ภาคกลาง ภาคตะวันตก

In Love with Art @ราชบุรี

“ราชบุรี” หนึ่งในจังหวัดชายแดนตะวันตกซึ่งอาบอิ่มด้วยธรรมชาติ เป็นดินแดนใกล้กรุงอันน่าเที่ยว วันนี้เขามีการพลิกฟื้นเมืองให้เต็มอิ่มสีสันด้วย “ศิลปะร่วมสมัย” เป็นแนว Trendy & Modern Art ที่ใช้ความคลาสสิกของราชบุรีเป็นฉาก ทั้ง Art Gallery การแสดง งานหัตถกรรม และ Art ในวิถีแห่งผู้คน ทริปนี้ร่วมกันเดินทางไปเปิดมุมมองใหม่ในการท่องเที่ยวราชบุรีกันเถอะ

เราเริ่มต้นทริปแบบ Art Art ในบรรยากาศแสนโรแมนติกกันที่อำเภอสวนผึ้ง ซึ่งอยู่ห่างตัวเมืองราชบุรี ไปเพียง 60 กิโลเมตร เขาบอกว่าอำเภอนี้คือผืนป่าใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด คือห่างกันเพียง 160 กิโลเมตร อากาศจึงบริสุทธิ์ เย็นสบาย วันนี้เห็นสวนผึ้งกำลังเติบโต มีรีสอร์ทเก๋ๆ เท่ๆ แต่งแต้มสีสันเมืองพักผ่อนแห่งนี้ให้มีชีวิตชีวา

2

“สวนศิลป์ บ้านดิน” ธรรมชาติสถานเพื่อการเรียนรู้งานศิลป์ แห่งตำบลเจ็ดเสมียน ตั้งอยู่ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ ร่มรื่นด้วยแมกไม้ธรรมชาติ สวนสวย สระน้ำ และสวนมะม่วง ธรรมชาติและศิลปะจึงเข้าคู่กันได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยที่พักสไตล์บ้านดินอันมีเอกลักษณ์ ได้มาเยือนแล้วสบายตาสบายใจ สถานที่แห่งนี้อยู่ในความดูแลของภัทราวดีเธียเตอร์ ก่อตั้งขึ้นโดยครูเล็ก ภัทราวดี มีชูธน ร่วมกับครูนาย มานพ มีจำรัส ศิลปินเจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางพบปะของศิลปิน พร้อมด้วยเวทีการแสดงเปิดกว้างอย่างสร้างสรรค์ โดยในโครงการ In Love with Art @Ratchaburi ครูนายได้เนรมิตการแสดงชุด “เจ้าจันท์ ผมหอม”   ให้ชม เป็นการแสดงร่วมสมัยที่ดันแปลงมาจากนวนิยายรางวัลซีไรท์ ของคุณมาลา คำจันทร์ เนื้อเรื่องลึกซึ้งกินใจ

3

4

5

6

 “โรงงานเซรามิกก เถ้าฮงไถ่” โรงงานแรกที่คิดทำ “โอ่งมังกร” ขึ้นใช้ในราชบุรีเมื่อกว่า 80 ปีก่อน จนโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศในปัจจุบัน ประวัติเขาเล่าว่า สมัยก่อนคนราชบุรีไม่มีน้ำประปาใช้ ทุกบ้านจึงต้องมีโอ่งไว้เก็บน้ำฟ้าน้ำฝนไว้ใช้กินดื่มกัน ภายหลังเมื่อเริ่มมีน้ำประปาใช้แล้ว โอ่งจึงลดความสำคัญลง ทว่าโอ่งมังกรแห่งราชบุรีซึ่งมีลวดลายสวยงาม ไม่เหมือนใคร อีกทั้งมีคุณภาพทนทานแข็งแรงมาก ก็เร่ิมพัฒนาจากโอ่งใช้งาน กลายเป็นโอ่งประดับสวน แล้วมีการคิดค้นรูปแบบใหม่ เป็นตุ๊กตาโน่นนี่นั่น รวมทั้งกระถางบัว กระถางต้นไม้ แจกัน โต๊ะ เก้าอี้ ที่ใส่เทียนหอม อ่างบัว และตุ๊กตาไม่จำกัดรูแบบหรือขนาด ทุกวันนี้เราสามารถเข้าชมโรงงานและขั้นตอนการผลิตได้ทุกวัน แถมมีส่วนให้เราทดลองทำเองด้วย

7

8

 “เมืองเก่าโพธาราม” ที่ได้รับนิยามว่า “เมืองเล็กที่จะทำให้คุณหลงรัก” เป็นชุมชนเล็กๆ ริมลำน้ำแม่กลอง ซึ่งจะว่าไปแล้วเคยยิ่งใหญ่ เพราะเป็นชุมทางค้าขายสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์เคยเสด็จฯ เยือน แล้วทรงมีพระราชหัตถเลขาว่า “ตำบลโพธารามนี้เป็นที่ตลาดอย่างสำเพ็ง ยืดยาวมาก ผู้คนหนาแน่น จำนวนคนมีถึง 40,000 มากกว่าอำเภอเมืองราชบุรีเสียอีก” เนื่องจากอดีตไม่มีถนน ผู้คนจึงใช้เรือขึ้นล่องผ่านโพธารามทั้งสิ้น ถิ่นนี้กลายเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมของชน 4 เชื้อชาติ ทั้งไทย จีน มอญ และลาว ย่านเก่าเล่าเรื่องอดีตของโพธารามอยู่ใน “ถนนโพธาราม” ซึ่งมีเรือนไม้เก่าอายุ 100-120 ปี เรียงรายต่อกัน   เริ่มต้นเที่ยวได้จากเรือนไม้สองชั้นชื่อ “บ้านแม่เลขา” เดินทอดน่องลัดเลาะตามตรอกซอกซอย ชมร้านรวงที่เริ่มมีความเป็น Art เข้าไปสร้างชีวิตชีวา และกำลังจะมีที่พักสไตล์บูกติกย้อนยุคเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ จากนั้นเดินเก็บภาพประทับใจไปยังริมน้ำ ไหว้พระวัดไทรอารีรักษ์ ชมเก๋งจีนสูงเกือบเท่าตึก 2 ชั้น สร้างอยู่ในโบสถ์   ถ้ามาในวันลอยกระทงก็จะได้ “ลอยกระทงสี” จุดประทีปรอบวัดสว่างไสว

9

 “ตลาดเจ็ดเสมียน” ตลาดเก่า 119 ปี ที่ยังคงมีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับคนโหยหาอดีต ได้ไปเดินเล่นชื่นชมวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟเจ็ดเสมียนพอดิบพอดี ที่ตรงนี้เป็นชุมชนชาวจีนอันเก่าแก่ ปรากฏชัดด้วยร่องรอยบ้านไม้สองชั้นปลูกเรียงรายติดกันเป็นพืด ไล่ไปจนจรดลานริมน้ำ เราสามารถหาของกินอร่อยๆ ได้เพียบ ตั้งแต่ข้าวหมากหวาน, ข้าวหลามแสนอร่อย, ห่อหมกปลา, ผัดไทยโบราณ, ขนมหวานแบบไทยๆ ไปจนถึงอาหารสไตล์จีนขึ้นชื่อ คือ “หัวไชโป้ว” ร้านแม่ตังกวย ดั้งเดิมทำเฉพาะหัวไชโป้วเค็ม ต่อมาภายหลังปรุงให้กินง่ายขึ้นเป็นหัวไชโป้วหวาน มีทั้งแบบมาเป็นหัวๆ หั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าพอดีคำ หั่นเป็นเส้นฝอยๆ ฝานเป็นแว่น หรือแบบผสมพริกก็มี ฯลฯ

