LA BRACI Modern Casual Fine Dining เปิดแล้ววันนี้!

เปิดแล้ว! La Braci ร้านอาหาร Fine Dining สไตล์ Modern Casual แห่งใหม่ ณ ชั้นลอยตึก One City Centre ใจกลางย่านเพลินจิต นำเสนอความอร่อยผ่านศิลปะอาหารเวสเทิร์น คงความหรูหราในแบบฉบับ Fine Dining ผสานรสชาติและบรรยากาศลงตัว ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ด้วยการเดินทางสะดวกสบาย เพียงไม่กี่ก้าวจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต La Braci ซ่อนตัวอยู่ในสวน แวดล้อมด้วยแมกไม้สีเขียวน่ามอง และมีอาคารสูงอยู่ด้านหลัง รับกันอย่างลงตัว ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตแค่นิดเดียว
La Braci  มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเทคนิคเน้นการใช้ไฟจากฝืนไม้สนทะเลคุณภาพ ตกแต่งร้านผสานความโมเดิร์นและธรรมชาติ ในคอนเซปต์ถ้ำหินและเฟอร์นิเจอร์ไม้สักแท้ หรูหรา ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย รับลูกค้าได้ถึง 50 ที่นั่ง เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อพิเศษของครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง หรือดินเนอร์สุดโรแมนติก เชฟและทีมงานสามารถเชื่อมโยงกับแขกได้โดยตรง แขกสามารถมองเห็นกระบวนการสร้างสรรค์เมนูแต่ละจาน พร้อมทั้งสัมผัสกลิ่นหอมอันยั่วใจจากเตารมควัน คุณ Sean Lai เชฟผู้เป็นเจ้าของร้าน La Braci กล่าวว่า “ปรัชญาการทำอาหารของเรา เกิดจากความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อประเพณีและนวัตกรรม เราตั้งใจรังสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารสไตล์ Fine Dining แบบสบายๆ แต่ทันสมัย เชิดชูเสน่ห์ดั้งเดิมของการปรุงอาหารด้วยไฟที่จุดจากไม้ ผสานเทคนิคสมัยใหม่ เป้าหมายของเราคือส่งเสริมให้รสชาติตามธรรมชาติของวัตถุดิบที่เราคัดมาอย่างพิถีพิถัน ได้เปล่งประกายเต็มที่ ภาคภูมิด้วยวิถีแห่งความซับซ้อน ละเอียดอ่อนจากไฟและควัน แต่ละจานจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ความใส่ใจในรายละเอียด เพื่อมอบประสบการณ์น่าจดจำ”เอกลักษณ์อีกประการที่สำคัญของ La Braci คือแนวคิดอาหารจานแชร์ เชฟ Sean เสริมว่า “เราเชื่อว่าอาหารจะอร่อยมากขึ้นเมื่อทานด้วยกัน เราจึงออกแบบเมนูเพื่อส่งเสริมประสบการณ์การมีส่วนร่วม ให้แขกได้ลิ้มลองรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลายด้วยกัน นอกจากจะยกระดับความสุขในการรับประทานแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศอันอบอุ่น เป็นกันเอง สะท้อนความเป็นอยู่แบบไทยที่มักกินข้าวด้วยกัน”La Braci บริหารงานโดย เชฟเจ้าของร้าน คุณ Sean Lai และ คุณวชิรวิทย์ ธนันต์รัตน์ (เชฟแบงค์) กรรมการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ร่วมกับทีมเชฟชาวไทยฝีมือเยี่ยม แขกทุกท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศเป็นกันเอง เปลวไฟอันอบอุ่น และรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน

คุณ Sean กล่าวสรุปว่า “La Braci จะไม่เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา แต่จะเป็นสถานที่ที่สร้างความรู้สึกพิเศษให้ทุกท่านที่มาเยือน เราต้องการให้สัมผัสได้ถึงความหลงใหลของเราในการสร้างบรรยากาศทเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกัน La Braci คือร้านอาหารที่เน้นการใช้ไฟสร้างรสชาติเลิศล้ำ ไม่ได้มีดีแค่รสชาติและกลิ่นหอมของการย่างด้วยไม้ แต่ยังยกระดับคุณภาพเกินความคาดหวัง ในราคาที่เข้าถึงได้”หัวใจสำคัญของ La Braci คืออาหารที่สืบทอดศิลปะการปรุงอาหารด้วยไฟที่จุดด้วยไม้ฟืน คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เรียบง่าย แต่พิถีพิถัน ใช้พลังงานดั้งเดิมของไฟเพื่อดึงความอร่อยแท้จริงจากวัตถุดิบ วิธีนี้ต้องใช้ทักษะอย่างสูง เชฟต้องเชี่ยวชาญ และมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงวัตถุดิบที่ใช้ นอกจากนี้เตาไฟของร้านยังเปรียบเสมือนเตาผิง อันเป็นศูนย์กลางของบ้านมานานหลายศตวรรษแล้ว เชฟแบงค์ (คุณวชิรวิทย์ ธนันต์รัตน์) สาธิตวิธีการปรุงหอยนางรม โดยอุปกรณ์ Flambadouเชฟแบงค์และทีมงาน บรรจงจัดเตรียมเมนูทานเล่นต้อนรับแขกผู้มาเยือน
ของทานเล่น Starter Menu วันนี้ ทั้งหน้าตาและสีสัน รังสรรค์มาได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ
Cocktail เบาๆ ให้ความรู้สึกสดชื่น แก้วนี้คือ L’una มีส่วนผสมของเบอร์รี่ไซรัป ดอกอัญชัญ และวอดก้า
เครื่องดื่มหลากหลาก พร้อมให้สั่งได้ที่ La BraciStarter Menu วันนี้พิเศษมาก ประกอบด้วยขนมปังบริยอช (Brioche) ก้อนกลม เนื้อนุ่ม หอมนมเนย และแป้ง Pizza Bread แผ่นกลมแบน เนื้อนุ่มหนึบ ทานคู่กับน้ำมันมะกอกระดับ Premium จากเกาะซิลิลี่ ประเทศอิตาลี รวมถึงเนยชั้นยอด แบบดั้งเดิมของฝรั่งเศสแท้
La Braci นำเสนอเมนูแบบ à la carte หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ คือ Oyster Flambée 1 ชิ้น ( ราคา 350 บาท++) เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่เด่นด้วยการใช้ปรุงอาหารแบบดั้งเดิมของยุโรป Flambadou เชฟจะเผาโลหะทรงกรวยจนร้อนจัด เติมไขมันให้หลอมละลาย หยดลงบนลงบนหอยนางรมสด ความร้อนจะช่วยให้หอยนางรมสุกกำลังดี และกลิ่นหอมคล้ายย่างถ่าน เสริมด้วยซอสครีมเบลอบล๊องและน้ำมันต้นหอม เพิ่มลูกเล่นด้วยมะนาวคาเวียร์ รสเปรี้ยวสดชื่นทุกคำ เสิร์ฟมาอย่างงดงามบนเปลือกหอย เป็นประสบการณ์ที่ทั้งอร่อยและตื่นตาตื่นใจในคราวเดียว เมื่อหอยนางรมสดสุกได้ที่ ด้วยวิธีใช้เปลวไฟและน้ำมันหลอมละลายจากเหล็กร้อน (Flambadou) แล้ว ก็นำมาจัดจานเชฟแบงค์ บรรจงจัดแต่งหน้าตา Oyster Flambée ก่อนเสิร์ฟ
Oyster Flambée งดงามด้วยไอเดียจัดแต่งหน้าตา แถมยังน่าตื่นเต้นด้วยวิธีการปรุงแบบยุโรปดั้งเดิม ต่อกันด้วยเมนูเบาๆ กระตุ้นน้ำย่อยได้ยอดเยี่ยม เห็ดย่าง ทานคู่กับครีมซอสรสละมุน เชฟแบงค์ กำลังบรรจงจัดแต่งอาหารเมนูถัดไปให้เราชิม Pasta ที่เราเลือกชิมในวันนี้ คือ Wild Boar Ragu Cappelletti เป็น dumpling หมูป่าเนื้อนุ่ม เสิร์ฟมาในน้ำซอสเข้มข้นรสจัดจ้าน ตัว dumpling ก็พอดีคำ เคี้ยวง่ายWild Boar Ragu Cappelletti ส่วนใครที่ไม่ชอบทานหมูป่า La Braci ก็มีเมนูแชร์สุดครีเอทีฟให้เลือก คือ Charred Baby Squid Potato Dumplings ราคา (450 บาท++) หมึกกระดองย่างไฟเนื้อหวานฉ่ำ เสิร์ฟคู่ dumpling มันฝรั่งเนื้อนุ่มนวล ราดซอสเลมอนแซฟฟรอนและน้ำมันดิลล์หอมละมุน รสออกเปรี้ยวนิดๆ ของเลมอนครีมซอส ทำให้ทุกสัมผัสสดชื่นจานหลักที่ใครหลายคนหลงรัก La Braci เอาใจสายเนื้Wood-Fired Australian Wagyu Angus Beef Flank ราคา  (750 บาท ++) ทีเด็ดอยู่ที่ความหอมของถ่านไม้ช่วยสร้างกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ เสิร์ฟคู่กับหอมผัดคาราเมลที่ใช้ขั้นตอนการปรุงพิถีพิถัน และบร็อกโคลีนีย่างเกรียมตัดรสเข้มข้นของเนื้อวัว ขาดไม่ได้คือ Rof Emulsion สูตรเฉพาะของทางร้าน ได้แรงบันดาลใจจากซอส Chimichurri ของแอฟริกาตะวันตก เพื่อเติมกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพร ช่วยปรับสมดุลให้ความเข้มข้นของวากิว และทำให้จานนี้ Perfect สุดๆ

ส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อ เขาก็มีตัวเลือกเป็น Wood Fire Giant River Prawn ราคา (800 บาท++) กุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นเด้งมันเยิ้ม เพิ่มรสชาติด้วยซัลซ่ามะเขือเทศเปรี้ยวสดชื่น โรย wolffia (ผำ) ที่หาทานยาก มีเทกซ์เจอร์ในทุกคำWood-Fired Australian Wagyu Angus Beef Flank เนื้อวากิวชิ้นใหญ่นุ่มมาก ห้ามพลาดเพิ่มประสบการณ์พิเศษในการทานเนื้อวากิว ด้วยมีดระดับพรีเมี่ยมในกล่องไม้หรู นำมาให้ลูกค้าเลือกได้เองเลยปิดท้ายด้วยเค้กอร่อยๆ อย่าง Tiramitsu มีกลิ่นหอมผสานผสมกลมกลืนของมาซาล่าไวน์, กาแฟ, วานิลลา และแป้งช็อกโกแลต

La Braci One City Centre, OCC – วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ ถนนเพลินจิต ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

เปิดให้บริการแล้ววันนี้ เพียงไม่กี่ก้าวจากสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต

  สอบถามเพิ่มเติม โทร. (66) 95-868-6565

Instagram : @Labraci_bkk

 Website: https://www.labraci.com/

 Booking : info@labraci.com

Ventisi TRAPPOLINI Wine Dinner with Cafe’ Buongiorno

ในโลกของไวน์ แน่นอนว่า “อิตาลี” ย่อมเป็นดินแดนในฝัน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีตั้งแต่ยุคกรีกโรมัน ภูมิประเทศ ลมฟ้าอากาศ และวัฒนธรรมของประเทศริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี้ ให้กำเนิดองุ่นท้องถิ่นกว่า 1,000 ชนิด ซึ่งไม่น้อยกว่า 300 ชนิดในจำนวนนั้น ได้รับการคัดสรรมาบ่มหมักเป็นไวน์ที่มี Character และ Unique มาก

