ภาคอีสาน

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 5)

logo Amazing Journey 2

เผลแป๊บเดียว! นี่ก็วันที่ 6 เป็นวันสุดท้ายของการมาเที่ยวบุรีรัมย์แล้ว! เหมือนที่มีคนเคยบอกไว้เลย ว่าเวลาแห่งความสุขมันช่างรวดเร็ว เร็วจนเราลืมไปเลยว่า วันนี้จะต้องลาจากเพื่อนๆ แล้ว!

d199

เช้านี้เป็นเช้าที่ Happy อีกวันของชีวิต เพราะเราเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว ว่าเช้านี้จะต้องมาชิมขาหมูที่อร่อยมากๆ อีกร้านของอำเภอนางรองให้ได้ เพียงแค่ข้ามถนนจากหน้าร้านลักษณาขาหมู ไปยัง ร้านจิ้งนำ รีบสั่งขาหมูมาหม่ำให้เต็มอิ่ม เช้านี้ร้านไม่แน่น เลยนั่งกินกันสบายๆ ในบรรยากาศร้านแบบย้อนยุคครับd200 d201

โดยส่วนตัว ผมว่าขาหมูร้านจิ้งนำเป็นขาหมูตุ๋นยาจีนกินกับหมั่นโถว ที่อร่อยไม่แพ้ร้านไหนๆ เนื้อขาหมูที่เหนียวนุ่ม สู้ปาก น้ำราดข้นกำลังดี กินกับผักดอง พริก กระเทียมสด และน้ำจิ้ม ถือว่าสุดยอดแล้ว นอกจากนี้เขายังมีกับเมนูอาหารอื่นให้ชิมอีกเพียบ…d202

ผัดโป้ยเซียนแสนอร่อยd203

ต้มยำปลากะพงน้ำข้น ชวนน้ำลายสอ!

d204

พอกินของคาวเสร็จ ก็ล้างปากด้วยของหวาน ลอดช่องน้ำกะทิ อิจฉาตัวเองจริงๆ ชีวิตดี้ดีเนอะ!
d205

อิ่มแล้วก็มีแรงเที่ยวต่อทันที ทีมเราก็เป็นแบบนี้ล่ะ ฮาฮาฮา คือถ้าไม่กิน เที่ยว ถ่ายรูป เมาท์กัน ก็หลับ!

เช้านี้เป็นคิวของการสัมผัสเรียนรู้วิถีชุมชนทอผ้าไหมอันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ “บ้านหนองตาไก้” อำเภอนางรอง จากจุดที่ร้านขาหมูจิ้งนำและร้านลักษณาตั้งอยู่ ขับรถไปไม่ไกลก็ถึงบ้านหนองตาไก้แล้วจ้า
d206

พอดีช่วงนี้เป็นหน้าฝน ชาวบ้านส่วนใหญ่เลยไม่ได้มีกิจกรรมการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้า กันเยอะเหมือนในฤดูอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่ออกไปทำนาทำไร่กันหมด แต่ก็โชคดีที่ผมเคยไปเที่ยวบ้านหนองตาไก้มาแล้วเมื่อปีก่อน เลยขอนำภาพสวยๆ มา Share ให้เพื่อนๆ ที่น่ารักทุกคนได้ชมกันนะครับ ว่าหมู่บ้านนี้เขาเจ๋งแค่ไหน…

คำว่า ตาไก้ จริงๆ แล้วเป็นชื่อของไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งครับ ซึ่งเมื่อสมัยก่อนเคยมีอยู่เยอะมากในแถบนี้ (แต่ปัจจุบันแทบไม่มี) หมู่บ้านนี้จึงตั้งชื่อขึ้นตามชื่อของต้นไม้นั่นเองคร้าบบบ เวลามีคณะนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ควรติดต่อไปล่วงหน้าให้ชาวบ้านเตรียมตัว เขาก็จะมีพิธีจัดต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ใส่ชุดผ้าไหมกันมาแบบจัดหนักเลยล่ะ
d208

เวลาที่คณะนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมหมู่บ้าน เขาจะมีการฟ้อนรำให้ชมด้วย ม่วนหลายเด้อ!

d209

ความงามของชุดผ้าไหมสีสดใส ที่ชาวบ้านหนองตาไก้ทอเอง ใส่เอง อย่างน่าชื่นชมครับ

d210

ชุดผ้าไหมบ้านหนองตาไก้ ได้รับอิทธิพลมาจากผ้าเขมร เนื่องจากบรรพบุรุษของชาวบ้านที่นี่คือคนเขมรนั่นเองจ้าd211

หน้าหมู่บ้าน เขามีร้านจัดแสดงผลิตภัณฑ์งานฝีมือ และจำหน่ายผ้าไหมให้นักช้อปทั้งหลายด้วย แม้ราคาจะสูง แต่อย่าต่อรองเลยนะจ๊ะ เพราะถ้าได้เข้าไปชมขั้นตอนการทอผ้าไหมอย่างละเอียดแล้ว จะรู้ว่ามันต้องทุ่มเทมาก

d212

เสื่อกกทอมือจากฝีมือคนบ้านหนองตาไก้จ้า
d213

วิธีการเที่ยวชมหมู่บ้านหนองตาไก้ก็แสนน่ารัก จัดให้นักท่องเที่ยวนั่งรถอีแต๋นแบบ Slow Travel จริงๆ d214

เส้นไหมที่ยังไม่ได้ฟอกย้อม สีแท้ๆ จะเป็นสีเหลืองทองอย่างนี้ล่ะ มหัศจรรย์จริงๆ เลยใช่ไหม?
d215

ชาวบ้านหนองตาไก้เขาปลูกต้นหม่อน เอาใบไว้เลี้ยงตัวไหมเองด้วย เรียกว่ามีครบทุกขั้นตอนการผลิตเลย เจ๋งอ่ะ!d216

ไหมที่ผ่านการปั่นเป็นเส้นเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำมาย้อมร้อน จุ่มขึ้นจุ่มลงให้สีติดดี เพราะยิ่งย้อมหลายครั้ง และสีย้อมถูกอากาศ ก็จะเกิดกระบวนการออกซีไดซ์ สีติดทนนาน สีเข้มขึ้น และแวววาวสวยงาม

d217

นี่คือความอลังการของงานหัตถศิลป์ถิ่นแพรไหมบ้านหนองตาไก้ ที่ทุกวันนี้ยังคงสืบสานภูมิปัญญาบรรพบุรุษไว้อย่างเหนียวแน่น จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้การผลิตผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม มีคนมาชม ซื้อผ้า และดูงานกันหัวกระไดไม่แห้งd218 d219

ทำงานอยู่กับบบ้านมีความสุข ชุมชนก็เข้มแข็ง และเจริญขึ้นทุกวันๆ

d220

สาวไหมจากรังไหมให้เป็นเส้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทักษะประสบการณ์ และใจเย็นมากพอตัวเลยล่ะd221

ผีเสื้อไหมตัวน้อย ตัวสีขาวนวลอ้วนป้อม แต่บินไม่ได้ เป็น 1 ใน 4 ระยะ ของวัฏจักรวงจรชีวิตตัวไหม คือ ไข่, ตัวหนอน, ดักแก้ และผีเสื้อไหม โดยพวกมันจะกินอาหารเพียงระยะเดียวตลอดชีวิตคือในขณะเป็นตัวหนอน เพื่อเก็บสะสมพลังงานไว้เข้าดักแด้ครับ และเส้นใยที่อยู่รอบดักแด้ ก็คือเส้นไหมที่นำมาทอเป็นผืนผ้านั่นเอง ว้าว Amazing!d222

หนอนไหม กำลังหม่ำใบหม่อนอย่างเอร็ดอร่อย
d223 d224

เส้นไหมแท้ๆ ที่ยังไม่ผ่านการฟอกย้อมใดๆ มีสีเหลืองทองอร่าม แต่ค่อนข้างแข็ง

d225

น้องพัชชี่ของเราดูจะ Happy มากกับเส้นไหมสีเหลืองทอง สีสวยสดใส อย่างนี้ต้องมาเรียนวิธีการทอผ้าไหมที่นี่เลยd226

พูดยังไม่ทันขาดคำ น้องพัชชี่ก็เข้าไปตีซี้กับคุณยาย เรียนรู้วิธีการตีเกลียวเส้นไหมd227

ในที่สุด น้องพัชชี่ก็กลายเป็นคนบ้านหนองตาไก้โดยสมบูรณ์! เมื่อได้ขึ้นไปนั่งบนกี่ทอผ้า ทดลองทอผ้าไหมด้วยมือตัวเองจริงๆ น่าชื่นชมสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ยังมีใจรักงานหัตถกรรมพื้นบ้านของไทยเช่นนี้ครับ ซึ้ง น้ำตาจิไหล!

d228

นอกจากการย้อมไหมทั้งเส้นแล้ว ยังมีการย้อมแบบมัดลาย เพื่อเตรียมไปทำไหมมัดหมี่ด้วย คนบ้านนี้เก่งจริงๆd229

งามอย่างทรงคุณค่า ผ้าไหมบ้านหนองตาไก้ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์d230 d234 d235 d236 d237 d238 Nok Air

จากบ้านหนองตาไก้ เราใช้เวลาอีกกว่า 3 ชั่วโมง ขับรถจากบุรีรัมย์กลับไปขอนแก่น เพื่อขึ้นเครื่องบินของ Nok Air กลับบ้านในเที่ยวสองทุ่ม… ตลอดทางกลับ ผมแอบเศร้าอยู่นิดๆ คนเดียว เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ต้องโบกมือลาเพื่อนๆ แล้ว

ใครจะไปนึกนะ ว่าเวลาแค่ 6 วัน จะทำให้เราได้สัมผัสเรื่องราวสนุกๆ มากมายขนาดนี้ ใครจะไปเชื่อว่าบุรีรัมย์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในภาพลักษณ์ของเมืองกีฬาระดับโลก มีสนามแข่งฟุตบอลสุดเจ๋ง สนามแข่งรถสุดมัน แท้จริงแล้วจะยังมีเรื่องราวในแง่มุมอื่นให้สัมผัสอีกมากมายจนเราจดจำได้ไม่ไหว แม้แต่เมมโมรี่กล้องตอนนี้ยังเต็มแล้วเต็มอีก!!! แล้วเมมโมรี่ในสมองเราจะเก็บหมดได้ไง…

แต่เชื่อเถอะเพื่อนๆ ว่าเมมโมรี่ในใจที่ผมเก็บไว้… มันยังมีที่เหลือ ให้กับมิตรภาพ รอยยิ้ม และทริปต่อไปอีกแน่นอน… เพราะ Buriram Style ทำให้เราหลงรัก จนหมดใจ จุ๊บๆ

See You Again บุรีรัมย์

 ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 4)

logo Amazing Journey 2

หนึ่งคืน กับห้องนอนรวมเรียงกันเป็นตับ กับพัดลมตัวเดียวในบ้านพักของหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ทำให้เรารู้ซึ้งถึงคำว่า “การแบ่งปัน” ระหว่างหมู่มิตร กระทั่งเสียงนาฬิกาปลุกของทุกคนดังขึ้นพร้อมกันตอนตี 4 ตรงเผง! เป็นสัญญาณให้ต้องรีบขุดตัวเองขึ้นจากฟูกนอนอุ่นๆ เพื่อรีบล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวออกไปซดกาแฟร้อนๆ แล้วขับรถออกไปรอชมแสงแรกของตะวันในป่าดงใหญ่ ดูซิว่าเช้านี้จะมีสัตว์อะไรออกมาให้เห็นบ้าง?

d152อ๋อง 1 d153

ขับรถตระเวนออกไปตามถนนสายเล็กๆ กลางป่า ผ่านทุ่งหญ้าโล่งที่มีหญ้าระบัดเขียวสดงอกงามอยู่มากมาย ทริปนี้เตรียมพร้อม ผมเลยพกเลนส์ถ่ายภาพตัวใหญ่ไปด้วย 150-600 มิลลิเมตร พร้อมด้วยกล้อง Nikon D4 ระดับสุดยอด ทว่าเช้านี้ได้ยินแต่เสียงน้องช้างส่งเสียงร้องคุยกันอยู่ในป่าลึก ห่างจากถนนมาก เลยไม่ได้เก็บภาพตามที่หวัง…

นี่ล่ะครับ มาเที่ยวธรรมชาติ ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับจังหวะลมหายใจของป่าด้วย
d154 d155

ทุ่งหญ้าในยามเช้าที่ยังพอมีน้ำค้างพร่างพรมอยู่บนยอดหญ้า สะท้อนแดดพร่างพราวงามตา เป็นรางวัลที่ป่าดงใหญ่มอบให้คนรักการแรมทางไม่กลัวความลำบากอย่างพวกเรา
d156

ขับรถเข้าป่ามาลึกพอดู จนถึง “อ่างเก็บน้ำลำนางรอง” พี่ยักษ์เล่าว่า ปีนี้น้ำน้อยผิดปกติ ตอไม้เลยโผล่ให้เห็น เป็นสัญญาณว่าภาวะโลกร้อนปีนี้รุนแรงกว่าทุกปี เพราะมนุษย์อย่างเราๆ นี่ล่ะ ที่ไม่เคารพธรรมชาติ ถึงเวลาธรรมชาติเอาคืนบ้างนะครับ!
d157

ระหว่างทางขับรถมาเพลินๆ ทันใดนั้นก็จ๊ะเอ๋เข้ากับ นกยูงไทยตัวผู้ ที่แอบมาซุ่มดูเราอยู่ในพงหญ้ารกเป็นเครื่องกำบัง นี่เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตผม ที่มีโอกาสเห็นนกยูงในสภาพธรรมชาติจริง หลังจากครั้งแรกเคยเห็นมาแล้วที่ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี รวมถึงป่าแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ดีใจบอกไม่ถูก ที่ได้เห็นนกอันแสนสง่างามนี้อีกครั้ง เพราะนกยูงไทยในธรรมชาติมีเหลือน้อยมาก จนใกล้สูญพันธุ์แล้วครับ!!!d158

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ยังเป็นแหล่งดูผีเสื้อที่ดีมากอีกแห่งหนึ่งของไทย โดยเฉพาะในฤดูฝนนี่ล่ะ ในบริเวณริมลำธาร หรือโป่งต่างๆ ยามเช้าจะมีฝูงผีเสื้อมารวมตัวกันเป็นร้อยๆ น่ารักมากครับ ในรูปนี้มีทั้งผีเสื้อเณร ผีเสื้อสะพายฟ้า และผีเสื้อหางติ่ง ว้าว! สุดยอดไปเลย! นี่ก็เป็นรางวัลอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งป่าดงใหญ่มอบให้พวกเรา

จริงๆ แล้วป่าดงใหญ่เป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เนื้อที่กว่า 3.8 ล้านไร่ เป็นกลุ่มป่าขนาดใหญ่ของพื้นที่อนุรักษ์ 6 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, อุทยานแห่งชาติทับลาน, อุทยานแห่งชาติปางสีดา, อุทยานแห่งชาติตาพระยา, อุทยานแห่งชาติพระพุทธฉาย และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ด้วย

d159

แดดเร่ิมแรงขึ้น พร้อมกับหลายคนเริ่มบ่นหิวแล้ว ก็ได้เวลากลับมาที่หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ช่วยกันทำกับข้าว จากของสดที่ซื้อก่อนเข้าป่ามาเมื่อเย็นวาน มื้อเช้านี้นางเอกคือคุณพิม แห่งครัวบ้านพิม หัวหน้าทีมของเราเอง ดีใจได้กินผัดผักบุ้งกับไข่เจียวฟูๆ ร้อนๆ อร่อยๆ จากฝีมือคุณพิม ซึ้ง น้ำตกจิไหลครับ!
d160

คุณพิมกับน้องพัชชี่ ช่วยกันทอดไข่เจียวขั้นสุดยอด! ฟู เหลืองนวล น่ากินมากๆๆๆๆd161

Breakfast ง่ายๆ แบบคนอยู่ป่า แต่ขอบอกว่ารสชาติยังกับขึ้นเหลา ฮาฮาฮา ไม่ได้โม้ เพราะมื้อนี้คุณพิมลงมือเองเลย
d162

น้องพัชชี่ครับ เช็ดน้ำลายนิดนึงครับ! ขอพี่ก่อนเลย ไข่เจี้ยวนั้นพี่เล็งไว้แล้วนะ ฮาฮาฮาd163

ก่อนจะโบกมือลาธรรมชาติผืนป่าดงใหญ่ กลับเข้าสู่โลกแห่งความเจริญและความเป็นเมืองอีกครั้ง เราได้มอบพัดลมที่ซื้อมาใหม่เอี่ยม (และเพิ่งใช้ไปครั้งเดียวเมื่อคืนตอนนอน) ฝากไว้เป็นที่ระทึก เอ้ย! ที่ระลึก ให้กับหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เอาไว้ใช้งานกันครับ เราขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนนะ ที่เสียสละความสุขส่วนตัวมาเฝ้าป่าไว้ให้คนไทย!

d164

พี่ยักษ์ หรือพี่สมพงษ์ สุโขพันธ์ แห่งหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู บุคคลที่น่ายกย่อง ชื่นชม ในความทุ่มเทรักษาป่า และเป็นผู้หนึ่งที่รู้เรื่องสัตว์ป่าในป่าดงใหญ่ดีที่สุดครับ เรารักพี่นะพี่ยักษ์ สู้ๆ ครับ!
d165

บ้ายบาย… หน่วยฯ ละเลิงร้อยรู ว่างๆ จะกลับมาเยี่ยมใหม่นะคร้าบพี่d166

โบกมือลาผืนป่า ขับรถกลับเข้าสู่อารยธรรมความเป็นเมืองอีกครั้ง…d167

จากอำเภอโนนดินแดง พวกเราเริ่มการเดินทางอันยาวไกลไปบนถนนหลวงอีกครั้ง โดยย้อนกลับไปทางอำเภอประโคนชัย เพื่อเข้าไปเรียนรู้วิถีชาวบ้านอันแสนน่ารัก ที่ “ชุมชนบ้านโคกเมือง” ซึ่งเขามีชื่อเสียง ได้รับรางวัลชนะเลิศการท่องเที่ยวชุมชน และโฮมสเตย์ระดับประเทศมาแล้วมากมาย ในหมู่บ้านมีการแบ่งเป็นฐานเรียนรู้ต่างๆ เพียบ จะเดิน หรือจะปั่นจักรยานเที่ยวก็สุขใจไม่แพ้กันจ้า
d168

แต่ทริปนี้เวลาไม่พอ เรามันคนบ้านไกลเวลาน้อย เลยเยี่ยมชมได้ไม่ครบทุกฐานการเรียนรู้อ่ะจ้า พี่น้อย ผู้นำกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกเมือง เป็นสาวร่างบอบบาง แต่มาดมั่นแข็งแรง มาต้อนรับเราด้วยตัวเองท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ จุดแรกเลยขอชมการทอเสื่อกกหน่อยดีกว่าครับพี่น้อยd169

เส้นกกที่ผ่านการรีดเส้นจนเท่ากันหมดแล้ว จะถูกนำไปย้อมสีแล้วตากให้แห้ง เตรียมนำมาทอครับ
d170

ค่อยๆ ใจเย็นๆ ทอไปทีละเส้นอย่างประณีต ตามลวดลายที่สอนสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จนได้ผลิตภัณฑ์เสื่อกกแสนสวย ซึ่งทุกวันนี้มีการดัดแปลงนำมาประดิษฐ์เป็นกระเป๋าเก๋ไก๋น่าใช้ทรงต่างๆ ด้วยจ้าd171 d172

น้องพัชชี่อดรนทนไม่ไหว ขอคุณป้าทดลองสานเสื่อกกดูสักหน่อย การทอน่ะไม่ยาก ยากตรงการสร้างลายนั่นเอง!d173 d174 d175 d177

จากฐานการเรียนรู้เสื่อกก ถัดมาคือการทอผ้าไหม ซึ่งเอกลักษณ์คือซิ่นตีนแดง ในภาพนี้เราจะเห็นเลยว่ามีการขึงไหมเส้นยืนเป็นสีแดงเตรียมไว้ด้วยส่วนหนึ่งแล้ว
d178 d179 d180

จากไหมเพียงเส้นเดียว ผ่านกระบวนการผลิตอันประณีต และความใส่ใจในทุกรายละเอียด ในที่สุดก็ได้ความงามของแพรพรรณแวววาวล้ำค่า ขอบอกว่าเวลาซื้อกรุณาอย่าต่อราคาเลยครับ เพราะกว่าได้ผ้าไหมสักผืน มันต้องทุ่มเทจริงๆ ถือเป็นการกระจายรายได้ ช่วยชาวบ้านให้มีกำลังใจสืบสานหัตถศิลป์ของแผ่นดินแขนงนี้ต่อไปจ้า
d181

พลาดไม่ได้เลย กับฐานการเรียนรู้พืชสมุนไพร ที่ชาวบ้านโคกเมืองรู้จักคิดประดิษฐ์ดัดแปลง ทำเป็นผลิตภัณฑ์น่าใช้หลากหลาย มีตั้งแต่สบู่, ยาสระผม, ครีมอาบน้ำ, ครีมล้างหน้า, ลูกประคบ, ยาหม่อง ฯลฯ ทั้งหมดเป็นฝีมือชาวบ้านโคกเมืองแท้ๆ จ้า แต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจะไม่ผลิตค้างไว้คราวละมากๆ จะทำใหม่เสมอ เพื่อให้ได้ของมีคุณภาพd182

พอฝนหยุดตก น้องพัชชี่ก็ขอยืมจักรยานพี่น้อยมาปั่นเที่ยวเล่นในชุมชน ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel และ Low-Carbon Travel สุดๆ เลยครับน้อง ซึ้ง น้ำตกจิไหล!
d183

ที่ศูนย์ผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นแหล่งจำหน่ายงานหัตถกรรมฝีมือชาวบ้านโคกเมือง เห็นไหมว่าเขาตั้งใจและจริงจังสุดๆd184 d185

ผ้าไหมทอมือสวยๆ จากบ้านโคกเมืองจ้าd186

นอกจากในเรื่องของใช้สวยๆ งามๆ แล้ว บ้านโคกเมืองยังดำรงวิถีเกษตรพอเพียง ปลูกพืชแบบไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เราจะเห็นว่าหลายครัวเรือนมีแปลงพืชผัก สมุนไพร ปลูกอยู่ข้างๆ บ้านเลย สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก จะทำกับข้าวอะไรก็เดินลงไปใน Super Market ข้างบ้าน ได้สบายจ้าd187 d188

ความน่ารักอย่างสุดท้ายของบ้านโคกเมือง คือเขามีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวมาพักค้างคืนด้วย ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง คืนละไม่กี่ร้อยต่อคน แถมด้วยอาหารครบมื้อ! โดยบ้านที่ได้รับการคัดเลือก จะมีมาตรฐานสะอาด ปลอดภัย จนได้รับรางวัลโฮมสเตย์ระดับประเทศมาแล้วอ่ะจ้า