10

11

12

เราเดินทางตามรอยตำนานโอ่งมังกรราชบุรี เพื่อไปเยี่ยมชมผลงานของลูกหลานรุ่นที่ 3 ของเถ้าฮงไถ่ คุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ซึ่งได้ก่อตั้งอาร์ตแกลลอรี่แห่งแรกขึ้นในราชบุรี เมื่อไม่นานมานี้เอง และขอบอกว่าเป็นอาร์ตแกลลอรี่เล็กๆ แต่น่ารัก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลองกลางเมืองราชบุรี ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องสะดุดตา เพราะเขาได้บูรณะเรือนไม้เก่าสองชั้นจนกลายเป็นที่จัดแสดงงานศิลป์ สวยงาม แปลกตา น่าชื่นชมจริงๆ ที่นี่ชื่อก็แปลก คือ “D Kunst Gallery” อ่านออกเสียงว่า ดี-คุ้น เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า “ศิลปะ” นั่นเอง แต่ชื่อเต็มๆ ของเขาออกจะยาวหน่อย คือ “พิพิธภัณฑ์หอศิลป์ร่วมสมัย เถ้าฮงไถ่ : ดี คุนส์” (D Kunst Gallery) ตั้งอยู่ที่ถนนวรเดช หน้าเขื่อนเมืองราชบุรี เป็นอาร์ตแกลลอรี่ร่วมสมัย ที่มีผลงานของศิลปินจากทั่วประเทศหมุนเวียนกันมาให้ชม ในบรรยากาศเรือนไม้เก่าสไตล์จีนแสนคลาสสิก เขาเนรมิตเขื่อนปูนริมน้ำแม่กลองให้กลายเป็น Street Art ชวนศิลปินมาเพ้นต์ภาพสีสันสดใส เป็นภาพขนาดใหญ่เรียงรายยาวเกือบ 2 กิโลเมตร สร้างสีสันนำศิลปะมาสู่วิถีชีวิตจริง ให้คนราชบุรีและนักท่องเที่ยวสัมผัสอย่างใกล้ชิด

13

14

15

16

17

18

19

 “The Scenery Resort and Farm” ที่พักแนวบูติกรีสอร์ทธรรมชาติ ซึ่งพลิกผันตัวเองกลายมาเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะร่วมสมัยของราชบุรี ที่อีกไม่นานเขาจะเปิดเป็น Farm Stay ให้นักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเข้าไปพักผ่อนเรียนรู้ธรรมชาติ โดยพักกันอยู่นานๆ แบบเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ในอ้อมกอดขุนเขาและป่าไม้ของอำเภอสวนผึ้ง The Scenery เข้าร่วมโครงการ In Love with Art @Ratchaburi จัด Outdoor Concert ในฟาร์มแกะ พร้อมจุดเทียนหอมนับหมื่นดวง! ให้ฟาร์มสว่างไสวในยามราตรี เคล้าเคลียอากาศเย็นฉ่ำ ชักนำนักท่องเที่ยวที่คลั่งไคล้ไหลหลงในศิลปะ และบทเพลงแบบ Love Love เข้ามารวมตัวกัน ถือเป็นการสร้างแนวท่องเที่ยวใหม่ให้แก่ราชบุรี นอกจากจะได้เข้าไปพักผ่อนเติมเต็มพลังงานชีวิตกับธรรมชาติของสวนผึ้งแล้ว ยังจะได้ใกล้ชิดศิลปะอย่างแท้จริง

20

21

ใครมาเที่ยวสวนผึ้งต้องไปแวะที่ “บ้านหอมเทียน” อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งมีกลิ่นอายศิลปะเข้ามาเจือปน จนสามารถดึงดูดผู้คนได้ไม่ขาดสาย ที่นี่คือแหล่งจำหน่ายเทียนหอมสไตล์โมเดิร์นหลากหลายรูปแบบ น่าใช้ น่ามอง ยิ่งเวลาจุดในห้องกลิ่นจะหอมชื่นใจ ทำให้รู้สึกสดชื่น เทียนเขาเก๋มาก มีทั้งเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ลวดลาย สีสันสดใสน่ารัก ใช้เป็นของวางประดับบ้านก็ยิ่งดี หรือจะเป็นเป็นเทียนในถ้วยแก้ว จุดแล้วสว่างไสว หรี่ไฟที่บ้านลงนิดนึง แสงเทียนจะโดดเด่นน่ามอง ซื้อหากลับบ้านกันไปเป็นของฝากแสนน่ารัก พอช้อปเสร็จ เขายังมีมุมสวนหย่อมน่านั่ง ให้ดูดดื่มกาแฟเย็นๆ ในบรรยากาศชิลชิล อย่างนี้สิน่า ใครมาสวนผึ้งก็ต้องหลงรัก

ได้เวลากลับบ้านแล้ว ทริปนี้เราพกพาเอาความประทับใจกันมาเต็มเปี่ยม พร้อมด้วยเรื่องราวของศิลปะ ที่ศิลปินสาขาต่างๆ ได้ช่วยกันสร้างสรรค์ปั้นแต่งขึ้น ให้ราชบุรีมีมุมมองใหม่ เป็นจุดหมายใหม่ในการท่องเที่ยวเชิงศิลป์ เพื่อสืบสานศิลปะให้อยู่คู่โลกสวยใบนี้ตลอดไป

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว สนับสนุนการเดินทาง

 Traveler’s Guide

Best season : ท่องเที่ยวได้ตลอดปี แต่เขตอำเภอสวนผึ้งในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายม อากาศร้อนจัด

How to go : รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ มี 2 เส้นทางให้เลือก คือ ถนนสายเก่าสายเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค-อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่-นครชัยศรี-นครปฐม-ราชบุรี และเส้นทางสายใหม่ (ทางหลวงหมายเลข 338) กรุงเทพฯ-พุทธมณฑล-นครชัยศรี เข้าถนนเพชรเกษมบริเวณอำเภอนครชัยศรี ก่อนถึงตัวเมืองนครปฐมประมาณ 16 กิโลเมตร จากนั้นใช้ถนนเพชรเกษมตรงไปตัวเมืองราชบุรี รวมระยะทาง ประมาณ 100 กิโลเมตร ส่วนการเดินทางไปอำเภอสวนผึ้ง จากตัวเมืองราชบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3087 ที่จะไปอำเภอสวนผึ้ง-จอมบึง ระยะทาง 60 กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว

Where to stay : สวนศิลป์บ้านดิน เจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม โทร. 0-3239-7668, 08-1831-7041 www.facebook.com/SuansilpBandin และ Aristo Chic Resort & Farm อำเภอสวนผึ้ง โทร. 08-5566-5533, 08-0985-5666 www.aristo-resort.com

What to eat : ก๋วยเตี๋ยวไข่คุณแหม๋ม ถนนราษฏรยินดี อำเภอเมืองราชบุรี อยู่ข้างโรงพยาบาลพร้อมแพทย์ โทร. 08-1944-5406 เปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. ร้านนี้อร่อยทั้งของหวานของคาว คนแน่นตลอดวัน

Souvenirs : หัวไชโป้วแม่ตังกวย ตลาดเจ็ดเสมียน โทร. 0-3239-7090, 08-3546-6614

More info : ททท. สำนักงานจังหวัดราชบุรี โทร. 0-3247-1005-6 / ชมรมอย่าลืม… โพธาราม โทร. 08-6318-2391 / บ้านหอมเทียน อำเภอสวนผึ้ง โทร. 08-1841-1895, 08-5845-7379 / โรงงานเซรามิก เถ้าฮงไถ่ อำเภอเมืองราชบุรี โทร. 0-3233-7574, 08-6344-9191 www.thtceramic.com / D Kunst Gallery อำเภอเมืองราชบุรี โทร. 08-1880-3600, 0-3232-3630

 

ปู้น ปู้น เที่ยวไปกับรถไฟหัวจักรไอน้ำโบราณ

02

ในยุคปี พ.ศ. นี้ คนไทยเรากำลังตื่นเต้นกับการกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปีหน้านี้แล้ว หลายคนกำลังฝันค้างกับรถไฟความเร็วสูงแบบหัวจรวด ที่พาผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ได้ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง! แต่จะมีสักกี่คนที่คิดถึงอดีต คิดถึงบรรยกาศเก่าๆ เมื่อครั้งที่ประเทศสยามของเราเพิ่งมีรถไฟหัวรถจักรไอน้ำวิ่งเป็นครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 5 วันนี้แทบไม่มีใครนึกภาพออกแล้วว่า หน้าตาของรถไฟหัวรถจักรไอน้ำเป็นแบบไหน?