วันนี้เราจะมาสัมผัสประสบการณ์พิเศษ กับไวน์ท้องถิ่นชั้นเลิศของอิตาลี จากไร่ TRAPPOLINI และ ARRIGONI ผู้มีประสบการณ์ยาวนานหลายชั่วอายุคน นำเข้ามาในประเทศไทยโดย Cafe’ Buongiorno บริษัทนำเข้า Boutique Wine จากทุกภาคของอิตาลี ให้เราลิ้มรสในบรรยากาศเป็นกันเอง ณ ห้องอาหาร Ventisi ชั้น 24 โรงแรม Centara Grand Central World
ไวน์และเมนูอาหารที่ paring ได้เข้ากันสุดๆ สำหรับค่ำคืนนี้ ขอต้อนรับสู่ความเลิศหรูของห้องอาหาร Ventisi ชั้น 24 โรงแรม Centara Grand Central World Bangkok Chef Andrea Montella แห่งห้องอาหาร Ventizi กล่าวถึงอาหารอิตาเลียนสไตล์ Tuscany ที่เสิร์ฟครั้งนี้ และไวน์มาตรฐานสูงจาก TRAPPOLINI Winery นำเข้าโดย Cafe’ Buongiorno (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News)Mr.Nicolas Loreau, Director of Food & Beverage กล่าวขอบคุณแขกทุกท่าน ที่มาร่วมรับประทานอาหารอิตาเลียนสุดพิเศษ และไวน์ชั้นเลิศในค่ำคืนนี้ (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News) เมื่อความหรูหรา มาบวกกับวิวสวยๆ อาหารอร่อยๆ และบริการอันอบอุ่น “ความสุข” จึงเกิดขึ้นที่ Ventisi (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News)พาคนพิเศษมานั่งดินเนอร์กัน ชมวิวสวยๆ ของมหานครกรุงเทพฯ มุมสูง ที่ห้องอาหาร Ventisi
Chef Andrea Montella บรรจงปรุงอาหารแบบอิตาเลียนภาคกลาง ไว้แพริ่งกับไวน์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว แค่เห็นเนื้อเซอร์ลอยน์ชิ้นใหญ่ๆ cook แบบ Medium Rare ก็น้ำลายสอแล้วฮะ (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News)

เรียกน้ำย่อยด้วย ขนมปังฟอคคาเซีย” (Focaccia) เนื้อนุ่มหนึบ กลิ่นหอมแป้งสาลีผสมน้ำมันมะกอก เป็นขนมปังคู่บ้านคนอิตาเลียน กินเมื่อไหร่ก็อร่อย มีเครื่องเคียงเป็นซอสถั่ว และมะเขือเทศคลุกน้ำมันมะกอก กินคู่กับ Sparkling Wine ชั้นเลิศจากภาคเหนือของอิตาลี Otello Prosecco DOC ของ ARRIGONI Vineyard ซึ่งเป็น Wine Producer เก่าแก่และมีชื่อเสียง ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1913 การจะเรียกไวน์ตัวใดว่าเป็น “โปรเซคโก้” (Prosecco) ได้ ต้องผลิตมาจากเขตโปรเซคโก้ ในแคว้นเวเนโต (Veneto) เท่านั้น Prosecco เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆในแคว้นนี้ นิยมใช้องุ่นพันธุ์ เกลียร่า (Glera) มาทำครับ

โปรเซคโก้จากเมืองเทรวิโซ่ (Treviso) ตัวนี้ มีความ Balance ของรสชาติเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเสิร์ฟเย็นเจี๊ยบ 8-10 องศาเซลเซียส เนื้อไวน์ละมุนสีเหลืองฟางอ่อน (Pale Straw) แอลกอฮอล์ต่ำ 11 เปอร์เซนต์ Body นุ่มลึก มีความ Extra Dry (หวานกลางๆ) เด่นด้วยกลิ่นดอกไม้ป่า อัลมอนต์ และแอปเปิลเขียวชัดเจน จิบแล้วทิ้งความหอมหวานไว้ทั่วปาก ไวน์ Body ไม่ Waxy เกินไป พรายฟอง (Bubbles) เล็กๆ เบาๆ ซู่ซ่ากำลังดี จิบเพลินARRIGONI Vineyard  เป็น Wine Producer ที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่กว่า 110 ปีแล้ว ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1913 ผลิตไวน์ต่อเนื่องกันมา 4 ชั่วอายุคน โดยเริ่มในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) และทัสคานี (Tuscany) ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่นในแคว้นเวเนโต (Veneto) ด้วย ซึ่งภูมิประเทศเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตไวน์ขาว เพราะอากาศเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำ พื้นที่เป็นภูเขา เนินเขา สลับทุ่งหญ้า กลางวันแดดเจิดจ้า กลางคืนหนาว เช้ามีหมอกพูดคุยสรวนเสเฮฮาเป็นกันเองที่ห้องอาหาร Ventisi มื้อนี้มี Italian Wine หายาก และอาหารอร่อยเติมเต็มความสุข
เมนูแรกวันนี้ เสิร์ฟมาพร้อมกันถึง 5 อย่าง portion เล็กๆ น่ารัก กระตุ้นน้ำย่อยได้ดีเลย ประกอบด้วย

Crostini Di Fegatini Di Pollo (ขนมปังครอสทินิ ท็อปปิ้งด้วยตับเป็ด)

Pizza Bianca Con La Mortadella Stracciatella E Il Pesto Di Pistacchio (พิซซ่าจิ๋วเนื้อแป้งขาวสไตล์ Rome สลับไส้เป็นชั้นๆ กับชีสและถั่วพิสตาชิโอ้เพสโต้)

Olive Schiacciate (มะกอกอิตาเลียนใส่พริกและยี่หร่า)

Zuppetta Di Lenticchie Di Castelluccio (ซุปถั่วเลนทิล เสิร์ฟในแก้วช็อต)

Suppli Al Telefono (รีซอตโต้เนื้อวัว ผสมมอสซาเรลล่าชีส และชีสนมแกะ 100 เปอร์เซนต์)

ทั้งหมดแพร่ิงกับไวน์ขาวสุดพิเศษ CROGNETO Bianco, Orveto Classico DOC ปี 2022 จากแคว้นอุมเบรีย

CROGNETO Bianco DOC ของ TRAPPOLINI เป็นไวน์ขาวตามแบบฉบับอิตาลีภาคกลางแท้ๆ เพราะใช้องุ่นพันธุ์ท้องถิ่นมา Blended กันถึง 5 ชนิด คือ Grechetto (องุ่นขาวที่กำเนิดจากกรีซ ปลูกมากในภาคกลางของอิตาลี นิยมใช้ blend), Procanico (องุ่นขาวที่ปลูกมากในแคว้นอุมเบรีย ออวิเอโต้ ลาซิโอ้ และเขตลาทิอุม-Latium เชื่อว่ากลายพันธุ์มาจากองุ่น Trebbiano Toscano ซึ่งมีความเปรี้ยวมาก นิยมใช้ผสมในการผลิตบรั่นดีและคอนญัค), Malvasia (องุ่นขาวที่ปลูกมากในแถบเมดิเตอร์เรเนียน นิยมใช้ blend), Drupeggio (องุ่นขาวที่ปลูกในอิตาลีภาคกลาง ใช้ผลิตไวน์ระดับ DOC) และ Verdello (องุ่นขาวที่ปลูกมาในแคว้นอุมเบรีย ใช้ผลิตไวน์ระดับ DOC) ทำให้ได้ไวน์ขาวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เข้มข้น ซับซ้อน นุ่มลึก ติดขมปลายลิ้นเล็กน้อย เนื้อไวน์สีเหลืองฟางอ่อน มีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ แอลกอฮอล์ 13 เปอร์เซนต์ ดื่มได้เพลินมาก Blended ยอดเยี่ยมTRAPPOLINI Vineyard เป็นไร่ไวน์เก่าแก่ที่ผลิตไวน์ชั้นเลิศมากว่า 3 ชั่วอายุคนแล้ว ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1961 โดยมีฐานการผลิตอยู่ในภาคกลางของอิตาลี ในดินแดนที่เป็น Landlock ไม่มีทางออกทะเลของแคว้นอุมเบรีย (Umbria) ใกล้เขตรอยต่อแคว้นลาซิโอ (Lazio-ที่ตั้งกรุง Rome) ความโดดเด่นคือ พวกเขายังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมในการบ่มหมักไวน์ และใช้องุ่นพันธุ์ท้องถิ่นของอิตาลีแทบจะร้อยเปอร์เซนต์ ซึ่งวันนี้มีทั้งไวน์ขาวและไวน์แดงให้เราลิ้มรส

