เดินป่าฝ่าเขาตระหง่านขึ้นจุดสูงสุด เขาหงอนนาค จ.กระบี่
“เขาหงอนนาค” ชื่อนี้อาจไม่เป็นที่คุ้นเคยของคนทั่วไป แต่สำหรับชาวจังหวัดกระบี่และนักเดินป่าผจญภัยในธรรมชาติแล้ว รับรองว่าต้องเคยได้ยินแน่นอน เขาหงอนนาคไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวใหม่นะ จริงๆ มีมานานมากแล้ว ทว่าคนทั่วไปไม่ค่อยได้สัมผัส เพราะต้องเดินป่าฝ่าเขาสูงขึ้นไปกว่า 3.7 กิโลเมตร (เครื่อง GPS บางตัวก็จับระยะทางได้ 4 กิโลเมตร) จึงถือว่าค่อนข้างสมบุกสมบัน ทหรหด และต้องใช้กำลังกายกำลังใจในการเดินป่าเส้นทางนี้ไม่น้อยเลย แต่รับรองเลยว่า เมื่อขึ้นถึงยอดเขาแล้วจะหายเหนื่อย ทำไมน่ะหรือ? ตามผมมาเลยครับ
น้องชายผมเองชื่อ โล่ อาสาทำหน้าที่เป็นลูกหาบกิตติมศักดิ์ ช่วยแบกขาตั้งกล้องและข้าวของหนักอึ้ง ส่วนช่างภาพที่จะขึ้นเขาหงอนนาค ขอบอกเลยว่าให้นำอุปกรณ์ติดตัวไปน้อยช้ินที่สุด เพราะยิ่งเดินแรงยิ่งน้อย ของจะยิ่งหนัก!
ทางเดินขึ้นเขาหงอนนาค จริงๆ แล้วเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือ Nature Trail ที่มีจุดป้ายให้ความรู้รวม 13 จุด ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องพรรณไม้ในป่าดิบชื้น, การย่อยสลาย, พืชบนเขาสูง ฯลฯ
หนทางช่วงแรกยังค่อนข้างราบ เป็นการเดินเทรกกิ้งไปในร่องหุบที่ต้องข้ามห้วยธารเล็กๆ 2 สาย แต่ไม่ต้องลุยน้ำ เพราะเขาทำสะพานปูนไว้ให้เรียบร้อย
เนื่องจากเราเริ่มเดินขึ้นเขาหงอนนาคกันตอนบ่ายสองแล้ว พอถึงจุดชมวิวแรกตะวันก็เริ่มจะคล้อย ฟ้าเปลี่ยนสี อาบทาหมู่เกาะหินปูนในทะเลกระบี่ให้งามแปลกตาไปอีกแบบ
ใกล้จุดชมวิวแรกเข้าไปทุกที ป่าเริ่มโปร่งขึ้น เต็มไปด้วยต้นเสม็ดแดง และเฟินหนาแน่นอันชุ่มชื้นบนพื้นป่า
ถึงแล้ว จุดชมวิวแรก มองออกไปเห็นเทือกเขาหินปูน และสวนยางพาราซึ่งเกิดจากการบุกรุกป่าธรรมชาติในอดีต ต้องรีบกันหน่อยแล้ว เพราะเหลืออีกตั้ง 1.5 กิโลเมตร กว่าจะถึงยอดเขา จะทันแสงสุดท้ายรึเปล่านะ?
