Matterhorn มหาคีรีสองทวีป Switzerland
นี่คือหนึ่งยอดเขาที่ได้ชื่อว่า สูงและสวยที่สุดของเทือกเขาสวิสแอลป์แห่งยุโรป “ยอดเขาแมตเตอร์ฮอร์น” (Mt.Matterhorn) ยอดเขามหัศจรรย์ทรงพีระมิดเรียบ 4 ด้าน หันไปยังสี่ทิศหลังของโลก! ด้วยความสูง 4,478 เมตร ยอดแหลมเฟี้ยวทะลุเมฆขึ้นสู่ท้องฟ้า จึงเคยเป็นหนึ่งในยอดเขาที่พิชิตยากที่สุดของยุโรป! โดยมีหน้าผา 3 ด้านหันไปทางสวิตเซอร์แลนด์ และ 1 ด้าน หันไปทางอิตาลี ชี้ชวนให้นักปีนเขาผจญภัยเสี่ยงชีวิตขึ้นไปทุกปีในฤดูร้อน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อากาศดีจะที่สุด เพราะอุณหภูมิไม่หนาวเย็นเกินไป ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง มองเห็นยอดเขาแมตเตอร์ฮอร์นได้จากในเมืองเซอร์แมตต์ (Zermatt) เมืองตากอากาศเล่นสกียอดฮิต แต่ถ้าอยากชมให้ใกล้ชิดขึ้นอีก ต้องนั่งรถไฟสาย Gornertgrat Bahn ขึ้นสู่ยอดเขากอร์เนอร์กราท สูง 3,089 เมตร เพื่อชมธารน้ำแข็งสุดอลังการ และยอดเขาแมตเตอร์ฮอร์นตระหง่านอยู่ตรงหน้า ใกล้ราวจะสัมผัสได้!
ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของยอดเขาแมตเตอร์ฮอร์นที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้ คือ ส่วนฐานของภูเขาเป็นแผ่นเปลือกโลกทวีปแอฟริกา (African Plate) ที่มุดลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกทวีปยุโรป (European Plate) ดังนั้นยอดเขาแมตเตอร์ฮอร์นจึงเป็นทวีบยุโรป ซึ่งมีการก่อตัวขึ้นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปีแล้ว!
Getting There
– กรุงเทพฯ-ซูริก (Zurich) มีหลายสายการบิน เช่น Swiss International Airlines (www.swiss.com/ch/en) , Turkish Airlines (www.turkishairlines.com) ฯลฯ ใช้เวลาบินประมาณ 11.44 ชั่วโมง
– ซูริก–แซร์มัตต์ (Zermatt) โดยรถไฟ ใช้เวลา 3.30 ชั่วโมง จากเมืองไทยควรซื้อตั๋วรถไฟ Swiss Pass ไปก่อน เพราะจะได้ส่วนลดค่าตั๋วเป็นพิเศษ เป็นตั๋วรถไฟชั้น 1 สำหรับนักท่องเที่ยว ใช้เดินทางได้ทั่วสวิตเซอร์แลนด์ ตั๋วมีแบบอายุ 15 วัน ถึง 3 เดือน ติดต่อซื้อได้ที่ www.diethelmrail.com และ www.statravel.co.th
– แซร์มัตต์–แมตเตอร์ฮอร์น (Matterhorn) นั่งรถไฟขึ้นเขาสาย Gornertgrat Bahn เป็นรถไฟขบวนพิเศษ นำนักท่องเที่ยวขึ้นไปที่ยอดเขากอร์เนอร์กราท เพื่อชมยอดเขาแมตเตอร์ฮอร์น ถ้าจองตั๋วรถไฟ Swiss Pass ไปแล้วจากเมืองไทย ก็จะได้ส่วนลดค่าตั๋ว 50 เปอร์เซนต์ ค่าตั๋วคนละ 34 ฟรังก์ ใช้เวลา 40 นาที
มหัศจรรย์เขาหินปูน จางเจีย
“จางเจียเจี้ยงามดั่งสวรรค์บนดิน” ที่นี่คือดินแดนแห่งธรรมชาติพิสุทธิ์ ในมณฑลหูหนาน (Hunan) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะ “จางเจียเจี้ย” (Zhangjiajie) งามด้วยทิวทัศน์ขุนเขาแปลกตา จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังดังเรื่อง “อวตาร” (Avatar) มีเขาหินปูน ถ้ำ ทะเลสาบบนภูเขา ป่าดึกดำบรรพ์ ฯลฯ สมกับที่จีนเลือกให้จางเจียเจี้ยเป็นแหล่งท่องเที่ยวดีที่สุดระดับ AAAAA จนกลายเป็นมรดกโลกของ UNESCO เมื่อ ค.ศ. 1992
การไปเที่ยวประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน เราจะได้นั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลก คือยาวถึง 7.5 กิโลเมตร สูงจากพื้นดิน 1,279 เมตร ใช้เวลานั่งนานกว่า 35 นาที!
“ถ้ำมังกรเหลือง” ภายในยาวถึง 30 กิโลเมตร!
ที่จางเจียเจี้ยเราจะได้สัมผัส “เทียนเหมินซาน” ถ้ำประตูสวรรค์ที่มีปากถ้ำสูงถึง 131.5 เมตร
นั่งรถไฟชม ภาพเขียนสิบลี้ ซึ่งแท้จริงคือแท่งหินปูนยักษ์กว่า 200 แท่ง ยาวต่อกันเป็นพืด ให้เราจินตนาการไปเป็นรูปต่างๆ
สุดยอดของจางเจีเจี้ยคือ “ภูเขาอวตาร” (เขาเขาเทียนจื่อ) ที่ต้องนั่งลิฟท์แก้วไป่หลง สูง 326 เมตรขึ้นไปชม รวมทั้งยังมีสะพานแก้วใส Sky Bridge ที่ยื่นล้ำออกไปในอากาศจากหน้าผาอย่างน่าหวาดเสียว คำว่า “มหัศจรรย์” จึงยังน้อยไปสำหรับสถานที่นี้!