ทุกวันนี้หัวรถจักรไอน้ำโบราณของไทยเราได้รับการนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงรถจักรธนบุรี ริมคลองบางกอกน้อย โดยมีอยู่ทั้งหมด 5 หัว ที่สั่งซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ หัวรถจักรแบบโมกุล (C56) มี 2 คัน คือหมายเลข 713 และ 715 หัวรถจักรแบบแปซิฟิค มี 2 คันเช่นกัน คือหมายเลข 824 และ 850 รวมถึงหัวรถจักรแบบมิกาโด หมายเลข 953 ซึ่งทั้งหมดได้รับการซ่อมใหญ่ ปรับปรุงจนมีสภาพสมบูรณ์ สามารถนำมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารหรือวิ่งโชว์ตัวได้จริงๆ เพียงปีละ 4 วัน เป็นขบวนรถพิเศษนำเที่ยว ในวันที่ 26 มีนาคม (วันสถาปนากิจการรถไฟ), วันที่ 12 สิงหาคม (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสริริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ), วันที่ 23 ตุลาคม (วันปิยมหาราช) และวันที่ 5 ธันวาคม (วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช)

03

04

06

หลายชั่วโมงผ่านไป รถไฟเราหยุดแวะที่สถานีบางปะอิน เป็นเวลา 15 นาที ปล่อยให้เราลงไปชื่นชมกับสถาปัตยกรรมยุโรปย้อนยุคอันแสนงดงาม ของ “พลับพลาที่ประทับ รัชกาลที่ 5” ซึ่งปกติไม่เคยเปิดให้ใครชมมาก่อน แต่ตอนนี้ทางจังหวัดอยุธยากำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงเพื่อเปิดเป็น แหล่งท่องเที่ยวใหม่ พลับพลานี้รัชกาลที่ 5 ทรงเคยใช้ประทับเมื่อครั้งเสด็จพระราชวังบางปะอิน รวมถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ก็ทรงเคยเสด็จประทับเช่นกัน ภายในพลับพลานี้งามด้วยกระจกสเตนกลาสจากอิตาลีแท้ๆ พร้อมด้วยการฉลุลายไม้อย่างวิจิตร แบบยุควิคตอเรียของยุโรป รวมถึงยังมีตราประจำรัชกาลของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ประดับตกแต่งอยู่ที่นี่ด้วย

08

ปู้นๆ ปู้นๆ เสียงสัญญาณลากยาว พร้อมกับไอน้ำสีขาวกลุ่มใหญ่พวยพุ่งออกจากหัวรถจักร เอาตอนเช้าตรู่ นำเราออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมุ่งหน้าสถานีพระนครศรีอยุธยา เสียงหวูดนั้นไพเราะจับใจ จนเราอยากจดจำไว้นานๆ ลืมบอกไปว่ารถไฟของเราแล่นด้วยความเร็วแค่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบบ Slow Train ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Slow Travel อิ่มเอมกับบรรยากาศวิวทิวทัศน์ท้องทุ่งและผู้คนสองข้างทางไปตลอด

09

 รถไฟหัวจักรไอน้ำของเราในวันนี้คือ หัวจักรแบบแปซิฟิคหมายเลข 824 ซึ่งดูแล้วบึกบึนน่าเกรงขาม สมเป็นรถไฟรุ่นคุณปู่ที่ยังคงมีสภาพสวยงามแสนคลาสสิก จนรถไฟสมัยใหม่ต้องอายไปเลย ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟหน้า ล้อเหล็กขนาดใหญ่ที่มีฟันเฟืองอะไรไม่รู้เต็มไปหมด รวมถึงท่อไอน้ำที่มักจะพ่นปู้นๆ เป็นสัญญาณอย่างที่คนรุ่นก่อนๆ คุ้นเคยกัน แต่คนรุ่นนี้คงไม่รู้จักเสียแล้ว

07

หลังจากรถไฟหัวจักรไอน้ำรุ่นคุณปู่นำเรามาถึงสถานีรถไฟพระนครศรีอยุธยาแล้ว ก็ได้เวลาตระเวนเที่ยวไหว้พระ 4 จังหวัด อยุธยา-สิงห์บุรี-อ่างทอง-ชัยนาท ทำบุญเสริมสร้างบารมีให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง แต่นอกจากไหว้พระแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขอแวะเข้าไปศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา และชมวิวท้องทุ่งนาสีเขียวสวยๆ ของชัยนาทด้วย

010

 “ศูนย์ท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหอศิลป์ร่วมสมัยอโยธยา” ชมประวัติความเป็นมาอันยาวนานของราชธานีโบราณ เมืองมรดกโลกอันสงบสุข ผูกพันอยู่กับสายน้ำใหญ่ถึง 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา, แม่น้ำลพบุรี, แม่น้ำป่าสัก บ้านเมืองนี้จึงสมบูรณ์ มั่งคั่ง ในน้ำมีปลาในนามีข้าวมาจนถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อได้ไปเยือนวัดใหญ่ชัยมงคล เราคงตกตะลึงกับพระปรางค์ทรงลังกาขนาดใหญ่ที่สุดในอยุธยา ลองสังเกตพระพักตร์ของพระพุทธรูปวัดนี้ให้ดี จะพบว่ามีพุทธลักษณะอิ่มเอิบ งดงาม แลใจเย็น เป็นมิตร ทำให้ใจผู้มาเยือนจากแดนไกลอย่างเราสงบ สะท้อนว่ายุคที่อยุธยารุ่งเรืองสุดขีดนั้น บ้านเมืองคงยิ่งใหญ่ไม่แพ้ราชธานีใดบนแผ่นดินสุวรรณภูมิเลย

011

012

“ตลาดโก้งโค้ง” ชิมอาหารโบราณย้อนยุคอร่อยๆ อย่างผัดไทยกุ้งสด, ก๋วยเตี๋ยวเรือ ต่อด้วยของหวานอย่างขนมกล้วยนาบ, บัวลอยไข่หวาน และอีกสารพัด

013

 “พระนอนวัดขุนอินทประมูล” จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นพระนอนยาวอันดับ 2 ของประเทศไทย คือยาวถึง 50 เมตร (รองจากพระนอนวัดบางพลีใหญ่กลาง สมุทรปราการ ยาว 53 เมตร และพระนอนจักรสีห์ สิงห์บุรี ยาว 47 เมตร) พระนอนองค์นี้มีพระพักตรงดงามได้สัดส่วนมาก แสดงออกถึงความเมตตา เรามากราบไหว้จึงรู้สึกสุขใจ อีกทั้งโดยรอบวัดมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทำให้บรรยากาศสงบร่มเย็นเป็นธรรมชาติ

014

015

“วัดไชโยวรวิหาร” อ่างทอง หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า วัดเกษไชโย มีองค์พระประธานในโบสถ์ สูงถึง 22.65 เมตร นามว่า พระมหาพุทธพิมพ์ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จโตวัดระฆัง แต่ต่อมาทลายลง แล้วมีการบูรณะใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 จนองค์พระมีขนาดใหญ่โตจนเราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เรียกว่าต้องแหงนมองคอตั้งบ่ากันเลยทีเดียว

