LA BRACI Modern Casual Fine Dining เปิดแล้ววันนี้!

เปิดแล้ว! La Braci ร้านอาหาร Fine Dining สไตล์ Modern Casual แห่งใหม่ ณ ชั้นลอยตึก One City Centre ใจกลางย่านเพลินจิต นำเสนอความอร่อยผ่านศิลปะอาหารเวสเทิร์น คงความหรูหราในแบบฉบับ Fine Dining ผสานรสชาติและบรรยากาศลงตัว ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ด้วยการเดินทางสะดวกสบาย เพียงไม่กี่ก้าวจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต La Braci ซ่อนตัวอยู่ในสวน แวดล้อมด้วยแมกไม้สีเขียวน่ามอง และมีอาคารสูงอยู่ด้านหลัง รับกันอย่างลงตัว ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตแค่นิดเดียว
La Braci  มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเทคนิคเน้นการใช้ไฟจากฝืนไม้สนทะเลคุณภาพ ตกแต่งร้านผสานความโมเดิร์นและธรรมชาติ ในคอนเซปต์ถ้ำหินและเฟอร์นิเจอร์ไม้สักแท้ หรูหรา ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย รับลูกค้าได้ถึง 50 ที่นั่ง เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อพิเศษของครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง หรือดินเนอร์สุดโรแมนติก เชฟและทีมงานสามารถเชื่อมโยงกับแขกได้โดยตรง แขกสามารถมองเห็นกระบวนการสร้างสรรค์เมนูแต่ละจาน พร้อมทั้งสัมผัสกลิ่นหอมอันยั่วใจจากเตารมควัน คุณ Sean Lai เชฟผู้เป็นเจ้าของร้าน La Braci กล่าวว่า “ปรัชญาการทำอาหารของเรา เกิดจากความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อประเพณีและนวัตกรรม เราตั้งใจรังสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารสไตล์ Fine Dining แบบสบายๆ แต่ทันสมัย เชิดชูเสน่ห์ดั้งเดิมของการปรุงอาหารด้วยไฟที่จุดจากไม้ ผสานเทคนิคสมัยใหม่ เป้าหมายของเราคือส่งเสริมให้รสชาติตามธรรมชาติของวัตถุดิบที่เราคัดมาอย่างพิถีพิถัน ได้เปล่งประกายเต็มที่ ภาคภูมิด้วยวิถีแห่งความซับซ้อน ละเอียดอ่อนจากไฟและควัน แต่ละจานจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ความใส่ใจในรายละเอียด เพื่อมอบประสบการณ์น่าจดจำ”เอกลักษณ์อีกประการที่สำคัญของ La Braci คือแนวคิดอาหารจานแชร์ เชฟ Sean เสริมว่า “เราเชื่อว่าอาหารจะอร่อยมากขึ้นเมื่อทานด้วยกัน เราจึงออกแบบเมนูเพื่อส่งเสริมประสบการณ์การมีส่วนร่วม ให้แขกได้ลิ้มลองรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลายด้วยกัน นอกจากจะยกระดับความสุขในการรับประทานแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศอันอบอุ่น เป็นกันเอง สะท้อนความเป็นอยู่แบบไทยที่มักกินข้าวด้วยกัน”La Braci บริหารงานโดย เชฟเจ้าของร้าน คุณ Sean Lai และ คุณวชิรวิทย์ ธนันต์รัตน์ (เชฟแบงค์) กรรมการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ร่วมกับทีมเชฟชาวไทยฝีมือเยี่ยม แขกทุกท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศเป็นกันเอง เปลวไฟอันอบอุ่น และรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน

คุณ Sean กล่าวสรุปว่า “La Braci จะไม่เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา แต่จะเป็นสถานที่ที่สร้างความรู้สึกพิเศษให้ทุกท่านที่มาเยือน เราต้องการให้สัมผัสได้ถึงความหลงใหลของเราในการสร้างบรรยากาศทเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกัน La Braci คือร้านอาหารที่เน้นการใช้ไฟสร้างรสชาติเลิศล้ำ ไม่ได้มีดีแค่รสชาติและกลิ่นหอมของการย่างด้วยไม้ แต่ยังยกระดับคุณภาพเกินความคาดหวัง ในราคาที่เข้าถึงได้”หัวใจสำคัญของ La Braci คืออาหารที่สืบทอดศิลปะการปรุงอาหารด้วยไฟที่จุดด้วยไม้ฟืน คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เรียบง่าย แต่พิถีพิถัน ใช้พลังงานดั้งเดิมของไฟเพื่อดึงความอร่อยแท้จริงจากวัตถุดิบ วิธีนี้ต้องใช้ทักษะอย่างสูง เชฟต้องเชี่ยวชาญ และมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงวัตถุดิบที่ใช้ นอกจากนี้เตาไฟของร้านยังเปรียบเสมือนเตาผิง อันเป็นศูนย์กลางของบ้านมานานหลายศตวรรษแล้ว เชฟแบงค์ (คุณวชิรวิทย์ ธนันต์รัตน์) สาธิตวิธีการปรุงหอยนางรม โดยอุปกรณ์ Flambadouเชฟแบงค์และทีมงาน บรรจงจัดเตรียมเมนูทานเล่นต้อนรับแขกผู้มาเยือน
ของทานเล่น Starter Menu วันนี้ ทั้งหน้าตาและสีสัน รังสรรค์มาได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ
Cocktail เบาๆ ให้ความรู้สึกสดชื่น แก้วนี้คือ L’una มีส่วนผสมของเบอร์รี่ไซรัป ดอกอัญชัญ และวอดก้า
เครื่องดื่มหลากหลาก พร้อมให้สั่งได้ที่ La BraciStarter Menu วันนี้พิเศษมาก ประกอบด้วยขนมปังบริยอช (Brioche) ก้อนกลม เนื้อนุ่ม หอมนมเนย และแป้ง Pizza Bread แผ่นกลมแบน เนื้อนุ่มหนึบ ทานคู่กับน้ำมันมะกอกระดับ Premium จากเกาะซิลิลี่ ประเทศอิตาลี รวมถึงเนยชั้นยอด แบบดั้งเดิมของฝรั่งเศสแท้
La Braci นำเสนอเมนูแบบ à la carte หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ คือ Oyster Flambée 1 ชิ้น ( ราคา 350 บาท++) เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่เด่นด้วยการใช้ปรุงอาหารแบบดั้งเดิมของยุโรป Flambadou เชฟจะเผาโลหะทรงกรวยจนร้อนจัด เติมไขมันให้หลอมละลาย หยดลงบนลงบนหอยนางรมสด ความร้อนจะช่วยให้หอยนางรมสุกกำลังดี และกลิ่นหอมคล้ายย่างถ่าน เสริมด้วยซอสครีมเบลอบล๊องและน้ำมันต้นหอม เพิ่มลูกเล่นด้วยมะนาวคาเวียร์ รสเปรี้ยวสดชื่นทุกคำ เสิร์ฟมาอย่างงดงามบนเปลือกหอย เป็นประสบการณ์ที่ทั้งอร่อยและตื่นตาตื่นใจในคราวเดียว เมื่อหอยนางรมสดสุกได้ที่ ด้วยวิธีใช้เปลวไฟและน้ำมันหลอมละลายจากเหล็กร้อน (Flambadou) แล้ว ก็นำมาจัดจานเชฟแบงค์ บรรจงจัดแต่งหน้าตา Oyster Flambée ก่อนเสิร์ฟ
Oyster Flambée งดงามด้วยไอเดียจัดแต่งหน้าตา แถมยังน่าตื่นเต้นด้วยวิธีการปรุงแบบยุโรปดั้งเดิม ต่อกันด้วยเมนูเบาๆ กระตุ้นน้ำย่อยได้ยอดเยี่ยม เห็ดย่าง ทานคู่กับครีมซอสรสละมุน เชฟแบงค์ กำลังบรรจงจัดแต่งอาหารเมนูถัดไปให้เราชิม Pasta ที่เราเลือกชิมในวันนี้ คือ Wild Boar Ragu Cappelletti เป็น dumpling หมูป่าเนื้อนุ่ม เสิร์ฟมาในน้ำซอสเข้มข้นรสจัดจ้าน ตัว dumpling ก็พอดีคำ เคี้ยวง่ายWild Boar Ragu Cappelletti ส่วนใครที่ไม่ชอบทานหมูป่า La Braci ก็มีเมนูแชร์สุดครีเอทีฟให้เลือก คือ Charred Baby Squid Potato Dumplings ราคา (450 บาท++) หมึกกระดองย่างไฟเนื้อหวานฉ่ำ เสิร์ฟคู่ dumpling มันฝรั่งเนื้อนุ่มนวล ราดซอสเลมอนแซฟฟรอนและน้ำมันดิลล์หอมละมุน รสออกเปรี้ยวนิดๆ ของเลมอนครีมซอส ทำให้ทุกสัมผัสสดชื่นจานหลักที่ใครหลายคนหลงรัก La Braci เอาใจสายเนื้Wood-Fired Australian Wagyu Angus Beef Flank ราคา  (750 บาท ++) ทีเด็ดอยู่ที่ความหอมของถ่านไม้ช่วยสร้างกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ เสิร์ฟคู่กับหอมผัดคาราเมลที่ใช้ขั้นตอนการปรุงพิถีพิถัน และบร็อกโคลีนีย่างเกรียมตัดรสเข้มข้นของเนื้อวัว ขาดไม่ได้คือ Rof Emulsion สูตรเฉพาะของทางร้าน ได้แรงบันดาลใจจากซอส Chimichurri ของแอฟริกาตะวันตก เพื่อเติมกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพร ช่วยปรับสมดุลให้ความเข้มข้นของวากิว และทำให้จานนี้ Perfect สุดๆ