หลายคนไม่เข้าใจคำว่า โฮมสเตย์ (Homestay) จริงๆ แล้วจะเป็นโฮมสเตย์ได้ แขกที่มาพัก (นักท่องเที่ยว) ต้องนอนกับเจ้าบ้าน โดยเจ้าบ้านแบ่งห้องส่วนหนึ่งให้พักด้วยกัน เพื่อจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ทั้งด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ได้มาเห็นที่บ้านโคกเมืองแล้วชื่นใจ เพราะนี่ล่ะ โฮมสเตย์ขนานแท้เลยจ้าd189 d190

แม่ใหญ่ Hipster แห่งบ้านโคกเมือง เห็นแว่นของแม่แล้วผมให้รางวัลชนะเลิศไปเลยอ่ะจ้า ฮาฮาฮาd191

หนึ่งในห้องนอนของบ้านพักโฮมสเตย์บ้านโคกเมือง รับรองว่าอุ่นสบาย ปลอดภัย หลับฝันดีครับd192

เย็นมากแล้ว ขณะที่เราขับรถออกจากบ้านโคกเมือง ตรงสู่อำเภอนางรอง แต่ก่อนเข้าที่พัก คงต้องแวะหาอาหารอร่อยๆ ขึ้นชื่อของที่นี่หม่ำกันก่อนล่ะ แน่นอน ไม่พลาด “ขาหมูนางรอง” วันนี้ขอชิม ร้านลักษณา ก่อน เป็นร้านเก่าแก่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักดี วันนี้ไม่ต้องรีบ เพราะร้านโล่ง เป็นวันธรรมดา เลยไม่ต้องแย่งกับใคร ฮาฮาฮา

วันธรรมดาก็น่าเที่ยวอย่างนี้ล่ะคร้าบ…d193

ดูกันชัดๆ กับความน่าหม่ำของ ขาหมูนางรอง ร้านลักษณา เป็นขาหมูตุ๋นเครื่องยาจีน น้ำราดออกหวานนำ ขาหมูนิยมเสิร์ฟแบบหั่นมาเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่เป็นขาแบบบางร้าน ส่วนเนื้อขาหมูโดยส่วนตัวผมว่านุ่มดี กินแกล้มกลับผักกาดดองเปรี้ยว และน้ำจิ้มรสเปรี้ยวเผ็ด เข้ากั้นเข้ากันd194

ร้านลักษณาไม่ได้มีแต่ขาหมูให้ชิม ยังมีกับข้าวอื่นมาเสริมทัพความอร่อยอีกเพียบ วันนี้เราขอชิมสะตอผัดกุ้งพริกแกง, น้ำพริกปลาทู และห่อหมกใบยอ ส่วนกระเทียมสดที่ใส่ถ้วยวางไว้กลางวง ขอร้อง ใครห้ามแย่ง! เพราะอันนี้ชอบมากๆกินแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนหนุ่มขึ้นอีกสักสิบปีเลยครับ ฮาฮาฮาd195 d196

อีกวันอันแสน Amazing จิงกาเบลที่บุรีรัมย์ กำลังจะผ่านไปแล้ว ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหลงรักจังหวัดนี้ เพราะดูเหมือนจะมีเรื่องราวสนุกๆ ให้ค้นหาไม่รู้จบ คืนนี้เราเข้าพักที่โรงแรมพนมรุ้งปุรี อำเภอนางรอง โรงแรมหรูระดับแนวหน้าแห่งหนึ่งในบุรีรัมย์ พรุ่งนี้จะได้มีแรงออกไปเที่ยวกันต่อเนอะ

ชีวิตดี้ดี ที่บุรีรัมย์!d197 d198

 ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 3)

d60

วันที่ 4 ของการตระเวนกินเที่ยวบุรีรัมย์ เป็นคิวของการออกไปทำความรู้จักกับที่เที่ยวในอำเภออื่นนอกจากอำเภอเมืองกันบ้าง ช่วงเช้า พอหายงัวเงียแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปอำเภอประโคนชัย ผ่าน “ถนนสายกุ้งจ่อม” อันมีชื่อเสียง เพราะว่าอำเภอประโคนชัยถือเป็นศูนย์กลางการผลิต “กุ้งจ่อม ปลาจ่อม” แสนอร่อย ผู้คนนิยมซื้อเป็นของฝากกลับบ้านกัน

กุ้งจ่อม ปลาจ่อม เป็นการถนอมอาหารแบบลูกอีสานแท้ๆ วิธีทำก็ไม่ยาก โดยการนำกุ้งหรือปลาตัวเล็กๆ มาใส่ไหหรือโอ่ง หมักกับเกลือและข้าวคั่วไว้เป็นระยะเวลานานพอประมาณ ความร้อนจากการหมักจะทำให้เนื้อกุ้งหรือเนื้อปลาสุกหอม พอเปิดไหมาก็จะมีกลิ่นคล้ายปลาร้า! แต่กลิ่นไม่แรงเท่าครับ วิธีกินก็มีหลากหลาย อาจนำมาใส่สำรับกับข้าว ซอยหอมแดง พริกขี้หนู บีบมะนาวลงไป กินกับข้าวร้อนๆ แซ่บอีหลีเด้อ! แต่ว่าการกินกุ้งจ่อม ปลาจ่อม แบบสด อาจจะดู Hardcore เกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ทุกวันนี้เขาเลยมีแบบทำสุกบรรจุกระปุกขายด้วย ราคาไม่แพง บนถนนสายกุ้งจ่อมมีให้เลือกเป็นสิบๆ ร้าน เรียงรายกันครับ หลายคนคงเริ่มน้ำลายสอแล้วสิ!

d110 d111

นี่ล่ะครับ หน้าตาของกุ้งจ่อมประโคนชัย

d112

จากอำเภอประโคนชัย ขับรถไปเพลินๆ ชมทุ่งนาเขียวขจีสองฟากฝั่งถนน อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย เย็นชื่นใจ เพราะเช้านี้ไม่มีพระอาทิตย์ให้เห็น เหมือนกับฝนตั้งเค้ามาแต่ยังไม่ตกสักที กระทั่งมาถึง “ปราสาทพนมรุ้ง” มหาปราสาทขอมที่ตั้งอยู่บนภูเขาไฟซึ่งดับสนิทแล้ว นี่ล่ะหนึ่งในจุดหมายหลักของเราในวันนี้ ซื้อตั๋วเข้าครั้งเดียว สามารถนำไปเข้าชม “ปราสาทเมืองต่ำ” ที่อยู่ใกล้กันได้อีกด้วย ประหยัดดี อย่างนี้ทีมเราชอบมากๆๆๆๆๆๆ ฮาฮาฮา

สังเกตน้องพัชชี่ยิ้มหวาน วันนี้ใส่เสื้อลายสวยที่ซื้อจากถนนคนเดินเซราะกราวเมื่อวานด้วยล่ะ นั่นแน่…

d113

ทุกวันนี้ การขึ้นไปชมปราสาทพนมรุ้งทำได้ 2 วิธี คือขับรถอ้อมขึ้นไปจอดด้านหลังปราสาทได้เลย ใครที่เริ่มยอมรับว่าตัวเองอายุเยอะแล้ว! หรืออาจจะพาเด็กๆ กับญาติผู้ใหญ่ไปด้วย ใช้วิธีนี้ก็สะดวกโยธินดี แต่พวกเราเลือกอีกวิธีครับ เพราะรู้ว่าตัวเองยังฟิตปั๋งอยู่! ฮาฮาฮา เลยชวนกันเดินขึ้นบันไดด้านหน้าปราสาท เพื่อย้อนรำลึกถึงอดีตพนมรุ้งในทุกย่างก้าวที่ผ่านไป พอดีวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เลยมีนักท่องเที่ยวหนาตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะชาวต่างชาติครับ แสดงให้เห็นว่าบุรีรัมย์เขา INTER ไม่เบาทีเดียว
d114 d115

ทางเดินขึ้นพนมรุ้งนี้ เราจะต้องผ่านสะพานนาคราช ซึ่งชาวขอมโบราณเชื่อว่าเป็นทางเชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์ครับ และสิ่งที่น่าแวะชมก็คือ นาค 5 เศียรที่บันไดนาคราชนี้เอง เพราะถือว่ามีความสวยงาม และสง่าน่าเกรงขามมาก
d116

พอพ้นจากบันไดนาคราชขึ้นมา ก็เจอบาราย หรือสระน้ำเล็กๆ ที่มีบัวสายสีเหลืองเบ่งบานรับแสงตะวันอุ่น เบื้องหน้าของเราบัดนี้คือปราสาทพนมรุ้งแล้วล่ะครับ พนมรุ้งทำให้เราลืมความเหนื่อยและเหงื่อที่ซึมอยู่เต็มหลังไปหมดสิ้นเลยd118ในที่สุดก็มาถึงแล้วจ้า ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทหินทรายสีชมพูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอีสาน สร้างขึ้นเพื่อถวายองค์พระศิวะตามความเชื่อของฮินดูโบราณ โดยตัวมหาปราสาทตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว! สูงจากพื้นดินที่ราบเบื้องล่างถึง 200 เมตร! โดยคำว่า พนมรุ้ง แผลงมาจากภาษาเขมรว่า วนํรุง แปลว่า ภูเขาใหญ่ นั่นเอง

พนมรุ้งได้รับการออกแบบให้เป็นตัวแทน เขาพระสุเมรุ ตามคติความเชื่อของพราหมณ์โบราณ โดยเขาพระสุเมรุทำหน้าที่เป็นแกนหลักของโลกและจักรวาลครับ ว้าว ลึกซึ้งจริงๆ

d119

นอกจากตัวปราสทที่ยิ่งใหญ่งดงามจนเราต้องตะลึงแล้ว ให้ลองเงยหน้าขึ้นไปสังเกตทับหลังเหนือซุ้มประตูด้านทิศเหนือ ของปรางค์ประธาน เราจะพบกับ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” อันโด่งดัง เพราะทับหลังชิ้นนี้เคยถูกโจรกรรมไปจากพนมรุ้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก สหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทย นำโดยรัฐบาล และหม่อมเจ้าสุภัทรดิส ดิศกุล  ก็ได้ทับหลังชิ้นนี้คืนมา ทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี ในปี พ.ศ. 2531 ใครไม่รู้จักทับหลังชิ้นนี้ ลองไปฟังเพลงของพี่แอ๊ดคาราบาวดูนะครับ แล้วจะซึ้ง! น้ำตาจิไหล!

d120

ใจกลางปรางค์ประธานพนมรุ้ง เป็นที่ตั้งของศิวลึงค์บนฐานโยนี ซึ่งชาวขอมโบราณเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นต้นกำเนิดของความอุดมสมบูรณ์ทั้งหลาย (เหมือนการรวมกันของหญิงและชาย) สมัยโบราณทุกวันพราหมณ์จะนำน้ำและน้ำนมโคบริสุทธิ์ มาอาบรดบนศิวลึงค์ แล้วปล่อยให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมาทางรางหินนี้ครับ
d121 d122

จากปราสาทพนมรุ้ง มองลงไปเบื้องล่างเห็นทุ่งราบของผืนนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สดชื่นมากในยามฤดูฝนเช่นนี้

d123

แม่ใหญ่ Hipster Buriram Style ก็มาเที่ยวพนมรุ้งกะเขาด้วยล่ะเด้อ!
d124

ความมหัศจรรย์อีกอย่างของพนมรุ้ง ที่ควรหาเวลามาชมอย่างยิ่งคือ ทุกปีจะมีอยู่ 2 ช่วง ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ตรง 15 ช่องประตูของปรางปราสาทประธาน ได้อย่างน่าอัศจรรย์! โดยจะแลเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงทั้ง 15 ช่องประตูได้ ในช่วงเดือนกันยายน ส่วนพระอาทิตย์ตก ตรง 15 ช่องประตู อยู่ในช่วงเดือนเมษายน ผู้คนจะหลั่งไหลไปชมปรากฏการณ์อันน่าฉงนนี้นับหมื่นๆ คน!

d125

ห่างจากปราสาทพนมรุ้งเพียง 8 กิโลเมตร บนพื้นที่ราบต่ำใกล้บาราย (หรือสระน้ำขนาดใหญ่) คือที่ตั้งของ “ปราสาทเมืองต่ำ” ปราสาทหินทรายอันแสนพิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสระน้ำล้อมรอบ สี่มุมประดับด้วยนาค 5 เศียร ซึ่งเป็นนาคหัวโล้น ไม่ใช่นาคทรงเครื่องแบบที่พบในปราสาทพนมรุ้ง

d126 d127 d128

แม้จะไม่ใช่ปราสาทขนาดใหญ่โตนัก แต่ด้วยรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมขอมอันประณีต มีปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นกลุ่มปรางค์ประธาน ถือว่าหาได้ยากยิ่ง คนที่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี มาเที่ยวที่นี่คงจะรู้สึกเหมือนได้เดินย้อนอดีตไปในทุกย่างก้าว แถมยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ให้เลือกกันเพียบ d129

รายละเอียดอันอ่อนช้อยงดงามพลิ้วไหว ในลวดลายของทับหลังชิ้นหนึ่งที่ปราสาทเมืองต่ำ

d130.1

เมื่อหลายปีก่อนเคยไปเที่ยวปราสาทเมืองต่ำครับ พอดีเขามีงานแสดงแสงสีเสียง แอบไปจ๊ะเอ๋กับนางอัปสราหน้าหวาน แถมใส่เหล็กดัดฟันด้วย ฮาฮาฮา ทำให้ปราสาทเมืองต่ำมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยเด้อd130

ไม่ห่างจากปราสาทเมืองต่ำ ระหว่างทางเราไปสะดุดตากับป้ายคำขวัญหมู่บ้าน ของ “บ้านเจริญสุข” อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้ข่าวมาว่าเป็นแหล่งผลิตผ้าภูอัคนีที่หาได้ยาก มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ตรงกับคำขวัญหมู่บ้านเลย ที่บอกว่าเป็นถิ่นภูเขาไฟ ทางไหลลาวา! น่าตื่นเต้นดี เราเลี้ยวรถเข้าไปแวะทักทายชาวบ้านสักหน่อยดีกว่าเนอะ
d131 d132

นี่ล่ะครับ ผ้าภูอัคนี ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายผ้าไหมทอมือ แล้วนำไปหมักในโคลนภูเขาไฟ แร่ธาตุในดินลาวาจากภูเขาไฟโบราณ ก็จะค่อยๆ ทำปฏิกิริยากับเนื้อผ้าและอากาศ จนเกิดเป็นสีส้มอมน้ำตาลอ่อนๆ สวยงาม ไม่เหมือนใครจริงๆ ครับ ถือเป็นความภูมิใจในภูมิปัญญาของชาวบ้านเจริญสุข จนสร้างชื่อเสียงเป็นหมู่บ้าน OTOP Village Champion ไปแล้วล่ะจ้า

d133

นอกจากผ้าภูอัคนีแล้ว บ้านเจริญสุขยังเก่งด้านการทอเสื่อกกอีกด้วยd134

ลำใยที่ปลูกจากดินภูเขาไฟบ้านเจริญสุข รับรองหวานกรอบ อุดมด้วยแร่ธาตุจากภูเขาไฟแท้ๆ ฮาฮาฮา

d135

มีลำใยภูเขาไฟยังไม่พอ ยังมีถั่วเขียวภูเขาไฟด้วย เอากะเขาสิ d136

สุดท้ายก็ต้องนี่เลย ของฝากที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คือ ข้าวหอมมะลิ 105 ที่ปลูกบนดินภูเขาไฟบ้านเจริญสุข

d137

นี่ก็บ่ายสองกว่าแล้ว แต่เรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลยนิ!!! ได้ยินเสียงพลขับบอกว่าเร่ิมจะไม่ไหว ส่วนคุณพิม น้องพัชชี่ และตัวผมเอง ก็ท้องร้องจ๊อกๆ มาตั้งนานแล้ว เราเลยตัดสินใจแวะที่ตลาดอำเภอละหานทราย กินอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ แล้วแวะเข้าไปซื้อเสบียงในตลาดสด ทั้งผัก หมู ไข่ เครื่องปรุง รวมถึงน้ำ ขนม กับมาม่าคัพ! เพราะคืนนี้เราต้องเข้าไปนอนในป่ากัน!!!

ผมรักชีวิตการเดินทางก็เพราะอย่างนี้ล่ะ เพราะมันสอนให้เราเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ปรับตัวง่าย และเข้าใจสัจธรรมของชีวิต
d138

ที่ตลาดอำเภอละหานทราย มีแมลงทอดด้วย ถือเป็นโปรตีนธรรมชาติที่มีราคาถูก ซึ่งลูกอีสานนิยมกินกันมากครับ

d139

จากอำเภอละหานทราย ใช้ทางหลวงสาย 2120 มุ่งตรงไปอำเภอโนนดินแดง ซึ่งถือเป็นอำเภอในส่วนใต้สุดของบุรีรัมย์ ติดกับจังหวัดสระแก้วแล้วจ้า เรากำลังมุ่งหน้าไปสัมผัสส่วนเสี้ยวหนึ่งของ ป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ในพื้นที่ของ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” จ้า วันนี้อากาศดีมาก หวังว่าเราคงจะโชคดี

หลังจากเข้าไปพูดคุยกับท่านหัวหน้าเขตฯ แล้ว เราก็ได้ พี่ยักษ์ แห่งหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ เข้าป่าทางด้านจุดสกัดโคกเพชร แล้วจอดรถรอดวงอาทิตย์ให้คล้อยลงต่ำ แสงอ่อนกว่านี้อีกหน่อย เพื่อรอช้างป่าออกมาโชว์ตัวไงล่ะจ๊ะ! ตื่นเต้นจังd140 d141

สภาพพื้นที่ของป่าดงใหญ่ในบริเวณนี้ อดีตเคยถูกชาวบ้านบุกรุกเข้าแผ้วถางทำไร่ยูคาลิปตัสมาก่อน โดยปัจจุบันทางราชการได้ขอคืนพื้นที่ แล้วเตรียมผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของป่ามรดกโลกแล้ว

ดูแม่ไม้ใหญ่ที่ยืนต้นโดดเดี่ยวนั่นสิ นั่นคือร่องรอยของผืนป่าดงพญาเย็นที่เคยยิ่งใหญ่ ครอบคลุมภาคอีสานตอนล่างทั้งหมด หวังว่าป่าคงฟื้นตัวได้ในเร็ววันนะ (ผมแอบหวังอยู่คนเดียวลึกๆ) d142

ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงเต็มที อุณหภูมิสีบนฟากฟ้าเปลี่ยนเป็นโทนสีเหลืองส้ม งดงามจับใจสุดๆ ท้องฟ้าที่นี่กว้างมาก มองไปรอบตัวได้ 360 องศาเลย เหมือนมีฟ้ากว้างมาครอบตัวเราไว้ ห่างไกลเมืองใหญ่ เรากำลังตกอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติโดยแท้!d143 d144 d145 d146 d147

ในขณะที่แสงตะวันสุดท้ายกำลังใกล้จะหมดลงเต็มที ในที่สุดก็มีน้องช้างป่าแสนน่ารักโผล่ออกมาจากแนวป่า! ค่อยๆ เดินดุ่มอย่างเงียบเชียบออกมากินหญ้าอยู่กลางทุ่งโล่ง แม้จะเห็นจากระยะไกล แต่ก็รู้ได้เลยว่าพี่ช้างเขาตัวใหญ่เบิ้มแค่ไหน วินาทีนั้นตื่นเต้นสุดๆ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย เพราะการได้มาเห็นช้างป่าในธรรมชาติ ซึ่งมีความสง่างาม หากินอยู่อย่างอิสระเสรีอย่างนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่มีไม่กี่คนในโลกหรอกจะได้พานพบ!
d148อ๋อง 2 d149

เนื่องจากป่าดงใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของป่ามรดกโลก และอยู่ใกล้กับชายแดนเขมร จึงยังมีช้างป่าอยู่เยอะ ช้างเป็นสัตว์สังคมนะครับ ฝูงใหญ่จริงๆ มีแต่ตัวเมียกับตัวเด็ก ส่วนตัวผู้ที่เป็นช้างพลายจะแยกออกไปอยู่โดดเดี่ยว และจะกลับเข้ามาเฉพาะฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น โขลงช้างจึงมีตัวป้าตัวยายเป็นผู้นำ และมีแม่ๆ น้าๆ พี่สาว ช่วยกันเลี้ยงเด็ก น่ารักมาก
d150

ชื่นชมน้องช้างกันอยู่พักใหญ่ จนสิ้นแสงตะวันมองอะไรไม่เห็น เราเลยเคลื่อนพลต่อเข้าไปอีกตามหนทางสมบุกสมบันในป่า กลิ่นของต้นไม้ และเสียงของแมลงที่ออกหากินกลางคืน ช่างมีเสน่ห์เสียนี่กระไร! รถเราค่อยๆ แล่นเข้าไปอย่างเชื่องช้า และเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าโชคดี ก็อาจจะเจอสัตว์ใหญ่ จนกระทั่งถึง หน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่เฝ้าป่าเพียงไม่กี่คน เสียสละ น่าชื่นชมมาก แถมยังต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์

ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนจะอยู่ได้นะครับ ต้องเป็นคนที่รักษ์ป่าจริงๆ เท่านั้น ขอปรบมือชื่นชมเลย
d151

ก่อนนอน ตามธรรมเนียมของคนอยู่ป่า เราก็ต้องมารวมตัวกันในที่ที่พอมีแสงไฟ คือครัว นั่งกินข้าวเหนียวไก่ย่างที่ซื้อมาจากตลาด จากนั้นก็ต้มน้ำร้อนชงกาแฟกิน ตั้งวงสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องสัตว์ป่ากันอย่างสนุกสนานเฮฮา หวังว่าพรุ่งนี้ ธรรมชาติคงจะมีของขวัญล้ำค่ามอบให้พวกเรา ที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาไกลนะครับ…LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 2)

d12

ยิ่งอยู่ “บุรีรัมย์” นานขึ้นๆ พวกเราในทีมก็ย่ิงมีความคิดตรงกันว่า บุรีรัมย์เขามี Style ของตัวเอง มากซะจนเราตั้งฉายาให้ว่า “BURIRAM STYLE” มันเป็นสไตล์ที่ออกจะอธิบายยากหน่อย ว่าจริงๆ แล้วเป็นไง?! แต่สิ่งที่พอจะอธิบายได้ก็คือ BURIRAM STYLE เป็นการผสมผสานระหว่างความเก่า ความใหม่ และความฮิปแบบบ้านๆ ได้น่ารักดี

