10 สุดยอดที่เที่ยว ASEAN

1. มุยเน่ Vietnam ทะเลทรายแห่งเดียวของอาเซียน เป็นทะเลทรายเวิ้งว้างสีส้มอมแดง และสีขาว ให้ความรู้สึกเวิ้งว่างว่างเปล่า ราวกับอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น!รูปเปิด ทะเลทรายมุยเน่1

2. ทะเลสาบอินเล Manmar พระแม่ธาราแห่งชีวิต ถิ่นอาศัยของชนเผ่าอินทา สถานที่เพียงแห่งเดียวในโลก ซึ่งเราจะพบการพายเรือด้วยขา! ถามว่าทำไม? พวกเขาตอบว่า มันถนัดและประหยัดแรงดี! เออ แปลก

inle lake 6รูเปิด Inle Lake

3. ภูเขาไฟอีเจน เกาะชวา Indonesia ปล่องภูเขาไฟยักษ์ที่มีทะเลสาบสีมรกตอยู่ภายใน พร้อมด้วยเหมืองกำมะถันใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สถานที่ชม Blue Flame ได้ในยามค่ำคืน หนึ่งในไม่กี่แห่งบนพื้นพิภพนี้!รูปเปิด ภูเขาไฟอีเจนvolcano 25

4. เนินเขา Chocolate Hill เกาะโบฮอล Philippines เนินเขานับร้อยทรงพีระมิด อันเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำเป็นเวลาหลายล้านปี ร่วมกับการยกตัวของเปลือกโลก ดูเผินๆ คล้ายจอมปลวกยักษ์ก็ไม่ปาน! Chocolate Hill 6 รูปเปิด Chocolate Hill

5. กลุ่มน้ำตกแห่งลาวใต้ Lao เกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและธรรมชาติ บนที่ราบสูงโบโลเวน ให้กำเนิดน้ำตกใหญ่หลายสิบแห่ง ตั้งแต่แขวงจำปาสัก สาละวัน เซกอง อัตตะปือ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกคอนพะเพ็ง (ไนแองการ่าแห่งเอเชีย), น้ำตกตาดเยือง, น้ำตกตาดฟาน, น้ำตกตาดผาส้วม, น้ำตกตาดไฟไหม้, น้ำตกตาดหัวคน, น้ำตกเซกะตาม ฯลฯน้ำตกตาดเยือง 1 รูปเปิด น้ำตกคอนพะเพ็ง

6. Fraser’s Hill รัฐปะหัง Malaysia สุดยอดแหล่งดูนกภูเขาในป่าเมฆของมาเลเซีย อุดมด้วยนกนับร้อยชนิด มีเส้นทางเดินดูนกยอดฮิตที่นักดูนกตัวยงต้องรู้จักคือ Telekom Loop อากาศเย็นสบาย ผืนป่าก็แน่นทึบราวกับป่าดึกดำบรรพ์นกกระรองทองแก้มขาว 1bird watching 2 นกกินปลีอกดำ

7. สุดยอดแหล่งท่องเที่ยวแบบ Man-Made Destination , Singapore ไม่ว่าจะเป็นอาคารต่างๆ ริมอ่าวมาริน่า, โรงละครหนามทุเรียน, ต้นไม้ยักษ์เรืองแสงได้ใน Garden by the Bay, สวนนกจูร่ง, สวนสัตว์ Night Safari, พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมถึงสนามแข่งรถ Formular 1 และอื่นๆ อีกเพียบรูปเปิด Singapore Garden by the bay 3

8. ทางเดินศึกษาธรรมชาติบนยอดไม้ Canopy Walkway อุทยานแห่งชาติอูลูเทมบูรง Brunei สะพานเดินบนยอดไม้ที่สูงที่สุดในอาเซียน สร้างด้วยโครงเหล็กไร้สนิม คล้ายหอคอยสูงกว่า 50-60 เมตรเหนือพื้นดิน! เชื่อมต่อกันด้วยสะพานเดินมั่นคงแข็งแรง ทำให้เราชมหลังคาของป่าดงดิบได้จากมุมมองของนกเลยทีเดียว!รูปเปิด อูลูเทมบูรงTemburong National Park 10

9. โตนเลสาบ เสียมเรียบ Cambodia ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ขนาดใหญ่กว่ากรุงเทพฯ หลายเท่า! ช่วยหล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนมาช้านาน โดยเฉพาะด้านประมง และกิจกรรมท่องเที่ยว ที่มักมีเด็กนำงูเหลือมมาพันตัว นั่งเรือมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่ด้วย แปลก ไม่มีที่ใดเหมือนแน่นอน!รูปเปิด โตนเลสาบโตนเลสาบ 18

10. สามพันโบก จ.อุบลราชธานี ฉายา Grand Canyond เมืองไทย อาณาจักรหินลึกลับใต้ลำน้ำโขง ที่จะโผล่ขึ้นมาให้ชมเฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น ภูมิประเทศของสามพันโบก ส่วนใหญ่เป็นหลุมกุมภลักณษ์ หรือหลุมกลม ขนาด รูปทรงต่างๆ อันเกิดจากเม็ดกรวดทรายถูกสายน้ำโขงพัดมาขัดสีกับหินจนเว้าลึกลงไป ดูไปดูมา คล้ายหลุกอุกาบาตเหมือนกันนะ!คนตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับสะพานหินสามพันโบก รูปเปิด สามพันโบก

10 สุดยอด ที่เที่ยว Taiwan!

1. ตึกไทเป 101  ความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมของคนไต้หวันเขาล่ะ เคยเป็นตึกสูงที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันกลายเป็นตึกสูงอันดับ 6 ของโลก ตั้งอยู่ในกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน ด้วยรูปลักษณ์ได้แรงบันดาลใจมาจากไม้ไผ่ 8 ปล้อง สัญลักษณ์แห่งความเจริญงอกงาม ด้านบนมีลูกตุ้มยักษ์คอยถ่วงน้ำหนักให้ตึกสมดุลย์ยามแผ่นดินไหว สุดยอด!
ตึกไทเป 101 ไทเป 101 หน้าตึก ไทเป 101

2. อุทยานหินเหย่าหลิ่ว  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก! ด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ แหลมหินยื่นยาวออกไปในทะเล เป็นส่วนของเปลือกโลกที่ยกตัวขึ้น แล้วถูกคลื่นและลมกัดเซาะอยู่นับล้านปี ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของหินทรงประหลาดนับพันๆ ก้อน โดยเฉพาะหินเศรียราชินี หินเสือดาว หินรูปดอกเห็ด หินรูปเทียน รูปเต้าหู้ ฯลฯ สุดแล้วแต่จินตนาการ นับว่ามีภูมิทัศน์ธรรมชาติงดงามยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจริงๆ

อุทยานหิน 1 อุทยานหิน 3 อุทยานหิน 4 อุทยานหิน 6 อุทยานหิน 7 อุทยานหิน 8

3. ทะเลสาบสุริยันจันทรา  เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไต้หวัน เกิดจากการรวมตัวกันของทะเลสาบ (อ่างเก็บน้ำ) สองแห่ง จนกลายเป็นทะเลสาบมหึมา รูปจันทร์เสี้ยว Sun Moon Lake ที่งามราวกับภาพวาด ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เราสามารถล่องเรือยนต์ไปยังอีกฝั่งของทะเลสาบ เพื่อเดินขึ้นไปสักการะวัดพระถังซำจั๋ง พระภิกษุนามกระเดื่องผู้เคยจาริกมายังอารามแห่งนี้ อีกทั้งยังมีเกาะขนาดเล็กที่สุดในโลกให้ชมด้วย!ทะเลสาบสุริยันจันทรา 1 ทะเลสาบสุริยันจันทรา 2 ทะเลสาบสุริยันจันทรา 3 ทะเลสาบสุริยันจันทรา 4

4. อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก  ท่านเจียงไคเช็ก คือบิดาแห่งไต้หวัน ผู้สร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้ ตั้งแต่ยุคปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งท่านได้นำชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ กว่า 1.5 ล้านคน มาตั้งรกรากบนเกาะแห่งนี้ จนปัจจุบันไต้หวันมีประชากรถึง 23 ล้านคน และกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแท้จริง เราสามารถไปสัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ได้ที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก อันเป็นที่บอกเล่าประวัติ และเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของท่านให้ชมด้วยอนุสรณ์เจียงไคเช็ค 1 อนุสรณ์เจียงไคเช็ค 3 อนุสรณ์เจียงไคเช็ค 4 อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค. 2JPG

5. วัดจงไถ่ฉานซื่อ  เป็นวัดที่ได้รับการกล่าวขวัญว่า คือศาสนสถานใหญ่อันดับ 3 ของโลก! รองจากนครรัฐวาติกัน ในอิตาลี และวัดพุทธนิกายวัชรยานในทิเบต วัดนี้ภายนอกดูแล้วเหมือนตึก Modern สุดๆ หลังหนึ่ง เพราะได้รับการออกแบบโดยวิศวกรคนเดียวกับที่ออกแบบตึกไทเป 101 นั่นเอง จึงมีความยิ่งใหญ่อลังการและโอ่โถงมาก สิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างในนี้มีขนาดมหึมา จนทำให้เรารู้สึกตัวเล็กกระจ้อยไปเลยทีเดียว แต่มีกฎว่าพอเข้าชมในวัดแล้ว ห้ามพูดกันเด็ดขาด! เพื่อรักษาความสงบของวัดครับ
วัดจงไถ่ฉานซื่อ 1 วัดจงไถ่ฉานซื่อ 2 วัดจงไถ่ฉานซื่อ 3 วัดจงไถ่ฉานซื่อ 4

6. วัดเหวินอู่  วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเชิงเราริมทะเลสาบสุริยันจันทราอันงดงาม จากตัววัดมองลงไปเห็นเวิ้งทะเลสาบสีครามเข้มได้อย่างชัดเจนเต็มตา โดยวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นเทพเจ้าแห่งปัญญา และเทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ รวมถึงสิงโตหินอ่อนสีแดงขนาดยักษ์ 2 ตัวหน้าวัด ซึ่งมีขนาดใหญ่มหึมา แต่ละตัวมีมูลค่าถึง 1 ล้านเหรียญไต้หวัน! ว้าว!
วัดเหวินอุ่ 1 วัดเหวินอุ่ 2 วัดเหวินอุ่ 4 วัดเหวินอุ่ 5 วัดเหวินอู่ 3

7. ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น  ตั้งอยู่ที่เมืองจี่หลง อันเป็นเขตภูเขาสูงสลับซับซ้อนริมทะเล ซึ่งทหารญี่ปุ่นได้ใช้ที่นี่เป็นเหมืองทอง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทว่าเมื่อสงครามยุติลง ก็ได้พลิกโฉมมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ในลักษณะ Walking Street แบบย้อนยุค มีทั้งอาหาร ขนม ของกิ๊ปเก๋ ที่จะชวนให้เรานึกถึงอดีตวันวานสมัยยังเด็ก โดยเฉพาะร้านของกินอร่อยๆ อย่างขนมโมจิ บัวลอยน้ำขิง หมูแผ่น เค้กสับปะรด เห็ดย่าง ลูกชิ้น และร้านชิมชาอู่หลงกลิ่นหอมหวลถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 1 ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 2 ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 3 ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 4

8. ตลาดซีเหมินติง  ย่านช้อปปิ้งใหญ่สุดแห่งหนึ่งในไทเป เป็นถนนคนเดินที่จะคึกคักสุดยามราตรี คล้ายสยามสแคว์กรุงเทพฯ บ้านเรา จึงเห็นคนแต่งตัวแฟชั่นล้ำสมัยเดินมาอวดโฉมกัน สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านของกิน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ฯลฯ ในราคาถูกกว่าไปช้อปที่ญี่ปุ่น เกาหลี และหลายอย่างถูกกว่าบ้านเรา จนต้องเหมากันมาเลยทีเดียว!ตลาดซีเหมินติง 1 ตลาดซีเหมินติง 2 ตลาดซีเหมินติง 3

9. ตลาดฟงเจี้ย Night Market  เป็นตลาดนัดกลางคืนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองไทจง เร่ิมคึกคักตั้งแต่ประมาณ 19.00 น. ไปจนถึง 23.00 น. ถนนช้อปปิ้งเส้นนี้ยาวเหยียด ร้านรวงเรียงรายไปตามสองฟากถนน โดยเฉพาะเสื้อผ้าแฟชั่นนำสมัย และรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง อย่าง Onisuka Tiger, New Balance, Nike,  Addidas ฯลฯ ล้วนถูกอย่างเหลือเชื่อ จนน่าตกใจ! แถมยังเป็นของแท้ มีกล่อง มีใบรับประกันให้ ราคาถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยครึ่งๆ ส่วนใหญ่เหมากันไปคนละสองสามคู่!ตลาดฟงเจี้ย Night Market 1 ตลาดฟงเจี้ย Night Market 2 ตลาดฟงเจี้ย Night Market 3

10. ศูนย์ปะการังแดง  ที่นี่เป็นศูนย์ปะการังแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดแสดงและจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพราะปะการังแดงถือเป็นอัญมณีล้ำค่าแห่งท้องทะเลลึก ในโลกพบเพียง 4 แห่ง คือ ไต้หวัน, เกาะโอกนาวา ญี่ปุ่น, ชายฝั่งตอนเหนือของอิตาลี และที่ประเทศโครเอเชีย อยู่ใต้น้ำระดับความลึกถึง 1,800 เมตร เร่ิมมีการนำมาทำเครื่องประดับในสมัยราชวงศ์ชิง แต่ใช้ได้เฉพาะกับขุนนางชั้นสูง เชื่อกันว่าเป็นปะการังที่พลังพิเศษ สวมใส่แล้วช่วยปรับสมดุลย์กายใจ ขอบอกว่าราคาสูงลิ่ว เริ่มตั้งแต่หลักหมื่นบาท ไปจนถึงหลายสิบล้าน!!!
ศูนย์ปะการังแดงNIKON-18-copy-copy

ททท. พาเที่ยว น่าน สนุกสนาน เมืองต้องห้ามพลาด PLUS แพร่

แพร่ 1

เป็นที่ทราบกันดีว่า หลังจากแคมเปญ 12 เมืองต้องห้ามพลาด ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในปี 2558 ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนไทยภายในประเทศได้เป็นอย่างมาก มาวันนี้ ททท. เขามีแคมเปญใหม่เอี่ยมสำหรับปี 2559 ที่กำลังจะมาถึง 12 เมืองต้องห้ามพลาด PLUS ขยายขอบเขตการท่องเที่ยว ขอบเขตแห่งความสุขเพิ่มออกไปเป็น 24 เมืองต้องห้ามพลาดแล้ว!

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ ได้จัดงานแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2558 โดยมีการจัด Mini Caravan ร่วมกับบริษัท Win Win Smile เยือนดินแดนล้านนาตะวันออก น่าน-แพร่-อุตรดิตถ์ ขับรถแอ๋วเหนือม่วนใจ๋ พร้อมด้วยสื่อมวลชนจากหลายสำนัก ร่วมเดินทางสัมผัสเสน่ห์เมืองเหนือในครั้งนี้แพร่ 2

Mini Caravan ของเราเร่ิมปล่อยตัวกันที่หน้าสถานที่สำคัญของน่าน คือ วัดภูมินทร์ สุดยอดวิหารศิลปะไทลื้อ ซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสุดคลาสสิก ปู่ม่าน ย่าม่าน อยู่ภายในด้วย โดย Mini Caravan ครั้งนี้จะเที่ยวในเส้นทาง น่าน-แพร่-อุตรดิตถ์ ท่ามกลางฟ้าใส และอากาศที่แสนเย็นสบายในต้นฤดูหนาวแพร่ 3

จุดแรกที่เราได้ไปเยือน คือ ดอยเสมอดาว ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน จุดชมทะเลหมอกยามเช้าสุดเจ๋ง ซึ่งสามารถมองลงไปเห็นลำน้ำน่านไหลลดคดโค้งอยู่เบื้องล่าง ท่ามกลางป่าเขียวสดแพร่ 4

ตอนนี้ที่ดอยเสมอดาว มีเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติศรีน่านมากางไว้รอรับนักท่องเที่ยวสำหรับฤดูหนาวนี้ อย่างเป็นระเบียบ แต่ด้วยเนื้อที่บนเขาอันจำกัด ใครไปช้าอาจจะอดนะจ๊ะ
แพร่ 5

จากตรงจุดชมวิวดอยเสมอดาว มองไปทางซ้ายจะเห็น “ผาหัวสิงห์” เป็นผาหินขนาดมหึมา รูปร่างเหมือนหัวสิงโตเลยล่ะแพร่ 6

แม้เราจะไปถึงดอยเสมอดาวกันสายโด่ง ไม่ได้ยลทะเลหมอก แต่ทุกคนใน Mini Caravan ก็มีความสุขสนุกสนานแพร่ 7

ลงจากดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน เรานั่งรถยาวไปจนเข้าเขตจังหวัดแพร่ เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการทำไม้สัก เคียงคู่กับจังหวัดลำปางมาแต่อดีต เมืองแพร่อาบอิ่มด้วยธรรมชาติ ขุนเขาลำเนาไพร และมีแหล่งธรรมชาติชวนพิศวงอยู่แห่งหนึ่ง คือ “แพะเมืองผี” ธรณีวิทยาอันเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำเป็นเวลาหลายล้านปี! จนเราแอบตั้งฉายาให้เล่นๆ ว่าเป็น “สโตนเฮนจ์เมืองไทย” ฮาฮาฮา
แพร่ 8

ทุกวันนี้แพะเมืองผีได้รับการอนุรักษ์สภาพไว้ในรูปแบบของ วนอุทยานแพะเมืองผี มีเนื้อที่กว่า 500 ไร่ โดยมีการจัดทำเส้นทางเดินเข้าไปชมความมหัศจรรย์ได้อย่างใกล้ชิด
แพร่ 9

หลังจากเดินวนเวียนชมแพะเมืองผีจากด้านล่างกันจนหนำใจแล้ว เขายังมีจุดชมวิวจากมุมสูงด้วยนะ
แพร่ 10

วันแรกของการเดินทาง ยังไม่สิ้นสุดลง เพราะในตอนเย็นย่ำ ขบวนคาราวานของเราก็เข้าสู่ใจกลางเมืองแพร่ ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ซึ่งเป็นคุ้มหรือที่ประทับของเจ้าเมืององค์สุดท้ายแห่งเมืองแพร่ คือ เจ้าหลวงพิริยชัยเทพวงศ์ (พระยาพิริยวิไชย) ซึ่งประทับอยู่ที่นี่พร้อมกับพระอัครชายา คือ แม่เจ้าบัวไหล ผู้มีความสามารถในงานเย็บปักถักร้อยขั้นสูง โดยแม่เจ้าบัวไหลได้ปักผ้าทองคำแท้สำหรับคลุมรถเบนซ์ ถวายรัชกาลที่ 5 ถือเป็นผ้าคลุมรถทองคำผืนแรกของสยาม!
แพร่ 11

ปัจจุบันคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เปลี่ยนโฉมเป็นพิพิธภัณฑ์ ตัวบ้านงามด้วยสถาปัตยกรรมขนมปังขิงแบบยุโรป แพร่ 12

คุณธนภร พูลเพิ่ม (เสื้อขาว คนที่ 3 จากซ้ายในภาพ) ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติในเมืองแพร่ เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่อย่างอบอุ่นแพร่ 13

