Liguria Wine Unforgettable Experiences @Ventisi Italian Restaurant, BKK

โอกาสพิเศษมาถึงอีกครั้ง เมื่อห้องอาหาร Ventisi ชั้น 24 โรงแรม Centara Grand Central World ซึ่งมีความโดดเด่นในการนำไวน์ชั้นเลิศจากแคว้นต่างๆ ของอิตาลี มาให้เราได้ชิม จับมือกับบริษัท Importer Italian Wine รายใหญ่ Cafe’ Buongiorno คัดสรรเฉพาะไวน์จากพื้นที่ UNESCO World Heritage Sites ของอิตาลีเท่านั้น Dinner สุดพิเศษ ที่มีไวน์จาก แคว้นลิกูเรีย (Liguria) จับคู่กับอาหารอิตาเลียนโดยเชฟชื่อดัง จึงเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2023
Italy เป็นประเทศที่คอไวน์ทั่วโลกให้การยอมรับ ว่าเป็นหนึ่งในเจ้าแห่งการผลิตไวน์ชั้นเลิศมานานหลายชั่วอายุคน  ทั้ง 20 แคว้นของอิตาลี มีองุ่นพันธุ์ท้องถิ่นอยู่มากกว่า 300 ชนิด อันเกิดจากภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่ร้อนจัดในฤดูร้อน และมีฝนตกมากในฤดูหนาว ผสานกับดิน หิน แร่ธาตุ และวิธีการบ่มหมักไวน์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้โลกของ Italian Wine เต็มไปด้วยเสน่ห์ น่าค้นหา เปรียบเหมือนการผจญภัยไม่สิ้นสุดสำหรับนักดื่ม โดยเฉพาะไวน์ทางภาคเหนือของอิตาลีที่ แคว้นลิกูเรีย (Liguria) นั้น ถือเป็นอาณาจักรของไวน์ขาว ที่ปลูกอยู่ตามเชิงเขาแอลป์ กั้นพรมแดนแคว้นโปรวองซ์ในฝรั่งเศสด้วย

Liguria เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี  ได้ชื่อว่า “Italian Riviera” เพราะเป็นเมืองตากอากาศชายทะเล ที่มีภูมิทัศน์สวยที่สุดทางภาคเหนือ มีแดดมากถึง 300 วันต่อปี เราจะเห็นภาพชายฝั่งทะเลยาวเหยียด ชายหาด ร่ม คนนอนอาบแดด ผาหิน และหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งด้านหลังเป็นไร่องุ่นปลูกอยู่บนเชิงผาหินปูนลาดชัน ในแบบ Cliff Vineyard หรือ Terrace Vineyard ทำให้มีความยากในการปลูก ดูแล และเก็บเกี่ยวด้วยมือล้วนๆ Liguria Wine จึงได้ฉายาว่าเป็น “Heroic Wine” (ไวน์ของผู้กล้า) เลยทีเดียว

แคว้น Liguria ทอดตัวเป็นแนวยาวตะวันออก-ตะวันตก ต่อเนื่องเข้าสู่ French Riviera ของฝรั่งเศส  ตัวแคว้น Liguria แบ่งออกเป็น 4 จังหวัด ไล่จากตะวันออกไปตะวันตก คือ ลา สเปเซีย (La Spezia), เจนัว (Genoa), ซาโวนา (Savona) และอิมพีเรีย (Imperia) โดยมีเจนัวเป็นเมืองหลวง หากจะแบ่งโซนไวน์คร่าวๆ โดยใช้เจนัวเป็นจุดกึ่งกลาง ทางทิศตะวันออก คือ La Spezia และ Genoa จะเด่นเรื่องไวน์ขาว ส่วนทางทิศตะวันตกที่ Savona และ Imperia จะเด่นเรื่องไวน์แดง โดยไวน์ขาว Signature ของ Liguria คือพันธุ์ Vermentino, Bosco และ Albarola ส่วนไวน์แดงตัว Top คือ Rossese และ Dolcetto (หรือ Ormeasco)