Getting There
– จากสนามบินดอนเมือง-เมืองฉางซา (Changsha) เมืองเอกของมณฑลหูหนาน บินตรงด้วย Air Asia (www.airasia.com) แล้วนั่งรถยนต์ประมาณ 4 ชั่วโมง สู่จางเจีเจี้ย
– สอบถามเพิ่มเติมที่ Ansun International Travel Service โทร. 0-2168-1188, 0-2168-1388 (www.ansuntravel.com) หรือที่ www.zhangjiajietourism.us
พัทลุง เมืองน้อยน่ารักแห่งปักษ์ใต้
เขาอกทะลุ คือภูเขาที่อยู่ในตราประจำจังหวัดพัทลุง เขาลูกนี้มีความสำคัญเพราะทำหน้าที่เป็นเหมือน Landmark เด่นในเทศบาลเมือง มองจากจุดใดก็เห็นเด่นชัด เขาลูกนี้สูงประมาณ 250 เมตร มีทางเดินป่าปีนเขาขึ้นไปชมวิวเมืองพัทลุงจากด้านบนได้ ความพิเศษคือมีโพรงหินปูนเป็นช่องทะลุ รูปร่างวงกลมขนาดใหญ่เหมือนยักษ์มาเจาะรูเอาไว้ ปู่ย่าตายายเขาแต่งนิทานอธิบายว่า อดีตมีพ่อค้าชื่อนายเมือง มีเมีย 2 คน ชื่อนางสินลาลุดีเป็นเมียหลวง และนางบุปผาเป็นเมียน้อย อยู่มาวันหนึ่งสองคนนี้ทะเลาะกัน นางสินลาลุดีกำลังทอผ้าอยู่จึงใช้ฟืมทอผ้าตีหัวนางบุปผาแตก ส่วนนางบุปผากำลังตำข้าว ก็ใช้สากเสียบอกอีกฝ่าย ตายด้วยกันทั้งคู่ นางสินลาลุดีจึงกลายเป็นเขาอกทะลุ และนางบุปผากลายเป็นเขาหัวแตก ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในเมืองพัทลุงมาตราบทุกวันนี้
ทะเลน้อย ชื่อนี้น้อยแต่ชื่อ ทว่าเมื่อได้ไปชมสถานที่จริงจะต้องตะลึง! เพราะมีทะเลบัวผืนใหญ่สุด ของภาคใต้ เนื้อที่กว่า 17,500 ไร่ กินอาณาเขตจังหวัดพัทลุง สงขลา และนครศรีธรรมราช จริงๆ แล้วทะเลน้อยคือส่วนด้านบนสุดของทะเลหลวงและทะเลสาบสงขลา แต่ทะเลน้อยมีน้ำจืดสนิทตลอดปี จึงเกิดทะเลบัวแดงนับแสนๆ ดอกเบ่งบานในช่วงฤดูหนาว-ต้นฤดูร้อน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ไปล่องเรือเที่ยวชมอาณาจักรแห่งสรรพชีวิตในเวิ้งน้ำทะเลสาบกว้างกันตั้งแต่เช้าตรู่ ดูนกตื่นนอน เกี้ยวพาราสี ฟักไข่ เลี้ยงลูก แถมยังได้ชมทะเลบัวเบ่นบานรับแสงตะวันอุ่นยามเช้า สูดโอโซนแสนสดชื่น พร้อมๆ กับชมนกอพยพฤดูหนาวนับร้อยชนิด อย่างนกกระสาแดง, นกกระสานวล, นกอีโก้ง, นกเป็ดผี, นกกาน้ำเล็ก รวมถึงฝูงเป็ดแดงนับหมื่นตัว ปัจจุบันทะเลน้อยได้รับอนุรักษ์เป็น “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย” อยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุง 32 กิโลเมตร ไปตามถนนหมายเลข 4048 (พัทลุง-ควนขนุน) ที่นี่มีบ้านพัก และร้านอาหารด้วย โทร. 0-7468-5230, 0-7461-5722
น้ำตกไพรวัลย์ ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกสวยที่สุดของเมืองพัทลุง ตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านพูด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อำเภอกงหรา จัดว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามและใหญ่ที่สุดของพัทลุง น้ำตกนี้มีน้ำหลากไหลตลอดปี แวดล้อมด้วยป่าดิบชื้นร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ ตัวน้ำตกลักษณะเป็นลาดผาหินใหญ่สูงนับร้อยเมตร และลาดชันไม่น้อยกว่า 45 องศา ม่านน้ำตกจึงทิ้งตัวลงมาเป็นทางยาวสีขาว ลงสู่วังน้ำและโขดหินน้อยใหญ่สลับอยู่เป็นช่วงๆ สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ระหว่างทางเดินเข้าสู่น้ำตก ยังมีสะพานข้ามห้วย และหนทางที่มีพืชพรรณนานาชนิด เหมาะจะดูนก ดูผีเสื้อ ศึกษาพรรณไม้ได้อย่างมีความสุข
ไม่น่าเชื่อเลยว่าประเทศไทยเราจะเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ส่งออกรังนกมากที่สุดในโลก! และไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่า รังนกคุณภาพดีที่สุดในโลกนั้นมาจากประเทศไทยนี่เอง! โดยเแหล่งผลิตที่ดีที่สุด อยู่ที่ “เกาะสี่ เกาะห้า” แห่งตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ 3 น้ำ คือน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ธรรมชาติจึงอุดม มีนกแอ่นกินรังเข้ามาทำรังหากินในถ้ำไม่น้อยกว่า 80 แห่ง บนเกาะสี่ เกาะห้า ซึ่งเป็นเกาะสัมปทานรังนกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวถาวร แต่ถ้าขออนุญาตไปล่วงหน้า ก็นั่งเรือเข้าไปชมได้บางจุด โดยลงเรือได้ที่ท่าปากพะยูน หรือท่าเรือลำปำ บนเกาะมีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 และผลิตภัณฑ์ของ บริษัท สยามรังนกทะเลใต้ ให้ชม ติดต่อเรือได้ที่ เขาชันรีสอร์ท เกาะหมาก โทร. 08-9812-1276, 08-9611-9372
พัทลุงเป็นเมืองเงียบเรียบง่าย กินอยู่สบาย เที่ยวสนุก อากาศก็ดีตลอดปี เพราะมีลมเย็นจากทะเลน้อย และทะเลสาบสงขลาพัดโชยมาชื่นใจ คนพัทลุงเขาน่าอิจฉามีที่เที่ยวนั่งพักผ่อนปิกนิกกันเยอะแยะ โดยเฉพาะ “หาดแสนสุขลำปำ” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน่าสุขใจซะเหลือเกิน จุดนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุงไปทางตะวันออก 7 กิโลเมตร ด้วยถนนสาย 4047 (พัทลุง-ลำปำ) ตรงนี้มีสภาพเป็นสวนสาธารณะร่มรื่น และทางเดินเลียบชายฝั่งทะเลสาบสงขลา น่านั่งชิลกันทั้งวัน มองไปเบื้องหน้าเห็นวิวทะเลสาบกว้างไกล ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบายสุดๆ และเมื่อมองออกไปไกลๆ ลิบๆ ก็จะเห็นเกาะสี่ เกาะห้า ซึ่งเป็นเกาะรังนก ทอดตัวอยู่ บริเวณหาดแสนสุขลำปำมีร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม และรีสอร์ทไว้บริการด้วย ถ้าใครจะหาที่พักสงบๆ เป็นส่วนตัว ไม่ถูกรบกวนจากความวุ่นวายของโลกภายนอก มาเที่ยวที่นี่ไม่ผิดหวังจ้า