ส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อ เขาก็มีตัวเลือกเป็น Wood Fire Giant River Prawn ราคา (800 บาท++) กุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นเด้งมันเยิ้ม เพิ่มรสชาติด้วยซัลซ่ามะเขือเทศเปรี้ยวสดชื่น โรย wolffia (ผำ) ที่หาทานยาก มีเทกซ์เจอร์ในทุกคำWood-Fired Australian Wagyu Angus Beef Flank เนื้อวากิวชิ้นใหญ่นุ่มมาก ห้ามพลาดเพิ่มประสบการณ์พิเศษในการทานเนื้อวากิว ด้วยมีดระดับพรีเมี่ยมในกล่องไม้หรู นำมาให้ลูกค้าเลือกได้เองเลยปิดท้ายด้วยเค้กอร่อยๆ อย่าง Tiramitsu มีกลิ่นหอมผสานผสมกลมกลืนของมาซาล่าไวน์, กาแฟ, วานิลลา และแป้งช็อกโกแลต

La Braci One City Centre, OCC – วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์ ถนนเพลินจิต ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

เปิดให้บริการแล้ววันนี้ เพียงไม่กี่ก้าวจากสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต

  สอบถามเพิ่มเติม โทร. (66) 95-868-6565

Instagram : @Labraci_bkk

 Website: https://www.labraci.com/

 Booking : info@labraci.com

BEGAN VEGAN อิ่มกายอิ่มใจ สไตล์รักสุขภาพ

เคยมาเดินเที่ยวชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถว ท่าเตียน หลายครั้ง ทั้งช่วงกลางวันและชมแสงสียามค่ำคืน ทว่าวันนี้พิเศษกว่าทุกคราว เพราะเราได้มาเยี่ยมร้านเล็กๆ น่ารัก สไตล์อบอุ่นแห่งหนึ่งในซอยท่าเตียน ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ เงียบสงบ ฝั่งตรงข้ามวัดโพธิ์

ใช่เลย เรากำลังจะพาไปรู้จัก BEGAN VEGAN” ร้านอาหารแนววีแกน 100% เจ้าเดียวในแถบท่าเตียนขณะนี้
คุณณิชมน ตั้งตรงจิตร (คุณบี) คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความรู้ด้านอาหารสุขภาพ เจ้าของ ร้าน BEGAN VEGAN ที่ต้องการให้อาหารอุดมคุณประโยชน์แบบนี้ แพร่หลายมากขึ้นในหมู่คนไทย ด้วยคอนเซ็ปต์

“The Journey of  Your Health”

ร้าน BEGAN VEGAN ตั้งชื่อมาจากชื่อของ คุณ B ที่ชอบรับประทาน อาหาร VEGAN นั่นเอง
จากห้องแถวเก่าแก่ย่านท่าเตียนที่ renovate จนดู Modern สะอาดตา ถึงวันนี้ร้านเปิดมากว่า 5 ปีแล้ว เริ่มต้นจากการเป็นร้านอาหารสุขภาพของ คุณปรีดา ตั้งตรงจิตร (คุณปู่ของคุณบี) ชื่อร้าน “R D Preeda Healthy Food” จนกระทั่งส่งช่วงต่อมาถึงคุณแม่ กระทั่งเมื่อคุณบีอายุ 16 ปี ได้เห็นคลิปวิดีโอการฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ จึงเกิดความสงสาร และตั้งใจแน่วแน่แต่นั้นว่าจะไม่ทานเนื้อสัตว์อีกเลยตลอดชีวิต