แต่ด้วยความที่ Liguria เป็นดินแดนที่ถูกห้อมล้อมด้วยแคว้นมากมายโดยรอบ องุ่นหลายสายพันธุ์จึงมีกระจายปลูกออกไป และเรียกชื่อต่างกันแม้จะเป็นพันธุ์เดียวกัน เช่น พันธุ์ Vermentino จริงๆ แล้วใน Liguria เรียกว่า “Pigato” ในฝรั่งเศสเรียก “Rolle” ในแคว้น Piedmont ทางตอนเหนือของ Liguria เรียก “Favorita” และที่เกาะ Sardinia เรียกว่า “Vermentino” เป็นต้น

Character ของไวน์ขาวในแคว้น Liguria จะมีความเปรี้ยวซ่ามากแบบจี๊ดจ๊าด ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นและสนุกสนาน สีมักเป็นสีเหลืองฟางอ่อนๆ (Pale Straw Yellow) ไปจนถึงสีเหลืองทอง (Gold Yellow) มีกลิ่นหอมของผลไม้และดอกไม้ป่าชัดเจน ร่วมกับกลิ่นมะนาว (Lime) และแอปเปิลเขียว (Green Apple) รสชาติมักติดขมนิดๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ บางคนบอกว่ามีสีและรสชาติคล้าย Sauvignon Blanc (โซวีญง บล็อง) แต่จัดจ้านกว่ามาก

มาตรฐานไวน์ของ Liguria มีทั้ง DOCG, DOC, IGT, VDT แต่ที่มีมากสุดน่าจะเป็นกลุ่ม DOC เพราะใช้สายพันธุ์องุ่นท้องถิ่น ปลูกในพื้นที่เฉพาะ จึงได้ไวน์ชั้นเลิศที่มีจำนวนผลิตครั้งละไม่มาก หายาก ราคาสูง และรสชาติไม่เหมือนใคร เช่น Cinque Terre DOC ผลิตอยู่เฉพาะใน 5 หมู่บ้านริมทะเลของจังหวัด La Spezia เท่านั้น และต้องบ่มหมักอย่างน้อย 2 ปี ถึงจะนำออกจำหน่ายได้ แต่ถ้าเก็บไว้ถึง 4 ปี เขาว่ารสชาติจะ peak ดีมาก / Colli di Luni DOC เป็นไวน์ขาวและไวน์แดงชั้นเลิศ มีเฉพาะในแคว้น Tuscany และ Liguria เท่านั้น / Rossese di Dolceacqua DOC ผลิตอยู่เฉพาะในพื้นที่เล็กๆ ทางตะวันตกสุดของ Liguria ติดพรมแดนฝรั่งเศส เป็นต้น ส่วนไวน์หวาน (Dessert Wine) คน Liguria ก็ชื่นชอบ มักผลิตโดยใช้องุ่น 3 สายพันธุ์ blend กัน ทั้ง Pigato, Bosco และ Albarola