วังเก่าเจ้าเมืองพัทลุง ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวัง ในเขตอำเภอเมืองพัทลุง เดิมใช้เป็นที่ว่าราชการ และที่อยู่อาศัยของเจ้าเมืองพัทลุง ลักษณะเป็นหมู่เรือนไทยภาคกลางสร้างด้วยไม้ผสมปูนอย่างงดงาม ส่วนที่เหลืออยู่คือวังเก่าสร้างสมัยพระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นผู้ว่าราชการ ต่อมาตกทอดสู่นางประไพ มุตามะระ บุตตรีของหลวงศรีวรฉัตร ส่วนวังใหม่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์ฯ (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของเจ้าเมืองพัทลุง ปัจจุบันทายาทตระกูลจันทโรจวงศ์ได้มอบให้กรมศิลปากร ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติและเป็นโบราณสถาน เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร) เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. ค่าเข้าชมคนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท ภายในมีห้องหับต่างๆ ทั้งห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ฯลฯ พร้อมด้วยเครื่องเรือนสมัยโบราณในสภาพดีเยี่ยม น่าชมมาก
ศาสนสถานสำคัญที่ตั้งอยู่กลางเมืองพัทลุงมาตั้งแต่ยุคโบราณก็คือ “วัดถ้ำคูหาสวรรค์” (วัดสูง, วัดคูหาสวรรค์) เนื่องจากวัดตั้งอยู่เชิงเขาเป็นที่สูงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเชิงเขาคูหาสวรรค์ (เขาหัวแตก) อยู่ห่างจากสถานีรถไฟพัทลุงไปทางทิศตะวันตกเพียง 500 เมตรเท่านั้น แต่น่าเสียดายว่าไม่มีบันทึกแน่ชัด ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด มีบันทึกคร่าวๆ ว่าในอดีตเมืองพัทลุงเคยถูกโจรสลัดบุกปล้น วัดถ้ำคูหาสวรรค์จึงถูกทิ้งร้าง เพิ่งมาได้รับการบูรณะในสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2432 เพื่อเตรียมรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อ รศ. 108 วัดถ้ำคูหาสวรรค์จึงกลายเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของพัทลุง จุดเด่นที่เราเข้าไปเดินชมได้ง่ายๆ คือในโถงถ้ำใหญ่ ซึ่งมีพระพุทธรูปปางสมาธิและปางไสยาสน์ประดิษฐานเรียงรายอยู่ตามผนังถ้ำหลายสิบองค์ ส่วนเพดานหินตรงปากถ้ำ ก็มีจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ปรากฏอยู่ด้วย
วัดเขียนบางแก้ว เป็นวัดเก่าแก่ของพัทลุง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อสมัยอยุธยาตอนต้น จุดเด่นที่น่าไปชมคือพระธาตุบางแก้ว ซึ่งดูให้ดีจะรู้สึกว่าคล้ายกับสร้างจำลองแบบมาจาก พระบรมธาตุนคร (นครศรีธรรมราช) ยังไงยังงั้น แต่สร้างให้มีขนาดย่อมกว่า คนที่ชอบศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดีต้องชอบที่นี่ เพราะเชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่เมืองเก่าพัทลุงเคยตั้งอยู่ มีการขุดค้นพบซากปรักหักพังของศิลาแลงจำนวนมาก รวมถึงพระพุทธรูปโบราณแบบดินเผา, หม้อ ไห จาน ชาม, เครื่องเคลือบจีน, เหรียญกษาปณ์, เงินพดด้วง, สร้อยหินสีลูกปัด, ตำราโบราณ, อาวุธโบราณ และวัตถุโบราณประเมินค่ามิได้อีกนับไม่ถ้วน ส่วนหนึ่งจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัดเขียนบางแก้วนี่เอง
การเดินทางจากตัวเมืองพัทลุง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4081 เลยอำเภอเขาชัยสนไป 7 กิโลเมตร ในเขตบ้านบางแก้วใต้ ตรง กม.14 มีป้ายบอกทางเข้าวัดอยู่ด้านซ้ายมือ ไปอีก 2.5 กิโลเมตร โดยวัดเขียนตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา บรรยากาศร่มรื่น สงบมาก
แม้จะเป็นวัดเล็กๆ แต่ “วัดวัง” ก็คือหนึ่งในวัดสำคัญที่สุดของพัทลุง ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านลำปำ ตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง วัดวังเป็นโบราณที่เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตามพงศาวดารเมืองพัทลุงกล่าวว่า พระยาพัทลุง (ทองขาว) เป็นผู้สร้างวัดนี้ แล้วมีการฉลองเมื่อวันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 พ.ศ. 2359 ต่อมาพระยาพัทลุง (ทับ) ได้ทำการบูรณะ โดยให้หลวงยกกระบัตร (นิ่ม) ไปรื้ออิฐจากกำแพงเมืองเก่าเขาชัยบุรี มีการฉลองวัดอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 2403 ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถถือว่าเขียนโดยช่างชั้นครู ที่เป็นช่างชุดเดียวกับผู้วาดภาพจิตกรรมฝาผนังในพระอุโบสถใหญ่วัดพระแก้ว โดยนายช่างได้ใช้สีแดง น้ำเงิน ขาว และดำ เป็นหลัก โดยเฉพาะสีน้ำเงินนั้นทำมาจากต้นครามแท้ๆ แต่ยังอยู่มาได้หลายร้อยปีจนถึงทุกวันนี้!