ช่วงแรกก็หาอาหารแนวธรรมชาติทานค่อนข้างยาก คุณแม่ของคุณบีเป็นคนแรกที่ปรุงมาให้ทาน โดยเฉพาะเบเกอร์รี่แนววีแกนแท้ๆ ในเมืองไทยหายากมาก คุณบีจึงคิดค้นสูตรทำเอง คุณแม่เลยสนับสนุนให้เปิด ร้าน BEGAN VEGAN เพื่อให้คนทั่วไปได้รับประทานด้วย จากนั้นคุณบีก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร และช่วงปี 3 ได้ไปเรียนต่อด้านการบริหารที่ปารีส ฝรั่งเศส นานถึง 7 เดือน โดยในระหว่างนั้นได้เรียนคอร์เสริมด้านการทำเบเกอร์รี่ที่ สถาบัน Le Cordon Bleu ปารีสร้าน BEGAN VEGAN ได้รับการการันตี 5 ดาว จาก Happy Cow Excellent Reviews ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทานอาหารวีแกนรู้จักกันดี
อาหารแบบวีแกนแท้ๆ จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดเลย รวมถึงงดเว้นนมวัว เนย น้ำผึ้ง ไข่ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทุกชนิด โดยต่างกับการรับประทานอาหารเจตรงที่ วีแกนทานผัก 5 ชนิด ที่มีกลิ่นฉุนได้ คือ กระเทียม, หัวหอม-ผักชี, กระเทียมโทนจีน, กุยฉ่าย และใบยาสูบ คนที่ทานวีแกนแบบเคร่งครัดมากๆ มาก มาที่ ร้าน BEGAN VEGAN จึงสบายใจได้ แต่ปัจจุบันลูกค้าก็ยังเป็นชาวต่างชาติมากกว่าครึ่ง อยากให้คนไทยได้ลองชิมบ้างนะ เพราะทานไม่ยากเลย ดีต่อใจต่อกายในแบบที่ต้องว้าวแม้จะเป็นร้านไม่ใหญ่โต ทว่าบรรยากาศให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร และมีเสิร์ฟมากกว่าอาหารหลัก เพราะ BEGAN VEGAN มีเค้กวีแกน รวมถึงคุกกี้วีแกน กาแฟวีแกน และ Smoothy วีแกน ที่หาชิมที่อื่นไม่ได้แน่ร้าน BEGAN VEGAN เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.หนึ่งใน Signature Menu ของ ร้าน BEGAN VEGAN คือ “All Day Breakfast” หรือ เซ็ทอาหารเช้าที่เสิร์ฟได้ทั้งวัน เสน่ห์หลักของจานนี้คือครัวซองวีแกนแท้ๆ ซึ่งทำก็ยาก หาทานก็ยาก เพราะไม่ได้ใส่ไข่นมเนยเลยสักนิดเดียว แต่ยังให้รสสัมผัสและกลิ่นเหมือนครัวซองทั่วไปเปี๊ยบ เคล็ดลับของทางร้านคือใช้ส่วนผสมอย่างดีจาก Sunflower Butter, Canola Oil, Coconut Oil ฯลฯ ไม่มีการใช้น้ำมันถั่วเหลืองเลย ส่วนที่เห็นสีเหลืองๆ เหมือนไข่คน จริงๆ แล้วคือเต้าหู้ กินคู่กับสลัดผักออร์แกนิคสุขภาพ ราดน้ำซ๊อสงาสไตล์ญี่ปุ่นWelcome Drink เสิร์ฟมาในแก้วช๊อตเล็กๆ น่ารัก กระตุ้นกระเพาะเรียกน้ำย่อยได้ยอดเยี่ยม ส่วนผสมมีทั้งขิง มะละกอ แอปเปิลเขียว มะนาว และเปปเปอร์มิ้นต์
Welcome Drink แบบธรรมชาติ ปั่นรวมมาในแก้วช๊อต เย็นชื่นใจ ดื่มได้ดื่มดีจนต้องขอเพิ่มอีกหนึ่งในเมนูยอดฮิตของ ร้าน BEGAN VEGAN ที่ลูกค้าชื่นชอบ คือ “ข้าวสี่สี ผัดเต้าหู้แกงกะหรี่” เป็นจานหลักที่ประกอบด้วยข้าวสุขภาพ 4 สี ทั้งข้าวสีฟ้าอัญชัญ ข้าวสีเหลืองขมิ้น ข้าวสีเขียวใบเตย และข้าวสีน้ำตาลแดงไรซ์เบอร์รี่ กับข้าวที่ทานคู่กันคือเครื่องแกงกะหรี่ผัดเต้าหู้และผักออร์แกนิค ชิมแล้วขอบอกว่ารสชาติละมุน ให้ความรู้สึกถึงการถนอมสุขภาพมากๆ ครับ
หมูกรอบซ๊อสจิ้มแจ่ว หนึ่งในเมนูเด็ดที่ลูกค้าวีแกนหลายคนชื่นชอบ เพราะทั้งแปลกและหน้าตาเหมือนหมูกรอบจริงๆ  ทำจากถั่วเหลืองแท้ ทอดกรอบด้วยวิธีพิเศษของทางร้าน น้ำจิ้มแจ่วปรุงเองรสไม่จัด เข้ากันอย่างดี เนื้อสัมผัสเวลาเคี้ยวเหมือนหมูกรอบ Deep Fried กรุบๆ กรอบนอกนุ่มใน ยิ่งทานตอนร้อนๆ ยิ่งอร่อยล้ำ
ราดหน้าเส้นทอด เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยม เพราะคุณบีพัฒนาสูตรขึ้นมา ต้องทานตอนร้อนๆ เส้นทอดจะกรุบกรอบเคี้ยวง่าย น้ำราดหน้าก็รสชาตินุ่มนวลเหมือนแพรไหม มีผักออร์แกนิคและเต้าหู้ใส่มาให้เยอะแบบไม่หวงเลยจ้าราดหน้าเส้นทอด เมนูเด็ดของ ร้าน BEGAN VEGANไม่ได้หน้าตาดูดีอย่างเดียว แต่ยังอุดมคุณค่าทางอาหารมากๆ ด้วย

ร้าน BEGAN VEGAN ยังมีอาหารอื่นๆ ให้ชิมอีกเพียบ โดยคิดค้นปรับปรุงเมนูเพิ่มอยู่เสมอ ตอนนี้มีเมนู Version 2.0 ที่น่าลิ้มลองไปซะทุกจาน อาทิ วีแกนลาซานญ่า (Vegan Lasangna) ซอสโบโลเนส เสิร์ฟพร้อมผักย่าง, บว์มิกซ์เบอร์รี่ (Mixed Berries Bowl) ที่มีทั้งมัลเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ผสมกัน โรยหน้าด้วยผลไม้ตามฤดูกาล 3 ชนิด กราโนลา เมล็ดเจีย ถั่ว และธัญพืชรวม, โบว์ผักใบเขียวซุปเปอร์ฟู้ด (Superfood Bowl), โบว์ช็อกโกแลตเนยถั่ว (Chocolate Peanut Butter Bowl), ไก่ทอดวีแกน (Fried Vegan Chicken) ทำจากดอกกะหล่ำทอด จิ้มซอสพริก, ซุปเห็ดเข้มข้น (Mushroom Soup), ซุปข้าวโพดสไปซ์ซี่ (Spicy Corn Soup) นอกจากนี้ยังมี BV Burger ที่ได้รับความนิยมมาก และ BV Steak, Submarine Sandwich, Spagetti with Tomatoes Sauce, BEGAN Carbonara, Japanese Hot Curry with VEGAN Meatballs และอื่นๆ อีกมากมาย

ส่วนอาหารไทยแบบวีแกนก็มีเสิร์ฟเช่นกัน อาทิ ต้มข่าไก่, แกงเขียวหวาน, แกงพะแนง, ผัดกะเพรา, ผัดผงกะหรี่, ลาบ ฯลฯ โดยเน้นแนวคิด “กินอาหารให้เป็นยา” ไม่ใช่กินยาเป็นอาหารจ้า
สำหรับคนที่ชอบขนมหวานแบบวีแกนแท้ๆ ร้าน BEGAN VEGAN มีเค้กจากฝีมือคุณบีให้ชิมถึง 6 อย่าง คือ เค้ก Cinnamon Roll, เค้ก Chocolate, เค้ก Marble, Blueberry Cheese Tart, เค้ก Matcha Strawberry และที่หาทานยากมาก อร่อยจนร้องว้าวหลายรอบ คือ Croissant วีแกน นุ่มหนึบ หอมมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้นมเนยเลยสักนิด ส่วนเค้ก Marble ก็เป็น Yogurt-based ที่สายวีแกนแท้ๆ ต้องหลงรัก เรียกว่ามีความ Creative และใส่ใจในรายละเอียดมากครับ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักของ Blueberry Cheese Tart ท้อปปิ้งด้วยดอกไม้กินได้ จากฟาร์มธรรมชาติของศูนย์สุขภาพเชตวัน ศาลายา รสชาตินุ่มนวลหอมหวานกำลังดีเค้ก Matcha Strawberry ชิ้นโต เห็นเลเยอร์หลายชั้นซ้อนกัน ท้อปปิ้งด้วยสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และดอกไม้กินได้ เนื้อเค้กนุ่มกำลังดี เข้ากับครีมมัทฉะซะเหลือเกิน เห็นหน้าตาแบบนี้ เป็นเค้กวีแกนแท้ๆ เลยนะจะบอกให้
เค้ก Chocolate เป็น Dark Chocolate อย่างดี หวานน้อย เนื้อนุ่มหนึบ ทานคู่กับกาแฟวีแกนได้เข้ากันสุดๆทั้งน่ารัก ทั้งน่ากิน และดีต่อสุขภาพ ก็ต้องเค้กวีแกน 100% แบบนี้ล่ะครับน้ำมัลเบอร์รี่ สมูทตี้ ที่นำลูกหม่อนออร์แกนิคจากจังหวัดสระบุรี มาปั่นกับนมวีแกน เย็นชื่นใจ รสเปรี้ยวอมหวาน อุดมวิตามินมากมาย ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณเป็นอย่างดีโดยส่วนตัวผมชอบกาแฟวีแกน ของร้าน BEGAN VEGAN เป็นพิเศษ ลองสั่งคาปูชิโน่กับลาเต้มาจิบดู รสชาติกลมกล่อมละมุน ไม่เข้มจนเกินไป ยังคงกลิ่นรสกาแฟครบถ้วน และนุ่มลื่นด้วยส่วนผสมของนมสกัดจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ดื่มแล้วรู้สึกกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาเลย
เย็นชื่นใจ เข้มกำลังดี ดื่มแล้วมีแรงออกไปเดินเที่ยวย่านท่าเตียนต่อได้สบายใหม่ล่าสุด เครื่องดื่มสุขภาพที่คุณบีคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง “น้ำใบบัวบกผสมนมข้าวโอ๊ต” แบรนด์ณิมน ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่แพ้นมวัว ความเก๋คือด้านหลังขวดมีบทกลอนบรรยายสรรพคุณอันมีประโยชน์ของน้ำใบบัวบกไว้อย่างน่ารัก ถึงแม้จะไม่อกหักช้ำใจก็ดื่มได้จ้า มีสรรพคุณมากมาย ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิตสูง และภาวะหลอดเลือดแข็งตัว มีฤทธิ์ต้านการอักเสบในร่างกายด้วยนะบทกลอนด้านหลังขวดน้ำใบบัวบกผสมนมข้าวโอ๊ต ขนมอร่อยอีกอย่างที่ห้ามพลาดชิม คือ คุกกี้แนววีแกน 100%” บรรจุในกล่องสวยงาม มี 4 รสให้เลือกตามชอบ คือ Flourless Cashew, Flourless Almond Choc-chip Chocolate chip และ Banana Oatmeal Raisin ซึ่งทั้งหมดเป็นคุกกี้ที่ปราศจากมาการีน น้ำตาลขัดสี สารกันเสีย น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์ม โดยคุณบีและทีมงานลงมือทำด้วยตัวเองเลยนอกจากอาหารวีแกนร้อยเปอร์เซนต์ที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ร้าน BEGAN VEGAN ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เป็นของฝากน่ารักๆ ติดมือกลับบ้านด้วย ในภาพนี้คือ “เทียนหอม” ทำจากไขถั่วเหลืองธรรมชาติ 100% (Soy Wax) ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีใดๆ ใส่มาในกะลามะพร้าวครึ่งซีก ได้กลิ่นอายความเป็นไทยสุดๆเทียนหอมธรรมชาติในกะลามะพร้าวเก๋ไก๋ของ ร้าน BEGAN VEGAN ผลิตจากไขถั่วเหลืองบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซนต์ ใช้จุดในบ้านกลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจ ให้ความรู้สึกสดชื่นแบบธรรมชาติ
ด้านหน้า ร้าน BEGAN VEGAN มีพืชผักผลไม้ออร์แกนิคที่ปลูกจากฟาร์มของศูนย์สุขภาพเชตวัน อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม วางจำหน่ายด้วยมะพร้าวน้ำหอมออร์แกนิค จากฟาร์มธรรมชาติของศูนย์สุขภาพเชตวัน อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม ดื่มแล้วชื่นใจอย่าลืมนะครับ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งทานอาหารสุขภาพในร้านเล็กๆ น่ารัก อัดแน่นด้วยคุณภาพ สร้างสรรค์ และความใส่ใจ ต้องไม่ลืม ร้าน BEGAN VEGAN ท่าเตียน ของคุณบี ณิชมน ตั้งตรงจิตร และทีมงาน