Chef Andrea Montella ชาวอิตาเลียน ผู้มากประสบการณ์ พร้อมทีมงานห้องอาหาร Ventisi มารังสรรค์อาหารอิตาเลียนสไตล์ Liguria เข้าคู่กับ Liguria Wine ได้ลงตัววิวหลักล้าน ดูพระอาทิตย์ตกใจกลางกรุงเทพฯ จากห้องอาหาร Ventisi ชั้น 24 โรงแรม Centara Grand Central World
บรรยากาศโรแมนติก นั่งจิบไวน์อิตาเลียนเคล้าวิวพระอาทิตย์ตก ชิมอาหารอิตาเลียนแท้ ที่ห้องอาหาร Ventisi (ขอบคุณภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา The Way News.com)ห้องอาหารอิตาเลียน Ventisi ในบรรยากาศหรูหรา มีชีวิตชีวา เหมาะมาพบปะสังสรรค์กัน (ขอบคุณภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา The Way News.com) ความโอ่โถง ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ที่ ห้องอาหาร Ventisi (ขอบคุณภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา The Way News.com) Cooking Corner ของเชฟและผู้ช่วย เปิดโอกาสให้เราเห็นขั้นตอนการเตรียมอาหารได้ใกล้ชิดที่ Ventisi (ขอบคุณภาพจาก : คุณสุเทพ ช่วยปัญญา The Way News.com)เมนูค่ำคืนนี้มี 4 คอร์ส  คอร์สเรียกน้ำย่อยเน้น Seafood เพื่อสะท้อนภูมิประเทศติดทะเลของ Liguria / คอร์สถัดมาเป็น Homemade Pasta / Main Course เสิร์ฟโรลเนื้อลูกวัว / ปิดท้ายด้วยขนมหวาน Genoa Cake ซึ่งแต่ละคอร์สมี Liguria Wine จับคู่ไว้อย่างพิถีพิถันเริ่มเรียกน้ำย่อยกับขนมปังโฮลวีทเนื้อนุ่ม กินคู่กับ Sparkling Wine ชั้นดีอย่าง Blanche Arrigoni Millesimato PAS DOSE’  เมนูเรียกน้ำย่อยหลากหลายดี  มีหมึกยักษ์คลุกน้ำมันมะกอกและสมุนไพร, แผ่นมันฝรั่งทอด, ซุปถั่วลูกไก่ (Chickpea & Bean Soup), แป้งฟอคคาเซียทอด ไส้ Stracchino Cheese และเนื้อลูกปลาชุบแป้งทอด

กินคู่กับไวน์ Blanche Arrigoni Millesimato PAS DOSE’ ปี 2018 Sparkling Wine แอลกอฮอล์นุ่ม 12.5% Body บางเบา ไวน์ตัวนี้จัดอยู่ในมาตรฐานสูงระดับ Colli di Luni DOC  ผลิตเฉพาะในแคว้น Liguria และ Tuscany เท่านั้น ใช้องุ่นพันธุ์ Pigato (หรือ Vermentino)ให้สีเหลืองฟางอ่อนๆ (Pale Straw Yellow) รสชาติต้องบอกเลยว่าเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ให้ความรู้สึกซาบซ่า และมีความ Dry (หวานน้อย) เมื่อกลืนหมดแล้วจะทิ้งความหอมหวานไว้ในปาก แถมยังมีความขม (Bitter) นิดๆ ติดอยู่ที่โคนลิ้นด้วย แปลกดี นี่คือเอกลักษณ์ของ Liguria Wine ส่วนกลิ่นก็มีความผสมผสานของมะนาว (Lime) แอปเปิลเขียว (Green Aplle) และกลิ่นหินปูนแห้งๆ (Dry Limestone) ชัดเจนมาก เป็นคุณลักษณะเฉพาะ เสิร์ฟที่อุณหภูมิไม่เกิน 10-12 องศาเซลเซียส ดื่มสดชื่น ช่วยเสริมรสชาติ Seafood เรียกน้ำย่อยดีมาก

จานถัดมาก็เน้นแป้งตามสไตล์คน Liguria “เส้นพาสต้า Homemade” ปั้นเป็นเส้นผอมๆ ยาวๆ เนื้อแน่นนุ่มหนึบสู้ปาก ราดเพสโต้ซอส (Pesto Sauce) หรือ Green Sauce ตามแบบฉบับ Liguria แท้ๆ เพราะใช้ใบโหระพาฝรั่ง (Basil) เป็นหลัก ตามที่เขาเคลมว่า Liguria มีใบโหระพาฝรั่งอร่อยที่สุดในโลก! (ต้องลองชิมกันเองนะครับ) ส่วนผสมของ Pesto ตัวนี้จะไม่มีเนื้อสัตว์อยู่เลย คนที่กิน vegetarian จึงกินได้ ประกอบด้วย ใบโหระพาฝรั่ง เกลือ กระเทียม น้ำมันมะกอก ถั่วบด คลุกเคล้าให้เข้ากัน เวลากินก็โรยหน้าด้วยพาร์เมซานชีส (Parmesan Cheese) ฝอยๆ เพิ่มความอร่อยได้หลายเท่า ข้อดีของเมนูนี้คือซอส Pesto ไม่มันเกินไป อีกทั้งเสิร์ฟมาปริมาณกำลังดี เหลือท้องไว้สำหรับ Main Cause ที่กำลังตามมา