คงเพราะหลังจากมีสนามฟุตบอล i-Mobile และมีสนามแข่งรถระดับโลก Chang International Curcuit ก็ทำให้บุรีรัมย์โตแบบก้าวกระโดด! บุรีรัมย์วันนี้จึงมีความเป็น INTER อยู่ในตัวเอง ทว่าในขณะเดียวกันยังมีกลิ่นอายของอีสานใต้ ปะปนอยู่ในวิถีชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม เราอาจเห็นสาวสวยมากๆๆๆ ใส่ชุดเดรสยาว สีแดงแป๊ด มีลายซิลค์สกรีนสีขาว คำว่า Buriram อยู่ตรงกลางอกเสื้อ นั่งกินส้มตำปูปลาร้าอยู่ที่ถนนคนเดิน! นี่ล่ะ BURIRAM STYLE ที่เราพอจะอธิบายเป็นรูปธรรมให้คุณเข้าใจได้… แต่จริงๆ ผมว่ามันลึกซึ้งกว่านั้นอีก!

d61

เช้าวันที่ 3 ของการไปเที่ยวบุรีรัมย์ ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มปี๊ด อากาศเย็นสบาย จนเราเคลิ้มไปเลยว่า นี่มันหน้าหนาวหรือหน้าฝนกันแน่นะ!? อย่างนี้ต้องไปขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาเมืองเพื่อเป็นสิริมงคลกันหน่อยแล้ว จากที่พักเราเลยขับรถเข้าใจกลางเมือง ไปกราบ “ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์” ซึ่งแปลกกว่าศาลหลักเมืองจังหวัดอื่น! เพราะภายในมีเสาหลักเมืองอยู่ถึง 2 ต้น โดยเสาต้นหนึ่งสูงกว่า ตั้งตรง เป็นทรง 8 เหลี่ยม โผล่พ้นจากพื้น 1.99 เมตร และยังมีเสาต้นเล็กที่เอียงอยู่ โผล่พ้นดินขึ้นมาเพียง 1.15 เมตร จุดที่ตั้งศาลหลักเมืองนี้เคยเป็นจุดที่รัชกาลที่ 1 ทรงเคยเสด็จมาพักทัพ เพราะบริเวณนี้มีทำเลเหมาะสม มีสระน้ำ มีต้นแปะขนาดใหญ่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองแปะ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองบุรีรัมย์” ในภายหลัง

ตัวสถาปัตยกรรมของศาลหลักเมืองเพิ่งได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ โดยสร้างเลียนแบบปราสาทพนมรุ้งครับ สง่างามมาก

d62 d63

ในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า” เป็นศาลเจ้าจีน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2551 ภายในประดิษฐานรูปเจ้าพ่อหลักเมืองและเทพเจ้าจีน คือ ปึงเถ่ากง-ปึงเถ่าม่า เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งคนจีนเคารพนับถือกันอย่างมากนั่นเอง เพี้ยงงงงงงง ขอให้ลูกช้างรวยๆ กะเขามั่งเหอะ!!!

d64 d65 d66 d67

ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ คือที่ตั้งของพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองบุรีรัมย์ “วัดกลางพระอารามหลวง” เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ เปี่ยมด้วยมนต์ขลังของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้านข้างโบสถ์ เรียกว่า “สระสิงโต” เป็นจุดที่เจ้าพระยาจักรี (หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในเวลาต่อมา) ทรงหยุดพักทัพ ระหว่างไปทำศึกกับเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ โดยน้ำในสระนี้ได้รับการนำไปประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และเมื่อคราวที่มีการจัดพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 ก็มีการอัญเชิญน้ำในสระนี้ไปทูลเกล้าถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย

ไม่น่าเชื่อเลยว่าบุรีรัมย์ที่วันนี้ดูโตแบบก้าวกระโดด และทันสมัยสุดๆ จะมีประวัติศาสตร์สำคัญอันยาวนานเช่นนี้

d68 d69

เก้าโมงกว่าแล้ว ได้เวลาตามล่าหาร้านอาหารอร่อยตาม Style ของพวกเรา เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง วันนี้ยังมีคิวเที่ยวๆๆ อีกมาก! ฮาฮาฮา ในที่สุดก็มาลงเอยกันที่ “ร้านข้าวหมูแดง กวางเจา” ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมแกรนด์ และร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นที่เราไปกินเมื่อวานนั่นเอง แหม ย่านนี้เป็นย่านรวมความอร่อยๆ จริงๆ เขาเรียกว่าถนนนิวาศ หาง่าย เพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟนั่นเองจ้า

คุณป้าเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ขายมาตั้งสี่สิบห้าสิบปีแล้วมั้ง ไม่ได้นับ! เป็นสูตรดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเตี่ยเลย ข้าวหมูแดงร้านกวางเจาจะไม่มีไข่กับกุนเชียงใส่มาให้แบบร้านอื่น แต่จะมีเฉพาะหมูแดงกับหมูกรอบ ที่กรอบกำลังดี ไม่แข็งจนเคี้ยวแล้วปวดฟันเหมือนบางร้าน! กินกับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำใสใส่พริกสดมาเพิ่มรสชาติจี๊ดๆ แต่ถ้าจะให้เด็ด ต้องสั่งเกาเหลาใบตำลึงมาซดให้คล่องคอด้วย มีทั้งแบบใส่เครื่องใน ใส่ตับ ใส่เลือด หรือจะใส่เฉพาะหมูสับก้อนก็ได้ จัดกันไปคนละชามสองชาม ได้เวลาไปซิ่งกันที่สนามแข่งรถแล้ว…

d70

วันนี้เราจะไปดูเด็กแว้นกัน!!! แต่ไม่ใช่แว้นกวนเมือง หรือซิ่งทำให้ชาวบ้านเขาเดือนร้อนนะ เพราะวันนี้เราจะไปดูการแข่งมอเตอร์ไซค์ Drag Bike หรือมอเตอร์ไซค์ทางเรียบในลู่วิ่งตรงๆ ยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งสนามนี้อยู่ใกล้กับสนามแข่งรถ Chang International Circuit นั่นเอง

ช่วงเช้าจะเป็นการซ้อม และเริ่มแข่งจริงตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน มีนักซิ่งจากทั่วประเทศมาเข้าร่วม! น่าตื่นตาตื่นใจมากเวลาเห็นมอเตอร์ไซค์รูปร่างแปลกๆ สวยๆ มารวมตัวกันเป็นพันคันขนาดนี้! แต่ละกันก็มีช่างประจำเครื่องมาปรับแต่งกันถึงสนาม บ้างยกทีมมาจากภาคใต้ เพื่อมาประลองความเร็วกันในสนามอย่างถูกกฎกติกา เราซื้อตั๋วแล้วขึ้นไปนั่งรวมกับผู้ชมนับพันบนอัฐจรรย์ ดูการซ้อมวิ่งของนักบิด Drag Biker! ด้วยความแรงของเครื่องที่เร่งรออยู่ก่อนแล้ว พอให้สัญญาณปล่อยตัว ล้อหน้ามอเตอร์ไซค์ก็มักจะเหินขึ้นไปในอากาศ! แล้วพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดแรง!!! พร้อมกับเสียงเครื่องที่แผดออกมาจนหูเราดับไปเลย!!! สังเกตได้จากรอยดำบนพื้นลู่วิ่งอันโชกโชน คงจะเกิดจากรอยยางรถมอเตอร์ไซค์ที่บดกับพื้นสนามด้วยแรงเสียดทานมหาศาล ครั้งแล้วครั้งเล่า!!!

d71 d72 d73

นอกสนาม Drag Bike มีเต็นท์สำหรับนักแข่งแต่ละทีม ได้ปรับเครื่องจูนรถของตัวเองให้แรงสะใจ แต่ด้วยความเชื่อและจิตวิญญาณแบบไทย ก็ยังมีการนำพวงมาลัยมาบูชาแม่ย่านางรถด้วย นี่ล่ะ หนึ่งใน BURURAM STYLE ใหม่ผสมเก่า

d74 d75

ดูการแข่ง Drag Bike กันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาเข้าไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่า สนามแข่งรถ Chang International  Circuit ที่เขาว่าได้มาตรฐานโลก จนสามารถแข่งรถยนต์ Formula 1 และรถ Super GT นั้น เป็นยังไง? พอขึ้นไปบนอัฐจรรย์ก็ต้องอึ้ง เพราะให้ความรู้สึกเหมือนสนามที่เคยเห็นในต่างประเทศไม่มีผิด! อีกทั้งยังเป็นสนามแข่งรถเดียวในโลก ที่ผู้ชมบนอัฐจรรย์สามารถมองเห็นได้ทุกโค้งด้วย Amazing จริงๆ! เสียดายวันนี้ไม่มีแข่งรถยนต์

d76 d77

สนามแข่งรถระดับโลก ทำให้บุรีรัมย์วันนี้กลายเป็นศูนย์กลางของ Big Biker ทั่วประเทศ เราจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์เจ๋งๆ สวยๆ ราคาแพงลิ่วระดับครึ่งล้าน! วิ่งกันเกลื่อนเมือง โดยมากจะมากันเป็นแก็งค์ Big Bike เพื่อมาเชียร์ฟุตบอล หรือมาชมการแข่งรถยนต์ สิ่งนี้ได้สร้างกระแสความคลั่งไคล้กีฬา และสร้างต้นแบบการใช้ชีวิตของการเป็นนักเดินทาง แสวงหา ด้วยสองล้อแรงม้าสูง ให้กับคนรุ่นใหม่ในบุรีรัมย์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง BURURAM STYLE ที่เราค้นพบ

d78

 ต้องรวยจริงถึงจะซื้อคันนี้ได้!!! เพราะเป็นระดับ Harley Devison ของแท้จากอเมริกา ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเห็นวิ่งอยู่ที่บุรีรัมย์ ขนาดในกรุงเทพฯ เมืองหลวงแท้ๆ ยังไม่เคยเห็นเลยเนอะ!

d79

ออกจากสนามช้าง เราบึ่งรถฝ่าเปลวแดดร้อนแรงในยามบ่าย ตรงไปที่สนามฟุตบอล i-Mobile Stadium ที่อยู่ใกล้ๆ กัน  เสียดายวันนี้ไม่มีแข่งฟุตบอล แต่ก็ยังดีที่เขามีจัดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เป็นรอบๆ ตลอดวัน สนามแห่งนี้สร้างความฮือฮาได้ตั้งแต่แรกเปิดตัว เพราะเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า , เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ โดยเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน! มองจากด้านนอก บอกได้คำเดียวว่า ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ!

d80

ดูกันให้เต็มตาครับ กับภายในสนามฟุตบอล i-Mobole Stadium หรือในชื่ออย่างเป็นทางการ Thunder Castle Stadium ความภูมิใจของบุรีรัมย์ยุคใหม่ ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จนบุรีรัมย์วันนี้กลายเป็นเมืองกีฬามาตรฐานโลก

d81 d82 d83

ด้านข้างสนามฟุตบอล i-Mobile มีร้านขายของที่ระลึก ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ Buriram FC จุดนี้ต้องขอชื่นชมเลยว่า แค่กีฬาฟุตบอลอย่างเดียวก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้บุรีรัมย์และจังหวัดอีสานใต้โดยรอบได้มหาศาล! สินค้าต่อเนื่องจากกีฬาฟุตบอล ทั้งเสื้อยืดและของที่ระลึกอีกนับร้อยแบบ ทำให้เกิดเงินสะพัดหมุนเวียนนับไม่ถ้วน! น้องพัชชี่ไปเจอเสื้อยืดสวยๆ ในร้าน ผมเลยจัดมา 2 ตัว ตัวละ 440 บาท เนื้อผ้าดีมากครับ ลายซิลค์สกรีนก็อย่างดีด้วย

d84 d85

เข็มนาฬิกาเลยเที่ยงมาสองชั่วโมงแล้ว! ขณะที่เราขับรถออกจากสนามฟุตบอล i-Mobile ตรงไปที่ ร้านสองพี่น้อง ซึ่งอยู่บนถนนสายเดียวกัน เราขอฝากท้องสำหรับ Late Lunch ไว้ที่ร้านนี้ครับ เพราะได้ข่าวว่าเป็นร้านอาหารพื้นเมืองรสเด็ด รสแซ่บ ที่โด่งดังมากแห่งหนึ่งในบุรีรัมย์ จุดสังเกตทางเข้าร้านก็ง่ายมาก ถึงมากที่สุด เพราะมีรูปปั้นไดโนเสาร์ยักษ์ยืนจังก้าอยู่ ฮาฮาฮา จนบางคนเรียกร้านสองพี่น้องว่า “ร้านไดโนเสาร์” เลยล่ะครับ

พอได้ชิมก็แซ่บเวอร์สมคำร่ำลือ อาหารอีสานร้านนี้รสกลมกล่อมมากทุกอย่าง ในร้านก็นั่งสบาย ลมถ่ายเทดี แถมระหว่างกินยังมีแม่ค้าเดินเอาหมูยอมาขายอีก เราเลยช่วยอุดหนุน เป็นหมูยอเนื้อผสมพริกไทย อร่อยเหาะไปเลย ฮิฮิ

d86 d87

นั่งพักกันพอข้าวเรียงเม็ด แม้แดดจะยังค่อนข้างร้อน แต่ก็ได้เวลาพากันขึ้นไปสัมผัสความมหัศจรรย์ธรรมชาติ “ภูเขาไฟกระโดง” (หรือวนอุทยานเขากระโดง) 1 ใน 6 ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วของบุรีรัมย์ แสดงให้เห็นว่าในครั้งอดีตกาลนานโพ้น แดนดินถิ่นอีสานใต้นี้เคยมีภูเขาไฟและไดโนเสาร์อาศัยอยู่จริง Amazing BURURAM STYLE!

d88

วิธีการขึ้นเขากระโดงมี 2 แบบ คือใครฟิตหน่อย ก็สามารถหอบสังขารเดินขึ้นบันไดทดสอบศรัทธาสาธุชน (หรือบันไดนาคราช) 297 ขั้นไปจนถึงยอดเขาตามในภาพนี้ แต่ถ้าใครเริ่มอายุเกินหลัก 40 หรือคิดว่าสังขารเริ่มจะไม่อำนวย ข้อเข่าเสื่อม อะไรประมาณนี้ เลี้ยวขวาไปจากหน้าบันไดทางขึ้นนี้ ก็เป็นถนนสายเล็กๆ นำไปถึงยอดเขาได้เช่นกัน อันไหนง่ายกว่า? เลือกเอาเองนะ ไม่ได้บังคับ!

d89

ทีมเราฟิตจัด เลยเลือกขับรถขึ้นเขากระโดง! (ไม่ใช่ร่างกายฟิต แต่เป็นเอวกางเกงฟิตมากกว่า ฮาฮาฮา) จะให้เดินขึ้นไหวได้ไงล่ะ ก็เพิ่งกินข้าวกันมาอิ่มๆ แดดก็เปรี้ยงๆ ซะขนาดนี้ แต่ขับรถเที่ยวก็ชิลดี สภาพทางขึ้นเขาเป็นถนนเส้นเล็กๆ พอให้รถแล่นสวนกันได้ สองข้างทางมีป่าละเมาะแผ่กิ่งก้านปกคลุมร่มรื่น พอขึ้นไปถึงกลางทาง ด้านขวามือมีสะพานแขวนลวดสลิงชื่อ “สะพานแขวนลาวา” ให้เราเดินข้ามไปชมปล่องภูเขาไฟเก่าที่ดับแล้ว! ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นหลุมตื้นๆ มีหญ้าปกคลุมเขียวขจี ถ้าไม่บอกคงไม่รู้แน่ๆ เลยครับ

d90

นี่คือปากปล่องภูเขาไฟ ของภูเขาไฟกระโดง ซึ่งนักธรณีวิทยาบอกว่าเป็นปากปล่องภูเขาไฟอายุ 3-9 แสนปี! ถือเป็นภูเขาไฟอายุน้อยที่สุดของเมืองไทยด้วยล่ะ อีกทั้งยังมีสภาพสมบูรณ์มาก โดยปากปล่องนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร เป็นรูปจันทร์ครึ่งซีก มีขอบปล่องด้านทิศใต้เรียกว่า เขาใหญ่ ส่วนขอบปล่องด้านทิศเหนือเรียกว่า เขาน้อย หรือเขากระโดง นั่นเอง ปัจจุบันมีการจัดทำเส้นทางเดินชมรอบปล่องไว้ด้วย เที่ยวสะดวกมากๆ

d91

ในที่สุดก็ขึ้นถึงยอดเขาจนได้ จากลานจอดรถเดินไปอีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถึงโซนร้านขายของ และมีปราสาทเล็กๆ สีขาว ชื่อว่าปราสาทเขากระโดง อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ส่วนองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ที่เห็นได้จากเชิงเขาแต่ไกล มีนามว่า พระสุภัทรบพิตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองบุรีรัมย์ ภายในเศียรบรรจุพระธาตุ สร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 แล้ว มีผู้คนมาสักการะเป็นนิจ

d92

พระพุทธบาทจำลองบนเขากระโดง

d93หนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติบนเขากระโดงก็คือ “หินลอยน้ำ” เพราะอย่างที่บอกว่านี่คือภูเขาไฟเก่า จึงเต็มไปด้วยหินบะซอลต์ที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟปะทุออกมาเหนือเปลือกโลก เมื่อมันเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว จึงเกิดฟองอากาศค้างอยู่ภายในหินเต็มไปหมด หินบะซอลต์เขากระโดงจึงมีรูพรุน เหมือนทุ่นลอยน้ำได้ ไม่ใช่อภินิหารวิเศษเลยนะครับ

d94

จากยอดภูเขาไฟกระโดง อันเป็นจุดที่พระสุภัทรบพิตรประดิษฐานอยู่ มองลงไปทางทิศเหนือจะเห็น อ่างเก็บน้ำเขากระโดง  (อ่างเก็บน้ำวุฒิสวัสดิ์) เป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะมากในการไปศึกษาธรรมชาติ เพราะมีนกประจำถิ่นและนกหนีหนาวในช่วงปลายปี อพยพมาหากินจำนวนมาก อีกทั้งรอบอ่างเก็บน้ำเขากระโดงมีเส้นทางเดินศึกษาพรรณไม้ป่าเต็งรังนานาชนิด รวมถึงมีที่กางเต็นท์ค้างแรมสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดด้วย

d95

พอชมวิวเสร็จแล้ว ระหว่างเดินไปร้านขายน้ำ น้องพัชชี่ก็เหลือบไปเห็นป้าย “ไหลสิเด้อ” อะไรกันหว่า? ที่แท้คือทางลื่นให้นั่งแล้วไถลตัวลงเขาแบบไม่ต้องเสียเวลา! แต่เขามีป้ายเตือนว่า ถ้าทางลื่นนี้เปียกเมื่อใด ห้ามเล่น! เพราะมันจะลื่นมากจนเราไม่สามารถหยุดหรือบังคับตัวเองได้ อาจจะเบรคแตก พุ่งออกไปนอกลู่เลยดิ!!! โอ้ว แม่เจ้า แต่โชคดีวันนั้นน้องพัชชี่ของเราเบรคทัน ดูหน้าน้องเขาฟินมาก และแน่นอนว่าเสียงกรี๊ดต้องสนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย อิอิd96

อากาศที่ร้อนอบอ้าวมาตลอดวัน ทำให้รู้สึกเพลียไม่ใช่เล่น เราเลยกลับไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนที่บ้านเตอร์ รีสอร์ท จากนั้นตอนหัวค่ำก็เปลี่ยนชุดหล่อสวย ออกมาเดินเล่นเพลินๆ ช้อปปิ้งกันที่ “ถนนคนเดินเซราะกราว” ซึ่งเป็นถนนคนเดินเย็นวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ กลางเมืองบุรีรัมย์ ที่ถนนหน้าจวนผู้ว่านั่นเอง

ใครรู้บ้างว่า เซราะกราว ในภาษาเขมรแปลว่าอะไร? ใช่แล้ว แปลว่า “บ้านนอก” ฮาฮาฮา แต่ในความจริง ถนนคนเดินเส้นนี้ Inter เอามากๆ จนเรางงเลยทีเดียวเชียว โดยส่วนตัว ผมว่า เซราะกราว Walking Street มีเสน่ห์มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครตรงผ้าทอพื้นบ้านแนวเขมรนี่ล่ะ อย่างผ้าทอของอำเภอพุทไธสง ซึ่งเป็นแหล่งทอผ้าไหมซิ่นตีนแดงลายจกอันมีชื่อเสียงมาช้านาน เป็นผ้าที่ได้รับอิทธิพลมาจากเขมรครับ ดูได้จากการใช้สีแดงเป็นหลัก วันนี้เราได้เจอคุณยายซึ่งเป็นช่างทอผ้าตัวจริงเลย ดีใจมาก ขอกราบครับคุณยาย
d97 d98

ราคาแค่ 220 บาท ลายฮิปสเตอร์มากๆ น้องพัชชี่จัดไปปปปปป!

d99 d100 d102

ที่ถนนคนเดินเซราะกราว Walking Street มีหมอลำให้นั่งฟังกันเพลินๆ ด้วย บรรยากาศชิลชิล
d103 d104

หิวแล้วจ้า ชวนกันไปหม่ำมันเกลียวรองท้องไปก่อน เดี๋ยวค่อยกินของหนักตามหลังเด้อd105 d106

นอกจากเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ผ้าทอ และงานผีมือเก๋ๆ น่ารักๆ ในเซราะกราว Walking Street แล้ว เขายังมีพืชผักปลอดสารพิษ ที่กลุ่มชาวบ้านปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ พร้อมใจกันรวมตัวนำมาขายในราคามิตรภาพ ใครจะเชื่อว่าผักบุ้งสดๆ ใหม่ๆ น่าทาน กำละ 5 บาทจะยังมีอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพงอย่างนี้ แต่ที่บุรีรัมย์มีจ้า!d107

รีบออกจากถนนคนเดินเซราะกราว เพราะได้ข่าวจากคนบุรีรัมย์ว่า คืนนี้ทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ FC จะไปเยือนทีมนครราชสีมา FC ถึงถิ่น! และถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าลานด้านหน้าสนามฟุตบอล i-Mobile จะต้องเนืองแน่นไปด้วยสาวกทีมบุรีรัมย์อย่างแน่นอน! เราจึงรีบบึ่งรถไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา ว่าแฟนบอลบุรีรัมย์เขาจริงจัง คลั่งไคล้ เข้าขั้น Crazy ขนาดไหน!? กับกีฬาค้าแข้งนี้ พอไปถึงหน้าสนามก็ต้องตะลึง เพราะมีประชาชนนับพัน (ซึ่งส่วนนมากใส่เสื้อทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ด้วย) ทั้งลูกเด็กเล็กแดง หนุ่มสาว คู่รัก ไปจนถึงคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย มานั่งเชียร์ฟุตบอลอยู่อย่างล้นหลาม! เพราะเขามีทีวีจอยักษ์มาฉายให้ชมฟรี! เวลาทีมปราสาทสายฟ้าบุรีรัมย์พาลูกบอลเข้าไปในเขตโทษของทีมนครราชสีมา แล้วยิงประตู ไม่ว่าจะเข้าหรือไม่ เราจะได้ยินเสียงเชียร์สนั่น ผลคือคืนนั้นเสมอกัน 1-1 แบ่งแต้มกันไป