หลังจากอิ่มกายอิ่มใจกันที่ ร้าน BEGAN VEGAN แล้ว ไม่ควรพลาดโอกาสเดินทอดน่องสัมผัสความสวยงามย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถวท่าเตียน ท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง ยังมีวัดวาอารามสำคัญให้ชื่นชมอีกหลายแห่ง ทั้งวัดอรุณราชวรารามฯ (วัดแจ้ง) วัดพระแก้ว และวัดโพธิ์ ต้นตำรับการนวดไทยอันมีชื่อเสียงวัดพระแก้ว สถานที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกตคู่บ้านคู่เมืองสยามพระนอนวัดโพธิ์ พุทธศิลป์งามล้ำทำให้ต้องตะลึงนวดแผนไทยโบราณที่วัดโพธิ์ กับสำนักเชตวัน

ร้าน BEGAN VEGAN 

Address : ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช กรุงเทพฯ ฝั่งตรงข้ามวัดโพธิ์ (ปากซอยมีธนาคารกรุงไทยอยู่ข้างหน้า)

เปิดทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น.

โทร. 08-0226-5770 / FB : Began Vegan / Line : @beganvegan / IG : Began.vegan

ศูนย์สุขภาพเชตวัน ศาลายา นวดไทยต้นตำรับวัดโพธิ์

การนวดไทย เป็นศาสตร์โบราณที่ลือเลื่องไปทั่วโลก เพราะช่วยบรรเทาและรักษาให้ผู้มีความปวดเมื่อยทางร่างกายรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวขึ้น ยิ่งกว่านั้นการนวดไทยยังช่วยรักษาอาการป่วยบางอย่างให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ และหากจะกล่าวถึงต้นตำรับการนวดไทยซึ่งถือเป็นตำนานแท้จริง ก็คงต้องยกให้ “วัดโพธิ์” (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ) และ “ศูนย์สุขภาพเชตวัน” อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐมศูนย์สุขภาพเชตวัน อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐมเชตวัน ถือเป็นผู้ริเริ่มศาสตร์การนวดแผนไทยตำรับวัดโพธิ์ให้แพร่หลาย โรงเรียนเริ่มเปิดสอนวิชานวดแผนโบราณขึ้นครั้งแรกเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2505 โดย คุณปรีดา ตั้งตรงจิตร รวบรวมองค์ความรู้จากตำรา จารึกและครูนวด รวมถึงจัดระบบการเรียนการสอน จนได้ท่านวดที่เป็นแบบแผนสืบทอดต่อกันมา ปัจจุบันนี้โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ นับเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่เปิดสอนวิชาแพทย์แผนไทยครบทั้ง 4 สาขาตามแบบฉบับดั้งเดิม ศูนย์สุขภาพ เชตวันฯ เปิดสอนและบริการ 12 หลักสูตร ทั้งนวดแผนโบราณ หัตถบำบัด นวดทารกและเด็ก นวดสตรี นวดน้ำมันและน้ำมันหอมระเหย นวดเท้า เภสัชกรรมและเวชกรรมไทย วิชาชีพนวดไทยชั้นต้น ชั้นกลาง และนวดไทยสำหรับชาวต่างชาติ สปาเพื่อสุขภาพ และท่าบริหารร่างกาย ฤาษีดัดตน เป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้มรดกไทยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับโลกขยายฐานการทำงานสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยววัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) แหล่งรวบรวมศาสตร์การนวดไทยโบราณ และท่าฤาษีดัดตน

พระนอนวัดโพธิ์ ความวิจิตรแห่งพุทธศิลป์ของสยาม

พระพุทธรูปปางต่างๆ ในศาลารายวัดโพธิ์การแพทย์แผนไทยและการนวดแผนโบราณ มีประวัติความเป็นมาคู่กับชาติไทยมาแต่โบราณ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรมแพทย์และกรมหมอนวดนั้น ถือได้ว่าเป็นกรมใหญ่ซึ่งต้องรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย) มีการรวบรวมตำรับยาต่างๆ ขึ้นเป็นครั้งแรก เรียกว่า “ตำราพระโอสถพระนารายณ์” การแพทย์แผนไทยยังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มีการเปิดร้านจัดยาและขายยาสมุนไพรตามใบสั่งอยู่ทั่วไป ทั้งภายในและภายนอกกำแพงพระนคร ซึ่งแม้ในขณะนั้นมิชชั่นนารีชาวฝรั่งเศสได้นำการแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาเผย แพร่ในสยาม ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าแพทย์แผนไทย

