เที่ยวทั่วโลก

Taiwan 4 : สถานีรถไฟโบราณเมืองเชอเฉิน

สถานีรถไฟ เชอเฉิน 2

ไปเที่ยวไต้หวัน ใช่ว่าจะมีแต่อาหารอร่อย แหล่งช้อปปิ้งละลานตา และเมืองใหญ่ที่สุดแสนจะ Modern ทันสมัยเท่านั้นนะประเทศนี้เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก จึงมีร่องรอยของยุคอดีตให้สัมผัสเยอะอยู่ โดยเฉพาะยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และยุคที่เพิ่งเริ่มพัฒนาประเทศ

สำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบย้อนยุค โหยหากลิ่นอายอดีต เราขอแนะนำ “สถานีรถไฟโบราณ เมืองเชอเฉิน” (Old Train Station of Checheng) ตั้งอยู่ในจังหวัดหนานโถว (Nantou) บนภูเขาสูงสลับซับซ้อนใจกลางประเทศไต้หวัน และเป็นเขตที่ไม่มีทางออกทะเลซะด้วยครับ แต่ขอบอกว่าไปเที่ยวไม่ยาก ถ้าเช่ารถขับเองจากสนามบินไทเป ประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 3

สถานีรถไฟเชอเฉิน ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับอุตสาหกรรมสัมปทานทำไม้ซุง ช่วงปี ค.ศ.1919 โดยเฉพาะการตัดไม้ส่งไปขายญี่ปุ่น สถานีรถไฟแห่งนี้จึงเป็นจุดรวมไม้ซุงเพื่อส่งไปยังท่าเรือที่อยู่ไกลออกไป โดยถือเป็นสถานีแรกของทางรถไฟสาย Jiji Railway สถานีรถไฟที่สร้างด้วยไม้ซุงแห่งนี้ จึงมีชื่อว่า Jiji Train Station
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 4ตัวสถานีรถไฟเชอเฉินเต็มไปด้วยกลิ่นอายอดีตและความน่ารัก ไม้ซุงจากบนเขาจะถูกนำมารวมไว้ในเมือง ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ โดยนำไปแช่น้ำไว้ในทะเลสาบเล็กๆ เพื่อให้ต้นไม้ปล่อยยางไม้ออกมา นัยว่าเพื่อให้เนื้อไม้แกร่งขึ้น ก่อนใช้เครนยักษ์ 3 ตัว ขนขึ้นรถไฟไปยังท่าเรือ

สถานีรถไฟ เชอเฉิน 5

เมื่ออุตสาหกรรมสัมปทานทำไม้ซุงถูกสั่งห้ามโดยรัฐบาลไต้หวัน ในปี ค.ศ.1986 สถานีรถไฟเล็กๆ แห่งนี้ก็ซบเซาลง จนถึงปี ค.ศ.1999 เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในไต้หวัน ตัวสถานีถูกทำลายพังพินาศ แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้คล้ายของเดิมมากที่สุด จนกระทั่งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดน่ารักในปัจจุบัน

ย่ิงถ้าได้ไปเที่ยวในฤดูซากุระบาน ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม บรรยากาศจะเหมือนอยู่ญี่ปุ่นยังไงยังงั้นเลยล่ะ
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 6

ฤดูซากุระบาน รอบๆ สถานีรถไฟเชอเฉินจะงดงามจนน่าตื่นตะลึง เพราะมีสีชมพูของซากุระแต่งแต้มไปทั่ว แม้แต่นกน้อยก็ยังแวะเวียนมาดูดกินน้ำหวานจากซากุระอย่างสำราญบานใจ แต่สำหรับหนุ่มสาวหลายคู่ ที่นี่ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพ Pre-Wedding สุดเจ๋งล่ะครับ
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 7

ทะเลสาบกลางเมือง ช่างเย็นตาเย็นใจ เหมาะจะชวนกันไปเดินเล่นรอบๆ ถ่ายภาพ หรือดูนกยางหลายชนิดที่พากันมาจับปลากินเป็นอาหาร ที่นี่คือเมืองเล็กๆ Slow town อันเงียบสงบ เหมาะมาพักผ่อนจริงๆ
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 8

ด้านข้างสถานีรถไฟ ใต้ร่มไม้ใหญ่ ในช่วงกลางวันมีการแสดงสนุกๆ ให้ชมด้วยนะครับ ดูเสร็จแล้วก็อย่าลืมบริจาคเงินให้เป็นกำลังใจกับพี่เขาด้วยนะ จะได้อยู่สร้างสีสันกับสถานีรถไฟเชอเฉินไปอีกนานๆ
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 9

ช่วงหัวค่ำ มีรถไฟขบวนน่ารักวิ่งเข้ามาเทียบชานชาลาสถานี เหมือนรถไฟการ์ตูนที่เราเคยเห็นในหนังสมัยเด็กๆ เลย
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 10