นี่คือกระแสคลั่งฟุตบอล ที่ซึมเข้าไปแล้วในกระแสเลือดของชาวบุรีรัมย์ มันเป็นความภาคภูมิใจในทีมฟุตบอลบ้านเกิด ซึ่งไปทำผลงานคว้าแช้มป์หลายสมัยติดต่อกัน และเราก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเชียร์บอลคืนนี้ครับ
d108 d109

อีกหนึ่งวันอันยาวนาน และเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่บุรีรัมย์ จบลงที่ราดหน้ายอดผัก ณ ตลาดไนท์เก่า การได้กินอะไรอุ่นๆ ท้องก่อนเข้านอนนี่มันเป็นความสุขแท้ แต่ถ้าจะให้ดี จะมีคืนไหนบ้างนะที่เราได้เข้านอนหัวค่ำกะเข้าบ้างเนี่ย? ไหนบอกว่ามาเที่ยวกันไง? ไม่ได้มาทำงาน?! ฮะ?LOGO TAT logo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram

เที่ยวไป กินไป Style บุรีรัมย์ (ตอน 1)

logo Amazing Journey 2

คุณคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางไกลคืออะไร? คือรองเท้าดีๆ คือพาหนะสุดเจ๋งๆ หรือคือห้องสุดหรู… เหล่านี้อาจสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่ผมคิดว่าจำเป็นที่สุดสำหรับการแรมทางผ่านหลักกิโลเมตรอันแสนยาวไกลก็คือ “เพื่อนดีๆ”

โครงการ The Amazing Journey Blogging Contest ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่โปรโมท 12 เมืองต้องห้ามพลาด กำลังจะนำผมไปพบกับการเดินทางที่สนุก ฮา และน่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แม้จะเป็นการเดินทางเพียง 6 วัน แต่สิ่งที่ยังตรึงอยู่ในใจผมมากระทั่งบัดนี้ ก็คือมิตรไมตรี รอยยิ้ม และประสบการณ์ดีๆ จากผองเพื่อน ที่ร่วมผจญภัย อดมื้อ กินสองมื้อ (ฮาฮาฮา) ไปด้วยกัน โดยหมุดหมายแห่งการเดินทางของเราอยู่ที่ “จังหวัดบุรีรัมย์” เมืองที่มีคอนเซ็ปต์ว่า “เมืองปราสาทสองยุค” เพราะนอกจากจะเป็นดินแดนอารยธรรมขอมแห่งอีสานใต้อันเก่าแก่แล้ว ทุกวันนี้บุรีรัมย์ยังเป็น “เมืองกีฬามาตรฐานโลก!!!” ประโยคนี้ผมฟังคนอื่นเขามาพูด เลยอยากเห็นกับตาว่าจะจริงแค่ไหน? งั้นรีบไปพิสูจน์กันเถอะพวกเรา…

d2

ทีแรกกะว่าจะบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงบุรีรัมย์เลย เพราะตอนนี้ที่อำเภอสตึก ของบุรีรัมย์ เขามีสนามบินแล้ว Nok Air ก็บินไปลงทุกวัน แต่เพราะว่าสปอนเซอร์รถของเราคือ บริษัท Thai Rent A Car มีฐานอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ทีมเราเลยต้องขึ้นเครื่อง Nok Air ไปลงที่ขอนแก่น เพื่อรับรถคันใหญ่ ขับเคลื่อนสองล้อหน้า พร้อมด้วยที่เก็บของกว้างๆ เพราะทีมเราขนสัมภาระกันไปเพียบ โดยเฉพาะอุปกรณ์กล้องที่แทบจะเปิดร้านขายกันได้เลยทีเดียว! ฮาฮาฮา ตกลงนี่จะไปเที่ยวหรือไปทำงานกันแน่??? จริงจังไปอ่ะป่าวนะนาย?

คุณพิม และแคช Blogger ชื่อดังแห่ง “ครัวบ้านพิม” ซึ่งป็นบล็อกสุดเจ๋งเกี่ยวกับการรีวิวอาหาร ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม แคชเป็นพลขับ คุณพิมเป็นคนนำทาง ส่วนอีกคนคือ น้องพัชชี่ Blogger เจ้าของฉายา Tiny Chef ก็มาร่วมแจมร่วมสร้างสีสัน เพราะความน่ารักของน้องพัชชี่ แค่น้องเขายิ้ม ก็ทำให้โลกนี้สดใสแล้วล่ะครับ ฮาฮาฮา อย่าเข้าใจผิด อันนี้ไม่ได้จีบ แต่ชมจากใจจริงนะจ๊ะน้อง

d3 d4

การเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง จากขอนแก่นไปบุรีรัมย์ แม้สภาพถนนจะดีมาก แต่เราก็ทำความเร็วไม่ค่อยได้ เนื่องจากเมฆสีเทาทึบบนท้องฟ้าเดือนกรกฎาคม ได้กลั่นตัวโปรยฝนลงมาต้อนรับให้เย็นชุ่มฉ่ำกันไปตลอด แต่วันนี้เราไม่มีอะไรต้องรีบ ขับชมวิวกันไปชิลชิล ถึงบุรีรัมย์ตอนห้าโมงเย็น Check in เข้าที่พักโรงแรม Best Western เสร็จ ตอนนี้พยาธิในท้องกำลังดิ้นกันดุ๊กดิ๊ก! คงถึงเวลาที่ต้องรีบออกไปหาอาหารอร่อยในบุรีรัมย์หม่ำกันหน่อยแล้ว…

d5

จุดหมายแรกของเราอยู่ที่ “ตลาด Night ใหม่” (ชื่อเต็ม ตลาดไนท์พลาซ่า ใหม่) ที่นี่เป็นศูนย์รวมของคนช่างกินตัวจริง เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เต็มไปด้วยอาหารและขนมละลานตา เล่นเอาน้ำลายสอ ชั่วโมงนี้เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด! เราเลยไม่ลังเล ดิ่งเข้าไปที่ “ร้านผัดไททอม-ดี้” ร้านผัดไทยชื่อดังที่เขาประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น ทอม-ดี้ เออ.. อันนี้ชอบ ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เฮ้ย! ทอมหล่อ! ผมอุทาน! แต่รสชาติจะแซ่บเวอร์ขนาดไหน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสั่งมาชิมมีทั้งผัดไทยกุ้งสด ผัดไทยทะเล รวมถึงหอยทอดด้วย เส้นของเขาเหนียวนุ่มกำลังดี น้ำซอสมะขามที่เอามาผัดก็หอมอร่อย รสออกเปรี้ยวหวานกลมกล่อม แต่สิ่งที่ผมว่า Amazing มากคือ กุ้งตัวใหญ่ที่ใส่มาในผัดไทยนั้นสดมากเลย ไม่ใช่กุ้งแก้วตัวใสแจ๋ว! ทำให้รู้สึกว่ามาเที่ยวบุรีรัมย์ก็ยังพอมี seafood กินแบบขำๆ นะ ฮาฮาฮา

d6 d7

นั่งกินไป ดูคู่ทอม-ดี้ ช่วยกันทำผัดไทยอย่างขยันขันแข็ง มือเป็นระวิง แต่ดูเหมือนสองคนนี้จะพูดน้อย ยิ้มอย่างเดียว สงสัยจะเขินกล้องพวกเรา ยุคนี้ต้องบอกเลยว่า แค่ชื่อร้านที่แปลก ติดหูง่าย “ผัดไททอม-ดี้” ก็เรียกลูกค้าได้ไม่ยากแล้วล่ะ ดูอย่างพวกเราสิ เหินฟ้ามาชิมกันเลยนะเนี่ยะ อิอิ

d8

ขอบอกว่ายังไม่อิ่ม! เลยขับรถไปที่ “ตลาดไนท์ เก่า” ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ตลาดไนท์เก่าวันนี้ดูจะเงียบๆ เหงาๆ ไปบ้าง ผิดกับตลาดไนท์ใหม่ที่มีเนื้อที่กว้างขวางกว่าเยอะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วันนี้ตลาดไนท์เก่าก็ยังมีของดีซุกซ่อนอยู่ไม่น้อย ทำให้รู้สึกได้เลยว่าคนบุรีรัมย์เขาช่างกิน ไม่แพ้คนจังหวัดอื่นเลยล่ะ อย่างราดหน้ายอดผักสูตรโบราณ, ปอเปี๊ยะ-เกี๊ยวทอดแสนอร่อย ฯลฯ รวมถึง “เต้าส่วนร้านเจ้ตุ่ม” ที่มีคนมาเข้าคิวรอซื้อยาวเป็นหางว่าว! จนเจ้ตุ่มแกตักขายแทบไม่ทัน! พอเห็นเรามาถ่ายรูป เจ้ก็ยิ้ม แล้วบอกว่าไม่ต้องมาถ่ายแล้ว แค่นี้ก็ขายไม่ทันแล้ว ฮาฮาฮา

d9 d10

วันแรกของการเดินทางมาทักทาย “บุรีรัมย์” จบลงอย่างอิ่มแปล้ ท้องตึง หนังตาหย่อน จนไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน รู้แต่ว่าห้องพักแอร์เย็นฉ่ำของ โรงแรม Best Western ทำให้ผมหลับเป็นตายเลยทีเดียว

d13

เช้าวันถัดมา เราไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ขับรถวนชมตัวเมืองที่เริ่มคึกคัก วนไปจนถึงหน้าโรงแรมแกรนด์ ซึ่งเป็นตึกสีฟ้า เหมือนโรงแรมสไตล์โบราณสร้างมานานมากแล้ว และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนในตัวเมือง ข้างโรงแรมแกรนด์คือ “ร้านก๊วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นมิตรมงคล” ซึ่งเปิดมาหลายสิบปี รสชาติเป็นที่เลื่องลือในยุทธจักรอาหาร แต่โดยส่วนตัวผมแทบไม่กินเนื้อวัวเลย เพราะมีความรู้สึกว่าเนื้อวัวมีกลิ่นสาบ วันนี้เลยแข็งใจลองชิมดูซิ… แค่คำแรกก็อึ้ง เพราะน้ำซุปหอมหวาน เนื้อตุ๋นก็เปื่อยนุ่ม แต่ยังมี texture ให้ได้ออกแรงเคี้ยว ส่วนลูกชิ้นก็เป็นเนื้อแดง ไม่มีเอ็น เคี้ยวง่าย กินคำนึง คีบผักบุ้งใส่ปากคำนึง แล้วซดน้ำตาม โดยส่วนตัวผมว่าอร่อย น่าแปลกที่เขาสามารถลบความคิดที่ว่า เนื้อวัวเหม็นสาบ ของผมไปได้ส่วนหนึ่งเลยทีเดียวครับ

d14d15

เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสมาก ผิดกับเมื่อวานที่ฝนตกตลอด เล่นเอาซะใจเสีย! วันนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “เพ ลาเพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอทเวนเจอร์ แคมป์” ที่อยู่ห่างจากอำเภอเมืองออกไปพอสมควร ในอำเภอคูเมือง โดยวันนี้ คุณชิมิ PR สาวสวยแสนน่ารักของเพ ลาเพลิน จะเป็นคนพาเราเที่ยวชมด้วยตัวเอง ต้องสนุกแน่ๆ

d16

เพ ลาเพลิน เป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้ ความสนุก และการผจญภัย โดยมีโซนของที่พักไว้บริการด้วย แต่ด้วยเนื้อที่อันกว้างใหญ่มาก อาจทำให้เที่ยวชมแบบละเอียดในวันเดียวไม่ทั่วจริงๆ! โซนด้านหน้าพอเข้ามาจากประตูใหญ่ ก็จะเป็นโซนจดหมายเหตุ ประวัติสำคัญๆ ของสยามในอดีต รวมถึงของโบราณ รถโบราณ นาฬิกาโบราณ ของสะสมต่างๆ ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น โดยทุกมุมเขาเหมือนกับจะรู้ใจ จัดไว้สำหรับพวก Photomania หรือพวกชอบถ่ายภาพล่ะครับ แต่ขอบอกว่าอย่าชักภาพจนเพลิน เพราะนี่แค่น้ำจิ้ม ด้านในยังมีสิ่งน่าสนใจให้ดูอีกเพียบ!

d17

น้องพัชชี่ยิ้มหวาน แปลงร่างเป็นสาวปั่นสามล้อส่งดอกไม้ สดใสร่าเริง ขอบอกว่าชอบมากตรงกางเกงลายผ้าถุงที่น้องพัชชี่นุ่ง เพราะทำให้นึกถึงคุณยาย! เอ้ย… ไม่ใช่ ทำให้นึกถึงแคมเปญเที่ยวิถีไทย เก๋ไก๋ ไม่เหมือนใคร ๒๕๕๘ ของ ททท. ถือว่า OK เลยครับน้อง ทำการบ้านมาดี Costume (เครื่องแต่งตัว) ผ่าน อย่างนี้อนาคตรุ่งแน่ ฮาฮาฮา

d18d19

ในโซนด้านหน้านี้มี Farm House จำลองบ้านไร่แบบตะวันตก ที่มีน้องแกะ และน้องม้าเคราะ (ฝรั่งเรียกว่า Pony) เป็นพระเอกนางเอก สาวๆ และเด็กๆ ชอบ ตรงเข้าไปป้อนหญ้ามันอย่างสนุกสนาน

d20

ในโซนของสะสมโบราณ มีมุมหนึ่งจัดไว้ในเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพทางดนตรีของพระองค์ท่าน เห็นแล้วต้องทึ่ง เพราะพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงไพเราะให้เราฟังนับสิบๆ เพลงเลย

d21

อ้าว ใครฝันจะไปดู หิน Stonehenge ที่อังกฤษ แต่ยังไม่มีตังค์ซื้อตั๋วเครื่องบิน (ผมก็คนนึงล่ะ!) มาเที่ยวเพ ลาเพลินแก้ขัดไปก่อนนะ เพราะเขามีหิน Stonehenge จำลองให้แอ็กท่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จริงๆ แล้วจุดนี้เป็นจุดสื่อความหมายที่ดี สำหรับเด็กๆ ที่เข้ามาเที่ยว เหมือนการเปิดโลกการเรียนรู้ให้เขา และสร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปท่องโลกเมื่อโตขึ้น

d22

ได้เวลาหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน! พาตัวและหัวใจไปร้องกรี๊ดสนั่น กับฐานกิจกรรมผจญภัยสนุกๆ ของเพ ลาเพลิน มีตั้งแต่ปีนหน้าผาจำลอง, ไต่กำแพงตาข่ายเชือก, โรยตัวจากหอเอนปีซ่า, ข้ามสะพานเชือกกลางน้ำ, โรยตัวข้ามน้ำ และวิ่งข้ามน้ำสุดระทึก! ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ลองเล่นเถอะ ดูรอยยิ้มของน้องพัชชี่เป็นเครื่องการันตีได้ครับ ขอบอกว่าเสียงน้องพัชชี่กรี๊ดสนั่น จนกำแพงแทบถล่ม! (sorry แซวเวอร์ไปนิด อิอิ) ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วง ถ้าใครไม่ใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย Safety อย่างถูกต้องครบถ้วน Staff เขาก็จะไม่อนุญาตให้เล่นแน่นอน ไว้ใจได้

d23d24d25d26

สายแล้ว แดดเร่ิมร้อนขึ้น เสร็จจากฐานกิจกรรมผจญภัย เราก็นั่งรถพ่วงวนไปชมรอบๆ บริเวณเพ ลาเพลิน ทำให้เห็นว่าเนื้อที่เขากว้างใหญ่มากจริงๆ มีโซนแปลงปลูกพืชผัก, องุ่น, โรงเรือนไม้ดอกไม้ประดับ และยังมีห้องสมุดลอยฟ้าที่ตั้งอยู่กลางทุ่งดอกกุหลาบสีแดงสด ขานรับกับวันฟ้าใส ไม่ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อจริงๆ ว่านี่คือเมืองไทย!

d27

หนึ่งในอาคารที่น่าเข้าไปเยี่ยมชมมากที่สุด คืออาคารแห่งความจงรักภักดี สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง และสมเด็จพระราชินี ของเราปวงชนชาวไทยครับ ภายในจัดแสดงเรื่องราวพระราชกรณียกิจสำคัญๆ ของทั้งสองพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และเรื่องผ้าไหมไทย ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงส่งเสริมให้ประชาชนสร้างอาชีพมีรายได้ ในอาคารนี้ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หลากชนิด โดยเฉพาะช่วงที่เราไปเที่ยวเป็นฤดูฝน จึงมีการนำดอกกระเจียวขาว กล้วยไม้ขาว และดอกหงส์เหิน (ดอก Globba) เป็นช่อห้อยระย้ายาว มาตกแต่งอย่างงดงาม สดชื่นมาก

d28d29

 พวกเราตั้งใจฟังคุณชิมิ บรรยายเรื่องการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างตั้งอกตั้งใจ

d30

เที่ยงแล้ว คุณชิมิ PR สาวสวย พาพวกเราไปพักผ่อน หม่ำอาหารที่ เพ ลาเพลิน จัดไว้ต้อนรับอย่างอบอุ่น แสนอร่อย พร้อมกับดื่มน้ำสตอว์เบอร์รี่คั้นสดบรรจุขวดทำเอง ว้าว! ดื่มแล้วหน้าใสกันทั้งทีมเลยนะครับเนี่ยะ

d31

ช่วงบ่าย เป็นการตะลุยเที่ยวชม “อุทยานไม้ดอกเพ ลาเพลิน” ซึ่งต้องขอชมเชยเป็นส่วนตัวเลยว่า Amazing มาก! เพราะเขาสร้างโรงเรือนขนาดใหญ่หลายหลัง จัดแสดงพรรณไม้ทั้งเฟิน, กล้วยไม้, ไม้กินแมลง, ต้นไม้ทะเลทราย, สับปะรดสี ฯลฯ แต่ละโรงเรือนใหญ่ไม่ใช่เล่น แถมสร้างอย่างลงทุน วัสดุที่ใช้บุหลังคาและผนัง นำเข้ามาจากประเทศอิสราเอลแท้ๆ จึงสามารถกันความร้อน รักษาความเย็นภายในโรงเรือนได้ยอดเยี่ยม แถมยังมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำหยดและใบพัดดูดอากาศ แทนการใช้แอร์ เพื่อประหยัดไฟ ช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วย ว้าว! I LOVE YOU ชอบๆ

d32

ดอก Forget Me Not แม้ไม่ใช่ดอกไม้ไทย แต่ก็เบ่งบานได้เพราะชอบอากาศอบอุ่นเช่นกัน

d33

 ดอกกระเจียวสีชมพู เบ่งบานเฉพาะในช่วงฤดูฝนอันชุ่มชื้นฉ่ำเย็น

d34

 ทุ่งกระเจียวและบรรยากาศกังหันลมแบบเนเธอร์แลนด์ ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ East Meet West เลยน่ะเนี่ยะ

d35d36

 ดูกันใกล้ๆ ชัดๆ กับ ดอกหงส์เหิน หรือ Globba ดอกไม้ขนาดเล็กจุ๋มจิ๋มน่ารักในวงศ์ขิงข่า บานเฉพาะหน้าฝน

d37

โรงเรือนเฟิน (Fern) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุดเลยล่ะ เพราะพอเข้าไปอยู่ข้างในจะรู้สึกสดชื่น เย็นฉ่ำ เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง! มีทั้งเฟินต้นเล็กต้นใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เขาบอกว่าตั้งใจจะจัดสวนให้เหมือนกับป่าดึกดำบรรพ์ในยุคจูราสสิก หรือประมาณ 65 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นยุคไดโนเสาร์ครองโลก! เฟินเด่นๆ ก็มีทั้งเฟินมหาสดำ (หรือเฟินต้น : Tree Fern), เฟินชายผ้าสีดา, เฟินข้าหลวงหลังลาย, เฟินอุ้งตีนหมี, เฟินก้านดำ รวมถึงปรงและปาล์มบางชนิด และอื่นๆ อีกเพียบ แต่อย่าตกใจล่ะ เดี๋ยวเดินๆ ไปอาจจะจ๊ะเอ๋! กับเจ้าไดโนเสาร์ที่แอบอยู่!

