนย์รวมประสาทมากมาย
ภูเขาหญ้า หรือเขาหัวล้าน หรือเขาผี อยู่ที่ตำบลบ้านหงาว ฝั่งตรงข้ามน้ำตกหงาว ริมทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา) ตรง กม. 623 เป็นจุดท่องเที่ยวยอดฮิตทางธรรมชาติของระนองมาช้านาน เสน่ห์ของภูเขาหญ้าคือทัศนียภาพแปลกตา ของเนินเขากลมมนซึ่งมีแต่หญ้าปกคลุม ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย ในฤดูฝนแลเขียวขจีสดชื่น ส่วนยามฤดูแล้ง หญ้าจะกลายเป็นสีทอง สามารถเดิน ปั่นจักรยาน หรือขับรถยนต์ขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาด้านบนได้
“จวนเจ้าเมืองระนอง” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2420 ในสมัยของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอ ซู เจียง) เจ้าเมืองระนองคนแรก เดิมเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้แฝด 3 หลังเชื่อมต่อกันด้วยระเบียง ปัจจุบันสองหลังที่อยู่ด้านริมได้ผุพังไปเหลือเพียงเสาและพื้นหิน ส่วนเรือนหลังกลางได้ปรับปรุงทำเป็นศาลบรรพบุรุษ มีป้ายวิญญาณบรรพบุรุษภาพถ่ายเก่าๆ ของคนในตระกูล ณ ระนอง และสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าเมืองระนองคนแรกไว้ให้ชมกัน
แม้จะผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยปี แต่กำแพงอิฐของจวนเจ้าเมืองระนองก็ยังคงแข็งแรง ยืนท้าแดดลมอย่างไม่ครั่นคร้าม
บ่อน้ำร้อนพรรั้ง เป็นบ่อน้ำร้อนชื่อดังอีกแห่งของระนอง ไม่แพ้บ่อน้ำร้อนรักษะวารินทร์ อยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและบ่อปูนซีเมนต์ 5 บ่อ โดยน้ำร้อนจะซึมออกมาจากผิวดิน แล้วหลากไหลไปเป็นธารน้ำบริสุทธิ์ กระจายเป็นแอ่ง ถึง 13 ตาน้ำ อุณหภูมิน้ำที่นี่ไม่ร้อนมาก ประมาณ 35-40 องศาเซลเซียส ทว่าในน้ำมีแร่ธาตุที่อุดมคุณประโยชน์หลายอย่าง
หลังจากอาบแช่ตัวที่บ่อน้ำร้อนพรรั้งเสร็จแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมแวะที่ร้านค้า ถามหาไข่ดำน้ำ หรือไข่นำ้แร่ ที่ต้มมาจากบ่อน้ำร้อนพรรั้งกันสดๆ แร่ธาตุต่างๆ จึงซึมเข้าไปในไข่ เชื่อว่ากินแล้วช่วยให้แข็งแรงดี
น้ำตกบกกราย อยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งระยะ-นาสัก หมู่ 8 ตำบลน้ำจืด ห่างจากตัวจังหวัดระนองไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-ชุมพร) ประมาณ 54 กิโลเมตร ตรงหลัก กม. 556-557 มีป้ายชี้ทางไปน้ำตกบกกราย ประมาณ 9 กิโลเมตร น้ำตกบกกรายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี ส่วนที่เล่นน้ำได้ง่ายคือบริเวณชั้น 1-4 ส่วนชั้นที่ 5-11 ต้องเดินป่าขึ้นไประยะทางไกล ควรให้เจ้าหน้าที่นำทาง ด้านข้างน้ำตกมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติด้วย
น้ำตกปุญญบาล ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี เป็นน้ำตกที่ไหลแรงตลอดปี อยู่ติดกับถนนเพชรเกษมสายเก่า บริเวณ กม. 598 ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 2 กิโลเมตร มีนักท่องเที่ยวแวะชมปีละเกือบแสนคน ต้นน้ำเกิดจากป่าละอุ่นและป่าราชกรูด บริเวณต้นน้ำของน้ำตกปุญญบาลมีต้นพญาไม้ หรือขุนไม้ ต้นสูงใหญ่ถึง 50 เมตร (อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี โทร. 0-7798-8817, 0-7787-0238)
น้ำตกหงาว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นลาดผาหินสูงนับร้อยเมตร โอบล้อมด้วยป่าดิบเขียวครึ้ม สามารถมองเห็นได้จากริมถนนทางหลวงหมายเลข 4 และที่พิศษสุดคือ เป็นที่เดียวในโลก ซึ่งมีการสำรวจพบ “ปูเจ้าฟ้า” หรือ Panda Crab เป็นปูกระดองสีขาว ขาสีดำ อาศัยอยู่ตามธารน้ำของน้ำตกหงาวนี่ล่ะ (อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว โทร. 0-7784-8181, 0-7659-5045)
บางคนพูดกันเล่นๆ ว่า ระนองเป็นเมืองหลวงของคนพม่าที่เข้ามาทำงานอยู่ในเมืองไทย! จะจริงรึเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าที่แน่ๆ กลางเมืองระนองมี “ตลาดพม่า” ขนาดใหญ่ ขายสินค้าพม่า จีน ปักษ์ใต้ บรรยกาศคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่จนเย็นย่ำ มีสินค้านานาชนิดให้เลือกชมเลือกซื้อ ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ ขนม ของกิน รวมไปถึงปลาสดตัวใหญ่เบ้อเริ่มจากน่านน้ำพม่า!