016 017

มาเยือนชัยนาททั้งที ก็อย่าลืมหาโอกาสไปล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิถีชีวิตสองฟากฝั่ง เส้นทางเริ่มจากวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ไปถึงเขื่อนเจ้าพระยา ใช้เวลาแค่ 40 นาที แต่ประทับใจไปนานแสนนาน กับธรรมชาติอันงดงามตามวิถีภาคลุ่มน้ำภาคกลาง เมืองอู่ข้าวอู่น้ำ

018

เสร็จแล้วก็มาห่มผ้าพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ “วัดพระบรมธาตุวรวิหาร” ซึ่งมีบ่อน้ำโบราณ เป็นบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยเหือดแห้ง ชาวบ้านนิยมเดินทางมานำน้ำนี้ไปอาบกินเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

019

“วัดปากคลองมะขามเฒ่า” จังหวัดชัยนาท ของหลวงปู่ศุข เกจิอาจารย์ชื่อดังจอมขมังเวชวิชาอาคมต่างๆ ผู้เป็นพระอาจารย์ของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรฯ แม้หลวงหลวงปู่ศุขจะละสังขารไปนานแล้ว ทว่าชื่อเสียงของท่านยังคงอยู่ เมื่อกราบพระแล้ว ก็ต้องเข้าไปในวิหารหลังเล็ก ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของกรมหลวงชุมพรฯ แท้ๆ ที่ท่านได้วาดฝากฝีมือไว้ครั้งมาร่ำเรียนวิชาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าอยู่หลายปี เห็นแล้วเป็นบุญตาจริงๆ

020

023 024

“วัดหน้าพระเมรุ” วัดเดียวสมัยกรุงแตก ที่ไม่โดนพม่าเผาทำลาย เนื่องจากพม่าใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพ แล้วใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง จุดเด่นของวัดนี้คือพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่อย่างกษัตริย์ ซึ่งจะหาชมที่อื่นใดไม่ได้อีกแล้ว

025

026

Special Thanks : ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชัยนาท, อ่างทอง, สิงห์บุรี, พระนครศรีอยุธยา และชาวจังหวัดชัยนาททุกคน ที่ช่วยสนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดี

Traveler’s Guide

How to go : นั่งรถไฟจากหัวลำโพง ไปลงที่สถานีพระนครศรีอยุธยา แล้วนั่งรถเที่ยวต่อในเส้นทาง อยุธยา-สิงห์บุรี-อ่างทอง-ชัยนาท จากนั้นนั่งรถไฟกลับ ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้สบาย ใครอยากนั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำ มีแค่ปีละ 4 ครั้ง คือ วันที่ 26 มีนาคม, 12 สิงหาคม, 23 ตุลาคม และ 5 ธันวาคม สนใจติดต่อ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 เว็บไซต์ www.railway.co.th

Where to stay : ที่จังหวัดชัยนาท แนะนำ 111 Resort and Spa โทร. 0-5648-2113, 09-3221-1022 www.111-resort.com และ สุวรรณาการ์เด้นรีสอร์ท โทร. 0-5647-7789, 08-2177-2989

What to eat : อาหารชัยนาทเด็ดๆ มีหลายอย่าง เช่น ขนมตาล, ขนมลืมกลืน, แป้งข้าวหมาก, ผัดไทยเกี๊ยวกรอบ, ขนมจีนซาวน้ำ, ลาบส้มโอ, หมี่กรอบ, ไอศกรีมข้าวไรซ์เบอร์รี่, ส้มโอขาวแตงกวา ฯลฯ

Souvenirs : ของที่ระลึกจากชัยนาท เช่น หุ่นฟางนกเล็ก, ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกก, ผ้าทอลายโบราณลาวครั่ง, ธูปสมุนไพรไล่ยุงบ้านสระไม้แดง, กระบุงปากบาน, น้ำตาลโตนด, โตกหวาย, เก้าอี้ผักตบชวา ฯลฯ

More info : ททท. ชัยนาท-อ่างทอง โทร. 0-3552-5867, 0-3552-5880 / ททท. สิงห์บุรี โทร. 0-3677-0096-7 / ททท. พระนครศรีอยุธยา โทร. 0-3524-6076-7 / บริษัท ฟูจิ ทัวร์ โทร. 09-8273-4435

เที่ยวย้อนอดีต 3 วัง เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์

2

“เขาวัง” หรือพระนครคีรี พระราชวังฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งสร้างเป็นกลุ่มของพระราชวังทรงยุโรปผสมศิลปะไทย และมีวัดประจำวัง ตั้งอยู่บนยอดเขากลางเมืองเพชรอย่างสวยงามโดดเด่น จากบนยอดเขานี้สามารถมองออกไปได้กว้างไกล สุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะในฤดูร้อนดอกลั่นทม (ดอกลีลาวดี) สีขาวที่มีอยู่นับพันๆ ต้นบนเขาวัง จะบานสะพรั่งพร้อมกันเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เวลาขึ้นไปอยู่บนเขานี้แล้ว จะมีลมพัดพรูตลอดเวลา ชื่นใจจริงๆ สมัยโบราณรัชกาลที่ 4 ท่านจะทรงเสลี่ยงคานหามขึ้นเขาวัง ส่วนข้าราชการชั้นสูงก็ขี่ม้า และไพร่พลต่างๆ ก็เดินตามขึ้นไป แต่สมัยนี้สะดวกแล้ว เขามีรถรางไฟฟ้า 2 คัน ให้ขึ้นจากด้านหลังเขาครับ

3

เล่ากันว่าตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองเพชรบุรีเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลใหญ่ที่สุดของประเทศ เพราะสมัยก่อนน้ำตาลจะได้มาจากต้นตาล, อ้อย และมะพร้าว เท่านั้น เพชรบุรีเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลโตนดที่ทำรายได้ภาษีให้หลวงปีละหลายล้าน (หลายล้านบาทสมัยโบราณ ก็คงเท่ากับเป็นพันๆ ล้านบาทต่อปีในสมัยนี้!) แต่ปรากฏว่า ข้าราชการที่เก็บภาษีน้ำตาลโตนดเมืองเพชรส่งภาษีที่เก็บได้เข้าคลังไม่ครบ รัชกาลที่ 4 จึงทรงประณีประณอม ด้วยการใช้กุศโลบายบอกว่า งั้นก็ไม่ต้องเอาเงินมาคืนหรอก ให้สร้างวังบนเขาวังขึ้นแทนละกัน! กลุ่มพระราชวังทั้งหมดที่เราเห็นตรงนี้ จึงเกิดขึ้นได้จริงเพราะภาษีน้ำตาลโตนดล้วนๆ เลยครับ แต่พอสร้างเสร็จปรากฏว่าบนเขาวังไม่มีแหล่งน้ำจืดเลย ต้องอาศัยชาวลาวโซ่งที่อยู่กันมากรอบๆ เขาวัง ช่วยกันหาบน้ำขึ้นมาบนเขาวังทุกวัน! ชาวลาวโซ่งจึงได้รับการยกเว้นภาษีจากหลวงเรื่อยมา

4

5

 บนเขาวังทุกวันนี้มีการบูรณะปรับปรุงดูแลภูมิทัศน์ให้อยู่ในสภาพดี เหมือนครั้งสุดท้ายที่เคยใช้งาน ต้อนรับกษัตริย์และพระราชินีจากเยอรมนี เครื่องเรือน ภาพวาด โต๊ะเก้าอี้ เครื่องถ้วยโถโอชามต่างๆ ล้วนมีความเป็นยุโรปทั้งสิ้น เล่ากันว่าครั้งกษัตริย์เยอรมนีเสด็จพักบนเขาวัง มีการสั่งให้ร้อยมาลัยดอกไม้สด ห้อยไว้ในทุกบานหน้าต่างบนเขาวังตลอดเวลา! กลิ่นนั้นหอมหวนมากจนกระทั่งกษัตริย์และราชินีเยอรมนี ทรงบันทม (นอนหลับ) ไม่ได้! เพราะกลิ่นนั้นหอมเกินไป! จึงต้องรื้อมาลัยดอกไม้บางส่วนออกกันเลยทีเดียว