ดูกันใกล้ๆ กับต้นเสม็ดแดงบนป่าสันเขาหงอนนาค เปลือกมันจะแตกเป็นเกล็ดๆ แบบนี้ล่ะ สีก็แดงเตะตา ทำให้ป่าผืนนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
พูพอนของต้นไม้ใหญ่บางชนิดแผ่กว้าง สูงใหญ่กว่าหัวเราซะอีก พูพอนนี้จะเกิดขึ้นในส่วนโคนของต้นไม้ที่มีรากตื้น เพื่อทำหน้าที่ช่วยค้ำยันไม้ใหญ่ต้นนั้นไม่ให้โค่นล้มลงง่ายๆ
เห็ดขอน งอกขึ้นมาจากซากไม้ล้มระหว่างทาง เห็ดพวกนี้ไม่ได้สวยอย่างเดียวนะ แต่ยังทำหน้าที่ผู้ย่อยสลายตามธรรมชาติ (Decomposer) นำสารอาหารจากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว กลับคืนลงสู่ผืนดินอีกครั้ง
ระหว่างทางเราพบเห็ดระโงกสีเหลืองสด พี่เจ้าหน้าที่นำทางบอกว่าเห็ดสีสวยอย่างนี้ แต่กินไม่ได้นะ เป็นเห็ดพิษครับ
ทางเดินบนสันเขามีมอสเขียวสดขึ้นเป็นกอหนาแน่นอยู่ตามพื้น เห็นแล้วนึกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่น! แต่ไม่ใช่หรอก เพราะบนเขาหงอนนาคมีอากาศเย็นและชุ่มชื้นตลอดปีนั่นเอง มอสพวกนี้จึงเจริญงอกงามอยู่ได้
พี่อิช พี่ชายใจดีแห่งเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม ในมาดนักผจญภัยตัวจริง ผู้พิชิตเขาหงอนนาคได้สำเร็จ แต่จุดนี้ยังไม่ถึงยอดเขาสูงสุดนะ ต้องเดินต่อไปอีกกว่า 20 นาที
ไชโย! ถึงแล้ว ยอดเขาหงอนนาค สูง 565 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มองลงไปเห็นวิวได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแบบพาโนรามา โดยมองเห็นอ่าวนางอยู่ลิบๆ ทางขวามือโน่นไง
ผาหงอนนาค กับวินาทีอันแสนหวาดเสียวของนายแบบสุดอึดสุดเท่ห์ของเรา
น้องตั๊ก นางแบบแสนสวยที่ร่วมเดินทางพิชิตยอดเขาด้วยกันในครั้งนี้ เอนกายผ่อนคลายอย่างสบายอารมณ์บนยอดเขาหงอนนาค หลังจากเดินเทรกกิ้งขึ้นเขามาเกือบ 3 ชั่วโมง! แต่เธอก็ยิ้มได้
แสงสุดท้ายของตะวันสีทอง อาบทาท้องฟ้าและทะเลกระบี่ เห็นได้ชัดเจนอิ่มตาอิ่มใจจากยอดเขาหงอนนาค
ฟ้ายังไม่มืดสนิท แต่ที่อ่าวนางก็เริ่มเปิดไฟกันแล้ว
ระหว่างทางลงอันมืดสนิทกลางป่า พวกเราใช้ไฟฉายนำทางค่อยๆ เดินกันลงมาอย่างระมัดระวัง ระหว่างทางได้ยินเสียงนก แมลง และสัตว์กลางคืนเริ่มร้องระงม โชคดีพบนกโพระดกกลับเข้าโพรงนอน เลยขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะจ๊ะเจ้านกน้อย
Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และผองเพื่อนจากเว็บไซต์ เมืองไทยดอทคอม ที่สนับสนุนการเดินทาง และแบ่งปันประสบการณ์สนุกๆ ในทริปนี้ให้แก่กันและกัน
สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2
Traveler’s Guide
How to go : การเดินทางสู่เขาหงอนนาค จากตัวเมืองกระบี่ใช้ทางหลวงหมายเลข 4034 ถึงบ้านหนองทะเล ตรงไปเรื่อยๆ จนพบสามแยกวัดคลองสน เลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆ ถึงสามแยกบ้านคลองม่วง (ทางซ้ายมือจะไปหาดคลองม่วง และไปพระตำหนักที่ประทับ) ให้เลี้ยวขวาไปทางบ้านเกาะกวาง หาดทับแขก ไปจนสุดทางถนน จะพบที่ทำการอุทยานหงอนนาค อันเป็นจุดเริ่มเดินขึ้นไปชมธรรมชาติบนยอดเขา แต่นักท่องเที่ยวควรติดต่อล่วงหน้า และควรมีเจ้าหน้าที่นำทางเสมอ เพราะบางจุดป้ายไม่ชัดเจน อาจหลงทางได้!
Contact : เขาหงอนนาค หมู่ที่ 3 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ติดต่อ โทร. 0-7563-7200 (งานบ้านพัก), 0-7566-1145, 0-7563-7436
อยากไปจังค่ะ แต่ยังหาเวลาไม่ได้เลย เดินทางขึ้นไปใช้เวลากี่ชั่วโมงอะคะ