วัดบ้านหงาว เป็นวัดดังอันดับต้นๆ ของเมืองระนอง เพราะมีของเด่นดังอยู่ 3 อย่าง คือ พระพุทธรูปดีบุกใหญ่ที่สุดในโลก, โบสถ์แห่งใหม่ที่มีพุทธศิลป์งามล้ำ และวังมัจฉา ที่มีปลาอยู่เพียบ ทั้งปลาดุกยักษ์และปลาบึก นอกจากนี้ วัดบ้านหงาวยังอยู่ใกล้กับภูเขาหญ้า และน้ำตกหงาว แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต
หลังจากไหว้พระที่วัดบ้านหงาวเสร็จแล้ว ใกล้ๆ กันอย่าลืมแวะที่ “ร้านวัชรี” บ้านหงาว แหล่งผลิตและจำหน่ายมะม่วงหิมพานต์ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในจังหวัดระนอง เราสามารถเข้าไปชมขั้นตอนการทำ ตั้งแต่การคั่ว การกระเทาะเปลือก ไปจนถึงการตากแห้ง แถมยังมีร้านจำหน่ายให้ซื้อกลับบ้านกันอย่างจุใจ
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่คั่วด้วยไฟจนสุกแล้ว จะนำมาทุบเอาเปลือกออก เพื่อให้เหลือแต่เนื้อในใช้รับประทาน รสชาติหวานมันดี มะม่วงหิมพานต์ที่คนภาคกลางเรียกกันนั้น คนใต้เขายังเรียกต่างไปอีกหลายชื่อ เช่น กาหยู, เล็ดล่อ (หมายถึง เมล็ดล่อ คือเมล็ดโผล่ออกมา) และบางท้องถิ่นก็เรียกว่า กาหยี ฯลฯ
ด้วยดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย มะม่วงหิมพานต์ของระนองจึงเมล็ดใหญ่อวบ หวานมัน น่ากินอย่างนี้เอง
ร้านวัชรี ยังใช้การคั่วเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยเตาถ่านแบบโบราณ ขอบอกว่าในห้องคั่วนี่ไฟร้อนระอุมากๆ แถมยังมีน้ำมันจากเมล็ดมะม่วงหิมานต์ที่โดนไฟ กระเด็นออกมา แตกดังเปรี๊ยะๆๆ
CONTACT : ร้านวัชรี 55/5 หมู่ 1 ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง 85000 (ใกล้วัดบ้านหงาว) โทร. 0-7782-3783
สำหรับคอกาแฟตัวจริง ณ วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “พี่ก้อง” หรือคุณสุพจน์ กรประสิทธิ์วัฒน์ ผู้ก่อตั้ง “ก้อง Valley” แห่งอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นอาณาจักรเล็กๆ ของคนรักกาแฟ ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ และในอีกหลายประเทศทั่วโลก กาแฟของพี่ก้องมีจุดเด่นคือ เป็นกาแฟโรบัสต้าที่คั่วเอง โดยใช้การคั่วแบบโบราณ จึงหอมกรุ่น รสชาติเข้มข้น ตามสโลแกนของกาแฟระนอง คือ “เข้มแต่ไม่ขม”
เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วมืออย่างช้าๆ ประณีต เอาใจใส่ ด้วยกรรมวิธีโบราณ จะมีหน้าตาแบบนี้เอง
มาเที่ยว ก้อง Valley แล้ว ไม่ซื้อกาแฟพี่ก้องไม่ว่า แต่เขาจะชงกาแฟเลี้ยงทุกคน เหมือนกับเลี้ยงเพื่อนที่มาเที่ยวบ้าน เราจึงรู้สึกอบอุ่น พร้อมกับนั่งฟังพี่ก้องเล่าเรื่องกาแฟทั่วโลกจนเพลิน ใครไม่ดื่มกาแฟ ฟังแล้วก็ In ต้องเริ่มดื่มบ้างแล้ว
กาแฟของพี่ก้อง นอกจากจะคั่วบนเตาถ่านแล้ว ยังต้องบดด้วยเครื่องบดมือเท่านั้น อย่างเครื่องบดอันนี้ พี่ก้องได้มาจากประเทศเยอรมนี เป็นเครื่องบดกาแฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โอ้โห ยังใช้ได้ดีเหมือนใหม่จริงๆ