6

1

“พระรามราชนิเวศน์” หรือพระราชวังบ้านปืน ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงรับสั่งให้สถาปนิกเยอรมันสร้างขึ้น แต่ยังไม่ทันสร้างเสร็จ พระองค์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน! รัชกาลที่ 6 ท่านจึงทรงเข้ามาสานต่อจนสร้างเสร็จ แต่ก็ไม่เคยมีการเสด็จมาประทับอย่างจริงจัง มีเพียงครั้งที่รัชกาลที่ 6 ทรงเสด็จมาทอดพระเนตรการฝึกเสือป่า อยู่เพียงไม่กี่วัน ทุกวันนี้เราจึงเห็นได้ว่าภายในพระราชวังบ้านปืนแทบไม่มีเครื่องเรือนอะไรเลย มีเพียงแค่พอใช้งานเท่านั้น เล่ากันว่าวังใหญ่โตมโหฬารนี้สร้างด้วยเงินทุนเพียง 900,000 บาท! ที่ใช้เงินน้อยกว่าวังอื่นๆ เพราะมีเพียงส่วนพื้นเท่านั้นที่ปูหินอ่อน (เป็นหินอ่อนจากเหมืองที่ดีที่สุดในโลก ของประเทศอิตาลี ซึ่งเหลือจากการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม) ตัววังสร้างแบบยุโรป เป็นสองชั้นงดงามยิ่ง โดยสร้างอยู่ติดกับแม่น้ำเพชรบุรี อันเป็นแม่น้ำที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ท่านทรงโปรดมากที่สุด กว่าแม่น้ำสายใดในสยาม

7

 ครั้งแรกสร้างพระราชวังบ้านปืน มีการปั้นรูปพระรามถือคันศรตั้งไว้หน้าวัง โดยเขาเรียกคันศรนั้นว่า “ปืน” ต่อมามีการย้ายรูปปันนี้ออกไป แล้วนำพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 มาประดิษฐานแทน แต่ผู้คนก็ยังเรียกวังแห่งนี้ว่า “พระราชวังบ้านปืน” กันจนติดปากมาทุกวันนี้ เกร็ดประวัติศาสตร์อีกอย่าง ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือ ที่วังนี้มีสนามเทนนิสแห่งแรกในเมืองไทยอยู่ด้วย! แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนเป็นสวนแล้ว

8

12

“พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” พระราชวังแห่งความรัก และความหวัง ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นในบริเวณชายหาดที่สวยที่สุดของเพชรบุรี มีความร่มรื่น เงียบสงบ เดิมที่ตรงนี้ชาวบ้านเรียกว่า “ห้วยทราย” หมายถึงห้วยน้ำไหล ที่มีกวางเนื้อทรายมาลงกินน้ำอยู่เป็นประจำ พระราชนิเวศน์มฤคทายวันเป็นวังโบราณแห่งเดียว ที่ยังไม่มีการถอนสิทธิ์ความเป็นวังออกไป จึงยังคงมีสภาพเป็นเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ออก เวลาเราเข้าไปเที่ยวจึงต้องปฏิบัติตามกฎต่างๆ อย่างเคร่งครัด

9

10

ที่นี่เป็นวังชายทะเลแห่งแรกของกษัตริย์ไทย สร้างด้วยไม้เป็นทรงโปร่งโล่งสบาย รับลมได้ตลอดวัน จากตำหนักด้านหน้า (ส่วนที่ผู้ชายอยู่) มีระเบียงทางเดินเชื่อมถึงกันตลอดไปยังตำหนักใน (ส่วนที่ผู้หญิงอยู่) และมีระเบียงทอดยาวไปลงทะเลด้วย เล่ากันว่ารัชกาลที่ 6 ทรงโปรดการเล่นน้ำทะเลที่นี่มาก เวลาทรงลงเล่นน้ำ จะมีข้าราชบริพารประมาณ 20 คน ล้อมรอบพระองค์ไว้ แต่ละคนถือสวิงตักแมงกะพรุน คอยระวังไม่ให้แมงกะพรุนหลุดรอดเข้าไปต้องพระองค์ได้

11

14

15

13

16

17

18

21

 “วัดใหญ่สุวรรณาราม” พระอารามหลวงที่ถือว่าสำคัญที่สุดในเมืองเพชรทุกวันนี้ วัดนี้มีอดีตยาวนานย้อนไปได้ถึงยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลายโน่น เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชแตงโม พระอริยสงฆ์ชื่อดังที่สมเด็จพระเจ้าเสือทรงนับถือมาก พระองค์จึงโปรดให้รื้อท้องพระโรงจากอยุธยา มาประกอบขึ้นใหม่ถวายเป็นศาลาการเปรียญให้สมเด็จแตงโม ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ! นักประวัติศาสตร์เชือ่กันว่าศาลาไม้หลังนี้เคยใช้เป็นท้องพระโรงออกว่าราชการของพระเจ้าเสือ ปัจจุบันจึงเป็นพระที่นั่งไม้เพียงหลังเดียวจากยุคกรุงศรีอยุธยาแท้ๆ ที่เหลือรอดจากการเผ่าของพม่ามาให้เราชม ภายในงดงามด้วยการเข้าเครื่องไม้ การลงรักปิดทอง และภาพวาดฝีมือชั้นครู ส่วนในพระอุโบสถวัดใหญ่ฯ ก็มีภาพเทพชุมนุมอันงดงาม สะท้อนเอกลักษณ์พุทธศิลป์ของกรุงศรีอยุธยาตอนปลายได้ชัดเจน

22

 

23

24

25

19

20

Traveler’s Guide

When to go : เที่ยวเส้นทาง 3 วัง ได้ตลอดปี แต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม มีฝนตกบ้าง

How to go : รถยนต์จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 หรือธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม อำเภอปากท่อ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (แยกวังมะนาว) ถึงจังหวัดเพชรบุรี รวมระยะทาง 123 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านนครปฐม ราชบุรี ไปยังเพชรบุรี รวมระยะทาง 166 กิโลเมตร จากนั้นถ้าจะไปหัวหินต่อ ก็เดินทางแค่ 66 กิโลเมตรเท่านั้น

Where to stay : แนะนำ The Regent Chalet Resort Beach หาดชะอำ โทร. 0-3250-8140-3 www.regent-chaam.com เป็นรีสอร์ทสไตล์บ้านพักเป็นหลังๆ ริมทะเล ร่มรื่นเงียบสงบดี

What to eat : ร้านอาหารพวงเพชร โทร. 0-3242-6753, 0-3241-1380 เมนูเด็ดมีเพียบ เช่น ผัดฉ่าหอยเสียบ, ปลากะพงทอดราดน้ำปลา, หมึกทอดกระเทียม, ต้มยำทะเล ฯลฯ / ร้านอยู่เย็น บัลโคนี่ ถนนแนบเคหาสน์ ริมหาดหัวหิน โทร: 0-3253-1191 อาหารยอดฮิต เช่น ฉู่ฉี่ปลาทู, ปลาทูต้มส้มใบมะขาม, ผัดฉ่าทะเลรวม, ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน, หอยตลับผัดฉ่า, กุ้งมรกต ฯลฯ

Souvenirs : อาหารทะเลแห้ง, โมบายเปลือกหอย, โปสการ์ด เสื้อยืด หัวหิน เพชรบุรี, หมวก และของที่ระลึกเก๋ไก๋ จากพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน, ผ้าโขมพัสตร์ หัวหิน, ผ้าบาติกเขาตะเกียบ ฯลฯ