ขวนแห่ตุงอันยิ่งใหญ่อลังการ ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ต้อนรับโครงการ น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่แพร่ 14

การฟ้อนตัวอ่อน เป็นนาฎศิลป์พื้นถิ่นแพร่ และน่าน บ้านพี่เมืองน้องอันใกล้ชิดมาแต่โบราณแพร่ 15 แพร่ 16

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และแขกผู้มีเกียรติจาก ททท. ร่วมกันแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” เพื่อช่วยกันส่งเสริมการท่องเที่ยวจากเมืองหลัก ที่อาจมีความคับคั่ง เมืองรองจึงมีบทบาทเพิ่มขึ้น โดยจังหวัดแพร่และน่าน ต่างก็มีแหล่งท่องเที่ยว วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี คล้ายคลึงเชื่อมโยงกันได้อย่างผสมกลมกลืน

แพร่ 17

ททท. สำนักงานแพร่ ได้จัดแคมเปญ “เส้นทางรักแท้” ภายใต้ธีม “รักแท้ รักนาน เที่ยวน่าน แพร่” เพื่อเชิญชวนให้ครอบครัว เพื่อนรัก และคู่รัก เดินทางมาสัมผัสเสน่ห์ของทั้งสองเมืองคู่แฝดนี้ “รักแท้ เที่ยว แพร่” เชิญเรามาสัมผัสรักนิรันดร์ของตำนานรักพระลอ อนุสรณ์สถานแห่งความเสียสละเพื่อรัก พร้อมมาถวายเทียนคู่ที่วัดพระธาตุช่อแฮ และกราบพระธาตุพันปีเพื่อเสริมสร้างบุญบารมี

เช่นเดียวกับ “รักนาน เที่ยว น่าน” เชิญมาถวายเทียนคู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง แล้วมาสัญญากระซิบรักต่อหน้าภาพเขียนสีปู่ม่าน ย่าม่าน ที่วัดภูมินทร์ ให้รักกันยืนยาวจนแก่เฒ่า จากนั้นก็ไปบอกรักกันต่อในอุทยานแห่งรักแสนโรแมนติก ณ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ทั้งหมดนี้คือเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของแดนดินถิ่นล้านนาตะวันออก อย่างแท้จริงแพร่ 18

การฟ้อนเทียนอันสวยสดงดงาม อ่อนช้อย ของสาวเมืองแพร่ ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่แพร่ 19

เสน่ห์สาวงามเมืองแพร่ งามไม่เป็นสองรองใครจริงๆ เลยแพร่ 20

หลังจากงานแถลงข่าว “น่านเมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” แล้ว แขกผู้มีเกียรติพร้อมด้วยคณะ Mini Caravan ม๋วนใจล้านนาตะวันออก ก็ร่วมกันรับประทานขันโตก อาหารแบบชาวเหนือ ที่ทั้งอร่อย และประทับใจไปกับบรรยากาศย้อนยุค ของเสียงสะล้อ ซอ ซึง และการฟ้อนงามๆ ของสาวแพร่แพร่ 21

เช้าวันถัดมาของการเดินทาง ยามเช้าในเมืองแพร่อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเร่ิมต้นวันนี้ด้วยการไปเยือนกำแพงเมืองแพร่ และตักบาตรทำบุญให้สุขใจ
แพร่ 22

ชาวแพร่เขามีการตักบาตรทำบุญยามเช้าเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เพราะเขามี “การตักบาตรบนสะพานเมฆ” ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่ใช่ทะเลเมฆทะเลหมอกอย่างที่ใครหลายคนคิด ทว่าเป็นการตักบาตรบนกำแพงเมืองโบราณ อยู่ติดกับตลาดเทศบาลแพร่ เราตื่นมาตอนเช้า ไปซื้ออาหารคาวหวานและดอกไม้จากตลาดมาตักบาตรได้เลย โดยพระท่านจะเดินมารับบาตรประมาณ 7 โมงเช้าทุกวัน
แพร่ 23แพร่ 24แพร่ 25

ได้เวลาคณะ Mini Caravan ออกตระเวนซอกแซกเที่ยวต่อ เช้านี้เราจะเดินทางย้อนเวลาหาอดีต กลับไปสัมผัสส่วนเสี้ยวหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ “สถานีรถไฟบ้านปิน” อำเภอลอง เป็นสถานีรถไฟไม้สักที่ถือว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของสยามเลยทีเดียว ว้าว! สถานีรถไฟแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสไตล์บาวาเรียนเยอรมันเป็นแห่งแรกของไทย มี 2 ชั้น งดงามด้วยลวดลายไม้และซุ้มประตูหน้าต่างโค้ง ฉลุฉลายสวยงามมาก อีกทั้งยังสร้างหลังคาแบบปั้นหยา ซึ่งเป็นไสตล์ที่นิยมกันมากในช่วงรัชกาลที่ 5-6 อันเป็นยุคที่สถานีรถไฟบ้านปินถือกำเนิดขึ้น
แพร่ 26

สถานีรถไฟบ้านปินเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างไร? นายสถานีเล่าให้ฟังว่า ทหารอเมริกันได้ขึ้นเครื่องบิน เอาระเบิดมาทิ้งที่สะพานรถไฟที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อหยุดยั้งการลำเลียงทัพของทหารญี่ปุ่น ทว่ามีระเบิดจำนวนหนึ่งไม่ระเบิด ชาวบ้านจึงเข้าไปกู้ถอดสลักและดินปืนออก เหลือแต่เปลือกระเบิดขนาดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านพบว่าใช้เหล็กอย่างดีมาก เมื่อเคาะดูมีเสียงก้องกังวาลเหมือนระฆัง จึงนำไปถวายวัด จนเกิดคำกล่าวที่ว่า “คนแพร่แห่ระเบิดขึ้น” ว้าว!แพร่ 27

เมื่อเที่ยวชมสถานีรถไฟบ้านปินเสร็จแล้ว ก็ต้องไปซด กาแฟแห่ระเบิดเมืองแพร่ ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ ท่านเคยเสด็จมาเสวยด้วย ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟบ้านปิน ถามใครๆ ในอำเภอลองรู้จักแน่นอน โดยร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนน มี Landmark เด่นเป็นลูกระเบิดสีทองขนาดใหญ่แขวนอยู่ให้สังเกตได้ ภายในร้านที่สร้างด้วยไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น จัดเป็น Art Gallery เล็กๆ น่านั่งชิลนานๆ ลองสั่งกาแฟมาซด เปิดอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม ปล่อยตัวและหัวใจไปพร้อมกับตำนานกาแฟแห่ระเบิดเมืองแพร่ 
แพร่ 28

หนึ่งในวัดสำคัญที่สุดของเมืองแพร่ปัจจุบัน คือ “วัดพระศรีดอนคำ” (หรือวัดห้วยอ้อ) อำเภอลอง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองแพร่ไป 45 กิโลเมตร ที่ว่าสำคัญเพราะเก่าแก่นับพันปี สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 1078 สมัยพระนางจามเทวีเสด็จจากเมืองละโว้ไปเมืองหริภุญชัย ที่ว่าเป็นวัดสำคัญเพราะมีพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหน้าอกของพระพุทธองค์แท้ๆ ให้สักการะ พร้อมด้วยระฆังระเบิด 1 ใน 2 ลูกของเมืองแพร่ เป็นระเบิดที่ทิ้งลงมาทำลายสะพานรถไฟข้ามห้วยแม่ต้า ช่ววปี พ.ศ. 2485-2488

แพร่ 29

วัดพระศรีดอนคำยังเป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าพร้าโต้ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ศิลปะพม่า อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ของวัด อันเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุแห่งล้านนาตะวันออกไว้อย่างละลานตาแพร่ 30

ดูกันชัดๆ เลยจ้า นี่คือระฆังระเบิด 1 ใน 2 ลูกของเมืองแพร่ ที่มาของตำนาน คนแพร่แห่ระเบิด! (ก็คือแห่มาถวายวัด)แพร่ 31แพร่ 32

อำเภอลอง จังหวัดแพร่ แม้ดูเผินๆ จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่เชื่อไหมว่ามีความเป็นมายาวนานนับพันปี ตั้งแต่ยุคที่พระนางจามเทวีเสด็จโดยทางเรือขึ้นภาคเหนือ เมื่อผ่านบริเวณนี้เห็นว่าชัยภูมิดีเยี่ยม จึงตรัสว่าไหนลองขึ้นไปชมดูหน่อยซิ บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า “อำเภอลอง” มาจนปัจจุบัน
แพร่ 33

อำเภอลองมีวัดอายุพันปีชื่อ “วัดสะแล่ง” ที่แม้จะเคยถูกทิ้งร้างกว่า 300 ปี แต่ก็ได้รับการบูรณะจนสวยสดงดงาม มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาตะวันออกเด่นสง่า รวมถึงมีพระพุทธรูปไม้จันทน์ของพระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าในอดีต ประดิษฐานอยู่ด้วย วัดนี้มีพิพิธภัณฑ์รวมของเก่าแก่โบราณล้ำค่านับหมื่นชิ้นให้ชม นับเป็นอารามที่คนในท้องถิ่นเคารพบูชาอย่างยิ่งแพร่ 34

พิพิธภัณฑ์วัดสะแล่ง อำเภอลอง จังหวัดแพร่แพร่ 35

อำเภอลองช่างมีเรื่องราวน่าสนใจให้ค้นหาไม่สิ้นสุดจริงๆ จากวัดวาอาราม เราเปลี่ยนบรรยากาศมาชื่นชมศิลปวัฒนธรรมและหัตถกรรมล้ำค่าของคนแพร่กันบ้าง ณ โกมลผ้าทอโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ของท้องถิ่น ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่า 50 ปีก่อนโดย คุณโกมล พานิชพันธ์ ช่างภาพอำเภอลอง ที่เดินทางเก็บภาพวัดวาอารามและประเพณีต่างๆ ของคนแพร่มาจัดแสดงไว้
แพร่ 36

ปัจจุบันได้พัฒนาเพิ่มเติม กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าทอโบราณของคนแพร่ที่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุด จุดเด่นอยู่ที่ห้องจัดแสดงผ้าล้ำค่านานาชนิด อาทิ พญาผ้า ซึ่งเป็นผ้าทอโบราณที่ใช้เทคนิคการทอทุกรูปแบบมารวมไว้ในผืนเดียวกันได้อย่างวิเศษ! รวมถึงผ้าทอทองคำอันประเมินค่ามิได้ ณ ที่นี้เราจะได้ยลผ้าซิ่นตีนจกลับแลอันลือชื่อไปทั่วผืนดินสยามแพร่ 37

ดาบเหล็กอำเภอลองอันโด่งดังในอดีต เป็นเหล็กกล้าไร้สนิม คมกริบ และสามารถม้วนพันไว้รอบเอวได้!
แพร่ 38ซิ่นทองคำอายุหลายร้อยปี อันประเมินค่ามิได้
แพร่ 39

ซิ่นของคนแพร่มีเอกลักษณ์ด้วยการใช้สีแดง เหลือง ขาว เป็นหลัก โดยส่วนหัว (เอว) จะเป็นสีขาว ส่วนตัวซิ่นเป็นลายขวางสีเหลือง แดง เขียว ดำ สลับกัน และส่วนตีนซิ่นมีลวดลายวิจิตพิสดาร พร้อมด้วยปลายตีนสีแดงสด การใช้ลายขวางบนตัวซิ่นมิได้ทำให้ผู้สวมใส่ดูตัวเตี้ยลงแต่อย่างใด เพราะช่างทอโบราณมีการใช้ทฤษฎีสีต่างๆ เข้ามาแซมสลับ ทำให้เกิดความสวยงาม มีทัศนมิติที่ช่วยเสริมบุคลิกของผู้ใส่ได้อย่างวิเศษ นอกจากนี้ซิ่นโบราณอำเภอลองทุกผืน ยังมีการทอลายจำเพาะกำหนดไว้ที่ตีนซิ่น เปรียบเสมือลายเซ็นต์ หรือ Bar Code โบราณ ไม่มีผิดเลยแพร่ 40

ก่อนโบกมืออำลาแพร่ เราแวะไปกราบพระกันที่ “วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี” ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2520 บนถนนสายแพร่-ลำปาง ช่วงอำเภอเด่นชัย เป็นวัดใหญ่ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมอันน่าตื่นตา เพราะมีการนำสถาปัตยกรรมหลายสไตล์มาผสมผสานกัน ทั้งล้านนา ไทยใหญ่ ลาว พม่า และจีน โดยเฉพาะเจดีย์ใหญ่ 30 องค์ ผู้ที่ควบคุมการก่อสร้างคือ ครูบาน้อย (หรือหลวงพ่อมนตรี) ซึ่งท่านได้รวบรวมสุดยอดช่างฝีมือล้านนา ที่เรียกว่า “สล่า” มาก่อสร้างวัดนี้แพร่ 41

สุดยอดของศิลปะล้านนา 11 แห่ง ที่นำมาประยุกต์สร้างโบสถ์วิหารภายในวัดพระธาตุสุโทน ได้แก่

ซุ้มประตูด้านหน้าโบสถ์ จากวัดพระธาตุลำปางหลวง ลำปาง
ซุ้มประตูด้านตะวันออก จากวัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
 ซุ้มประตูด้านตะวันตก จากวัดพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว
 ฐานพระอุโบสถรูปซิกแซก จากวังประทับพระยามังราย เชียงราย
 ประตูและหน้าต่างลวดลายแกะสลัก จากวิหารลายคำวัดพระสิงห์ เชียงใหม่
 ปั้นลมลวดลายเก่าศิลปะทางเหนือ จากวัดต้นเกวน อำเภอสเมิง เชียงใหม่
 นาค 7 เศียร แบบขอมและนางอัปสรปูนปั้น จากวัดเจ็ดยอด เชียงใหม่
 หอไตร จากวัดพระสิงห์ เชียงใหม่
 หอระฆัง จากวัดพระธาตุหริภูญชัย ลำพูน
 กุฏิหลังใหญ่สร้างด้วยไม้สักทองจากบ้านไทยสิบสองปันนา ประเทศจีน
 พระบรมธาตุ 30 ทัส ศิลปะเชียงแสน จากวัดพระธาตุนอ (หน่อ) ของพระชนกพระเจ้าเม็งรายมหาราช จากแคว้นสิบสองปันนา ประเทศจีนแพร่ 42

จากจังหวัดแพร่ ได้เวลาเดินทางมากล่าวทักทาย เมืองอุตรดิตถ์ เมืองเหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก และถิ่นสักใหญ่ที่สุดของโลกแพร่ 43

พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล อุตรดิตถ์แพร่ 44

ภายในพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล ถือเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ ภาษา อาหาร และประเพณีวัฒนธรรมของชาวลับแลอุตรดิตถ์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
แพร่ 45

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมกับ คุณธนภร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานแพร่ กล่าวต้อนรับ Mini Caravan 12 เมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่ อย่างอบอุ่นแพร่ 46

สาวงามเมืองลับแลฟ้อนขันดอกให้เราชมอย่างน่าประทับใจแพร่ 47ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล มี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่พร้อมให้ทั้งข้อมูล มีจักรยานให้เช่าขี่เล่น และเป็นจุดขึ้นลงรถพ่วงชมรอบเมือง วนเวียนไปตามสถานที่สำคัญต่างๆ อย่างเรือนไม้เก่าร้อยปี, พิพิธภัณฑ์ผ้าคุณโจ รวมถึงร้านของกินอร่อยนานาชนิด เช่น ขนมจีนทอด และของทอดร้านป้าณี ลับแล ฯลฯ
แพร่ 48

รถพ่วงชมเมืองลับแลแพร่ 49

เรือนไม้เก่าร้อยปี ทั้งสวยงาม คลาสสิก เต็มไปด้วยมนต์ขลัง และเรื่องราวเก่าๆ ในทุกย่างก้าว ที่นี่เปิดเป็น Homestay ด้วย แค่คืนละ 300 บาทต่อคนเท่านั้นแพร่ 50แพร่ 51

พิพิธภัณฑ์ผ้าคุณโจ นอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมซิ่นตีนจกลับแล ทั้งโบราณและสมัยใหม่แล้ว ยังสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้ชาวบ้านโดยรอบเป็นกอบเป็นกำ เพราะผ้าเหล่านี้ถือเป็นงานประณีตศิลป์ล้ำค่าราคาสูง ผืนหนึ่งสนนราคาตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนบาท ปัจจุบันมียอดสั่งจองยาวเหยียด และจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว!แพร่ 52แพร่ 53

การทอซิ่นตีนจกลับแล จะใช้เทคนิคคล้ายคลึงกับการจกผ้าที่หาดเสี้ยว สุโขทัย ทว่าลายสองด้านของลับแลจะละเอียดเรียบร้อยงามตากว่า งานแขนงนี้จึงเป็นการสืบสานภูมิปัญญาของท้องถิ่น ของชาติ ให้คงอยู่สืบไป
แพร่ 54

ของทอดร้านป้าณี ลับแล ใครมาก็ต้องแวะชิม โดยเฉพาะ “กระบองทอด” ทำจากหน่อไม้ใส่หมูชุบแป้งทอด อร่อยมากๆ
แพร่ 55แพร่ 56

วันสุดท้ายของการเดินทางที่ทั้งยาวไกลและสนุกสนาน Mini Caravan ของเราไปแวะหม่ำอาหารเที่ยงแสนอร่อยสไตล์ Western Fusion กันที่ “ไร่องุ่น คานาอัน” อำเภอทองแสนขัน อุตรดิตถ์ บรรยากาศของไร่นี้ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในอิตาลี หรือในฝรั่งเศสตอนใต้ ไม่มีผิดเลย ฮาฮาฮาแพร่ 57

เดินชมไร่องุ่นแดงที่กำลังผลิผลสะพรั่ง มีทั้งองุ่นกินผลสด และองุ่นทำไวน์แดงแพร่ 58แพร่ 59

อากาศยามบ่ายอาจจะร้อนอบอ้าวนิดนึง แต่เมื่อได้ดื่มน้ำองุ่นสดเย็นชื่นใจ ก็ทำให้โลกสดชื่นขึ้นอีกครั้งเนอะแพร่ 60

ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ในที่สุดเราก็มาถึงแหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายของทริปนี้กันแล้ว กับ “บ่อเหล็กน้ำพี้” อำเภอทองแสนขัน อุตรดิตถ์ ดินแดนแห่งตำนานดาบเหล็กน้ำพี้อันลือลั่น

เหล็กน้ำพี้ แท้จริงแล้วคือแร่เหล็กชนิดหนึ่งที่มีคุณภาพดีเยี่ยม สามารถนำมาถลุงตีเป็นอาวุธนานาชนิด มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษไทยท่านได้นำเหล็กน้ำพี้มาใช้เป็นอาวุธ ต่อสู้รักษาผืนดินไทยไว้ให้ลูกหลานมาจนปัจจุบัน กล่าวกันว่าเหล็กน้ำพี้เป็นโลหะมหัศจรรย์และมีพลังเร้นลับ ผู้ที่ครอบครองสามารถป้องกันภูตผีปีศาจ มนต์ดำ เกิดเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี สุดยอดจริงๆ!
แพร่ 61

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ และกราบสักการะเจ้าพ่อเหล็กน้ำพี้แล้ว ก็ได้เวลาสนุก ตกเหล็กน้ำพี้ ใครโชคดีอาจจะได้ก้อนใหญ่กลับบ้านไปบูชาด้วยแพร่ 62

เหล็กน้ำพี้หน้าตาเป็นอย่างนี้เองนะแพร่ 63

การเดินทางอันยาวไกล บนเส้นทาง “น่าน เมืองต้องห้าม…พลาด PLUS แพร่” ของเราสิ้นสุดลงแล้ว แต่ภาพประทับใจและประสบการณ์ดีๆ ครั้งนี้ จะได้รับการบอกต่อไปไม่สิ้นสุด หน้าหนาวนี้ถ้าคุณยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ขอบอกเลยว่า เส้นทางจาก น่าน-แพร่-อุตรดิตถ์ นั้น สวยงาม หลากหลาย เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ล้านนาตะวันออกจริงๆ จ้า

Special Thanks : ททท. สำนักงานแพร่ เลขที่ 2 ถนนบ้านใหม่ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองฯ จังหวัดแพร่ 54000 โทร. 0-5452-1127 โทรสาร 0-5452-1110  www.tourismthailand.org/phrae , www.easternlanna.org , tatphrae@tat.or.thlogo123-300x300 11150908_463007607208094_5994833930499316607_n

ล่องไพรมหัศจรรย์ ฝันที่เป็นจริง ชุมพร ระนอง!

ล่องแพพะโต๊ะ 1

สมัยผมเป็นเด็ก พ่อเคยเอานิยายเรื่อง “ล่องไพร” มาให้อ่าน พอจำเรื่องเลาๆ ได้ว่า เมื่อสัก 50-100 ปีที่แล้ว สมัยที่เมืองไทยยังปกคลุมด้วยป่าทั้งประเทศ ยุคนั้นเต็มไปด้วยสิงห์สาราสัตว์ ต้นไม้แปลกๆ เรื่องเล่าผีๆ สางๆ และการผจญไพรในป่าลึกอันน่าตื่นเต้น ไม่มีที่สิ้นสุด

แต่พอพ้นยุคปี พ.ศ. 2500 มาแล้ว ป่าไม้เมืองไทยก็หดหายลงมาเหลือแค่ 30 เปอร์เซนต์ บ้านเราจึงเกิดภัยธรรมชาติน้ำท่วมสลับฝนแล้ง ฤดูกาลผิดเพี้ยน นี่คือผลจาการตัดไม้ทำลายป่าอย่างหนักมาหลายชั่วอายุคน!

ในผืนป่าปักษ์ใต้ แถบชุมพร ระนอง ซึ่งต่อเนื่องลงไปถึงป่าของพังงาและสุราษฎร์ธานี ถือเป็นกลุ่มป่าที่มีขนาดใหญ่สุด ซึ่งยังหลงเหลือของภาคใต้ในปัจจุบัน ทริปนี้ เราจะร่วมเดินทางไปสัมผัสส่วนเสี้ยวของป่าต้นน้ำเมืองใต้ ที่ยังมอบความชุ่มฉ่ำให้แก่สรรพชีวิตเสมอมา
ล่องแพพะโต๊ะ 2เริ่มต้นการผจญไพรกันที่ “อำเภอพะโต๊ะ” จังหวัดชุมพร อำเภอแสนน่ารักที่มีคำขวัญชวนให้เที่ยวว่า “พะโต๊ะ ดินแดนแห่งภูเขาเขียว เที่ยวล่องแพ แลหมอกปก น้ำตกงาม ลือนามผลไม้” เพราะนอกจากจะเป็นอำเภอใต้สุดของชุมพร ซึ่งไม่มีทางออกทะเลแล้ว เกือบร้อยเปอร์เซนต์ของพะโต๊ะคือพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อน และผืนพรมของป่าไม้เขียวขจี ต้นน้ำลำธารสำคัญของภาคใต้ตอนบนเลยล่ะครับ โดยผืนป่าเหล่านี้ จะทอดตัวสลับกับสวนผลไม้ของชาวบ้าน ทั้งสวนกาแฟ สวนทุเรียน และสวนมังคุด

ล่องแพพะโต๊ะ 3

กิจกรรมที่สร้างชื่อให้กับอำเภอพะโต๊ะมานานหลายสิบปี และทำให้คนในภาคอื่นได้รู้จักอำเภอพะโต๊ะก็คือ “การล่องแพพะโต๊ะ” ซึ่งในอดีตเป็นการใช้แพไม้ไผ่ ทว่าต่อมามีการรณรงค์อนุรักษ์ธรรมชาติ ผู้ประกอบการจึงเปลี่ยนมาใช้แพท่อเอสล่อนขนาดใหญ่แทน ซึ่งเป็นวัสดุที่ทนทาน ยังคงรักษารูปแบบความสนุกของการล่องแพพะโต๊ะไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากลำคลองพะโต๊ะมีสายน้ำไม่เชี่ยวกราก แก่งต่างๆ ก็มีความยากแค่ระดับ 1-2 ถือว่า ชิลชิล นั่งชมวิวกันได้สบาย
ล่องแพพะโต๊ะ 4

การล่องแพพะโต๊ะ ถือเป็นกิจกรรม Slow-Travel แบบเที่ยวเนิบช้า และเป็น Low-Carbon Tourism ที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกในปริมาณต่ำๆๆๆๆๆๆ จริงๆ เพราะแพของเราจะใช้วิธีการถ่อเท่านั้น ไม่ใช้เครื่องยนต์เสียงดัง ระหว่างทางเราจึงมีโอกาสเห็นนก ลิง หรือนกเงือก ในป่าสองฟากฝั่งได้!
ล่องแพพะโต๊ะ 5

การล่องแพพะโต๊ะ เป็นการล่องแพไปตามน้ำ โดยผู้ประกอบการแต่ละเจ้า ก็จะมีจุดขึ้นลงแพเป็นของตนเอง ส่วนใหญ่จะเป็น แพ็กเกจครึ่งวัน เหมารวมอาหารเที่ยง 1 มื้อด้วย คุ้มค่ามากๆล่องแพพะโต๊ะ 6

เพื่อความปลอดภัย ก็ต้องใส่เสื้อชูชีพกันทุกคนนะครับ ยกเว้นคนที่มีไซต์พิเศษ! อาจต้องใช้เสื้อชูชีพไซต์ BIG กว่าปกติ
ล่องแพพะโต๊ะ 7

บางช่วงของลำคลองพะโต๊ะ น้ำไม่ลึกและไม่เชี่ยว เราจึงโดดน้ำเล่นกันได้อย่างสนุกสนานล่องแพพะโต๊ะ 8

ปล่อยตัวและหัวใจให้หลุดเข้าสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ ป่าเขียว สายน้ำใสอยู่ใกล้แค่เอื้อมล่องแพพะโต๊ะ 9 ล่องแพพะโต๊ะ 10

ระยะทางในการล่องแพพะโต๊ะ จะอยู่ที่ประมาณ 6-10 กิโลเมตร แล้วแต่ผู้ประกอบการแต่ละราย
ล่องแพพะโต๊ะ 11

พี่โรจน์ พี่ชายใจดีแห่งเหวโหลม Homestay ที่พาเรามาล่องแพพะโต๊ะในครั้งนี้ พี่เขาลงทุนถ่อแพให้เองเลย เจ๋งอ่ะล่องแพพะโต๊ะ 12 ล่องแพพะโต๊ะ 13

ในบางช่วง ลำน้ำพะโต๊ะจะขยายกว้างออก เปิดโอกาสให้เราได้เห็นทัศนียภาพสองฟากฝั่งน้ำ และทิวเขาเบื้องหน้า ที่มีป่าดิบปกคลุมแน่นทึบอุดมสมบูรณ์ นี่คือป่าต้นน้ำที่แท้จริงของปักษ์ใต้บ้านเรา
ล่องแพพะโต๊ะ 14 ล่องแพพะโต๊ะ 15

เมื่อการล่องแพจบลง ยังมีบรรยากาศควันหลงของการโหนเชือกโดดน้ำเล่นกันตูมตาม นับเป็นโมงยามแห่งความสุข ของการท่องเที่ยวอำเภอพะโต๊ะ ที่มีมาแล้วหลายสิบปี และจะยังคงดำเนินเช่นนี้ต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตราบใดที่คนพะโต๊ะยังคงรักษาป่าต้นน้ำของพวกเขาไว้
ล่องแพพะโต๊ะ 16

พี่โรจน์ มาเผาข้าวหลามเตรียมไว้ให้เรากินหลังจากล่องแพเสร็จแล้ว กินกันแบบง่ายๆ ลูกทุ่งๆ อย่างนี้เราชอบล่องแพพะโต๊ะ 17

หน้าตาของข้าวหลามที่สุกพร้อมกินแล้ว ข้าวนิ่ม กลิ่นหอมฉุย เพราะห่อด้วยใบตอง ผสานกับกลิ่นของกระบอกไม้ไผ่ และกลิ่นฟืน เป็นข้าวหลามธรรมชาติที่กินกันได้ไม่อั้น มื้อนั้นผมเลยซัดเข้าไป 4 ห่อ ทั้งจุก ทั้งอร่อย ฮาฮาฮา แต่พี่โรจน์เขาบอกว่ามีสถิติ คนกินสูงสุดได้ 7 ห่อ! ล่องแพพะโต๊ะ 18

กับข้าวพื้นบ้านแสนอร่อย เติมพลังหลังจากล่องแพกันมาหลายชั่วโมง มีทั้งปลาทูทอด, น้ำพริกกะปิใส่กุ้งสด ผักเหนาะ, ข้าวหลาม, ใบเหรียงผัดไข่, ผักกูดราดกะทิ, แกงส้มหยวกกล้วย, ต้มตำลึง และไข่เจียวมหัศจรรย์ ฮาฮาฮา หรอยจังหู! (ภาษาใต้แปลว่า อร่อยมากเลยครับ)
น้ำตกเหวโหลม 1นอกจากการล่องแพสุดมันส์แล้ว อำเภอพะโต๊ะยังเป็นดินแดนที่มีน้ำตกน้อยใหญ่อยู่นับสิบแห่ง โดยเฉพาะพระเอกของที่นี่คือ “น้ำตกเหวโหลม” (ชื่อเดิม น้ำตกเหวถล่ม) เป็นน้ำตกสวยกลางป่าดิบรกทึบ สายน้ำถาโถมลงมาจากหน้าผาหินแกรนิตสูงกว่า 40 เมตร กว้างกว่า 25 เมตร โดยเฉพาะในฤดูฝน สายน้ำจะไหลรุนแรงดังกึงก้อง ละอองน้ำปลิวว่อนไปทั่ว ด้านหน้ามีแอ่งน้ำสีมรกตให้ลงเล่นกันด้วย และถ้าไปเที่ยวในตอนเช้าตรู่ ก็อาจได้เห็นสายรุ้งพาดอยู่หน้าน้ำตกอย่างงดงาม น่าประทับใจน้ำตกเหวโหลม 2

สายรุ้งพาดอยู่หน้าน้ำตกเหวโหลมในยามเช้าตรู่
น้ำตกเหวโหลม 3

หน้าน้ำตกเหวโหลม มีวังน้ำใหญ่และสายน้ำไหลเย็น ให้ลงว่ายเล่นกันได้ แต่ถ้าใครว่ายน้ำไม่แข็ง ก็พยายามอย่าลงไปในจุดที่ล้ำลึกเกินเท้าหยั่งถึงละกันนะครับ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุดน้ำตกเหวโหลม 4

การเข้าถึงนำ้ตกเหวโหลมนั้นไม่ยากเลย จากลานจอดรถ เดินป่าเข้าไปตามทางเลียบธารน้ำ ประมาณ 200 เมตรเท่านั้น โดยลักษณะเป็นทางปูน ที่มีขั้นบันไดและราวจับอย่างดี แต่ก็มีลื่นบ้างในบางจุด เพราะป่าดิบภาคใต้นั้นขึ้นชื่อเรื่องความชื้นฉ่ำน้ำตกเหวโหลม 5บัวผุด พะโต๊ะ 1

ไม่ไกลจากน้ำตกเหวโหลม พี่โรจน์แห่งเหวโหลม Homestay ได้พาเราไปผจญไพรกันต่อในป่าต้นน้ำแท้ๆ ของ หน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำพะโต๊ะ ตำบลปากทรง ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานราชการที่เข้ามาช่วยดูแลพื้นที่ อนุรักษ์ป่าต้นน้ำผืนนี้ไว้ ควบคู่กับการทำความเข้าใจกับชาวบ้านรอบป่า ให้เห็นถึงความสำคัญในการคงอยู่ของป่าบัวผุด พะโต๊ะ 2บัวผุด พะโต๊ะ 3บัวผุด พะโต๊ะ 4

วันนี้เส้นทางเดินป่าของเราไม่ธรรมดา! เพราะเป็นการบุกป่าฝ่าดงไปตามหา ดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย! นั่นคือ ดอกบัวผุด หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Rafflesia kerrii เรียกง่ายๆ ว่า รัฟฟลีเซีย แต่ชาวบ้านในท้องถิ่นรู้จักบัวผุดในชื่อ ดอกบัวตูม ตั้งแต่สมัยโบราณมานิยมเก็บหัวของบัวผุดที่ยังไม่บาน เป็นหัวอวบอ้วนคล้ายกะหล่ำ ไปทำยา โดยเฉพาะการชงกับน้ำร้อน ดื่มเป็นชาที่เชื่อว่าช่วยบำรุงสุขภาพ!

ทว่าจริงๆ แล้วบัวผุดเป็นพืชหายากของโลก การถูกรบกวน หรือเก็บออกไปจากธรรมชาติ ก็จะทำให้มันลดจำนวน จนอาจสูญพันธุ์ไปได้ในอนาคต!!!!!
บัวผุด พะโต๊ะ 5

เส้นทางเดินป่าของเราในวันนี้ ผ่านเข้าไปในใจกลางป่าดิบชื้นแท้ๆ ระหว่างทางมีแต่ต้นไม้ใหญ่สูงหลายสิบเมตร โคนต้นใหญ่หลายคนโอบ บางต้นมีพูพอนขนาดใหญ่แผ่ออกไปด้านข้าง เพื่อช่วยพยุงคำ้ยันลำต้นไว้
บัวผุด พะโต๊ะ 6

เส้นทางบางช่วง จะต้องเดินเลียบไปตามธารน้ำเล็กๆ กลางป่าดิบ เราจึงได้พบเฟินขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ปกคลุมเขียวครึ้ม จนเราสัมผัสได้ถึงความเย็นฉ่ำของอากาศในบริเวณนั้น
บัวผุด พะโต๊ะ 7

ดอกไม้เล็กๆ ในตระกูลเร่วและกระวาน หนึ่งในสมาชิกของพืชวงศ์ขิงข่า (Zingiberaceae) ซึ่งเป็นพืชพื้นล่างของป่า ช่วยปกคลุมดินรักษาความชุ่มชื้นไว้ แถมพืชในตระกูลนี้ยังใช้เป็นอาหารและยารักษาโรคได้หลากหลายมากบัวผุด พะโต๊ะ 8

เห็ดป่านานาชนิด งอกงามขึ้นจากซากต้นไม้กิ่งไม้ผุบนพื้นป่า นับเป็นกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติ ให้สารอาหารต่างๆ กลับคืนสู่ระบบนิเวศอีกครั้ง บัวผุด พะโต๊ะ 9

เห็ดขอน (บางคนเรียก เห็ดหลินจือป่า) ขนาดใหญ่ ขึ้นอยู่บนซากต้นไม้ที่ล้มพังพาบลงมาอยู่บนพื้นบัวผุด พะโต๊ะ 10

ระหว่างเส้นทางล่องไพร เราพบ ดอกค้างคาวดำ (Tacca chantrieri) เบ่งบานอยู่เป็นจำนวนมาก พืชชนิดนี้นอกจากจะมีรูปทรงประหลาดแล้ว ชาวบ้านยังนิยมเก็บใบและยอดอ่อน ไปลวกกินเป็นผักแกล้ม หรือใช้หัวใต้ดินมาหั่นเป็นแว่น ดองกับเหล้า กินเป็นยาบำรุงกำลัง โดยในปัจจุบันนิยมนำมาปลูกเลี้ยงเป็นไม้ประดับสวนกันได้แล้วด้วยบัวผุด พะโต๊ะ 11

ผ่านความยากลำบากของเส้นทางเดินป่าอันยาวไกล รกทึบ ขึ้นๆ ลงๆ ไปตามสันเขา ประมาณ 2 ชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่ดอกบัวผุดขึ้นอยู่! พื้นที่เป็นสันเขาค่อนข้างลาดชัน โดยรอบเต็มไปด้วยเถาวัลย์ป่าชนิดหนึ่งชื่อ ย่านไก่ต้ม ซึ่งจริงๆ แล้วคือต้นกำเนิดของดอกบัวผุดนั่นเอง!

เพราะดอกบัวผุดมีชีวิตเป็น “พืชเบียน” หรือ Parasitic Plant ที่มีลักษณะเป็นเส้นใยรา อาศัยดูดกินน้ำเลี้ยงอยู่ในเถาย่านไก่ต้ม เมื่อบัวผุดต้องการสืบพันธุ์ จึงค่อยๆ มีหัวตูมผุดขึ้นมา โดยหัวบัวผุด (ชาวบ้านเรียก บัวตูม) จะมีลักษณะคล้ายหัวกะหล่ำสีส้มอมแดงเต่งอยู่ 9 เดือน แล้วบานออกเพียง 7 วัน เท่านั้นในรอบปี จุดที่เคยมีดอกบานออกมาจากย่านไก่ต้มแล้ว ก็จะไม่มีดอกซ้ำ แต่ดอกจะไปผุดขึ้นจากจุดอื่นแทน อัศจรรย์จริงๆ
บัวผุด พะโต๊ะ 12

วันที่เราไปถึง ดอกบัวผุดยังไม่บาน แต่ก็ถือว่ากำลังเต่งเต็มที่แล้ว บัวผุด พะโต๊ะ 13

หลังจากนั้นอีกเพียง 2 วัน ดอกบัวผุดก็บานเต็มที่! มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 100 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร! เป็นราชาของดอกไม้ยักษ์กลางป่าดิบที่ไม่มีพืชชนิดใดเทียบได้ แม้ว่าผมจะเคยเดินป่าไปดูบัวผุดที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี มาแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า บัวผุดพะโต๊ะสุดยอดไม่แพ้กัน แถมยังมีปริมาณเยอะมากๆๆบัวผุด พะโต๊ะ 14

บัวผุดเป็นพืชที่มีดอกตัวผู้ และดอกตัวเมีย อยู่แยกกันคนละที่ มันจึงต้องผลิตกลิ่นคล้ายเนื้อเน่าอ่อนๆ เพื่อล่อแมลงให้มาช่วยผสมพันธุ์ให้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า เมล็ดที่ได้รับการผสมแล้ว กลับลงไปอยู่ในเถาย่านไก่ต้มได้อย่างไร? ยังเป็นปริศนาที่รอการไขต่อไป! หรือว่ามันกลับคืนสภาพเป็นลักษณะเส้นใยรา กลับลงไปอยู่ในย่านไก่ต้มดังเดิม ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ?ถ้ำนางทอง 1ทริปล่องป่าผจญไพรของเรายังไม่สิ้นสุด แต่ยังมี Surprise! อีกที่ ตำบลบางสน อำเภอปะทิว ชุมพร กับการเที่ยว “ถ้ำนางทอง” ถ้ำขนาดใหญ่ที่ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ จึงมีรอยเท้าของมนุษย์เพียงไม่กี่คน เคยเข้าไปสำรวจถ้ำแห่งนี้!ถ้ำนางทอง 2

การผจญภัยเที่ยวถ้ำนางทอง คงจะต้องมีร่างกายแข็งแรงสักหน่อย เพราะทางช่วงแรกต้องปีนเขาโหนเชือกขึ้นไป แล้วเดินป่าสู่ปากถ้ำที่มีปล่องแคบนิดเดียว เพื่อปีนบันไดชันลงสู่โถงยักษ์ภายในถ้ำ การเดินป่าทุกครั้งจำเป็นต้องมีไกด์ท้องถิ่น คราวนี้เราได้ พี่แตน พี่สาวใจดีแห่ง Homestay บ้านธรรมชาติ พาน้องๆ พลพรรคตัวจิ๋วไปเที่ยวถ้ำกัน

สิ่งสำคัญคือ ทุกคนต้องมีไฟฉายประจำกาย รวมถึงมีเทียนและไม้ขีดเอาไว้สำรองด้วย เพราะในถ้ำไม่มีไฟฟ้านะครับ
ถ้ำนางทอง 3ถ้ำนางทอง 4

ปากถ้ำนางทอง มีรูแคบพอให้คนแค่ 1-2 คนมุดลงมาได้ จากนั้นก็ต้องไต่บันไดชันลงไปอย่างระมัดระวัง ข้าวของที่จะนำลงไปได้ จึงต้องเป็นอะไรที่จำเป็นจริงๆ ไม่งั้นคงพะรุงพะรังแย่
ถ้ำนางทอง 5

โถงแรกของถ้ำนางทอง มีความสูงและกว้างมากๆ โดยบนเพดานบนสุดมีปล่องทะลุออกสู่ป่าภายนอก ปล่อยให้แสงอาทิตย์ลอดเข้ามาได้บ้าง ตามผนังถ้ำมีเสาหินขนาดยักษ์ รวมถึงม่านหินย้อย และหลืบโพรงอีกนับไม่ถ้วน ในโถงแรกนี้อากาศถ่ายเทดี มีลมอ่อนๆ ไม่อึดอัด แถมไม่มีกลิ่นขี้ค้างคาวให้รำคาญใจด้วย
ถ้ำนางทอง 6

เมื่อเดินลึกเข้ามาในถ้ำ ก็ยังพบประติมากรรมธรรมชาติอีกหลายลักษณะ ซึ่งหลายคนจินตนาการไปเป็นรูปต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะสาหินปูน หรือ Limestone Pillar นั้น แต่ละต้นน่าจะมีอายุเป็นแสนปี! เพราะกว่าหินงอกและหินย้อยจะเติบโตมารวมกันกันเป็นเสาหินได้ ต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคน!