ความพิเศษอีกอย่างของ TRAPPOLINI Wine คือเป็นไวน์สไตล์ภาคกลางของอิตาลี ที่ปลูกในเขต “ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน” แท้ คือมีแดดตลอดปี ฤดูร้อนจะร้อนแบบแห้งๆ ส่วนฤดูหนาวมีฝนตก ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีไม่เกิน 1,000 มิลลิเมตร ซึ่งดีต่อการเติบโตขององุ่นพันธุ์ท้องถิ่นจริงๆ ครับChef Andrea Montella บรรจงเตรียมเมนูถัดไปด้วยตัวเองคอร์สถัดมา Ricotta Cheese Dumpling” ปั้นเป็นก้อนกลม กินคู่กับซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิลฤดูร้อน น้ำซอสนุ่มนวล รสเค็มเล็กน้อย ความข้นมันกำลังดี ส่วนเนื้อรีคอตต้าชีสก็นุ่มละมุน ละลายในปากแบบไม่ต้องเคี้ยว กินคู่กับไวน์แดง ARCADIA CROGNETO ROSSO, Lazio IGT ปี 2020 มีความเปรี้ยวนำ แต่ smooth เสริมรสกันได้ยอดเยี่ยมRicotta Cheese Dumpling จริงๆ แล้วคือ “เวย์ชีส” (Whey Cheese) ซึ่งก็คือน้ำที่เหลือจากการผลิตชีส เรียกว่า “Whey” เป็นตัวเดียวกับเวย์โปรตีนที่เอาไปสกัดเป็นผงชงให้นักกีฬาหรือคนป่วยกิน คำว่า “Ricotta” แปลว่า “Recooked” โดยครั้งแรกเอาชีสไปต้มให้เหลือ Whey แล้วเอา Whey ไปต้มอีกครั้ง จนได้ตะกอนนิ่ม กลายเป็น Fresh Cheese พวกเดียวกับ Mozzarealla Cheese แต่เก็บได้นานกว่า เพราะเติมเกลือ และส่วนใหญ่เป็นโปรตีน ไม่มีครีม

Red Wine ARCADIA CROGNETO ROSSO, Lazio IGT ปี 2020 จากแคว้นลาซิโอ (Lazio) มีปริมาณแอลกอฮอล์กลางๆ 13.5 เปอร์เซนต์ blend ด้วยองุ่นชั้นเลิศ 2 สายพันธุ์ คือ “ซานโจเวเซ่” (Sangiovese) และ “มอนเตพูลชิอาโน่” (Montepulciano) ซึ่งเป็นพันธุ์องุ่นที่นิยมปลูกมากที่สุดอันดับ 1 และ 2 ในอิตาลี ทั้งคู่เป็นระดับเรือธง สำหรับองุ่น Sangiovese มีนิกเนมว่า “โลหิตแห่งพระเจ้า” ด้วยสีแดงเข้ม Full Body แบบไม่เกรงใจใคร รสชาติจัดจ้านด้วย Acidity (ความเปรี้ยว) ค่อนข้างสูง ทว่า Tannin smooth สะท้อนความเป็น Italian Wine ได้ดีสุดๆ

ส่วนองุ่น Montepulciano ชอบอากาศร้อน จึงปลูกมากในอิตาลีภาคกลางและภาคใต้ ให้น้ำไวน์ที่มีเนื้อสัมผัส กลิ่น และรสยอดเยี่ยม สีแดงราวกับผลเชอร์รี่ เนื้อใสมาก กลิ่นอบอวลด้วยผลไม้สีแดงและสีดำ ทั้ง Black Berry, Black Current, Raspberry, Dark Chocolate, วานิลลา, เชอร์รี่ และใบยาสูบ (Tobacco)

เมนูพระเอกในวันนี้คือ Tagliata Di Manzo, Flan Di Spinaci, Patate Fondenti  เนื้อวัวเซอร์ลอยน์ย่าง Medium Rare ชิ้นใหญ่ สไตล์ Tuscan กินคู่กับผักโขมอบ และมันฝรั่งนุ่ม นุ่มได้ใจละลายในปาก กับเนื้อเซอร์ลอยน์ชิ้นนี้ น้ำซอสเกรวี่ก็เข้ากันดี้ดี โรยพริกไทยดำป่นลงไปนิด ช่วยเพิ่มรสชาติเนื้อเซอร์ลอยน์ได้วิเศษเนื้อเซอร์ลอยน์ชั้นเลิศ ต้องจับคู่กับ Red Wine CUCCAIA ROSSO, IGT Toscana ปี 2022 ของ TRAPPOLINI ซึ่งใช้องุ่น 2 สายพันธุ์ blended กันอย่างยอดเยี่ยม คือ ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 60 เปอร์เซนต์ และ แมร์โล (Merlot) 40 เปอร์เซนต์ แอลกอฮอล์กลางๆ 13 เปอร์เซนต์ แพร่ิงกับอาหารจำพวกเนื้อแดงได้ยอดเยี่ยม

