อลังการ Unseen ทะเลหมอกวัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
ไปเที่ยวกระบี่มาก็ตั้งหลายหน แต่ไม่พ้นจุดหมายคือทะเลสีคราม มาเยือนกระบี่รอบนี้เลยขอไปเที่ยวทะเลแบบอื่นบ้าง (ไม่ใช่ทะเลแหวกด้วยนะ) แต่เป็นทะเลหมอกที่สวยไม่แพ้ภาคเหนือเลยจ้ะ
ทะเลหมอกที่ว่าต้องใช้กำลังขาเดินขึ้นกันนิดนึง ผ่านบันไดถึง 1,260 ขั้น!!! เพราะที่นี่คือ จุดชมวิวทะเลหมอกวัดถ้ำเสือ เห็นตัวเลขแล้วอย่าเพิ่งท้อ เพราะถ้าได้ลองขึ้นมาเห็นกับตาแล้ว จะรู้ว่า ไม่เสียแรงเดินขึ้นมาเลยจริงๆ
เมื่อปี พ.ศ. 2528 หลวงพ่อจำเนียร มีความประสงค์จะหาสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ จึงเกิดนิมิตเห็นสถานที่ที่มีภูเขาล้อมรอบชื่อ “วัดถ้ำเสือ” ในจังหวัดกระบี่ หลวงพ่อจึงได้ให้พระอาจารย์หีดไปเสาะแสวงหาที่ดังกล่าว จึงพบถ้ำเสือเข้าในที่สุด หลวงพ่อจำเนียรจึงได้นำคณะภิกษุสามเณร 53 รูป และแม่ชี 53 ท่าน จากวัดสุคนธาวาส มาอยู่ ณ ที่นี้ โดยในอดีตใช้ชื่อว่า “สำนักสงฆ์หน้าชิง” ตามชื่อหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2518 และต่อมาใน พ.ศ. 2533 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดถ้ำเสือ” ดังเช่นปัจจุบัน โดยเหตุที่ชื่อนี้ก็เพราะ อดีตเคยมีเสือโคร่งอาศัยอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังมีหินธรรมชาติรูปอุ้งเท้าเสืออยู่ด้วยนั่นเอง นอกจากถ้ำเสือแล้ว ยังมีถ้ำคนธรรพ์, ถ้ำลอด, ถ้ำช้างแก้ว, ถ้ำลูกธนู, ถ้ำงู, ถ้ำเต่า และถ้ำมือเสือ ท่องเที่ยวได้ตลอดปี
เช้านี้เราตื่นตั้งแต่ตีสี่ ออกจากที่พักตีสี่ครึ่ง เพื่อรีบมารวมพลเดินขึ้นเขาวัดถ้ำเสือ ที่เขาร่ำลือกันว่างามหนักหนา ระหว่างทางก็ต้องรีบเดินแข่งกับเวลา เพราะกลัวไม่ทันเก็บแสงแรกของตะวันบนยอดเขา
เพื่อนๆ เราพากันนั่งคอตกหมดแรง เมื่อผ่านบันไดชันขึ้นเขามาได้ครบ 1,260 ขั้น! (ของเก่ามี 1,237 ขั้น) นี่คือรางวัลของความพยายาม และความศรัทธาที่จะได้ขึ้นมากราบพระ พร้อมกับชมทะเลหมอกสุดอลังการของเมืองกระบี่ ที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ว่ามีอยู่มาก่อน
เทือกเขาหินปูนวัดถ้ำเสือยังหลับใหลอยู่ในแสงยามเช้าก่อนตะวันขึ้น ลมเย็นโบกสะบัดพัดพลิ้ว ทำให้กอเฟินบนเขาหินปูนโอนเอนไปมาตามจังหวะลมหายใจของธรรมชาติ
ถึงแล้ว จุดชมวิวยอดเขาวัดถ้ำเสือ มีลานกว้างให้เดินชมวิวได้รอบ พร้อมด้วยองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ให้เราไปสักการะ
พี่อิช พี่ชายใจดีแห่งเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม แอ็กท่าเท่ห์ให้เราเก็บภาพคู่กับเทือกเขาหินปูน ซึ่งแลเห็นยอดเขาพนมเบญจา (ยอดเขาสูงสุดของจังหวัดกระบี่) ตั้งอยู่ไกลลิบๆ โน่น
การถ่ายภาพเทือกเขาหินปูนบนยอดเขาวัดถ้ำเสือ จำเป็นต้องใช้เลนส์มุมกว้างพวก 17-35 มม. หรือ 14-24 มม. เพื่อเก็บภาพ Landscape (ภาพภูมิทัศน์) ให้ได้กว้างสะใจอย่างนี้ล่ะ
แม้วันนี้ทะเลหมอกวัดถ้ำเสือจะไม่ได้อลังการเหมือนที่เราหวังไว้ แต่ธรรมชาติก็มอบรางวัลแห่งความงาม ของแสงตะวันแรกสีทองงามจับตาจับใจ
จากจุดชมวิวยอดเขาวัดถ้ำเสือ มองเห็นเทือกเขาหินปูนทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนราวภาพฝัน โดยมียอดเขาพนมเบญจา ยอดเขาสูงสุดของจังหวัดกระบี่ตั้งตระหง่านเป็นพี่ใหญ่สุดอยู่ทางด้านหลัง
เทือกเขาหินปูนอายุหลายร้อยล้านปีในแถบจังหวัดกระบี่ ในอดีตเคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน เมื่อเปลือกโลกยกตัวขึ้น แล้วสึกกร่อนไปตามกาลเวลา จึงเกิดริ้วรอยหิน และพรรณไม้ป่าดิบชื้นขึ้นปกคลุมอย่างน่าชมเช่นนี้
ทะเลหมอกวัดถ้ำเสือในยามเช้าตรู่ คือรางวัลของคนขยันตื่นเช้า และเดินฝ่าบันไดชัน 1,260 ขั้น ขึ้นสู่ยอดเขาสำเร็จ!