กระบวนการเกิดถ้ำหินปูน จริงๆ แล้วเกิดจากน้ำฝนที่รวมตัวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ เกิดเป็นกรดคาร์บอนิกอ่อนๆ ค่อยๆ กัดกร่อนเขาหินปูน จนทะลุเข้าไปเป็นโพรงถ้ำ แล้วขยายขนาดออกเรื่อยๆ ชาวบ้านเล่าว่า ถ้ำนางทองในฤดูฝนจะมีน้ำไหลลงมาหลายจุด เราจึงพบขั้นบันไดหินปูน ที่มีร่องรอยของแอ่งน้ำขังถ้ำนางทอง 7ถ้ำนางทอง 8

ความสวยงามมหัศจรรย์แห่งถ้ำนางทองถ้ำนางทอง 9ถ้ำนางทอง 10

เมื่อเดินเข้ามาถึงโถงใหญ่ในสุดของถ้ำนางทอง ก็ต้องตกตะลึงอีกรอบ เพราะมันมีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก เพดานบนสุดมีช่องโพรงทะลุประมาณ 3 โพรง ปล่อยให้แสงแดดจากภายนอกลอดเข้ามาได้ ถ้ำแห่งนี้จึงมีอากาศถ่ายเทตลอด ไม่ร้อนอบอ้าว หรือมีกลิ่นเหม็นใดๆ หินงอกหินย้อยและรากไม้ใหญ่ที่ชอนไชหินปูนลงมาในถ้ำ สร้างบรรยากาศสวยงาม ลึกลับ น่าขนลุก แต่ก็น่าค้นหาในเวลาเดียวกันถ้ำนางทอง 11ถ้ำนางทอง 12

ใช้เวลาอยู่ในถ้ำนางทองกันกว่า 2 ชั่วโมง ออกมาได้ น้องๆ ผู้นำเที่ยวท้องถิ่น ลูกๆ หลานๆ พี่แตน Homestay บ้านธรรมชาติ ก็เอามะพร้าวน้ำหอมมาเฉาะให้เราดื่มกันสดๆ ชื่นใจดีจริงๆ ครับ ต้องขอบคุณทุกคนมากสำหรับวันนี้ค่างแว่นถิ่นใต้ 2

ในส่วนของจังหวัดชุมพร ถ้าใครมีเวลาเหลือ ต้องไม่พลาดการไปเที่ยวที่ เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าถ้ำเขาพลู (วัดถ้ำเขาพลู) อำเภอปะทิว เพื่อชมความน่ารักของ “ค่างแว่นถิ่นใต้” (Dusky Langur) สัตว์ในตระกูลลิงอันซุกซน ที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตอยู่บนยอดไม้ เก็บกินใบไม้ผลไม้เป็นอาหารไปตามเรื่องตามราว พอดีช่วงนี้แม่ค่างแว่นมีลูกน้อยด้วย เราจึงได้เห็นลูกน้อยขนสีทองซุกอยู่กับอกแม่ หรือปีนป่ายโหนกิ่งไม้เล่นไปมาอย่างน่าชมบ้านไร่ ไออรุณ 1

ทริปนี้ยอมรับว่าเหนื่อย แต่ก็คุ้มและสนุกมาก เพราะได้สัมผัสป่าต้นน้ำของชุมพรกันจนเต็มอิ่ม ก่อนกลับบ้าน พี่ปูแห่ง ททท. สำนักงานชุมพร-ระนอง เลยพาเราไปพักผ่อนแบบชิลชิล กันที่ “Farmstay บ้านไร่ ไออรุณ” ของคุณเบส สถาปนิกหนุ่มผู้จบการศึกษาจากเมืองกรุง แต่เดินตามฝันของตัวเอง กลับไปพัฒนาบ้านสวนของพ่อแม่ จนกลายเป็น Farmstay ที่ดู Modern กลมกลืนกับบรรยากาศสวนผลไม้แบบสมรมของอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ได้ดีเยี่ยมบ้านไร่ ไออรุณ 2บ้านไร่ ไออรุณ 3

ขอบอกว่า Farmsaty บ้านไร่ ไออรุณ เขาไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เพราะมีความพิเศษหลายอย่าง ตั้งแต่การสร้างสะพานทางเดินยกระดับ เชื่อมโยงบ้านพักแต่ละหลังเข้าหากัน โดยทางเดินนี้ แท้จริงแล้วใช้เป็นเส้นทางชม “ดอกพลับพลึงธาร” หรือ “ดอกหอมน้ำ” ซึ่งเป็นพืชหายากของโลก! ตามธรรมชาติพบเฉพาะในลำธารน้ำใสกลางป่าดงดิบชื้น ของจังหวัดระนองเท่าน้ัน แต่เดิมเคยพบในคลองนาคา ทว่าได้สูญพันธุ์ไปแล้ว บ้านไร่ ไออรุณ จึงนำพันธุ์มาเพาะเลี้ยงจนสำเร็จ! น่าชื่นชมจริงๆ ครับ
บ้านไร่ ไออรุณ 4

ดูกันชัดๆ ครับ กับหน้าตาแสนน่ารักของ ดอกพลับพลึงธาร พืชหายากของโลก! ซึ่งตามธรรมชาติเธอชอบขึ้นอยู่ในลำธารเล็กๆ กลางป่าดงดิบชื้น เงียบสงบ ต้องเป็นลำธารที่สะอาด น้ำใสมาก ไม่ค่อยมีตะกอน น้ำไม่ไหลเชี่ยว และท้องลำธารต้องเป็นดินปนทราย ตามธรรมชาติหายากแล้วครับ มาชมที่บ้านไร่ ไออรุณ ก็ได้ ง่ายและชิลดีบ้านไร่ ไออรุณ 5บ้านไร่ ไออรุณ 6บ้านไร่ ไออรุณ 7

ต้นอ่อนของพลับพลึงธาร ที่บ้านไร่ ไออรุณ พยายามหาวิธีฟูมฟักจนสำเร็จ ขอปรบมือให้ดังๆ เลยครับบ้านไร่ ไออรุณ 8

ความพิเศษมากๆ อีกอย่างของบ้านไร่ ไออรุณ คือเขามีที่พักให้ด้วย คนที่มาพักจะสัมผัสได้ตลอดเวลา ถึงกลิ่นอายของคำว่า ART & Design เพราะคุณเบส เจ้าของ Farmstay แห่งนี้ เป็นคนที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ด้วยความรู้ที่รำ่เรียนมาด้านสถาปนิก จึงสรรค์สร้างที่พัก ห้องครัว ร้านอาหาร รวมถึงการจัด Lansdcape ให้ดู Modern มากๆ ถึงขนาดเคยขึ้นปกหนังสือชื่อดัง My Home มาแล้ว!
บ้านไร่ ไออรุณ 9

นี่ถ้าไม่บอกว่าอยู่ระนอง ผมคงนึกว่าต้องเป็นบ้านไร่แถวยุโรปแน่ๆ เลย
บ้านไร่ ไออรุณ 10

เราจบทริปผจญไพรในป่าใต้ ชุมพร ระนอง กันที่เก้าอี้และหมอนอิงนิ่มๆ ของบ้านไร่ ไออรุณ พร้อมกับภาพประทับใจ ในประสบกาณ์ดีๆ มากมาย ที่ทำให้เรารู้สึกรู้ซึ้งว่า จริงๆ แล้วเมืองไทยของเราช่างกว้างใหญ่นัก และยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกนับไม่ถ้วนให้เราไปสัมผัส คงจะดีไม่น้อยเลย ถ้าเราได้หยุดเวลาไว้ตรงนี้ ตลอดไป

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร – ระนอง เลขที่ 111/11-12 ถนนทวีสินค้า ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองฯ จังหวัดชุมพร โทร. 0-7750-2775-6 สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดีNIKON-18-copy-copy

More info

  • ล่องแพพะโต๊ะ สอบถาม ที่ว่าการอำเภอพะโต๊ะ ชุมพร โทร. 0-77 53-9040, มาลินล่องแพ โทร. 08-9592-8376
  • เดินป่าดูบัวผุด อำเภอพะโต๊ะ ชุมพร ติดต่อ เหวโหลม Homestay โทร. 08-1968-3893 (คุณโรจน์)
  • ชมรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าต้นน้ำพะโต๊ะ โทร. 0-7752-0075, 08-4926-7007
  • ถ้ำนางทอง ตำบลบางสน อำเภอปะทิว ชุมพระ ติดต่อ Homestay บ้านธรรมชาติ โทร. 08-9873-8535, 08-1273-0127 (คุณแตน)
  • พลับพลึงธาร Farmstay บ้านไร่ ไออรุณ อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง โทร. 08-3051-1654 (คุณ Best)

วันเดียวเที่ยว 4 เกาะ เลาะอ่าวไทย ไปทะเลชุมพร

_ACM1475

ว้าวๆ วันนี้พี่อ๋องแห่งเว็บไซต์ www.GoTravelPhoto.com จะร่วมเดินทางไปกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง ล่องเรือสปีทโบ๊ทความเร็วสูง โล้คลื่นออกไปเที่ยว “หมู่เกาะทะเลชุมพร” ฉายา เมืองหาดทรายสวย 400 ลี้ หรือประตูสู่ภาคใต้ ที่มีหมู่เกาะเรียงรายอยู่ในทะเลตามแนวทิศเหนือ-ใต้ กว่า 40 เกาะ เหมาะมากสำหรับการออกไปดำน้ำทักทายหมู่ปลาและปะการังใต้ท้องทะเลสีครามคร้าบเกาะชุมพร 2

ชุมพรอาจจะเป็นเพียงเมืองผ่านในสายตาใครหลายๆ คน เพราะเมื่อคิดถึงเกาะ คิดถึงทะเลสวยๆ ของภาคใต้ หลายคนก็คงเลยลงไปเที่ยวกระบี่, ตรัง, พังงา, สตูล, ภูเก็ต ฯลฯ กันหมด! ถ้าคุณเที่ยวทะเลเหล่านั้นจนทั่วแล้ว และต้องการหาที่เที่ยวแปลกใหม่ล่ะก็ ขอบอกเลยว่า “ทะเลชุมพร” คือตัวเลือกที่คุ้มค่าสุดๆ เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวกด้วยเครื่องบินตรงจาก กทม. แล้ว ท้องทะเลของชุมพรยังงามจับใจไม่แพ้ที่ใดๆ เลย
เกาะชุมพร 3เกาะกว่า 40 เกาะของชุมพร กระจายอยู่ในทะเลอ่าวไทยในแนวทิศเหนือ-ใต้ ไล่ตั้งแต่อำเภอปะทิว, อำเภอมืองชุมพร, อำเภอสวี, อำเภอทุ่งตะโก และอำเภอหลังสวน โดยแบ่งได้เป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ หมู่เกาะด้านทิศเหนือ และหมู่เกาะด้านทิศใต้ โดยด้านทิศเหนือเด่นด้วยเกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ เกาะทะลุ และเกาะกะโหลก ซึ่งเป็นทริป “วันเดียวเที่ยว 4 เกาะ” ของเราในครั้งนี้ ส่วนหมู่เกาะด้านทิศใต้ เด่นๆ คือ เกาะลังกาจิว และเกาะละวะ โดยส่วนใหญ่ที่กล่าวมา ล้วนเป็นสัมปทานเกาะรังนกที่ขึ้นเหยียบเกาะไม่ได้ แต่เขาอนุญาตให้ดำน้ำเล่นกันรอบๆ เกาะได้ครับ

เกาะชุมพร 4

ทริปวันเดียวเที่ยว 4 เกาะของเรา เริ่มต้นจากการนั่งเรือสปีทโบ๊ทความเร็วสูง ออกจากท่าเรือปากน้ำชุมพร แล่นไปทางตะวันออกตรงสู่เวิ้งน้ำสีครามเบื้องหน้า วันนี้ฟ้าใสแจ๋ว เป็นใจมากสำหรับการเที่ยวทะเล เรือแล่นมาประมาณ 40 นาที ก็ถึงจุดดำน้ำแรก คือ “เกาะง่ามน้อย” เกาะสัมปทานรังนกที่ไม่อนุญาตให้เหยียบเกาะได้ แต่อนุญาตให้ดำน้ำเล่นกันรอบๆ เกาะได้ โดยในนบริเวณนี้มีปะการังแข็งและปะการังโขดเป็นส่วนใหญ่เกาะชุมพร 5

แต่ก่อนจะลงดำน้ำตื้น ก็ต้องมาเตรียมความพร้อม ความปลอดภัย กับการใส่เสื้อชูชีพที่พอดีตัว และใส่หน้ากากดำน้ำ (Marsk) ซึ่งมีท่อหายใจติดอยู่ จะได้ลงไปดำผุดดำว่าย ชมโลกใต้ทะเลได้อย่างชัดเจนเกาะชุมพร 6

การดำน้ำตื้นที่หน้าเกาะง่ามน้อยถือว่าค่อนข้างปลอดภัย เพราะคลื่นลมไม่แรง น้ำไม่ลึก ไกด์ดำน้ำจะโยงสายเชือกยาวให้นักท่องเที่ยวเกาะตามกันไปเป็นแถว ค่อยๆ ตีขาว่ายน้ำตามไปอย่างช้าๆ ไม่รีบ น้ำบริเวณนี้ใสมาก เป็นสีเขียวมรกตไม่แพ้แถบทะเลตรังเลยสักนิดเดียวเกาะชุมพร 7

การดำน้ำแม้ว่าจะเป็นน้ำตื้น ควรมี Buddy หรือเพื่อนรู้ใจ คอยดำน้ำเคียงกันไปข้างๆ เพื่อความอุ่นใจครับ
เกาะชุมพร 8

จุดเด่นของเกาะง่ามน้อย ซึ่งถือเป็น Landmark สำคัญ จนผู้คนทั่วไปจดจำกันชินตา ก็คือ หน้าผาหินปูนที่มีกระท่อมของคนเฝ้ารังนกอยู่บนนั้น คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเลจริงๆ นะเนี่ยะ เสียดาย ที่ขึ้นเกาะไปทักทายพี่ๆ เขาไม่ได้ ฮาฮาฮาเกาะชุมพร 9 เกาะชุมพร 10ากจุดดำน้ำด้านทิศตะวันตกของเกาะง่ามน้อย เราลองให้พี่กัปตันเรือ วนเรือสปีทโบ๊ทมาดูวิวด้านทิศตะวันออกกันบ้าง ก็สวยไปอีกแบบ ดูคล้ายเกาะในหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะสมัยก่อน ที่มีกระท่อมสำหรับคนติดเกาะด้วย เกาะชุมพร 11

เกาะง่ามน้อย จากด้านทิศใต้ งามด้วยริ้วลายของผาหินปูน ที่มีต้นไม้เขียวๆ สลับแซมขึ้นมาเป็นหย่อมๆเกาะชุมพร 12.1

เกาะง่ามน้อยด้านทิศตะวันออก มองเห็นกระท่อมของคนงานเฝ้าถ้ำรังนกได้อย่างชัดเจน
เกาะชุมพร 12.2

กระท่อมคนเฝ้ารังนกบนเกาะง่ามน้อย ปลูกเป็นเพิงแบบง่ายๆ มุงหลังคาจาก คลาสสิกดีแท้เกาะชุมพร 12

ที่ด้านตะวันออกของเกาะง่ามน้อย มีโขดหินโผล่พ้นน้ำอยู่หลายกอง มองทะลุลงไปในแผ่นน้ำใสแจ๋ว เห็นชัดเลยว่าใต้น้ำมีโขดปะการังที่สามารถลงไปดำน้ำชมได้อีกเพียบ
เกาะชุมพร 13 เกาะชุมพร 14

จากเกาะง่ามน้อย แล่นเรือต่อไปอีกแค่ไม่กี่อึดใจ ในที่สุดเราก็มาถึงอีกหนึ่ง Landmark สำคัญของหมู่เกาะทะเลชุมพร นั่นคือ หินฝ่ามือพระพุทธเจ้า หลายคนทำหน้างง ผมบอกเลยว่าไม่ต้องงง แค่เพ่งดูดีๆ และใช้จินตนาการประกอบครับ
เกาะชุมพร 15.1

นี่ไง ดูกันชัดๆ หินผาฝ่ามือพระพุทธเจ้า โดยในบริเวณหน้าผาที่เป็นสีส้มนั้น คือส่วนของใบหน้า และมีแง่งหินสีดำรูปฝ่ามือโค้งๆ โผล่ขึ้นมา ราวกับว่าพระพุทธเจ้าท่านกำลังประทานพรให้แก่ชาวเล และผู้ที่ได้มาเยือนถึงเกาะนี้ นับเป็นประติมากรรมธรรมขาติแห่งท้องทะเลที่เหมาะจะเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกจริงๆ ครับ
เกาะชุมพร 15.2