d38d39d40

ถัดมาคือ โรงเรือนกล้วยไม้ (Orchid) ที่จัดไว้ในคอนเซ็ปต์กินรี มีน้ำตกเล็กๆ ตั้งอยู่กลางโรงเรือน พร้อมด้วยระบบระบายอากาศแบบน้ำหยด และพัดลมดูดอากาศขนาดยักษ์ ทำให้เกิดการหมุนวนของลมภายใน เย็นสบาย เดินถ่ายรูปกล้วยไม้กันเพลิน เพิ่งรู้ว่าในโลกเรานี้มีกล้วยไม้หลายจำพวก ทั้งกล้วยไม้ดิน และกล้วยไม้ที่ขึ้นอิงอาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ นับเป็นพรรณไม้มหัศจรรย์ที่มีดอกสวยงามน่าหลงใหลราวกับสาวแรกแย้ม

d41

 กล้วยไม้ดินแสนน่ารัก สีชมพูหวาน ชื่อ เอื้องดินใบไผ่ (หรือหญ้าจิ้มฟันควาย ตามภาษาชาวบ้าน)

d42

ใกล้ๆ กัน คือ โรงเรือนสับปะรดสี (Bromeliad) ซึ่งเป็นพรรณไม้ญาติสนิทกับสับปะรดที่เรากินกัน มันเป็นพืชที่มีใบและดอกสีสันสดใส หลากหลายมาก ทุกวันนี้ผู้คนนิยมปลูกเลี้ยงไว้ประดับสวนดูเล่น แต่อย่าทำเป็นเล่นไป เพราะพืชวงศ์สับปะรดสี มีด้วยกันทั่วโลกกว่า 3,170 ชนิด! นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังทำให้หลายคนร่ำรวยจากการปลูกขายมาแล้ว โรงเรือนนี้เขาจัดไว้ในคอนเซ็ปต์โลกใต้สมุทร มีนางเงือกกับน้องปลาการ์ตูนนีโม่ โดยใช้สับปะรดสีสมมิว่าเป็นปะการัง

d43

 สับปะรดสี หรือ Bromeliad

d44

ดอกกระบองเพชร

d45

 ผีเสื้อตัวน้อยกำลังไต่ตอมดอกสับปะรดสี

d46

 ในโรงเรือนสับปะรดสี ยังมีไม้กินแมลงอันน่าฉงน อย่าง หม้อข้าวหม้อแกงลิง ขนาดใหญ่ให้ชมกันด้วย

d47

จากโรงเรือนที่ดูแน่นทึบชุ่มชื่นที่ผ่านมา ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงทวีปแอฟริกาอันร้อนแล้ง เอ้ย.. ไม่ใช่ มาถึง โรงเรือนพรรณไม้ทะเลทราย (Desert Plant) พวกกระบอกเพชร และปาล์มต่างๆ ขอชมว่าจัดได้สวย น่าเดินมากครับ เพราะเขาสร้างเป็นคอนเซ็ปต์พีระมิดกับฟาร์โรห์ มีการสร้างมหาพีระมิดแห่งกีซ่าจำลอง ให้เราเดินลอดเข้าไปจ๊ะเอ๋ กับฟาร์โรห์ตุตันคามุนด้วย! แถมยังมีการการนำกระบองเพชรรูปทรงแปลกพิสดาร สีสวยๆ มาปลูกเลี้ยงไว้เพียบ โรงเรือนนี้อาจจะร้อนอบอ้าวนิดนึง เพราะเขาต้องรักษาอุณหภูมิให้คล้ายทะเลทรายจริงๆ นะครับ

d48d49

โรงเรือนสุดท้ายที่คุณชิมิพาชมก็คือ โรงเรือนวิถีไทย ซึ่งมีการจำลองบ้านไทยอีสาน กองฟาง และน้องควายแสนน่ารัก ยืนต้อนรับผู้มาเยือน โดยเขามีการปลูกดอกหน้าวัวสีแดงไว้เป็นพระเอก แถมยังมีผ้าไทยอีสานเผ่าต่างๆ จัดไว้ให้ชมกันอย่างใกล้ชิดด้วย เห็นหุ่นน้องควายแล้วนึกถึงควายไทย เพราะของจริงมันเหลือน้อยใกล้สูญพันธุ์แล้ว ถูกคนจับไปกินเกือบหมด! ทั้งๆ ที่ควายเป็นสัตว์น่ารัก ซื่อสัตย์ และเราเคยมีข้าวกินกันก็เพราะน้องควายนี่ล่ะ

d50

ถ้ามีเวลาพอ เราก็อยากจะ Check In เข้าพักที่เพ ลาเพลิน เพราะเขามีโรงแรมแสนน่ารัก จัดเป็นคอนเซ็ปต์ต่างกันไปในแต่ละห้อง ตามชื่อประเทศ ไม่ว่าจะเป็นห้องอังกฤษ, ห้องญี่ปุ่น, ห้องเกาหลี, ห้องเวียดนาม ฯลฯ ขอฝากไว้ก่อนละกันนะไว้โอกาสหน้าจะต้องมานอนเล่นในห้องอังกฤษให้ได้เลย เผื่อจะเก่งภาษาอังกฤษกะเขามั่งนะสิ ฮาฮาฮา

d51

โบกมือ บ้ายบาย เพ ลาเพลิน กลับเข้าเมืองบุรีรัมย์ก็สี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว! พร้อมกับหอบเอาภาพจดจำดีๆ เรื่องราวสนุกๆ กลับมาด้วยเพียบ เป็นใครก็ต้องหมดแรง เที่ยวเล่นสนุกสนานกันตั้งแต่เช้าจดเย็นซะขนาดนี้ ท้องร้องจ๊อกๆๆๆๆ เลยจอดรถที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ดู เพราะได้ข่าวว่าที่นี่มีลูกชิ้นทอดอร่อยๆ ให้ชิมกันด้วยจ้า… แต่แค่เจ้าแรกก็ต้องอึ้ง เพราะนี่มัน “ลูกชิ้นนางฟ้า” ชัดๆ น้องน่ารัก ยิ้มหวานซะขนาดนี้ เหมือนใจพี่จะละลาย เคลิ้มไปเลยนะจ๊ะ อิอิ

d52

จุดนี้มีรถเข็นขายลูกชิ้นทอดเรียงรายกันอยู่เกือบ 10 ร้าน แต่ละร้านก็มีสูตรน้ำจิ้มต่างกันไป แต่โดยมากจะมีรสเผ็ดและหวานนำ ทุกร้านจะมีลูกชิ้นกับไส้กรอกทำเองให้เลือกหลายสิบแบบ! เขาจะเอามาทอดในกระทะใบใหญ่น้ำมันร้อนฉ่า! แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์สุดๆ ก็ต้องยืนกินที่หน้าร้านเลย เขามีหม้อน้ำจิ้ม พร้อมผักแกล้ม เป็นพวกกะหล่ำปลีกับแตงกวาให้ฟรีด้วย ราคาก็ไม่แพง แค่ไม้ละ 5 บาท เราเลยกินกันเพลิน เพราะเผลอใจให้น้องนางฟ้าร้านขายลูกชิ้น!

d53d54

 แค่ร้านแรก ก็ยืนจิ้มกินกันไปเกือบ 20 ไม้แล้ว! นี่พวกเรามันสายแข็งชัดๆ!

d55

โชคดีนะ มาถึงบุรีรัมย์ในวันศุกร์พอดี เลยได้มีโอกาสไปดูการแข่งมอเตอร์ไซค์ทางตรง Drag Bike ในช่วงหัวค่ำ ซึ่งอันนี้เป็นการแข่งแบบไม่เป็นทางการครับ โดยทุกคืนวันศุกร์เขาจะมีการเปิดลู่วิ่งพิเศษ ในถนนด้านข้างสนามฟุตบอล i-Mobile ให้สิงห์นักบิด Bike Boy Bike Girl ทั้งหลาย นำรถของตัวเองที่ปรับแต่งมาแรงแค่ไหนก็ได้ มาวิ่ง Test กันอย่างสุดมัน! บรรยากาศของผู้ชมเรือนหมื่น และมอเตอร์ไซค์ที่รอเข้าแข่งอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 คันเป็นอย่างน้อย! ทำให้เสียงกระหึ่ม เร้าใจ ตื่นเต้นมากๆ โดยเฉพาะวินาทีปล่อยตัวรถออกจากเส้น START นั้น จะมันสุด เพราะส่วนใหญ่จะมีการยกล้อโชว์ ทำให้ผู้ชมเฮกันลั่นสนาม ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาผมก็ไม่เชื่อเลยว่า ทุกวันนี้คนบุรีรัมย์เขาจะคลั่งไคล้กีฬาแข่งรถกันมากถึงขนาดนี้!!!

d56d57d58

นี่แค่วันแรก เรายังตะลุยเที่ยวกันซะจดหมดแรงขนาดนี้ ขอพักให้เต็มอิ่มหน่อยเถอะ เมื่อยไปหมดแล้ว โชคดี คุณพิมหัวหน้าทีมของเรา จองโรงแรมดี้ดีมาล่วงหน้า ชื่อ “บ้านเตอร์ รีสอร์ท” อยู่ห่างจากสนามฟุตบอล i-Mobil แค่ 3-4 กิโลเมตรเอง แถมในห้องของผมยังมีปลาโลมาว่ายอยู่ในอ่างน้ำใหญ่เบ้อเริ่มด้วย! Amazing Buriram Style ฮาฮาฮา มีน้องโลมาจ้องผมทั้งคืน! เดินทางไปเที่ยวมาก็เกือบทั่วไทย ไปเที่ยวมาก็หลายประเทศ ไม่เคยมีแบบนี้เลยอ่ะจ้า! จ๊าก!

d59

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-2/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-3/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-4/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/19/buriram-style-ttbn08-5/

http://www.gotravelphoto.com/2015/07/17/happy-buriram-ttbn08/

ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TATlogo Nok Airequinox-extreme-78502531 logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram

Happy บุรีรัมย์ เมือง Amazing จิงกาเบล!

logo Amazing Journey 2

“บุรีรัมย์” มหานครแห่งอีสานใต้ที่อาบอิ่มด้วยความรื่นรมย์ของรอยยิ้ม ผู้คน ชีวิต ความทันสมัย และอารยธรรมขอมอันเก่าแก่ วันนี้บุรีรัมย์ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการสร้างความผสมกลมกลืนของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เต็มไปด้วยความคึกคัก น่ารัก น่าเที่ยว จนกลายเป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แล้ว

ทีแรกเราอาจสงสัยว่า บุรีรัมย์จะมีอะไรให้สัมผัสชื่นชมบ้างนะ? ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าไม่ได้ไปเห็นกับตา สัมผัสกับตัว ก็คงไม่เชื่อว่า ณ วันนี้บุรีรัมย์คือเมืองที่ร่ำรวยด้วยเสน่ห์และเรื่องราวให้ค้นหาไม่รู้จบ พร้อมแล้วก็รีบคว้ากระเป๋า โดดขึ้นรถ บิดกุญแจสต๊าทเครื่อง บึ่งไปเที่ยว “บุรีรัมย์” กันเลยดีกว่า ฮาฮาฮา…

#Thairentacar #Nokair #บุรีรัมย์ #TTBN #12เมืองต้องห้ามพลาด
#ปีท่องเที่ยววิถีไทย #TheAmazingJourneyBloggingContest
#TTBN08 #Buriram

1. เพ ลาเพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอทเวนเจอร์ แคมป์ (PLAY LA PLOEN Boutique Resort & Adventure Camp) อ.คูเมือง บุรีรัมย์

เป็นอุทยานเพื่อพักผ่อนเรียนรู้ และทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกันได้ทั้งครอบครัว มาเที่ยวที่นี่แล้วรู้สึกสดชื่น เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกไม้พรรณไม้นานาชนิด ผลิดอกพราว ภายในเพ ลาเพลิน นอกจากจะมีที่พักสุดหรูแล้ว ยังมีสวนน้ำ กิจกรรมผจญภัยเป็นฐานๆ ทั้งปีนผาจำลอง, โรยตัว ฯลฯ แถมยังมีอุทยานพรรณไม้ในโรงเรือนขนาดยักษ์ ถ้าขี้เกียจเดิน เขาก็มีรถพ่วงไว้บริการพาชม นับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสานตอนล่างเลยก็ว่าได้! ขอแอบกระซิบว่า บริเวณเขากว้างใหญ่จริงๆ เที่ยววันเดียวไม่ทั่วแน่นอน! เลยต้อง Check In เข้าไปนอนในโรงแรมสุดฮิปของเขาซะหน่อยแล้ว

CONTACT : โทร. 087-7994936, 087-7981039, 087-7976425  www.playlaploen.com

เพลาเพลิน 1 เพลาเพลิน 2 เพลาเพลิน 3 เพลาเพลิน 4 เพลาเพลิน 5 เพลาเพลิน 6 เพลาเพลิน 7 เพลาเพลิน 8 เพลาเพลิน 9 เพลาเพลิน 11

2. ถนนคนเดินเซราะกราว Walking Street อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ใครรู้บ้างว่าเซราะกราวในภาษาเขมรแปลว่าอะไร? ใช่แล้ว แปลว่า “บ้านนอก” ฮาฮาฮา แต่ในความจริง ถนนคนเดินเส้นนี้ Inter เอามากๆ จนเรางงเลยทีเดียวเชียว

ถนนคนเดินเซราะกราวเป็นถนนคนเดินเย็นวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. ที่ถนนรมบุรีย์ หน้าจวนผู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ รับรองว่าถูกใจขาช็อปทั้งหลาย รวมถึงคนที่ชอบสรรหาของกินอร่อยๆ เขามีการนำผ้าทอเด่นๆ จากชุมชนต่างๆ ทั่วบุรีรัมย์มาวางขายกันอย่างละลานตา! แถมยังมีเสื้อยืด, สินค้าเก๋ไก๋, ของกินพื้นบ้าน, พืชผักปลอดสารพิษ ฯลฯ เดินช๊อปไปเพลินๆ พอเหนื่อยก็หาที่นั่งพัก มีร้านนวด และเวทีแสดงหมอลำขับกล่อม จุดเด่นอีกอย่างคือถนนคนเดินเซราะกราวคนไม่เบียดเสียด จึงเดินเล่นเกี่ยวก้อยกันสบายใจ บรรยากาศ Chill & Chic มากๆ เลย

ถนนคนเดินเซราะกราว 1 ถนนคนเดินเซราะกราว 2 ถนนคนเดินเซราะกราว 3 ถนนคนเดินเซราะกราว 4 ถนนคนเดินเซราะกราว 5 ถนนคนเดินเซราะกราว 6 ถนนคนเดินเซราะกราว 7 ถนนคนเดินเซราะกราว 8

3. ชวนกันไปชิม ลูกชิ้นนางฟ้าหน้าสถานีรถไฟ อ.เมือง บุรีรัมย์

เขาว่าถ้าเราได้กินอาหารตา อาหารใจ และอาหารปาก ไปด้วยพร้อมกัน ก็คงจะเป็นความสุขล้นเหลือ! ฮาฮาฮา ได้เชื่ออย่างสนิทใจในประโยคที่ว่านี้ ก็เมื่อได้มายืนกินลูกชิ้นเสียบไม้ ที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ (อยู่ตรงข้ามวงเวียนหอนาฬิกา) นี่เอง จุดนี้มีรถเข็นขายลูกชิ้นทอดเรียงรายกันอยู่เกือบ 10 ร้าน แต่ละร้านก็มีสูตรน้ำจิ้มแตกต่างกันไป แต่โดยมากจะมีรสเผ็ดและหวานนำ ทุกร้านจะมีลูกชิ้นกับไส้กรอกทำเองให้เลือกหลายสิบแบบ! เขาจะเอามาทอดในกระทะใบใหญ่น้ำมันร้อนฉ่า! แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์สุดๆ ก็ต้องยืนกินที่หน้าร้านเลย เขามีหม้อน้ำจิ้ม พร้อมผักแกล้ม เป็นพวกกะหล่ำปลีกับแตงกวาให้ฟรีด้วย ราคาก็ไม่แพง แค่ไม้ละ 5 บาท เราเลยกินกันเพลิน เพราะเผลอใจไปกับยิ้มหวานของน้องนางฟ้าร้านขายลูกชิ้น! ฮาฮาฮา

ลืมบอกไปว่า มีขายทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเลยอ่ะจ้า

ลูกชิ้น บุรีรัมย์ 1 ลูกชิ้น บุรีรัมย์ 2

4. สนามฟุตบอล i-Mobile Stadium (สนาม Thunder Castel Stadium) อ.เมือง บุรีรัมย์

ตื่นตะลึง! กับสนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่าแห่งแรกของเมืองไทย! ที่สนามฟุตบอล i-Mobile Stadium หรือที่ชาวบุรีรัมย์เรียกกันในอีกหลายชื่อ เช่น สนาม Thunder Castle Stadium และ Buriram Stadium จัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า , เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ โดยเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน!

ต้องร้องว้าว! เวลาเข้าไปอยู่ในสนาม i-Mobile จริงๆ เพราะเราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความเป็น Inter คล้ายกับว่าอยู่ในอังกฤษเลย! ในวันที่ไม่มีการแข่งขัน เขาก็มีเปิดให้เข้าชมสนามได้เป็นรอบๆ ฟรีนะคร้าบ และด้านหน้าสนามยังมีร้านขายของที่ระลึกเพื่อแฟนบอลทีมปราสาทสายฟ้าบุรีรัมย์ ขอบอกว่าเสื้อยืดเขาสวยน่าใส่ เท่ห์ไม่หยอกเลย

สนามฟุตบอล i mobile 1 สนามฟุตบอล i mobile 2 สนามฟุตบอล i mobile 3 สนามฟุตบอล i mobile 5 สนามฟุตบอล i mobile 6

5. สนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (Chang International Circuit) อ.เมือง บุรีรัมย์

ขึ้นชื่อว่าสนามแข่งรถ รับรองว่าต้องมันสะใจสุดๆ อยู่แล้ว! ยิ่งถ้าเป็นสนามแข่งรถระดับโลกด้วยล่ะก็ ความมันคงพุ่งทะลุปรอทแน่นอน! สนามแข่งรถช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งรถมารฐานโลก ที่สามารถแข่งรถสูตร 1 หรือ Formula 1 และแข่งรถ Super GT ได้สบายๆ จุดเด่นคือเป็นสนามแข่งรถเพียงสนามเดียวในโลก ที่ผู้ชมบนอัฐจรรย์สามารถมองเห็นได้ทุกโค้ง! ทำให้ไม่พลาดวินาทีแห่งความมัน ขณะกำลังเชียร์ กำลังลุ้นรถแข่งในดวงใจ

ด้านข้างสนามแข่งรถยนต์ ยังมีสนามแข่งรถมอเตอร์ไซค์แบบ Drag Bike ระยะทาง 200 เมตร ให้ Bike Boy Bike Girl ปรับแต่งรถของตัวเองมากันเต็มที่ เพื่อประลองความเร็วกันบนลู่วิ่งอย่างมีกติกา รู้แพ้รู้ชนะ

CONTACT : โทร. 089-585-0515 , 044-604-200  http://bric.co.th  เวลาเปิด จันทร์ – ศุกร์ 09.00 – 17.00 น.

สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 1 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 2 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 3 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 6 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 7 สนามแข่งรถ บุรีรัมย์ 9

6. หมู่บ้านหนองตาไก้ แหล่งเรียนภูมิปัญญาผ้าไหมเลอค่า อ.นางรอง บุรีรัมย์

แม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลหนองกง อำเภอนางรอง แต่ด้วยภูมิปัญญาที่สั่งสมมานานจากบรรพบุรุษ บวกกับความขยันขันแข็งของคนบ้านตาไก้ ช่วยกันสืบสานงานศิลป์บนผืนผ้าให้คงอยู่ คนหมู่บ้านนี้ใจดี น่ารัก ยิ้มง่าย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เราสามารถนั่งรถอีแต๋นชมวิถีชีวิตอันเรียบง่ายพอเพียง แวะดูฐานการผลิตผ้าไหมได้ครบวงจร เริ่มตั้งแต่การปลูกต้นหม่อน เลี้ยงตัวไหม สาวไหม ปั่นเส้นไหม ย้อมสี และทอเป็นผืนด้วยกี่กระตุกแบบโบราณ แต่ไม่ใช่ดูอย่างเดียวนะจ๊ะ เรายังลองทำได้ด้วย นี่คือประสบการณ์ตรงที่หาได้ยาก ตอบสนองปีท่องเที่ยววิถีไทย ฮาฮาฮา แต่ถ้าจะไปเที่ยวก็ควรโทรบอกให้ชาวบ้านเตรียมตัวนิดนึงนะ เพราะถ้าเป็นหน้าฝน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะออกไปทำนา อาจจะไม่ได้เห็นครบทุกขั้นตอนการผลิตผ้าไหมจ้า

CONTACT : ประธานกลุ่มทอผ้าไหม บ้านหนองตาไก้ โทร. 08-5280-8396, 08-5490-5230

บ้านหนองตาไก้ 1 บ้านหนองตาไก้ 2 บ้านหนองตาไก้ 3 บ้านหนองตาไก้ 4

7. บ้านโคกเมือง สัมผัสวิถีชุมชนแสนน่ารัก อ.ประโคนชัย บุรีรัมย์

จากภาพของสนามฟุตบอล และสนามแข่งรถอันทันสมัยระดับโลกในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ลองพาตัวและหัวใจออกไปเปลี่ยนบรรยากาศกันที่อำเภอประโคนชัย สัมผัสชุมชนน่ารักแสนอบอุ่น ที่มีรากฐานประวัติสืบย้อนไปได้ถึงสมัยขอม เพราะพวกเขาเป็นชาวขะแมร์ที่อพยพเข้ามาอยู่บนผืนดินสยาม ณ “บ้านโคกเมือง” ผู้ยังคงสืบทอดภูมิปัญญาหลายอย่างมิให้สูญหาย โดยเฉพาะทักษะการทอเสื่อกก และการทอผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม

บ้านโคกเมืองเป็นชุมชนน่ารักที่เปิดเป็นโฮมสเตย์เล็กๆ แบบอบอุ่น เป็นกันเอง ให้เราเข้าไปพักผ่อนนอนเล่น ได้พูดคุยตั้งวงสนทนากับชาวบ้าน ได้ชิมอาหารพื้นถิ่นอร่อยๆ และได้ออกไปปั่นจักรยานเที่ยวชมนาไร่ สวนเกษตรแบบพอเพียง สวนสมุนไพร จนกระทั่งบ้านโคกเมืองได้รับรางวัลเกี่ยวกับโฮมสเตย์ยอดเยี่ยมมาแล้วอย่างโชกโชนทีเดียว

CONTACT : ผู้นำท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกเมือง คุณน้อย โทร. 08-8193-8840

บ้านโคกเมือง 1 บ้านโคกเมือง 2 บ้านโคกเมือง 3 บ้านโคกเมือง 4 บ้านโคกเมือง 5

8. บ้านเจริญสุข แหล่งผลิตผ้าภูอัคนี สีสันมหัศจรรย์จากดินภูเขาไฟ! อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์

เชื่อหรือไม่ว่าในครั้งอดีตกาลนานโพ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน บุรีรัมย์เคยเป็นดินแดนแห่งภูเขาไฟ! ปรากฏชัดในหลักฐานทางธรณีวิทยา คือภูเขาไฟที่ดับแล้ว 6 ลูกกระจายอยู่ทั่วจังหวัด! แต่ใครจะไปเชื่อว่า ชาวบ้านเจริญสุข แห่งอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตั้งหมู่บ้านอยู่ใกล้กับภูเขาไฟพระอังคาร จะคิดค้นสรรค์สร้างหัตถศิลป์บนผืนผ้าอันประณีตขึ้นได้ โดยการนำดินโคลนภูเขาไฟ มาหมักสร้างสีสันอันวิเศษให้เกิดผืนผ้าที่ไม่เหมือนใคร ได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

ก็เพราะหมู่บ้านเจริญสุข ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีดินภูเขาไฟ อันอุดมด้วยแร่ธาตุที่ปะทุขึ้นมาพร้อมลาวาในอดีต เมื่อทอผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายเสร็จแล้ว ก็นำลงไปย้อมในดินโคลนภูเขาไฟ ทิ้งไว้ตามเวลาที่ต้องการ ในที่สุด ก็จะได้ผืนผ้าแพรพรรณอันวิเศษ เป็นเอกลักษณ์ สร้างชื่อเสียงจนกลายเป็นหมู่บ้าน OTOP Village Champion ไปแล้วล่ะจ้า

CONTACT : กลุ่มทอผ้าฝ้ายผ้าไหม (ผ้าภูอัคนี) หมู่บ้านเจริญสุข โทร. 08-9526-6071

บ้านเจริญสุข 1 บ้านเจริญสุข 2

9. ปราสาทพนมรุ้ง มหาปราสาทบนภูเขาไฟโบราณ อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์

ปราสาทพนมรุ้ง คือมหาศิลานครอันสวยสดและวิจิรพิสดาร ได้รับการเนรมิตขึ้นบนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงจากพื้นดินเบื้องล่างถึง 200 เมตร จึงแลเห็นได้จากระยะไกลหลายกิโลเมตร โดยสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ อันเป็นเทพสูงสุด 1 ใน 3 ตามความเชื่อขอมโบราณ พนมรุ้งได้รับการสร้างให้มีผังเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อแทนเขาพระสุเมรุนั่นเอง

ทว่าความมหัศจรรย์ของพนมรุ้ง มิได้อยู่ที่ตัวโครงสร้างสถาปัตย์อันใหญ่โตและประณีตในทุกรายละเอียดเพียงอย่างเดียว ทว่ายังอยู่ที่ความมหัศจรรย์ในปริศนาการคำนวณทางคณิตศาสตร์อันลึกล้ำด้วย! เพราะนายช่างขอม ได้ศึกษาธรรมชาติ จนสามารถออกแบบให้ทุกปี จะมี 2 ช่วงเวลา ที่พระอาทิตย์จะขึ้นและตก ได้ตรง 15 ช่องประตูของพนมรุ้งอย่างน่าอัศจรรย์! คือ จะแลเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงทั้ง 15 ช่องประตูได้ ในช่วงเดือนกันยายน ส่วนพระอาทิตย์ตก ตรง 15 ช่องประตู อยู่ในช่วงเดือนเมษายน ผู้คนจะหลั่งไหลไปชมปรากฏการณ์อันน่าฉงนนี้นับหมื่นๆ คน!