รูปปั้นฤาษีดัดตน 80 ท่า แห่งวัดโพธิ์

ในสมัยโบราณความรู้เรื่องการแพทย์และการนวดไทยจะสั่งสอนสืบต่อกันเป็นทอดๆ โดยครูจะรับตัวศิษย์ไว้แล้วค่อยสั่งค่อยสอนให้จดจำความรู้ต่างๆ ความรู้ที่สืบทอดกันมานั้น อาจเพิ่มพูน สูญหาย หรือเพี้ยนไปบ้างตามความสามารถของครูและศิษย์เป็นสำคัญ จวบจนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) ได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ “วัดโพธาราม” หรือ “วัดโพธิ์” พระอารามหลวง ทรงให้รวบรวมตำรายา ฤาษีดัดตน จวบจนตำราการนวด แล้วให้จารึกไว้ตามศาลาราย เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาโดยทั่วกัน ใน พ.ศ. 2375 ครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) โปรดเกล้าฯให้ บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ ทรงให้หล่อรูปฤษีดัดตนเป็นโลหะ และรวบรวมตำราการนวดและตำราการแพทย์จารึกในวัดโพธิ์ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปศึกษา และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ จนถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสยามเลยทีเดียว ใน พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระปิยะมหาราช (รัชกาลที่ 5) ทรงโปรดเกล้าฯให้แพทย์หลวงสังคายนาและแปลตำราแพทย์จากภาษาบาลีและสันสกฤตเป็นภาษาไทย เรียกว่า “ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ (ฉบับหลวง)” ซึ่งตำรานี้ได้แยกการนวดเป็นภาควิชาหัตถศาสตร์ เรียกว่า “ตำราแบบนวดฉบับหลวง” โดยจารึกวัดโพธิ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก จำนวน 1,440 แผ่น ปัจจุบัน ศูนย์สุขภาพเชตวัน ศาลายา นครปฐม มีแผนกนวดเพื่อบำบัดแก้อาการของผู้ป่วยด้วย ไม่ได้มีแต่การนวดเพื่อผ่อนคลายอย่างเดียวคุณเสรัชย์ ตั้งตรงจิตร ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้บริหารศูนย์สุขภาพเชตวัน ศาลายา นครปฐม ในปัจจุบัน
ห้องนวดเท้าเพื่อผ่อนคลาย ศูนย์สุขภาพเชตวัน ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแยกชายหญิง ศูนย์สุขภาพเชตวัน เปลี่ยนเสื้อผาเสร็จแล้ว ก็มานั่งล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดในอ่างไม้ตามแบบโบราณ นวดเพื่อผ่อนคลายและแก้อาการ ตามตำรับนวดไทยโบราณวัดโพธิ์ ที่ศูนย์สุขภาพเชตวัน บรรยายให้ความรู้เรื่องศาสตร์นวดไทยเบื้องต้น กับคณะที่เข้ามาศึกษาดูงาน พร้อมสอนท่านวดตนเองเบื้องต้น ให้สามารถกลับไปใช้ได้เองในชีวิตประจำวันศูนย์สุขภาพเชตวัน มีโรงเรียนในเครือจำนวน 4 แห่ง คือ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), โรงเรียนนวดแผนโบราณ เชตวัน แจ้งวัฒนะ, โรงเรียนนวดแผนโบราณ เชตวัน เชียงใหม่, โรงเรียนสุขภาพ เชตวัน และคลีนิกแพทย์แผนโบราณ โพธิ์ชัยศรี ศาลายา จังหวัดนครปฐม ใครสนใจเรียนเขาก็มีทั้งหลักสูตแบบระยะสั้นและระยะยาวให้เลือก นับว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพแบบไทยๆ ที่น่าสนใจและมีประโยชน์น่าศึกษาไม่น้อย ศูนย์สุขภาพเชตวัน มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพมากมายให้เลือกใช้ ทั้งยาหม่อง ยาดมตามธาตุ น้ำมันนวด น้ำมันอโรมา ลูกประคบ ครีมนวดเท้า ฯลฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์สปาอีกมากมาย
ยาดมตามธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ นอกจากบริการนวดแผนไทยแล้ว ศูนย์สุขภาพเชตวัน ยังมีห้องพักมากกว่า 15 ห้อง สำหรับให้ผู้สนใจหรือนักเรียนที่มาเรียนนวดตามคอร์สได้เข้าพัก พร้อมอาหารบริการ
มาใช้บริการนวดแผนไทยที่ศูนย์สุขภาพเชตวันแล้ว อย่าลืมไปสัมผัสขนมและเครื่องดื่มสุขภาพที่ ร้าน Chetawan Cafe & Bistro รับแอร์เย็นฉ่ำ จิบเครื่องดื่มที่ชอบ ในบรรยากาศ relax สบายๆ ครับ

  (ขอบคุณภาพ : จากคุณสุเทพ ช่วยปัญญา / www.thewaynews.com)
คุณบี (ณิชมน ตั้งตรงจิตร) คนรุ่นใหม่ไฟแรง เจ้าของ ร้าน Chetawan Cafe & Bistro ซึ่งมีแนวคิดสร้างสรรค์ขนมและเครื่องดื่มสุขภาพให้ได้ชิมกัน โดยคุณบีบินไปเรียนด้านอาหารที่ สถาบัน Le Cordon Bleu ปารีส ฝรั่งเศส นานถึง 7 เดือน

คุณบียังเป็นเจ้าของร้านอาหารวีแกนเพียงเจ้าเดียวในย่านท่าเตียน กทม. อีกด้วย นั่นคือ “ร้าน Began Vegan” (โทร. 08-0226-5770 / เปิดทุกวัน เวลา 10.30-18.00 น.) ตอนนี้มีเครื่องดื่มใหม่ล่าสุดให้ชิม “น้ำใบบัวบกผสมนมข้าวโอ๊ต” แบรนด์ณิมน ซึ่งคุณบีคิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยความเก๋คือด้านหลังขวดมีบทกลอนบรรยายสรรพคุณอันมีประโยชน์ของน้ำใบบัวบกไว้ด้วยอย่างน่ารักน้ำมะพร้าวปลูกเองในสวนของศูนย์สุขภาพเชตวัน ดื่มแล้วชื่นใจมากนอกจากนี้ ร้าน Chetawan Cafe & Bistro ยังมีเครื่องดื่มสุขภาพอีกมากมายให้เลือกชิมได้ทุกวัน
ขนมละลานตาน่าลิ้มลองที่ ร้าน Chetawan Cafe & Bistro บรรจงรังสรรค์ขึ้นเพื่อทุกคน

  (ขอบคุณภาพ : จากคุณสุเทพ ช่วยปัญญา / www.thewaynews.com)

www.watpomassage.com

จองนวด ทัวกรุ๊ปทัวร์โรงเรียน ไกด์ทัวร์นวด โทร. 08-6317-5562

รับนักเรียน เวลาทำการ 08.00-17.00 น. โทร. 0-2622-3533, 08-6368-3841 watpo.ttm@gmail.com.

บริการนวดท่าเตียน เวลาทำการ 08.00-20.00 น. โทร. 08-4206-3774

สำนักงาน เวลาทำการ 08.00-17.00 น. โทร.02-622-3551

ชกทส. จังหวัดนครปฐม ร่วมกับ สธทท. จัดกอล์ฟการกุศล ณ สนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ

ชมรมกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (ชกทส.) จังหวัดนครปฐม ร่วมกับ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม และสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐม จัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการออกกำลังกายอย่างยั่งยืน เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนในจังหวัดนครปฐม และรายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้ผู้ด้อยโอกาส และผู้ป่วยติดเตียง ในอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม “การแข่งขันกีฬากอล์ฟ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ” ครั้งที่ 1 จะจัดขึ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ ตำบลไผ่หูช้าง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) เป็นประธานแถลงข่าว  ชกทส. จังหวัดนครปฐม ร่วมกับ สธทท. จัดกอล์ฟการกุศล ณ สนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ พร้อมด้วย คุณวรินทร ทองพูน ประธานชมรมกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (ชกทส.) จังหวัดนครปฐม นายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม นายประสิทธิ์ ภักดีพานิชพงศ์ ประธานกรรมการ สนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ชสท.) และสื่อมวลร่วมแถลง นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) กล่าวว่า “การจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ครั้งที่ 1 นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟ ในจังหวัดนครปฐมให้เพิ่มมากขึ้น เพราะมีสนามกอล์ฟได้มาตราฐานระดับนานชาติมากมาย ที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ เพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวร่วมกันได้ คุณพ่อออกรอบตีกอลฟ์ คุณแม่พาลูกเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงกับสนามกอล์ฟ เป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างยั่งยืน และกระจายรายได้สู่ชุมชนในจังหวัดนครปฐม”คุณวรินทร ทองพูน ประธานชมรมกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (ชกทส.) จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า “การแข่งขันกีฬากอล์ฟ ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก 5 องค์กรหลัก นำโดย สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม สมาคมท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐม สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครปฐม และชมรมกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (ชกทส.) จังหวัดนครปฐม เปิดรับสมัครนักกอลฟ์สมัครเล่นทีมละ 5 ท่าน มาดวลวงสวิงกัน ค่าสมัครทีมละ 15,000 บาท