หินฝ่ามือพระพุทธเจ้า แห่งทะเลชุมพรเกาะชุมพร 15

ไม่ไกลกันนัก คือที่ตั้งของ “เกาะทะลุ” เกาะมหัศจรรย์ที่มีช่องโพรงลอดทะลุขนาดใหญ่ โดยด้านบนเป็นสะพานหินธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากในอดีตเมื่อหลายแสนปีก่อน น้ำได้กัดเซาะโพรงเล็กๆ ของเกาะนี้ จนค่อยๆ ขยายขนาดทะลุถึงกันสองด้าน ดังปรากฏเป็นรูปลักษณ์ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ เกาะชุมพร 16.1

เกาะทะลุจริงๆ แล้วมีชื่อซ้ำกันหลายจังหวัด ทั้งเกาะทะลุ จ.ชุมพร, เกาะทะลุ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเกาะทะลุ จ.ระยอง โดยเกาะทะลุ ชุมพร ถือเป็นจุดดำน้ำท่องเที่ยวและ Landmark ที่สำคัญ รอบๆ เกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสวยงาม ซึ่งฝูงปลาจำนวนมหาศาลใช้เป็นที่หลบภัย หากิน และผสมพันธุ์ จนเปรียบได้กับ Oasia กลางทะเลอ่าวไทยเลยทีเดียวเกาะชุมพร 16 เกาะชุมพร 17 เกาะชุมพร 18 เกาะชุมพร 19 เกาะชุมพร 20

เมื่อโดดลงน้ำตูม! แล้วว่ายน้ำเข้าไปตรงช่องทะลุของเกาะทะลุ เราก็ต้องตกตะลึง เพราะใต้น้ำมีฝูงปลากะตักนับแสนๆ ตัว (บางทีอาจจะถึงล้านตัว!) แหวกว่ายกันอยู่ราวกับพายุสีฟ้าใต้คลื่นคราม น้ำใสแจ๋วปล่อยให้แสงแดดทะลุลงมากระทบฝูงปลากะตักตัวสีเงิน สะท้อนไปมาเป็นแสงวูบวาบขณะที่พวกมันว่ายกลับตัวไปมา ช่างเป็นภาพมหัศจรรย์เหลือเกิน!เกาะชุมพร 21 เกาะชุมพร 22

นอกจากฝูงปลากกะตักแล้ว ที่เกาะทะลุยังมีดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูนมะเขือเทศด้วยเกาะชุมพร 23

ฟองน้ำครก ฟองน้ำหลอด ปะการังสมอง และปะการังแผ่นนานาชนิดที่เกาะทะลุเกาะชุมพร 24

มหัศจรรย์แห่งโลกใต้ทะเลที่เกาะทะลุ ชุมพร
เกาะชุมพร 25

นอกจากโลกใต้ทะเลอันน่าตื่นตาแล้ว บนผิวน้ำก็มีภาพมหัศจรรย์ที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน นั่นคือ “ถ้ำรูปหัวใจ” ที่ไม่ว่าคุณจะมองจากด้านหน้า หรือด้านหลัง ก็ยังเห็นเป็นรูปหัวใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมว่าจุดนี้น่าจะใช้เป็นที่บอกรัก หรือถ่ายภาพ Pre-Wedding ซึ้งๆ หวานๆ กันก็ดีนะครับ หรือไม่ก็จัดงานวิวาห์เจ้าสมุทรไปเลย เจ๋งอ่ะ
เกาะชุมพร 26เกาะชุมพร 27 เกาะชุมพร 27.1

ไม่ไกลจากโพรงถ้ำรูปหัวใจ คือ “เกาะกะโหลก” 1 ใน 4 เกาะของแพ็กเกจทัวร์ดำน้ำวันนี้ ต้องขอชมคนที่มาค้นพบ และตั้งชื่อเกาะนี้เป็นคนแรก ไม่รู้ว่าเป็นชาวเลหรือเป็นโจรสลัดกันแน่ เพราะบนเกาะมีหินรูปหัวกะโหลกขนาดยักษ์ พิงอยู่กับโขดหินใหญ่! ลักษณะมีทั้งลูกตาสองข้าง จมูก ปาก ครบ ผมว่าน่าขนลุก! จุดนี้น่าจะใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายหนังโจรสลัดได้
เกาะชุมพร 27.2

รอบเกาะกะโหลกไม่มีหาดทราย มีแต่โขดหินกับหน้าผาสูงชัน เราจึงทำได้เพียงวนเรือถ่ายภาพรอบๆ เท่านั้นเกาะชุมพร 32

และแล้วก็มาถึงอีกจุดดำน้ำสำคัญ คือ “หินเจดีย์” ซึ่งจริงๆ แล้ว มีลักษณะเป็นกองหินขนาดใหญ่ ที่มีหินบางส่วนโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ในทางนิเวศน์วิทยาทางทะเลบอกว่า กองหินเหล่านี้ถือเป็นศูนย์รวมของสรรพชีวิต เนื่องจากในทะเลที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ พวกสัตว์ทะเลทั้งหลายต่างพยายามหาที่พึ่ง เพื่อมาอยู่รวมกันเป็นสังคมที่จะได้พึ่งพาอาศัยกัน ใต้ท้องน้ำรอบๆ กองหินเหล่านี้ จึงมีทั้งปะการังและฝูงปลาเป็นร้อยชนิด!
เกาะชุมพร 33

หินเจดีย์มีสองก้อนครับ คือ หินเจดีย์ใหญ่ และหินเจดีย์เล็ก เราจะลงไปดำน้ำกันรอบๆ บริเวณนี้ล่ะ น้ำใสแจ๋วเป็นสีเขียวจัดราวกับมรกตเลยนะ สุดยอด!
เกาะชุมพร 34

พร้อมแล้วก็ลงน้ำกันได้เลยพวกเรา Go Go Go!เกาะชุมพร 35.1บริเวณหินเจดีย์ เป็นจุดำน้ำยอดฮิต จึงมีเรือทัวร์ของหลายบริษัทนำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำเล่นกัน ดีๆ จะได้ไม่เหงา เพื่อนๆ เพียบ
เกาะชุมพร 35 เกาะชุมพร 36

น้ำใส กับวัยสวย และช่วงเวลาอันน่าจดจำที่ทะเลชุมพรจ้า
เกาะชุมพร 37

ใต้น้ำรอบหินเจดีย์ เต็มไปด้วยโขดหิน ปะการัง และปลานานาชนิด
เกาะชุมพร 38

น้ำรอบหินเจดีย์ค่อนข้างตื้น โขดปะการังต่างๆ จึงอยู่ใกล้ผิวน้ำและตัวเรามาก เราจึงต้องว่ายน้ำด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะแขนขา ต้องระวังไม่ให้ไปถูกปะการังจนแตกหัก เพราะพวกมันใช้เวลาหลายร้อยปี ในการเติบโตขึ้นแค่ไม่กี่เซนติเมตร! นับเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหว เปราะบางมากครับเกาะชุมพร 39

ใต้น้ำรอบหินเจดีย์ มีดงดอกไม้ทะเลแผ่กว้างออกไปหลายสิบตารางเมตร! ราวกับพรมพลิ้วไหวที่มีชีวิต พัดพลิ้วไปมาตามจังหวะของกระแสคลื่น เชื่อหรือไม่ว่าดอกไม้ทะเลไม่ใช่พืช แต่เป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง โดยพวกมันจะใช้เข็มพิษจับแพลงก์ตอนตัวเล็กๆ มากิน เราจึงห้ามใช้มือเปล่าจับต้องดอกไม้ทะเลเด็ดขาด! เกาะชุมพร 40

ฝูงปลาการ์ตูนมะเขือเทศ สามารถอาศัยอยู่ในดงดอกไม้ทะเลที่มีพิษได้ เพราะพวกมันมีเมือกพิเศษรอบตัว จึงว่ายมุดเข้าไปหลบภัยอยู่ในกอดอกไม้ทะเลได้อย่างปลอดภัย นิสัยของปลาการ์ตูนแต่ละตัวคือ มันจะไม่ย้ายถิ่นอาศัย เพราะมันจะอยู่ประจำในกอดอกไม้ทะเลแต่ละกอ เมื่อมีคนหรือปลาตัวอื่นเข้าใกล้ มันจึงพยายามออกมาไล่ครับเกาะชุมพร 41

โลกใต้ทะเลที่หินเจดีย์เกาะชุมพร 42

ความสวยงามใต้ผืนน้ำที่หินเจดีย์เกาะชุมพร 43

หอยมือเสือตัวใหญ่เบ้อเริ่ม ที่หินเจดีย์เกาะชุมพร 44

ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ แหวกว่ายอยู่อย่างมีความสุขในผืนพรมดอกไม้ทะเลพล้ิวไหว รอบๆ หินเจดีย์เกาะชุมพร 45

โขดปะการังหลากชนิดเติบโตขึ้นปะปนกัน กลายเป็นสังคมสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ที่ดึงดูดให้ฝูงปลานานาชนิดเข้ามาอาศัยอยู่รวมกัน ราวกับ Oasis แห่งท้องทะเลชุมพรเกาะชุมพร 46

จุดสุดท้ายของการล่องเรือ วันเดียว เที่ยว 4 เกาะทะเลชุมพร คือ “เกาะง่ามใหญ่” ซึ่งเป็นเกาะสัมปทานรังนกที่ห้ามขึ้นเหยียบเกาะเช่นกัน ทว่าด้วยขนาดของเกาะอันใหญ่โตมโหฬาร รวมถึงริ้วลายบนผาหิน และน้ำทะเลสีเขียวมรกตกโดยรอบ ก็มีเสน่ห์พอจะดึงดูดให้เราจอดเรือลงไปดำน้ำเล่นกันอยู่นาน บนเกาะแลเห็นหมู่กระท่อมของคนเฝ้ารังนก ปลูกเรียงกันอยู่บนเพิงพา พร้อมกับมีศาลเจ้า เอาไว้เคารพกราบไหว้กันด้วย เกาะรังนกจึงเป็นโลกลับแล ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริงเกาะชุมพร 47

มาเที่ยวหมู่เกาะทะเลชุมพรทริปนี้ ประทับใจจริงๆ เพราะได้พบทั้งความสวยงามน่าประทับใจของหมู่เกาะอ่าวไทย และได้ลงไปดำน้ำดูความมหัศจรรย์ของโลกใต้ทะเลชุมพร อยากให้คุณได้มาเห็นกับตาตัวเองเหลือเกินครับ แล้วคุณจะหลงรัก “ทะเลชุมพร” อย่างแน่นอน ไม่ได้โม้นะจ๊ะ

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร เลขที่ 111/11-12 ถนนทวีสินค้า ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองฯ จังหวัดชุมพร โทร. 0-7750-2775-6 สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดีNIKON-18-copy-copy

ตื่นตาน่าสนุก! เทศกาลดูเหยี่ยวอพยพ ชุมพร 2558

เหยี่ยวเขาดินสอ 1NIKON-18-copy-copy เหยี่ยวเขาดินสอ 2ธรรมชาติเป็นสิ่งอัศจรรย์และมีเรื่องราวสนุกๆ ให้เราได้พานพบเสมอ อย่างที่จังหวัดชุมพร ทุกปีในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม จะเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง คือ “เหยี่ยวอพยพ” จากตอนเหนือของโลก เพื่อหนีอากาศหนาวจัดสุดขั้วจากประเทศจีน มองโกเลีย และไซบีเรีย ลงมาหากินยังแถบอุ่นกว่าในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยในปีหนึ่งๆ จะมีเหยี่ยวหลายสิบชนิด กว่า 200,000-400,000 ตัว บินผ่านลงมาตามคาบสมุทรภาคใต้ของไทย ผ่านจังหวัดชุมพร บริเวณเขาดินสอ จึงมีการจัด “เทศกาลดูเหยี่ยวอพยพ กันอย่างคึกคัก นักดูนกทั้งไทยและเทศนับพันๆ คน ต่างแบกกล้องขึ้นไปดูนกกันอย่างสนุกสนาน เป็นงานที่รู้จักกันในระดับอินเตอร์ไปแล้ว แต่ว่าการขึ้นเขาดินสอ ต้องเดินระยะทาง 1.5 กิโลเมตร อาจจะเหนื่อย แต่ก็คุ้ม เพราะได้ทั้งความรู้และความสนุก แถมได้เพื่อนใหม่ด้วย
เหยี่ยวเขาดินสอ 3

เหยี่ยว 6 ชนิดหลัก ที่บินอพยพผ่านเขาดินสอ จังหวัดชุมพร ก็คือ เหยี่ยวผึ้ง (Oriental Honey-buzzard) เหยี่ยวนกเขาพันธุ์จีน (Chinese Goshawk) เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น (Japanese Sparrowhawk) เหยี่ยวนกเขาชิครา (Shikra) เหยี่ยวหน้าเทา (Grey-faced Buzzard) และเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ (Black Baza) แต่จากการสำรวจแล้ว มีเหยี่ยวอพยพผ่านเขาดินสอถึง 26 ชนิดด้วยกัน

องค์กรด้านการอนุรักษ์นก (Royal Society for the Protection of Birds) ได้ตีพิมพ์ลงหนังสือ Migration Hotspots ; The World”s Best Migration Sites ยืนยันว่า บริเวณเขาดินสอ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นจุดดูนกล่าเหยื่อที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของโลกเลยทีเดียวเหยี่ยวเขาดินสอ 4

เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น มักบินผ่านมาเป็นฝูงเล็กๆ หรือตัวเดี่ยวๆ ในขณะที่ถ้าเป็นเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ ฝูงหนึ่งจะมาพร้อมกันเป็นร้อยๆ ตัวเหยี่ยวเขาดินสอ 5

ฝูงเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ พากันบินผ่านเขาดินสอ ลงไปตามคาบสมุทรภาคใต้ เพื่อลงไปหากินยังประเทศอินโดนีเซียเหยี่ยวเขาดินสอ 6

ฝูงเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำนับร้อยๆ ตัว บินฉวัดเฉวียนไปมากลางอากาศ โดยอาศัยมวลอากาศร้อนช่วยลอยตัวขึ้นไปในอากาศเป็นวงกลม แต่โดยนิสัยของนกชนิดนี้แล้ว พวกมันชอบบินโฉบไปมาราวกับนักยิมนาสติกกลางอากาศเหยี่ยวเขาดินสอ 7

การขึ้นไปดูนกหรือถ่ายภาพนกบนเขาดินสอให้ได้สนุก อุปกรณ์จำเป็นที่สุดคือ กล้องส่องทางไกล หรือกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูง ที่มีเลนส์ทางยาวโฟกัสเยอะๆ ตั้งแต่ 500 มิลลิเมตรขึ้นไป เรียกว่า Lens Super Tele มีตั้งแต่ 500, 600, 800 มิลลิเมตร และเพิ่มทางยาวโฟกัสขึ้นไปได้อีก เมื่อใส่ตัวขยาย 1.4X, 1.7X และ 2X เพื่อให้สามารถดูนกหรือถ่ายภาพนก ได้เต็มตัวจากระยะไกลมากๆเหยี่ยวเขาดินสอ 8.1 เหยี่ยวเขาดินสอ 8

กล้องส่องทางไกลที่ใช้ดูนก มี 2 แบบ คือ กล้องสองตา (Binoclar) และกล้องเลนส์เดี่ยว (Scope) โดยแบบหลังมีกำลังขยายสูงกว่า ภาพใสคมชัดกว่า แต่ต้องติดไว้บนขาตั้งกล้อง ส่วนกล้องสองตาที่นิยมใช้ดูนก คือกำลังขยาย 8X แต่ไม่เกิน 10X เพราะถ้ามากกว่านี้ ส่องดูนกนานๆ จะเวียนหัวได้เหยี่ยวเขาดินสอ 9นอกจากเหยี่ยวขนาดเล็กที่บินอพยพมาพร้อมกันเป็นฝูงแล้ว ถ้าสังเกตให้ดี เราจะพบเหยี่ยวขนาดใหญ่ บินแยกมาเดี่ยวๆ ด้วย เมื่อกางปีกเต็มที่โผผินอยู่บนฟ้า พวกมันช่างสง่างามเหลือเกิน เพราะมันคือนักล่าแห่งเวหาที่แท้จริง
เหยี่ยวเขาดินสอ 10

นอกจากเหยี่ยว 6 ชนิดหลักที่บินอพยพผ่านเขาดินสอนับแสนตัวทุกปีแล้ว ยังมีเหยี่ยวอื่นๆ อีกหลายชนิด เช่น เหยี่ยวดำ, นกอินทรีเล็ก, เหยี่ยวกิ้งก่าสีน้ำตาล, นกอินทรีปีกลาย, เหยี่ยวรุ้ง, เหยี่ยวทุ่ง ฯลฯ เหยี่ยวเขาดินสอ 11

เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น (Japanese Sparrowhawk)เหยี่ยวเขาดินสอ 12

พระเอกของเขาดินสอ เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ (Black Baza)
เหยี่ยวเขาดินสอ 13

 เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ ชอบบินโฉบไปมา ฉวัดเฉวียนในอากาศ
เหยี่ยวเขาดินสอ 14

เหยี่ยวกิ้งก่าสีน้ำตาล กางปีกร่อนอย่างสง่างาม โดยอาศัยลมร้อนช่วยในการลอยตัวเหยี่ยวเขาดินสอ 15

ฝูงเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ บินร่อนวนอยู่ในอากาศสูงหลายกิโลเมตรเหนือเขาดินสอเหยี่ยวเขาดินสอ 16

เหยี่ยวเป็นนกล่าเหยื่อ ซึ่งในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Bird of Prey เป็นนกที่มีประสาทการรับกลิ่น และการมองเห็นที่ยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้ยังมีปากเป็นจงอย และกรงเล็บอันแข็งแกร่ง เพื่อใช้จับเหยื่อกินได้อย่างง่ายดายเหยี่ยวเขาดินสอ 17.1 เหยี่ยวเขาดินสอ 17

กิจกรรมการดูนก เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบ Eco-Tourism ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเยาวชนทุกคน เพราะช่วยให้เด็กๆ ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ช่วยให้จิตใจอ่อนโยน และได้เปิดโลกทัศน์ เป็นวิธีการเรียนนอกห้องเรียน ที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ไปพร้อมๆ กันเหยี่ยวเขาดินสอ 18

ครอบครัวสุขสันต์ เมื่อเดินขึ้นถึงยอดเขาดินสอ
เหยี่ยวเขาดินสอ 19

กิจกรรมดูนกเขาดินสอปี 2558 คึกคักเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะมีประชาชนทั่วไปให้ความสนใจกันอย่างล้นหลามแล้ว ยังมีนักดูนกมืออาชีพ ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ 20 ประเทศ เข้าร่วมสัมมนาหัวข้อเหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ เพราะที่เขาดินสอเป็นจุดดูนกล่าเหยื่อที่โด่งดังไปทั่วโลกแล้วในขณะนี้เหยี่ยวเขาดินสอ 20 เหยี่ยวเขาดินสอ 21

บรรยากาศการเดินขึ้นลงเขาดินสอ ทางบางช่วงอาจจะชันและลื่นบ้าง ถือว่าได้บรรยากาศของการผจญภัยเล็กๆ

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร เลขที่ 111/11-12 ถนนทวีสินค้า ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองฯ จังหวัดชุมพร โทร. 0-7750-2775-6 สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานเทศบาลตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร โทร. 0-7759-1003

การเดินทางไปเขาดินสอ : จากตัวเมืองชุมพร ใช้ทางหลวงหมายเลข 3180 แล้วเลี้ยวขวาบริเวณบ้านต้นมะพร้าว เข้าถนนสายสามสี-ปะทิว อีกประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อถึงเขาดินสอแล้ว ต้องจอดรถไว้แล้วเดินขึ้นเขาอีก 1.5 กิโลเมตร