ไวน์แดงตัวนี้จัดเป็น Super Tuscan Wine ที่ห้ามพลาด สีแดงทับทิมเข้มข้น กรุ่นกลิ่นหอมและรสของผลเบอร์รี่ป่า ลูกพลัม และมีกลิ่นรสเครื่องเทศชัดเจน โดยรวมถือเป็น Boutique Wine ที่ละมุน แทนนินลื่นดุจแพรไหม รักเลยครับ
ปิดท้ายด้วยขนมหวานอร่อยๆ Torta Pinolata พายสไตล์ Tuscan ไส้ถั่วและครีมทาร์ต กินเคียงกับไอศกรีมวานิลลาหวานชื่นใจมากตัวจบของอาหารอิตาเลียนจริงๆ ถ้าไม่ใช่ Sweet Wine ก็คือ “Limoncello” หรือน้ำเลมอนด์เข้มข้นสไตล์อิตาเลียน ทำจากเปลือกเลมอนด์สกัด ดื่มแล้วช่วยย่อยได้ดีสุดๆ ครับสนใจชิมไวน์ทั้ง 20 แคว้นของอิตาลี และสั่งซื้อไวน์อิตาเลียนหายาก ติดต่อ Cafe’ Buongiorno Tel. 06-2494-1649 (คุณพิม)Booking โต๊ะรับประทานอาหาร และชิม Italian Wine อย่างดีได้ที่ โทร. 02-100-6255

diningcgcw@chr.co.th

Scuba Diving Lover’s Point! ตะลุยทริปดำน้ำที่เกาะช้างกับที่พักสุดฟิน

Scuba Diving Lover’s Point! ตะลุยทริปดำน้ำที่เกาะช้างกับที่พักสุดฟิน

Cover_resize

ทริปนี้เราขอเอาใจคนที่รักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจหรือมีใจอยากลองดำน้ำดูสักครั้ง! Destination ของเราในครั้งนี้จึงขอมุ่งหน้าไปที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยอย่าง เกาะช้าง จ.ตราด แน่นอนว่ากิจกรรมเด็ดของเกาะนี้ นอกจากนอนอาบแดดให้ผิวแทนแบบเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ, เล่นน้ำทะเลใสๆ, ทานซีฟู้ดให้จุใจ อีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็คือ ดำน้ำ! ความสวยงามใต้ท้องทะเลของเกาะช้าง ถือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่รักการดำน้ำเป็นที่สุด และวันนี้จะหยิบเอาจุดน้ำดำดีๆ ของเกาะช้างแห่งนี้มาฝากเพื่อนๆ รับรองเลยว่าไม่มีผิดหวัง

Koh Chang_resize

Koh Chang Featured Image_resize

จุดดำน้ำยอดฮิตของเกาะช้าง ที่มีความสวยงามระดับตัวท็อปเรียกแม่จะอยู่ที่ 5 จุดใหญ่ๆ ได้แก่ เกาะยักษ์ใหญ่ เป็นสมาชิกของหมู่เกาะรังที่มีปะการังเขากวางสวยๆ ให้เราได้ชม เกาะยักษ์เล็ก เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องดอกไม้ทะเลมากๆ แถมปะการังที่ของที่นี่ยังมีสีสันสดใสถูกใจวัยรุ่นแน่นอน จุดต่อมาคือเกาะมะปริง เกาะเล็กๆ แต่ปะการังสวยมาก แต่ความสวยของที่นี่มาพร้อมกับความอันตรายที่แฝงตัวมาด้วยนิดหน่อย สำหรับใครที่อยากไปลองดำน้ำที่เกาะมะปริงต้องระวังให้ดี เพราะพิกัดของเกาะนี้เป็นช่วงทะเลเปิด อาจถูกน้ำทะเลพัดออกไปไกลจากเกาะได้ง่ายๆ ขยับออกมาจากตัวเกาะช้างเล็กน้อยก็จะเป็นเกาะคลุ้ม เป็นอีกจุดที่ปะการังสวยสวรรค์สร้างจริงๆ ปิดท้ายด้วยเกาะรัง เกาะเล็กๆ ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เกาะเงียบๆ ที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ บรรยากาศสุดธรรมชาติ หาดทรายขาว น้ำใสจนเห็นแนวปะการังและโขดหินใต้น้ำ เป็นสีสันของท้องทะเลที่แท้จริง

หลังจากรู้พิกัดจุดดำน้ำกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาหาหนทางให้ได้ไปพิชิตความสวยงามใต้ท้องทะเล การไปดำน้ำที่เกาะช้างนั้น ไม่ใช่ว่ามีเรือก็จะไปกันง่ายๆ นะ เรื่องของท้องทะเลเป็นเรื่องไม่น่าไว้ใจ ทางที่ดีแนะนำว่าให้ซื้อแพ็กเกจทัวร์ราคาไม่แพงที่สามารถหาได้ทั่วไปค่ะ หรือให้ดูเป็นส่วนตัวหน่อยก็ต้องเช่าแล้วหาคนขับเรือไปให้น่าจะดีที่สุด ดังนั้นก็หาที่พักเกาะช้างใกล้กับท่าเรือ หรือบริษัทขายทัวร์จะเป็นหนทางที่ง่ายต่อการเดินทางจะช่วยตอบโจทย์ทริปดำน้ำที่เกาะช้างของเราที่สุดแล้ว! และครั้งนี้เราได้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการหาที่พักในเกาะช้างอย่าง Traveloka มาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น ในการหาที่พักเกาะช้าง ให้ถูกใจ ราคาสบายกระเป๋า แถมยังจองง่าย จ่ายง่ายไม่วุ่นวายปวดหัว จองที่พักเกาะช้างกับ Traveloka กันได้เลย หรือจะลองมาดู 5 ที่พักเกาะช้างเหล่านี้ที่สวยและดีจนอยากบอกต่อ!

1. ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา (Sea View Resort & Spa)

sea view resort_resize

ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะช้าง บนไหล่เขาพร้อมชายหาดส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม ล้อมรอบด้วยต้นมะพร้าวและดอกไม้สวยๆ ตอบโจทย์บรรยากาศทะเล๊ทะเลได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าได้ชมวิวจากห้องพักจะเห็นท้องทะเลคราม พร้อมหาดทรายขาวละเอียดดีต่อใจสุดๆ จนต้องร้องว้าว! ส่วนเรื่องความสะดวกสบายของที่นี่บอกเลยว่า หายห่วง เพราะอุปกรณ์ เครื่องใช้อำนวยความสะดวกครบครัน แถมมีกิจกรรมให้เราได้เล่นอีกเยอะแยะมากมาย และด้วยพิกัดของ ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา แห่งนี้ตั้งอยู่บนหาดไก่แบ้ ซึ่งเป็นพิกัดที่มีบริษัททัวร์ดำน้ำมากมายให้เราได้เลือกสรร รับรองว่าช่วยแบ่งเบาภาระในการหาทัวร์ได้ง่ายทีเดียว

  • ราคาเริ่มต้นที่ 2,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก ซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา กับ Traveloka คลิกที่นี่

 

2. บ้านปู เกาะช้าง (Banpu Koh Chang)

banpu_resize

รีสอร์ทแนวธรรมชาติบนหาดทรายขาวที่จะมอบความรู้สึกส่วนตั๊วส่วนตัวให้กับทุกคน ภายใต้ความสวยงามของธรรมชาติและมุมสวยๆ ของหาดทรายขาวแห่งนี้ ตัวห้องพักถูกออกแบบตกแต่งจากความประณีตของช่างฝีมือดีที่มิกซ์แอนด์แมชต์ความพื้นเมืองและความทันสมัยให้เข้ากันได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกแบบฟูลออฟชั่นที่จะช่วยปลดปล่อยความเครียดให้หายไปกับสายลมทะเล และเกลียวคลื่นสีคราม และแน่นอนว่าเพื่อให้ตอบโจทย์ทริปดำน้ำครั้งนี้ บ้านปู เกาะช้างจึงสามารถเดินทางไปบริษัททัวร์ดำน้ำได้ง่ายๆ ไม่ไกลนักและมีหลายบริษัทให้เราได้เลือกตามสบาย

  • ราคาเริ่มต้นที่ 2,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก บ้านปู เกาะช้าง กับ Traveloka คลิกที่นี่

 

3. เซ็นทาราเกาะช้างทรอปิคานารีสอร์ท (Cantara Koh Chang Tropicana Resort)

centara koh chang_resize

ทำเลดีสมกับเป็นเซ็นทาราจริงๆ เซ็นทาราเกาะช้างทรอปิคานารีสอร์ทบนหาดคลองพร้าว ใจกลางเกาะช้างฝั่งตะวันตกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเกาะช้าง ให้ความเงียบสงบเป็นส่วนตัวพร้อมกิจกรรมสนุกๆ ทั้งกีฬาทางน้ำ สปา สระว่ายน้ำริมทะเล และใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น เส้นทางเดินป่า น้ำตก หมู่บ้านชาวประมง แคมป์ช้าง รวมถึงท่าเรือและบริษัททัวร์ดำน้ำที่จะพาเราออกไปเที่ยวชมโลกใต้ท้องทะเลในเกาะอื่นๆ ด้วย

  • ราคาเริ่มต้นที่ 3,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก เซ็นทาราเกาะช้างทรอนิคานารีสอร์ท กับ Traveloka คลิกที่นี่

 

4. Resolution Resort

resolution resort_resize

ที่พักส่วนตัวที่เราขอยกให้เป็น One-stop Service เลยก็ว่าได้ เพราะที่ Resolution Resort แห่งนี้สามารถอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้ครบจริงๆ ทั้งติดทะเลเพียงแค่ใช้เวลาเดิน 1 นาที มีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง อุปกรณ์กีฬาทางน้ำประเภทต่างๆ บริการห้องพักริมชายหาดที่ถูกตกแต่งแบบไทยสมัยใหม่ พร้อมระเบียงอาบแดด เสิร์ฟอาหารท้องถิ่น อาหารนานาชาติและบาร์เครื่องดื่ม พร้อมฟรีเรือรับส่งไปยังท่าเรืออ่าวบางเบ้าที่อยู่ห่างแค่ 2 กิโลเมตร แถมยังมีบริการจัดทริปเที่ยวให้เราแบบไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ และใกล้แหล่งทัวร์ดำน้ำด้วย พักที่ Resolution Resort แห่งนี้นอกจากจะได้ชมสวยๆ ของอ่าวไทยแล้วยังได้ความสะดวกสบายไปในตัวด้วย คุ้มเว่อร์!

 

5. Amber Sands Beach Resort

amber sands beach_resize

สำหรับใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายทั้งปวง เราขอแนะนำ Amber Sands Beach Resort ทางฝั่งตะวันออกของเกาะช้าง รีสอร์ทเล็กๆ ที่มีห้องพักอยู่เพียงแค่ 8 ห้องเท่านั้น เติมเต็มความทรงจำวันหยุดสบายๆ ด้วยสวนสวยๆ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง การต้อนรับที่อบอุ่น ความเงียบสงบบนชายหาดส่วนตัว วิวทะเลสวยจากระเบียงห้องพัก กิจกรรมทางน้ำ ปั่นจักรยาน และสามารถดำน้ำลึก ดำน้ำตื้นกับทางรีสอร์ทได้แบบไม่ต้องไปไหนไกล นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากท่าเรืออ่าวสับปะรด เพียงแค่ 3-4 กิโลเมตรเท่านั้นพร้อมบริการรับส่งฟรี สะดวกต่อการเดินทางและการดำน้ำสุดๆ

  • ราคาเริ่มต้นที่ 3,XXX บาท
  • ปักหมุด Google Map
  • จองที่พัก Amber Sands Beach Resort กับ Traveloka คลิกที่นี่

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วถ้าไม่ไปเที่ยว ดำน้ำที่เกาะช้างก็คงไม่ได้แล้ว! แต่ถ้าใครยังคิดไม่ตก สถานที่ดำน้ำสวยๆ ก็ไม่มีให้เลือกแค่เกาะช้างหรอกนะ ประเทศไทยยังมี Destination ดีๆ ให้เราได้ไปเยือน ไปเหยียบ ไปดำน้ำกันอีกหลายเกาะ แต่ไม่ว่าจะไปเกาะไหนก็อย่าลืมใช้บริการจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินดีกับ Traveloka ล่ะ ส่วนใครที่ตัดสินใจจะไปเกาะช้างแน่ๆ ก็คลิกเข้าไปหาที่พักเกาะช้างกับ Traveloka ได้เลย รับรองถูกชัวร์!