ถ้ามาเที่ยวพัทลุง แล้วไม่ได้ชมการแสดงพื้นบ้านอันมีเอกลักษณ์อย่าง “โนรา” และ “หนังตะลุง” ก็เหมือนกับว่ามาไม่ถึง เพราะศิลปะการแสดงสองอย่างนี้ซึมซาบอยู่ในวิถีชีวิตของคนพัทลุงมานับร้อยๆ ปีแล้ว ตั้งแต่ยุคอดีตที่ไม่มีทีวีวิทยุ ยามค่ำก็ได้มหรสพเหล่านี้ปลอบประโลมใจ ดูแล้วสนุก เฮฮา ครื้นเครง ได้หัวเราะทำให้หายเหนื่อยจากการทำงาน โนราหรือมโนห์รา เป็นละครรำละครร้องเรื่องยาว คล้ายละครชาตรีของภาคกลาง แต่มีท่ารำที่เน้นการต่อตัว ดัดตัว และมีเครื่องแต่งกายสีสันฉูดฉาดด้วยลูกปัด และเทริดสวมหัว (มงกุฎทรงสูง) บทร้องมีทั้งขบขัน สองแง่สองง่าม ส่วน หนังตะลุง ก็เป็นหุ่นเงาที่ได้รับอิทธิพลมาจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย สนใจหาชมได้ที่วัดท่าแค อำเภอเมืองพัทลุง หรือสอบถาม ททท. พัทลุง ก่อนล่วงหน้า ว่าช่วงใดจะมีการแสดง
พัทลุงมีของฝากประเภท Handmade Souvenir จากธรรมชาติหลายอย่าง โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าวและเสื่อกระจูด ซึ่งเป็นวัสดุในท้องถิ่นหาได้ทั่วไป นำมาแปรรูปเป็นสินค้าน่าใช้ หลากหลาย อาทิ โคมไฟ, ทับภีตักข้าว, กระเป๋าสาน, ที่รองจาน, หมวก, รองเท้า, เสื่อ, กล่องใส่ทิชชู ฯลฯ สนใจติดต่อ กลุ่มบ้านต้นกระจูด โทร. 08-6961-7906, 08-7969-5331 หรือจะซื้ออินทรีย์อุดมคุณค่า ไปกินกันที่บ้านก็ได้ เป็นข้าวพันธุ์สังข์หยดที่มีมาแต่โบราณในถิ่นนี้ มีวิตามินสูงมาก ตอนนี้ปลูกขายแทบไม่ทัน!
มาถึงทะเลน้อยทั้งที ต้องชิม “ปลาดุกร้า” อาหารจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมานับร้อยปี เป็นการถนอมอาหารไว้กินได้อร่อยโดยไม่เน่าเสีย ปลาดุกร้าคล้ายปลาเค็ม แต่มีรสชาติเฉพาะตัวที่แตกต่างคือ มีรสเค็มปนหวานและมีกลิ่นหมัก เมื่อนำไปทอดหรือย่างจะมีกลิ่นหอมชวนกิน ยิ่งบีบมะนาว กินกับเครื่องเคียงอย่างพริก หอมซอย จะยิ่งเพิ่มรสชาติ แนะนำให้ไปชิมที่ ร้านสามกั๊กทะเลน้อย โทร. 08-9653-5952 / ศรีปากประ รีสอร์ท โทร. 08-1969-3791 / ลำปำรีสอร์ท โทร. 0-7461-1486
เที่ยวเกาะแดนไวกิ้ง Lovund Island
ดินแดนสแกนดิเนเวียหรือยุโรปตอนเหนือใกล้ขั้วโลก เป็นที่ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากไปเยือน เพราะเป็นแถบที่มีภูมิทัศน์ธรรมชาติยิ่งใหญ่ตระการตา อีกทั้งเป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น จึงให้ความรู้สึกแปลกตาสำหรับคนเมืองร้อนอย่างเราๆ นอร์เวย์ (Norway) ก็เป็นประเทศหนึ่งในนั้น เพราะเราสามารถไปเที่ยวชมความงามของตัวเมืองอันเก่าแก่ แถมด้วยพระอาทิตย์เที่ยงคืน และยังมีแสงเหนือบนฟากฟ้ายามราตรีอันสุดมหัศจรรย์ในบางฤดูกาลให้ชมด้วย
การเดินทางทริปนี้ต้องอาศัยเสื้อกันหนาวหนาๆ หมวก ถุงมือ และแบตสำรองของกล้องค่อนข้างเยอะ เพราะอากาศที่เย็นเฉียบขนาดอุณหภูมิเลขตัวเดียวของนอร์เวย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้เราสั่นสะท้านได้ง่ายๆ ผมบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ออสโล (Oslo) เมืองหลวงอันสวยงามของนอร์เวย์ จากนั้นต่อเครื่องบินเล็กแบบใบพัด จุผู้โดยสารได้ไม่เกิน 20 คน บินผ่านทะเลเหนือที่กำลังจะเป็นน้ำแข็ง ไปลงที่เมืองแซเนสเชิน (Sandessjøen) แล้วลงเรือสู่ เกาะลูวุนด์ (Lovund Island) ตามที่วางแผนไว้
ถามว่าที่เกาะลูวุนด์มีอะไรให้ชม ก็ต้องบอกเลยว่ามันคือที่ที่สามารถดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้สวยที่สุด เกาะหนึ่งของนอร์เวย์ อีกทั้งยังจัดว่าเป็นอาณาจักรแห่งปลาแซลมอนเลยก็ว่าได้ เพราะในอดีตประเทศนอร์เวย์ไม่ได้เลี้ยงปลาแซลมอนส่งออกไปทั่วโลกดังเช่นทุกวันนี้ แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนหัวใสบนเกาะลูวุนด์ ทดลองนำลูกปลาแซลมอนฝูงแรกขึ้นเครื่องบินไปทดลองทำฟาร์มเลี้ยงในทะเล จนประสบความสำเร็จเกินคาด เนื่องจากทะเลแถบนี้มีน้ำเย็นกำลังดี และมีอาหารในน้ำอุดมสมบูรณ์ ธุรกิจปลาแซลมอนในนอร์เวย์อันโด่งดังจึงถือกำเนิดขึ้นที่นี่ล่ะ ส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินปลาแซลมอนอยู่แล้ว การได้มาเยือนถิ่นแซลมอนจริงๆ จึงเป็นเรื่องน่าประทับใจไม่น้อย