กาแฟที่บดแล้ว พร้อมนำไปคั่วมีหน้าตาเป็นผงละเอียดแบบนี้นี่เอง
CONTACT : ก้องกาแฟ (ก้อง Valley) 62/1 หมู่ 8 ตำบลน้ำจืด อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง 85110 (อยู่ก่อนถึงน้ำตกบกกราย) โทร. 08-7268-1285
มาเที่ยวระนอง ถ้าไม่ได้แวะชม “คอคอดกระ” ก็เหมือนจะดูเป็นทริปที่ไม่สมบูรณ์! เพราะคอดคอดกระ หรือกิ่วกระ (Kra Isthmus) คือส่วนแคบที่สุดของแหลมมลายู โดยมีระยะห่างจากชายฝั่งทะเลทางตะวันตก จรดตะวันออกเพียง 44 กิโลเมตร นับเป็นจุดยุทธศาสตร์และเชื่อมโยงประวัติศาสตร์สำคัญของไทยหลายครั้ง จากจุดนี้สามารถมองเห็นลำน้ำกระบุรี ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลองแคบๆ กั้นไทยกับพม่า ที่อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว
จากจุดชมวิวคอคอดกระ มองข้ามลำน้ำกระบุรีไปเห็นฝั่งพม่าได้ถนัดตา โดยฝั่งพม่ายังมีมีป่าต้นจากแน่นทึบ ในขณะที่ฝั่งไทยมีบ้านเรือนผู้คนปลูกอยู่หนาแน่น
ซาลาเปาทับหลี แห่งบ้านทับหลี อำเภอกระบุรี เป็นซาลาเปาพื้นบ้านแสนอร่อยที่ทำสืบทอดกันมากว่า 50 ปีแล้ว จุดเด่นคือ ลูกเล็ก พอดีคำ เนื้อแป้งนุ่ม ไส้เยอะ เคี้ยวแล้วสู้ปาก ดั้งเดิมมีแค่ไส้หมูสับ หมูแดง และไส้ถั่วแดง แต่ปัจจุบันมีไส้แปลกใหม่มาให้ชิมกันเพียบ ทั้งไส้หวาน ไส้ช็อกโกแลต ฯลฯ ไส้หมูสับต้องกินกับน้ำจิ้มสูตรดั้งเดิมถึงจะครบเครื่อง
Best Season : เที่ยวได้ตลอดปี แต่อากาศดีที่สุด ฟ้าโปร่ง ปลอดฝน ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน
How to go :
– เครื่องบิน ปัจจุบันมีบินไประนองทุกวัน วันละ 2 เที่ยว โดยสายการบินนกแอร์ จองตั๋วได้ที่ www.nokair.com หรือติดต่อ ท่าอากาศยานระนอง หมู่ 3 ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง โทร. 0-7786-2229
– รถยนต์ ระนองอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 568 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราวๆ 7-8 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือ ถนนธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงสี่แยกปฐมพร จ.ชุมพร เลี้ยวขวาไปจนถึงจังหวัดระนอง ทางช่วงสุดท้ายเป็นถนนบนภูเขาคดเคี้ยว ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
Overnight : แนะนำ FARM HOUSE HOTEL อำเภอเมืองระนอง โทร. 0-7783-2707, 08-7278-4224
What to eat : นอกจากน้ำดื่มแร่นองอันขึ้นชื่อลือชาแล้ว ระนองยังมีอาหารอร่อยให้เลือกชิมมากมาย ทั้งอาหารปักษ์ใต้แท้ และอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากจีน อาทิ ยอดเหลียงผัดไข่, ต้มกะทิใบเหลียง, ปูนิ่มผัดผงกระหรี่, กุ้งมะขาม, ยาวเย, ข้าวยำ, ขนมจีน, น้ำพริกกุ้งสด, ยำผักกูด, แกงส้มอ้อดิบใส่ไข่ปลาทะเล, ทะเลผัดฉ่า, ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว, หอยตลับผัดฉ่า, แมงกะพรุนผัดน้ำมันงา, ปลากระบอกทอดขมิ้น, สะตอผัดกุ้ง, หมูฮ้อง, โรตี และอีกมากมาย แค่ฟังชื่อก็น้ำลายสอแล้ว!
Souvenirs : มะม่วงหิมพานต์, กะปิคุณภาพดี, ผ้าโสร่งปาเต๊ะ, กาแฟ ก้อง Valley, ไข่มุก, น้ำดื่มแร่นอง ฯลฯ
Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง
สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6
Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd.
สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th
พาตัวและหัวใจ ไปเที่ยวทะเล “ระนอง”
ระนอง ไม่ใช่จังหวัดที่มีชื่อเสียงเฉพาะการเป็นเมือง “ฝน 8 แดด 4” เท่านั้น ทว่าชายฝั่งที่ยาวเหยียดถึง 109 กิโลเมตร เลียบทะเลอันดามันอันแสนสวยงาม ทำให้ระนองอาบอิ่มด้วยธรรมชาติหาดทรายชายทะเลและเกาะแก่งน้อยใหญ่ มากมาย ไล่ตั้งแต่เกาะช้าง, เกาะพยาม, เกาะค้างคาว, เกาะญี่ปุ่น, หมู่เกาะกำ ฯลฯ เที่ยวได้ตลอดปี แต่จะสวยสุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ใครที่หลงใหลในมนต์สเน่ห์ของแสงแดด สายลม และเกลียวคลื่น จะรอช้าอยู่ใย รีบลงเรือตามเรา Go Travel Photo ไปโล้คลื่น แหวกว่ายน้ำทะเลใสๆ กันเถอะ
เริ่มต้นทำความรู้จักกับกับ มนต์เสน่ห์ทะเลระนอง ด้วยการนั่งเรือหัวโทงแบบปักษ์ใต้ ไปสู่ “เกาะค้างคาว” เกาะใหญ่ที่มีน้ำทะเลใสแจ๋ว หาดทรายเป็นสีเหลืองนวลอ่อนๆ สบายตา ที่ได้ชื่อว่าเกาะค้างคาว เพราะบนเกาะมีถ้ำของพวกค้างคาวแม่ไก่ฝูงใหญ่ ที่จะพากันบินออกหากินในเวลาพลบค่ำ แล้วจะกลับคืนถิ่นมาตอนรุ่งสาง
นอกจากจะมีหาดทรายที่บริสุทธิ์ สวย สะอาด และนุ่มเท้าแล้ว เกาะค้างคาวยังมีหาดหินที่ให้ความรู้สึกแปลกตาจริงๆ
ช่วงเวลาอันน่าจดจำที่เกาะค้างคาว จ.ระนอง
หาดทรายขาวหน้าเกาะค้างคาว เป็นจุดที่เรือนำเที่ยวจะมาจอด แล้วปล่อยให้เราได้ลงไปสัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์
ช่วงเวลาแห่งความสุข กับการปล่อยตัวและหัวใจ นอนลงสัมผัสหาดทรายนุ่มๆ มีคลื่นเบาๆ สาดซัดเข้ามาสัมผัส เป็นการช๊าตแบตเตอร์รี่ชีวิต ณ เกาะค้างคาว
จะว่าไปแล้ว หาดหินบนเกาะค้างคาว ก็มีลักษณะคล้ายกับเกาะหินงาม ที่หมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล เหมือนกันนะ
ออกจากเกาะค้างคาว รีบเร่งเครื่องเรือโล้คลื่น ตรงไปสู่ “เกาะญี่ปุ่น” กันดีกว่าพวกเรา
เกาะญี่ปุ่น เป็นเกาะไม่ใหญ่นัก เด่นด้วยความสงบงามของธรรมชาติ น้ำทะเลหน้าเกาะเป็นสีเขียวมรกตใสแจ๋ว ราวกับแก้วเจียระไนไม่มีผิด! เลยออกไปนิดมีแนวปะการังน้ำตื้นให้ดำน้ำกันอย่างสนุกสนานด้วยล่ะ
จากหน้าหาดเกาะญี่ปุ่น มีเส้นทางเดินป่าระยะแค่ไม่กี่ร้อยเมตร นำเราเข้าไปชมร่องรอยประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกย่างก้าวบนเกาะนี้จึงเปรียบได้กับการย้อนอดีตริมฝั่งอันดามัน
ที่มาของชื่อ เกาะญี่ปุ่น ก็เพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะนี้เคยใช้เป็นสถานที่ทำครัวของทหารญี่ปุ่น ปัจจุบันยังมีร่องรอยสิ่งก่อสร้าง โรงครัว ฐานเสา และแท่นปูน เหลือให้ชม
ส่วนหนึ่งของซากบ่อน้ำเก่า ที่ทหารญี่ปุ่นใช้ในโรงครัวบนเกาะญี่ปุ่น
ด้านหลังเกาะญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นโขดหินใหญ่ ลาดชัน เล่นน้ำไม่ได้ ยกเว้นว่าถ้าเรามีอุปกรณ์ดำน้ำลึกแบบ SCUBA ก็อาจจะลงไปดำน้ำสำรวจได้อย่างน่าตื่นเต้น
ล่องเรือต่อไปยัง “เกาะกำ” ส่วนหนึ่งของ หมู่เกาะกำ แห่งอุทยานแห่งชาติแหลมสน ประกอบด้วยเกาะกำใหญ่ เกาะกำนุ้ย เกาะญี่ปุ่น ฯลฯ เกาะนี้เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีหาดทรายทอดยาว เด่นด้วยแนวสนทะเลและหูกวางให้ร่มเงา ส่วนน้ำก็ใสแจ๋วไม่แพ้เกาะอื่นๆ เลยล่ะ
Unseen ทะเลระนอง ทะเลแหวกหน้าเกาะกำ
อ่าวเขาควาย แห่งเกาะกำ ทอดยาวเชื่อมกับสันทรายทะเลแหวก เป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด
สันทรายทะเลแหวกเกาะกำ มีซากปะการังขึ้นมาเกยตื้นหลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อหลายปีก่อน
บนเกาะกำ มีป่าสนทะเลสร้างความร่มเย็นแก่นักท่องเที่ยว ใบสนร่วงลมมาปูเป็นผืนพรมธรรมชาติสีน้ำตาลอ่อน เดินนุ่มเท้า นอกจากนี้ยังมีต้นบุกป่าขึ้นเป็นไม้บุกเบิกคลุมดิน สร้างภูมิทัศน์แปลกตา เกาะนี้เข้ามีกฎว่า ทุกคนต้องเก็บขยะไปให้หมด ส่วนใครที่มาปิกนิกกินข้าว เขาห้ามใช้ภาชนะโฟร์มหรือพลาสติกนะ และที่สำคัญคือห้ามค้างคืนบนเกาะ
ชายหาดบริเวณ ท่าเรืออุทยานแห่งชาติแหลมสน ตอนเช้าๆ น้ำทะเลลดระดับออกไปไกลเป็นกิโลเมตร ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่พากันมาลงเรือไปสัมผัสสายลม แสงแดด และเกลียวคลื่นของอันดามัน
เรือนำเที่ยวของอุทยานแห่งชาติแหลมสน คือ เรือหัวโทง (เรือหางยาว) ของชาวบ้าน ที่ดัดแปลงเพื่อการท่องเที่ยว ทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยด้วย และอย่าลืมคดข้าว ขนม น้ำ ไปกินแก้หิวด้วยล่ะ เพราะตามเกาะต่างๆ ไม่มีร้านค้านะจ๊ะ
Traveler’s Guide : ท่องเที่ยวได้ดีที่สุด ฟ้าสวย ทะเลใส ปลอดโปร่งไร้คลื่นลมแรง ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน โดยติดต่อหาเรือเช่าออกไปดำน้ำ หรือเที่ยวทะเลได้ที่ อุทยานแห่งชาติแหลมสน บ้านบางเบน ตำบลม่วงกลาง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง โทร. 0-7786-1431-2, 0-7786-1442 / ที่พัก แนะนำ FARM HOUSE HOTEL อำเภอเมืองระนอง โทร. 0-7783-2707, 08-7278-4224
Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง
สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี ติดต่อ โทร. 0-7750-1831, 0-7750-2775-6
Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co.,Ltd.
สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โทร. 0-2633-5100 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th
ซูชิสุดเจ๋งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ SUSHI-OO
ซูชิโอ คือซูชิและข้าวหน้าปลาดิบต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่น เมืองโอซาก้า ถือกำเนิดขึ้นมากจากความต้องการรับประทานซูชิแนวใหม่ไม่จำเจของเหล่าขุนนาง ทำให้เกิดซูชิที่สามารถทานได้ทั้งซูชิและซาชิมิ ใน 1 คำ หรือทานเนื้อปลาทั้งสองชั้นได้ในคำเดียวเลย ซึ่งจะให้ความรู้สึกของเนื้อปลาที่สดแบบเต็มคำ เหล่าขุนนางจึงเพลิดเพลินไปกับการทานซูชิรูปแบบใหม่อย่างเต็มที่ และหลังจากนั้นก็ได้แพร่หลายไปสู่ประชาชนชาวโอซาก้า
นอกจากนี้ ซูชิโอ ยังมีเมนูเทปันยากิ, เมนูสลัด, เมนูของทอด และเมนูอื่นๆ อีกเพียบ มาให้รับประทานกันในราคาถูก สุดคุ้ม!!! เพราะถือเป็นหนึ่งในร้านซูชิของเมืองไทยที่ราคาถูกที่สุดอย่างเหลือเชื่อ!!! แต่เมื่อพูดถึงวัตถุดิบที่คัดสรรมาปรุงแล้วถึงกับอึ้ง! เพราะทุกอย่างนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นแท้ๆ โดยเฉพาะจากเมืองโอซาก้า และเกาะฮอกไกโด ซึ่งถือเป็นครัวของญี่ปุ่น อุดมความสด และคุณค่าในทุกคำที่หม่ำเข้าไป!
ยิ่งไปกว่านั้น ทางร้านมีโปรสุดคุ้มลดไปเลย 30% เมื่อจ่ายเงินสด โปรพิเศษจัดไปยาวๆ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2558!!
จะพลาดได้ไงคุ้มๆ แบบนี้แถมได้คุณภาพสดๆ เน้นๆ ทุกคำ รีบจองโต๊ะด่วน! จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอคิวนะจ๊ะ
SUSHI-OO : มี 2 สาขา
สาขาแรก ชั้น 3 อาคาร Mercury Ville ตรงข้ามห้างเซ็นทรัลชิดลม ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
โทร. 0-2658-5858
สาขาใหม่ ในโครงการ Victoria Garden ปากซอยเพชรเกษม 69 โทร. 08 5341 4666 เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
ติดตามโปรโมชั่นและข่าวสารต่างๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/sushioobkk
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย ไอศกรีมนมสด ที่หอมอร่อย เนื้อนุ่มละลายในปาก โดยใช้ส่วนผสมหลักเป็นนมวัวแท้คุณภาพระดับ Premium จากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น!
จุดนัดพบคนน่ารักสไตล์ญี่ปุ่น Sirotan Cafe
Sirotan Cafe : ชั้น 3 The Mercury Ville ตรงข้ามห้างเซ็นทรัล ชิดลม เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
รถไฟฟ้าลงสถานีชิดลม แล้วเดินเข้าทางเชื่อมสู่ห้าง The Mercury Ville ได้เลย
Contact : โทร. 0-2658-5895 https://www.facebook.com/sirotancafe