Once in a Life Time, ล่องเรือ Hokkaido-Ibaraki Japan (Episode 1)

เรือ sunflower 2.2ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เราคนไทยชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะเป็นดินแดนอันหลากหลาย เปี่ยมเสน่ห์ อาหารอร่อย ช้อปปิ้งสนุก วิวก็สวย แถมยังเดินทางเองได้ง่ายด้วย ทว่าสำหรับคนที่ไปญี่ปุ่นจนปรุแล้ว กำลังค้นหาประสกบการณ์ใหม่ให้ชีวิต ทริปนี้เราขอแนะนำเรื่องยาว 3 ตอน กับการเที่ยวเชื่อมโยงภาคเหนือลงสู่ภาคกลางของแดนปลาดิบ เริ่มต้นที่ เมืองโทมาโกะไม (Tomakomai) บนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) จากนั้นล่องเรือสำราญ 1 คืน ลงไปสู่ เมืองโอเอไร (Oarai) ในจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) แล้วเที่ยวต่อไปในหลากหลายเมือง หลากรสชาติ ขอบอกเลยว่าทริปนี้มีอย่างต่ำ 10 วัน
hokkaido hakonenokujo 1Hakonebokujo Farmhokkaido hakonenokujo 2จากไทยเราบินตรงไปลงที่สนามบิน New Chitose International Airport บนเกาะฮอกไกโด เกาะที่อยู่ตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น เกาะที่มีรูปร่างคล้ายกระเบนราหูกำลังเริงร่าว่ายน้ำกางครีบอย่างสง่างาม ช่วงที่เราไปถึง เป็นต้นฤดูใบไม้ร่วงพอดี อากาศจึงเริ่มเย็นสบาย และใบไม้บางส่วนเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว โดยสถานที่แรกในการลั้นลาพาเที่ยวครั้งนี้คือ Hakonebokujo Farm เมือง Chitose มีกิจกรรมรีดนมวัว, นั่งรถชมฟาร์ม, ทำคาราเมล และอื่นๆ อีกเพียบ
hokkaido hakonenokujo 3Hakonebokujo Farm hokkaido hakonenokujo 4Hakonebokujo Farm hokkaido hakonenokujo 5Hakonebokujo Farm hokkaido hakonenokujo 6Hakonebokujo Farmhokkaido แคนู bibi river 1รีดนมวัวกันเสร็จแล้ว ก็ไปพายเรือแคนนูระยะทางชิลๆ 2.1 กิโลเมตร ใน แม่น้ำบิบิ (Bibi River) ที่มีธรรมชาติสองฝั่งเป็นป่าไม้เขียวสดเย็นตา แถมยังมีนกน้ำหลายสิบชนิดออกมาโชว์ตัวให้ดูด้วยhokkaido แคนู bibi river 2นกกระสานวล ที่ Bibi River, Hokkaidotomakomai cityที่ฮอกไกโด เราต้องนอนค้างคืนที่ เมืองโทมาโกะไม (Tomakomai) เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตกระดาษและกระดาษทิชชู โดยมีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมทะเล และเมืองนี้นี่เอง คือจุดเริ่มต้นของการลงเรือสำราญ ชื่อ Sunflower Ferry ลงไปสู่ภาคกลางของแดนปลาดิบต่อไป
tomakomai maga donkyใครชอบช้อปปิ้ง เมืองโทมาโกะไม มีห้างใหญ่คือ Mega Donkey (หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า ดองกี้ หรือ ดอนกิโยเต้) มันคือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาเดินอย่างน้อยก็ 3-4 ชั่งโมง อย่างสนุกสนาน และสำหรับคนไทย สิ่งที่นิยมซื้อนอกจากเครื่องสำอางแล้ว ขนมญี่ปุ่นรสวาซาบิต่างๆ ก็เป็นที่ชื่นชอบซะเหลือเกิน!tomakomai marutoma cafeteria 1แนะนำว่า ที่โทมาโกะไม ให้ตื่นเช้าๆ ไปที่ท่าเรือ Sea Station Market เขามีร้านอาหารข้าวหน้าทะเลไคเซนด้งสดๆ จากทะเล รอให้ไปชิม ร้านนี้ชื่อ Marutoma Cafeteria เป็นร้านเล็กๆ ที่คนดังทั่วญี่ปุ่นต้องการชิม! โดยเฉพาะเมนู หอยปีกนก ซึ่งถือเป็น Signature Menu ของร้านล่ะครับtomakomai marutoma cafeteria 2เมนูหอยปีกนก ร้าน Marutoma Caferteriatomakomai marutoma cafeteria 3ข้าวไคเซนด้งหน้าทะเลรวม ร้าน Marutama Cafeteria น่าหม่ำจริงๆ เนอะ
tomakomai sea station plat seaport marketจากร้าน Marutoma Cafeterai เดินข้ามถนนมานิดเดียว ก็ถึง Seafood Market ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เพราะมีท่าเรืออยู่ใกล้ๆ นี่เอง จึงมีของทะเลสดๆ ให้ชิมกันทุกวัน ตลาดนี้ชื่อ Umi no Eki Furatto Minato (หรือ Sea Station Plat Seaport Market) โดยที่นี่ก็ยังมีส่วนของร้านอาหารให้นั่งชิม และมีแผงขายผลไม้นานาชนิดด้วยtomakomai marutoma cafeteria 4ท่าเรือใกล้ร้าน Marutoma Cafeteriatomakomai midorigaoka park 1อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจในเมืองโทมาโกะไมก็คือ จุดชมวิวสวน Midorikaoka ซึ่งเขามีหอชมวิวให้ขึ้นลิฟท์ไปดูวิวได้จากมุมสูงปรี๊ด จะมองเห็นสวน ผืนป่า ทิวเขา บ้านเรือน และท่าเรือได้อย่างชัดเจน
tomakomai midorigaoka park 2จุดชมวิวสวน Midorikaoka tomakomai midorigaoka park 3ด้านข้างจุดชมวิว สวน Midorikaoka มีกวางธรรมชาติเดินดุ่มๆ หากินไปมาอยู่อย่างไม่กลัวคน เพราะไม่มีใครคิดจะไปทำร้ายมัน เป็นธรรมชาติสุดๆ!tomakomai museum 1นอกจากการเที่ยวชมธรรมชาติแล้ว ในเมืองโทมาโกะไมยังมีพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ (แบบที่หาไม่ได้ในเมืองไทย) ให้ชมกันอีกหลายแห่ง อาทิ Tomakomai City Museum จัดแสดงเรื่องราวของธรรมชาติวิทยา รวมถึงชนเผ่าไอนุ ที่เป็นชนเผ่าดั้งเดิมผู้อาศัยอยู่บนเกาะฮอกไกโดแห่งนี้ และเหลือเชื่อว่า ที่ฮอกไกโดเมื่อหลายล้านปีก่อน ก็มีช้างแมมมอธอาศัยอยู่ด้วย!