ไวน์ขาวที่ช่วยเสริมรสชาติพาสต้า หรือตัดเลี่ยนได้ยอดเยี่ยม คือไวน์ขาวมาตรฐานสูง Colli di Luni DOC ปี 2021 ของผู้ผลิตที่มีประวัติยาวนานในไร่องุ่น Rosadimaggio ไวน์ขาวตัวนี้ชื่อ Vermentino Superiore แอลกอฮอล์ 13.5% เหมาะในการเริ่มต้นมื้ออาหาร กินดื่มสังสรรค์ ดื่มแล้วสดชื่น ไม่มึนเร็ว ผลิตโดยใช้องุ่นพันธุ์ Vermentino (หรือ Pigato) 100% น้ำไวน์สีเหลืองทอง (Gold Yellow) กลิ่นหอมผลไม้และดอกไม้ป่าชัดเจน ผสานกลิ่นมะนาว (Lime) แอปเปิลเขียว (Green Apple) อัลมอนด์ (Almond) และส้มตระกูลเกรปฟรุต (Grapefruit) จิบแล้วเปรี้ยวกลางๆ รู้สึกถึง Body ที่นุ่มเบา แต่มีความ Waxy นิดๆ อีกทั้งยังให้รสและกลิ่นพริกไทย (Pepper) อ่อนๆ ทิ้งไว้ในปากอย่างชัดเจน ผมชอบมากในความนุ่ม และ Balance ของกลิ่นรสที่รังสรรค์ได้ลงตัวจริงๆ
Main Course วันนี้ คือ “เนื้อลูกวัวย่าง” โดยแล่เป็นแผ่นบางแล้วนำมาม้วนกับสมุนไพรอิตาเลียน เห็ด และถั่วไพน์ จากนั้นทำให้สุกแบบ Slow Cook ราดซอสซึ่งใช้เนื้อและกระดูกวัวตุ๋นนานมาก ให้ texture นุ่ม ออกมาเป็นน้ำเกรวี่รสเค็ม กินคู่กับมันฝรั่งทอด Homemade หั่นเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว Deep Fried โรยด้วยพาร์เมซานชีส พริกไทย และออริกาโน่นิดหน่อย ช่วยเพิ่มรสชาติ ถ้าใครที่ชอบกินเนื้อนุ่มๆ ละเอียด แบบไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก ก็คงจะชอบเมนูนี้ แต่ผมว่ารสชาติของซอสอาจจะเค็มโด่งไปหน่อยครับแน่นอนว่าเมื่อมี Main Course เป็นเนื้อลูกวัว ก็ต้องจับคู่กับไวน์แดงอย่าง O di Giotto, Liguria di Levante มาตรฐาน IGP เป็น Rosso Wine ปี 2020 ผลิตโดย Arrigoni ไร่องุ่นที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1913 ตัวนี้จัดเป็น Rosso Young Wine (ไวน์ใหม่) ซึ่งจับคู่กับอาหารได้หลากหลาย คนที่คุ้นลิ้นกับ Italian Wine จากภาคกลางและภาคใต้ อย่าง Sangiovege และ Cabernet Sauvignon  ของแคว้น Tuscany หรือ Primitivo ของแคว้น Puglia ก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ เมื่อดื่มไวน์แดงตัวนี้ครั้งแรก จึงอยากจะขอให้เปิดใจ เพื่อเข้าใจ character ของไวน์แดงภาคเหนือดูนะครับ น้ำไวน์ขวดนี้สีแดงทับทิมเข้ม (Deep Ruby) แอลกอฮอล์กลางๆ 13.5% Body นุ่มลึก ไม่หนักเกินไป กลิ่นซับซ้อนอบอวลผลไม้ตระกูล Black Berry เจือกลิ่นรส Tannin ที่ balance ดี ยิ่งถ้าได้เปิดทิ้งไว้ก่อนเสิร์ฟสัก 1 ชั่วโมง (Decanting) กลิ่นรสจะนุ่มขึ้นอีก ไวน์ตัวนี้หวานน้อย (Dry) ดื่มได้เรื่อยๆ เข้าคู่กับเนื้อลูกวัวดีเลยของหวานปิดท้ายน่าประทับใจ เป็นเค้กผลไม้สไตล์ Liguria เรียกว่า “แพนโดลเช” (Pandolce) หรือ “เจนัวเค้ก” (Genoa Cake) เนื้อเค้กอัดตัวกันแน่น แต่ก็มีความซุยอยู่ด้านใน รสหวานอ่อนๆ มีผลไม้แห้งหลายชนิดผสมเพิ่มรสชาติและ texture ทั้งลูกเกด อัลมอนด์ เชอร์รี่ เปลือกส้ม กินคู่กับไอศกรีมวานิลลา ยิ้มได้ทุกคำที่ตักใส่ปาก