หมู่เกาะและทะเลแถบนี้จะว่าไปแล้วงามเหมือนภาพในเทพนิยาย เพราะเกาะส่วนใหญ่มักจะมียอดเขาแหลมๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำทะเลสีครามเข้ม เต็มไปด้วยโขดหินแปลกๆ แถมยังมีป่าเปลี่ยนสีขึ้นเป็นแนวอยู่ตามชายฝั่ง บางเกาะมีหอคอยประภาคารโผล่ขึ้นมา เคียงคู่กับท่าเรือ และหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งนิยมสร้างบ้านด้วยไม้สนทาสีแดงเป็นหลัก บวกกับความเงียบสงบเป็นธรรมชาติสุดๆ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่นั่งเรือเร็วจากเมืองแซเนสเชินสู่เกาะลูวุนด์ ช่างมีความสุขมาก
ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงเกาะลูวุนด์ เกาะเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ ที่มีประชากรอยู่แค่ 400 คน คนที่อยู่บนเกาะนี้ดั้งเดิมจึงรู้จักกันหมด เหมือนสังคมขนาดเล็กที่เอื้ออารีต่อกัน ตัวเกาะที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ จึงเดินหรือปั่นจักรยานเที่ยวได้ง่าย เพื่อชมบ้านเรือนและฟาร์มแกะเล็กๆ แสนน่ารัก หลายบ้านจัดสวนสวยเอาไว้ชื่นชม ทำให้นักเดินทางจากแดนไกลอย่างเรารู้สึกสดชื่นเมื่อได้มาเห็น
คนบนเกาะลูวุนด์มักพูดว่า “คุณจะไม่มีวันหลงทางบนเกาะแห่งนี้!” ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเกาะมีพื้นที่เพียง 4.9 ตารางกิโลเมตร และมีถนนสายหลักวนรอบเกาะอยู่เส้นเดียว การหลงทางบนเกาะนี้จึงไม่น่าจะมีโอกาสเกินขึ้นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ฮาฮาฮา ชื่อเกาะนี้ก็น่าสนใจ คือคำว่า ‘Lovund’ นั้น เป็นศัพท์ภาษา Old Norse ของคำว่า ‘lauf’ (แปลว่า ใบไม้) และ ‘-und’ (แปลว่า ดินแดน) ชื่อเกาะลูวุนด์จึงหมายถึง ‘เกาะแห่งป่าไม้’ เพราะบนลาดเขาทางตะวันตกของเกาะมีป่าไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น
บนเกาะลูวุนด์มีที่พักอยู่แห่งเดียวชื่อ Lovund Rorbu Hotel ซึ่งจัดว่าเป็นบูติกโฮเทลเล็กๆ หรูเรียบ น่ารักอย่างแท้จริง ผู้ก่อตั้งโรงแรมแห่งนี้ก็คือผู้ที่นำปลาแซลมอนฝูงแรกมาเลี้ยงบนเกาะนั่นเอง และปัจจุบันได้มอบให้รุ่นลูกชายดูแลกิจการแทน โรงแรมริมทะเลวิวสวยสุดๆ แห่งนี้ จึงมีเรื่องราวความเป็นมา และต้อนรับแขกผู้เข้าพักอย่างเป็นกันเองเหมือนญาติสนิท ที่สำคัญคือในร้านอาหารของเขามีเมนูแซลมอน ให้เราชิมคู่กับไวน์ชั้นเลิศของนอร์เวย์อย่างจุใจ จากระเบียงห้องพักหรือจากกระจกใสของร้านอาหาร เราจะเห็นเวิ้งทะเลเหนือทอดออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา โดยมีเกาะเล็กๆ เรียงตัวอยู่ห่างๆ กันอย่างงดงาม
กิจกรรมที่ถือว่าเจ๋งสุดบนเกาะลูวุนด์ ที่ถือว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง คือการชม ‘พระอาทิตย์เที่ยงคืน’ หรือ Midnight Sun เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติมหัศจรรย์ เมื่อเราสามารถเห็นพระอาทิตย์ลอยค้างเติ่งอยู่บนท้องฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า กล่าวกันว่าสถานที่ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ง่ายที่สุดจุดหนึ่งในนอร์เวย์ คือ เมืองทรมเซอ ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม ถึง 27 กรกฎาคม รวมถึงเมืองสฟาลบาร์ กลางมหาสมุทรอาร์กติก ระหว่างวันที่ 19 เมษายน ถึง 23 สิงหาคม แต่ถ้าใครอยากชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน และได้ดูการจับคู่ทำรังของนกพัฟฟินด้วย ก็ต้องเกาะลูวุนด์นี่ล่ะ
ปรากฏการณ์ ‘พระอาทิตย์เที่ยงคืน’ จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนของทวีปยุโรปและบริเวณใกล้เคียง ทางตอนเหนือของเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle : เส้นละติจูด 66°33′45.8″ ทางเหนือของเส้นศูนย์สูตร) โดยดวงอาทิตย์ยังคงมองเห็นได้ตอนเที่ยงคืน และเห็นตลอด 24 ชั่วโมง นอร์เวย์เคยมีพระอาทิย์เที่ยงคืนนานที่สุดในโลกถึง 73 วัน ที่เมืองสฟาลบาร์ รีบวางแผนเดินทางมาชมกันเลย
