เที่ยวเมืองไก่ขันวันแสนสุข ลำปาง

%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-5

ชวนกันไปเที่ยว ลำปางเขลางค์นคร เมืองไก่ขาวแห่งล้านนาที่บรรจุไว้ด้วยมนต์เสน่ห์เมืองเหนือ ครบครัน ทั้งธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และกิจกรรมสนุกๆ โดยเฉพาะวัดวาอารามเก่าแก่ ที่ได้รับอิทธิพลจากพม่าหรือไทยใหญ่ เอกลักษณ์โดดเด่นของลำปางคือการนั่งรถม้าแอ่วเมือง ตระเวนเที่ยวชมความงามของบ้านเรือนโบราณ และถนนคนเดินอันเนิบช้า ที่ใครๆ ก็ต้องหลงรัก%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-1

กาดกองต้า (ตลาดจีนเก่า) เป็นชุมชนโบราณเลียบแม่น้ำวัง ที่กำเนิดขึ้นจากการเป็นศูนย์กลางค้าขาย มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ครั้งที่ลำปางเคยเป็นศูนย์กลางสัมปทานทำไม้สัก จึงมีคนอังกฤษ, พม่า, จีน เข้ามาอาศัยจำนวนมาก คนจีนชวนกันเปิดร้านขายของ ส่วนคนอังกฤษก็ทำธุรกิจค้าไม้สัก สร้างบ้านพักอยู่ที่นี่ โดยจ้างหัวหน้าคนงานเป็นชาวพม่า และอาศัยแม่น้ำวังเป็นเส้นทางล่องไม้ซุงลงสู่นครสวรรค์และบางกอก %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-2 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-3

โรงเรียนสอนทำตุงแบบโบราณล้านนา ที่กาดกองต้าลำปาง%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-4 %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-5

ทุกวันนี้กาดกองต้าน่าเที่ยวน่าเดิน พาตัวเองย้อนเข้าสู่บรรยากาศอดีต ชื่นชมบ้านเรือนเก่าๆ อายุนับร้อยปี มีทั้งเรือนไม้ร้านตลาด และเรือนไม้สไตล์ขนมปังขิงอังกฤษ จุดเด่นคือการฉลุลายไม้ตามประตู หน้าต่าง ชายคา และช่องลม อย่างละเอียดสวยงาม มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ปัจจุบันนี้ทุกคืนวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลาประมาณห้าโมงเย็นไปจนถึงสี่ห้าทุ่ม กาดกองต้าจะเปิดเป็นถนนคนเดินชิลชิล ยาวเหยียดเกือบ 2 กิโลเมตร ละลานตาด้วยสินค้าพื้นเมืองเก๋ๆ นานาชนิด เดินชมการแสดงพื้นเมือง ชิมอาหารอร่อย แล้วเข้าไปนั่งพักในร้านเรือนไม้ตกแต่งน่ารัก สไตล์เอาใจวัยรุ่น ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวคนจะยิ่งแน่น %e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-6

ชามตราไก่ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลำปาง หาซื้อได้เพียบที่กาดกองต้า%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-7

การแสดงพื้นเมืองของสาวน้อยน่ารัก ที่กาดกองต้า%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-8 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-1

บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ชวนกันไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน แหล่งธรรมชาติแสนบริสุทธิ์เพื่อการพักผ่อน แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ 9 บ่อ ในพื้นที่ 3 ไร่ ทั้งใหญ่และเล็ก โดยมีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ โชยขึ้นมาจากบ่อไอน้ำลอยกรุ่นตลอดเวลา ยามเช้าตรู่เมื่อไอร้อนกระทบกับอากาศเย็น จะเกิดกลุ่มหมอกลอยอ้อยอิ่ง น้ำพุร้อนนี้มีอุณหภูมิราวๆ 73 องศาเซลเซียส คนนิยมนำไข่ไก่มาแช่ประมาณ 17 นาที ไข่แดงก็จะแข็งมีรสชาติมันอร่อย และไข่ขาวจะเหลวคล้ายไข่เต่า ส่วนในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะพบจักจั่นนับหมื่นตัวในบริเวณน้ำพุ เชื่อว่าจักจั่นหลังจากผสมพันธุ์แล้วก็จะมาดื่มกินน้ำแร่ก่อนตาย

%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-2 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-3 %e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-4

การอาบน้ำแร่ที่นี่ มีทั้งห้องเดี่ยว ค่าบริการ 50 บาท/คน หรือห้องรวมแต่แยกชาย-หญิง ค่าบริการ 20 บาท/คน และมีบ่อกลางแจ้งคล้ายสระน้ำ ค่าบริการ 10 บาท/คน เปิดเวลา 08.00-17.00 น. อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทร. 0-5438-0000, 08-9851-3355 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-1

ในจังหวัดลำปางคงไม่มีพุทธสถานแห่งใดจะยิ่งใหญ่และสำคัญเท่า “พระธาตุลำปางหลวง” อีกแล้ว เพราะเป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณซากเมืองโบราณลัมพกัปปะนคร พระนางจามเทวีเคยเสด็จมานมัสการ แล้วทำการบูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอ จึงถือเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ มีความสวยงาม และยอดเยี่ยมทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม โดยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วดอนเต้า อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวลำปางทั้งมวล %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-2 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-3 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-4 %e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%98%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87-5

นอกจากนี้ในวิหารเล็กด้านหลังองค์พระธาตุ ยังปรากฏสิ่งมหัศจรรย์ Unseen ล้านนา คือ “พระธาตุหัวกลับ ซึ่งก็คือเงาแสงสะท้อนขององค์พระธาตุ ที่ลอดผ่านช่องแตกของประตูวิหารเล็กเข้าสู่ห้องภายในที่มืดสนิท ปัจจุบันมีการนำผ้าขาวผืนใหญ่ขึงไว้ด้านใน ให้เงาสะท้อนนี้ทาบลงจึงเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น วัดพระธาตุลำปางหลวงตั้งอยู่ที่อำเภอเกาะคา ห่างจากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 18 กิโลเมตร ติดต่อ โทร. 0-5432-8327 %e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87-1

ลำปางได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรถม้า เพราะเป็นจังหวัดเดียวในเมืองไทยที่ยังคงมีรถม้าวิ่งอยู่ ไม่ต่างจากรถแท็กซี่ในเมืองกรุง แต่รถม้าลำปางเก๋กว่าเยอะ เพราะเป็นพาหนะเนิบช้าที่ไม่ก่อมลพิษสักนิด เวลานั่งจะได้ยินแค่เสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นถนน ดังกุบกับๆ เบาะนั่งก็กว้างขวางนุ่มสบาย เป็นรถเปิดประทุน นั่งได้คันละ 2 คน พาเราแอ่วเมืองลำปางทุกวัน แต่อากาศจะเย็นสบายมากที่สุดช่วงเช้าและเย็นแดดร่มลมตก เขามีบริการพาชมเมืองวงรอบเล็ก 150 บาท 25-30 นาที, รอบเมืองกลาง 200-300 บาท 45 นาที-1 ชั่วโมง รอบเมืองใหญ่ 500 บาท 1.30-2 ชั่วโมง หรือเช่าชั่วโมงละ 300 บาท คิวจอดรถม้าอยู่ที่หน้าศาลากลางหลังเก่า ระหว่าง 05.00-20.00 น. ส่วนคิวหน้าโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง โรงแรมเวียงลคอร และโรงแรมลำปางเวียงทอง มีบริการเวลา 05.00-21.00 น.

%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%87-2 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-1

ลำปางเป็นเมืองแห่งตำนานไก่ขาว สมัยที่ยังมีชื่อเดิมของเมืองว่า “กุกกุฏนคร” เล่ากันว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ที่เมืองนี้ พระอินทร์จึงจำแลงองค์ลงมาเป็นไก่ขาว เพื่อขันปลุกชาวเมืองทุกเช้า ให้ตื่นขึ้นมาตักบาตรพระพุทธองค์ ไก่ขาวจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของลำปาง เช่นเดียวกับที่ไปปรากฏอยู่บน “ชามตราไก่” อันมีเอกลักษณ์ แหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่ โรงงานเซรามิคธนบดี อำเภอเมืองลำปาง โทร. 0-5482-1558, 0-5435-1099 www.dhanabadee.com

%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-2 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-3 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-4 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-5 %e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-6

เตามังกรอันเก่าแก่ ของโรงงานเซรามิคธนบดี
%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%94%e0%b8%b5-7

พิพิธภัณฑ์บอกเล่าอดีตความเป็นมา ของโรงงานเซรามิคธนบดี%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-1

ถ้าจะเรียกว่าลำปางเป็นเมืองแห่งวัดไม่แพ้เชียงใหม่ก็คงไม่ผิดนัก เพราะทั่วเมืองมีวัดน้อยใหญ่อยู่นับ ร้อยแห่ง หนึ่งในนั้นคือ “วัดปงสนุก” วัดโบราณอายุกว่า 1,328 ปี ที่ได้รับรางวัล Award of Merit จาก UNESCO เมื่อ ค.ศ. 2008 สาขาการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามโครงการ 2008 Asia-Pacific Heritage Award for Cultural Heritage Conservation %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-2

วัดปงสนุก ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง เป็นวัดสำคัญคู่เมืองเขลางค์นครมาช้านาน สร้างขึ้นสมัยที่เจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (ลำพูน) ผู้เสด็จมาสร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) เมื่อ พ.ศ. 1223 จึงเป็นสถานที่ตั้งเสาหลักเมืองอันแรกของลำปาง ซึ่งยังคงพบเห็นได้ตราบทุกวันนี้ ความโดดเด่นของวัดปงสนุกคือมีพุทธศิลป์อันงดงามอ่อนช้อย ไล่ตั้งแต่บันไดนาคขึ้นไปลอดซุ้มประตูโขงเข้าวัด จนถึงวิหารพระเจ้าพันองค์ (หรือวิหาร 12 ราศี, วิหารสะเดาะเคราะห์) ที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ภายในมีพระพุทธรูปสี่องค์หันพระพักตร์ไปสี่ทิศ พร้อมด้วยการแกะสลักลายไม้เป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรพิสดาร %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-3 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%81-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-1

เชื่อหรือไม่ว่า ก่อนที่พระแก้วมรกตจะได้มาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้วในกรุงเทพฯ เหมือนปัจจุบัน ได้เคยประดิษฐานอยู่ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม” อยู่นานถึง 575 ปี (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 1979)

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-3

วัดพระแก้วดอนเต้าฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง เป็นวันเก่าแก่นับพันปี จุดเด่นคือองค์พระแก้วดอนเต้าและวิหารที่ได้รับอิทธิพลพม่า รวมถึงเขตติดต่อกันเป็นบ้านเก่าของนางสุชาดา มีตำนานเล่าว่า นางสุชาดาได้พบแก้วมรกตในแตงโม (หมากเต้า) จึงนำมาถวายพระเถระ ท่านจึงจ้างช่างให้แกะสลักเป็นพระพุทธรูป ซึ่งก็คือพระแก้วดอนเต้า และต่อมาได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุลำปางหลวง เพราะมีผู้ไปฟ้องเจ้าเมืองลำปาง กล่าวหาว่าพระเถระและนางสุชาดาเป็นชู้กัน เจ้าเมืองลำปางจึงให้จับนางสุชาดาไปประหารชีวิต! ส่วนพระเถระองค์ได้อัญเชิญพระแก้วดอนเต้าหนีไปฝากไว้ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงจนถึงปัจจุบัน ต่อมาภายหลังความจริงปรากฏว่าทั้งสองบริสุทธิ์ จึงมีผู้เห็นคุณงามความดีของนาง ได้บรินาคเงินสร้างวัดเล็กๆ ขึ้นในบริเวณบ้านของนาง และยังมีอนุสาวรีย์นางสุชาดายืนอุ้มลูกแตงโม ให้เราไปสักการะจนถึงทุกวันนี้ %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%b2-5 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-1

ชวนกันไปกราบพระที่ “วัดไหล่หินหลวง” หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังเรื่องสุริโยทัย แต่บางคนก็ว่าวัดนี้มีอาถรรพ์ เพราะช่างคนใดที่ไปรื้อกำแพงรอบวัดเพื่อบูรณะ ก็จะต้องประสบเภทภัยที่คนเหนือเรียกว่า “ขึด” (ประหลาด) ทุกครั้งที่จะบูรณะจึงต้องมีการจัดพิธี “แก้ขึด” ก่อน

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-2 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-3

วัดไหล่หินหลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา ห่างจากตัวเมืองลำปาง 18 กิโลเมตร และห่างจากพระธาตุลำปางหลวงเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น แม้วันนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็โบราณมาก คือสร้างในสมัยพระนารายณ์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2226 มาเที่ยววัดนี้แล้วห้ามพลาดชมวิหารหลังเล็ก ซึ่งบรรจุสุดยอดศิลปกรรมปูนปั้นโดยช่างลำปางเอาไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ซุ้มประตูเข้าด้านหน้าอันวิจิตร ไปจนถึงตัววิหารไม้ที่มีการจำหลักลวดลายละเอียดยิบจนเราต้องตะลึง! แถมยังประดับด้วยกระจกสีอีก ประวัติว่าสร้างขึ้นสมัยเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้ายนั่นเอง

%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-5 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%99-6

ไม้ค้ำโพธิ์ ตามความเชื่อของชาวล้านา ที่วัดไหล่หินหลวง%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-1

สะพานรัษฎาภิเศก หรือสะพานขาว ถือเป็น Landmark สัญลักษณ์สำคัญของเมืองลำปาง มานานแล้ว มีลักษณะเป็นสะพานปูนขนาดใหญ่ ทรงโค้งสี่โค้ง (คนลำปางเรียก “ขัวสี่โก๊ง”) ข้ามแม่น้ำวัง โดยอยู่ติดกับทางเข้าตลาดจีนเก่า หรือกาดกองต้านั่นเอง เดิมสะพานนี้เป็นโครงไม้ที่เจ้านรนันทไชยชวลิต เจ้าผู้ครองนครลำปางสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวาระที่รัชกาลที่ 5 ทรงครองราชย์ครบ 25 ปี เมื่อ พ.ศ. 2437 ต่อมาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ได้ทาสีพรางตาเพื่อไม่ให้เครื่องบินเห็น จึงรอดจากการโจมตีทิ้งระเบิดมาได้! จากนั้นจึงมีการสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ. 2460 เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณหัวสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาวและครุฑหลวงประดับไว้ บ่งบอกถึงคุณค่าความสำคัญ %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-2 %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-3 %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b2-4

ตอนเช้าๆ ตรงเชิงสะพานรัษฎาภิเศก จะมีกาดเช้า (ตลาดเช้า) อันแสนคึกคัก เต็มไปด้วยของกินอร่อย และของใช้พื้นบ้านนานาชนิด ผู้คนคึกคัก อากาศสดชื่น มีพระเดินบิณฑบาตรด้วย รีบตื่นเช้าๆ ไปชมกันเถอะ

จากนครพนม-เวียดนาม Beauty of the Far East

%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e-%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%a1-1

สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวจากไทยสู่อาเซียนด้านทิศตะวันออก คงจะไม่มีเส้นทางไหนฮิตเกินจาก จังหวัดนครพนม-ลาว-เวียดนามกลาง เพราะเป็นเสมือน ‘ประตูสู่อาเซียนแห่งใหม่’ หลังจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 เปิดใช้ ก็ช่วยให้คนสามประเทศนี้ไปมาหาสู่กันสะดวกยิ่งขึ้น %e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e-%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%a1-2

เส้นทางเชื่อมโยง 3 ประเทศนี้มีศักภาพสูงมาก อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย แต่ที่พิเศษจริงๆ คือระยะทางยาวเพียง 367 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางขาไปแค่ 1 วันเท่านั้น เริ่มจากจังหวัดนครพนม ขับรถข้ามแม่น้ำโขงโดยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เข้าสู่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว แล้วเข้าสู่เวียดนามทางด่านน้ำพาว-กาวแจว ไปเมืองวินห์ เมืองฮาติงห์ เมืองดงเหย จากนั้นกลับเข้าไทยทางด่านนครพนม หรือมุกดาหารก็ได้ตามสะดวก %e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%ad-lao-1

การขับรถเที่ยวบนเส้นทางนี้ไม่ลำบากแล้ว เพราะถนนดี อีกทั้งไม่ต้องทำวีซ่า ถนนช่วงแรกจากนครพนมเข้าลาวจะลัดเลาะไปตามภูเขาเตี้ยๆ มีป่าไม้และเรือกสวนไร่นาเขียวชอุ่ม ไฮไลท์อยู่ที่ ‘เขาหนามหน่อ’ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติซึ่งเด่นด้วยเทือกเขาหินปูนยอดแหลมตะปุ่มตะป่ำนับแสนๆ ยอด ต่อเนื่องเข้าไปจนถึงเวียดนาม โดยมีจุดแวะพักริมทาง ให้เราได้จอดรถชมวิวถ่ายภาพกันอย่างเต็มอิ่ม%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%ae%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%87-2

เมื่อข้ามแดนจากลาวเข้าเวียดนาม เราจะได้สัมผัส 3 เมืองหลักในภาคกลางค่อนไปทางภาคใต้ คือ เมืองวินห์ (Vinh) เมืองฮาติงห์ (Ha Tinh) และ เมืองดงเหย (Dong Hoi) โดยสองเมืองแรกอยู่ในจังหวัดแหงะอาน และเมืองสุดท้ายอยู่ในจังหวัดกวางบิงห์ อันเป็นที่หมายตาของนักแบกเป้เที่ยว ที่ต้องการชื่นชมความบริสุทธิ์ของชายทะเลตะวันออกเวียดนาม%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%ae-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a7%e0%b8%b4

เมืองวินห์ เมืองหลวงของจังหวัดแหงะอาน (Nghe An Province) ได้ฉายาว่าเป็น ‘ประตูสู่ภาคใต้ของเวียดนาม’ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ ‘จัตุรัสโฮจิมินห์’ ซึ่งมีอนุสาวรีย์ของลุงโฮ หรือประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม สูงถึง 18 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ เพราะเมืองวินห์คือบ้านเกิดของท่าน โดยท่านเป็นผู้นำเวียดนามทวงคืนเอกราชจากฝรั่งเศสได้สำเร็จ และเมื่อขับรถออกไปนอกเมืองที่ ‘หมู่บ้านฮว่างจู่ ก็จะได้เยี่ยมชมบ้านเกิดจริงๆ ของท่านโฮจิมินห์ด้วย

%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%ae-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a7%e0%b8%b4 %e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%ae-1 %e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%ae-2%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b7%e0%b9%8b%e0%b8%ad%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad-2

จากตัวเมืองวินห์นั่งรถออกไปแค่ 16 กิโลเมตร ก็ถึง ‘ชายหาดเกื๋อหล่อ’ ชายทะเลสวยที่สุดของเวียดนามกลาง หาดทรายที่นี่สงบ มีทิวมะพร้าวโอนเอน พร้อมด้วยร้านอาหารให้นั่งชิล %e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b7%e0%b9%8b%e0%b8%ad%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad-1%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ae%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%8a%e0%b8%81-3

จากชายหาดเกื๋อหล่อขับรถไปอีกไม่ไกลก็จะถึง ‘วัดเฮืองติ๊ก’ วัดที่คนเวียดนามนิยมไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ทว่าการจะไปถึงวัดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย (แต่ก็คุ้มค่า) เพราะต้องนั่งเรือข้ามทะเลสาบ แล้วเดินป่า 2 กิโลเมตร เพื่อจะไปขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา แล้วเดินต่ออีก 500 เมตร จนถึงที่ตั้งของวัด %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ae%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%8a%e0%b8%81-4 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ae%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%8a%e0%b8%81-5%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ae%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%8a%e0%b8%81-1 %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ae%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%8a%e0%b8%81-2%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%81%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%81-1

เมื่อขับรถเลียบทะเลลงมาทางทิศใต้เรื่อยๆ เราก็มาถึง ‘เมืองฮาติงห์’ เมืองท่าที่สวยงามอีกแห่ง ซึ่งยังคงมีอาคารยุคโคโลเนียลให้ชม คือบ้านมักสร้างเป็นทรงหน้าจั่ว และมีหอระฆังโบสถ์ยอดแหลมแบบโกธิค แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของฮาติงห์ คือ ‘สามแยกด่งหลก’ แหล่งประวัติศาสตร์ยุคสงครามเวียดนาม เพราะจุดนี้เป็นช่องเขาสำคัญ ที่ทหารเวียดมินห์ใช้ขนยุทธปัจจัยไปสู่กับทหารอเมริกันผู้รุกราน เครื่องบินอเมริกันจึงทิ้งระเบิดสามแยกด่งหลกเป็นว่าเล่น จนเกิดวีรกรรม 10 ทหารหญิงผู้พลีชีพอันโด่งดัง %e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%81%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%81-2 %e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%81%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%81-3 %e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%81%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%81-4%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a2-4

จากเมืองฮาติงห์ ขับรถเลียบชายทะเลตะวันออกเวียดนาม จนมาถึง ‘เมืองดงเหย’ (Dong Hoi) เขตอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกใหม่ ทว่าก็ยังมีท่าเรือและตลาดปลาแบบบ้านๆ ให้เราเดินชมกันอย่างสนุก ยามที่มีเรือประมงเทียบท่า จะเห็นแม่ค้ารีบวิ่งกรูเข้าไปประมูลซื้อกุ้งหอยปูปลาแข่งกัน สะท้อนถึงความอุดมของทะเลเวียดนาม %e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a2-5%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a2-1 %e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a2-2%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a2-6 %e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a2-7%e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8d%e0%b8%b2-5

และเมื่อเที่ยวในตัวเมืองจนอิ่มแล้ว ก็ต้องไปสัมผัส ‘ถ้ำฟองญา’ ถ้ำน้ำลอดที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก จนได้เป็นมรดกโลกไปเรียบร้อยแล้ว การเที่ยวถ้ำนี้ต้องนั่งเรือเข้าไป ภายในประกอบด้วยโถงถ้ำและหินงอกหินย้อยขนาดยักษ์นับไม่ถ้วน จนเราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง! %e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8d%e0%b8%b2-6%e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8d%e0%b8%b2-1 %e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8d%e0%b8%b2-2 %e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8d%e0%b8%b2-3 %e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8d%e0%b8%b2-4

เส้นทางนี้ถ้าเที่ยวให้สนุกแบบไม่รีบ ควรใช้เวลา 4-5 วัน คุณจะได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และชีวิตผู้คน บนถนนสายอาเซียนตะวันออก ที่ยังคงความบริสุทธิ์มากจริงๆ

จากสงขลา ถึงเคดาห์ Charming of the South

%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88-2

คาบสมุทรมลายู คือดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประเพณี โดยภาคใต้ของไทยก็คือส่วนหนึ่งของคาบสมุทรมลายู ต่อเนื่องเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ผู้คนสองประเทศนี้มีการเดินทางติดต่อค้าขายฉันท์พี่น้อง สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88-1

จังหวัดสงขลา คือเมืองใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ศูนย์กลางของภาคใต้ปลายด้ามขวานทอง’ เพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจ คึกคักด้วยการค้าขาย และตัวเมืองใหญ่ที่คนมาเลเซียก็ยังนิยมเข้ามาช้อปปิ้งกันทุกๆ สุดสัปดาห์ นอกจากนี้สงขลายังมีด่านชายแดนถาวรถึง 3 แห่ง เชื่อมพรมแดนสองประเทศ คือ ด่านสะเดา อำเภอสะเดา ติดต่อกับด่านบูกิตกายูฮิตัมห์ รัฐเคดาห์, ด่านบ้านประกอบ อำเภอนาทวี ติดต่อกับด่านบ้านดูเรียนบูรง อำเภอปาดังเตอร์รับ รัฐเคดาห์ และสุดท้าย ด่านปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา ติดต่อกับด่านปาดังเบซาร์ รัฐเปอร์ลิส นักท่องเที่ยวไทยที่มีเวลาน้อย สามารถข้ามไปช้อปปิ้งในร้าน Duty Free แต่ถ้าคุณเวลาเยอะ เราขอแนะนำให้พาตัวและหัวใจเข้าไปสัมผัสมาเลเซียให้ลึกซึ้ง แล้วคุณจะหลงรักประเทศนี้

%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b8%99-%e0%b8%aa%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b2dsc_0006

ทริปนี้เราเข้ามาเลเซียทางด่านอำเภอสะเดา กล่าวคำทักทาย “ซาลามัต ดาตัง” กับ รัฐเคดะห์ (Kedah) รัฐใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุด ซึ่งจริงๆ แล้วติดต่อกับทั้งจังหวัดสงขลาและยะลาของไทย เคดาห์มีชื่อเดิมว่า ‘ดารุลอามัน’ แปลว่า ‘ถิ่นที่อยู่แห่งสันติภาพ’ ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 ดินแดนนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสยาม ทว่าเมื่ออังกฤษเข้ามาล่าอาณานิคม เราก็ต้องเสียรัฐเคดาห์ (หรือรัฐไทรบุรี) ไป รัฐนี้เป็นที่ราบซึ่งใช้ปลูกข้าวได้ดี จนอาจกล่าวได้ว่า ‘เคดาห์คืออู่ข้าวอู่น้ำของมาเลเซีย’ เลยทีเดียว dsc_0033%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c-life-4 %e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c-life-1 %e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c-life-2 %e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c-life-3 dsc_233 dsc_516 dsc_250

นอกจากความสงบงามของทุ่งนาป่าเขาที่เราจะได้ชมแล้ว หมู่บ้านตามชนบทห่างไกล ของเคดาห์ก็ยังมีวิถีชีวิตแบบมาเลย์แท้ๆ ให้สัมผัสนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารการกิน หรือเรือนปั้นหยามาเลย์ที่มุงหลังคากระเบื้องว่าว และเก็บรักษาข้าวของเก่าแก่ไว้มากมาย โดยเฉพาะในชุมชนชาวไทยสัญชาติมาเลเซียที่อยู่ในรัฐนี้มาตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 5 กว่า 80,000 คน เราสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ที่อำเภอเปินดังและอำเภอกัวลามูดา จะได้สัมผัสซึ้งถึงวิถีความเป็นไทยแท้ๆ บนแผ่นดินอื่น โดยเฉพาะในแง่พุทธศาสนา ที่ชาวไทยในมาเลเซียยังยึดมั่นเหนียวแน่น น่าชื่นชมมาก %e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c dsc_158balai-bezar-%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%b2

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ ของรัฐเคดาห์ คือ พระราชวังบาไลเบอซาร์ (Balai Besar) สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1735 โดยสุลต่านโมฮาหมัด ยิวา (Mohamad Jiwa) สุลต่านองค์ที่ 19 ของรัฐเคดาห์ ด้วยแรงบันดาลใจที่เคยไปเยือนเมืองปาเลมบังบนเกาะสุมาตรา วังนี้สร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยเสา หลังคา และปูพื้นด้วยไม้ แต่โชคไม่ดีเคยถูกเพลิงเผาทำลาย ทว่าได้รับการบูรณะขึ้นใหม่เพื่อใช้สำหรับการเข้าเฝ้า งานราชาภิเษก งานแต่งงาน และราชพิธีของสุลต่ารัฐเคดาห์%e0%b8%ab%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c

อีกที่ซึ่งห้ามพลาดชม คือ ‘หอคอยอลอร์สตาร์’ (Alor Setar Tower) หอคอยสูง 165.5 เมตร ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหอคอยโทรคมนาคมสื่อสารสูงอันดับ 19 ของโลก เราสามารถขึ้นลิฟท์ไปได้ บนชั้นชมวิว ความสูง 88 เมตร พร้อมด้วยห้องอาหาร ห้องประชุม ที่มองออกไปเห็นวิวพาโนรามากว้างไกล สุดลูกหูลูกตา เห็นตัวเมือง มัสยิด แม่น้ำ ถนนหนทาง รวมถึงถึงภูเขาที่ผุดขึ้นบนที่ราบเขียวขจีdsc_836 dsc_838 dsc_840 dsc_845 dsc_849

ที่กล่าวมาล้วนเป็นเพียงส่วนน้อยในความน่าสนใจของรัฐเคดาห์ อัญมณีเม็ดงามแห่งมาเลเซีย ซึ่งพร้อมต้อนรับคุณอยู่แล้วในวันนี้