นอกจากนี้ ในด้านทิศตะวันออกของปราสาทประธาน ยังมี “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” ที่เคยหายสาบสูญไปจากสยาม แต่ได้รับการคืนมาติดตั้งไว้ในที่เดิมของมันอย่างสมบูรณ์ เป็นสมบัติของชาติที่ควรหวงแหน

ปราสาทพนมรุ้ง 1 ปราสาทพนมรุ้ง 2 ปราสาทพนมรุ้ง 3 ปราสาทพนมรุ้ง 4 ปราสาทพนมรุ้ง 6

10. ปราสาทเมืองต่ำ ปราสาทหินทรายกลางทะเลจำลอง อ.ประโคนชัย บุรีรัมย์

ห่างจากปราสาทพนมรุ้งเพียง 8 กิโลเมตร บนพื้นที่ราบต่ำใกล้บาราย (หรือสระน้ำขนาดใหญ่) คือที่ตั้งของ “ปราสาทเมืองต่ำ” ปราสาทหินทรายอันแสนพิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสระน้ำล้อมรอบ สี่มุมประดับด้วยนาค 5 เศียร ซึ่งเป็นนาคหัวโล้น ไม่ใช่นาคทรงเครื่องแบบที่พบในปราสาทพนมรุ้ง

แม้จะไม่ใช่ปราสาทขนาดใหญ่โตนัก แต่ด้วยรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมขอมอันประณีต มีปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน ทำหน้าที่เป็นกลุ่มปรางค์ประธาน ถือว่าหาได้ยากยิ่ง คนที่ชอบเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี มาเที่ยวที่นี่คงจะรู้สึกเหมือนได้เดินย้อนอดีตไปในทุกย่างก้าว แถมยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ให้เลือกกันเพียบ

ปราสาทเมืองต่ำ 1 ปราสาทเมืองต่ำ 2 ปราสาทเมืองต่ำ 3 ปราสาทเมืองต่ำ 4

11. ภูเขาไฟกระโดง จุดชมวิวพาโนรามา อ.เมือง บุรีรัมย์

แมกไม้เขียวครึ้มที่งอกงามขึ้นปกคลุม “ภูเขาไฟกระโดง” บ้านน้ำซับ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ แท้จริงคือสิ่งซ่อนเร้นพรางตา ของภูเขาไฟโบราณ 1 ใน 6 ลูก ที่ดับสนิทแล้วของบุรีรัมย์ โดยทุกวันนี้เรารู้จักมันในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง”

ป่ากว้างขวาง 6 พันกว่าไร่ ในวนอุทยาทภูเขาไฟกระโดง คือแหล่งอาศัยพักพิงของสัตว์ป่าขนาดเล็ก และนกนานาชนิด จากเชิงเขาด้านหน้า ถ้าใครฟิตพอ ก็สามารถเดินขึ้นบันไดสูงลิบไปไหว้พระบนยอดเขาได้ แต่ถ้าไม่ไหว เราไม่ว่ากัน เพราะเขามีทางรถยนต์ขึ้นถึงยอดเขาได้เช่นกัน เพื่อนำเราไปสักการะรอยพระพุทธบาทจำลอง หรือจะลองไปเดินเล่นรอบปากปล่องภูเขาไฟโบราณ! เดินข้ามสะพานแขวนลาวา! ตื่นตากับต้นโยนีปีศาจ! (พรรณไม้ประหลาดแห่งเขากระโดง) แต่ถ้ารู้สึกว่าอากาศบนนี้ร้อนเกินไป ก็ลองไปซื้อน้ำเย็นๆ มาซดให้ชื่นใจ พร้อมกับชมวิวจากมุมสูง มองเห็นได้แบบพาโนรามา น่าประทับใจจริงๆ

ภูเขาไฟกระโดง 1 ภูเขาไฟกระโดง 2 ภูเขาไฟกระโดง 3 ภูเขาไฟกระโดง 4

12. ภูพระอังคาร ร่องรอยภูเขาไฟล้านปี! อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์

1 ใน 6 ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วในปัจจุบันของบุรีรัมย์ แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ “ภูพระอังคาร” ปรากฏอยู่ด้วยแน่นอน เพราะภูสูง 331 เมตร ซึ่งมีแมกไม้ป่าละเมาะขึ้นปกคลุมลูกนี้ แท้จริงคือภูเขาไฟรูปโคน (หรือรูปฝาชีคว่ำ) ที่มีอายุเก่าแก่นับล้านปี! จากการสำรวจพบว่าในปากปล่องมีเนื้อที่ถึง 4 หมื่นตารางเมตร! และเคยเป็นทะเลสาบมาก่อนด้วย! ทว่าน้ำนั้นได้ระเหยไปหมดสิ้นนานแล้ว นับเป็นความมัหศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่น่าศึกษา น่าไปยลด้วยตาตนเองเป็นอย่างยิ่ง

การชมภูเขาไฟภูพระอังคารให้ได้เห็นเต็มตา เราต้องขับรถขึ้นไปที่ “วัดเขาอังคาร” แล้วมองไปยังภูพระอังคาร จึงเหมาะที่จะขึ้นไปเที่ยวในตอนเช้าหรือเย็น เพราะแดดจะไม่ร้อนจัด วัดเขาอังคารเป็นวัดโบราณมาก คาดว่าสร้างขึ้นสมัยเดียวกับปราสาทพนมรุ้ง มีร่องรอยของซากโบราณสถานสมัยทวาราวดี และเสมาหินแกะสลักจำนวนมากกระจายอยู่ ทุกวันนี้วัดเขาอังคารมีศิลปะผสมผสานระหว่างใหม่เก่า อันเกิดจากการบูรณะทับซ้อนกันหลายยุคเลยล่ะ

ภูพระอังคาร 1

ภูพระอังคาร 2 ภูพระอังคาร 3

13. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อาณาจักรสรรพสัตว์ในผืนป่ามรดกโลก อ.โนนดินแดง บุรีรัมย์

หลายคนคงไม่เคยรู้เลยว่า บุรีรัมย์ไม่ได้มีแต่สนามแข่งรถระดับโลก และไม่ได้มีแต่สนามฟุตบอลระดับมาตรฐานฟีฟ่า แต่ยังมีป่าใหญ่ผืนสุดท้าย อันเป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ขององค์การ UNESCO เราเรียกที่นั่นว่า “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่” บ้านของพืชพรรณและสัตว์ป่าหายากนานาชนิด

ทว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (Wild Life Sanctuary) มิได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ท่องเที่ยวเป็นหลักเหมือนกับ อุทยานแห่งชาติ (National Park) การเข้าไปท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติ จึงต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง ป่าผืนนี้มีโขลงช้าป่าอันแสนน่ารัก มีนกยูงไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ เป็นแหล่งดูผีเสื้ออันยอดเยี่ยม แถมยังมีนกในวงศ์ไก่ป่าและไก่ฟ้าสวยงามหลายชนิด โดยเฉพาะไก่ฟ้าพญาลอ ที่ดุ่มเดิมหากินอยู่อย่างเสรีในราวไพรอันแสนพิสุทธิ์ เป็นภาพที่น่าจดจำมิรู้ลืม

CONTACT : หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ โทร. 08-7868-2500

ป่าดงใหญ่ 1 ป่าดงใหญ่ 3 ป่าดงใหญ่ 4 ป่าดงใหญ่ 5 ป่าดงใหญ่ 6 ป่าดงใหญ่ 7

14. ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ และศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า อ.เมือง บุรีรัมย์

ศาลหลักเมือง คือศูนย์รวมใจรวมศรัทธาของชาวบุรีรัมย์มาช้านาน ตัวอาคารเดิมมีขนาดเล็ก จึงมีการบูรณะสร้างใหม่ให้มีขนาดใหญ่โตอลังการขึ้น โดยเลียนแบบสถาปัตยกรรมของปราสาทหินพนมรุ้ง ทว่าภายในนั้นน่าแปลก เพราะมีเสาหลักเมืองอยู่ถึง 2 ต้น! โดยเสาต้นหนึ่งสูงกว่า ตั้งตรง เป็นทรง 8 เหลี่ยม โผล่พ้นจากพื้น 1.99 เมตร และยังมีเสาต้นเล็กที่เอียงอยู่ โผล่พ้นดินขึ้นมาเพียง 1.15 เมตร จุดที่ตั้งศาลหลักเมืองนี้เคยเป็นจุดที่รัชกาลที่ 1 ทรงเคยเสด็จมาพักทัพ เพราะบริเวณนี้มีทำเลเหมาะสม มีสระน้ำ มีต้นแปะขนาดใหญ่ จึงโปรดเกล้าให้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองแปะ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น “เมืองบุรีรัมย์” ในภายหลัง

ในบริเวณเดียวกับศาลหลักเมือง ยังเป็นที่ตั้งของ “ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า” เป็นศาลเจ้าจีน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2551 ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปเจ้าพ่อหลักเมืองและเทพเจ้าจีน คือ ปึงเถ่ากง-ปึงเถ่าม่า เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งคนจีนเคารพนับถือกันอย่างมากนั่นเอง

ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 1 ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 2 ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 4 ศาลหลักเมือง บุรีรัมย์ 5

15. วัดกลางพระอารามหลวง อ.เมือง บุรีรัมย์

ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ คือที่ตั้งของพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองบุรีรัมย์ “วัดกลางพระอารามหลวง” เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ เปี่ยมด้วยมนต์ขลังของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้านข้างโบสถ์ เรียกว่า “สระสิงโต” เป็นจุดที่เจ้าพระยาจักรี (หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในเวลาต่อมา) ทรงหยุดพักทัพ ระหว่างไปทำศึกกับเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ โดยน้ำในสระนี้ได้รับการนำไปประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา และเมื่อคราวที่มีการจัดพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 5 ธันวาคม 2530 ก็มีการอัญเชิญน้ำในสระนี้ไปทูลเกล้าถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย

วัดกลางอารามหลวง 1 วัดกลางอารามหลวง 4

อนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 บุรีรัมย์

16. ตลาด Night เก่า Night ใหม่ แหล่งของกินหลากหลาย จุใจสุดๆ! อ.เมือง บุรีรัมย์

แหม… ตะลุยเที่ยวกันมาซะทั่วจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ขอย้อนกลับเข้ามานอนพักผ่อนให้สบายตัว ในเมืองบุรีรัมย์ก่อนกลับบ้านสักคืน มื้อเย็นคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการออกไปตระเวนกินให้สะใจ กับหลากหลายร้อยเมนูอร่อย ที่ “ตลาด Night เก่า” และ “ตลาด Night ใหม่” ทั้งของคาว ของหวาน ของทานเล่น ทานจริง เพียบ แค่เตรียมตังค์กับเตรียมพุงไปก็พอ ฮาฮาฮา อย่างที่ตลาด Night เก่า มี เต้าส่วนเจ้ตุ่ม ที่อร่อยจัด! จนคนเข้าคิวรอซื้อกันเลย!!! ตักขายแทบไม่ทัน ส่วนที่ตลาด Night ใหม่ มี ผัดไทยทอมดี้! เฮ้ย ชื่อแปลกดี แถมรสชาติก็ไม่ธรรมดา ต้องไปลองชิมกันเองนะจ๊ะ

ตลาด Night 1 ตลาด Night 2 ตลาด Night 3 ตลาด Night 4

17. ขาหมูนางรอง ต้นตำรับความอร่อยที่ห้ามพลาด! อ.นางรอง บุรีรัมย์

ทริปเที่ยวบุรีรัมย์ของเรา คงจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้าไม่ได้ไปลิ้มลองขาหมูแสนอร่อยแห่งอำเภอนางรองสักครั้ง ที่อร่อยๆ เลยมีอยู่ 2 ร้าน คือ ร้านจิ้งนำ และ ร้านลักษณา แนะนำว่าไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครขายมาก่อน แต่ควรจะสนใจเรื่องรสชาติและรูปแบบมากกว่า คือของร้านลักษณาจะเป็นขาหมูตุ๋นเครื่องยาจีน น้ำขาหมูค่อนข้างใส น้ำรสออกหวานนำ ส่วนเนื้อขาหมูเหนียวนุ่ม กินคู่กับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวกำลังดี และผักกาดดองเปรี้ยวกลมกล่อม

ส่วนของร้านจิ้งนำ (อยู่คนละฝั่งถนน ตั้งประจันหน้ากันเลย) เป็นขาหมูหมั่นโถว รสชาติจะออกหวานนวล เนื้อขาหมูนุ่มตุ๋นมาอย่างดี คากิก็ถึงเครื่อง หนังลื่นไม่ต้องเคี้ยว น้ำราดขาหมูเข้มข้นด้วยเครื่องยาจีน กินแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่เลี่ยนจ้า

CONTACT : ขาหมูร้านจิ้งนำ โทร. 0-4462-2149 / ขาหมู ร้านลักษณา โทร. 0-4463-1158, 0-4463-1774

ขาหมูนางรอง 1 ขาหมูนางรอง 2

 ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “The Amazing Journey Blogging Contest” 2015

LOGO TATlogo Nok Airequinox-extreme-78502531logo Thai Rent A Car

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และ 1672 เบอร์เดียว เที่ยวทั่วไทย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ 

โทร. 0-4451-4447-8  อีเมล tatsurin@tat.or.th

คู่มือนักเดินทาง

– รถยนต์ :  จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ผ่านอำเภอหนองกี่ อำเภอนางรอง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ ตามทางหลวงหมายเลข 218 ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 410 กิโลเมตร

– รถไฟ : มีรถไฟสายกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ-สุรินทร์ และนครราชสีมา-อุบลราชธานี ทั้งขบวนรถด่วน รถเร็ว รถธรรมดา และรถดีเซลราง ผ่านสถานีบุรีรัมย์ทุกขบวน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1690, 0-2220-4334, 0-2220-4444

– เครื่องบิน : มีเที่ยวบินตรง จากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปจังหวัดบุรีรัมย์ ทุกวัน จองตั๋วติดต่อ Nok Air www.nokair.com โดยสนามบินบุรีรัมย์อยู่ที่อำเภอสตึก ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ขึ้นไปทางทิศเหนือ ประมาณ 40 กิโลเมตร ต้องนั่งรถต่อเข้าเมือง มีทั้งรถบัส, รถแท็กซี่, รถยนต์เช่าขับเที่ยวเอง

I Miss You คิดถึงโคราช

เคยรู้ไหมว่าจังหวัดอะไรมีพื้นที่มากที่สุดในเมืองไทย? หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าคำตอบจะเป็น “โคราช” หรือจังหวัดนครราชสีมา แถมยังมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจาก กทม. อีกด้วย โคราชจึงเป็นเมืองเอกแห่งภาคอีสาน มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ผู้คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส คงเพราะอย่างนี้เอง เราจึงรู้สึก “คิดถึงโคราช” จนต้องรีบเก็บกระเป๋าไปชิมผัดหมี่โคราชกันเถอะ

ย่าโม 1 ย่าโม 2

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มาถึงโคราชแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำ คือการไปรายงานตัวต่อ “ย่าโม” (ท้าวสุรนารี) วีรสตรีผู้กอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์กษัตริย์เวียงจันทน์ เมื่อ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพมายึดนครราชสีมาได้ คุณหญิงโมและนางสาวบุญเหลือรวมผู้คนต่อสู้ทหารลาว ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 กู้เมืองนครราชสีมากลับคืนมาได้ ปัจจุบันอนุสาวรีย์ย่าโมตั้งอยู่ที่หน้าประตูชุมพล กลางเมืองโคราช เป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่งจากคนทั่วประเทศ

verona 1 verona 2 verona 3 verona 4 verona 5 verona 6 verona 7

โครราชวันนี้เป็นเมืองยุคใหม่ Inter จริงๆ เพราะเขามีแหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-made ที่สวยงามน่าชม เปี่ยมเสน่ห์ นั่นคือ “The Verona at Tublan” อยู่ในเขตทับลาน อำเภอวังน้ำเขียว จำลองมาจากเมืองเวโรน่า (Verona) ในแคว้นเวเนโต้ (Veneto) ประเทศอิตาลี ต้นกำเนิดนวนิยายรักบันลือโลกโรมิโอและจูเลียต มาสร้างเป็น The Verona ที่ให้ความรู้สึกโรแมนติกสุดๆ ด้วยการจำลองสะพาน Castelvecchio ทะเลสาบ Garda ลานกลางแจ้งแบบ Arena หอคอย Lamberti หอนาฬิกา หอระฆัง และจัตุรัสเออร์เบ ที่นี่ยังร้านกว่า 120 ร้าน ให้ได้ชม ชิม ช๊อป แชะ กันอย่างจุใจเชียวล่ะ

ปรสาทพิมาย 1 ปรสาทพิมาย 2 ปรสาทพิมาย 3 ปรสาทพิมาย 4

ปราสาทหินพิมาย เป็นปราสาทหินขอมขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย! ตั้งอยู่ในอำเภอพิมาย สร้างสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ สร้างด้วยรูปแบบศิลปะบาปวนผสมกับศิลปะนครวัด ทำให้ตีความได้ว่าปราสาทนี้ถูกดัดแปลงมาเป็นของพุทธ ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทพิมายเคยเป็นศูนย์กลางเมืองพิมาย หรือวิมายปุระ ผังเมืองเป็นสี่เหลี่ยม ตัวปราสาทอลังการ มีปรางค์ประธานทรงฝักข้าวโพดซึ่งยังสมบูรณ์มาก แถมยังมีปรางค์หินแดง และปรางค์พรหมทัต ขนาบข้าง ถ่ายภาพออกมาเห็นเป็นปรางค์ใหญ่ 3 องค์ ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นอุทยทานประวัติศาสตร์พิมาย เนื้อที่ถึง 115 ไร่

ปราสาทพนมวัน 1 ปราสาทพนมวัน 2 ปราสาทพนมวัน 3 ปราสาทพนมวัน 4 ปราสาทพนมวัน 5

ปราสาทพนมวัน เป็นปราสาทหินขอมใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทย สร้างขึ้นครั้งแรกช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 สมัยแกะแกร์-บาแค็ง เป็นปรางค์ 5 หลัง แล้วมาถูกสร้างทับในยุคใกล้เคียงกันอีก รวมเป็นอาคารอิฐ 10 หลัง ทางด้านทิศตะวันออกมี “บาราย” หรือสระน้ำใหญ่ประจำชุมชน เรียกว่า “สระเพลง” ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงใช้ประโยชน์ได้อยู่ และมีสภาพเป็นบึงบัวอันสวยงาม ปราสาทพนมวันเป็นปราสาทที่สร้างไม่เสร็จ! อาจเพราะเคยมีการพังถล่ม จึงมีการซ่อม หรืออาจเป็นไปตามเรื่องเล่าของชาวบ้านพนมวัน ว่่าฝ่ายหญิงและชายแข่งกันสร้างปราสาทหิน โดยฝ่ายชายถูกฝ่ายหญิงหลอกว่าสร้างเสร็จแล้ว ฝ่ายชายจึงทำลายปราสาทพนมวันของตนลงในที่สุด!