นอกจากการมาเที่ยวชมวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะอันสงบงาม และได้ชิมปลาแซนมอนสดๆ อร่อยล้ำแล้ว กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ การสะพายกล้องส่องทางไกล ออกไปซุ่มดูนกหายากในแถบโขดหินทางตอนเหนือของเกาะ พวกมันคือ ‘นกพัฟฟินแอตแลนติก’ (Atlantic Puffin) แสนน่ารัก ที่จับกลุ่มทำรังเลี้ยงลูกอยู่บนหน้าผาหินริมทะเลนับพันๆ หมื่นๆ ตัว นกพัฟฟินชนิดนี้เป็นนกทะเลขนาดเล็ก จากหัวถึงหางยาวแค่ 30 กว่าเซนติเมตรเอง และปีกก็สั้น ไม่ใช่นกทะเลปีกยาวที่มักร่อนไปมาในอากาศเพื่อหาเหยื่อ ทว่านกพัฟฟินเป็นนกที่ชอบว่ายน้ำ และดำน้ำจับปลา ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไวด้วยปากสั้นๆ แต่ทรงพลังของมัน โดยปากของมันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใส เพื่อใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามในฤดูผสมพันธุ์ ยิ่งกว่านั้นบางเกาะในทะเลแถบนี้ของนอร์เวย์ ยังยกย่องนกพัฟฟินโดยนำมันมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ทางราชการของเกาะเลยก็มีครับ
ภาพแห่งความบริสุทธิ์ของธรรมชาติบนเกาะน้อยๆ ในแดนไวกิ้งแห่งนี้ช่างน่าประทับใจ และผมหวังว่า คุณจะได้มาเห็นด้วยตัวเอง แล้วคุณจะรู้สึกว่า สวรรค์บนพื้นโลกมีอยู่จริง!
Lovund Guide
– ช่วงที่ 1 บินตรงไทย-ออสโล (เมืองหลวงของนอร์เวย์) โดยสายการบิน Scandinavian Airlines (www.flysas.com/en/th/) หรือ Thai Airways International (www.thaiairways.co.th) ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง 30 นาที แล้วบินต่อด้วยเครื่องบินเล็กจากออสโล-เมืองแซเนสเชิน (Sandessjøen)
– ช่วงที่ 2 นั่งเรือโดยสารจากเมืองแซเนสเชิน-เกาะลูวุนด์ เป็นเรือเฟอร์รี่ของบริษัท The Nordland Express Boat เช็คตารางเดินเรือและจองตั๋วได้ที่ www.nordnorge.com
– ที่พักบนเกาะ Lovund มีแห่งเดียว คือ Lovund Rorbu Hotel ติดต่อ www.lovund.no
เที่ยววิถีข้าววิถีไทย อิ่มทั้งใจ อิ่มทั้งท้อง
(1) Tigerland Farm จ.เชียงราย
(2) ไร่รื่นรมย์ จ.เชียงราย
(3) พร้าว Green Valley อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
(4) บ้านกว้าง ท่าเยี่ยม อ.เมือง จ.ยโสธร
(5) ข้าวเขาวง จ.กาฬสินธุ์
(6) บ้านนาหมอม้า จ.อำนาจเจริญ
(7) บ้านบ่าวปรีดา จ.ชัยนาท
(8) Buffalo Farm จ.ปราจีนบุรี
(9) โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ จ.สระแก้ว
(10) ข้าวสังข์หยด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
(11) เกาะยาวน้อย จ.พังงา
เที่ยวพะเยา Gate Way สู่ล้านนา
เดินทางสู่ จังหวัดพะเยา และอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง กล่าวคำทักทาย Gate Way ประตูสู่ล้านนา จุดเชื่อมโยงภาคกลางตอนบนเข้าสู่ภาคเหนือตอนล่าง ดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเต็มไปด้วยสีเขียวของแมกไม้ร่มรื่น วันนี้พะเยาและเถินยังเป็นเมืองน้อยน่ารักที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก จึงมีหลากหลายแง่มุมอันสงบน่าพัก น่าเที่ยว ไม่แพ้เมืองอื่นๆ ของล้านนาเลยสักนิด
กว๊านพะเยา เป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไทย ถือเป็นโอเอซิสกลางเมืองพะเยาเลยล่ะ เพราะระบบนิเวศน์ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยปลาน้ำจืด ทะเลบัวแดง และนกนานาชนิด โดยรอบมีสวนสาธารณะให้ผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจ ทุกเช้าบริเวณท่าเรือริมกว๊านฯ จะมีการตักบาตรข้าวเหนียว พอตกสายหน่อยบรรดาร้านค้าโดยรอบก็เริ่มทยอยเปิด ขายอาหารรสเลิศไปจนถึงค่ำ
ในกว๊านพะเยามีการค้นพบซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ สมัยพระเจ้าติโลกราช คือ “วัดติโลกอาราม” ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ยอดพระธาตุโผล่พ้นน้ำขึ้นมา และยังมีการค้นพบพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย อายุหลายร้อยปีด้วย ทุกวันนี้เราสามารถนั่งเรือรับจ้างของชาวบ้านขึ้นไปสักการะองค์พระได้ โดยในวันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา จะมีการเวียนเทียนกลางน้ำแห่งเดียวในโลก! ตื่นตาน่าชมมาก
การตักบาตรยามเช้าให้จิตใจผ่องใส ที่ริมกว๊านพะเยา
น้ำตกภูซาง เป็นน้ำตกอุ่นแห่งเดียวในเมืองไทย! คือน้ำมีอุณหภูมิประมาณ 33 องศาเซลเซียส ลงแช่ตัวได้สบาย ช่วยผ่อนคลายหายปวดเมื่อย เพราะในน้ำมีแร่ธาตุอุดมคุณค่าจากใต้ดินเจือปนอยู่ด้วยนั่นเอง ยิ่งกว่านั้นน้ำยังใสแจ๋วจนมองเห็นปลาที่แหวกว่ายไปมา แถมน้ำยังไม่มีกลิ่นฉุนของกำมะถันเหมือนน้ำพุร้อน หรือน้ำตกร้อนทางภาคใต้ น้ำตกภูซางจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่พิเศษสุดแบบ Unseen เลยก็ว่าได้
น้ำตกภูซางเป็นน้ำตกขนาดเล็ก สูงเพียง 25 เมตร และเที่ยวง่าย เพราะตั้งอยู่ริมถนนในอุทยานแห่งชาติภูซาง ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับลาว ป่าผืนนี้สมบูรณ์มากจึงมีสัตว์ชนิดพิเศษแสนหายาก น่ารักมากๆ ให้ชม คือ เต่าปูลู เป็นเต่าบกที่ปีนต้นไม้ได้ ตัวเล็กน่ารัก หางยาว และมีเล็บแหลมทั้งสี่ตีน เพื่อเอาไว้ปีนต้นไม้หนีภัยหรือไฟป่า (อุทยานแห่งชาติภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา โทร. 0-5440-1099)
ไทลื้อ คือกลุ่มชนที่เคยอยู่อาศัยในแคว้นสิบสองปันนาของจีน (รวมถึงบางส่วนของลาวเหนือ) และได้อพยพเข้าสู่ภาคเหนือของไทยเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว โดยในจังหวัดพะเยามีอยู่จำนวนมาก พวกเขามีเอกลักษณ์การแต่งกายของตนเอง และมีผ้าทอไทลื้อเป็นหัตถกรรมโดดเด่น
ชวนกันไปเที่ยว “บ้านป้าแสงดา” ที่บ้านธาตุสบแวน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นบ้านไทลื้อสมบูรณ์ที่สุดหลังสุดท้าย ในจังหวัดพะเยาปัจจุบัน! บ้านป้าแสงดาเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มทุกวัน ลักษณะเป็นบ้านไม้โบราณ บรรยากาศร่มรื่น หลังคามุงด้วยไม้แป้นเกล็ดซ้อนๆ กัน พอถอดรองเท้าขึ้นชมบนบ้านก็ต้องตะลึง เพราะจะได้เห็นห้องนอนและห้องครัวแบบโบราณของแท้ ของจริง โดยมีคุณป้าแสงดานำชมอย่างเป็นมิตร ที่ใต้ถุนบ้านมีกี่ทอผ้า และแคร่ไม้ไผ่เอาไว้ให้นั่งเล่นพูดคุยกันด้วย เพื่อเรียนรู้เรื่องเก่าๆ จากคุณป้าแสงดา
รอยยิ้มของป้าแสงดา ช่างน่าประทับใจและอบอุ่นจริงๆ
พะเยาเป็นเมืองโบราณแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญ อย่างเช่นที่ วัดศรีปิงเมือง วัดเก่าแก่ในเขตเมืองโบราณเวียงลอ เมืองเก่าสมัยศตวรรษ 17 ซึ่งแต่เดิมภายในบริเวณนี้มีวัดร้างอยู่กว่า 50 แห่ง โดยตามวัดร้างจะขุดพบพระพุทธรูปหินทรายและพระพุทธรูปทองสำริดจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายหรือสูญหายไปเกือบหมดแล้ว จะเหลือสภาพสมบูรณ์ก็คือที่ พระธาตุศรีปิงเมือง อายุกว่า 900 ปี
ภายในวัดนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมเอาชิ้นส่วนพระพุทธรูป และโบราณวัตถุล้ำค่าต่างๆ ที่ขุดพบภายในเมืองโบราณเวียงลอให้ชม อาทิ ถ้วยชามเครื่องปั้นดินเผา, อาวุธโบราณ, เงินโบราณ, หินลูกปัด ฯลฯ วัดศรีปิงเมืองอยู่ที่บ้านเวียงลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พิพิธภัณฑ์ไม่ได้เปิดตลอดเวลา ต้องไปแจ้งทางวัดจึงจะเปิดให้ เพื่อป้องกันความปลอดภัยของวัตถุโบราณ โทร. 08-1783-7294
วัตถุโบราณที่ขุดพบภายในเมืองโบราณเวียงลอ
วัดพระเจ้านั่งดิน เป็นวัดสำคัญศูนย์รวมศรัทธาของผู้คนในตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ความโดดเด่นที่ควรไปชมคือ พระประธานในโบสถ์ไม่มีฐานชุกชีรองรับเหมือนกับพระประธานในวัดอื่นทั่วๆ ไป ชาวบ้านเคยลองอัญเชิญพระประธานองค์นี้ขึ้นประดิษฐานบนฐานชุกชีที่สร้างขึ้น แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไรก็ยกไม่ขึ้น! จึงเรียกสืบต่อกันมาว่า พระเจ้านั่งดิน
สันนิษฐานกันว่า พระเจ้านั่งดิน น่าจะมีอายุกว่า 2,500 ปี อ้างอิงจากตำนานที่เล่าว่าพระพุทธรูปนี้สร้างตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ โดยใช้เวลาในการสร้างพระพุทธรูป 1 เดือน กับอีก 7 วัน จึงเสร็จ เมื่อสร้างเสร็จได้ประดิษฐานไว้บนพื้นราบ ไม่มีฐานชุกชีอย่างพระพุทธรูปทั่วไป เวลาเราเข้าไปสักการะจึงควรแต่งกายให้สุภาพ และนั่งลงให้เรียบร้อย