 เพื่อหาทีมชนะเลิศชิงถ้วยรางวัลจาก พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง รองประธานคณะกรรมการ การท่องเที่ยวและกีฬาวุฒิสภา และประธานคณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา ถ้วยรางวัลพิเศษ 1 รางวัล จากนายประสิทธิ์ ภักดีพานิชพงศ์ ประธานกรรมการ สนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ และบัตรรับประทานอาหารฟรีวันธรรมดา จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 4 ท่าน มูลค่ารวมเป็นเงิน 5,600 บาท พร้อมถ้วยรางวัลดังต่อไปนี้ ถ้วยรางวัลชนะเลิศประเภททีม 1 รางวัล ถ้วยรางวัลชนะเลิศ Groos score 3 รางวัล ถ้วยรางวัลชนะเลิศ Net score 3 รางวัล ถ้วยรางวัลบู้บี้ 1 รางวัล และของรางวัลจากผู้สนับสนุนอีกมากมาย”   นายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า “เราและสมาชิกของ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม พร้อมสนับสนุนกิจกรรม การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ วันนี้ก็นำเอาไททรงดำมาฟ้อนเปิดงานแถลงข่าวด้วย ร้านโก้เท้บางเลน สนับสนุนเป็ดพะโล้  Fish Guroo สนับสนุนปลาสลิดทอด สวนสุขภาพเชตวัน ให้สถานที่เลี้ยงอาหารกลางวันผู้มาร่วมงาน สมาชิกท่านอื่นของเราก็สนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้อีกมาย”ประสิทธิ์ ภักดีพาณิชพงศ์ ประธานบริหารสนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ กล่าวถึงความพร้อมของสนามกอล์ฟแห่งนี้ ที่มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ

ชกทส. จังหวัดนครปฐม ร่วมกับ สธทท. แถลงข่าวกอล์ฟการกุศล เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟไดนาสตี้ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ ตำบลไผ่หูช้าง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม 

AVIYANA HUA HIN อัญมณีแห่งใหม่บนชายหาดชะอำ

เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว อวิญานา หัวหิน (AVIYANA HUA HIN) รีสอร์ทติดทะเลแห่งใหม่บนชายหาดชะอำ มีพื้นที่กว้างขวางถึง 14,400 ตารางเมตร ออกแบบทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะสำหรับคนทุกเจเนอเรชัน โดยเฉพาะคู่รัก และคนที่ชอบความเงียบสงบ เสมือนสวรรค์แห่งการพักผ่อน ผสมผสานการออกแบบในสไตล์โมเดิร์นและความสวยงามของธรรมชาติหาดทรายชายทะเลอย่างลงตัว

สระว่ายน้ำวิวพาโนรามาของ AVIYANA HUA HINคณะผู้บริหาร AVIYANA HUA HIN

คุณสุมาลี คูรานา (กลาง) CEO, คุณณิชาภัทร ศรีสำราญ Sales Executive (ขวา), คุณชาญชัย ปรีชา General Manager (ซ้าย)
คุณสุมาลี คูรานา CEO AVIYANA HUA HIN
ตัดริบบิ้นเปิดอย่างเป็นทางการ ในบรรยากาศแห่งความสุข เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2024 โดยครอบครัวของ CEO AVIYANA HUA HIN คุณสุมาลี คูรานา

AVIYANA HUA HIN ออกแบบในสไตล์โมเดิร์น ผสานธรรมชาติอันงดงามของอ่าวไทย มีจำนวน 115 ห้อง

ห้อง Superior ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 37 ห้อง

ห้อง Deluxe Sea View ขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 62 ห้อง

Oasis Beachfront Villa ขนาด 53 ตร.ม. จำนวน 8 ห้อง

Ambassador Suite แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 247 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (2 ห้อง)

Ocean View Suite แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 165 ตร.ม. จำนวน 3 ยูนิต (2 ห้อง)

ราคาเริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อคืน

มองเห็นวิวทะเลชะอำสุดชิวอยู่ใกล้แค่เอื้อม คู่รักที่กำลังมองหาบรรยากาศโรแมนติก AVIYANA HUA HIN คือคำตอบที่คุณกำลังมองหาอย่างแน่นอน ริมทะเลยามเย็นที่ AVIYANA HUA HIN ช่างโรแมนติกสุดๆ จริงๆ

ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม AVIYANA HUA HIN รังสรรค์เมนูมากมายให้ได้ลิ้มลอง ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วย 3 ห้องอาหารและบาร์  เริ่มจาก Pomelo All-Day Dining ที่ให้บริการทั้งบุฟเฟต์อาหารเช้า มื้อกลางวันและมื้อเย็น ในรูปแบบอะลาคาร์ท ไม่ว่าจะเป็นอาหารนานาชาติ เอเชีย ไทย และอาหารท้องถิ่น

ถัดมาคือ Miss T Beach Café สุดชิลล์ดื่มด่ำบรรยายริมทะเล ชมความงามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ให้บริการมื้อกลางวันและมื้อเย็นในแบบอะลาคาร์ท มีเมนูฟิวชั่นนานาชาติให้เลือกหลากหลาย และยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยให้กลายเป็นจานหรู เช่น กะปิ สาโท และใบชะคราม นำเสนอด้วยความหรูหราแบบอาหารยุโรปได้อย่างลงตัว

เมนู Pasta Sato Crab Meat เป็นหนึ่งในจานที่สะท้อนถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างอาหารทะเลและวัตถุดิบพื้นบ้าน โดยนำพาสต้าหมึกดำผัดกับเนื้อปู ใบชะคราม และสาโท เสิร์ฟคู่กับขนมปังกระเทียม สร้างมิติของรสชาติที่ซับซ้อน แตกต่างไปจากพาสต้าเดิมๆ อย่างสิ้นเชิง

จุดเด่นของเมนูนี้คือรสชาติที่ซับซ้อนจากเนื้อปูสด ผสานกับความหอมของสาโท เชฟของ AVIAYNA HUA HIN เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างใบชะคราม ซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านของชายฝั่งอ่าวไทย มาสร้างสรรค์ในจานอาหารยุโรปอย่างมีเอกลักษณ์ การนำสาโทและใบชะครามมาใช้ในเมนูพาสต้า ถือเป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมอาหารยุโรปและไทยอย่างลงตัว ห้ามพลาดชิมเด็ดขาดเลย

นอกจากนี้ AVIYANA HUA HIN มีพื้นที่รองรับการจัดงานในโอกาสพิเศษ อย่างห้องบอลรูม AVOWS เป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ สามารถรองรับแขกได้มากถึง 300 คน เหมาะสำหรับการจัดกิจกรรมสำคัญ เช่น พิธีหมั้น งานแต่งงานทั้งแบบไทย อินเดีย ตะวันตก รวมถึงการประชุมสัมมนา รวมถึงพื้นที่จัดงานกลางแจ้ง Siamara สำหรับจัดงานเลี้ยงส่วนตัวบนดาดฟ้า และยังมีสนามหญ้า 1,400 ตารางเมตร ที่เหมาะสำหรับกิจกรรมในบรรยากาศธรรมชาติด้วย

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ AVIYANA HUA HIN มีห้องฟิตเนสไว้ให้บริการลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการยืดกล้ามเนื้อ คาร์ดิโอ หรือบอดี้เวท และในอนาคตจะมีโซนสำหรับเด็กๆ ด้วย เช่น โซนของเล่น และมุมอ่านหนังสือ

