ภาพโดย สุเทพ ช่วยปัญญา สำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม / The Way News.comการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดทริปรถไฟท่องเที่ยวขบวนพิเศษ KIHA 183 นำนักท่องเที่ยวกว่า 400 คน สู่ “แหลมผักเบี้ย” จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2565 เพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนและทำกิจกรรม SCR สืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการพระราชดำริแหลมผักเบี้ย กินลมชมวิวริมทะเลอากาศสดชื่น ลิ้มลองอาหารทะเลอร่อยๆ และที่สำคัญคือได้นั่งรถไฟ KIHA 183 ซึ่ง JR Hokkaido ประเทศญี่ปุ่น มอบให้ไทยมาปรับปรุงใช้งานเพื่อการท่องเที่ยว
รถไฟ KIHA 183 เริ่มออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ขบวนประกอบด้วย 4 ตู้ ในแต่ละทริปสามารถพานักท่องเที่ยวไปได้ 200 คน ทริปจังหวัดเพชรบุรีคราวนี้เริ่มออกเดินทางประมาณ 07.00 น. ถึงสถานีเพชรบุรี ประมาณ 10.00 น. นับเป็น One Day Trip ที่เที่ยวสนุกได้ทั้งครอบครัว นักท่องเที่ยวทยอยกันเข้ามาลงทะเบียนตั้งแต่เช้าตรู่ที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง (สถานีกรุงเทพฯ) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับอย่างอบอุ่น คุณศุภมาศ ปลื้มสกุล หัวหน้ากองโฆษณาและส่งเสริมการท่องเที่ยว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า “ประเทศญี่ปุ่นได้มอบรถไฟ KIHA 183ให้ไทยมาจำนวน 17 ตู้ 4 ขบวน ช่างของ รฟท. จึงได้นำมาปรับปรุงใหม่ โดยดัดแปลงความกว้างของช่วงล้อ ให้เหมาะสมกับการวิ่งในประเทศไทย ในส่วนของตัวรถก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมของญี่ปุ่นไว้ ไม่ว่าจะเป็นป้ายต่างๆ หรือแม้แต่ตราสัญลักษณ์ปีกสีทองที่ส่วนหัวรถไฟ ซึ่งปัจจุบันได้จัดเป็นขบวนพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว ในวันเสาร์อาทิตย์ก่อน และให้บริการในระยะไม่เกิน 300 กิโลเมตร ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมโปรแกรมท่องเที่ยว ที่เปลี่ยนไปทุกเสาร์อาทิตย์ ได้ที่เว็บไซต์ของ รฟท. หรือโทรสอบถามที่ 1690 ก็ได้”รถไฟ KIHA 183 เดินทางถึงสถานีเพชรบุรี เวลาประมาณ 10.00 น. พร้อมอากาศแจ่มใส เหมาะกับการท่องเที่ยวจากสถานีรถไฟเพชรบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ด้วยรถบัสปรับอากาศอย่างดี สู่อำเภอบ้านแหลม บริเวณ “แหลมหลวง” ซึ่งถือเป็นหาดทรายหาดแรกของฝั่งอ่าวไทย จนได้ฉายาว่า “ต้นทางทราย ปลายทางเกลือ โคลนก้อนสุดท้าย ทรายเม็ดแรก” เพราะในส่วนถัดขึ้นไปทางทิศเหนือจะเป็นหาดโคลนทั้งหมด แหลมหลวงในช่วงกลางวันน้ำทะเลจะลดระดับลง เผยให้เห็นหาดทรายสีน้ำตาลอ่อน เหมาะทำกิจกรรม CSR ปล่อยลูกปูลงทะเล อีกทั้งจุดนี้ยังอยู่ห่างจากธนาคารปูเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น
ลูกปูนับแสนๆ ตัว ถูกจัดเตรียมไว้ในถังพลาสติก ให้นักท่องเที่ยวนำไปปล่อย เติมเต็มความสมบูรณ์ให้ท้องทะเลคุณศุภมาศ ปลื้มสกุล หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรในพื้นที่และนักท่องเที่ยว เตรียมปล่อยลูกปูที่แหลมหลวงรอยยิ้มแห่งความสุขในการปล่อยลูกปู สืบสาน รักษา ต่อยอด เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ท้องทะเลท่านกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ร่วมกิจกรรมปล่อยลูกปูที่แหลมหลวง เมื่อปล่อยลูกปูเสร็จแล้ว คณะเดินทางต่อไปที่ “ธนาคารปูม้า” อ.บ้านแหลม แหลมผักเบี้ย ณ ร้านโอ้โหปูอร่อย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของชุมชน เพื่ออนุรักษ์เพิ่มจำนวนปูม้า หลังจากเคยประสบภาวะเสื่อมโทรมลดจำนวนของสัตว์ทะเล ด้วยสาเหตุขาดการดูแลใส่ใจระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม
ธนาคารปูม้าแหลมผักเบี้ย รับซื้อแม่ปูไข่นอกกระดอง นำลูกปูมาอนุบาลจนแข็งแรง แล้วค่อยปล่อยลงทะเลแม่ปูม้าไข่นอกกระดอง ต้นพันธุ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ แม่ปูม้าหนึ่งตัวสามารถมีไข่ได้ถึง 200,000 ถึง 1 ล้านฟองได้เวลาอาหารเที่ยง ก็ถึงเวลาล้ิมลองอาหารทะเลสดอร่อยของเพชรบุรี ณ ร้านโอ้โหปูอร่อย อาหารเที่ยงแบบพื้นบ้านแสนอร่อย ประกอบด้วย ผักชะครามลวก กินกับหัวกะทิและน้ำพริกแดง, ปูม้านึ่ง, ยำสาหร่ายพวงองุ่น, ปลากะพงทอดราดน้ำจิ้มรสเด็ด, หอยตลับผัดใบโหระพา, ต้มยำปลากะพง และไข่เจียวร้อนๆ ชะคราม เป็นไม้พุ่มทนแล้งขนาดเล็ก ขึ้นอยู่ตามชายทะเลและนาเกลือ ใบอ่อนนำมาลวกกินได้ เป็นยาระบายอ่อนๆ สาหร่ายพวงองุ่น เป็นอาหารที่อุดมวิตามินอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ปลูกเลี้ยงกันมากมายในแถบแหลมผักเบี้ย ปูม้านึ่ง เนื้อหวานเจี๊ยบ (ไซต์ 4 ตัวโลฯ) กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด หอยตลับผัดใบโหระพา เนื้อนุ่มหนึบบอกได้ถึงความสด ปลากะพงทอด กินกับน้ำจิ้มแสนอร่อย
ต้มยำปลากะพง ชิ้นใหญ่ เนื้อสด รสชาติชนะเลิศ
อิ่มเอมเปรมปรีกับอาหารเที่ยงแล้ว เดินทางเลียบทะเลด้วยรถบัสอีกเพียง 10 นาที ก็ถึง “โครงการศึกษาและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2534 ในความดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนา ตามแนวพระราชดำริของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล จัดเป็นโครงการศึกษาวิจัยและบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการธรรมชาติ พร้อมให้ความรู้ด้านระบบนิเวศป่าชายเลน จนกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงาน และพื้นที่ดูนกสำคัญ ซึ่งนักดูนกทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดีฟังบรรยายสรุปความเป็นมาและกิจกรรมของ โครงการฯ แหลมผักเบี้ย ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกบริเวณด้านหน้าอาคาร การเยี่ยมชมพื้นที่และกิจกรรมของ โครงการฯ แหลมผักเบี้ย ใช้รถพ่วงนั่งได้คันละ 35 คน แล่นไปตามจุดต่างๆ ใช้เวลารอบละ 25 นาที จุดแรกผ่านไฮไลท์คือ “บ่อบำบัดน้ำเสียด้วยสาหร่ายสีเขียวธรรมชาติ” โดยสูบน้ำเสียจากตัวเมืองเพชรบุรีมาบำบัด พร้อมสามารถเลี้ยงปลาได้เมื่อคุณภาพน้ำดีขึ้น และจับปลาขายได้ทุก 6 เดือน ส่วนน้ำสะอาดที่บำบัดแล้ว สามารถนำไปใช้ประโยชน์หรือปล่อยลงทะเลได้ โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมการใช้ต้นหญ้า 7 ชนิด บำบัดน้ำเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพจุดสุดท้ายเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ (Nature Trail) ระยะทางเดินไปกลับ 1800 เมตร และกลับทางเดิม เพื่อศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน จนไปถึงศาลาริมทะเลเปิดโล่ง อากาศสดชื่นเดินศึกษาพรรณไม้ชายเลนหลากหลายชนิด นักท่องเที่ยวรถไฟ KIHA 183 เดินชมธรรมชาติ ศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน ซึ่งเป็นทั้งกำแพงธรรมชาติป้องกันคลื่นลมทะเล และยังอนุบาลสัตว์ทะเลวัยอ่อน เพื่อออกไปเติบโตในห่วงโซ่อาหารทะเลชายฝั่งด้วย ภาพแห่งความสุขอันน่าจดจำ ในการเดินทางสู่แหลมผักเบี้ยกับ รถไฟ KIHA 183ออกจากโครงการฯ แหลมผักเบี้ย ใช้ถนนเส้นเลียบทะเลอำเภอบ้านแหลมไปอีกไม่เกิน 15 นาที ด้านขวามือก็จะพบกับ “โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างแบบผสมผสานตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551
โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างแบบผสมผสานตามพระราชดำริฯ จัดตั้งขึ้นด้วยสาเหตุที่ชาวประมงจับสัตว์ทะเลได้น้อยลง และต้องออกเรือไปไกลขึ้น พื้นที่แห่งนี้จึงศึกษาวิจัยและสาธิตเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จำเป็นทั้งเพื่อการเพาะเลี้ยงและจับสัตว์ทะเลให้มีประสิทธิภาพ และถูกสุขอนามัยมากขึ้นด้วย แต่ละปีจะมีผู้สนใจเข้าศึกษาดูงานนับหมื่นคนพื้นที่กว่า 82 ไร่ ของโครงการฯ เป็นนาเกลือร้างที่ได้รับการบริจาคมา จึงสามารถสื่อถึงเรื่องราว “การทำนาเกลือสมุทร” ด้วยวิธีดั้งเดิม เพราะอำเภอบ้านแหลม จ.เพชรบุรี มีพื้นที่นาเกลืออยู่มากที่สุดของประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 33,000 ไร่ เกลือทะเลคุณภาพสูงของอำเภอบ้านแหลม นำมาเพิ่มมูลค่าแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย โดยเฉพาะเกลือสปา แป้งร่ำเกลือจืด และอื่นๆ
ชมการเพาะเลี้ยงและคัดแยกสาหร่ายพวงองุ่นต้นแม่พันธุ์สาหร่ายพวงองุ่น นักท่องเที่ยว รถไฟ KIHA 183 ทดลองทำตะแกรงเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นโครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างฯ มีบ่อเลี้ยงสัตว์ทะเลสวยงามนานาชนิดไว้ให้ชมอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น หอยมือเสือ, ปลาดาว, กุ้งมังกร, ปลาการ์ตูน, หอยเป๋าฮื้อ, ปลาสิงโต, ปลาทู, ปลากะรัง, ปลิงทะเล และอีกมากมายสาหร่ายทะเลสด สามารถเพาะเลี้ยง และนำไปแปรรูปเป็นสาหร่ายอบกรอบและอาหารอุดมคุณค่ามาถึงฟาร์มทะเลตัวอย่างฯแล้ว ต้องไม่พลาดชิมเครื่องดื่มนวัตกรรมใหม่ “น้ำสาหร่ายผมนาง” ที่ดีต่อสุขภาพมาก ตัวน้ำรสชาตินุ่มนวล ดื่มง่าย และมีเนื้อสาหร่ายผมนางเนื้อนุ่มคล้ายเส้นเจลลี่ ผิวสัมผัสคล้ายเส้นบุกสุขภาพ แช่เย็นดื่มยิ่งอร่อย
หมุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ คือการเดินทางกลับจากแหลมผักเบี้ยเข้าสู่อำเภอเมืองเพชรบุรี เพื่อช้อปปิ้งซื้อของฝากกลับบ้านที่ “ร้านลุงอเนก ขนมหวานเมืองเพ็ชร์” ซึ่งเป็นโรงงานผลิตขนมไทยที่มีมาตรฐานความสะอาดระดับ GHP/HACCP จากสถาบันมาตรฐาน ISO จึงมั่นใจได้เรื่องคุณภาพ ร้านลุงอเนกมีขนมพื้นบ้านไทยหลากหลายให้เลือกชิมเลือกซื้อ ทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมอาลัว ขนมหม้อแกง ขนมฝอยทองกรอบ ขนมฝอยทองรังนกน้อย กาละแม ฯลฯ ราคาไม่แพง เพราะเป็นแหล่งผลิตเอง ของใหม่สดทุกวันขนมหม้อแกงถ้วย เป็น Signature โด่งดังของร้านนี้ ยิ่งแช่เย็นนำมากินยิ่งอร่อย มี 6 รส คือ รสเผือก รสทุเรียน รสกล้วย รสเมล่อน รสฟักทอง และรสถั่วท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี (คุณวันเพ็ญ มังศรี) มาต้อนรับคณะนักท่องเที่ยว รถไฟ KIHA 183 ด้วยตนเอง
ท่านที่สนใจเดินทางท่องเที่ยวทุกวันเสาร์อาทิตย์ด้วย รถไฟ KIHA 183 สามารถเข้าชมโปรแกรมตลอดเดือนกรกฎาคม โดย Scan QR Code ตามด้านล่างนี้ จะได้รีบจองและไม่พลาดการเดินทางสุดประทับใจกับ รฟท.
หรือโทร.สำรองที่นั่งได้ทาง 1690