More Info : บริษัท Great Happiness Co.,Ltd. โทร. 0-2153-8119-20, 08-6366-9708 แฟกซ์ 0-2153-8120 www.selfdrivethailand.com , www.facebook.com/selfdrivethailand

ดูเหยี่ยวอพยพ ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร

มีคนเคยบอกว่า ธรรมชาติคือครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราสามารถเรียนรู้บทเรียนอันมีค่ามากมายจากธรรมชาติ ทั้งในด้านสว่างและด้านมืด แม้แต่พระพุทธองค์เองก็ยังทรงเรียนรู้สัจธรรมความจริงจากธรรมชาติ แล้วนำมาประกาศ เพื่อให้ปุถุชนที่ยังไม่ได้ละวางทางโลกสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข สำหรับตัวผมเอง เป็นคนที่นิยมเรียนรู้ชีวิตและโลกกว้างจากการท่องไปในธรรมชาติ หลายครั้งได้เห็นแง่มุมสุดจะงดงาม ซึ่งผู้คนทั่วไปมิอาจเข้าไปพานพบ และบางครั้งก็พบกับความโหดร้ายที่ธรรมชาตินำเราเข้าไปเผชิญ แต่ก็นั่นล่ะ ทั้งหมดคือ “บทเรียนชีวิต” ที่ครูธรรมชาติสอนให้เราเข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น

_DSC0445

ทุกปีในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร จะเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าชม ของการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในเมืองไทยเรา คือเหยี่ยวสิบๆ ชนิดจากซีกโลกเหนือแถบมองโกเลียและไซบีเรีย นับแสนๆตัว! จะพากันบินอพยพลงสู่ซีกโลกใต้ เพื่อหนีความหนาวเย็นลงมาหากิน โดยบินผ่านเหนือผืนดินของทวีปเอเชียลงสู่หมู่เกาะอินโดนีเซีย และมีบางกลุ่มที่บินเหินฟ้ายาวไกลไปถึงออสเตรเลียเลยก็มี พวกมันอาศัยความทรงจำจากเหยี่ยวรุ่นบรรพบุรุษ ที่ฝังอยู่ในส่วนลึกสุดของยีนส์และเซลล์สมอง บวกกับสัญชาติญาณดิบและแรงแม่เหล็กโลกที่จับได้ บินจากเหนือลงใต้โดยไม่ผิดพลาดผิดเพี้ยน บินมาพร้อมกันทั้งเหยี่ยวตัวผู้ ตัวเมีย และตัวเด็กๆ สู่ดินแดนที่ไม่รู้จัก ดำเนินเป็นจังหวะแห่งธรรมชาติเช่นนี้มั่นคงมานับร้อยนับพันชั่วรุ่น สืบสานเผ่าพงษ์เหยี่ยวให้อยู่คู่โลกต่อไป

7

9

 ก่อนไปดูเหยี่ยวอพยพในช่วงเวลาดังกล่าว เราลองมาทำความรู้จักกับนกชนิดนี้กันนิดหน่อยก่อนดีกว่า “เหยี่ยว” (ในภาษาอังกฤษใช้หลายคำด้วยกัน เช่น Falcon, Hawk, Kite, Kestrel แล้วแต่ขนาดและลักษณะ) พวกมันเป็นนกนักล่าที่ปราดเปรียวที่สุดบนฟากฟ้า ธรรมชาติได้มอบเครื่องมือสำหรับการล่าไว้ให้พวกมันครบ ทั้งสายตาที่มองได้กว้างไกล ขนาดไกลเป็นกิโลเมตรยังเห็นได้! แถมยังมีกรงเล็บแหลมคมไว้จับเหยื่อ นอกจากนี้ยังมีจงอยปากงองุ้มใช้จิก คาบ และฉีกเหยื่อได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งยังมีเรียวปีกแผ่กว้าง บินได้ไกล บินได้สูง บินแบบฉลัดเฉวียนราวนักกายกรรมก็ได้ และสุดท้ายคือมีกรงเล็บอันทรงพลัง ใช้จับเหยื่อได้มั่นคง ไม่มีโอกาสหนีรอดเลย! นี่ล่ะครับนักล่าที่ชื่อเหยี่ยว ซึ่งในเมืองไทยของเรามีอยู่เกือบ 60 ชนิดเลยทีเดียว ทั้งเหยี่ยวขนาดใหญ่และเหยี่ยวขนาดเล็ก ลืมบอกไปว่าอาหารโปรดของพวกมันคือหนู งู กิ้งก่า และนกขนาดเล็ก เรียกว่าเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ช่วยควบคุมประชากรสัตว์เล็กให้สมดุล ถ้าวันใดเหยี่ยวลดจำนวนหรือหมดไป ก็จะเกิดผลกระทบทางธรรมชาติเป็นลูกโซ่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

8

ปกติในเมืองไทยเรามีเหยี่ยวที่อยู่ประจำถิ่นตลอดปีหลายชนิดด้วยกัน พบเห็นได้ไม่ยากอย่างเหยี่ยวแดง, เหยี่ยวรุ้ง นกออก เหยี่ยวนกเขาหงอน เหยี่ยวนกเขาชิครา เหยี่ยวผึ้ง เหยี่ยวนกกระจอกเล็ก และเหยี่ยวปีกแดง เป็นต้น เหยี่ยวบางพวกชอบอยู่โดดเดี่ยว ออกล่าตัวเดียว แต่บางพวกก็ชอบรวมฝูงเป็นร้อยตัว นักดูนกบอกว่าการจำแนกชนิดเหยี่ยวถือว่ายาก (ถ้าไม่ชำนาญจริง) เพราะลวดลายสีสันบนตัวพวกมันคล้ายๆ กัน ต้องอาศัยประสบการณ์จดจำนานหลายปี อีกทั้งต้องมีอุปกรณ์พวกกล้องส่องทางไกลคุณภาพดีช่วยอีกแรงหนึ่ง ส่วนเครื่องแต่งกายก็ควรเป็นสีพราง อย่างสีเขียวเข้ม น้ำตาล หรือเทาเข้มๆ ให้ตัวเรากลืนไปกับธรรมชาติ

12

การเริ่มต้นดูเหยี่ยวทั้งประจำถิ่นและอพยพ อย่างแรกคงต้องทำการบ้านสักนิดว่าพวกมันอยู่ที่ไหน? จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดในเดือนอะไร? ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะในการเฝ้าดูคือตอนเช้าและสาย ประมาณ 08.00-10.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แดดยังไม่ร้อนจัด เหยี่ยวจะบินค่อนข้างต่ำ ไม่ห่างพื้นมาก แต่พอเร่ิมใกล้เที่ยงไปถึงบ่ายแก่ๆ ราวๆ 11.00-16.00 น. แดดที่ร้อนจัดจะทำให้เกิดมวลอากาศร้อนลอยตัวขึ้นสูง ลักษณะเป็นวงกลม เหยี่ยวจึงใช้มวลอากาศนี้ช่วยประหยัดแรงไม่ต้องกระพือปีกมาก ลอยตัวขึ้นพร้อมอากาศร้อน บางครั้งในระดับสูงลิบหลายกิโลเมตรจากพื้นดิน การเฝ้าสังเกตพวกมันจึงทำได้ยาก ยกเว้นช่วงฤดูอพยพผ่าน ที่จะมาพร้อมกันนับพันๆ ตัว และมักบินผ่านยอดเขาต่างๆ ให้เห็นแบบไม่อายกันเลยครับ