กระบี่เที่ยวได้ทั้งปี มีมากกว่าทะเล

กระบี่ 2

พอย่างเข้าฤดูฝนทีไร หลายคนไม่รู้จะไปเที่ยวไหน เลยเก็บตัวเงียบอยู่กับบ้าน ทำให้เสียโอกาส ไม่ได้ออกไปพานพบความสวยงามของธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวเมืองไทยซึ่งมีอยู่หลากหลายเหลือเกิน โดยเฉพาะ “ทะเลหน้าฝน” ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สวย เที่ยวไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้วเที่ยวได้ เที่ยวง่าย แถมยังมีคนน้อย ไม่ต้องแย่งกันด้วย

ทริปนี้เราขอพาเพื่อนๆ มุ่งหน้าสู่ “จังหวัดกระบี่” ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยงามตระการตา ทั้งบนบกและในทะเล ขอแอบกระซิบไว้ตรงนี้เลยว่า เขามีความเป็น UNSEEN หรือสิ่งที่คนยังไม่ค่อยรู้เก็บซ่อนอยู่อีกมากมาย!กระบี่ 3

สถานที่แรกในทริปเที่ยวทะเลกระบี่ฮาเฮสุขใจคราวนี้ เราขอพาเพื่อนๆ ไปยัง “ถ้ำพระนาง” ซึ่งต้องนั่งเรือหัวโทง หรือเรือหางยาวแบบปักษ์ใต้ จากอ่าวนางไปไม่ไกล ความ UNSEEN ของถ้ำพระนางคือ เป็นจุดที่มีโพรงถ้ำขนาดใหญ่ พร้อมด้วยศาลเทพธิดาอันศักดิ์สิทธิ์ ใครไปบนบาลศาลกล่าวแล้วได้ดั่งคำขอ ก็ต้องนำปลัดขิกไม้ไปแก้บน นอกจากนี้ ในบริเวณถ้ำพระนางยังมีหินงอกหินย้อยยิ่งใหญ่ตระการตา ยามเย็นมองเห็นอาทิตย์อัสดงหวานซึ้ง และในบางคืน น้ำทะเลบริเวณนี้จะเรืองแสงได้! เพราะพรายน้ำหรือแพลงก์ตอนนั่นเอง
กระบี่ 4

เหนือถ้ำพระนางเงยหน้าแหงนมองคอตั้งบ่าขึ้นไปบนเชิงผา มีหินย้อยขนาดยักษ์และโพรงถ้ำน้อยใหญ่มากมาย นับเป็น Marine Karst หรือธรณีวิทยาหินปูนชายทะเล ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ใกล้ๆ กับถ้ำพระนางคือ “อ่าวไร่เล” ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักปีนผาจากทั่วโลกมารวมตัวกัน เพื่อพิสูจน์ฝีมือ ท้าทายความสูงอย่างไม่กลัวเกรง!กระบี่ 5

ออกจากอ่าวพระนาง เร่งเครื่องเรือสปีตโบ้ทความเร็วสูงจนผืนน้ำแตกกระจายเป็นฟองซ่า มุ่งหน้าตรงดิ่งสู่ UNSEEN ลำดับต่อไปของทะเลกระบี่ มองย้อนกลับไปทางถ้ำพระนาง แลเห็นเทือกเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำ ยอดเรียงรายสลับซับซ้อน นี่คือของขวัญจากธรรมชาติที่มอบให้กับนักแรมทางอย่างเราได้ชุ่มชื่นหัวใจกระบี่ 6

มาถึงแล้วจ้า UNSEEN Krabi ที่โด่งดังไปทั่วไทยมานับสิบปี “ทะเลแหวก” หรือสันทรายขาวยาวเหยียด ผุดขึ้นจากน้ำทะเลยามน้ำลดระดับต่ำสุด โดยเฉพาะในวันแรม 15 ค่ำ ลักษณะเป็นสันทรายรูปตัว Y เชื่อมเกาะหม้อ เกาะทับ และเกาะไก่ เข้าด้วยกัน วันนี้น้ำใสฟ้าสวย แต่คนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ฮาฮาฮา
กระบี่ 7

ทะเลแหวก ทำให้เราสามารถเดินข้ามจากเกาะหนึ่ง ไปสู่อีกเกาะหนึ่งได้เลย มองจากระยะไกลๆ คล้ายกับว่าคนเดินอยู่บนน้ำได้ แปลกตามหัศจรรย์ดีเนอะกระบี่ 8 กระบี่ 9

สาวๆ ชวนกันโพสต์ท่าถ่ายรูปบนเนินทรายขาวของทะเลแหวก เห็นแล้วสดชื่นจริงๆ เลย
กระบี่ 11

อยู่ที่ทะเลแหวกราว 40 นาที เราก็นั่งเรือเร็วอ้อมไปด้านหลังของ “เกาะไก่” พาให้ถึงบางอ้อ ว่าทำไมเขาจึงเรียกว่าเกาะไก่? เพราะที่ปลายเกาะมีแท่งหินขนาดยักษ์สูงหลายร้อยเมตรเด่นอยู่ ลักษณะเหมือนหัวของไก่ไม่มีผิดเลยนะสิ ถือเป็น Landmark สำคัญอย่างหนึ่งของทะเลกระบี่ไปแล้ว
กระบี่ 12

โปรแกรมต่อไปนี่หลายคนเฝ้ารอมานาน คือการลงไปดำน้ำตื้น ว่ายน้ำป๋อมแป๋ม สัมผัสกับฝูงปลาและปะการังหลากชนิดของทะเลกระบี่ วันนี้คลื่นลมไม่ค่อยเป็นใจ คนเรือเลยแนะนำว่า ให้เปลี่ยนจากแผนเดิมจะไปดำน้ำที่เกาะสี่ มาเป็นดำน้ำที่ด้านข้างของเกาะไก่แทน มีปะการังแข็ง ปลาการ์ตูน และสรรพชีวิตสวยงามไม่แพ้กัน
กระบี่ 13

ก่อนลงน้ำก็ต้องใส่เสื้อชูชีพ หน้ากากดำน้ำและท่อหายใจ รวมถึงเสื้อชูชีพให้พร้อม เพื่อความปลอดภัยเต็มร้อย จะได้เป็นการท่องเที่ยวที่สนุกและน่าจดจำไปอีกนานๆ ดูสิ นำ้สีมรกตใสแจ๋วเบื้องหน้า ช่างมีเสน่ห์ ร้องเรียกให้เรารีบโดดน้ำลงไปเร็วๆกระบี่ 14.1

แม้น้ำจะไม่ใสแจ๋วเหมือนฤดูร้อน แต่วันนี้ก็มีทัศนวิสัยการมองได้ไกลพอควร ฝูงปลาเสือว่ายเข้ามาต้อนรับเรานับร้อยตัว! อย่างเป็นมิตร พวกมันคงสงสัยว่าเรามาทำอะไรกันในบ้านใต้น้ำของมัน แต่เราขอแนะนำเลยว่า เวลาไปเที่ยวทะเล ไม่ควรให้อาหารปลาเด็ดขาด! เพราะจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมปลาในธรรมชาติ! พวกมันจะดุขึ้น กัดกันเอง ถือเป็นการทำให้ระบบนิเวศน์ท้องทะเลเสื่อมโทรมลงอย่างช้าๆ และมีผลกระทบลึกล้ำเกินเข้าใจ!
กระบี่ 14.2

นอกจากฝูงปลาแล้ว ใต้ผืนน้ำบริเวณนี้ยังมีโขดปะการังแข็งอีกมากมาย ซึ่งเป็นที่หลบภัย อาศัย หากิน ของฝูงปลาเล็กๆ นับไม่ถ้วนกระบี่ 14กระบี่ 15กระบี่ 16

ดำน้ำเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเริงร่ากับทะเล ถ่ายภาพ SHARE ลง Social กันอย่างสนุกสนานกระบี่ 18

UNSEEN ลำดับต่อมา ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ค่อยรู้ คือจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกระบี่ “หาดทับแขก” อยู่ห่างจากอ่าวนางไปทางใต้ประมาณ 17 กิโลเมตร เป็นชายหาดทอดยาว เงียบสงบ เป็นส่วนตัว สวยซึ้ง โรแมนติกมากๆ โดยเฉพาะในยามอาทิตย์อัสดง เปลี่ยนผืนฟ้าให้งามด้วยความอลังการของเฉดสีมหัศจรรย์!
กระบี่ 19กระบี่ 20กระบี่ 21กระบี่ 22

เสน่ห์ของลอนทรายยามน้ำลด เคียงคู่อาทิตย์อัสดง ณ หาดทับแขก จ.กระบี่กระบี่ 23กระบี่ 24กระบี่ 25

การเดินทางของพวกเรายังไม่สิ้นสุด เพราะจังหวัดกระบี่มีแง่มุมให้ค้นหาไม่รู้จบ เราเลยชวนเพื่อนๆ ไปล่องเรือเที่ยวกันที่ “คลองปกาสัย” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้ากระบี่แค่นิดเดียว ทว่าลำคลองสายนี้ยังมีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มาก แนวป่าโกงกางยังรกชัฎ ชาวประมงพื้นบ้านยังออกเรือไปหากุ้ง หอย ปู ปลา ได้เหมือนที่บรรพบุรุษของพวกเขาหลายรุ่น ดำรงชีพสืบต่อกันมากระบี่ 27

ลำคลองปกาสัย บางช่วงก็กว้างเหมือนกับแม่น้ำไม่มีผิด ฟ้าใส แดดสวย แนวป่าก็เขียวขจี อากาศสดชื่น ลมเย็น อิจฉาตัวเองที่ได้ไปอยู่ตรงนั้นนะ เพราะรู้สึกสดชื่นมากๆ ธรรมชาติอยู่ใกล้แค่เอื้อมจริงๆกระบี่ 28

มีแต่รอยยิ้มเปื้อนหน้าของน้องๆ และเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกัน วันนี้เราได้มาเห็นความอุดมสมบูรณ์ของลำคลองปกาสัยแล้วนะ

กระบี่ 29

เชื่อหรือไม่ว่า ในลำคลองเล็กๆ สายนี้ ยังมี UNSEEN อีกอย่างของกระบี่ซ่อนอยู่ นั่นคือ “การดำน้ำเก็บถ่านหิน” เพราะใต้ท้องน้ำของลำคลองปกาสัย อุดมด้วยถ่านหินลิกไนต์อยู่มากมายมหาศาล! หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วถ่านหินไม่ได้ทำให้น้ำเสียหรือปลาตายรึ? คำตอบคือ ถ่านหินที่เป็นก้อนใหญ่ๆ แข็งๆ อย่างในภาพนี้ มันจะไม่ได้ละลายลงน้ำ กุ้ง หอย ปู ปลา และต้นโกงกาง จึงยังเติบโตได้เช่นเดิม ส่วนถ่านหินที่ใช้กันในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนทั่วโลก ต้องนำไปบดให้ป่นจนเป็นผงแป้งสีดำก่อน แล้วจึงฉีดพ่นเข้าไปในเตาเผา เออ… ได้ความรู้ใหม่

กระบี่ 30

คุณลุงคนขับเรือหัวโทง (เรือหางยาว) ของเรา เกิดและโตที่นี่ ดำน้ำเก็บถ่านหินมาตั้งแต่เด็ก และยืนยันเลยว่า อายุลุงปูนนี้แล้ว ลำคลองปกาสัยก็แทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย ผืนป่าชายเลนยังอุดม เอื้อต่อวิถีชีวิตชาวบ้านเช่นเดิมกระบี่ 31

ล่องเรือเที่ยวแล้ว ก็ได้เวลาทำประโยชน์ฝากไว้ให้ท้องถิ่น กับกิจกรรม CSR ปล่อยลูกปลากระพงขาวนับแสนตัว ลงสู่คลองปกาสัย ให้พวกมันแหวกว่ายออกไปเติบโต จะได้กลายเป็นอาหารและแหล่งรายได้ของชาวบ้านในอนาคต ต้องขอบคุณ EGAT ที่ช่วยสนับสนุนลูกปลาให้เราปล่อยในครั้งนี้จ้ากระบี่ 32กระบี่ 33

ไหนๆ ก็ลงเรือแล้ว วันนี้ไปเที่ยวแบบตัวเปียกกันให้ฉ่ำปอดเลยดีกว่า ฮาฮาฮา ได้เวลาไปโหดมันฮา สนุกกับการพายเรือคายัคเที่ยว “อ่าวท่าเลน” ป่าชายเลนกว้างที่มีแนวเขาหินปูนผลุบโผล่ขึ้นมา ราวกับโลกยุคล้านปี ระยะทางการพายเรือก็เบาะๆ แค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น ช่วงแรกเป็นการพายทวนน้ำ แต่เมื่อผ่านถ้ำจระเข้ไปแล้ว จะเป็นการพายตามน้ำ ไม่เหนื่อย พายเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ ชมธรรมชาติมหัศจรรย์รอบๆ ตัวกันเพลินๆ จ้ากระบี่ 34กระบี่ 35

คายัคอ่าวท่าเลน ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมลงกับทะเลกระบี่วันนี้กระบี่ 36

หมุดหมายต่อไปในการเดินทางอันแสนสนุกของเรา คือการล่องเรือเที่ยว “เขาขนาบน้ำ” เขาหินปูนฝาแฝดที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองกระบี่ บริเวณแม่น้ำกระบี่ นับเป็น Landmark สำคัญของจังหวัด การเที่ยวก็แสนง่าย ลงเรือหัวโทงไปแค่ไม่เกิน 15 นาที ก็ถึงแล้วกระบี่ 37.1

ระหว่างล่องเรือไปเขาขนาบน้ำ จะได้ชมความงามของเทือกเขาหินปูน ป่าชายเลนเขียวขจี และวิถีประมงพื้นบ้าน ถ้าวันไหนอากาศแจ่มใสฟ้าเปิดจริงๆ มองตรงไปบนยอดเขาหินปูนไกลลิบๆ จะมองเห็นเจดีย์สีทองของวัดถ้ำเสือได้เลยกระบี่ 37

มาถึงเขาขนาบน้ำแล้ว เราไม่ได้เที่ยวกันเฉยๆ แต่ขอทำประโยชน์ให้กับชุมชนและธรรมชาติด้วย กับ “กิจกรรมปลูกป่าชายเลน” นำต้นโกงกางฝังรากลงสู่ผืนดินที่นี่ เพื่อวันหนึ่งในอนาคต โลกนี้จะได้มีสีเขียวเพิ่มขึ้น เพราะต้นไม้คืออาหาร ยารัษาโรค เป็นผู้ผลิตก๊าซออกซิเจนให้เราหายใจ แถมเรือนรากป่าโกงกางยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน อีกทั้งช่วยชะลอการกัดเซาะของคลื่นลมได้ด้วย มหัศจรรย์จริงๆ จ้า!กระบี่ 38กระบี่ 39รอยยิ้มหวานๆ และอบอุ่น ของมะที่เขาขนาบน้ำกระบี่ 40

จากเขาขนาบน้ำ พออิ่มเอมกับอาหารปักษ์ใต้แสนอร่อยบนเรือนแพแล้ว เราก็พาตัวเองล่องเรือหัวโทงผ่านป่าชายเลนร่มครึ้มอันลึกลับ เพื่อเข้าสู่แม่น้ำกระบี่ ไปสู่ “บ้านเกาะกลาง” ชุมชนบนเกาะกลางแม่น้ำที่น่าไปสัมผัส ด้วยอัตลักษณ์ของชุมชนชาวมุสลิมอันแสนสงบ และมีกิจกรรมน่าสนใจรอเราอยู่มากมายกระบี่ 41

เกาะกลาง มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ด้านที่ติดแม่น้ำกระบี่เป็นป่าโกงกาง อีกด้านติดทะเล ส่วนกลางเกาะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าเสม็ด และป่าพรุ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นท้องนาอันทรงคุณค่า เพราะมีการนำ “ข้าวพันธุ์สังข์หยด” จากจังหวัดพัทลุงมาปลูก จนขายดิบขายดี ปีนึงๆ ไม่พอขายเลยล่ะ!กระบี่ 42

ข้าวสังข์หยด มีถิ่นกำเนิดในจังหวัดพัทลุง เป็นข้าวเมล็ดสีน้ำตาลแดงที่อุดมด้วยคุณค่าทางอาหารและวิตามิน ในระดับสูงมาก โดยเฉพาะมีสารไนอาซีนสูงกว่าข้าวแทบทุกชนิด ข้าวสังข์หยดจึงเป็นข้าวพันธุ์แรกของไทย ที่ได้รับมาตรฐาน GI หรือสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ นับเป็นความภูมิใจของชาวสยามเรากระบี่ 44

ข้าวสังข์หยดของบ้านเกาะกลาง จ.กระบี่ มีแพ็กขายอย่างดี สะอาด ถุงละ 100 บาทเท่านั้น (แต่ถ้าเข้ามาขายในเมือง ราคาจะสูงมาก!) มีแบบข้าวสังข์หยดกล้อง เมล็ดสีน้ำตาลแดง เป็นแบบสีเอาเฉพาะเปลือกออกเท่านั้น และมีแบบข้าวสังข์หยดขาว คือสีสองครั้ง เปลือกและสีน้ำตาลแดงจึงหลุดออกไป แบบนี้ก็จะมีคุณค่าทางอาหารลดลง
กระบี่ 45
แม้ว่าจะมีเครื่องสีข้าวที่เป็นเครื่องยนต์สมัยใหม่แล้ว แต่บางบ้านยังนิยมสีข้าวด้วยการโม่แบบเก่าจ้า ได้ออกกำลังกายลดต้นแขน ต้นขา ไปในตัวด้วยเนอะ

กระบี่ 46

รอยยิ้มใสๆ ของเจ้าตัวน้อย ที่บ้านเกาะกลาง
กระบี่ 47

 ที่บ้านเกาะกลางมีลองกองหวานฉ่ำกินด้วย แต่ไม่ได้ปลูกกันเอง รับมาอีกทีจากจังหวัดนราธิวาสจ้า
กระบี่ 48

ภูมิปัญญาพื้นบ้านอันน่าภูมิใจอีกอย่างของบ้านเกาะกลาง คือ “การทำเรือหัวโทงจำลอง” เข้าไปชมได้ที่ ศูนย์การเรียนรู้ กลุ่มเรือหัวโทงจำลองเกาะกลาง ที่มี คุณสมบูรณ์ หมั่นค้า เป็นประธานกลุ่ม คุณสมบูรณ์ได้ผันตัวเองจากช่างต่อเรือหัวโทงจริงๆ มาเป็นการทำเรือหัวโทงและเรือพื้นบ้านประเภทอื่นๆ จำลอง เนื่องจากปัจจุบันในภาคใต้ เรือพื้นบ้านหลายประเภทได้ลดจำนวนหรือสาบสูญไปแล้ว! สิ่งที่จะช่วยอนุรักษ์ หรือกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่า ไม่ลืมวิถีประมงพื้นบ้าน อันเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่อุตส่าห์สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน ก็คือเรือหัวโทงจำลองนี่เอง

กระบี่ 49

กิจกรรมสุดท้ายที่เราจะไปสัมผัสกันบนเกาะกลาง ก็คือ “การเพนท์ผ้าบาติก” แสนสวย ทั้งลวดลายและสีสันล้วนมีเอกลักษณ์ เริ่มตั้งแต่การเขียนลาย ย้อมผ้า ลงสี แค่ฟังก็น่าสนุกแล้ว รีบไปกันเถอะกระบี่ 50กระบี่ 51