ภาพสวยๆ อย่างนี้ เราใช้เลนส์ซูมช่วง 70-200 มม. ติดบนขาตั้งกล้องเพื่อความนิ่ง แล้วค่อยๆ เลือกเฉพาะส่วนภาพที่ต้องการ จัดองค์ประกอบให้แน่นพอประมาณ โดยมีทิวป่าสีเขียวเป็นฉากหน้า (Foreground) ด้วย ทำให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น
สายหมอกขาวลอยอ้อยอิ่งให้เราเก็บภาพเคียงคู่กับเขาหินปูนอยู่นานมาก ต้องขอขอบคุณธรรมชาติจริงๆ นะจ๊ะ
ทางด้านหน้าของจุดชมวิวยอดเขาวัดถ้ำเสือ เมื่อมองลงไปในหุบเหวเบื้องล่าง เล่นเอาใจหวิวเหมือนกันนะ! แต่วิวก็สวยยั่วใจยิ่งกว่า จนหายกลัวไปเลยล่ะ
เช้านี้มีทั้งเพื่อนๆ ช่างภาพชาวกระบี่ เพื่อนๆ จากเว็บไซต์เมืองไทยดอทคอม และคนขึ้นมากราบพระกันพอสมควร
หมอกขาวถูกสายลมแรงจากหุบเขาตีตวัดลอยฟุ้งขึ้นมาคลอเคลียยอดเขาหินปูนอย่างงดงาม ให้ความรู้สึกเหมือนโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งยิ่งใหญ่ และตัวเราดูเล็กนิดเดียว
จากยอดเขาสามารถมองลงไปเห็นถนนหนทางคดเคี้ยวราวกับงูเลื้อย และรถเก๋งที่แล่นไปมาก็กลายเป็นขนาดเล็กจิ๋วเหมือนของเล่นเด็กไม่มีผิด
แปดโมงกว่าแล้ว หลังจากกราบพระและเก็บภาพกันจนชุ่มปอด ก็ได้เวลาเดินลงเขากลับโรงแรมไปกินข้าวเช้า
หนทางลงเขาช่างแสนสบาย ฮาฮาฮา ไม่ต้องเหนื่อย เพราะใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวของตอนขึ้นมา
เดินช้าๆ ชมพรรณไม้ที่ขึ้นอยู่บนผาหินปูนสองข้างทางไปด้วย เราพบดอกไม้ในวงศ์ใบกำมะหยี่ สีม่วงขนาดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก มันจะออกดอกเฉพาะฤดูฝนที่มีความชุ่มชื้นพอเพียงเท่านั้น
พวกเราเดินลงเขา แต่หลวงพี่รูปนี้ท่านเดินขึ้นยอดเขาทุกวัน เพื่อไปดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ สุดยอดไปเลยครับ!
Special Thanks : ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ และผองเพื่อนจากเว็บไซต์ เมืองไทยดอทคอม ที่สนับสนุนการเดินทาง และแบ่งปันประสบการสนุกๆ ร่วมกันในทริปนี้
สอบถามเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทร. 0-7562-2163, 0-7561-2811-2
Traveler’s Guide
How to go : จากตัวเมืองกระบี่ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกตลาดเก่า ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ทางไปอำเภอเหนือคลอง เลี้ยวซ้ายที่สามแยกถ้ำเสือไปตามถนนราษฎรพัฒนา (ทางหลวงหมายเลข 4037) ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว
When to go : ช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดในการเดินขึ้นวัดถ้ำเสือ คือตอนเช้าตรู่ เพราะอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน เดินขึ้นไปตอนเช้าจะได้ชมทะเลหมอกด้วย แต่ก็มีบางคนขึ้นไปนอนค้างคืนใต้ชะง่อนหินบนยอดเขาเลยก็มี เวลาในการเดินขึ้น ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ถ้าแข็งแรงหน่อย อาจใช้เวลา 45-50 นาที แต่ระหว่างทางพักนานกว่านั้น อาจใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง และตรงจุดกึ่งกลางทางเดินขึ้น มีห้องน้ำไว้บริการด้วย แต่บนยอดเขาไม่มีห้องน้ำนะจ๊ะ ต้องทำธุระส่วนตัวให้เสร็จไปก่อนเลย
Contact : พระครูภาวนาธิคุณ (เจ้าอาวาส) วัดถ้ำเสือ ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ 81000 โทร. 08-4068-4664 แฟ็กซ์ 0-7570-1056 เว็บไซต์ www.watthumsua-krabi.com
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!