13

 บนเขาเรดาห์ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อันเป็นเขตรอยต่อกับจังหวัดชุมพร ผมและเพื่อนๆ ขับรถขนอุปกรณ์ถ่ายภาพนกขึ้นไปดักรอเก็บภาพฝูงเหยี่ยวอพยพครั้งยิ่งใหญ่ ทว่าโชคร้าย วันแรกที่ไปถึงฝนถล่มหนักราวพายุ ทำให้เราต้องถอนทัพลงมาตั้งหลักใหม่ วันที่สองฟ้าเร่ิมเป็นใจ พวกเราจึงได้ทีรีบขึ้นไปเฝ้ารอพวกมันแต่เช้า นอกจากพวกเรายังมีกลุ่มชาวบ้าน นักดูนกมืออาชีพ มือสมัครเล่น นักท่องเที่ยว และนักเรียนนักศึกษาอีกเป็นร้อยคน บางคนมีแค่กล้องอันเล็กๆ ผิดกับบางคน (รวมทั้งพวกเรา) ที่มีกล้องและเลนส์อันยาวเท่าแขนไว้เก็บภาพนกโดยเฉพาะ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำในการมองเห็นอย่างชัดเจน ไม่นานนักเหยี่ยวฝูงแล้วฝูงเล่าก็ปรากฏตัวออกจากกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า โดยใช้มวลอากาศร้อนพาพวกมันโผผินไป กลุ่มละเป็นร้อยๆตัว ทว่าพวกมันบินสูงอยู่เหนือยอดเขาเรดาห์ขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายกิโลเมตร ภาพที่ได้จึงเล็กจิ๋ว

14

10

15

11

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป พวกผมเปลี่ยนโลเกชั่นดูนกเหยี่ยวไปยังเขาดินสอในจังหวัดชุมพร ซึ่งจุดนี้มีความยากลำบากกว่าเขาเรดาห์ที่ประจวบฯ เพราะรถขึ้นไม่ถึงยอด เราจำเป็นต้องพาตัวเอง แบกอุปกรณ์ถ่ายภาพหนักอึ้งนับสิบกิโลกรัมเดินขึ้นเขาไปเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ยอมรับว่าเหนื่อย หนัก แต่ก็มีความสุข เพราะนี่คือชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเราเลือกแล้ว และโชคดีที่เพื่อนๆ ใจดีช่วยแบกอุปกรณ์ให้ด้วย บนยอดเขาเราพบนักดูนกหลายสิบคน บ้างมาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และแถบยุโรป ได้พบเพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และแล้วธรรมชาติก็ให้รางวัลแก่เรา มีเหยี่ยวนับร้อยตัวบินโฉบผ่านไปในระยะที่สามารถเก็บภาพได้ไม่ยาก ภาพยุงที่เคยเห็นที่เขาเรดาห์ในจังหวัดประจวบฯ บัดนี้ปรากฏเด่นชัดในช่องมองภาพของกล้องและเลนส์ คือภาพเหยี่ยวอพยพแผ่ปีกร่อนลมแสนสง่างาม บางตัวบินฉวัดเฉวียนอย่างเสรี เริงร่า บ้างก็มีการเกี้ยวพาราศรี และบ้างก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ต่างจากสังคมมนุษย์เลยสักนิดเดียว

4

5

6

ธรรมชาติสอนให้เรารู้จักรอคอยจังหวะอันเหมาะเจาะ รอคอยด้วยความเข้าใจและอดทน เพื่อให้ได้พานพบสิ่งที่ดีที่สุด ณ สถานที่และห้วงเวลาอันดีที่สุด ตราบใดที่เราไม่ละความพยายาม ตราบนั้นรางวัลชีวิตคงอยู่ไม่ไกล จงอย่ายอมแพ้เหมือนเหยี่ยวเหล่านี้ จงสู้ และบินฝ่าระยะทางยาวไกลแห่งชีวิต มิฉะนั้นคุณก็จะเป็นผู้แพ้ และไม่มีสิทธิ์ได้โผบินอีกเลย!

3

1841

ขอขอบคุณ บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. สนับสนุนเลน์ 500 มิลลิเมตร f4 Nan0 สุดยอดเลนส์ระดับมืออาชีพ เพื่อการบันทึกภาพนกโดยเฉพาะ

สนใจติดต่อ โทร. 0-2633-5100 / แฟ็กซ์ 0-2633-5191 (Office) / 0-2633-5192 (Service) www.nikon.co.th

Bird Watching Guide :

เขาดินสอ จังหวัดชุมพร จากตัวเมืองชุมพร-อำเภอปะทิว ใช้ทางหลวงหมายเลข 3180 ประมาณ 20 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านสะพลีถึงสี่แยกต้นมะขาม เลี้ยวขวาไปผ่านอ่าวบางสน แล้วจะมีซอยแยกซ้ายขึ้นเขาดินสอได้เลย สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานชุมพร-ระนอง โทร. 0-7750-1831-2 , 0-7750-2775-6

เขาเรดาห์ ตำบลบ้านไชยราช อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วงรอยต่อประจวบฯ-ชุมพร ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ก่อนถึงศูนย์บริการทางหลวงเขาโพธิ์ จะเห็นซอยเลี้ยวซ้ายเข้าเขาเรดาห์ สนใจติดต่อ อบต. ไชยราช โทร. 0-3269-4619 และ ททท. ประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0-3251-3885, 0-3251-3871, 0-3251-3854

Colourful Life @สวนผึ้ง

มีคนเคยกล่าวว่า สวนผึ้ง คือผืนป่าที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะอยู่ห่างกันแค่ไม่เกิน 160 กิโลเมตรเท่านั้น พื้นที่กว่าร้อยละ 90 ของสวนผึ้งยังฉาบทาไว้ด้วยสีเขียวของผืนป่า แมกไม้ สายธาร และสายหมอกขาวที่ลอยคลอเคลียยอดเขาอยู่ในเวลาเช้า ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดพาเอาความชื้นเข้ามาจากชายทะเลเมืองทวายของเมียนมาร์ ได้พัดเลยเข้าสู่สวนผึ้ง ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบาย โดยเฉพาะในฤดูหนาวและฝน ที่อากาศเย็นฉ่ำไม่แพ้ภาคเหนือเลยสักนิดเดียว ใครไม่อยากเดินทางไกลไปขึ้นดอยตอนปลายปี ต้องไปแย่งกิน แย่งเที่ยว แย่งนอน กับคนนับไม่ถ้วน ลองมาสัมผัสสวนผึ้ง ก็น่าจะเป็นตัวเลือกสำหรับการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

ที่มาของชื่ออำเภอ สวนผึ้ง” เขาบอกว่ามาจากพื้นที่โดยทั่วไปของเขตนี้มีสภาพเป็นธรรมชาติ ป่าไม้ เทือกเขา โดยมีต้นไม้อยู่ชนิดหนึ่ง เป็นต้นไม้ที่มีเปลือกสีขาวนวล ไม่มีเปลือกกะเทาะหรือลอกให้เห็น ที่สำคัญคือจะมีผึ้งจำนวนมากมาอาศัยทำรังอยู่บนต้นไม้ชนิดนี้เท่านั้น ชาวบ้านจึงเรียกต้นไม้ต้นนั้นว่า ต้นผึ้ง” และได้กลายเป็นชื่ออำเภอในปัจจุบัน

021-620x411

031-620x404

04-620x412

ความ Unseen อีกอย่างของสวนผึ้งที่แทบไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเลยก็คือ สวนผึ้งมีทุ่งดอกไม้กับเขาด้วย เรียกว่า ทุ่งปอเทือง ซึ่งชาวบ้านแถบนี้นิยมปลูกกันมากในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เท่านั้น เพื่อเป็นการบำรุงดิน ระหว่างที่พักดินไม่ได้ปลูกพืชไร่หลักๆ โดยในช่วงเดือนดังกล่าว ต้นปอเทืองที่ขึ้นเบียดกันแน่นพรึบจะพร้อมใจกันออกดอกสีเหลืองสดใสฉูดฉาดบาดตา จะขับรถมาแวะชม ถ่ายภาพ หรือปั่นจักรยานชมทุ่งปอเทือง ก็นับเป็นภาพที่วิเศษ ไม่แพ้ทุ่งดอกทานตะวัน หรือทุ่งดอกบัวตอง เลย เพียงแต่ว่าทุ่งปอเทืองไม่ได้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ทว่าปลูกกระจายกันอยู่หลายแห่งในสวนผึ้ง จึงต้องขยันขับรถหากันนิดนึงนะ