วัดเวียง แห่งบ้านเวียง ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เป็นวัดเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ที่มีศิลปะคู่แฝดกับวัดพระธาตุลำปางหลวง โดยในอดีตวัดเวียงถือเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวเถิน มีการค้นพบศิลปะวัตถุสมัยเชียงแสน และแนวกำแพงล้อมรอบวัดเวียงออกไปหลายชั้น บ่งบอกถึงความสำคัญ ยิ่งกว่านั้นด้านหลังวัดยังมีต้นขนุนของพระนางจามเทวีปลูกอยู่ด้วย ถือเป็นต้นขนุนศักดิ์สิทธิ์ที่พระนางปลูกไว้ 3 ต้น (อยู่ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่, วัดพระธาตุลำปางหลวง ลำปาง, วัดเวียง ลำปาง) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพระนางจามเทวีเคยเสด็จผ่านมาทางนี้ โดยปัจจุบันต้นขนุนนี้ยังมีชีวิตออกลูกออกหลาน ในพิพิธภัณฑ์ของวัดเวียงมีโบราณวัตถุสูงค่าเก็บรักษาไว้มากมาย โดยเฉพาะตู้พระธรรมใบลานพุทธศิลป์งามล้ำ (สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณปัญญา หลำน้อย โทร. 08-5035-1388 เว็บไซต์ www.thoentoday.com)
พระอุโบสถใหม่ของวัดเวียง
ต้นขนุนที่พระนางจามเทวีปลูกไว้ ในวัดเวียง อำเภอเถิน
วัดอุมลอง ตั้งอยู่ที่บ้านอุมลอง ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เป็นวัดโบราณอายุกว่า 2,000 ปี! โดยมีจุดเด่นอยู่ที่พระธาตุอุมลองอันศักดิ์สิทธิ์ องค์พระธาตุสร้างเป็นทรงเหลี่ยมย่อมุม ยอดหุ้มทอง ภายในบรรจุกระดูกท่อนแขนใต้ข้อศอกของพระพุทธเจ้าเอาไว้ ส่วนในวิหารวัดอุมลองที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2463 ก็งามอลังการด้วยศิลปะล้านนาแท้ ประดับกระจกแก้วสีตามเสาและฝาผนังสะท้อนแสงมลังเมลือง องค์พระประธานก็มีพระพักตร์สงบเปี่ยมเมตตา
พระอุโบสถหลังเก่าของวัดอุมลอง
พระอุโบสถ์ใหม่ของวัดอุมลอง
แต่จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนวัดอุมลองก็คือการได้ชม หอจำศีล (หอสวดมนต์) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2465 โดยใช้เป็นหอสวดมนต์ นั่งสมาธิในวันพระของอุบาสกป้อง มั่นคง หอสวดมนต์นี้เองถูกโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ลอกเลียนแบบไป จนเป็นที่วิพากวิจารณ์กันว่า เหมาะสมหรือไม่ที่นำสิ่งก่อสร้างทางศาสนาไปใช้ในเชิงธุรกิจเช่นนั้น!?
ลายจำหลักไม้อันประณีตงดงาม ที่วัดอุมลอง
ความงามของพุทธศิลป์ถิ่นล้านนา ที่วัดอุมลอง“สวัสดีกว๊านพะเยา สบายดีหลวงพระบาง” คือสโลแกนแสนน่ารักของประตูสู่หลวงพระบาง “จุดผ่อนปรนบ้านฮวก (กิ่วหก)” หมู่ 12 ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ซึ่งเราสามารถเข้าไปเที่ยว ในแขวงไชยะบุรีของลาวได้ โดยฝั่งลาวเรียกว่าด่านบ้านปางมอญ เมืองคอบ ด่านนี้กำลังเปลี่ยนจากจุดผ่อนปรนชั่วคราวเป็นด่านถาวรต้อนรับ AEC มีการลาดยางถนนให้รถวิ่งเที่ยวสะดวก บนเส้นทางบ้านฮวก-เมืองคอบ (42 กิโลเมตร)-ปากทา-ปากคอบ-เชียงฮ่อน (ลาว) รวม 180 กิโลเมตร
บ้านฮวกเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP Village Champion ขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอไทลื้อ โดยมีตลาดนัดสินค้าไทย-ลาวทุกวันที่ 10, 20 และ 30 ของเดือน แถมทุกปีใหม่ยังมีประเพณี “ตักบาตรสองแผ่นดิน” ที่พระจากลาวจะเดินเข้ามาบิณฑบาตรถึงบ้านฮวกด้วย ปัจจุบันด่านบ้านฮวกเปิดเวลา 06.00-18.00 น.ทุกวัน ไม่หยุดพักเที่ยง (สอบถาม ที่ว่าการอำเภอภูซาง โทร. 0-5446-5054 ในเวลาราชการ)
แนะนำที่พักแสนสะดวกสบาย มีสไตล์ กว้างขวาง ร่มรื่น ที่ Thoen Park 2454 Resort ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน จุดเด่นคือเรือนพักแบบเรือนล้านนาประยุกต์ หลังคามุงกระเบื้องดินขอโบราณแท้ๆ บรรยากาศเงียบสงบมาก โทร. 08-9759-1786 เฟสบุ๊ค www.facebook.com/Thoenpark.2454
เรือนไทยลื้อแบบเก่า ภายในเถิน ปาร์ค รีสอร์ท
ส่วนของฝากจากพะเยา แนะนำ ผลิตภัณฑ์ผักตบชะวาแปรรูป ทำเป็นหมวกและกระเป๋าเก๋ไก๋ รูปลักษณ์สวยงามทันสมัยน่าใช้ ติดต่อ กลุ่มหัตถกรรมจักสานผักตบชวา บ้านสันป่าม่วง โทร. 0-5445-8633, 08-1602-7771
ของฝากสุดเจ๋งจากอำเภอเถินคือ แก้วโป่งข่าม ทำเป็นเครื่องประดับ ใส่แล้วนำโชคเสริมดวงชะตา โทร. 08-6194-6655