tomakomai museum 2Tomakomai City Museum tomakomai museum 3Tomakomai City Museum tomakomai museum 4Tomakomai City Museum tomakomai museum 5Tomakomai City Museumtomakomai science museumอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่ห้ามพลาดชมเด็ดขาดคือ Tomakomai Science Center ซึ่งมีการนำเอาโมดุลส่วนหนึ่งสถานีอวกาศเมียร์ ของสหภาพโซเวียต มาจัดแสดงไว้เพื่อให้ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจกับผู้คน อีกทั้งบอกเล่าเรื่องราวของนักบินอวกาศญี่ปุ่น 14 คน ที่เคยขึ้นไปท่องอวกาศ ถ้าคุณอยากรู้ว่าส้วมของนักบินอวกาศเป็นอย่างไร? ต้องมาที่นี่ครับ ฮาฮาฮาtomakomai northern horse park 1สำหรับคนที่ต้องการมาเที่ยวแบบชิลๆ พักผ่อนสบายๆ ไม่ต้องการมีกิจกรรมหนักๆ อะไรมากมายในเมืองโทมาโกะไม ขอแนะนำให้ไปที่ Northern Horse Park รับรองคุณจะยิ้มจนแก้มตุ่ย และอยู่ที่นี่ได้เป็นวันๆ
tomakomai northern horse park 2Northern Horse Park tomakomai northern horse park 3Northern Horse Park tomakomai northern horse park 4Northern Horse Park tomakomai northern horse park 5Northern Horse Park tomakomai northern horse park 6Northern Horse Park utonai michinoeki utonaiko 1ศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่าทะเลสาบอูโตไน (Utonai) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ บ้านของนกน้ำนับร้อยชนิด ทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ จนได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่แรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) หรือพื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งมีความสำคัญระดับโลก ใครชอบดูนก ถ่ายภาพนก มาเที่ยวที่นี่ไม่ผิดหวังครับ โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จะมีนกอพยพมาเพิ่มเติมอีกเพียบ นอกจากนี้ เขายังเป็นศูนย์พักรักษานกป่วย นกบาดเจ็บด้วยutonai michinoeki utonaiko 2ศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่าทะเลสาบอูโตไน (Utonai) utonai michinoeki utonaiko 3ศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่าทะเลสาบอูโตไน (Utonai) utonai michinoeki utonaiko 4ศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่าทะเลสาบอูโตไน (Utonai) utonai michinoeki utonaiko 5ศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่าทะเลสาบอูโตไน (Utonai) utonai michinoeki utonaiko 6ศูนย์คุ้มครองสัตว์ป่าทะเลสาบอูโตไน (Utonai) เรือ sunflower 2.1และแล้ว เมื่อตระเวนเที่ยวเมือง Chitose กับ Tomakomai บนเกาะฮอกไกโดกันมาจนอิ่มหนำสำราญใจแล้ว ในเวลาเย็นย่ำ เราก็รีบบึ่งรถมาที่ท่าเรือ Tomakomai เพื่อลงเรือสำราญ Sunflower Ferry มุ่งหน้าลงใต้สู่ท่าเรือเมืองโอเอไร (Oarai) ในจังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ที่ถือเป็นการเดินทางแนวใหม่ กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายบนเรือเดินสมุทรสุดเจ๋งลำนี้เรือ sunflower 2ก่อนขึ้นเรือก็ต้องมีการ Scan บัตรโดยสารกันก่อนตามระเบียบเรือ sunflower 3ภายในเรือ Sunflower Ferry ตกแต่งอย่างหรูเรียบตามสไตล์ Minimal แบบญี่ปุ่น ทว่าสะดวกสบาย และดูโอโถงเอาการใช่ได้เลยเรือ sunflower 4ห้องอาหารบนเรือ Sunflower Ferry ทุกมื้อเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ โดยเราจะกินอาหารบนเรือ 3 มื้อด้วยกัน คือมื้อเย็นวันแรกตอนลงเรือ, มื้อเช้า และมื้อเที่ยงก่อนถึงท่าเรือเมืองโอเอไรเรือ sunflower 5ห้องนอนอันแสนสุขสบายและกว้างขวางบนเรือ Sunflower Ferry ถ้าเปิดประตูออกไปด้านนอก จะมีระเบียงชมวิวพร้อมเก้าอี้ให้นอนเอกเขนก 2 ตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการชวนคนรักไปพบประสบการณ์พิเศษร่วมกันเรือ sunflower 6มุมสนุกๆ บนเรือ Sunflower Ferryเรือ sunflower 7กิจกรรมสุดฮิตอย่างหนึ่งบนเรือ Sunflower Ferry คือ การตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางมหาสมุทร รับรองว่าวันนี้ คุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในโลกจริงๆ เพราะว่ากันว่า ญี่ปุ่นคือประเทศแรกในโลกที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น จนได้ฉายาว่า ‘ลูกพระอาทิตย์’ ไงล่ะครับ
เรือ sunflower 8เมื่อใกล้เมืองโอเอไรเข้าไป ก็จะเริ่มเห็นนกนางนวลตัวใหญ่บินฉวัดเฉวียนเล่นลมเข้ามาใกล้เรือเฟอร์รี่ของเรา
เรือ sunflower 9ถามว่าอยู่บนเรือ Sunflower Ferry มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง? ขอบอกว่าจริงๆ แล้วการเที่ยวล่องเรือแบบนี้เป็นการมาพักผ่อนช๊าตแบตให้ร่างกาย เขาจึงไม่ได้จัดกิจกรรมอะไรไว้ให้เยอะนัก ที่ถือว่าเจ๋งสุด คือการแต่งชุดญี่ปุ่นมานั่งเพนท์ตุ๊กตาดารูมะ โดยวาดตาไว้แค่ข้างเดียวก่อน แล้วอธิษฐานสิ่งที่เราอยากได้หรืออยากให้เป็น จากนั้นถ้าคำอธิษฐานเป็นจริง ค่อยเติมตาอีกข้าง

เรือของเราแล่นใกล้เข้าเทียบท่าเมืองโอเอไรแล้ว โปรดติดตามตอน 2 ต่อไปนะครับ รับรองมีสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ในจังหวัด Ibaraki ให้ชมอีกเพียบเลย
Logo_Nikon

Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. สนับสนุนกล้อง Nikon D5 และสุดยอดอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ 

สนใจติดต่อ 195 อาคาร Empire Tower ชั้น 45 ถนน สาทรใต้ แขวง ยานนาวา เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120 โทร. 0-2633-5100 / www.nikon.co.th