สัมผัสการพักผ่อนอย่างมีระดับ ใกล้กรุงเทพฯ ที่อวิญานา หัวหิน (AVIYANA HUA HIN)

สอบถามเพิ่มเติม โทร. 032-512-311 

Instagram : @aviyanahuahin

 จองห้องพักได้ที่ : booking@aviyanahuahin.com

Website : https ://aviyanahuahin.com/

Facebook : Aviyana Hua Hin 

Ventisi TRAPPOLINI Wine Dinner with Cafe’ Buongiorno

ในโลกของไวน์ แน่นอนว่า “อิตาลี” ย่อมเป็นดินแดนในฝัน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีตั้งแต่ยุคกรีกโรมัน ภูมิประเทศ ลมฟ้าอากาศ และวัฒนธรรมของประเทศริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี้ ให้กำเนิดองุ่นท้องถิ่นกว่า 1,000 ชนิด ซึ่งไม่น้อยกว่า 300 ชนิดในจำนวนนั้น ได้รับการคัดสรรมาบ่มหมักเป็นไวน์ที่มี Character และ Unique มาก

วันนี้เราจะมาสัมผัสประสบการณ์พิเศษ กับไวน์ท้องถิ่นชั้นเลิศของอิตาลี จากไร่ TRAPPOLINI และ ARRIGONI ผู้มีประสบการณ์ยาวนานหลายชั่วอายุคน นำเข้ามาในประเทศไทยโดย Cafe’ Buongiorno บริษัทนำเข้า Boutique Wine จากทุกภาคของอิตาลี ให้เราลิ้มรสในบรรยากาศเป็นกันเอง ณ ห้องอาหาร Ventisi ชั้น 24 โรงแรม Centara Grand Central World
ไวน์และเมนูอาหารที่ paring ได้เข้ากันสุดๆ สำหรับค่ำคืนนี้ ขอต้อนรับสู่ความเลิศหรูของห้องอาหาร Ventisi ชั้น 24 โรงแรม Centara Grand Central World Bangkok Chef Andrea Montella แห่งห้องอาหาร Ventizi กล่าวถึงอาหารอิตาเลียนสไตล์ Tuscany ที่เสิร์ฟครั้งนี้ และไวน์มาตรฐานสูงจาก TRAPPOLINI Winery นำเข้าโดย Cafe’ Buongiorno (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News)Mr.Nicolas Loreau, Director of Food & Beverage กล่าวขอบคุณแขกทุกท่าน ที่มาร่วมรับประทานอาหารอิตาเลียนสุดพิเศษ และไวน์ชั้นเลิศในค่ำคืนนี้ (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News) เมื่อความหรูหรา มาบวกกับวิวสวยๆ อาหารอร่อยๆ และบริการอันอบอุ่น “ความสุข” จึงเกิดขึ้นที่ Ventisi (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News)พาคนพิเศษมานั่งดินเนอร์กัน ชมวิวสวยๆ ของมหานครกรุงเทพฯ มุมสูง ที่ห้องอาหาร Ventisi
Chef Andrea Montella บรรจงปรุงอาหารแบบอิตาเลียนภาคกลาง ไว้แพริ่งกับไวน์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว แค่เห็นเนื้อเซอร์ลอยน์ชิ้นใหญ่ๆ cook แบบ Medium Rare ก็น้ำลายสอแล้วฮะ (ภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา / เว็บไซต์ The Way News)

เรียกน้ำย่อยด้วย ขนมปังฟอคคาเซีย” (Focaccia) เนื้อนุ่มหนึบ กลิ่นหอมแป้งสาลีผสมน้ำมันมะกอก เป็นขนมปังคู่บ้านคนอิตาเลียน กินเมื่อไหร่ก็อร่อย มีเครื่องเคียงเป็นซอสถั่ว และมะเขือเทศคลุกน้ำมันมะกอก กินคู่กับ Sparkling Wine ชั้นเลิศจากภาคเหนือของอิตาลี Otello Prosecco DOC ของ ARRIGONI Vineyard ซึ่งเป็น Wine Producer เก่าแก่และมีชื่อเสียง ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1913 การจะเรียกไวน์ตัวใดว่าเป็น “โปรเซคโก้” (Prosecco) ได้ ต้องผลิตมาจากเขตโปรเซคโก้ ในแคว้นเวเนโต (Veneto) เท่านั้น Prosecco เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆในแคว้นนี้ นิยมใช้องุ่นพันธุ์ เกลียร่า (Glera) มาทำครับ

โปรเซคโก้จากเมืองเทรวิโซ่ (Treviso) ตัวนี้ มีความ Balance ของรสชาติเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเสิร์ฟเย็นเจี๊ยบ 8-10 องศาเซลเซียส เนื้อไวน์ละมุนสีเหลืองฟางอ่อน (Pale Straw) แอลกอฮอล์ต่ำ 11 เปอร์เซนต์ Body นุ่มลึก มีความ Extra Dry (หวานกลางๆ) เด่นด้วยกลิ่นดอกไม้ป่า อัลมอนต์ และแอปเปิลเขียวชัดเจน จิบแล้วทิ้งความหอมหวานไว้ทั่วปาก ไวน์ Body ไม่ Waxy เกินไป พรายฟอง (Bubbles) เล็กๆ เบาๆ ซู่ซ่ากำลังดี จิบเพลินARRIGONI Vineyard  เป็น Wine Producer ที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่กว่า 110 ปีแล้ว ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1913 ผลิตไวน์ต่อเนื่องกันมา 4 ชั่วอายุคน โดยเริ่มในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) และทัสคานี (Tuscany) ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่นในแคว้นเวเนโต (Veneto) ด้วย ซึ่งภูมิประเทศเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตไวน์ขาว เพราะอากาศเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำ พื้นที่เป็นภูเขา เนินเขา สลับทุ่งหญ้า กลางวันแดดเจิดจ้า กลางคืนหนาว เช้ามีหมอกพูดคุยสรวนเสเฮฮาเป็นกันเองที่ห้องอาหาร Ventisi มื้อนี้มี Italian Wine หายาก และอาหารอร่อยเติมเต็มความสุข
เมนูแรกวันนี้ เสิร์ฟมาพร้อมกันถึง 5 อย่าง portion เล็กๆ น่ารัก กระตุ้นน้ำย่อยได้ดีเลย ประกอบด้วย

Crostini Di Fegatini Di Pollo (ขนมปังครอสทินิ ท็อปปิ้งด้วยตับเป็ด)

Pizza Bianca Con La Mortadella Stracciatella E Il Pesto Di Pistacchio (พิซซ่าจิ๋วเนื้อแป้งขาวสไตล์ Rome สลับไส้เป็นชั้นๆ กับชีสและถั่วพิสตาชิโอ้เพสโต้)

Olive Schiacciate (มะกอกอิตาเลียนใส่พริกและยี่หร่า)

Zuppetta Di Lenticchie Di Castelluccio (ซุปถั่วเลนทิล เสิร์ฟในแก้วช็อต)

Suppli Al Telefono (รีซอตโต้เนื้อวัว ผสมมอสซาเรลล่าชีส และชีสนมแกะ 100 เปอร์เซนต์)

ทั้งหมดแพร่ิงกับไวน์ขาวสุดพิเศษ CROGNETO Bianco, Orveto Classico DOC ปี 2022 จากแคว้นอุมเบรีย