ไวน์หวาน (Dessert Wine) ที่กินคู่กับ Genoa Cake คือ Sciacchetra Cinque Terre ไวน์ชั้นเยี่ยมหายากจากปี 2006 ผลิตโดย Rosadimaggio ไร่องุ่นที่ผลิตไวน์มานานเกิน 100 ปี ในจังหวัด La Spezia ทางตะวันออกของ Liguria จัดเป็นไวน์ตัวแรกๆ ซึ่งได้รับมาตรฐาน DOC ของเขต La Spezia ผลิตโดย blend องุ่น 3 สายพันธุ์เข้าด้วยกันตามธรรมเนียม คือ Pigato, Albarola และ Bosco ถือเป็นไวน์ที่ค่อนข้างมีจำนวนจำกัด (Limited) เพราะปลูก ดูแล เก็บเกี่ยวด้วยมือล้วนๆ อีกทั้งปลูกอยู่บนผาชันริมทะเลแบบ Cliff  Vineyard ด้วย

การผลิตใช้เวลายาวนานพิเศษ โดยคัดองุ่นคุณภาพดีมาผึ่งให้แห้งอย่างช้าๆ ในที่ร่ม ไม่ใช่ผึ่งแดดจัดให้แห้งเร็ว ข้อดีของการผึ่งให้แห้งช้า คือน้ำตาลในผลองุ่นจะรวมตัวกันแน่นเข้มข้นกว่าปกติ เมื่อนำมาบ่มหมักจึงได้น้ำไวน์สีเหลืองอำพันใส (Amber Yellow) บ้างก็ว่าสีเหมือนน้ำหวานของดอกไม้ (Nectar Yellow) ส่วนกลิ่นก็มีความเฉพาะตัว มีกลิ่นน้ำผึ้งและแอปปริคอต บวกกับความหวานระดับกำลังดี กลิ่นแอลกอฮอล์ไม่ฉุนขึ้นแสบจมูก เพราะมีแอลกอฮอล์เพียง 14% จิบแล้ว รสชาตินุ่มดี Body มีความ Waxy ทิ้งความหอมหวานไว้ในปากยาวนาน  เสิร์ฟที่อุณหภูมิ 18-20 องศาเซลเซียส จะอร่อยที่สุดSPECIAL THANKS
สนใจชิมไวน์ทั้ง 20 แคว้นของอิตาลี และสั่งซื้อไวน์อิตาเลียนหายาก ติดต่อ Cafe’ Buongiorno Tel. 06-2494-1649 (คุณพิม)

Booking โต๊ะรับประทานอาหาร และชิม Italian Wine อย่างดีได้ที่ โทร. 02-100-6255

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *