ภาคเหนือ

อินทนนท์ ป่าเมฆสูงสุดแดนสยาม ความงาม 3 ฤดู

อินทนนท์ 2

ถ้ามีคนมาถามผมว่า 1 ใน 5 สุดยอดแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของเมืองไทย จะมีที่ไหนบ้าง? แน่นอนว่า 1 ในคำตอบของผมจะต้องมี “อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” อยู่ด้วยแน่นอน ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะมหาคีรีแห่งนี้ คือยอดดอยสูงสุดของไทย ครองความสูงถึง 2,565 เมตรเหนือน้ำทะเล อาบอิ่มด้วยไอหมอกหนาวชั่วนาตาปี ปกคลุมด้วยป่าดิบเขา หรือ Hill-evergreen Forest ที่สมบูรณ์ที่สุดบนผืนดินไทย แถมยังมีพืชพรรณ ดอกไม้ นก และสัตว์มากมายให้ชื่นชมอินทนนท์ 3

ป่าดิบเขา (Hill-evergreen Forest) บนยอดดอยอินทนนท์ คือสังคมพืชที่ชอบความหนาวเย็นบนภูผาสูงอินทนนท์ 4

ณ ยอดดอยอันสูงเด่น ทำหน้าที่เป็นห้องเรียนธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ให้คนที่คลั่งไคล้ไหลหลงธรรมชาติ ได้เข้าไปสัมผัสอย่างไม่รู้จบ โดยเฉพาะเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกา และกิ่วแม่ปาน เป็นความงาม 3 ฤดู ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ท่ามกลางคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพพงไพร
อินทนนท์ 5

แสงแรกของตะวันค่อยๆ เบิกฟ้า ปลุกสรรพชีวิตแห่งดอยอินทนนท์ให้ตื่นขึ้นจากหลับไหล ด้วยรังสีแสงอันอบอุ่น
อินทนนท์ 6

เมื่ออรุณเบิกฟ้า เหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศก็หลั่งไหลขึ้นสู่ยอดดอย เพื่อชื่นชมความงามของตะวันรับอรุณอินทนนท์ 7

จากจุดชมวิวตรงปากทางเข้าเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน มองเห็นทะเลภูเขาทอดตัวสลับซับซ้อนอินทนนท์ 8

ในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนธันวาคม-มกราคม ดอกกุหลาบพันปี หรือ Rhododendron ทั้งสีแดงและสีขาว จะเบ่งบานประดับยอดดอยให้งามราวแดนสวรรค์ กุหลาบพันปีเป็นพืชของเขตอบอุ่นแถบเทือกเขาหิมาลัย ที่กระจายพันธุ์ลงมาถึงดอยอินทนนท์ ทำให้เราประจักษ์ว่า แท้จริงแล้วอินทนนท์คือปลายเทือกด้านตะวันออกสุดของหิมาลัยนั่นเอง
อินทนนท์ 9

บนยอดดอยอินทนนท์ นอกจากจะมีสถานีเรดาห์ของกองทัพอากาศตั้งอยู่แล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุนภเมทนีดล และพระธาตุนภพลภูมิสิริ ซึ่งกองทัพอากาศสร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ โดยในช่วงฤดูหนาวจะมีการปลูกไม้ดอกไม้ประดับสีสันสดใส เห็นแล้วสดชื่นสุดๆ เลยล่ะ
อินทนนท์ 10

ความอุดมของป่าเมฆสูงสุดแดนสยาม ที่ยังคงมีผืนป่าต้นน้ำพรั่งพร้อม ก่อเกิดเป็นน้ำตกใหญ่หลายแห่งบนเทือกดอยอินทนนท์ อย่าง น้ำตกสิริภูมิ ที่มองเห็นได้จากระยะไกล และมีดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานเคียงคู่กันอินทนนท์ 11

น้ำตกแม่ยะ เป็นหนึ่งในสุดยอดน้ำตกเมืองไทย เพราะมีผาน้ำตกแผ่กว้างถึง 100 เมตร ตัวน้ำตกไหลลดหลั่นลงมาเป็นเชิงชั้นราวขั้นบันไดสายธาร กว่า 30 ชั้น สูง 260 เมตร ราวกับของขวัญจากธรรมชาติที่อินทนนท์มอบให้เรา
อินทนนท์ 12

น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกที่กำเนิดขึ้นบนเทือกดอยอินทนนท์ แม้เป็นน้ำตกที่มีแค่ชั้นเดียว แต่ก็ไหลทิ้งตัวลงจากหน้าผาสูงตั้งชันถึง 70 เมตร ยิ่งใหญ่อลังการไม่เบาอินทนนท์ 13.1

น้ำตกห้วยทรายเหลือง เป็นน้ำตกที่ต้องเดินป่าระยะสั้นเข้าไป เพื่อชื่นชมความงามของสายธารที่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ อย่างเหมาะเจาะลงตัว ในช่วงกลางวันที่แดดส่องลงมาผ่านทะลุสายน้ำใสสู่ท้องธาร จะเห็นเม็ดทรายสีเหลือง อันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกห้วยทรายเหลืองได้อย่างชัดเจนอินทนนท์ 13

คนที่ชอบศึกษาเรื่องพรรณไม้ ดอกไม้ และนกหายาก ต้องไม่พลาดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบนยอดดอย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ป่าดิบเขาผืนนี้จะชุ่มฉ่ำ อาบอิ่มไอหมอก เขียวสดชื่น ถ่ายภาพมามุมไหนก็สวยไปซะทุกแห่งอินทนนท์ 14 อินทนนท์ 15

บนยอดดอยอินทนนท์ คือที่ประดิษฐาน สถูปบรรจุพระบรมอัฐิ พระเจ้าอินทรวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ทิพย์จัก ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าประเทศราชองค์สุดท้าย ที่ทรงครองพระราชอำนาจเหนือล้านนาอย่างแท้จริง และยังทรงเป็นพระบิดาในเจ้าดารารัศมี พระราชชายาของพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ด้วย
อินทนนท์ 16

ป่ายอดดอยในช่วงฤดูฝนอินทนนท์ 17

ป่าเมฆอันร่มครึ้ม ห่มคลุมด้วยไอหมอกหนาวชั่วนาตาปี ณ ยอดดอยอินทนนท์
อินทนนท์ 18

ต้นก่อขนาดใหญ่บนยอดดอยอินทนนท์ ถูกปกคลุมด้วยมอส เฟิน ไลเคน และกล้วยไม้ อย่างหนาแน่น จนแลคล้ายต้นไม้ใส่เสื้อ ส่วนกิ่งก้านที่หงิกงอเกิดจากต้องปะทะลมแรงอยู่ตลอดเวลาอินทนนท์ 19อินทนนท์ 20

ป่ายอดดอยอินทนทท์ในช่วงฤดูฝน ฉ่ำชื้นเขียวสดเย็นตา เป็นที่มาของ ดอกเทียนคำ หรือดอกเทียนหางสีเหลือง จัดเป็นพืชคลุมดินชนิดหนึ่งที่มีดอกสวยงามน่าชมมากอินทนนท์ 21

ดอกบัวทอง เบ่งบานเคียงคู่ยอดดอยอินทนนท์ ในช่วงฤดูฝนเช่นกันอินทนนท์ 22อินทนนท์ 23

ดอกเทียนคำ
อินทนนท์ 24

ดอกเทียนคำอินทนนท์ 25

ดอกเทียนจิ๋ว บานรับฤดูฝนอั่นชุ่มฉ่ำเย็นชื้น
อินทนนท์ 26

ดอกเทียนน้ำ พบได้ทั่วไปตามพื้นป่าในฤดูฝนอินทนนท์ 27

สำหรับคนที่ชอบศึกษาธรรมชาติ ลองเพ่งมองลงไปที่แง่มุมเล็กๆ บนเปลือกไม้ ก็จะพบโลกเล็กๆ อีกโลกหนึ่ง ของสังคมพืชจิ๋ว มีทั้งมอส ไลเคน เชื้อรา รวมถึงลิเวอร์เวิร์ด และฮอร์นเวิร์ด ขึ้นอยู่รวมกันอย่างน่าอัศจรรย์! พืชจิ๋วเหล่านี้ทำหน้าที่คล้ายฟองน้ำธรรมชาติ ดูดซับน้ำไว้ได้นับร้อยเท่าของตัวมัน!อินทนนท์ 28อินทนนท์ 29อินทนนท์ 30อินทนนท์ 31

ร้านกาแฟแก้หนาวบนยอดดอย บรรยากาศชิลมากๆอินทนนท์ 32

หนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติบนยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น ก็คือ “แม่คะนิ้ง” หรือ “เหมยขาบ” ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ “น้ำค้างแข็ง” นั่นเอง ไม่ใช่หิมะ จริงๆ แล้วมันคือ Froze เกิดจากน้ำค้างที่จับตัวอยู่บนยอดหญ้าในยามราตรี ถูกความเย็นจัดจนทำให้กลายเป็นเกล็ดหรือผลึกน้ำแข็ง จะพบได้เฉพาะช่วงเช้าตรู่บนยอดดอย แต่เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น มันก็จะละลายหายไปหมด ราวกับไม่เคยมีอยู่ตรงนั้นเลย!อินทนนท์ 33อินทนนท์ 34อินทนนท์ 35อินทนนท์ 36อินทนนท์ 37อินทนนท์ 38อินทนนท์ 39

ในช่วงกลางฤดูหนาว ที่คลื่นความเย็นจัดพัดมาห่อหุ้มดอยอินทนนท์ไว้จนมิดชิด ขณะที่แม่คะนิ้งเผยความงามอันแสนสั้นออกอวดสายตา ดอกกุหลาบพันปีสีแดงสายพันธุ์อินทนนท์ที่หายาก (ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “คำแดง”) ก็สะพรั่งบานอวดความงามเช่นกัน ถ้าโชคดี อาจพบนกกินปลีหางยาวเขียว ชนิดย่อยดอยอ่างกา นกเฉพาะถิ่น (Endemic Species) ของอินทนนท์ บินมาดูดกินน้ำหวานจากกุหลาบพันปีก็เป็นได้อินทนนท์ 40อินทนนท์ 41

กระดิ่งภู พรรณไม้ที่พบได้เฉพาะบนดอยสูงอากาศหนาวเย็นเท่านั้นอินทนนท์ 42

กุหลาบพันปีสีขาว (ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “คำขาว”) เบ่งบานประดับยอดดอย ในช่วงเดียวกับที่คำแดงบานอินทนนท์ 43

เอื้องเทียนขาว บานรับลมหนาวบนยอดดอยอินทนนท์อินทนนท์ 44อินทนนท์ 45

ความงามอันทรงคุณค่าของดอยอินทนนท์ คือสมบัติล้ำค่าทางธรรมชาติที่เราคนไทยทุกคนต้องช่วยกันปกปักรักษาไว้ เพราะไม่มียอดดอยใดในสยาม จะยิ่งใหญ่เทียบเท่าอินทนนท์อีกแล้ว!logo123-300x300

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี ภายใต้แคมเปญ “ตามรอยพิพัฒน์ อัศจรรย์แห่งขุนเขา ชวนแอ่วดอย ตามรอยพ่อหลวง” สอบถาม โทร. 0-5324-8604-5

แอ่วลำพูนม๋วนใจ๋ ในเมือง Slow Town

ลำพูน 2

ในขณะที่โลกเราทุกวันนี้หมุนไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเราเองก็ตามไม่ทัน เคยไหมที่อยากหาสถานที่ใดสักแห่งเพื่อพักผ่อนกายใจ เป็นสถานที่เงียบสงบ น่ารัก ได้ไปเยือนแล้วทำให้ใจเย็น เย็นใจ คล้ายได้ช๊าตแบตเตอร์รี่ชีวิต

คำตอบมีอยู่จริง ณ ดินแดนล้านนาภาคเหนือของสยามที่เรียกขานกันว่า “ลำพูน” หรือ “เมืองหริภุญไชย” นั่นเอง ลำพูนเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของภาคเหนือ มีอายุกว่า 1,300 ปี ลือเลื่องในเรื่องพระรอด 1 ในเบญจภาคีอันล้ำค่า อีกทั้งยังเป็นดินแดนต้นกำเนิดลำไยรสชาติดีที่สุดของสยาม โดยมีพื้นที่ปลูกลำไยอยู่กว่า 600,000 ไร่! จนมีคำพูดติดตลกกันเล่นๆ ว่า “ลำพูนคือลำไย ลำไยคือลำพูน” ฮาฮาฮา

ลำพูน 3

มาถึงลำพูนแล้ว สถานที่แรกซึ่งควรไปกราบสักการะ คือ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ตั้งอยู่กลางใจเมือง ห่างจากศาลากลางแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เป็นพระบรมธาตุเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 17 โดยสร้างเป็นทรงปราสาทสีทองอร่าม ภายในบรรจุธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกอก ธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีกเต็มบาตรหนึ่ง
ลำพูน 4

ภายในวิหารหลวง ด้านข้างองค์พระบรมธาตุ ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาขนาดใหญ่ 3 องค์ ก่ออิฐถือปูนปิดทองเหลืองอร่าม พุทธลักษณะผุดผ่อง เปี่ยมเมตตา น่าเคารพสักการะอย่างยิ่ง
ลำพูน 5.1 ลำพูน 5

หากใครมาเที่ยวลำพูน แล้วไม่มีรถยนต์ส่วนตัว หรือไม่รู้จะเที่ยวยังไงไม่ให้พลาดสถานที่สำคัญ เราแนะนำให้ไปนั่งรถพ่วงเที่ยว เขาจอดอยู่ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยฯ นั่นเอง โดยมีบริการเป็นรอบๆ เสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย พร้อมด้วยไกด์สาวสวยเสียงหวาน คอยบรรยายให้ความรู้ต่างๆ อย่างน่ารักเชียว
ลำพูน 6 ลำพูน 7

สถานที่แรก ซึ่งรถพ่วงจะหยุดแวะให้เราเที่ยวชม คือ “อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี” องค์ปฐมกษัตรีแห่งนครหริภุญไชยโดยมีประวัติเล่าว่า เมื่อ พ.ศ. 1200 ครั้นฤาษีวาสุเทพได้เกณฑ์พวกเมงคบุตรเชื้อสายมอญ มาสร้างเมืองใหม่ระหว่างแม่น้ำปิงและแม่น้ำกวง เสร็จแล้ว ก็ได้ไปอัญเชิญพระธิดากษัตริย์กรุงละโว้ (ลพบุรีในปัจจุบัน) คือ พระนางจามเทวี มาปกครองเมือง ด้วยว่าพระนางมีพระปรีชาสามารถ และมีพระสิริโฉมงดงามยิ่ง

การได้มากราบสักการะท่านสักครั้ง จึงเป็นมงคลแก่ชีวิตเราแล้วลำพูน 8

จุดที่สอง ซึ่งรถพ่วงนำเที่ยวจะแวะ คือ “วัดจามเทวี” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “วัดกู่กุด” เป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนลำพูน เพราะมีพระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม บรรจุพระอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมบรมกษัตรีแห่งนครหริภุญไชย สร้างขึ้นโดยพระราชโอรสของพระนาง เมื่อปี พ.ศ. 1298
ลำพูน 9

ความโดดเด่นไม่เหมือนใครของกู่กุดก็คือ โดยรอบทั้งสี่ทิศมีพระพุทธรูปปูนปั้นหลายสิบองค์ประดิษฐานอยู่ ศิลปะที่ใช้ปั้นนั้นก็เป็นสกุลช่างลำพูนแท้ๆ สังเกตได้จากพระพักตร์ คือ คิ้วต่อกันเหมือนคันศร, ตาโปน, พระพักตร์เหลี่ยม และขอบปากทั้งสองข้าง จะมีเส้นโค้งงอนขึ้นคล้ายหนวดลำพูน 10 ลำพูน 11 ลำพูน 12วัดจามเทวี มิใช่สถานที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระนางจามเทวีเพียงอย่างเดียว ทว่ายังเป็นสถานท่ีบรรจุอัฐิธาตุของตนบุญแห่งล้านนา “ครูบาศรีวิชัย” พระอริยสงฆ์องค์สำคัญที่สุดแห่งล้านนาในอดีตด้วย จริงๆ แล้วท่านเกิดที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และก็ได้กลับมามรณภาพที่บ้านเกิดของท่าน เมื่อปี พ.ศ. 2481 นั่นเอง
ลำพูน 13 ลำพูน 14

จุดที่สาม ซึ่งรถพ่วงนำเที่ยวจอดแวะก็คือ “วัดมหาวัน” ต้นกำเนิดพระรอด 1 ในเบญจภาคีแห่งสยาม โดยพระรอดหลวง (พระรอดลำพูน) องค์ดั้งเดิมนี้มีอายุมากถึง 1,400 ปี สร้างมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีครองนครหริภุญไชย จึงได้รับการนำไปเป็นแบบพิมพ์พระเครื่องเลื่องชื่อในนาม “พระรอดมหาวัน” ที่นักเลงพระอยากครอบครองลำพูน 15 ลำพูน 16

พระรอดหลวงลำพูนลำพูน 17

จุดที่สี่ ซึ่งรถพ่วงแวะชม คือ “กู่ช้าง กู่ม้า” เป็นโบราณสถานในชุมชนวัดไก่แก้ว ห่างจากใจกลางเมืองลำพูนประมาณ 1 กิโลเมตร กู่ช้างจริงๆ แล้วก็คือสถูปที่ใช้บรรจุอัฐิของช้างทรงคู่บารมีของพระนางจามเทวี ที่ใช้ทรงออกศึก ชื่อว่า “ภูก่ำงาเขียว” เป็นช้างคชลักษณะพิเศษผิวสีคล้ำ งาสีเขียว ทำให้มีพลัง อานุภาพ และอิทธิฤทธิ์มากในสงครามลำพูน 18

กู่ม้า เป็นสถูปองค์ระฆังคว่ำ เชื่อว่าเป็นสุสานม้าทรงของพระโอรสพระนางจามเทวีลำพูน 19

อนุสาวรีย์ภูก่ำงาเขียว
ลำพูน 20

จุดที่ห้า ของการนั่งรถพ่วงเที่ยวก็คือ “วัดพระยืน” ที่บ้านพระยืน ตำบลเวียงยอง เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญมาก เพราะเป็นวัดประจำ 1 ใน 4 ทิศของลำพูนมาแต่อดีต สร้างโดยพระเจ้าธรรมมิกราช กษัตริย์หริภุญไชย เมื่อ พ.ศ.1606-1611ลำพูน 21 ลำพูน 22

จุดเด่นของวัดพระยืน คือพระเจดีย์ทรงมณฑป ที่มองครั้งแรกก็ชวนให้นึกถึงเจดีย์ที่เมืองพุกาม ประเทศเมียนมาร์ ซะจริงๆ และยิ่งได้ไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่า ผู้สร้างตั้งใจให้มีความคล้ายคลึงกับอานันเจดีย์เมืองพุกามจริงๆ และยังมีอีกแห่งที่สร้างคล้ายกัน คือพระเจดีย์วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย

ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมณฑป มีพระพุทธรูปยืนสีทองอร่ามประจำทั้งสี่ทิศ ส่วนบนเป็นเจดีย์ห้ายอด โดยมีเจดีย์ทรงระฆังและเจดีย์ทรงกลมขนาดเล็กเป็นประธาน
ลำพูน 23

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง พระนางจามเทวีเสด็จวัดพระยืนลำพูน 24

จุดที่หก เป็นจุดสุดท้ายของการนั่งรถพ่วงแอ่วลำพูนแบบชิลชิลในวันนี้ คือ “สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย” อำเภอเมืองฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของคนรักผ้าแพรพรรณโบราณ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมสวมใส่กันอย่างมากในปัจจุบัน เหมือนการปลุกผ้าทอพื้นเมืองอันทรงคุณค่าให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยเฉพาะ “ผ้าไหมยกดอกลำพูน” 

ลำพูน 25

คุณนิชาดา สุริยะเจริญ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน หญิงเก่งผู้มากความสามารถ ได้เล่าประวัติผ้ายกดอกลำพูนให้เราฟังว่า จริงๆ แล้วคำว่า “ยกดอก” เป็นเทคนิคการทอผ้าแบบหนึ่ง ต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดีย แล้วค่อยๆ ถ่ายทอดมาสู่มลายู จนกระทั่งเจ้าดารารัศมีแห่งเชียงใหม่ ได้ไปเป็นพระชายาของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ขณะอยู่ในวังที่บางกอก เจ้าดารารัศมีได้ทรงเรียนรู้เทคนิคการทอผ้ายกดอก แล้วกลับมาถ่ายทอดให้กับช่างทอผ้าของล้านนาในเวลาต่อมา ทว่าผ้ายกดอกลำพูน ได้พัฒนาเทคนิคลวดลายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ลำพูน 26

ผ้าไหมยกดอกลำพูน ปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก มีตั้งแต่ราคาหลักพันบาทไปจนถึงแสนบาท ใช้เวลาทอนานแรมเดือน ขายหมดเกลี้ยง ทุกวันนี้แทบไม่มีสต็อกผ้าเลย นับเป็นกระแสความนิยมผ้าไทยอันมีลวดลายวิจิตรมหัศจรรย์ สร้างรายได้ให้แม่บ้านในจังหวัดลำพูนอย่างน่าชื่นใจลำพูน 27 ลำพูน 28

ร้านจำหน่ายผ้าไหมยกดอกอันล้ำค่าน่าสวมใส่ ที่สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย
ลำพูน 29

สวมใส่แล้วงามอย่างกับนางฟ้าแต้ๆ ล่ะเจ้าลำพูน 30 ลำพูน 32 ลำพูน 33

ลวดลายผ้าทอยกดอกลำพูน มีมากกว่า 80 ลาย นิยมสวมใส่กันตั้งแต่คนธรรมดา ดารา นักร้อง นักแสดง ไปจนถึงเจ้านายในรั้วในวัง อาทิ ลายปักษาสวรรค์, ลายลีลาวดี, ลายพิกุลก้านแหย่ง, ลายกุหลาบพันปี, ลายดอกพวงแก้วโบราณ, ลายบัวสวรรค์, ลายโคมโพธิ์แก้ว และลายมงกุฎเพชร เป็นต้นลำพูน 34.1 ลำพูน 34

นอกเหนือจากลวดลายผ้าทอยกดอกลำพูนที่ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดผ้าพื้นเมืองสยามแล้ว ผ้ายกดอกลำพูนยังได้สร้างมิติใหม่ให้วงการทอผ้าอีกด้วย คือการได้รับมาตรฐาน GI หรือ Geographical Indications โดยใช้ผ้านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ว่าผ้ายกดอกลำพูน เป็นของเมืองลำพูนแห่งสยามเท่านั้น ปัจจุบันมีการไปจดลิขสิทธิ์ไว้ในหลายประเทศแล้ว อาทิ อินโดนีเซีย อินเดีย และฝรั่งเศส เพื่อมิให้เกิดการลอกเลียนแบบได้
ลำพูน 35.1

ยิ่งกว่านั้น ผ้าทอยกดอกลำพูนทุกผืนยังมีเครื่องหมาย QR Code ที่เราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือไป Scan ก็จะมีข้อมูลรายละเอียดของผ้าผืนนั้นขึ้นมาให้อ่านอย่างละเอียด ตั้งแต่วัสดุที่ใช้ทอ, สี, ชื่อช่างทอ, วันที่ทอ ฯลฯ นับเป็นมาตรฐานการตรวจสอบย้อนหลัง ทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจในผืนผ้า ว่าเป็นผ้ายกดอกลำพูนแท้ๆ ทุกวันนี้จึงมีออร์เดอร์สั่งเข้ามาอย่างมากมาย จนทอกันแทบไม่ทัน!ลำพูน 35 ลำพูน 36 ลำพูน 37 ลำพูน 38 ลำพูน 39 ลำพูน 40

ผ้ายกดอกลำพูน ช่างทอต้องนั่งต่อไหมทีละเส้น นับเป็นพันๆ หมื่นๆ เส้น! ดังนั้นถ้าราคาแพงก็ไม่ควรต่อ เพราะแต่ละผืนต้องใช้ความประณี ฝีมือ ความอุตสาหะ และความรักในงานนี้จริงๆลำพูน 41 ลำพูน 42

ภาพสาวชาวลำพูน นุ่งซิ่นในอดีต ท่อนบนสวมเสื้อออกแนวไทยใหญ่ลำพูน 43

นอกจากส่วนสาธิตการทอ และร้านจำหน่ายผ้ายกดอกลำพูนแล้ว สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย ยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จัดแสดงวิถีคนกับผืนผ้าล้านนา ให้เราเข้าใจพอสังเขปลำพูน 44 ลำพูน 45

มาเที่ยวลำพูนคราวนี้ได้พบเห็นมุมมองใหม่แปลกออกไป ทำให้รู้ว่าลำพูนไม่ได้มีแต่ลำไย ทว่าลำพูนวันนี้ได้ก้าวเข้าสู่โลกของการท่องเที่ยวยุคใหม่แล้วจริงๆ ในตอนต่อไป เราจะไปเยี่ยมเยือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ของลำพูนกันบ้าง โปรดติดตาม ตอน 2 ของ Go Travel Photo แอ่วลำพูนนะเจ้าlogo123-300x300Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี สนใจสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-5324-8604-5

ททท. พาเที่ยว น่าน สนุกสนาน เมืองต้องห้ามพลาด PLUS แพร่

แพร่ 1

เป็นที่ทราบกันดีว่า หลังจากแคมเปญ 12 เมืองต้องห้ามพลาด ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในปี 2558 ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนไทยภายในประเทศได้เป็นอย่างมาก มาวันนี้ ททท. เขามีแคมเปญใหม่เอี่ยมสำหรับปี 2559 ที่กำลังจะมาถึง 12 เมืองต้องห้ามพลาด PLUS ขยายขอบเขตการท่องเที่ยว ขอบเขตแห่งความสุขเพิ่มออกไปเป็น 24 เมืองต้องห้ามพลาดแล้ว!

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ ได้จัดงานแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 โดยมีการจัด Mini Caravan ร่วมกับบริษัท Win Win Smile เยือนดินแดนล้านนาตะวันออก น่าน-แพร่-อุตรดิตถ์ ขับรถแอ๋วเหนือม่วนใจ๋ พร้อมด้วยสื่อมวลชนจากหลายสำนัก ร่วมเดินทางสัมผัสเสน่ห์เมืองเหนือในครั้งนี้แพร่ 2

Mini Caravan ของเราเร่ิมปล่อยตัวกันที่หน้าสถานที่สำคัญของน่าน คือ วัดภูมินทร์ สุดยอดวิหารศิลปะไทลื้อ ซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสุดคลาสสิก ปู่ม่าน ย่าม่าน อยู่ภายในด้วย โดย Mini Caravan ครั้งนี้จะเที่ยวในเส้นทาง น่าน-แพร่-อุตรดิตถ์ ท่ามกลางฟ้าใส และอากาศที่แสนเย็นสบายในต้นฤดูหนาวแพร่ 3

จุดแรกที่เราได้ไปเยือน คือ ดอยเสมอดาว ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน จุดชมทะเลหมอกยามเช้าสุดเจ๋ง ซึ่งสามารถมองลงไปเห็นลำน้ำน่านไหลลดคดโค้งอยู่เบื้องล่าง ท่ามกลางป่าเขียวสดแพร่ 4

ตอนนี้ที่ดอยเสมอดาว มีเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติศรีน่านมากางไว้รอรับนักท่องเที่ยวสำหรับฤดูหนาวนี้ อย่างเป็นระเบียบ แต่ด้วยเนื้อที่บนเขาอันจำกัด ใครไปช้าอาจจะอดนะจ๊ะ
แพร่ 5

จากตรงจุดชมวิวดอยเสมอดาว มองไปทางซ้ายจะเห็น “ผาหัวสิงห์” เป็นผาหินขนาดมหึมา รูปร่างเหมือนหัวสิงโตเลยล่ะแพร่ 6

แม้เราจะไปถึงดอยเสมอดาวกันสายโด่ง ไม่ได้ยลทะเลหมอก แต่ทุกคนใน Mini Caravan ก็มีความสุขสนุกสนานแพร่ 7

ลงจากดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน เรานั่งรถยาวไปจนเข้าเขตจังหวัดแพร่ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการทำไม้สัก เคียงคู่กับจังหวัดลำปางมาแต่อดีต เมืองแพร่อาบอิ่มด้วยธรรมชาติ ขุนเขาลำเนาไพร และมีแหล่งธรรมชาติชวนพิศวงอยู่แห่งหนึ่ง คือ “แพะเมืองผี” ธรณีวิทยาอันเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำเป็นเวลาหลายล้านปี! จนเราแอบตั้งฉายาให้เล่นๆ ว่าเป็น “สโตนเฮนจ์เมืองไทย” ฮาฮาฮา
แพร่ 8

ทุกวันนี้แพะเมืองผีได้รับการอนุรักษ์สภาพไว้ในรูปแบบของ วนอุทยานแพะเมืองผี มีเนื้อที่กว่า 500 ไร่ โดยมีการจัดทำเส้นทางเดินเข้าไปชมความมหัศจรรย์ได้อย่างใกล้ชิด
แพร่ 9

หลังจากเดินวนเวียนชมแพะเมืองผีจากด้านล่างกันจนหนำใจแล้ว เขายังมีจุดชมวิวจากมุมสูงด้วยนะ
แพร่ 10

วันแรกของการเดินทาง ยังไม่สิ้นสุดลง เพราะในตอนเย็นย่ำ ขบวนคาราวานของเราก็เข้าสู่ใจกลางเมืองแพร่ ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ซึ่งเป็นคุ้มหรือที่ประทับของเจ้าเมืององค์สุดท้ายแห่งเมืองแพร่ คือ เจ้าหลวงพิริยชัยเทพวงศ์ (พระยาพิริยวิไชย) ซึ่งประทับอยู่ที่นี่พร้อมกับพระอัครชายา คือ แม่เจ้าบัวไหล ผู้มีความสามารถในงานเย็บปักถักร้อยขั้นสูง โดยแม่เจ้าบัวไหลได้ปักผ้าทองคำแท้สำหรับคลุมรถเบนซ์ ถวายรัชกาลที่ 5 ถือเป็นผ้าคลุมรถทองคำผืนแรกของสยาม!
แพร่ 11

ปัจจุบันคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เปลี่ยนโฉมเป็นพิพิธภัณฑ์ ตัวบ้านงามด้วยสถาปัตยกรรมขนมปังขิงแบบยุโรป แพร่ 12

คุณธนภร พูลเพิ่ม (เสื้อขาว คนที่ 3 จากซ้ายในภาพ) ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติในเมืองแพร่ เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่อย่างอบอุ่นแพร่ 13

ขวนแห่ตุงอันยิ่งใหญ่อลังการ ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ต้อนรับโครงการ น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่แพร่ 14

การฟ้อนตัวอ่อน เป็นนาฎศิลป์พื้นถิ่นแพร่ และน่าน บ้านพี่เมืองน้องอันใกล้ชิดมาแต่โบราณแพร่ 15 แพร่ 16

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และแขกผู้มีเกียรติจาก ททท. ร่วมกันแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” เพื่อช่วยกันส่งเสริมการท่องเที่ยวจากเมืองหลัก ที่อาจมีความคับคั่ง เมืองรองจึงมีบทบาทเพิ่มขึ้น โดยจังหวัดแพร่และน่าน ต่างก็มีแหล่งท่องเที่ยว วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี คล้ายคลึงเชื่อมโยงกันได้อย่างผสมกลมกลืน

แพร่ 17

ททท. สำนักงานแพร่ ได้จัดแคมเปญ “เส้นทางรักแท้” ภายใต้ธีม “รักแท้ รักนาน เที่ยวน่าน แพร่” เพื่อเชิญชวนให้ครอบครัว เพื่อนรัก และคู่รัก เดินทางมาสัมผัสเสน่ห์ของทั้งสองเมืองคู่แฝดนี้ “รักแท้ เที่ยว แพร่” เชิญเรามาสัมผัสรักนิรันดร์ของตำนานรักพระลอ อนุสรณ์สถานแห่งความเสียสละเพื่อรัก พร้อมมาถวายเทียนคู่ที่วัดพระธาตุช่อแฮ และกราบพระธาตุพันปีเพื่อเสริมสร้างบุญบารมี

เช่นเดียวกับ “รักนาน เที่ยว น่าน” เชิญมาถวายเทียนคู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง แล้วมาสัญญากระซิบรักต่อหน้าภาพเขียนสีปู่ม่าน ย่าม่าน ที่วัดภูมินทร์ ให้รักกันยืนยาวจนแก่เฒ่า จากนั้นก็ไปบอกรักกันต่อในอุทยานแห่งรักแสนโรแมนติก ณ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ทั้งหมดนี้คือเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของแดนดินถิ่นล้านนาตะวันออก อย่างแท้จริงแพร่ 18

การฟ้อนเทียนอันสวยสดงดงาม อ่อนช้อย ของสาวเมืองแพร่ ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่แพร่ 19

เสน่ห์สาวงามเมืองแพร่ งามไม่เป็นสองรองใครจริงๆ เลยแพร่ 20

หลังจากงานแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” แล้ว แขกผู้มีเกียรติพร้อมด้วยคณะ Mini Caravan ม๋วนใจล้านนาตะวันออก ก็ร่วมกันรับประทานขันโตก อาหารแบบชาวเหนือ ที่ทั้งอร่อย และประทับใจไปกับบรรยากาศย้อนยุค ของเสียงสะล้อ ซอ ซึง และการฟ้อนงามๆ ของสาวแพร่แพร่ 21

เช้าวันถัดมาของการเดินทาง ยามเช้าในเมืองแพร่อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเร่ิมต้นวันนี้ด้วยการไปเยือนกำแพงเมืองแพร่ และตักบาตรทำบุญให้สุขใจ
แพร่ 22

ชาวแพร่เขามีการตักบาตรทำบุญยามเช้าเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพราะเขามี “การตักบาตรบนสะพานเมฆ” ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่ใช่ทะเลเมฆทะเลหมอกอย่างที่ใครหลายคนคิด ทว่าเป็นการตักบาตรบนกำแพงเมืองโบราณ อยู่ติดกับตลาดเทศบาลแพร่ เราตื่นมาตอนเช้า ไปซื้ออาหารคาวหวานและดอกไม้จากตลาดมาตักบาตรได้เลย โดยพระท่านจะเดินมารับบาตรประมาณ 7 โมงเช้าทุกวัน
แพร่ 23แพร่ 24แพร่ 25

ได้เวลาคณะ Mini Caravan ออกตระเวนซอกแซกเที่ยวต่อ เช้านี้เราจะเดินทางย้อนเวลาหาอดีต กลับไปสัมผัสส่วนเสี้ยวหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ “สถานีรถไฟบ้านปิน” อำเภอลอง เป็นสถานีรถไฟไม้สักที่ถือว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสยามเลยทีเดียว ว้าว! สถานีรถไฟแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสไตล์บาวาเรียนเยอรมันเป็นแห่งแรกของไทย มี 2 ชั้น งดงามด้วยลวดลายไม้และซุ้มประตูหน้าต่างโค้ง ฉลุฉลายสวยงามมาก อีกทั้งยังสร้างหลังคาแบบปั้นหยา ซึ่งเป็นไสตล์ที่นิยมกันมากในช่วงรัชกาลที่ 5-6 อันเป็นยุคที่สถานีรถไฟบ้านปินถือกำเนิดขึ้น
แพร่ 26

สถานีรถไฟบ้านปินเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างไร? นายสถานีเล่าให้ฟังว่า ทหารอเมริกันได้ขึ้นเครื่องบิน เอาระเบิดมาทิ้งที่สะพานรถไฟที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อหยุดยั้งการลำเลียงทัพของทหารญี่ปุ่น ทว่ามีระเบิดจำนวนหนึ่งไม่ระเบิด ชาวบ้านจึงเข้าไปกู้ถอดสลักและดินปืนออก เหลือแต่เปลือกระเบิดขนาดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านพบว่าใช้เหล็กอย่างดีมาก เมื่อเคาะดูมีเสียงก้องกังวาลเหมือนระฆัง จึงนำไปถวายวัด จนเกิดคำกล่าวที่ว่า “คนแพร่แห่ระเบิดขึ้น” ว้าว!แพร่ 27

เมื่อเที่ยวชมสถานีรถไฟบ้านปินเสร็จแล้ว ก็ต้องไปซด กาแฟแห่ระเบิดเมืองแพร่ ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ ท่านเคยเสด็จมาเสวยด้วย ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟบ้านปิน ถามใครๆ ในอำเภอลองรู้จักแน่นอน โดยร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนน มี Landmark เด่นเป็นลูกระเบิดสีทองขนาดใหญ่แขวนอยู่ให้สังเกตได้ ภายในร้านที่สร้างด้วยไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น จัดเป็น Art Gallery เล็กๆ น่านั่งชิลนานๆ ลองสั่งกาแฟมาซด เปิดอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม ปล่อยตัวและหัวใจไปพร้อมกับตำนานกาแฟแห่ระเบิดเมืองแพร่ 
แพร่ 28

หนึ่งในวัดสำคัญที่สุดของเมืองแพร่ปัจจุบัน คือ “วัดพระศรีดอนคำ” (หรือวัดห้วยอ้อ) อำเภอลอง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองแพร่ไป 45 กิโลเมตร ที่ว่าสำคัญเพราะเก่าแก่นับพันปี สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 1078 สมัยพระนางจามเทวีเสด็จจากเมืองละโว้ไปเมืองหริภุญชัย ที่ว่าเป็นวัดสำคัญเพราะมีพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหน้าอกของพระพุทธองค์แท้ๆ ให้สักการะ พร้อมด้วยระฆังระเบิด 1 ใน 2 ลูกของเมืองแพร่ เป็นระเบิดที่ทิ้งลงมาทำลายสะพานรถไฟข้ามห้วยแม่ต้า ช่ววปี พ.ศ. 2485-2488

แพร่ 29

วัดพระศรีดอนคำยังเป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าพร้าโต้ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ศิลปะพม่า อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ของวัด อันเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุแห่งล้านนาตะวันออกไว้อย่างละลานตาแพร่ 30

ดูกันชัดๆ เลยจ้า นี่คือระฆังระเบิด 1 ใน 2 ลูกของเมืองแพร่ ที่มาของตำนาน คนแพร่แห่ระเบิด! (ก็คือแห่มาถวายวัด)แพร่ 31แพร่ 32

อำเภอลอง จังหวัดแพร่ แม้ดูเผินๆ จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่เชื่อไหมว่ามีความเป็นมายาวนานนับพันปี ตั้งแต่ยุคที่พระนางจามเทวีเสด็จโดยทางเรือขึ้นภาคเหนือ เมื่อผ่านบริเวณนี้เห็นว่าชัยภูมิดีเยี่ยม จึงตรัสว่าไหนลองขึ้นไปชมดูหน่อยซิ บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า “อำเภอลอง” มาจนปัจจุบัน
แพร่ 33

อำเภอลองมีวัดอายุพันปีชื่อ “วัดสะแล่ง” ที่แม้จะเคยถูกทิ้งร้างกว่า 300 ปี แต่ก็ได้รับการบูรณะจนสวยสดงดงาม มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาตะวันออกเด่นสง่า รวมถึงมีพระพุทธรูปไม้จันทน์ของพระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าในอดีต ประดิษฐานอยู่ด้วย วัดนี้มีพิพิธภัณฑ์รวมของเก่าแก่โบราณล้ำค่านับหมื่นชิ้นให้ชม นับเป็นอารามที่คนในท้องถิ่นเคารพบูชาอย่างยิ่งแพร่ 34

พิพิธภัณฑ์วัดสะแล่ง อำเภอลอง จังหวัดแพร่แพร่ 35

อำเภอลองช่างมีเรื่องราวน่าสนใจให้ค้นหาไม่สิ้นสุดจริงๆ จากวัดวาอาราม เราเปลี่ยนบรรยากาศมาชื่นชมศิลปวัฒนธรรมและหัตถกรรมล้ำค่าของคนแพร่กันบ้าง ณ โกมลผ้าทอโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ของท้องถิ่น ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่า 50 ปีก่อนโดย คุณโกมล พานิชพันธ์ ช่างภาพอำเภอลอง ที่เดินทางเก็บภาพวัดวาอารามและประเพณีต่างๆ ของคนแพร่มาจัดแสดงไว้
แพร่ 36

ปัจจุบันได้พัฒนาเพิ่มเติม กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าทอโบราณของคนแพร่ที่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุด จุดเด่นอยู่ที่ห้องจัดแสดงผ้าล้ำค่านานาชนิด อาทิ พญาผ้า ซึ่งเป็นผ้าทอโบราณที่ใช้เทคนิคการทอทุกรูปแบบมารวมไว้ในผืนเดียวกันได้อย่างวิเศษ! รวมถึงผ้าทอทองคำอันประเมินค่ามิได้ ณ ที่นี้เราจะได้ยลผ้าซิ่นตีนจกลับแลอันลือชื่อไปทั่วผืนดินสยามแพร่ 37

ดาบเหล็กอำเภอลองอันโด่งดังในอดีต เป็นเหล็กกล้าไร้สนิม คมกริบ และสามารถม้วนพันไว้รอบเอวได้!
แพร่ 38ซิ่นทองคำอายุหลายร้อยปี อันประเมินค่ามิได้
แพร่ 39

ซิ่นของคนแพร่มีเอกลักษณ์ด้วยการใช้สีแดง เหลือง ขาว เป็นหลัก โดยส่วนหัว (เอว) จะเป็นสีขาว ส่วนตัวซิ่นเป็นลายขวางสีเหลือง แดง เขียว ดำ สลับกัน และส่วนตีนซิ่นมีลวดลายวิจิตพิสดาร พร้อมด้วยปลายตีนสีแดงสด การใช้ลายขวางบนตัวซิ่นมิได้ทำให้ผู้สวมใส่ดูตัวเตี้ยลงแต่อย่างใด เพราะช่างทอโบราณมีการใช้ทฤษฎีสีต่างๆ เข้ามาแซมสลับ ทำให้เกิดความสวยงาม มีทัศนมิติที่ช่วยเสริมบุคลิกของผู้ใส่ได้อย่างวิเศษ นอกจากนี้ซิ่นโบราณอำเภอลองทุกผืน ยังมีการทอลายจำเพาะกำหนดไว้ที่ตีนซิ่น เปรียบเสมือลายเซ็นต์ หรือ Bar Code โบราณ ไม่มีผิดเลยแพร่ 40

ก่อนโบกมืออำลาแพร่ เราแวะไปกราบพระกันที่ “วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี” ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2520 บนถนนสายแพร่-ลำปาง ช่วงอำเภอเด่นชัย เป็นวัดใหญ่ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมอันน่าตื่นตา เพราะมีการนำสถาปัตยกรรมหลายสไตล์มาผสมผสานกัน ทั้งล้านนา ไทยใหญ่ ลาว พม่า และจีน โดยเฉพาะเจดีย์ใหญ่ 30 องค์ ผู้ที่ควบคุมการก่อสร้างคือ ครูบาน้อย (หรือหลวงพ่อมนตรี) ซึ่งท่านได้รวบรวมสุดยอดช่างฝีมือล้านนา ที่เรียกว่า “สล่า” มาก่อสร้างวัดนี้แพร่ 41

สุดยอดของศิลปะล้านนา 11 แห่ง ที่นำมาประยุกต์สร้างโบสถ์วิหารภายในวัดพระธาตุสุโทน ได้แก่

ซุ้มประตูด้านหน้าโบสถ์ จากวัดพระธาตุลำปางหลวง ลำปาง
ซุ้มประตูด้านตะวันออก จากวัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
 ซุ้มประตูด้านตะวันตก จากวัดพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว
 ฐานพระอุโบสถรูปซิกแซก จากวังประทับพระยามังราย เชียงราย
 ประตูและหน้าต่างลวดลายแกะสลัก จากวิหารลายคำวัดพระสิงห์ เชียงใหม่
 ปั้นลมลวดลายเก่าศิลปะทางเหนือ จากวัดต้นเกวน อำเภอสเมิง เชียงใหม่
 นาค 7 เศียร แบบขอมและนางอัปสรปูนปั้น จากวัดเจ็ดยอด เชียงใหม่
 หอไตร จากวัดพระสิงห์ เชียงใหม่
 หอระฆัง จากวัดพระธาตุหริภูญชัย ลำพูน
 กุฏิหลังใหญ่สร้างด้วยไม้สักทองจากบ้านไทยสิบสองปันนา ประเทศจีน
 พระบรมธาตุ 30 ทัส ศิลปะเชียงแสน จากวัดพระธาตุนอ (หน่อ) ของพระชนกพระเจ้าเม็งรายมหาราช จากแคว้นสิบสองปันนา ประเทศจีนแพร่ 42

จากจังหวัดแพร่ ได้เวลาเดินทางมากล่าวทักทาย เมืองอุตรดิตถ์ เมืองเหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก และถิ่นสักใหญ่ที่สุดของโลกแพร่ 43

พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล อุตรดิตถ์แพร่ 44

ภายในพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล ถือเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ ภาษา อาหาร และประเพณีวัฒนธรรมของชาวลับแลอุตรดิตถ์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
แพร่ 45

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมกับ คุณธนภร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ กล่าวต้อนรับ Mini Caravan 12 เมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่ อย่างอบอุ่นแพร่ 46

สาวงามเมืองลับแลฟ้อนขันดอกให้เราชมอย่างน่าประทับใจแพร่ 47ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล มี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่พร้อมให้ทั้งข้อมูล มีจักรยานให้เช่าขี่เล่น และเป็นจุดขึ้นลงรถพ่วงชมรอบเมือง วนเวียนไปตามสถานที่สำคัญต่างๆ อย่างเรือนไม้เก่าร้อยปี, พิพิธภัณฑ์ผ้าคุณโจ รวมถึงร้านของกินอร่อยนานาชนิด เช่น ขนมจีนทอด และของทอดร้านป้าณี ลับแล ฯลฯ
แพร่ 48

รถพ่วงชมเมืองลับแลแพร่ 49

เรือนไม้เก่าร้อยปี ทั้งสวยงาม คลาสสิก เต็มไปด้วยมนต์ขลัง และเรื่องราวเก่าๆ ในทุกย่างก้าว ที่นี่เปิดเป็น Homestay ด้วย แค่คืนละ 300 บาทต่อคนเท่านั้นแพร่ 50แพร่ 51

พิพิธภัณฑ์ผ้าคุณโจ นอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมซิ่นตีนจกลับแล ทั้งโบราณและสมัยใหม่แล้ว ยังสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้ชาวบ้านโดยรอบเป็นกอบเป็นกำ เพราะผ้าเหล่านี้ถือเป็นงานประณีตศิลป์ล้ำค่าราคาสูง ผืนหนึ่งสนนราคาตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนบาท ปัจจุบันมียอดสั่งจองยาวเหยียด และจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว!แพร่ 52แพร่ 53

การทอซิ่นตีนจกลับแล จะใช้เทคนิคคล้ายคลึงกับการจกผ้าที่หาดเสี้ยว สุโขทัย ทว่าลายสองด้านของลับแลจะละเอียดเรียบร้อยงามตากว่า งานแขนงนี้จึงเป็นการสืบสานภูมิปัญญาของท้องถิ่น ของชาติ ให้คงอยู่สืบไป
แพร่ 54

ของทอดร้านป้าณี ลับแล ใครมาก็ต้องแวะชิม โดยเฉพาะ “กระบองทอด” ทำจากหน่อไม้ใส่หมูชุบแป้งทอด อร่อยมากๆ
แพร่ 55แพร่ 56

วันสุดท้ายของการเดินทางที่ทั้งยาวไกลและสนุกสนาน Mini Caravan ของเราไปแวะหม่ำอาหารเที่ยงแสนอร่อยสไตล์ Western Fusion กันที่ “ไร่องุ่น คานาอัน” อำเภอทองแสนขัน อุตรดิตถ์ บรรยากาศของไร่นี้ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในอิตาลี หรือในฝรั่งเศสตอนใต้ ไม่มีผิดเลย ฮาฮาฮาแพร่ 57

เดินชมไร่องุ่นแดงที่กำลังผลิผลสะพรั่ง มีทั้งองุ่นกินผลสด และองุ่นทำไวน์แดงแพร่ 58แพร่ 59

อากาศยามบ่ายอาจจะร้อนอบอ้าวนิดนึง แต่เมื่อได้ดื่มน้ำองุ่นสดเย็นชื่นใจ ก็ทำให้โลกสดชื่นขึ้นอีกครั้งเนอะแพร่ 60

ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ในที่สุดเราก็มาถึงแหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายของทริปนี้กันแล้ว กับ “บ่อเหล็กน้ำพี้” อำเภอทองแสนขัน อุตรดิตถ์ ดินแดนแห่งตำนานดาบเหล็กน้ำพี้อันลือลั่น

เหล็กน้ำพี้ แท้จริงแล้วคือแร่เหล็กชนิดหนึ่งที่มีคุณภาพดีเยี่ยม สามารถนำมาถลุงตีเป็นอาวุธนานาชนิด มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษไทยท่านได้นำเหล็กน้ำพี้มาใช้เป็นอาวุธ ต่อสู้รักษาผืนดินไทยไว้ให้ลูกหลานมาจนปัจจุบัน กล่าวกันว่าเหล็กน้ำพี้เป็นโลหะมหัศจรรย์และมีพลังเร้นลับ ผู้ที่ครอบครองสามารถป้องกันภูตผีปีศาจ มนต์ดำ เกิดเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี สุดยอดจริงๆ!
แพร่ 61

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ และกราบสักการะเจ้าพ่อเหล็กน้ำพี้แล้ว ก็ได้เวลาสนุก ตกเหล็กน้ำพี้ ใครโชคดีอาจจะได้ก้อนใหญ่กลับบ้านไปบูชาด้วยแพร่ 62

เหล็กน้ำพี้หน้าตาเป็นอย่างนี้เองนะแพร่ 63

การเดินทางอันยาวไกล บนเส้นทาง “น่าน เมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” ของเราสิ้นสุดลงแล้ว แต่ภาพประทับใจและประสบการณ์ดีๆ ครั้งนี้ จะได้รับการบอกต่อไปไม่สิ้นสุด หน้าหนาวนี้ถ้าคุณยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ขอบอกเลยว่า เส้นทางจาก น่าน-แพร่-อุตรดิตถ์ นั้น สวยงาม หลากหลาย เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ล้านนาตะวันออกจริงๆ จ้า

Special Thanks : ททท. สำนักงานแพร่ เลขที่ 2 ถนนบ้านใหม่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองฯ จังหวัดแพร่ 54000 โทร. 0-5452-1127 โทรสาร 0-5452-1110  www.tourismthailand.org/phrae , www.easternlanna.org , tatphrae@tat.or.thlogo123-300x300 11150908_463007607208094_5994833930499316607_n

มหัศจรรย์พืชวงศ์ขิงข่าไทย มีดีอวดชาวโลก! จ.เชียงใหม่

อุทยานขิงข่า 1

เมื่อพูดถึงคำว่า “ขิงข่า” คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงอาหารอร่อยอย่างต้มข่าไก่ หรือผัดขิง แต่ถ้าเอ่ยถึงชื่อขิงข่าในวงวิชาการพฤกษศาสตร์แล้วล่ะก็ พืชวงศ์ขิงข่า หรือ Zingiberaceae คือกลุ่มพืชเขตร้อนชื้นที่มีประโยชน์อนันต์ มากกว่าอาหารมากมายนัก เพราะขิงข่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในปัจจัยสี่ โดยเฉพาะอาหารและยารักษาโรค อีกทั้งยังมีความสวยงาม ใช้ประดับสวน บ้านเรือน และส่งออกทำรายได้มหาศาล! ยิ่งกว่านั้น ปัจจุบันยังมีการต่อยอด นำดอกขิงข่าบางชนิดมาสกัดน้ำหอม และทำชาสุขภาพด้วยล่ะ ว้าว!
อุทยานขิงข่า 2 อุทยานขิงข่า 3 อุทยานขิงข่า 4

ด้วยความสำคัญของพืชวงศ์ขิงข่าที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อีกทั้งเมืองไทยของเรายังมีพืชวงศ์นี้อยู่กว่า 300 ชนิด ใน 24 สกุล ถือเป็นจำนวน 1 ใน 4 ของพืชวงศ์ขิงข่าที่มีอยู่ในโลก! สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดสร้าง “อุทยานพืชวงศ์ขิง-ข่า” บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ มีการรวบรวมพืชวงศ์นี้ไว้กว่า 180 ชนิด จากทั่วทุกภาค ถือเป็นสวนที่รวมพืชวงศ์ขิง-ข่าไว้มากที่สุดแล้วในปัจจุบัน

อุทยานขิงข่า 5

กระเจียว (Curcuma) เป็นสกุลเด่นในพืชวงศ์ขิงข่า เพราะมีช่อดอกขนาดใหญ่ และดอกบานทนนาน มีดอกเฉพาะฤดูฝน ส่วนในฤดูอื่นๆ จะพักตัวลงหัว มีแต่ใบเขียวๆ ให้เห็นเท่านั้นอุทยานขิงข่า 6 อุทยานขิงข่า 8 อุทยานขิงข่า 9

กระเจียวส้ม

อุทยานขิงข่า 10

ช่อดอกสีสดใสของกระเจียวที่เห็น แท้จริงคือกลีบประดับ (Bract) ที่เรียงซ้อนกันขึ้นไปเป็นช่อแนวตั้ง ส่วนดอกที่แท้จริงของกระเจียว เป็นดอกรูปทรงจงอย มีขนาดเล็ก โผล่ออกมาจากกลีบประดับอีกทีหนึ่ง
อุทยานขิงข่า 11

ดอกข่าลิง (Globba sp.) เป็นพืชวงศ์ของข่าที่มีดอกขนาดเล็ก รูปทรงดอกสวยงามแปลกตา มีทั้งสีเหลือง ขาว และชมพูอ่อน ดอกเข้าพรรษาที่พบในจังหวัดสระบุรี ก็อยู่ในวงศ์ข่าลิงนี้ด้วยเช่นกันอุทยานขิงข่า 12 อุทยานขิงข่า 13 อุทยานขิงข่า 14 อุทยานขิงข่า 15

อุทยานขิง-ข่า เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญให้กับเยาวชนจากทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กๆ รู้ถึงคุณค่าความสำคัญ และความสวยงาม นำไปสู่ความรัก และการอนุรักษ์พืชวงศ์นี้ให้อยู่คู่ป่าไทยตลอดไป อุทยานขิงข่า 16 อุทยานขิงข่า 17 อุทยานขิงข่า 18

ภายในอุทยานขิง-ข่า ร่มรื่นมาก สามารถเดินชมพรรณไม้ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับมีป้ายบอกชื่อชนิดพันธุ์ของขิงข่าเอาไว้อย่างชัดเจน แยกเป็นสกุลอย่างมีระบบระเบียบอุทยานขิงข่า 19

กระทือพิลาส หรือกระทือช้าง (Zingiber spectabile) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่มีช่อดอกขนาดใหญ่มาก สีสดใสสวยงาม ตั้งแต่เหลือง ส้ม แดง ไล่เฉดกันสวยงาม ดั้งเดิมมีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าดิบชื้นแถบจังหวัดนราธิวาส

อุทยานขิงข่า 20

ดอกจริงๆ ของกระทือพิลาส มีขนาดเล็ก โผล่ออกมาจากกลีบประดับ โดยมีรูปร่างเป็นจงอยโค้งแบบนี้ล่ะ เพราะธรรมชาติได้ออกแบบดอกไม้ให้มีรูปทรงเหมาะเจาะรับกับแมลงที่มาช่วยผสมพันธุ์ให้ น่ารักมากๆอุทยานขิงข่า 21 อุทยานขิงข่า 22

ไพล (Zingiber sp.) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่ใช้ทำอาหารและสมุนไพรในสังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะในวงศ์การแพทย์แผนไทย ใช้เหง้าไพลที่แก่จัด แก้ฟกช้ำ บวม เคล็ด ยอก ปวดเมื่อย ขับลม ท้องเดิน ช่วยขับระดูหรือประจำเดือนของสตรี นิยมใช้หลังจากที่คลอดบุตรแล้ว เหง้าไพลมีน้ำมันหอมระเหย มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบด้วย

อุทยานขิงข่า 23

ดอกไพลอุทยานขิงข่า 24

กระทือหนู (Zingiber sp.) เป็นพืชในวงศ์ขิงข่าที่นิยมปลูกเลี้ยงประดับสวนกันทั่วไป เพราะดอกออกตลอดปี และดอกบานทน สร้างสีสันให้สวนสวยได้

อุทยานขิงข่า 25

ทากน้อยแอบมาอาศัยอยู่กับดอกขิงข่า อยู่อย่างพึ่งพิงอิงอาศัยกัน เป็นการเกื้อกูลในธรรมชาติอันแสนน่ารัก

อุทยานขิงข่า 26

ดร.สุญาณี เวสสบุตร ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) เดินทางมาต้อนรับคณะสื่อมวลชน ที่มาเยี่ยมชมอุทยานขิงข่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่อุทยานขิงข่า 27

คุณเมธี วงศ์หนัก นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงข่า ผู้ที่เดินทางสำรวจรวบรวมพืชวงศ์ของข่าทั่วประเทศ มาออกแบบจัดเป็นอุทยานพืชวงศ์ขิงข่า ในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่อุทยานขิงข่า 28

ดร.สุญาณี เวสสบุตร ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับ คุณเมธี วงศ์หนัก นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงข่า และคุณน้ำค้าง PR สาวสวนแห่งสวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

อุทยานขิงข่า 29

มหาหงส์ (Hedychium sp.) ถือเป็นนางเอกแสนสวยของอุทยานขิงข่า เพราะปัจจุบันมีการศึกษาวิจัย จนสามารถนำดอกมหาหงส์มาผลิตเป็นน้ำหอม และชาสุขภาพ ได้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอการผลิตออกขายในเชิงอุตสาหกรรมเท่านั้น

อุทยานขิงข่า 30

ตาเหิน (Hedychium sp.) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่มีช่อดอกขนาดใหญ่ จัดเป็นพืชป่าหายากที่มีความสวยงามมาก

อุทยานขิงข่า 31

มหาหงส์สีส้มอุทยานขิงข่า 32

มหาหงส์ (Hedychium coronarium) เป็นพืชท้องถิ่นล้านนา ที่สาวๆ นิยมนำดอกประดับมวยผม เพื่อให้กลิ่นหอมชื่นใจ

อุทยานขิงข่า 33

มหาหงส์ขาวสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 2

นอกจากอุทยานขิงข่าแล้ว สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีกลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ 12 โรงเรือน จัดแสดงพืชพรรณต่างๆ ไว้ให้ชมอย่างน่าตื่นตาสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 3

โรงเรือนไม้ทะเลทรายและพืชทนแล้งสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 4สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 5

ดอกกระเจียวขาว เบ่งบานอยู่ด้านหน้าโรงเรือนบุก-บอนสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 6สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 7

โรงเรือนไม้กินแมลง มีทั้งพืชท้องถิ่นของไทยและจากทวีปอเมริกาให้ชมสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 8

โรงเรือนกล้วยไม้และเฟิน ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นเย็นฉ่ำ เหมือนเดินอยู่ในผืนป่าจริงๆ เลยล่ะสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 9สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 10สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 11

โรงเรือนป่าดิบชื้น (Tropical Rainforest) เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาคารเรือนกระจก จำลองสภาพป่าดิบชื้นของไทยมาให้ชม พร้อมด้วยพืชหายากและพืชเฉพาะถิ่นอันน่าตื่นตา อย่างใบไม้สีทอง (ย่านดาโอ๊ะ), ปาล์มเจ้าเมืองตรัง, ปาล์มเจ้าเมืองถลาง, ปาล์มบังสูรย์, หมากแดง, กล้วยศรีนรา, ดาหลาขาว และอื่นๆ อีกมากมายสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 12สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 13

ภายในโรงเรือนป่าดิบชื้น มีสะพานสูงให้เดินชมบรรยากาศจากด้านบนด้วย จะได้เห็นเรือนยอดไม้กันชัดๆCanopy Walway เชียงใหม่ 1

สะพานเดินศึกษาธรรมชาติบนยอดไม้ หรือ Canopy Walkway แห่งใหม่ของไทย ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางเดินบนยอดไม้ยาวที่สุดในเมืองไทย คือยาวถึง 500 เมตร สูงจากพื้นป่าเบื้องล่างกว่า 22 เมตร และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเที่ยวชมได้ในปลายปี 2015 ครับ
Canopy Walway เชียงใหม่ 2

บางช่วงของ Canopy Walkway เป็นพื้นกระจกใส เข้าไปยืนแล้วให้ความรู้สึกเสียวดี แต่ที่เจ๋งกว่าคือ เหมือนกับตัวเราลอยอยู่เหนือพื้นป่า สามารถศึกษาสังคมพืชและสิ่งมีชีวิตบนยอดไม้ได้อย่างง่ายดายCanopy Walway เชียงใหม่ 3Special Thanks : ขอขอบคุณ งานประชาสัมพันธ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0-5384-1234  www.qsbg.org

Thailand International Balloon Festival 6-7 ธันวาคม 2014, เชียงใหม่

B1

 กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ กับ งานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ประเทศไทย ครั้งที่ 8“Thailand International Balloon Festival 2014” งานบอลลูนนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมากมายตั้งแต่ปี 2007 และสร้างความสุขให้กับทุกครอบครัวมาโดยตลอด

 บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด ผู้จัดงาน พร้อมด้วยการสนับสนุนของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ในช่วงฤดูหนาวอันเย็นสบาย ระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2014 ณ สนามกอล์ฟ สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เชียงใหม่ ซึ่งปีนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ มากมายเหมือนเดิม

B2

B4

จะมีโอกาสสักกี่ครั้งในชีวิต ที่เราจะได้สัมผัสพาหนะสุดพิเศษอย่างบอลลูน กันใกล้ชิดขนาดนี้

B5

สีสัน ณ มุมหนึ่งของงานบอลลูนนานาชาติ ครั้งที่ 8

B6

ผู้บริหาร บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด และหน่วยงานพันธมิตรผู้สนับสนุนงาน Thailand International Balloon Festival ครั้งที่ 8 ปี 2014 ร่วมกันทำพิธีเปิดงาน Grand Opening อย่างเป็นทางการ ในเย็นวันที่ 6 ธันวาคม 2014 ณ สนมกอล์ฟยิมคานา กลางเมืองเชียงใหม่

B7

B8

บอลลูนบังคับ และเจ้าตุ๊กตาหมีน้อย คือขวัญใจของเด็กๆ ในงานปีนี้

B9

ตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง ทั้งลูกเรือและลูกทีม ต่างก็ต้องมาเตรียมตัวกันที่สนามกอล์ฟยิมคานา โดยการเป่าลมเย็นและร้อนเข้าไปในลูกบอลลูน ให้มันพองตัวออก จากนั้นจะใช้เวลา 30-40 นาที เมื่อบอลลูนตั้งขึ้นก็จะไม่สามารถรอได้นาน ต้องลอยขึ้นสู่อากาศทันที ผู้โดยสารจึงต้องมายืนรออยู่ใกล้ๆ ด้วย เพื่อปีนขึ้นบอลลูนได้ทันทีที่นักบินสั่ง

B10

วินาทีที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อบอลลูนลูกแรกลอยละลิ่วขึ้นสู่อากาศตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี ส่วนลูกทีเหลืออีกไม่นานก็จะตามไป โดยปีนี้มีบอลลูนเข้าร่วมบินกว่า 20 ลูก ทำให้บรรยากาศคึกคักกว่าทุกปีเลย

B11

ภาพยิ่งใหญ่ตระการตาของการบินบอลลูนในเมืองไทยแบบนี้ มีแต่ บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด เท่านั้น ที่นำโอกาสดีๆ อย่างนี้มาให้คนไทยได้สัมผัสทุกปีที่เชียงใหม่ เพราะเป็นโลเกชั่นที่เหมาะสมสุดๆ โดยเฉพาะสภาพอากาศอันเย็นสบาย เหมาะต่อการบินบอลลูนมากๆ

B12

บอลลูนน้อยใหญ่ถูกกระแสลมพัดพาไปอย่างแช่มช้า อ่อนโยน ปล่อยให้ทั้งนักบินและผู้โดยสารได้ชมวิวยามเช้าของเชียงใหม่กันอย่างจุใจ โดยเฉพาะภาพของสายหมอกขาวบางเบา ที่ปกคลุมอยู่ในยามเช้าเช่นนี้

B13

ในที่สุดแสงทองแรกของตะวันยามเช้าก็สาดส่อง อาบไปทั่วเมืองเชียงใหม่และบอลลูนของเรา ช่างงามราวกับลอยอยู่บนสวรรค์จริงๆ เลยนะเนี่ย

B14

ลอยละลิ่วไปในทะเลสีทองแห่งแสงยามเช้าอันอบอุ่น เราจะไม่มีวันลืมภาพสุดวิเศษนี้ไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

B15

กล่าวกันว่า บอลลูนเป็นพาหนะชนิดเดียวที่เมื่อขึ้นบินแล้ว จะไม่สามารถบอกได้ว่าจะร่อนลงตรงไหน เพราะต้องปล่อยให้กระแสลมพัดพาไป ทว่านั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะตลอดเวลาที่ลอยอยู่ในอากาศ ทั้งนักบินและลูกเรือ ต่างก็ได้ชมวิวสวยงามของเทือกดอยสุเทพ บ้านเรือน ไร่นา และพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่นน่าอยู่ของเชียงใหม่ เมืองศูนย์กลางล้านนาอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์

B16

ชมกันให้เต็มตา กับวิวจากมุมมองของนกแบบสุดสายตาพาโนรามา มีเพียงการบินบอลลูนเท่านั้นที่จะมอบวิวสวยๆ แบบนี้ให้ได้ เพราะไม่มีอะไรกั้นตัวเรากับอากาศภายนอกไว้เลยสักนิดเดียว ทำให้รู้สึกอิสระเสรีสุดๆ จริงๆ

B17

มองจากบนบอลลูน เห็นพระธาตุดอยสุเทพตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนดอยสุเทพ ซึ่งมีสายหมอกขาวในยามเช้าลอยคลอเคลียอยู่อย่างอ่อนโยน

B18

ปีนี้ Go Travel Photo.com โชคดีมาก ได้บินบอลลูนกับคุณลุงโจเซฟ เจ้าของบริษัทผลิตบอลลูน Magic Balloon ของสเปน คุณลุงมีประสบการณ์บินมากว่า 15 ปีแล้ว และบอลลูนที่เข้าร่วมงานปีนี้กว่าครึ่ง ผลิตจากโรงงานของคุณลุง คุณลุงเป็นคนใจดี คุยสนุก และบอกว่า When i am flaming, surely i want fo fly long. หมายความว่า ถ้าเมื่อไหร่แกพ่นไฟใส่บอลลูนให้ลอยละลิ่วไปในอากาศแล้วล่ะก็ แกจะไม่ร่อนลงเร็วหรอก แต่แกจะบินไปนานที่สุดเท่าที่ทำได้ ปีนี้เราเลยได้บินนานชั่วโมงกว่าสมใจอยาก

B19

เคยเข้าใจผิดมาหลายปีว่า บอลลูนเลี้ยวไม่ได้ แต่พอมาเจอลุงโจเซฟ แกเลยแสดงวิธีเลี้ยวบอลลูนให้ชมเป็นขวัญตา! เพราะจริงๆ แล้วกระแสลมในแต่ละระดับความสูงจะมีทิศต่างกัน ถ้านักบินสังเกตรู้ ก็สามารถลอยขึ้นลงไปยังระดับความสูงต่างๆ เพื่อบินไปในทิศทางที่ต้องการได้นั่นเอง สุดยอดจริงๆ ครับคุณลุง เก๋ามากๆ

B20

เชียงใหม่ยังมีมุมสงบงาม และร่มรื่นให้ชมอีกมาก สมเป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรล้านนาโบราณ โดยเฉพาะเมื่อมองจากบอลลูนอย่างนี้ ก็ได้มุมมองแปลกตาดีครับ

B21

บินมาได้เกือบชั่วโมง บอลลูนบางลูกก็หาที่ปลอดภัยร่อนลงกันแล้วล่ะ ในขณะที่อีกหลายลูกยังคงบินชมวิวกันต่อไปอย่างสบายอารมณ์

B22

สนามหญ้ากว้าง โล่งๆ ที่ไม่มีสายไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ เหมาะมากสำหรับการร่อนลง และการเก็บบอลลูน เพราะมีถนนอยู่ใกล้ๆ ด้วย ทีมงานเลยเข้าไปเก็บบอลลูนกลับอย่างง่ายดาย

B23

ความสุขของการบินบอลลูนอย่างหนึ่งคือ เป็นพาหนะที่เงียบ และได้ชมวิวจากมุมมองอันแปลกแตกต่าง โดยบอลลูนจะบินได้ดีที่สุดในตอนเช้าที่อากาศเย็น ทั้งนักบินและผู้โดยสารจึงรู้สึกสดชื่นกับบรรยากาศยามเช้าอันสดใสของเชียงใหม่ต้นฤดูหนาว

B24

หลังจาการบินบอลลูนภาคเช้าจบลง ช่วงกลางวันนักบินก็จะพักผ่อน รอให้แดดร่มลงตกอีกครั้งในช่วงเย็น ทุกคนก็จะมารวมตัวที่สนามกอล์ฟยิมคานาอีกครั้ง เพื่อแสดง Ballon Glow และ Balloon Tethering

B25

Balloon Tethering คือการบินบอลลูนขึ้นสูงในระยะที่กำหนด โดยมีเชือกผูกโยงบอลลูนเอาไว้ให้อยู่กับที่ ไม่ลอยไปไหน เป็นการนำบอลลูนขึ้นพร้อมกับผู้โดยสารที่โชคดี ได้รับคัดเลือกให้ขึ้นบินฟรีนับร้อยคนในปีนี้

B26

นั่งชมบอลลูน Balloon Tethering ไป พร้อมกับชิมอาหารอร่อยๆ ที่มาออกร้านไปด้วย นี่คือความสุขของงาน Thailand International Balloon Festival ณ เมืองเชียงใหม่ น่าอิจฉาที่สุด

B27

เจ้าหนูน้อยดีใจสุดขีด เมื่อได้ขึ้น Balloon Tethering แม้จะลอยสูงจากพื้นไม่มากนัก แต่ก็น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย ทว่าลอยอยู่ได้ไม่นานก็ต้องลงซะแล้ว เพราะมีคิวคนรอขึ้นอีกเพียบ!

B28

บรรยากาศสีสัน ชีวิตชีวา และความคึกคัก ในยามเย็น ที่สนามกอล์ฟยิมคานา ย่ิงเย็นคนก็ยิ่งเยอะ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวชาวเชียงใหม่ที่มาร่วมชมงานกันอย่างล้นหลาม ส่วนนักบินและลูกทีมก็เตรียมตัวแสดง Balloon Glow กันอย่างพร้อมใจ

B29

B30

B31

ทุกปี นักบิน (Pilot) จะพานักบินผู้ช่วย (Co-Pilot) และลูกทีม (Crew) มาฝึกฝนทักษะประสบการณ์ด้วย เพื่อให้เติบโตขึ้นไปเป็นนักบินบอลลูนมืออาชีพในอนาคต

B32

Co-Pilot สาวสวย ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นขวัญใจช่างภาพ ของงานบอลลูนปีนี้ไปแล้ว!

B33

ปีนี้มีบอลลูนบังคับมาบินโชว์ในงานหลายสิบลูก ทำให้ผู้เข้าร่วมชมงานได้สัมผัสบอลลูนจริงๆ อย่างใกล้ชิด สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก

B34

แม้จะเป็น Balloon Tethering ที่ลอยขึ้นจากพื้นสูงแค่นิดเดียว และลอยอยู่แค่ไม่กี่นาที แต่ก็มอบความสุขและรอยยิ้มให้กับพ่อ แม่ ลูก ชาวเชียงใหม่ นี่คือช่วงเวลาอันน่าจดจำจริงๆ และนับเป็นความสำเร็จของงาน Thailand International Balloon Festival ครั้งที่ 8 อย่างงดงาม

B35

Balloon Tethering บางลูกลอยสูงเกินยอดไม้ ทำให้ผู้โดยสารตื่นเต้นกันยกใหญ่!

B36

ประมาณทุ่มตรง หนึ่งในสุดยอดไฮไลท์ของงานบอลลูน นานาชาติ ครั้งที่ 8 ก็เริ่มขึ้น คือการแสดง Balloon Night Glow เป็นการแสดงแสงสีเสียง ประกอบดนตรี และการพ่นไฟให้บอลลูนทุกลูกสว่างเรืองในความมืดขึ้นพร้อมกัน เสียงเพลงอันเร้าใจ แสงไฟเลเซอร์อันวูบวาบน่าตื่นเต้น และโดยเฉพาะการจุดพลุยิ่งใหญ่สุดอลังการ ทำให้ Balloon Night Glow กลายเป็นพระเอกของานปีนี้ไปเลยทีเดียว

B37

B38

หลังจาก Balloon Night Glow จบลง ก็ต่อด้วยคอนเสิร์ตเพลงหวานฟังสบาย เข้ากับบรรยากาศต้นหน้าหนาวของเชียงใหม่เป็นที่สุด มีศิลปินแนวหน้าของไทยที่ระดับอินเตอร์ยอมรับ อย่างตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย, มิ้น มาลีวัลย์ เจมีน่า, แต๋ม ชรัส เฟื่องอารมณ์,ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว, ก้อย ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์ ฯลฯ มาร่วมขับขานเสียงเพลงหวานซึ้ง โรแมนติก ใครไม่ได้ฟัง ขอบอกคำเดียวว่า Sorry!

B39

B40

Special Thanks : บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด ผู้จัดงาน Thailand International Balloon Festival ครั้งที่ 8 สนับสนุนการเดินทาง เข้าร่วมงาน เป็นอย่างดียิ่ง ท่านใดที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ โทร. 09-1873-7258, 08-1306-8914

ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง จังหวัดตาก

 

Processed with VSCOcam with f2 preset

ลอยกระทงสาย 5

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก จัดงานประเพณี “ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เมื่อวันที่ ๑-๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ บริเวณริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานกรุงสมโภชน์รัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี

กระทงสายถือเป็นเอกลักษณ์และมรดกตกทอดทางภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สะท้อนถึงความเชื่อ ความเคารพและศรัทธาที่มีต่อสายน้ำ ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ชาวจังหวัดตากภาคภูมิใจยิ่ง และจัดสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล

กระทงสาย ตัวกระทงทำจากกะลา ส่วนตัวไส้เทียนทำจากด้ายฟั่นเป็นรูปตีนกา การทำตีนกาเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่า แสงไฟจากตีนกาจะเป็นการบูชาแม่กาเผือกของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์   ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาถึงทุกวันนี้ การจุดไฟที่ด้ายและตีนกาถือเป็นความเชื่อของชาวบ้านที่ว่า แสงไฟจะสร้างความสว่างไสวให้กับชีวิตของตนเอง

กระทงสาย 1

กระทงกะลา ตัวไส้ทำจากด้ายฟั่นเป็นรูปตีนกา

คืนวันแรกของการจัดงานจะมีขบวนแห่กระทงของชาวบ้าน แต่ละคนจะแต่งกายประจำชุมชนและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ขบวนแห่ประกอบด้วย กระทงขนาดใหญ่ เรียกว่า กระทงนำ พร้อมด้วยกระทงกะลา และกระทงปิดท้าย ซึ่งตกแต่งได้อย่างยิ่งใหญ่ วิจิตรงดงาม นอกจากนั้นยังมีการจัดประกวดทั้งกระทงนำ กระทงกะลา และกระทงปิดท้ายอีกด้วย

ประกวดกระทง 4

กระทงปิดท้ายที่ส่งเข้าประกวด

ประกวดกระทง 3

ประกวดปิดท้ายที่ส่งเข้าประกวด

ประกวดกระทง 2

กระทงที่ส่งเข้าประกวด

ประกวดกระทง 1

กระทงกะลาที่ตกแต่งอย่างสวยงามจากแต่ละชุมชนเพื่อส่งเข้าประกวด

ประกวดกระทง 5

กระทงกะลาที่ตกแต่งอย่างสวยงามจากแต่ละชุมชนเพื่อส่งเข้าประกวด

ขบวนแห่ 4

ขบวนแห่กระทง

ขบวนแห่ 2

ขบวนแห่กระทง

ขบวนแห่ 1

ขบวนแห่กระทง

ขบวนแห่ 3

เด็กน้อยแต่งตัวชาวเขาในขบวนแห่กระทง

ขบวนแห่ 5

สาวสวยแต่งกายอย่างไทยร่วมขบวนแห่กระทง

งานวันแรก (๑ พ.ย.) จะมีพิธีเปิดงานฯ และอัญเชิญกระทงพระราชทาน ๑๐ พระองค์ลงลอยเป็นปฐมฤกษ์และเป็นสิริมงคลในการจัดงาน จากนั้นจะมีการลอยกระทงสายโชว์จำนวน ๑,๐๐๐ ดวง

ลอยกระทงสาย 3

ก่อนเริ่มลอยกระทงสาย (กระทงกะลา) จะต้องกระทงนำก่อน

วันที่สองไปถึงวันสุดท้าย (๒-๖ พ.ย.) จะมีการทอดผ้าป่าน้ำ ณ เวทีกลางน้ำ ต่อจากนั้นก็จะเป็นแข่งขันลอยกระทงสายฯ วันละ ๒ ทีม

การแข่งขันจะประกอบด้วยการประกวดการแสดงบนเวที และการประกวดลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง ให้ทันตามเวลาที่กำหนด

ก่อนเริ่มลอยกระทงสายจะต้องลอยกระทงนำก่อนพร้อมๆ กับการแสดงบนเวทีที่เริ่มขึ้น จากนั้นเริ่มลอยกระทงสาย พอครบ ๑,๐๐๐ ดวง ก็จะทำการลอยกระทงปิดท้าย เป็นอันเสร็จสิ้นการแข่งขัน และในวันสุดท้ายจะมีการประกาศผล ทีมที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานฯ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัลสำหรับทีมชนะเลิศในการประกวดกระทงสาย ตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ มาจนถึงปัจจุบัน

กระทงสาย 2

แข่งขันลอยกระทงสาย ๑,๐๐๐ ดวง

 

ลอยกระทงสาย 7

แข่งขันลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง และการประกวดการแสดงบนเวที

ลอยกระทงสาย 6

การแสดงบนเวที

ลอยกระทงสาย 8

ลอยกระทงปิดท้าย หลังจากลอยกระทงประทีปตรบ ๑,๐๐๐ ดวงแล้ว

ลอยกระทงสาย 4

กระทงปิดท้าย หลังจากลอยกระทงประทีปตรบ ๑,๐๐๐ ดวงแล้ว

นอกจากชาวจังหวัดตากและนักท่องเที่ยวจะได้ชมการแข่งขันลอยกระทงสายและร่วมลอยกระทงเพื่อขอขมาและสักการะต่อพระแม่คงคาแล้ว ยังจะได้ช้อปชิมอาหารพื้นเมืองและเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่มาออกร้านมากมายบริเวณสวนคนเดินการกระทงสาย มีทั้งสินค้า OTOP สินค้าพื้นเมือง และอาหารท้องถิ่นที่หาทานที่ไหนไม่ได้ ชมกระทงสายจำลองแกะสลักจากหินแกรนิต บริเวณถนนเลียบแม่น้ำปิง โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ได้พัฒนาถนนเลียบแม่น้ำนี้ให้กลายเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม สะอาดตา และสามรถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ เด็ก คนท้อง และผู้พิการอีกด้วย

งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยถึง ๒ ครั้งในปี ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๖ ถือเป็ฯเครื่องเชิดชูเกียรติและเป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักท่องเที่ยวทุกท่านที่เดินทางมายังจังหวัดตาก

ติดต่อสอบถามข้อมูลและเส้นทางท่องเที่ยวได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก โทร. 0 5551 4341-3 อีเมล tattak@tat.or.th และ www.facebook.com/taktravel

 

Thailand International Balloon Festival 2013

2

3

ในชีวิตคนเดินดินธรรมดาๆ อย่างเรา จะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่ได้ขึ้นไปบินอยู่บนท้องฟ้า มองโลกกลับลงมาจากมุมมองของวิหค การนั่งเครื่องบินก็ถือว่าใช่ แต่ยังมีกระจกหน้าต่างเครื่องบินเป็นอุปสรรคขวางกั้นเรากับท้องฟ้าภายนอก จะมีพาหนะใดรึเปล่านะ ที่พาเราขึ้นไปลอยละลิ่วอยู่บนฟากฟ้า โดยไม่มีอะไรกั้นตัวเรากับมวลอากาศเบื้องบนไว้เลย? นี่คงเป็นความฝันของใครหลายๆ คน เช่นเดียวกับตัวผมที่ฝันว่าอยากบินได้เหมือนนกมาตั้งแต่เด็กแล้ว

4

เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี ในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริง! เมื่อ บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการบินบอลลูนเพื่อการท่องเที่ยวหนึ่งเดียวในเมืองไทย มีฐานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ร่วมกันจัดงาน Thailand International Balloon Festival 2013 ขึ้น ณ จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นโลเกชั่นที่มีภูมิประเทศสวยงาม อากาศเย็นสบาย โดยในปีนี้เป็นการจัดงานบอลลูนนานาชาติในเมืองไทยครั้งที่ 7 แล้ว เช่นเดียวกับ 6 ครั้งที่ผ่านไป นับว่าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งในส่วนของผู้เข้าร่วมจัดงาน นักท่องเที่ยวไทยและเทศ รวมถึงนักบินบอลลูนมืออาชีพจากทั่วโลก ซึ่งในครั้งที่ 7 นี้ มีนักบินบอลลูนจาก 8 ประเทศเข้าร่วม ทั้งสเปน, รัสเซีย, โครเอเชีย, อังกฤษ, มาเลเซีย, เยอรมนี, เบลเยี่ยม และไทย พร้อมด้วยบอลลูนกว่า 15 ลูก เป็นบอลลูนลูกใหญ่ 10 ลูก และบอลลูนลูกเล็กอีก 5 ลูก มาช่วยกันสร้างสีสัน ให้น่านฟ้าเชียงใหม่มีชีวิตชีวา พาให้ชาวเมืองเชียงใหม่ตื่นเต้น ขานรับการมาถึงของพาหนะลอยฟ้าแสนน่ารัก

5

การบินบอลลูนเริ่มต้นขึ้นในเวลาเช้าตรู่ประมาณ 05.30 น. เมื่อนักบินและลูกทีมเร่งนำบอลลูนของตน มากางออกบนพื้นสนามหญ้า จากนั้นใช้พัดลมขนาดใหญ่เป่าลมเย็นเข้าไปให้บอลลูนพองตัวออกพอเป็นรูปทรง เมื่อพองได้ที่ ก็ถึงเวลาเป่าลมร้อนเข้าไปให้ลูกบอลลูนพองเต็มที่แล้วเริ่มตั้งขึ้น โดยก๊าซที่ใช้เป่าเข้าไปในลูกบอลลูนคือ ก๊าซ LPG (Liquid Petroleum Gas) หรือก๊าซหุงต้ม เหมือนที่ใช้กันอยู่ในครัวบ้านเรานี่เองครับ ซึ่งเขาวิจัยกันมาแล้วว่าปลอดภัย