CROGNETO Bianco DOC ของ TRAPPOLINI เป็นไวน์ขาวตามแบบฉบับอิตาลีภาคกลางแท้ๆ เพราะใช้องุ่นพันธุ์ท้องถิ่นมา Blended กันถึง 5 ชนิด คือ Grechetto (องุ่นขาวที่กำเนิดจากกรีซ ปลูกมากในภาคกลางของอิตาลี นิยมใช้ blend), Procanico (องุ่นขาวที่ปลูกมากในแคว้นอุมเบรีย ออวิเอโต้ ลาซิโอ้ และเขตลาทิอุม-Latium เชื่อว่ากลายพันธุ์มาจากองุ่น Trebbiano Toscano ซึ่งมีความเปรี้ยวมาก นิยมใช้ผสมในการผลิตบรั่นดีและคอนญัค), Malvasia (องุ่นขาวที่ปลูกมากในแถบเมดิเตอร์เรเนียน นิยมใช้ blend), Drupeggio (องุ่นขาวที่ปลูกในอิตาลีภาคกลาง ใช้ผลิตไวน์ระดับ DOC) และ Verdello (องุ่นขาวที่ปลูกมาในแคว้นอุมเบรีย ใช้ผลิตไวน์ระดับ DOC) ทำให้ได้ไวน์ขาวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เข้มข้น ซับซ้อน นุ่มลึก ติดขมปลายลิ้นเล็กน้อย เนื้อไวน์สีเหลืองฟางอ่อน มีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ แอลกอฮอล์ 13 เปอร์เซนต์ ดื่มได้เพลินมาก Blended ยอดเยี่ยมTRAPPOLINI Vineyard เป็นไร่ไวน์เก่าแก่ที่ผลิตไวน์ชั้นเลิศมากว่า 3 ชั่วอายุคนแล้ว ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1961 โดยมีฐานการผลิตอยู่ในภาคกลางของอิตาลี ในดินแดนที่เป็น Landlock ไม่มีทางออกทะเลของแคว้นอุมเบรีย (Umbria) ใกล้เขตรอยต่อแคว้นลาซิโอ (Lazio-ที่ตั้งกรุง Rome) ความโดดเด่นคือ พวกเขายังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมในการบ่มหมักไวน์ และใช้องุ่นพันธุ์ท้องถิ่นของอิตาลีแทบจะร้อยเปอร์เซนต์ ซึ่งวันนี้มีทั้งไวน์ขาวและไวน์แดงให้เราลิ้มรส

ความพิเศษอีกอย่างของ TRAPPOLINI Wine คือเป็นไวน์สไตล์ภาคกลางของอิตาลี ที่ปลูกในเขต “ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน” แท้ คือมีแดดตลอดปี ฤดูร้อนจะร้อนแบบแห้งๆ ส่วนฤดูหนาวมีฝนตก ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีไม่เกิน 1,000 มิลลิเมตร ซึ่งดีต่อการเติบโตขององุ่นพันธุ์ท้องถิ่นจริงๆ ครับChef Andrea Montella บรรจงเตรียมเมนูถัดไปด้วยตัวเองคอร์สถัดมา Ricotta Cheese Dumpling” ปั้นเป็นก้อนกลม กินคู่กับซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิลฤดูร้อน น้ำซอสนุ่มนวล รสเค็มเล็กน้อย ความข้นมันกำลังดี ส่วนเนื้อรีคอตต้าชีสก็นุ่มละมุน ละลายในปากแบบไม่ต้องเคี้ยว กินคู่กับไวน์แดง ARCADIA CROGNETO ROSSO, Lazio IGT ปี 2020 มีความเปรี้ยวนำ แต่ smooth เสริมรสกันได้ยอดเยี่ยมRicotta Cheese Dumpling จริงๆ แล้วคือ “เวย์ชีส” (Whey Cheese) ซึ่งก็คือน้ำที่เหลือจากการผลิตชีส เรียกว่า “Whey” เป็นตัวเดียวกับเวย์โปรตีนที่เอาไปสกัดเป็นผงชงให้นักกีฬาหรือคนป่วยกิน คำว่า “Ricotta” แปลว่า “Recooked” โดยครั้งแรกเอาชีสไปต้มให้เหลือ Whey แล้วเอา Whey ไปต้มอีกครั้ง จนได้ตะกอนนิ่ม กลายเป็น Fresh Cheese พวกเดียวกับ Mozzarealla Cheese แต่เก็บได้นานกว่า เพราะเติมเกลือ และส่วนใหญ่เป็นโปรตีน ไม่มีครีม

Red Wine ARCADIA CROGNETO ROSSO, Lazio IGT ปี 2020 จากแคว้นลาซิโอ (Lazio) มีปริมาณแอลกอฮอล์กลางๆ 13.5 เปอร์เซนต์ blend ด้วยองุ่นชั้นเลิศ 2 สายพันธุ์ คือ “ซานโจเวเซ่” (Sangiovese) และ “มอนเตพูลชิอาโน่” (Montepulciano) ซึ่งเป็นพันธุ์องุ่นที่นิยมปลูกมากที่สุดอันดับ 1 และ 2 ในอิตาลี ทั้งคู่เป็นระดับเรือธง สำหรับองุ่น Sangiovese มีนิกเนมว่า “โลหิตแห่งพระเจ้า” ด้วยสีแดงเข้ม Full Body แบบไม่เกรงใจใคร รสชาติจัดจ้านด้วย Acidity (ความเปรี้ยว) ค่อนข้างสูง ทว่า Tannin smooth สะท้อนความเป็น Italian Wine ได้ดีสุดๆ

ส่วนองุ่น Montepulciano ชอบอากาศร้อน จึงปลูกมากในอิตาลีภาคกลางและภาคใต้ ให้น้ำไวน์ที่มีเนื้อสัมผัส กลิ่น และรสยอดเยี่ยม สีแดงราวกับผลเชอร์รี่ เนื้อใสมาก กลิ่นอบอวลด้วยผลไม้สีแดงและสีดำ ทั้ง Black Berry, Black Current, Raspberry, Dark Chocolate, วานิลลา, เชอร์รี่ และใบยาสูบ (Tobacco)

เมนูพระเอกในวันนี้คือ Tagliata Di Manzo, Flan Di Spinaci, Patate Fondenti  เนื้อวัวเซอร์ลอยน์ย่าง Medium Rare ชิ้นใหญ่ สไตล์ Tuscan กินคู่กับผักโขมอบ และมันฝรั่งนุ่ม นุ่มได้ใจละลายในปาก กับเนื้อเซอร์ลอยน์ชิ้นนี้ น้ำซอสเกรวี่ก็เข้ากันดี้ดี โรยพริกไทยดำป่นลงไปนิด ช่วยเพิ่มรสชาติเนื้อเซอร์ลอยน์ได้วิเศษเนื้อเซอร์ลอยน์ชั้นเลิศ ต้องจับคู่กับ Red Wine CUCCAIA ROSSO, IGT Toscana ปี 2022 ของ TRAPPOLINI ซึ่งใช้องุ่น 2 สายพันธุ์ blended กันอย่างยอดเยี่ยม คือ ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) 60 เปอร์เซนต์ และ แมร์โล (Merlot) 40 เปอร์เซนต์ แอลกอฮอล์กลางๆ 13 เปอร์เซนต์ แพร่ิงกับอาหารจำพวกเนื้อแดงได้ยอดเยี่ยม

ไวน์แดงตัวนี้จัดเป็น Super Tuscan Wine ที่ห้ามพลาด สีแดงทับทิมเข้มข้น กรุ่นกลิ่นหอมและรสของผลเบอร์รี่ป่า ลูกพลัม และมีกลิ่นรสเครื่องเทศชัดเจน โดยรวมถือเป็น Boutique Wine ที่ละมุน แทนนินลื่นดุจแพรไหม รักเลยครับ
ปิดท้ายด้วยขนมหวานอร่อยๆ Torta Pinolata พายสไตล์ Tuscan ไส้ถั่วและครีมทาร์ต กินเคียงกับไอศกรีมวานิลลาหวานชื่นใจมากตัวจบของอาหารอิตาเลียนจริงๆ ถ้าไม่ใช่ Sweet Wine ก็คือ “Limoncello” หรือน้ำเลมอนด์เข้มข้นสไตล์อิตาเลียน ทำจากเปลือกเลมอนด์สกัด ดื่มแล้วช่วยย่อยได้ดีสุดๆ ครับสนใจชิมไวน์ทั้ง 20 แคว้นของอิตาลี และสั่งซื้อไวน์อิตาเลียนหายาก ติดต่อ Cafe’ Buongiorno Tel. 06-2494-1649 (คุณพิม)Booking โต๊ะรับประทานอาหาร และชิม Italian Wine อย่างดีได้ที่ โทร. 02-100-6255

diningcgcw@chr.co.th