ทางกลุ่มเพนท์ผ้าบาติกเกาะกลาง ได้จัดเตรียมผ้าผืนน้อยไว้ให้พวกเราแล้ว โดยแต่ละผืนมีการปั๊มลายลงไปด้วยเทียน แล้วให้เราแสดงฝีมือ จุ่มสีระบายลงไปในช่องว่างของลายนั้น เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้สีแห้ง นำไปต้มเพื่อเอาเทียนออก ส่วนที่เคยมีเทียนอยู่ก็จะไม่ติดสี ได้ผ้าปูโต๊ะ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าโพกหัว และอีสารพัดผ้าบาติกแสนสวย กลับไปเป็นของที่ระลึกที่บ้านด้วยจ้ากระบี่ 52

เสร็จแล้วจ้า ผลงานของน้องเรา ฝีมือไม่ธรรมดา สีสันสดใสเลยนะเนี่ยะกระบี่ 53

สองวัยจากโลกสองช่วงเวลา แต่โคจรมาพบกัน ณ บ้านเกาะกลาง อย่างมีความสุขกระบี่ 43

ชาวบ้านเกาะกลาง ยังกินอยู่ดำรงชีพอย่างเรียบง่ายอย่างแท้จริง โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง รอบบ้านมีพืชผลหลายอย่างปลูกไว้กิน เหลือก็ขาย แบ่งปันข้างบ้านบ้าง แถมยังมีบ่อปลาด้วยกระบี่ 54

ก่อนโบกมือลากระบี่ เราได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2504 แล้ว และปัจจุบันยังเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าให้ภาคใต้อยู่ เฉพาะในยามจำเป็นเท่านั้น เราได้รับรู้ความจริงว่า พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ชีวิตในประเทศเดินหน้าได้ แต่ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้เราทุกคนต้องช่วยกันประหยัดมากขึ้น ส่วนผู้ผลิตก็ต้องเสาะหาแหล่งพลังงานไฟฟ้าใหม่ๆ เร่งเข้าเพิ่มเติม นี่คือภารกิจท้าทายของเราคนไทยทุกคน รวมถึงโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่อยู่คู่จังหวัดกระบี่มาเนิ่นนานแล้ว
EGAT logo

Special Thanks การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

สอบถามเพิ่มเติม : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0-2354-3588 www.incom.co.th

#UnseenEGATKrabi

ปั่นสองล้อเที่ยวนครพนม ชมเมืองน่ารัก

นครพนม 51นครพนม 1

ปี 2015 เทรนการปั้นจักรยานเที่ยวกำลังมาแรง ใครที่ไม่เคยมีจักรยานก็หาซื้อกันใหญ่ ส่วนคนที่ยังไม่มีก็รีบหาซื้อมาปั่น กลัวอายเพื่อน จะว่าไปแล้วการปั่นจักรยานเป็นการเดินทางแบบ Slow Travel ที่ไม่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เลย ทำให้นอกจากสุขภาพเราจะดีแล้ว สิ่งแวดล้อมยังสะอาดอีกด้วยนะ เป็น Low Carbon Travel ที่น่าสนับสนุนจริงๆ
นครพนม 2

วันนี้จังหวัดนครพนมได้กลายเป็น “เมืองแห่งจักรยาน” หรือ The Cycling City อย่างแท้จริงแล้ว เพราะด้วยสภาพของตัวเมืองเลียบลำน้ำโขง บรรยากาศเย็นสบาย มีจุดชมวิว และมีเลนจักรยานให้ปั่นต่อเนื่องยาวหลายกิโลเมตร อีกทั้งคนนครพนมยังนิยมปั่นจักรยานกันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว จักรยานจึงเป็นพาหนะที่ยังอยู่ในวิถีของคนที่นี่จริงๆ

นครพนม 3

เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวในนครพนม ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ มีอยู่ 4 เส้นทางด้วยกัน คือ 1.เส้นทางชมเมืองเก่าไชยบุรี 2. เส้นทางบ้านดอนนางหงส์ 3.เส้นทางเมืองโบราณบ้านหนองจันทร์ และ 4. เส้นทางเลียบโขงตัวเมืองนครพนม

นครพนม 4

เส้นทางเมืองเก่าไชยบุรี เป็นเส้นทางปั่นเลียบลำน้ำโขงยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านชุมชนน่ารักๆ ที่ยังคงความเงียบสงบ มีร้านกาแฟเล็กๆ ให้นั่งพัก ใครไม่มีจักรยานไปเอง เขาก็มีบริการให้เช่าหลายสิบคันในราคาไม่กี่สิบบาท ปั่นกันเข้าไปให้น่องโป่งได้ทั้งวัน โดยเส้นทางจะผ่านวัดโบราณริมโขง 4 แห่ง ซึ่งรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก ขอบอกว่าวิวริมโขงที่นี่สวยงามโปร่งโล่งสบายมากๆ จ้านครพนม 5 นครพนม 6ใกล้ๆ กับเมืองเก่าไชยบุรี บริเวณพระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์ แถบนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของชุมชนชาวไทญ้อซึ่งมีการแต่งกาย ภาษา อาหาร และวัฒนธรรมเด่นเป็นของตนเอง และแน่นอนว่าเขาก็มีเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวที่น่าสนใจมากทีเดียว

นครพนม 7

พระธาตุท่าอุเทนในฤดูฝน มองจากทุ่งนาเขียวขจี แลสดชื่นเย็นตาเย็นใจจริงๆนครพนม 8

เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวท่าอุเทน เริ่มต้นขึ้นที่พระธาตุท่าอุเทน ซึ่งปัจจุบันบริเวณด้านหลังองค์พระธาตุ ชุมชนได้รวมตัวกันสร้างศูนย์ข้อมูลย่านชุมชนเก่าท่าอุเทนขึ้น ในชื่อ “ภูมิ-มูนมัง ชุมชนท่าอุเทน” โดยเราสามารถเรียนรู้ประวัติของชุมชน รวมถึงรับแผ่นพับแผนที่เส้นทางการปั่นจักรยานเที่ยว ว่าบ้านแต่ละหลังเขามีอะไรให้ชมบ้างนครพนม 9

ในบริเวณชุมชนท่าอุเทน ยังมีเรือนไม้เก่าแบบไทญ้อแท้ๆ ให้ชมหลายหลัง และบางหลังสามารถเข้าไปเยี่ยมชม พูดคุยกับท่าเจ้าของบ้านได้ด้วยล่ะ หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ ติดต่อมาก่อน เขาก็จะมีพิธีต้อนรับ มีอาหารไทญ้อให้ชิมด้วยนครพนม 10

บอกแล้วว่านครพนมเป็นเมืองจักรยานจริงๆ ที่ท่าอุเทนเลยมีก๊วนจักรยานของเด็กๆ ปั่นเที่ยวเล่นกันไปมา เราปั่นจักรยานผ่าน “ร้านศรีอุเทน” ซึ่งปัจจุบันเป็นร้านเช่าหนังสือการ์ตูน อาคารหลังนี้โดดเด่นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียล อันเป็นยุคที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดลาวและริมโขงแถบนี้เป็นอาณานิคมนั่นเองนครพนม 11 นครพนม 12

บ้านเก่าบางหลังในท่าอุเทน พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน เพื่อเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน ในลักษณะของ Living Museum หรือพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ไปมาลาไหว้ อย่าลืมสวัสดีคุณยายด้วยล่ะจ้า
นครพนม 13

นอกจากชุมชนน่ารักแล้ว บริเวณริมโขงท่าอุเทนยังมีวัดเล็กๆ อันเป็นที่ประดิษฐานพระบางจำลองอีกด้วย

นครพนม 14

ปั่นจักรยานกางร่มแบบนี้ ถ้าไม่บอกนึกว่าเป็นสาวเชียงใหม่เจ้า แต่เธอนางนี้เป็นสาวไทญ้อท่าอุเทนแท้ๆ เลยนะ

นครพนม 15

ริมโขงท่าอุเทน เป็นจุดที่มีวิวเปิดโล่งโปร่งสบาย มองเห็นวิวฝั่งลาวได้แบบสุดสายตาพาโนรามา อากาศก็เย็นสบายหายใจได้เต็มปอด การปั่นจัรกยานเที่ยวแถวนี้จึงเป็นความสุขเล็กๆ แบบ Low Carbon Happiness จริงๆ อ่ะจ้านครพนม 16

ห่างจากอำเภอท่าอุเทน 21 กิโลเมตร ถ้าเราปั่นจักรยานไปตามทางหลวงสาย 212 (ท่าอุเทน-บ้านแพง) ตรงช่วง กม.27 ก็จะถึง “แหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ท่าอุเทน” Amazing Unseen ที่คนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้ ว่านครพนมก็มีไดโนเสาร์ด้วยหรือ?นครพนม 17

แหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ท่าอุเทน ตั้งอยู่ที่ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน อยู่ภายใต้การดูแลของกรมทรัพยากรธรณี ได้รับการค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2544 โดยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่มาระเบิดหินบริเวณนี้ เป็นจุดที่ค้นพบรอยเท้าของ ไดโนเสาร์ นกกระจอกเทศ แล อีกัวดอน รวมทั้งรอยเท้าจระเข้ขนาดเล็ก อีก 1 ชนิด รวมแล้วกว่า 300 รอย ถือว่ามีรอยเท้าไดโนเสาร์รวมกันอยู่ในจุดเดียวเยอะที่สุดในเมืองไทยล่ะครับ!!!

นครพนม 18

โฉมหน้าไดโนเสาร์นกกระจอกเทศนครพนม 19

วันนี้ปั่นจักรยานเที่ยวนครพนมกันมาทั้งวัน ตอนเย็นย่ำเลยขอพักแบบชิลชิล เข้าเมืองมารอชมแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์อัสดงลงริมโขง เหมือนโชคเข้าข้าง วันนี้เกิดอุกาฟ้าเหลือง! ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก แถมเรายังโชคดีได้ขึ้นชมวิวจากมุมสูงพิเศษ มองเห็นย่านชุมชนเก่า เคียงคู่กับหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ Landmark สำคัญของนครพนมนครพนม 20นครพนม 21

คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธแน่นอน ว่านครพนมเป็นเมืองริมโขงที่มีวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่ง ดูสิ มองไปเห็นเทือกเขาหินปูนฝั่งแขวงคำม่วนในลาว ทอดยาวเป็นปราการธรรมชาติยิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน แสงสีแต่ละวันจึงช่วยให้วิวมหัศจรรย์นี้งามไม่ซ้ำกันเลยสักวันเดียว หลงรักนครพนมแล้วล่ะ!นครพนม 22

พอพระอาทิตย์หายหน้าไป ไม่นานก็เกิดแสงแบบ Twilight หรือโพล้เพล้ คือในขณะที่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท ถ่ายภาพออกมาจะได้เป็นสีฟ้าคราม ตัดกับแสงไฟถนนและรถยนต์ที่แล่นไปมา ช่วยให้หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์โดดเด่นมากนครพนม 23

เช้าวันใหม่สดใสยิ่งกว่าเก่า แสงแรกของตะวันริมลำน้ำโขงที่หน้าโรงแรม The River นครพนม ช่างน่าอัศจรรย์ งามเกินคำบรรยาย!นครพนม 24

สายหมอกขาวลอยคลอเคลียเทือกเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำในฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ของลาว วิวน่ะเป็นของลาว แต่เวลาจะชมต้องมาดูจากฝั่งไทยนะจ๊ะ! น่าอิจฉาคนนครพนมจริงๆ ได้เห็นวิวสวยแบบนี้ทุกวันเลย

นครพนม 26

นครพนมเพิ่งมีการจัดทำเลนจักรยานใหม่เอี่ยมเสร็จเรียบร้อย เป็น Green Lane ที่อาจจะพูดได้ว่าวิวสวยที่สุดในประเทศ! นอกจากจะมองเห็นลำน้ำโขงและเทือกเขาหินปูนฝั่งลาวอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว ยังมีต้นไม้เขียวสดเย็นตา ปั่นกันเพลินๆ สบายใจ ไม่ต้องห่วงว่ารถจะเฉี่ยวชน เพราะเป็นเลนจักรยานโดยเฉพาะที่ปลอดภัยสุดๆ จริงๆ ครับ

นครพนม 27

เช้าๆ เย็นๆ อากาศแจ่มใส ชวนกันไปปั่นจักรยานเล่นกินลมชมวิวที่นครพนมดีกว่านะจ๊ะ

นครพนม 28

สุดยอดเส้นทางปั่นจักรยานนครพนมจ้า

นครพนม 29

ปั่นจักรยานผ่านตัวเมืองเก่าริมโขง ยังมีจุดแวะพักให้ถ่ายภาพเก๋ๆ กันอย่างสนุกสนานด้วยนครพนม 30

ปั่นจักรยานอยู่บน Green Lane อย่างปลอดภัย เน้นทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดครับนครพนม 31นครพนม 32

เฮฮาร่าเริง กับการปั่นจักรยานเที่ยวบนเส้นทางชมตัวเมืองเก่าริมโขง นครพนม The Cycling City

นครพนม 33

ยิ้มหวานๆ กับจักรยานคู่ใจนครพนม 34นครพนม 35

ออกจากตัวเมืองนครพนม วันนี้เราไปเปลี่ยนบรรยากาศ หาที่เที่ยวใหม่ๆ แบบธรรมชาติที่คนไม่ค่อยรู้จักบ้าง ขอบอกว่าฟังชื่อครั้งแรก “อุทยานแห่งชาติภูลังกา” นึกว่าอยู่ภาคเหนือ แต่แท้ที่จริงอยู่ในอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ต่อเนื่องกับอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย ป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์มาก จนเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกใหญ่ 2 แห่ง คือ น้ำตกตาดขาม และน้ำตกตาดโพธิ์ รวมถึงมีเส้นทางเดินป่า 2 วัน 1 คืน ขึ้นสู่เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ ด้วย
นครพนม 36

นครพนม 37

น้ำตกตาดโพธิ์ งามอย่างอ่อนโยน น้ำไหลลดหลั่นลงมาเป็นขั้นๆ ผ่านผาหินทราย แวดล้อมด้วยแมกไม้เขียวขจี มีวังน้ำใหญ่ด้านหน้าให้ลงอาบแช่เล่นด้วยนครพนม 38

บ้านดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม เป็นอีกหนึ่งเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยว สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนแสนน่ารัก ซึ่งยังผูกพันอยู่กับนาไร่ สวนลิ้นจี่ และวิถี Slow Life ที่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา

นครพนม 39

หนุ่มน้อยแห่งบ้านดอนนางหงส์ มาในชุดปั่นจักรยานแบบจัดเต็ม! ดูหน่วยก้านแล้วโตขึ้นคงหนีไม่พ้นทีมชาติ!นครพนม 40

เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวบ้านดอนนางหงส์ มีไฮไลท์อยู่ที่ พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุประจำคนเกิดวันพุธกลางคืน ลักษณะคล้ายพระธาตุพนมย่อส่วน โดยองค์พระธาตุนั้นสูงถึง 50.9 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536นครพนม 41

เราสามารถปั่นจักรยานจากพระธาตุมรุกขนคร ไปยัง วัดดอนนางหงส์ อันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์ กว. วัดนี้เก่าแก่มาก สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2300 ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร สมัยพระบรมราชากู่แก้ว
นครพนม 42

บ้านดอนนางหงส์ มีชื่อเสียงเรื่องงานฝีมือที่กำลังจะสูญหายอย่างหนึ่ง คือการสลักแผ่นทองเหลือง ส่วนมากนิยมสลักเป็นรูปองค์พระธาตุหรือพุทธประวัติต่างๆ เพื่อนำไปถวายวัด หรือประดับบ้านเรือนให้เป็นสิริมงคล แต่งานประณีตศิลป์แขนงนี้ต้องอาศัยทักษะความชำนาญ และความอดทนสูงมาก จึงหาผู้สืบทอดได้ยากนครพนม 43นครพนม 44

บ้านดอนนางหงส์ยังลือเลื่องชื่อเสียงในเรื่องของ งานฝีมือใบตอง ประดิษฐ์เป็นพานพุ่มขันหมากเบ็ง หรือพานบายศรี ได้งดงามในระดับจังหวัด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนชุมชน หรือมาปั่นจักรยานสามารถแวะเรียนรู้ ทดลองทำได้ กิจกรรมนี้เองจะช่วยสืบทอดมิให้ประณีติศิลป์แห่งบ้านดอนนางหงส์สูญหาย และอยู่เป็นเอกลักษณ์คู่นครพนมตลอดไป
นครพนม 45

แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดนครพนม ซึ่งเราจะขับรถขึ้นไป หรือปั่นจัรกยานเสือภูเขาทดสอบความฟิตขึ้นไปก็ได้ คือ “ลานดานสาวคอย” ในตำบลนาแก อำเภอนาแก ลักษณะเป็นลานหินทรายราบเรียบ มีต้นไม้แบบเต็งรังและเบญจพรรณขึ้นอยู่ประปราย โดยบริเวณลานดานสาวคอยนี้เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นจังหวัดสกลนครได้ แถมยังมองเห็นองค์พระธาตุพนมอยู่ลิบๆ ด้วย นับเป็น Photo Point ที่สุดยอดไปเลย

เหตุที่ลานหินแห่งนี้ได้ชื่อว่า “ลานดานสาวคอย” เพราะมีตำนานเล่าขานว่า อดีตมีสาวงามนัดพบกับคนรักหนุ่ม ณ ที่แห่งนี้ แต่ชายหนุ่มถูกพ่อของสาวงามฆ่าตายเสียก่อน วิญญาณของสาวงามนั้นจึงมาวนเวีนยอยู่ที่นี่เพื่อรอคนรัก!