6

“บอลลูนลมร้อน” หรือ Hot Air Balloon” ถือเป็นพาหนะเก่าแก่ที่สุดซึ่งสามารถพามนุษย์บินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จอย่างปลอดภัย ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์ปีกและเครื่องบิน โดยการบินบอลลูนครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1783 เหนือน่านฟ้ามหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดย 2 นักบิน คือ Jean-François Pilâtre de Rozier และ François Laurent d’Arlandes ต่อมาการบินบอลลูนก็ได้พัฒนากลายเป็นกีฬา, ภารกิจเพื่อการทหาร, การขนส่ง, การท่องเที่ยว, เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ และอื่นๆ อีกหลายจุดประสงค์ เราต้องถือว่าบอลลูนลมร้อนเป็นพาหนะที่พิเศษสุดๆ เพราะเป็นพาหนะชนิดเดียวในโลก ที่เมื่อขึ้นบินแล้ว ไม่สามารถบอกได้ว่าจะร่อนลงจอดที่ใด!? เนื่องจากต้องอาศัยกระแสลมเป็นตัวพัดพาไปเท่านั้น การเลือกสถานที่และฤดูกาลในการบินบอลลูนลมร้อน จึงต้องพิถีพิถันสรรหากันอย่างถี่ถ้วนเพื่อความปลอดภัย

7

8

9

เมื่อก๊าซร้อนอัดเข้าไปในลูกบอลลูนจนเต็มพิกัด ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งบอลลูนไม่ให้ลอยขึ้นได้อีกต่อไป ลูกบอลลูนของผมค่อยๆ ลอยสูงขึ้นจากพื้นโลกอย่างช้าๆ จาก 5 เมตร เป็น 10 เมตร เป็น 100 เมตร จนกลายเป็นหลายร้อยเมตรในที่สุด! เรามองเห็นยอดไม้ทอดต่อเนื่องไปเป็นผืนพรมสีเขียวอยู่เบื้องล่าง มองเห็นตัวคน วัดวาอาราม บ้านเรือน รถยนต์ กลายเป็นขนาดเล็กจิ๋วราวกับของเล่นเด็ก ตอนบอลลูนลอยสูงขึ้นทีแรกใจเริ่มหวิวๆ แต่สัก 10 นาที ก็ปรับตัวได้ ผมตื่นเต้นสุดๆ กับวิวพาโนรามา 360 องศารอบตัวที่มองเห็น ตัวเมืองเชียงใหม่ยามเช้าช่างสงบงาม แลเห็นสายหมอกขาวลอยคลอเคลียดอยสุเทพ วัด เจดีย์ แม่น้ำปิง บ้านเรือน   ป่าไม้ และทุ่งข้าวสีทองที่เก็บเกี่ยวไปแล้วบางส่วน เมื่อมองไปทางทิศตะวันออก อาทิตย์ดวงกลมโตค่อยๆ ลอยเด่นขึ้น เห็นกลุ่มบอลลูนน้อยใหญ่ลอยละลิ่วไปตามแรงลม ช่างเป็นภาพมหัศจรรย์จริงๆ

10

ใช้เวลาบินอยู่เหนือน่านฟ้าเชียงใหม่กว่า 1 ชั่วโมง ผมก็ร่อนลงในทุ่งข้าวอำเภอสารภีอย่างปลอดภัย แต่ที่สนุกมากอีกอย่างคือ การช่วยนักบินเก็บบอลลูนขึ้นรถกลับนี่สิ ทั้งสนุกทั้งเหนื่อยมาก ได้รสชาติของชีวิต   นี่คือหนึ่งประสบการณ์ที่ผมจะต้องจดจำไป อีกนานแสนนาน

11

12

13

14

15

16

17

18

19

ไฮไลท์ของงานไม่ได้อยู่ที่การขึ้นบินบอลลูนชมเมืองเชียงใหม่เท่านั้น ทว่าในบริเวณงาน ช่วงเย็นยังมีการจัดแสดงบอลลูนเรืองแสง (Balloon Night Glow) ประกอบแสงสีเสียงและการจุดพลุสุดอลังการ พร้อมด้วยการคัดเลือกผู้โชคดี 100 คนในงาน ให้ได้ขึ้นบอลลูนผูกยึดอยู่กับที่ (Tethered Balloon) โดยลอยสูงขึ้นจากพื้นประมาณ 5-10 เมตร นอกจากนี้ยังมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ ปาล์มมี่, ฮิวโก้, การ์ธ เทย์เลอร์ จากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ฯลฯ สร้างสรรค์ให้งานทั้งสนุกและน่าชม

20

21

22

23

24

25

Traveler’s Guide

When to go : งานบอลลูนนานาชาติในประเทศไทย จัดเป็นประจำทุกปีช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม โดยเปลี่ยนสถานที่จัดงานไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสม แต่ดูเหมือนว่าจะจัดที่เชียงใหม่บ่อยสุด สนใจเข้าร่วมงานกรุณาโทรสอบถามล่วงหน้า

Contact : บริษัท เอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด หมู่ที่ 6 158/60 ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ 50220 โทร. 0-5329-2224 / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 0-5327-6141

น่าน เมืองเนิบช้าแห่งล้านนาตะวันออก (ตอน 1)

ภาพกระซิบรักบันลือโลก หรือภาพปู่ม่านย่าม่าน แห่งวัดภูมินทร์ พุทธศิลป์งามล้ำขั้นเอกอุ สะท้อนวิถีชีวิตของชาวไทลื้อในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน
1

วัดพระธาตุแช่แห้ง หนึ่งในโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองน่าน เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีกระต่าย (ปีเถาะ) ผิวพระธาตุด้านนอกบุด้วยทองคำจังโกสีทองสุกปลั่ง เหลืองอร่าม

2

พระประธานในโบสถ์ใหญ่วัดพระธาตุแช่แห้ง

3

โบสถ์วัดภูมินทร์ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทลื้อ โดยมีหลังคาซ้อนลดหลั่นกันลงมา 3 ชั้น เรียกว่าวิหารซด ลักษณะของวิหารเตี้ย ไม่สูงใหญ่มากนัก และมีทางเข้าออกทั้งสี่ทิศ

4

พระประธานในโบสถ์วัดภูมินทร์ หนึ่งในพุทธศิลป์งามล้ำ เป็น Unseen Thailand เพราะมีพระประธาน 4 องค์ หันหน้าไปสี่ทิศ สะท้อนคติความเชื่อล้านนาเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ซึ่งได้มาอุบัติขึ้นแล้วในภัทรกัปนี้

6

นาคที่ราวบันไดทางขึ้นโบสถ์วัดภูมินทร์ ว่ากันว่าเป็นต้นแบบของนาคทั้งปวงของล้านนา สองตัวนี้เป็นนาคตัวผู้และตัวเมีย

7

วัดช้างค้ำ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองน่าน ตรงข้ามวัดภูมินทร์และข่วงเมืองนั่นเอง

8

พระประธานในโบสถ์วัดหนองบัว สร้างด้วยศิลปะไทลื้อแท้ๆ งดงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันละเอียดประณีต

9

ศาลหลักเมืองน่าน อยู่ที่วัดมิ่งเมือง งามโดดเด่นด้วยศิลปะปูนปั้นร่วมสมัยอันวิจิตรพิสดาร

10

วัดพระธาตุเขาน้อย มีจุดชมวิวตัวเมืองน่านจากมุมสูง เช้าเย็นสวยงามมาก

11

งามช้างดำ โบราณวัตถุล้ำค่าคู่เมืองน่าน เป็นงาช้างดำเพียงกิ่งเดียวของไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน

12

ภาพเก่าของเมืองน่าน ในคุ้มเจ้าราชบุตร วังเก่าที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้

13

เรือนแบบไทลื้อขนานแท้ ปัจจุบันยังหาชมได้ในแถบวัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา

14

น่านเป็นเมืองเนิบช้า Slow Town ที่ผู้คนยังคงยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ทุกเช้าจะมีการตักบาตรในตลาดเช้าและตัวเมือง ช่วยกันสืบสานอายุพระพุทธศาสนา

15

16

วงสะล้อซอซึงของพ่ออุ้ยที่อำเภอท่าวังผา ฟังแล้วช่างเข้ากับบรรยากาศของเมืองสงบเงียบ แสนน่ารักอย่างน่าน ซะเหลือเกิน

21

รำตัวอ่อน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองน่าน เห็นท่านี้แล้วอย่าลองทำล่ะ เพราะจะมีก็แต่เด็กๆ กับคนที่ฝึกฝนประจำเท่านั้นจึงจะร่ายรำแบบนี้ได้

17

สาวงามเมืองน่านในงานต้อนรับนักท่องเที่ยว

18

ลองมาชิมขันโตกเมืองน่าน รับลองลำแต้ๆ เจ้า

19

20

ศูนย์ OTOP เมืองน่าน มีสินค้าให้เลือกเพียบ โดยเฉพาะงานฝีมือ ผ้าทอ ผ้าชาวเขา และเรือแข่งจำลอง

23

ผาวิ่งชู้ หรือผาชู้ ในยามเช้าอันหนาวเย็น เป็นจุดชมวิวและชมทะเลหมอกยอดฮิต

24

22

เสาดินนาน้อย (มีลักษณะคล้ายกับแพะเมืองผี จ.แพร่ และละลุ จ.สระแก้ว) เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ จนมีรูปร่างแปลกตา ได้ฉายาว่า Canyon เมืองไทย หรือ Grand Canyon แห่งล้านนา

25

ป่าปาล์มยักษ์ที่ดอยภูคา เป็นปาล์มหายากใกล้สูญพันธุ์ของโลก เคยพบเช่นกันในแถบจีนตอนใต้ แต่ที่นั่นสูญพันธุ์ไปแล้ว ของดอยภูคาจึงเหลือเป็นแหล่งสุดท้ายในธรรมชาติ ปัจจุบันเราสามารถเพาะพันธุ์เพิ่มเติมได้แล้ว

26

 เมเปิลภูคา เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นที่พบเพียงแห่งเดียวที่นี่ จะผลัดใบเป็นสีแดงในต้นฤดูหนาวอย่างสวยสดงดงาม

27

ลานดูดาว เป็นหนึ่งลานกางเต็นท์บนดอยภูคา ช่วงหน้าหนาวจะมีหมอกโรยตัวลงปกคลุมเช่นนี้
28

นาขั้นบันไดแถบอำเภอบ่อเกลือ งามด้วยผืนพรมสีเขียวของต้นข้าวที่เพิ่งแตกกอใหม่ๆ ส่วนมากเป็นข้าวไร่ หรือข้าวดอย ที่ไม่ต้องใช้น้ำมาก

อลังการนางพญาเสือโคร่งบาน ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่

3

ทะเลสาบขุนวาง และทิวต้นนางพญาเสือโคร่งในต้นฤดูหนาว

4

ริมทะเลสาบขุนวาง ข้างโครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ในฤดูหนาวจะมีนางพญาเสือโคร่งบานแสนคลาสสิก ดูๆ ไปเหมือนญี่ปุ่นไม่น้อนเลย

5

ความงามหวานซึ้ง ของดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขุนวาง อินทนนท์ แปลกดีที่บางต้นดอกเล็ก บางต้นดอกใหญ่ ก็คงจะเหมือนคนเรานี่ล่ะ ที่มีทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก ทำให้เกิดความหลากหลายของรูปทรงและสีสัน

8

ป่าเปลี่ยนสีที่ด้านหลังดอยอินทนนท์ ทางไปขุนวาง โครงการอนุรักษ์รองเท้านารีอินทนนท์

10

เส้นทางเดินป่ายอดอ่างกาหลวง ชุ่มชื้น ปกคลุมด้วยเมฆหมอก และความฉ่ำเย็นชั่วนาตาปี