051-620x412

061-620x412

บรรยากาศในบางรีสอร์ทของสวนผึ้ง ดูๆ ไปช่างหน้าตาเหมือนกับแคว้น Provence ในฝรั่งเศสตอนใต้ซะเหลือเกิน

07-620x412

            กิจกรรมน่าสนุกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ที่สวนผึ้งก็คือ การปั่นจักรยานเที่ยว ชมธรรมชาติ และวิวป่าไม้ วิวภูเขาสวยๆ ไปตามเส้นทางต่างๆ ซึ่งปัจจุบันทางชมรม I Love สวนผึ้ง และกลุ่มนักปั่นจักรยานสวนผึ้ง ได้ร่วมกันจัดทำเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวไว้มากถึง 5 เส้นทาง คือ เส้นทาง 17 กิโลเมตร, 30 กิโลเมตร, 32 กิโลเมตร, 33 กิโลเมตร และ 50 กิโลเมตร ฟังดูอาจเหมือนไกล แต่สำหรับนักปั่นมืออาชีพคงบอกว่า แค่นี้มันจิ๊บจ้อยมาก ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ปั่นจักรยานไม่ไหว แต่อยากเที่ยวตามเส้นทางอันสวยงามนี้ ก็สามารถขับรถชมธรรมชาติตามรอยไปได้อย่างสบาย

08-620x412

ไปเล่นกับน้องแกะแสนน่ารักที่ The Scenery Vintage Farm

09-620x412

บรรยาากาศภายใน The Scenery Farm ดูๆ ไปคล้ายบ้านไร่ในยุโรป หรือไม่ก็เป็น Farm House สไตล์อเมริกันจ๋า

013-620x412

ในช่วงฤดูหนาว ที่ The Scenery Farm มักจะมีการจัดงาน event เก๋ๆ เพิ่มเสน่ห์เพิ่มสีสันให้กับฟาร์มแกะแห่งนี้ ในภาพเป็นการจัดเทศกาล Art in Ratchaburi มีการจุดเทียนหอมนับหมื่นดวงทั่วงานา

010-620x412

“Morning Glory Resort” เขาไม่ได้เป็นแค่ที่พักเก๋แบบบูติกสี่ดาวเท่านั้น ทว่ายังมี ฟาร์มกระต่าย” ที่สาวๆ หลายคนเห็นแล้วกรี๊ด รีบวิ่งลงไปเล่นกับน้องกระต่ายแสนน่ารัก ทีแรกเจ้ากระต่ายน้อยอาจจะเขินอาย แอบหลบอยู่ในโพรงใต้ดิน หรือในบ้านหลังน้อยที่เขาสร้างไว้ให้มันหลบพัก แต่พอเริ่มคุ้นกับเรา มันก็จะอยู่นิ่งๆ ให้อุ้ม ให้ลูบเล่น อย่าลืมเอาอาหารกระต่ายที่เขาเตรียมไว้ให้ใส่มือเรา แล้วยื่นให้เจ้ากระต่ายน้อยเข้ามากิน จะรู้สึกจั๊กระจี๊ดี พอเล่นกับน้องกระต่ายเสร็จ ก็ล้างมือล้างไม้ให้เรียบร้อย ตรงรี่เข้าไปที่ Morning Glory The Bakery House ร้านเบเกอร์รี่ของรีสอร์ทสุดฮิป ที่คนกรุงเทพฯ ขับรถไปชิมกันไม่ได้ขาด ก็เพราะเขามีเชฟสาวสวยคนเก่ง คอยคิดค้นสูตรเค้กพิเศษๆ แบบ Home Made เองกับมือ โดยเฉพาะเค้กดาร์กช็อกโกแลต และเค้กมะพร้าวอ่อน รสหวานนุ่มนวล กินคู่กับกาแฟยามบ่ายสไตล์อังกฤษ พร้อมกับชมวิวภูเขาตรงหน้า จะมีอะไรสุขมากไปกว่านี้อีกเล่า?

011-620x932

น้องกระต่ายแสนน่ารักและแสนเชื่อง ที่ Morning Glory

 012-620x412

ต้นผึ้งใหญ่อายุหลายร้อยปี ที่มาของชื่อำเภอสวนผึ้ง ปัจจุบันอยู่ที่ สวนผึ้งฟาร์ม

 015-620x932

ภาพนี้สวยแบบวิ้งๆ Background มีโบเก้เป็นวงสวยงาม ช่วยชับเน้นเทียนในแก้วให้ดูเด่นขึ้นมาอย่างมีเสน่ห์ เพราะใช้เลนส์ 50 มม. f1.4 เปิดหน้ากล้องที่ประมาณ f2 ทำให้ได้ฉากหลังเบลอสวยแบบนี้ล่ะ

บ้านหอมเทียน แห่งสวนผึ้ง เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่โด่งดังมานาน และทุกวันนี้ก็ยังคงเสน่ห์เหมือนเดิม แค่เดินเข้าไปด้านหน้า ก็จะได้กลิ่นหอมของเทียนรูปร่างหน้าตาแปลกๆ เก๋ๆ น่ารักๆ มีทั้งทรงสี่เหลี่ยม วงกลม สามเหลี่ยม ใส่โถแก้ว และอีกมากมาย เอาไว้ให้เราไปจุดเล่นที่บ้าน เทียนหอมบางกลิ่น อย่างกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ จุดแล้วช่วยให้ผ่อนคลายหายเหนื่อย หลับสบายได้จริงๆ

Special Thanks : ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนับสนุนการเดินทางทำสารคดีเรื่องนี้ เป็นอย่างดี

 

Traveler’s Guide

When to go : ท่องเที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม อากาศเย็นสบายที่สุด

How to go : สะดวกสุด ใช้รถยนต์ส่วนตัว ทางหลวงหมายเลข 35 (เส้นถนนพระราม 2 – ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เลี้ยวขวาเข้าอำเภอปากท่อ ผ่านตัวเมืองราชบุรี เขาแก่นจันทร์ แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3208 มุ่งหน้าสู่อำเภอสวนผึ้ง รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร

Where to stay : แนะนำ Ashcarya Boutique Resort โทร. 0-3220-6345 www.ashcarya.com และ Morning Glory Resort โทร. 08-1355-5567, 08-1938-2000 www.morninggloryresort.com

What to eat : ครัวม่อนไข่ อร่อยกับเมนูอาหารสุขภาพ อาทิ ผักกูดผัดกะทิ, ปลาเนื้ออ่อนทอดกรอบกระเทียม, น้ำพริกปลาทู, ปีกไก่ทอดเกลือ, ต้มยำไก่, กาแฟปั่นใส่น้ำผึ้ง ฯลฯ ส่วนขนมหวานแสนอร่อย แนะนำ เค้กมะพร้าวอ่อน ที่ Morning Glory The Bakery House รสชาติหวานนวลกลมกล่อมเป็นที่สุด

Souvenirs : ของที่ระลึกเก๋ไก๋ มีทั้งเทียนหอม, ตุ๊กตาแกะ, เสื้อยืดสวยๆ, โปสการ์ด ฯลฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์ชุมชน อย่างน้ำผึ้งป่า, ผักกูด, เห็ด, สับปะรด ฯลฯ

More info : ททท. สำนักงานราชบุรี โทร. 0-3247-1005-6 / ชมรม I Love สวนผึ้ง โทร. 09-2371-7799, 0-3239-5248 เฟสบุ๊ค www.facebook.com/ilovesuanphueng อีเมล ilovesuanphueng@gmail.com