ปราสาทพะโค 1 ปราสาทพะโค 2 ปราสาทพะโค 3

ปราสาทพะโค แม้จะเล็ก แต่ก็แจ๋ว! เพราะเป็นเทวาลัยประจำชุมชน สร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 15-16 ด้วยศิลปะขอมยุคคลาสสิก สังเกตได้จากการแกะสลักหินบนทับหลังเป็นลวดลายอ่อนช้อย ทว่าผ่านกาลเวลามานับพันปีจึงพังทลายลง สิ่งที่น่าฉงนชวนให้ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปราสาทพะโคคือ การถูกทุบทำลายแทบจะราบเป็นหน้ากลองโดยไม่ทราบสาเหตุ!? สันนิษฐานว่าอาจเพราะชุมชนที่นี่นับถือพระวิษณุ (ดูจากทับหลัง) ผิดกับชุมชนขอมส่วนใหญ่ที่นับถือพระศิวะ จึงอาจเกิดความขัดแย้งขั้นรุนแรง ปราสาทพะโคตั้งอยู่ริมถนนสาย 224 ในอำเภอโชคชัย เลยบ้านดินเผาด่านเกวียนไป 30 กิโลเมตร ถ้าไม่สังเกตให้ดีอาจขับรถเลยนะจ๊ะ

ด่านเกวียน 1 ด่านเกวียน 2 ด่านเกวียน 3 ด่านเกวียน 4

เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงมานาน ทำสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน อยู่ที่บ้านด่านเกวีน อำเภอโชคชัย กระทั่งปัจจุบันได้ก้าวขึ้นเป็น OTOP ระดับแนวหน้าของโคราชเลยทีเดียว ความโดดเด่นของเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ไม่ได้อยู่ที่รูปทรงสวยงามเท่านั้น แต่ยังเจ๋งตรงเนื้อดินและสี เพราะดินที่นำมาใช้เป็นดินริมแม่น้ำมูล ง่ายต่อการขึ้นรูป และเมื่อเผาแล้วจะทนทาน เนื้อมันวาว ที่สำคัญคือได้ผลิตภัณฑ์สีน้ำตาลแดง และสีแดงเลือดปลาไหล เป็นที่นิยมมาก ในอดีตมีการทำกันเฉพาะหม้อไห แต่ทุกวันนี้เกิดไอเดียบรรเจิด พัฒนารูปแบบเป็นตุ๊กตาน่ารักมาก

สานหวาย 1 สานหวาย 2 สานหวาย 3

คนโคราชมีฝีมือในเรื่องงานหัตถกรรม โดยเฉพาะการจักสานด้วยหวายเป็นเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ เพราะในอดีตไม่มีพลาสติกใช้ ชาวบ้านจึงเข้าป่าหาหวายเหนียวๆ ดีๆ มาสานเป็นเครื่องใช้ไม่สอยในครัวเรือน ไล่ตั้งแต่ตะกร้า แจกัน เก้าอี้ โตกใส่ข้าว กระเป๋าถือ ฉากกั้นห้อง ฯลฯ ก่อนกลับบ้านลองแวะไปที่ ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย เลือกซื้อหาผลิตภัณฑ์หวายชั้นเยี่ยมจากช่างผู้ชำนาญ ราคาไม่ได้สูงอย่างที่คิด แต่ซื้อแล้วคุ้ม เพราะเครื่องหวายแท้ใช้ทนหลายสิบปี แถมยังถือเป็นการช่วยให้งานฝีมือท้องถิ่นคงอยู่ต่อไปด้วยจ้า (ติดต่อคุณละม่อม ฉายพิมาย โทร. 0-4420-0182)

 Special Thanks: ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และโครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวเที่ยวไทย โดยคุณนครพจน์ ปิ่นมิ่ง สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี

โคราช Guide

How to go : นครราชสีมาอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 259 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ไปได้หลายทาง เช่น ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงสระบุรี กม. 107 เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ไปจนถึงนครราชสีมา เป็นเส้นทางยอดฮิต / หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านมีนบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอพนมสารคาม กบินทร์บุรี วังน้ำเขียว ปักธงชัย ไปจนถึงนครราชสีมา รวม 273 กิโลเมตร

Where to stay : แนะนำ Rom Yen Garden Place โทร. 0-4426-0116-7 http://romyengardenplace.com

What to eat : มาถึงโคราชแล้วต้องชิม “ผัดหมี่โคราช” คล้ายผัดไทย แต่ต้องใช้เส้นหมี่โคราชเท่านั้น เส้นจะเหนียวนุ่ม รสชาติออกเปรี้ยว เผ็ด หวาน โดยตอนผัดเขาจะใส่พริกป่นลงไปด้วยเล็กน้อย รสแซ่ปดี

Souvenirs : ผ้าไหมชั้นเยี่ยม, เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน, เครื่องหวายตำบลรังกาใหญ่, หมูยอ กุนเชียง หมูแผ่น

More info : ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทร. 0-4421-3030, 0-4421-3666

เที่ยวนครพนมริมโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้าน (ตอน 2)

52

หลังจากเราได้เที่ยวชมเส้นทางท่องเที่ยวริมโขง ของอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมกันไปในวันแรกแล้ว (เรื่องตอนที่ 1) ทริปเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน ไทย-ลาว ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 ก็ยังดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน เต็มอิ่มกับจุดหมายทางด้านศาสนา วัฒนธรรม ผสานกับความเชื่อความศรัทธาเกี่ยวกับตำนาน “พญานาค” ที่ชาวนครพนมเคารพกันมาหลายชั่วอายุคน

54

หลังจากตะวันขึ้นริมโขง มองเห็นได้ชัดเจนจากฝั่งไทยไปทางฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว อากาศตอนเช้าๆ อย่างนี้เย็นสบายมาก เหมาะสำหรับการตื่นเช้ามาตักบาตรริมโขง โดยธรรมเนียมของชาวอีสานแล้ว เป็นการตักบาตรข้าวเหนียว คือการตักบาตรเฉพาะการใส่ข้าวเหนียวเท่านั้น ส่วนกับข้าวจะนำไปถวายวัดทีหลัง เรียกว่า จังหัน แต่ด้วยวิถีชีวิตของคนปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ต้องรีบไปทำงาน ไม่มีเวลาไปถวายจังหันที่วัด ก็สามารถถวายกับข้าวและปัจจัยได้เลย ไม่ถือว่าผิดอะไร

55 56 57

จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปตักบาตรยามเช้ากันตรงริมโขง ก็คือบริเวณหน้า “วัดมหาธาตุ” อันเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุนคร” ซึ่งเป็นองค์พระธาตุประจำคนเกิดวันเสาร์ กราบขอพระองค์พระธาตุแล้ว ถ้ามีโอกาส อย่าลืมถวายผ้าห่มองค์พระธาตุด้วย ชีวิตจะได้ร่มเย็น มีสิ่งปกปักษ์รักษาตัวเรา หรือใครจะเข้าไปฟังเทศน์ฟังธรรม ถวายสังฆทานร่วมด้วยก็ได้ สมแล้วที่ นครพนมเป็นจังหวัดที่มีพระธาตุประจำวันเกิด ครบ 7 วัน และเป็นเมืองพุทธริมโขงที่เนิบช้า สงบร่มเย็นจริงๆ

58 59.1 59

ในทริปนี้ ท่านบัวมิน จ้วงลาสี หัวหน้าห้องการพัวพันต่างประเทศ แขวงคำม่วน ประเทศลาว ได้ให้เกียรติอย่างสูง มาร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงวัฒนธรรมสองฝั่งโขงกับเราด้วย โดยท่านได้เป็นประธานถวายปัจจัยสังฆทาน ณ วัดมหาธาตุ

61

หลังจากอาหารเช้าแสนอร่อย ก็ได้เวลาสำคัญ ร่วมกันล่องเรือชมแม่น้ำโขง พร้อมกับประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ บูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง โดยพวกเราได้ล่องเรือแม่โขงพาราไดซ์ เป็นเรือสำราญทันสมัย โอ่โถง บริการนักท่องเที่ยวเพียงลำเดียวในขณะนี้ เราจะล่องเรือจากหน้าเมืองนครพนม ลอดใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 จนไปถึงหน้าวัดพระพุทธบาทเวินปลา แล้วประกอบพิธีบูชาพญานาคกัน ณ จุดนั้น

62

 บายศรีพญานาค พร้อมด้วยพานพุ่มหมากเบ็งแบบอีสาน จากฝีมือกลุ่มแม่บ้านดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ได้รับการนำมาจัดวางอย่างสวยงามไว้เรียบร้อยแล้วบนดาดฟ้าเรือสำราญ แม่โขงพาราไดซ์

6364

 ท่านผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครพนม สกลนคร มุกดาหาร พี่สาวคนสวยของเรา ก็มาร่วมล่องเรือด้วย สังเกตหน้าตาอิ่มเอิบมีความสุข เพราะวันนี้เราจะมาประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์เพื่อมงคลชีวิตร่วมกัน

65

สาวน้อยนักท่องเที่ยวที่ร่วมทริปไปด้วย กำลัง Happy กับการนั่งชิล ชมวิวสวยๆ กลางแม่น้ำโขง อย่างนี้ก็ต้องแช๊ะ ชักภาพไปแชร์กันต่อให้เยอะๆ แล้วล่ะ

66

ภาพอันคุ้นตา วิถีชีวิตความผูกพันของคนกับแม่น้ำโขง แม้ว่าทุกวันนี้ปลาในลำน้ำโขงจะลดปริมาณลงมาก ทว่าก็ยังมีเหลือให้ชาวประมงพื้นบ้านจับกินจับขาย เลี้ยงปากท้องและครอบครัวได้ ส่วนฝั่งแผ่นดินที่เห็น คือเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว ซึ่งยังไม่มีตึกสูง จึงยังแลร่มเย็นด้วยแนวต้นไม้เขียวสดชื่นสะอาดตา

67

เริ่มล่องเรือออกจากหน้าเมืองนครพนม ผ่านตลาดอินโดจีน และท่าเรือด่านศุลกากร ของเรือข้ามฟากไทย-ลาว

68.1

Landmark และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญริมโขงนครพนมแห่งหนึ่งก็คือ “วัดนักบุญอันนา หนองแสง” ซึ่งเป็นโบสถ์ของพี่น้องชาวคริสเตียนเชื่อสายไทย-ญวน (เวียดนาม) ที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในนครพนมกันนานแล้ว ตอนเย็นๆ เวลาล่องเรือเที่ยว จะเห็นโบสถ์ที่มีหอคอยแหลมคู่ เปิดไฟสวยงาม เคียงคู่กับท้องฟ้าเปล่งแสงสียามอัสดง บรรยาากศคลาสสิกมากๆ

69

ท่านพราหมณ์เร่ิมประกอบพิธีบูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง ตามความเชื่อและธรรมเนียมของชาวนครพนม ที่เชื่อถือ ศรัทธากันมาหลายชั่วอายุคน บรรยากาศของพิธีเต็มไปด้วยกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์

7071.1

เมื่อพิธีของพ่อพราหมณ์จบลง ผู้ที่เข้าร่วมพิธีทุกคนก็ได้มีโอกาสอธิษฐาน บูชาองค์พญานาคแห่งลำโขง ด้วยการโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงสู่แม่น้ำใหญ่สายนี้

7172

เรือแม่โขงพาราไดซ์ค่อยๆ แล่นลอดผ่านใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ซึ่งเปิดไปแล้วอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ปี 2011 ในเวลา 11.11 น. เชื่อมโยงการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ของอนุภูมิภาคอินโดจีนเข้าด้วยกัน ทำรายได้ให้ไทยในปี 2014 ไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท! ตรงตามคำทำนายของนครพนมในอดีต ว่าเมื่อถึงยุคหนึ่ง ในลำน้ำโขงนครพนมจะมีก้อนหินใหญ่ลอยผุดขึ้นเหนือน้ำ เมื่อมาตีความกันในปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นสะพานแห่งนี้นี่เอง

737475

เรือของเราไม่สามารถแล่นไปจนถึงหน้าวัดพระพุทธบาทเวินปลาได้ตามแผน เพราะฤดูนี้ลำน้ำโขงลดระดับต่ำเกินไป อาจติดแก่งหินได้ เราจึงประกอบพิธีลอยบายศรีบูชาพญานาคกัน เมื่อเรือลอดผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ไปแล้ว

7778

ล่องเรือชมบรรยากาศในลำน้ำโขงกันมากว่า 3 ชั่วโมง ก็ได้เวลาขึ้นมาหม่ำอาหารเที่ยงอร่อยๆ แล้วนั่งรถต่อไปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แถบ “เมืองโบราณริมโขง บ้านหนองจันทน์” ตำบลท่าค้อ อำเภอเมืองนครพนม ซึ่งริมลำน้ำโขงในบริเวณนี้ แท้จริงในอดีตคือส่วนเสี้ยวหนึ่งของอาณาจักรศรีโคตรบูร ที่กินอาณาเขตทั้งสองฝั่งโขงปัจจุบัน ทุกวันนี้มีการสำรวจพบซากโบราณสถานเก่าแก่ โดยเฉพาะวัด สิม (โบสถ์) ซากเจดีย์น้อยใหญ่ และวัตถุโบราณที่อยู่ใต้ดินในที่ทำกินของชาวบ้านนับไม่ถ้วน ซึ่งกรมศิลปากรณ์ได้มาทำการสำรวจไว้หมดแล้ว ทว่ายังไม่ได้บูรณะอย่างจริงจัง ในอนาคตอันใกล้นี้ จังหวัดนครพนมจะพัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์โบราณคดีบ้านหนองจันทน์ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ คงไม่นานเกินรอครับ

79

ภายในพระอุโบสถวัดหนองจันทน์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากริมโขงมากนัก มีพระพุทธรูปโบราณสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร อยู่เป็นจำนวนมาก สังเกตให้ดีจะเห็นร่องรอยอดีตความขลัง ของศิลปะล้านช้างลาว โดยเฉพาะพระพักตร์พระพุทธรูป ที่ต่างจากยุครัตนโกสินทร์ของสยาม (องค์สีทองที่อยู่ข้างๆ) อย่างชัดเจน

80

ภายในวัดหนองจันทน์ มีบ่อน้ำโบราณอายุหลายร้อยปี ลึกหลายสิบเมตร ก้นบ่อยังมีน้ำผุดขึ้นมา ไม่เคยเหือดแห้ง โดยขอบบ่อนี้มีการเรียงอิฐซ้อนกันลงไปตามผนัง เพื่อเสริมความแข็งแรงไม่ให้พังถล่ม เป็นอิฐสมัยเก่าของจริง

81

จากหน้าวัดหนองจันทน์ ในอดีตแม่น้ำโขงเคยกินอาณาเขตเข้ามาถึงตรงนี้ ทว่าปัจจุบันตะกอนได้สะสมกัน จนเกิดเป็นแผ่นดินใหม่งอกออกไปกว้างเกือบกิโลเมตร เป็นดินอุดมสมบูรณ์ที่ชาวบ้านมาปลูกพืชไร่และยาสูบกัน พ้นจุดนี้ไปก็คือแม่น้ำโขง และฝั่งตรงข้ามที่เห็นคือประเทศลาว (เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน) อันเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุศรีโคครบอง” ซึ่งประชาชนสองฟากฝั่งเคารพศรัทธา คู่กับองค์พระธาตุพนม และพระธาตุริมโขงอีกหลายองค์

82

ความ Unseen อย่างหนึ่งภายในวัดหนองจันทน์คือ จอมปลวกรูปพญานาค เราไม่เคยเห็นจอมปลกรูปทรงพิสดารแบบนี้ที่ไหนมาก่อนเลย!!!

83

ออกเดินทางต่อไป จนถึง “พระธาตุมรุกขนคร” อดีตที่ตั้งเมืองศรีโคตรบูรโบราณ ก่อนย้ายมาอยู่ที่ตัวอำเภอเมืองนครพนมในปัจจุบัน พระธาตุองค์นี้ตั้งอยู่ในอำเภอธาตุพนม ห่างจากตัวเมืองนครพนมประมาณ 40 กิโลเมตร มีลักษณะคล้ายองค์พระธาตุพนมย่อส่วน คือสูงเพียง 50.9 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เพื่อฉลองวาระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี

84

บนหน้าบันพระอุโบสถวัดพระธาตุมรุกขนคร มีรูปปั้นครุฑ ที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดองค์หนึ่งในเมืองไทย ด้วยท่วงท่าลีลาอันสง่างาม มีพลัง มีอำนาจ มีความแข็งแกร่ง ราวกับมีชีวิตจริง โดยเฉพาะดวงตาของครุฑองค์นี้ ไม่ว่าเราจะเดินไปในทิศทางใด ก็จะรู้สึกราวกับว่าดวงตาท่านจะมองตามเราไปในทุกที่ได้อย่างอัศจรรย์!

85

กลุ่มแม่บ้าน บ้านดอนนางหงส์ เป็นกลุ่มที่มีฝีมือด้านการทำบายศรีพานพุ่ม (หมากเบ็ง) เอาไว้บูชาพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวอีสาน แม่บ้านได้มาให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว ทดลองทำหมากเบ็งอันเล็กๆ ด้วยตนเอง เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นน่ารัก น่าสืบสานต่อไปไม่ให้สูญหาย

8687.1

ออกจากพระธาตุมรุกขนครแล้ว เรายังเดินทางต่อไปที่ “หมู่บ้านวัฒนธรรมไทกวน” บ้านนาถ่อนทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยชาวไทกวนถือเป็น 1 ใน 8 เผ่า ของนครพนม เป็นชุมชนโบราณผู้ทำหน้าที่ดูแลปกป้ององค์พระธาตุพนม จึงมีภูมิปัญญาด้านการตีดาบ สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน กลายเป็นอาชีพหลักอย่างหนึ่งของหมู่บ้าน มีออร์เดอร์ตีดาบตีมีดสั่งมาจากทั่วประเทศ ทว่าทุกวันนี้เหลืออยู่แค่ไม่เกินสองสามบ้านแล้ว ที่ยังคงตีดาบด้วยมือและเตาแบบโบราณจริงๆ เพราะวิธีนี้แม้จะได้มีดดาบคุณภาพดีเยี่ยมกว่า แต่ก็กินเวลา และแรงกำลังมาก จนไม่ทันกับใบสั่งซื้อ

878889

มีดาบ มีดอีโต้ มีดพร้า คุณภาพเยี่ยม จากฝีมือการตีแบบโบราณล้วนๆ เมื่อมาซื้อกันถึงแหล่งถึงที่แบบนี้แล้ว ราคาจึงถูกมาก ถ้าได้ไปเที่ยวก็ช่วยกันอุดหนุนให้กำลังใจชาวบ้านด้วยล่ะ เพื่อเป็นการต่ออายุภูมิปัญญานี้ไม่ให้สูญหาย

90

 ชุดพื้นบ้านแบบดั้งเดิมของชาวไทกวน นครพนม ของสตรีจะใช้สีดำและเหลืองเป็นหลัก โดยมีเครื่องประดับเงินต่างๆ ช่วยเพิ่มความงามล้ำ

9192

สาวน้อยชาวไทกวน มายืนต้อนรับนักท่องเที่ยว และฟ้อนรำสวยๆ ให้เราชมอย่างอ่อนช้อย น่าประทับใจเหลือเกิน

93

94

 ผลิตภัณฑ์งานฝีมือพื้นบ้านแบบ Hamnmade ของชาวไทกวน มีการประยุกต์ใช้วัสดุสมัยใหม่ มา Re-Design จนกลายเป็นกระเป๋าที่ผสมกลมกลืนระหว่างความ Modern และลวดลายเฉพาะตัว ได้งามจริงๆ ราคาก็ไม่แพงนะ

95

เย็นวันนั้น เรากลับเข้าตัวเมืองนครพนม เพื่อชิม ต้มเส้น อาหารอิทธิพลเวียดนาม ที่เข้ามาผสมกลมกลืนกับอาหารพื้นถิ่นนครพนม เมนูมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งโจ๊ก, ข้าวต้ม, ต้มเส้นหมูยอ ฯลฯ เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปอร่อยหอมขึ้นจมูก แนะนำร้านอาหารข้าวต้มเส้น 99 (โทร.  0-4251-4585)

96

เช้าวันสุดท้าย ของทริปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้านสองแผ่นดิน เราได้เข้าไปกราบสักการะองค์พระธาตุที่ว่ากันว่า สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในภาคอีสาน คือ “พระธาตุพนม” อันเป็นพระธาตุประจำวันเกิดคนวันอาทิตย์ โดยประวัติเล่าว่า สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 8 ในยุคที่อาณาจักรศรีโคตรบูรกำลังรุ่งเรืองสุดขีด เป็นพระธาตุที่ใช้ประดิษฐาน พระอุรังขธาตุ หรือกระดูกส่วนพระอุระ (ส่วนอก) ของพระพุทธเจ้า หากแม้นได้มากราบเพียงครั้งเดียวก็เป็นมงคลยิ่งแล้ว แต่ใครได้มากราบครบ 7 ครั้ง ก็จะถือว่าเป็นลูกพระธาตุอย่างแท้จริง

979899100

Special Thanks : จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดียิ่ง

เที่ยวนครพนมริมโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้าน (ตอน 1)

1

นครพนม เมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็น “เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก” เพราะเมืองริมลำน้ำโขงแห่งนี้มีบรรยากาศเนิบช้า น่าอยู่ ใครได้ไปสัมผัสก็จะรู้สึกเย็นกายเย็นใจ ที่สำคัญคือลำน้ำโขงที่ไหลเลียบตลอดริมฝั่งนครพนม ได้นำพาความชุ่มชื่นมาสู่คนถิ่นนี้ เชื่อมโยงไปถึงเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ในฝั่งลาวซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน โดยทุกวันนี้สามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปมาได้สบาย ด้วยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ทำให้นครพนม และเมืองท่าแขก กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่ชิลมากๆ

เมื่อวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม ได้สร้างสรรค์ทริปดีๆ “เส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน ไทย ลาว” มีกิจกรรมแห่งความสุข ณ นครพนม เพื่อพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง โดดเด่นด้วยการตระเวนกราบพระธาตุสำคัญหลายองค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต แถมยังได้ล่องเรือออกไปกลางลำน้ำโขง เพื่อบูชาพญานาค ซึ่งชาวนครพนมและพี่น้องฝั่งลาวต่างเคารพบูชามาหลายชั่วอายุคนแล้ว

2

เริ่มต้นทริปสุขสันต์ ด้วยการกราบไหว้ “พระธาตุท่าอุเทน” ในอำเภอท่าอุเทน ริมลำน้ำโขงนครพนม เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์ และภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งนำมาจากเมืองย่างกุ้งของพม่าในครั้งอดีต พระธาตุท่าอุเทนมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยม สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูง 15 เมตร โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 เมื่อกราบพระธาตุ และถวายผ้าห่มองค์พระธาตุแล้ว ก็ควรเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม ถวายสังฆทานกันด้วยหากมีเวลา ยิ่งกว่านั้น นครพนมยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของ “อาณาจักรศรีโคตรบูร” ซึ่งเคยกินอาณาเขตทั้งสองฝั่งโขงบริเวณนี้เลยในอดีต

3

อำเภอท่าอุเทน ยังเป็นถิ่นที่ตั้งชุมชนของชนเผ่า “ไทญ้อ” ซึ่งพวกเขามีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่เมืองหงสา แขวงไชยบุรี ประเทศลาวในครั้งอดีต ต่อมาจึงมีการอพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งบ้านเมืองใหม่อยู่ที่เมืองไชยบุรี มาจวบจนปัจจุบัน

4

นี่คือบริเวณปากแม่น้ำสงคราม บริเวณตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยแม่น้ำสงครามได้ไหลออกมาบรรจบกับแม่นำ้โขง เกิดเป็นแม่น้ำสองสี สีเขียวสดใสที่เห็นคือแม่น้ำสงคราม ส่วนสีน้ำตาลด้วยตะกอนขุ่นข้นคือแม่น้ำโขง กลายเป็นแหล่งอาศัยของปลาชุกชุม หล่อเลี้ยงปากท้องและวิถีประมงของชาวไทญ้อที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว

5

มาถึงตำบลไชยบุรีแล้วห้ามพลาด ชิม “ปลาส้ม” ที่อร่อยจนหยุดไม่ได้ เพราะความเปรี้ยวกำลังดี เนื้อนุ่ม กินกับข้าวเหนียว ข้าวสวยร้อนๆ แล้วหยิบหอมแดงเจียวกับกระเทียมเจียวกินตามเข้าปากไป โอ้โห แซ่บอีหลี แต่ถ้ายังกินไม่สะใจ เขาก็มีเป็นของฝากให้ซื้อกลับไปกินต่อที่บ้านด้วยนะจ๊ะ

6

พี่อุ๊ CEO แห่งบริษัท Win Win Smile Co., Ltd. นำนักท่องเที่ยว พร้อมผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสื่อมวลชน นั่งรถสามล้อสกายแลป และปั่นจักรยาน ตามเส้นทางท่องเที่ยวริมน้ำอำเภอไชยบุรี ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการปรับปรุงเป็นเส้นทางห้ามรถยนต์ผ่าน ปล่อยให้เป็นเส้นทางเดินเล่นชมวิวริมโขง เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ เกิดเป็นกิจกรรมใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวจ้า

7

ทริปนี้ มีพี่น้องสื่อมวลชนจากเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว เข้ามาร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ริมโขงนครพนมด้วย นี่สิ ถึงจะเรียกว่าเป็นการเชื่อมโยงสายใยผู้คนและการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง

8

เส้นทางปั่นจักรยานและเดินชมวิวริมลำน้ำโขง ตำบลไชยบุรี ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร กำลังจะมีการปรับปรุงใหม่

9

ปั่นจักรยานกันสนุก วิวทั้งสวย แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้สัมผัสกันด้วยในเส้นทางนี้