นครพนม 46

ถ้าเดินสำรวจดูดีๆ ใกล้ๆ กับลานดานสาวคอย จะมี หินทรายรูปดอกเห็ด ผุดอยู่ทั่วไป เกิดจากการัดเซาะของลม น้ำฝน และความร้อน แต่หินเหล่านี้ก็มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก จึงมักถูกมองข้ามไปนครพนม 47

ลานดานสาวคอยตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ปัจจุบันมี วัดภูพานอุดมธรรม อยู่ มีการสร้างองค์พระธาตุประจำวันเกิดจำลอง กระจายอู่บนลานหิน ให้ผู้มีจิตศรัทธาเดินไปสักการะ เพราะบางคนมีเวลาไม่พอ ไม่สามารถเดินทางไปสักการะพระธาตุประจำวันเกิดองค์จริงได้ครบทุกที่ มาที่นี่ที่เดียวครบเลยนครพนม 48

พระพุทธมหามงคลบพิตรจัตุรทิศประทานพร ได้รับการนำมาประดิษฐานไว้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2528 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการยุติการสู้รบระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับลัทธิคอมมิวนิสต์บนเทือกเขาภูพาน จากนี้ไปจะมีแต่สันตินะจ๊ะ
นครพนม 49

เราขอจบทริปปั่นจักรยานเที่ยวนครพนม ชมเมืองน่ารัก กันที่องค์พระธาตุพนมในยามเย็น ไปกราบขอพรพระธาตุพนม ประจำคนเกิดวันอาทิตย์และปีวอก มาที่นี่ทีไรแล้วรู้สึกร่มเย็น ใจสงบ แม้ว่าโลกภายนอกจะสับสนวุ่นวายปายใดก็ตามนครพนม 50Special Thanks : ขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ

คุณสมชาย วิทย์ดำรงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

คุณเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม

คุณวสุมน เนตรกิจเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Win Win Smile และโครงการ Self Drive Isan

คุณสิทธิพร ศิริวรเดชกุล (เปี๊ยก เสียงทิพย์) ประธานบริษัท เสียงทิพย์ไฮเทค จำกัด

คุณสมภพ ตั้งศิริ กรรมการผู้จัดการโรงแรม The River นครพนม

ขอขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ชาว ททท. สำนักงานนครพนม ทุกคน ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้อย่างเต็มที่

และ บริษัท Nikon Sales (Thailand) สนับสนุนอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพNIKON 18 copy copy

Honeymoon in Samui, the Sweetest Moment in Life

เกาะสมุย 2

เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้เป็นเพียงเกาะที่มีต้นมะพร้าวมากที่สุดในเมืองไทย ไม่ได้เป็นเพียงเกาะขนาด 252 ตารางกิโลเมตร แต่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนปีละเกือบ 2 ล้านคน! และมิได้เป็นอำเภอที่มีสภาพเป็นเกาะเก่านั้น ทว่า “สมุย” ยังถือเป็นจุดหมายโด่งดังที่ทั่วโลกรู้จักดี ไม่แพ้พัทยา ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ โดยเฉพาะคู่รักที่กำลังหาสถานที่สุดสวยสำหรับจัดงานแต่งงาน หรือฮันนีมูนกันริมหาดทรายเงียบสงบเป็นส่วนตัว สมุยถือเป็นจุดหมายที่ตอบสนองคู่รักหวานซึ้งได้ยอดเยี่ยม เกาะสมุย 3

เสน่ห์ของการเป็นเกาะที่อุดมด้วยทิวมะพร้าวล้อลมโอนเอน เคียงคู่เกลียวคลื่นครามและหาดทรายขาว อีกทั้งยังมีสนามบินนานาชาติตั้งอยู่ด้วย ยิ่งทำให้สมุยกลายเป็น Hub ที่เดินทางไปได้ง่ายดายจริงๆ และเมื่อมาถึงแล้ว ก็มีหาดทรายสวยเรียงรายให้เลือก ตั้งแต่หาดเฉวง หาดละไม หาดเชิงมนต์ หาดท้องยาง หาดหน้าทอน หาดพังกา หาดตลิ่งงาม ฯลฯ มีรีสอร์ทสวยสร้างกลืนไปกับทิวมะพร้าวโอนเอน ถือเป็นรางวัลของชีวิต ของทั้งตัวคุณและคู่รักอย่างแน่นอน เกาะสมุย 4 เกาะสมุย 5

ไม่เฉพาะชาวไทยและชาวยุโรปเท่านั้น ที่มักเลือกเกาะสมุยเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานน่ารักๆ ริมทะเล ทว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 ที่ผ่านมานี้ ยังมี คู่รักชาวจีนถึง 35 คู่ ที่เลือกเกาะสมุยเป็นสถานที่จัดงานฮันนีมูน White Romantic Beach Party 2015 ณ โรงแรม Vana Belle หาดเฉวงน้อย งานนี้จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว ชักนำคู่รักหวานแหว๋วมาเดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทย ภายใต้บรรยากาศแห่งความรัก เพื่อให้ทุกคู่ดื่มด่ำกับรรยากาศแสนโรแมนติกอันไม่สิ้นสุดของทะเลสมุย

เกาะสมุย 6

ภายใต้ธีมชุดสีขาวของ White Romantic Beach Party คู่รักทั้งหมดชวนกันลงไปเกี่ยวก้อยเดินเล่น สัมผัสผืนทรายและฟองคลื่นของหาดเฉวงน้อย พร้อมๆ กับฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงอย่างช้าๆ และแสงเทียนที่ได้รับการจุดขึ้นให้แสงมลังเมลืองเพิ่มความโรแมนติกบนหาด รอยยิ้ม การสบตากัน การจูงมือ การโอบกอด หรือแม้แต่การจุมพิตอย่างหวานซึ้ง กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับค่ำคืนนั้น เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่น อดอิจฉาคู่ฮันนีมูนชาวจีนทั้ง 35 คู่ไม่ได้ เกาะสมุย 7 เกาะสมุย 8 เกาะสมุย 9 เกาะสมุย 10

 กิจกรรมภายในงานเลี้ยงต้อนรับ  ททท. ตกแต่งบรรยากาศงานในธีม “White Romance Beach Party” ซึ่งคู่ฮันนีมูนจะแต่งกายด้วยชุดสีขาวมาร่วมงานโดยจะมีการร่วมกิจกรรมประกวดและแชร์รูปภาพคู่ของตัวเองไปยัง Social Network ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรูปภาพคู่ฮันนีมูนที่ได้รับคะแนน Like & Share มากที่สุดได้รับรางวัลแพ็คเกจทัวร์ทัวร์ 4 วัน 3 คืน พร้อมบัตรโดยสารเครื่องบินมาท่องเที่ยวในประเทศไทย 2 ที่นั่ง

เกาะสมุย 11 เกาะสมุย 12

 นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานเปิดงาน White Romance Beach Party 2015 @ เกาะสมุย จังหวัดสุราษธานี พร้อมด้วย นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผอ.ททท.สำนักงานปักกิ่ง นายชูวิทย์ ศิริเวชกูล ผอ.ททท.สำนักงานเซี่ยงไฮ้ นางปิ่นนาถ เจริญผล ผอ.ททท.สำนักงานคุนหมิง นางสาวเพลินพิศ หมื่นพล ผอ.ททท.สำนักงานเฉิงตู นายสันติ แสวงเจริญ ผอ.ททท.สำนักงานกว่างโจว นางสาวสายโพยม สมสุข ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่องเที่ยวสำนักงานสุราษฎร์ธานี หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเกาะสมุย แขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสื่อมวลชนไทย ร่วมงานคับคั่ง

เกาะสมุย 13 เกาะสมุย 14 เกาะสมุย 15

นอกจากนี้ยังมีการเชิญ Mr.Liu Ruijie ซึ่งเป็น Celebrity จากจีน ที่ดำเนินรายการสถานโทรทัศน์คุนหมิงทีวี และเป็นผู้ดำเนินรายการบันเทิงที่มีผู้ชมมากที่สุดในเมืองคุนหมิง มาร่วมสร้างสีสันในงานด้วย โดยภาพของคู่รักจะได้รับการแชร์ไปตาม Social Network ต่างๆ เพื่อให้โลกรับรู้ว่า สมุยคือเกาะแห่งความรัก ที่คู่รักทั่วโลกต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้งเกาะสมุย 17 เกาะสมุย 16 เกาะสมุย 18

โครงการ Honeymoon in Thailand  ดำเนินการโดย ททท. สำนักงานปักกิ่ง  เซี่ยงไฮ้  คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว  สาธารณรัฐประชาชนจีน  จัดขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทนำเที่ยวพันธมิตรในสาธารณรัฐประชาชนจีน อาทิ บริษัท Shenzhen Overseas Travel Service, CTrip เป็นต้น จัดทำแพ็คเกจสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Luxury Product เสนอขายในราคา 20,000 – 40,000 หยวนต่อคู่ ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มฮันนีมูนในตลาดจีน ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในเกาะสมุยและใกล้เคียง ในระยะเวลา 5 วัน 4 คืน

เกาะสมุย 19 เกาะสมุย 20 เกาะสมุย 21 เกาะสมุย 22

ทะเลสมุยยามเช้ายามเย็น แสงสวยโรแมนติกมากๆ
เกาะสมุย 23 เกาะสมุย 24 เกาะสมุย 25

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตซึ่งเป็น Landmark ของสมุย คือ หินตา หินยาย ก้อนหินรูปทรงพิสดาร อย่ามองไปทางทะลึ่ง เพราะนี่คือประติมากรรมธรรมชาติ ซึ่งธรรมชาติให้คลื่นลมสลักเสลาหินแกรนิตใหญ่ริมทะเลจนมีรูปทรงอย่างนี้

เกาะสมุย 26 เกาะสมุย 27

ส่วนคนที่ชอบผจญภัยท่องธรรมชาติสัมผัสพงไพร ลองชวนกันไปเล่นน้ำที่ น้ำตกหน้าเมืองเกาะสมุย 28

เล่นน้ำที่น้ำตกหน้าเมืองเสร็จ ยังมีทัวร์นั่งช้างล่องไพร ผจญภัยในผืนป่าดิบร่มรื่นของเกาะสมุยเกาะสมุย 29

พระใหญ่เกาะฟาน อยู่ใกล้ๆ กับหาดบ่อผุด เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเกาะสมุย มักจะไปกราบสักการะขอพร โดยเฉพาะยามโพล้เพล้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีสวยงาม ถ่ายภาพได้แจ่มมากๆ

logo123-300x300

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทร. 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย

มหัศจรรย์พืชวงศ์ขิงข่าไทย มีดีอวดชาวโลก! จ.เชียงใหม่

อุทยานขิงข่า 1

เมื่อพูดถึงคำว่า “ขิงข่า” คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงอาหารอร่อยอย่างต้มข่าไก่ หรือผัดขิง แต่ถ้าเอ่ยถึงชื่อขิงข่าในวงวิชาการพฤกษศาสตร์แล้วล่ะก็ พืชวงศ์ขิงข่า หรือ Zingiberaceae คือกลุ่มพืชเขตร้อนชื้นที่มีประโยชน์อนันต์ มากกว่าอาหารมากมายนัก เพราะขิงข่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในปัจจัยสี่ โดยเฉพาะอาหารและยารักษาโรค อีกทั้งยังมีความสวยงาม ใช้ประดับสวน บ้านเรือน และส่งออกทำรายได้มหาศาล! ยิ่งกว่านั้น ปัจจุบันยังมีการต่อยอด นำดอกขิงข่าบางชนิดมาสกัดน้ำหอม และทำชาสุขภาพด้วยล่ะ ว้าว!
อุทยานขิงข่า 2 อุทยานขิงข่า 3 อุทยานขิงข่า 4

ด้วยความสำคัญของพืชวงศ์ขิงข่าที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อีกทั้งเมืองไทยของเรายังมีพืชวงศ์นี้อยู่กว่า 300 ชนิด ใน 24 สกุล ถือเป็นจำนวน 1 ใน 4 ของพืชวงศ์ขิงข่าที่มีอยู่ในโลก! สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดสร้าง “อุทยานพืชวงศ์ขิง-ข่า” บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ มีการรวบรวมพืชวงศ์นี้ไว้กว่า 180 ชนิด จากทั่วทุกภาค ถือเป็นสวนที่รวมพืชวงศ์ขิง-ข่าไว้มากที่สุดแล้วในปัจจุบัน

อุทยานขิงข่า 5

กระเจียว (Curcuma) เป็นสกุลเด่นในพืชวงศ์ขิงข่า เพราะมีช่อดอกขนาดใหญ่ และดอกบานทนนาน มีดอกเฉพาะฤดูฝน ส่วนในฤดูอื่นๆ จะพักตัวลงหัว มีแต่ใบเขียวๆ ให้เห็นเท่านั้นอุทยานขิงข่า 6 อุทยานขิงข่า 8 อุทยานขิงข่า 9

กระเจียวส้ม

อุทยานขิงข่า 10

ช่อดอกสีสดใสของกระเจียวที่เห็น แท้จริงคือกลีบประดับ (Bract) ที่เรียงซ้อนกันขึ้นไปเป็นช่อแนวตั้ง ส่วนดอกที่แท้จริงของกระเจียว เป็นดอกรูปทรงจงอย มีขนาดเล็ก โผล่ออกมาจากกลีบประดับอีกทีหนึ่ง
อุทยานขิงข่า 11

ดอกข่าลิง (Globba sp.) เป็นพืชวงศ์ของข่าที่มีดอกขนาดเล็ก รูปทรงดอกสวยงามแปลกตา มีทั้งสีเหลือง ขาว และชมพูอ่อน ดอกเข้าพรรษาที่พบในจังหวัดสระบุรี ก็อยู่ในวงศ์ข่าลิงนี้ด้วยเช่นกันอุทยานขิงข่า 12 อุทยานขิงข่า 13 อุทยานขิงข่า 14 อุทยานขิงข่า 15

อุทยานขิง-ข่า เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญให้กับเยาวชนจากทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กๆ รู้ถึงคุณค่าความสำคัญ และความสวยงาม นำไปสู่ความรัก และการอนุรักษ์พืชวงศ์นี้ให้อยู่คู่ป่าไทยตลอดไป อุทยานขิงข่า 16 อุทยานขิงข่า 17 อุทยานขิงข่า 18

ภายในอุทยานขิง-ข่า ร่มรื่นมาก สามารถเดินชมพรรณไม้ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับมีป้ายบอกชื่อชนิดพันธุ์ของขิงข่าเอาไว้อย่างชัดเจน แยกเป็นสกุลอย่างมีระบบระเบียบอุทยานขิงข่า 19

กระทือพิลาส หรือกระทือช้าง (Zingiber spectabile) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่มีช่อดอกขนาดใหญ่มาก สีสดใสสวยงาม ตั้งแต่เหลือง ส้ม แดง ไล่เฉดกันสวยงาม ดั้งเดิมมีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าดิบชื้นแถบจังหวัดนราธิวาส

อุทยานขิงข่า 20

ดอกจริงๆ ของกระทือพิลาส มีขนาดเล็ก โผล่ออกมาจากกลีบประดับ โดยมีรูปร่างเป็นจงอยโค้งแบบนี้ล่ะ เพราะธรรมชาติได้ออกแบบดอกไม้ให้มีรูปทรงเหมาะเจาะรับกับแมลงที่มาช่วยผสมพันธุ์ให้ น่ารักมากๆอุทยานขิงข่า 21 อุทยานขิงข่า 22

ไพล (Zingiber sp.) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่ใช้ทำอาหารและสมุนไพรในสังคมไทยมาช้านาน โดยเฉพาะในวงศ์การแพทย์แผนไทย ใช้เหง้าไพลที่แก่จัด แก้ฟกช้ำ บวม เคล็ด ยอก ปวดเมื่อย ขับลม ท้องเดิน ช่วยขับระดูหรือประจำเดือนของสตรี นิยมใช้หลังจากที่คลอดบุตรแล้ว เหง้าไพลมีน้ำมันหอมระเหย มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบด้วย

อุทยานขิงข่า 23

ดอกไพลอุทยานขิงข่า 24

กระทือหนู (Zingiber sp.) เป็นพืชในวงศ์ขิงข่าที่นิยมปลูกเลี้ยงประดับสวนกันทั่วไป เพราะดอกออกตลอดปี และดอกบานทน สร้างสีสันให้สวนสวยได้

อุทยานขิงข่า 25

ทากน้อยแอบมาอาศัยอยู่กับดอกขิงข่า อยู่อย่างพึ่งพิงอิงอาศัยกัน เป็นการเกื้อกูลในธรรมชาติอันแสนน่ารัก

อุทยานขิงข่า 26

ดร.สุญาณี เวสสบุตร ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) เดินทางมาต้อนรับคณะสื่อมวลชน ที่มาเยี่ยมชมอุทยานขิงข่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่อุทยานขิงข่า 27

คุณเมธี วงศ์หนัก นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงข่า ผู้ที่เดินทางสำรวจรวบรวมพืชวงศ์ของข่าทั่วประเทศ มาออกแบบจัดเป็นอุทยานพืชวงศ์ขิงข่า ในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่อุทยานขิงข่า 28

ดร.สุญาณี เวสสบุตร ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อ.ส.พ.) ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับ คุณเมธี วงศ์หนัก นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพืชวงศ์ขิงข่า และคุณน้ำค้าง PR สาวสวนแห่งสวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

อุทยานขิงข่า 29

มหาหงส์ (Hedychium sp.) ถือเป็นนางเอกแสนสวยของอุทยานขิงข่า เพราะปัจจุบันมีการศึกษาวิจัย จนสามารถนำดอกมหาหงส์มาผลิตเป็นน้ำหอม และชาสุขภาพ ได้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่รอการผลิตออกขายในเชิงอุตสาหกรรมเท่านั้น

อุทยานขิงข่า 30

ตาเหิน (Hedychium sp.) เป็นพืชวงศ์ขิงข่าที่มีช่อดอกขนาดใหญ่ จัดเป็นพืชป่าหายากที่มีความสวยงามมาก

อุทยานขิงข่า 31

มหาหงส์สีส้มอุทยานขิงข่า 32

มหาหงส์ (Hedychium coronarium) เป็นพืชท้องถิ่นล้านนา ที่สาวๆ นิยมนำดอกประดับมวยผม เพื่อให้กลิ่นหอมชื่นใจ

อุทยานขิงข่า 33

มหาหงส์ขาวสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 2

นอกจากอุทยานขิงข่าแล้ว สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีกลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ 12 โรงเรือน จัดแสดงพืชพรรณต่างๆ ไว้ให้ชมอย่างน่าตื่นตาสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 3

โรงเรือนไม้ทะเลทรายและพืชทนแล้งสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 4สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 5

ดอกกระเจียวขาว เบ่งบานอยู่ด้านหน้าโรงเรือนบุก-บอนสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 6สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 7

โรงเรือนไม้กินแมลง มีทั้งพืชท้องถิ่นของไทยและจากทวีปอเมริกาให้ชมสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 8

โรงเรือนกล้วยไม้และเฟิน ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นเย็นฉ่ำ เหมือนเดินอยู่ในผืนป่าจริงๆ เลยล่ะสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 9สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 10สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 11

โรงเรือนป่าดิบชื้น (Tropical Rainforest) เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาคารเรือนกระจก จำลองสภาพป่าดิบชื้นของไทยมาให้ชม พร้อมด้วยพืชหายากและพืชเฉพาะถิ่นอันน่าตื่นตา อย่างใบไม้สีทอง (ย่านดาโอ๊ะ), ปาล์มเจ้าเมืองตรัง, ปาล์มเจ้าเมืองถลาง, ปาล์มบังสูรย์, หมากแดง, กล้วยศรีนรา, ดาหลาขาว และอื่นๆ อีกมากมายสวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 12สวนพฤกษศาสตร์เชียงใหม่ 13

ภายในโรงเรือนป่าดิบชื้น มีสะพานสูงให้เดินชมบรรยากาศจากด้านบนด้วย จะได้เห็นเรือนยอดไม้กันชัดๆCanopy Walway เชียงใหม่ 1

สะพานเดินศึกษาธรรมชาติบนยอดไม้ หรือ Canopy Walkway แห่งใหม่ของไทย ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางเดินบนยอดไม้ยาวที่สุดในเมืองไทย คือยาวถึง 500 เมตร สูงจากพื้นป่าเบื้องล่างกว่า 22 เมตร และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเที่ยวชมได้ในปลายปี 2015 ครับ
Canopy Walway เชียงใหม่ 2

บางช่วงของ Canopy Walkway เป็นพื้นกระจกใส เข้าไปยืนแล้วให้ความรู้สึกเสียวดี แต่ที่เจ๋งกว่าคือ เหมือนกับตัวเราลอยอยู่เหนือพื้นป่า สามารถศึกษาสังคมพืชและสิ่งมีชีวิตบนยอดไม้ได้อย่างง่ายดายCanopy Walway เชียงใหม่ 3Special Thanks : ขอขอบคุณ งานประชาสัมพันธ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โทร. 0-5384-1234  www.qsbg.org