11

เนื่องจากเมืองเก่าไชยบุรี (หรือตำบลไชยบุรี ปัจจุบัน) ความจริงแล้วเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกโดยชาวไทญ้อ ที่อพยพมาจากแขวงไชยบุรี ประเทศลาว นับถึงปัจจุบันก็มีอายุไม่น้อยกว่า 204 ปีแล้ว ปัจจุบันจึงยังคงปรากฏซากโบราณสถานและวัดน้อยใหญ่ เป็นวัดโบราณที่เด่นด้วยศิลปะล้านช้างแบบลาว กระจายอยู่ตามริมโขงแถบนี้หลายสิบแห่ง ซึ่งทางจังหวัดนครพนมกำลังมีการบูรณะ พัฒนา เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายในปี 2558 นี้ล่ะ ใจเย็นๆ ได้เที่ยวกันแน่ โดยเฉพาะคนที่รักชอบเรื่องประวัติศาสตร์ อาทิ วัดไตรภูมิ และวัดกลาง เป็นต้น

121314

ลักษณะเด่นของวัดโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ริมโขงตำบลไชยบุรีก็คือ สิม (คือ โบสถ์) แบบอีสาน ที่มีลักษณะเล็กๆ แต่ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นแบบล้านช้าง แสดงถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม พืช และสัตว์ ของแถบนี้ในอดีต ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สร้างก็คือช่างพื้นบ้าน ลวดลายต่างๆ จึงสะท้อนวิถีประจำวันของชาวไทญ้อและชาวนครพนมเมื่อครั้งกาลก่อน

151622

บ้านพนอม ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน ยังมีแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้อยู่ด้วย นั่นคือ “แหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ อำเภอท่าอุเทน” ซึ่งมีรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุ 100 ล้านปี ฝังอยู่ในหินทรายสีแดงมากถึง 199 รอย แบ่งเป็นแนวยาวถึง 32 แนว โดยมีทั้งไดโนเสาร์กินพืชและกินเนื้อ ชนิดเด่นๆ เช่น อิกัวโนดอน, ออร์นิโธนิโมซอ (ไดโนเสาร์นกกระจอกเทศ), จระเข้ขนาดเล็ก ฯลฯ โดยเราสามารถเดินขึ้นไปชมได้อย่างสะดวกสบาย จะเห็นรอยเท้าของพวกมันปรากฏอยู่บนพื้นหินทรายอย่างชัดเจน เป็นรูปตีนสามนิ้ว Amazing มากๆ ลองนึกจินตนาการดูสิ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีไดโนเสาร์เดินท่อมๆ อยู่ในภาคอีสานด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ

252627

ออกจากแหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ท่าอุเทน เราก็มุ่งหน้าไปต่อที่ “วัดพุทธนิมิต” ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน วัดนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรมริมโขงในลักษณะวัดป่า แต่ส่วนหน้าสุดของวัด ก็มีพระอุโบสถอันสวยงามวิจิตรตระการตา แสดงถึงพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ร่วมกันก่อสร้าง ความโดดเด่นคือลวดลายตามช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้ง ของพระอุโบสถแห่งนี้ ได้เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะทำให้นึกถึงวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ราวกับเป็นฝาแฝดกัน

28.12829

ภายในพระอุโบสถของวัดพุทธนิมิต มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแนวร่วมสมัยฝีมือชั้นครู สะท้อนถึงเรื่องราววิถีพื้นถิ่นในอดีต บวกกับปริศนาธรรม และพุทธประวัติ ชวนให้นั่งชมอยู่นานๆ ก็ไม่เบื่อ

3031

เมื่อเดินจากพระอุโบสถ ลึกเข้าไปในพื้นที่ป่าด้านหลังวัด ใกล้แม่น้ำโขงเข้าไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบกับบรรยากาศอันวิเวก สงบสงัด เหมาะแก่การฝึกจิตปฏิบัติธรรมในลักษณะวัดป่าอย่างแท้จริง โดยท่านเจ้าอาวาสยังคงรักษาสภาพป่าไม้ และแม่ไม้ขนาดใหญ่ ต้นโตๆ หลายคนโอบ ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

32

3334

ในบริเวณริมลำน้ำโขงของวัดพุทธนิมิต กำลังมีการก่อสร้างพระปางสมาธิขนาดใหญ่ สูงไม่ต่ำกว่า 30-40 เมตร พร้อมกับมีการสร้างเขื่อนริมน้ำ และมีเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวริมลำน้ำโขง เตรียมต้อนรับเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ในอำเภอท่าอุเทน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกันภายในปี 2558 นี้ล่ะ

36

กลับจากอำเภอท่าอุเทน เข้าสู่ตัวเมืองนครพนม ก็ค่ำพอดี เราเลยชวนกันไปนั่งรถพ่วงเที่ยวเล่น ชมแสงสียามเย็น และความคึกคักของวิถีชีวิตริมโขงหน้าเมืองนครพนม

38

โชคดีมาเที่ยวตรงวันเสาร์ ที่ถนนเมืองเก่าริมโขงนครพนม เขาเลยมีการปิดถนน จัดเป็นถนนคนเดิน โดยเฉพาะตรงหน้าหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ถือเป็น Landmark สำคัญ มีสินค้าขายกันเพียบ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น ส่วนสินค้าพื้นบ้านวัฒนธรรมต่างๆ ยังไม่ค่อยมี

394041

 บ้านเก่าริมน้ำโขง ได้รับการฟื้นคืนชีวิต ตบแต่งหน้าตาใหม่จนสวดสดงดงาม ส่วนใหญ่กลายเป็นร้านอาหารวิวดี้ดี

4445

ตระเวนเที่ยวกันมาตลอดวันแล้ว ได้เวลามานั่งชิลริมโขง ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ พร้อมกับชมการแสดงของสาวเรณู ผู้ไท แห่งอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เชิดหน้าชูตาจังหวัด จากนั้น ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายธวัช ศิริวัธนนุกูล ก็ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการ “กิจกรรมท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน” ในวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 เพราะปัจจุบันนครพนมได้กลายเป็น “ประตูสู่อินโดจีน” และ HUB ของเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยง ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาทต่อปี

4647

หลังจากนั้น ก็มีการจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ บูชาพญานาคแห่งลำน้ำโขง และลอยเรือไฟ (ไหลเรือไฟ) แบบโบราณด้วย ยังความชื่นมื่นสุขใจให้แก่ผู้เข้าร่วมทริปทุกคน

48

49

การไหลเรือไฟแบบโบราณ ชาวบ้านอีสานจะช่วยกันสร้างเรือไฟขนาดเล็กขึ้นด้วยวัสดุธรรมชาติที่หาได้ โดยใช้หยวกกล้วย (ต้นกล้วย) ทำเป็นโครง แล้วน้ำใบตองกับดอกไม้ต่างๆ มาประดับให้งดงาม จากนั้นผู้ที่จะร่วมพิธี จะตัดผมและเล็บของตนออกมาเล็กน้อย นำไปใส่ในเรือไฟ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ และมีการใส่เงินลงไปด้วย คล้ายๆ กับการลอยกระทงของคนไทยภาคกลางนั่นล่ะ

5051

Special Thanks : จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดียิ่ง

เที่ยวอุดรได้ตลอดปี ไม่ได้มีแต่ทะเลบัวแดง!

A1

มีเพื่อนๆ หลายคนชอบมาถามว่า ถ้าหมดฤดูท่องเที่ยวทะเลบัวแดงที่หนองหานแล้ว อุดรธานี จะมีที่เที่ยวที่ไหนให้ไปเยือนบ้างรึเปล่านะ??? ตอบง่ายๆ ได้เลยแบบดังๆ ว่า มีชัวร์! เพราะอุดรธานีเป็นเสมือนจังหวัดศูนย์กลางของภาคอีสานตอนบน นอกจากจะมีอารยธรรมบ้านเชียงอันเก่าแก่กว่า 5,000 ปี จนถึงขั้นเป็นมรดกโลกแล้ว ยังมีความน่าสนใจในอีกหลายแง่มุมให้ค้นหา ว่าแล้วก็รีบเก็บกระเป๋า ออกไปทัวร์อุดรธานีกันเลยดีกว่านะพวกเรา! เย้

A2

แหล่งโบราณสถานบ้านเชียง มรดกโลก ดินแดนที่เคยมีผู้คนอาศัยเมื่อกว่า 5,000-1,800 ปีล่วงมาแล้ว เป็นแหล่งชุมชนที่มีอารยธรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถเพาะปลูกพืชผล เลี้ยงสัตว์ ทำเกษตรกรรม หลอมโลหะ ประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะสามารถปั้นเครื่องปั้นดินเผาลายเชือกทาบสีแดง คล้ายรูปขดก้นหอย อันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียงแท้ๆ

A3 A4

แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้รับการค้นพบครั้งแรกโดยชาวบ้านในแถบนั้นเมื่อ พ.ศ. 2503 เพราะมีเศษภาชนะดินเผาแตกเกลื่อนกระจายอยู่ทั่วไปตามหัวไร่ปลายนา ต่อมาจึงมีการขุดค้นจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2515 วงการโบราณคดีทั่วโลกจึงตกตะลึง! เพราะพบว่าเป็นแหล่งชุมชนโบราณขนาดใหญ่ เก่าแก่กว่า 5,000 ปี ทุกวันนี้มีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างดี พร้อมด้วยหลุมขุดค้นจริงที่วัดโพธิ์ศรีใน เราจะได้เห็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณ พร้อมด้วยซากเครื่องปั้นดินเผามากมาย ถ้าใครมาเที่ยวบ้านเชียงตรงกับเดือนกุมภาพันธ์พอดี ก็จะได้ชม “งานมรดกโลกบ้านเชียง” มีขบวนแห่และงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่

A5

 CONTACT : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง อำเภอหนองหาน อุดรธานี โทร. 0-4220-8340 เปิดเวลา 08.30-16.30 น.

 A6

นอกจากบ้านเชียงจะเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญระดับโลกแล้ว ยังเป็นแหล่งผ้าทอย้อมคราม ของพี่น้องชาวไทยพวน ซึ่งอพยพข้ามมาจากฝั่งลาวในอดีตอีกด้วย โดยมีทั้งผ้าฝ้าย และผ้าไหมมัดหมี่ อันประณีตงดงาม หาซื้อได้ง่ายมาก เพราะมีหลายร้านเรียงรายอยู่ด้านหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์บ้านเชียงนั่นเอง

A7

ไม่น่าเชื่อเลยว่า บนเทือกเขาภูพานอันลึกเร้น เนื้อที่กว่า 3,430 ไร่ ในเขตตำบลบ้านผือปัจจุบันนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อ 2,000-3,000 ปีก่อน จะเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ พากันมาตั้งชุมชนทางศาสนาพุทธสมัยทวารวดี โดยใช้ภูมิประเทศอันโดดเด่น เป็นลานหิน ป่าละเมาะเตี้ยๆ และกลุ่มหินเทินรูปทรงประหลาดจำนวนมาก เป็นศาสนสถานและที่ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ที่นี่คือ “อุทยทานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ซึ่งมีหอนางอุษาเป็น Landmark โดดเด่นที่สุด

A9

 ตามซอกหลืบหิน ในโพรงถ้ำน้อยใหญ่ และใต้เพิงผาของภูพระบาท ยังปรากฏร่องรอยภาพเขียนสีโบราณอยู่หลายสิบภาพ ทั้งรูปทรงเรขาคณิต และภาพมนุษย์โบราณ รวมถึงมีหินสลักเป็นพระพุทธรูปแบบนูนสูงด้วย ทว่าน่าเสียดาย ส่วนใหญ่ถูกโจรใจบาปแอบมาตัดเศียรพระไปนานแล้ว! กระทั่งเพิ่งเข้ามามีการอนุรักษ์ภายหลัง เมื่อปี พ.ศ. 2524

A10 A11

CONTACT : อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตำบลเมือนพาน อำเภอบ้านผือ อุดรธานี โทร. 0-4225-0616, 0-4225-1350 เปิด 08.00-16.30 น.

A12

หลังจากเดินเที่ยวภูพระบาทกันจนเหนื่อยล้าแล้ว ก็ได้เวลาไปผ่อนคลายกายใจกันที่ “สปาเกลือ” ของบ้านกุญณภัทร อำเภอบ้านดุง แหล่งเกลือสินเธาว์ธรรมชาติจากใต้พิภพ ซึ่งอุดมคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีการนำเกลือจากแหล่งนี้ไปให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ผลปรากฏว่ามีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่เพียบ! ได้ลงอาบแช่ หรือแค่ขัดตัว พอกหน้า เท่านี้ก็จะมีสุขภาพดี ผิวใส อ่อนเยาว์เลยล่ะ จริงๆ นะไม่ได้โม้!

A13

 วิธีการทำนาเกลือสินเธาว์ (เกลือใต้ดิน) ก็คล้ายกับการทำเกลือสมุทร (เกลือทะเล) โดยเกลือสินเธาว์จะสูบน้ำเกลือจากใต้ดิน ขึ้นมาพักไว้ในบ่อตื่นๆ ให้แดดและไอร้อนเผา จนเกิดการตกตะกอนของผลึกเกลือ จนได้เกลือคุณภาพ เป็นเครื่องบ่งชี้ได้จริงๆ เลยว่า ในครั้งอดีตกาลนานโพ้น ภาคอีสานทั้งหมดเคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน จึงมีชั้นเกลือสะสมอยู่ใต้ดินอย่างมหาศาล

A14

 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าจริงๆ แล้วเกลือมีหลายเกรด หลายระดับคุณภาพ เกลือคุณภาพเยี่ยมที่สุดเรียกว่า “เกสรเกลือ” เป็นผลึกเกลือเล็กๆ ที่จับตัวลอยอยู่เหนือผิวน้ำนี่ละ แต่ถ้าปล่อยเกสรเกลือไว้โดยไม่ไปทำอะไรกับมันเลย ไม่นาน พอมันรวมตัวกันเยอะขึ้น หนักขึ้น ก็จะจมลงไปที่ก้นบ่อ จากนั้นเมื่อน้ำเกลือระเหยไปหมด ก็จะได้เกลือที่นำมาทำอาหาร หรือเกลือที่ใช้ในสปาต่อไป ถ้ามาเที่ยวที่ บ้านกุญณภัทร เขาจะมีกิจกรรมให้เราไปช้อนเกสรเกลือกลับบ้านกันอย่างสนุกสาน ใครขยันมากได้มาก ขอบอกเลยว่า ราคาเกสรเกลือแพงมากจริงๆ!

A15 A16 A17

 พอช้อนเกสรเกลือกันสนุกได้ที่แล้ว ก็มาพักผ่อนนั่งแช่เท้าในน้ำเกลืออุ่นๆ เพื่อผ่อนคลาย ให้เลือดวิ่งปรี๊ดไปทั่วตัว เพราะเท้าคนเราจริงๆ แล้วถือเป็นจุดศูนย์รวมประสาทที่สำคัญมาก หรือถ้าใครมีเวลามาก จะแช่ทั้งตัว หรือนวดหน้าก็ได้นะ เขามีบริการพร้อม เสร็จสามารถซื้อผลิตภัณฑ์จากเกลือธรรมชาตินี้กลับไปใช้เองที่บ้านได้อีก แหม ครบวงจรจริงๆ นะครับพี่

A19

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

CONTACT :  สปาบ้านกุญณภัทร ตั้งอยู่ที่ 214 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านดุง อำเภอบ้านดุง อุดรธานี โทร. 08-1975-6494

A20

ในตัวเมืองอุดรธานีวันนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะ “ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน (จ.อุดรธานี)” ซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยทุนกว่า 15 ล้านบาท โดยพี่น้องชาวจีนคณะกรรมการศาลเจ้าปู่-ย่า สมัยที่ 58 และเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวจีนพลัดถิ่น ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งรกรากประกอบธุรกิจการค้าจนรุ่งเรืองเป็นเจ้าสัวอยู่ในเมืองอุดรธานีมาถึงทุกวันนี้

A21

 ภายในศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี มีการจัดภูมิทัศน์ และสวนจีน เลียนแบบเมืองจีนแท้ๆ เข้าไปเดินเที่ยวแล้วนึกว่าอยู่ในเมืองจีนจริงๆ ด้วย! กลางสวนมีบ่อปลาคาร์พจักรพรรดิ์ห้าสี ขนาบด้วย อาคารเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ หอคุณธรรม ที่รวมคติความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวจีนในอุดร สอนลูกสอนหลานต่อเนื่องกันมา ให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อไป ถึงแม้เราจะไม่ใช่ชาวจีน ก็สามารถเข้าไปชมได้ เหมาะมากสำหรับทุกคนในครอบครัว

A22.1

A22.2A22A23

 CONTACT : ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี 889 ถนน 39 ศาลเจ้าเนรมิตร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โทร. 0-42242-444 , 0-4224-2333

A24

 ศาลเจ้าปู่ย่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ศูนย์รวมพลังศรัทธาและพลังสามัคคีของพี่น้องชาวจีนทุกตระกูลแส้ในอุดรธานี โดยภายในศาลนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรไปสักการะ 6 อย่าง คือ หนึ่ง “ทีตีแป่บ้อ” เรียกสั้นๆ ว่า “ทีกง” หรือชื่อในภาษาไทย คือ “ศาลเทพยดาฟ้าดิน” สอง “ปึงเถ่ากงม่า” คือ “เจ้าปู่เจ้าย่า” สาม “ศาลเจ้าพ่อหนองบัว” สี่ “ตี่จู๋เอี๊ย” หรือ ชื่อภาษาไทย คือ เจ้าที่เจ้าทางซึ่งก็คือสิ่งศกดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปักรักษาดูแลสถานที่นั้นๆ ห้า “พระสังกัจจายน์” และ หก คือ “ฉั่งง่วนส่วย” เป็นองค์เทพที่เชี่ยวชาญในการปราชญ์เป็นอย่างยิ่ง เป็นที่นิยมสักการะของนักเรียน นักศึกษา ในการจะไปสมัครสอบครั้งสำคัญ

CONTACT : ศาลเจ้าปู่ย่า ตั้งอยู่ที่ริมสระหนองบัว ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง อุดรธานี โทร. 0-4224-7291

A25.1

A26

หลังจากสักการะศาลเจ้าปู่ย่า และหาแหนมเนืองแสนอร่อยชิมกันจนอิ่มแปร้แล้ว ก็ได้เวลาตะลุยราตรี สัมผัสวิถีชีวิต Night Life ของเมืองอุดร ทุกวันนี้ดูเหมือนถ้าไม่ได้ไปเดินช้อปปิ้งที่ UD TOWN ถือว่าเชยแย่! เพราะที่นี่เป็นเหมือน Center Point หรือ Siam Square ของคนอุดรเขาล่ะ แต่ไม่เท่านั้น ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราจะเห็นคนลาว และรถยนต์จากฝั่งลาว ข้ามสะพานมิตรไทย-ลาว ที่หนองคาย เข้ามาเดินเที่ยวช้อปปิ้งกันเป็นพันคน!

A27

 คนที่รักธรรมชาติ ต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางผืนป่าเขียวๆ ในโอบล้อมขุนเขา เราแนะนำให้ไปเที่ยวที่ “หมู่บ้านคีรีวงกต” อำเภอนายูง ชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ที่จัดการท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย พาเราเข้าไปชื่นชมวิถีชีวิตแบบพอเพียง พึ่งพิงธรรมชาติ จนสามารถปลูกพืชผลพืชไร่ได้หลากหลายชนิด ตั้งแต่พืชผักสวนครัว, ข้าวไร่, อ้อย, ข้าวโพด, ยางพารา หรือแม้แต่สตรอว์เบอร์รี่สีแดงแสนอร่อย ซึ่งจะดกมากโดยเฉพาะในฤดูหนาว

A28

A29A30A31

 ทีเด็ดของการมาเที่ยวบ้านคีรีวงกต คือการนั่งรถอีแต๋นเที่ยวป่า! ลัดเลาะราวไพรเข้าไปตามลำห้วยชื่อ ห้วยใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จนไปถึงน้ำตกใสสะอาดที่มีน้ำไหลตลอดปี บ่งบอกเป็นนัยๆ ได้ว่า ผืนป่ารอบหมู่บ้านยังดีอยู่ จึงสามารถดูดซับและปล่อยน้ำออกมาให้ชาวบ้านได้ใช้สอย ดูสิ นอกจากจะได้ใช้อาบกินในบ้าน ในนาไร่แล้ว ยังเกื้อหนุนกับการท่องเที่ยวทำรายได้อย่างยั่งยืนแบบนี้ล่ะ น่าชื่นชมเอาตัวอย่างจริงๆ

A32

 ระหว่างทางก็จะได้ชื่นชม พร้อมกับเก็บภาพธรรมชาติสวยๆ มองไปไกลๆ ยังเห็นภูเขาทอดตัวอยู่เป็นเพื่อน เคียงคู่พงไพรและไม้ใหญ่ รวมถึงต้นค้อ และต้นยางนายักษ์เป็นจำนวนมาก นี่คือป่าชุมชนที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ

A33 A34

A35

A36

 สิ้นสุดการขี่รถอีแต๋นเที่ยว ก็คือการข้ามน้ำตกเล็กๆ มานั่งตั้งวงกินข้าวกันกลางป่า ฮาฮาฮา มีความสุขจริงๆ นะพวกเรา

A37

 จังหวะข้ามลำธารนี้เอง ที่ใครแอบชอบใครก็ขอจับมือทำทีช่วยข้ามลำธารกันตอนนี้ล่ะ! ฮาฮาฮา ล้อเล่นน่า

A38

 คุณลุงโชเฟอร์นักขับอีแต๋น ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวปิ้งไก่ให้เรากินด้วย แถมยังมีน้ำสมุนไพรต้มแสนชุ่มคอมาให้ชิมปิดท้ายอีกต่างหาก ใจดีจังนิ

A39

 อาหารพื้นบ้าน ง่ายๆ แต่แซ่บเวอร์! มื้อนี้มีทั้งปลาเผา ข้าวหลาม ส้มตำปลาร้า ปีกไก่ย่างถ่านหอมฉุย แจ่วรสเด็ด และต้มยำน้ำข้น ขอบอกว่ากินกันเกลี้ยงทุกสิ่งอย่าง!!!!

A40

A41 A42

CONTACT : หมู่บ้านคีรีวงกต อำเภอนายูง จ.อุดรธานี ไปพัก Homestay หรือนั่งรถอีแต๋นเที่ยวทัวร์ป่า ติดต่อ ผู้ใหญ่นรินทร์ โทร. 08-3147-9004 หรือ www.facebook.com/OonSonkeeree

A43

 อาชีพทำไม้กวาดดอกหญ้า คือภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สรรค์สร้างเป็นงานหัตถกรรมน่าซื้อ น่าใช้ ทุกครัวเรือนไทยเหมาะมาซื้อหากันถึงแหล่ง จะได้อุดหนุนชาวบ้านอย่างแท้จริง

 

 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี โทร. 0-4232-5406-7, 08-1486-2775

หรือติดต่อ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 08-9752-7552, 08-5295-0092