สถานีรถไฟที่สร้างด้วยไม้แบบโบราณช่างมีเสน่ห์ในทุกแง่มุม เหมือนกับการพาตัวเองย้อนกลับไปสู่อดีต หรือทำให้เราหวนคิดถึงวันวานสมัยยังเด็กได้ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสนุกสนานจึวอวลอยู่ทั่วไปที่เชอเฉิน
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 11

สวยตั้งแต่เช้าจรดเย็น สถานีรถไฟโบราณเชอเฉินเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพ Pre-Wedding หวานๆ จี๊ดๆสถานีรถไฟ เชอเฉิน 12 สถานีรถไฟ เชอเฉิน 13

ด้านหลังสถานีรถไฟ คือตัวเมืองเก่าเชอเฉิน ที่สร้างไล่เรียงขึ้นไปบนเนินเขาเตี้ยๆ ตัวเมืองเล็กมาก จนใช้เวลาเดินเที่ยวไม่ถึงชั่วโมงก็ทั่ว ลองชวนกันไปเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอย ชมภาพวาดน่ารักๆ บนผนังบ้านเก่า เล่าเรื่องอดีต
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 14

มาถึงเชอเฉินแล้ว อาหารอร่อยที่ถือเป็น Signature ของเมืองนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลิ้มลอง ก็คือ ข้าวเบนโตะในถังไม้แสนน่ารัก! แถมด้วยน้ำชาหอมๆ อีก 1 แก้ว แต่ถ้าใครจะซื้อน้ำแอปเปิลกับน้ำมะเน็ต (น้ำมะนาว) มาดื่มเพิ่มก็ยิ่งดี
สถานีรถไฟ เชอเฉิน 15

ข้าวในถังไม้กินได้หนึ่งอิ่มพอดีสำหรับผู้ใหญ่หนึ่งคน ราคาก็ไม่แพง แค่ถังละสองร้อยกว่าบาท เลือกหน้าได้ มีทั้งหน้าหมูซีอิ๊ว หน้าไก่ และอื่นๆ พอกินเสร็จไม่ต้องคืนถังไม้นะครับ เพราะเขาให้เรากลับบ้านเป็นที่ระลึกเลยจ้าสถานีรถไฟ เชอเฉิน 16Special Thanks : บริษัท Magic on Tour ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวไต้หวัน สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี สนใจ โทร. 02-444-3173, 08-9219-0822  

http://www.magic-ontours.com

logo_Magic_Final[createoutline]

Taiwan 3 : อุทยานแห่งชาติอาลีซาน เมื่อสวรรค์จุมพิตพื้นโลก!

อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 2.1ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ TOP 5 ของประเทศไต้หวัน ดูเหมือนว่า “อุทยานแห่งชาติอาลีซาน” (Alishan National Park) จะเป็นอุทยทานแห่งชาติที่โด่งดังที่สุด สวยงามที่สุด และมีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด! แม้แต่คนจีนแผ่นดินใหญ่เองก็ยังกล่าวว่า ในชีวิตหนึ่งต้องมาเที่ยวอาลีซานให้ได้! โดยเฉพาะในช่วงดอกไม้บาน ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราวๆ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 2

ในช่วงที่อากาศอบอุ่น ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดอกซากุระนับไม่ถ้วนจะพร้อมใจกันเบ่งบาน ประดับพงไพรบนภูเขาสูงเกือบ 3,000 เมตร ของอาลีซาน นั่งท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศหลั่งไหลไปชมความงาม ซึ่งจะปรากฏต่อสายตาเพียงปีละครั้งเท่านั้น!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 4

อาลีซานจึงได้รับการเปรียบเปรยให้เหมือน “สวรรค์บนพื้นพิภพ” ที่คนทั่วไปอย่างเราๆ เข้าไปสัมผัสได้จริงอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 5

ผืนป่าอาลีซาน บนความสูงกว่า 2,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นที่รู้จักมาตั้งยุคปี ค.ศ.1900 เมื่อญี่ปุ่นซึ่งปกครองไต้หวันอยู่ในขณะนั้น ได้สร้างทางรถไฟสาย Alishan Forest Railway สำเร็จในปี ค.ศ.1912 เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งไม้ซุงจากอุตสาหกรรมทำไม้ เพราะในป่าเขาสลับซับซ้อนแถบนี้ เป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของไม้สนซีด้า และไม้สนไซเปรส ต้นใหญ่มหึมา อายุหลายพันปี! อันเป็นไม้ล้ำค่าที่ญี่ปุ่นต้องการอย่างยิ่ง
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 6

กระทั่งถึงยุคปี ค.ศ.1970 อุตสาหกรรมทำไม้ซุงในไต้หวันถูกรัฐบาลสั่งยกเลิก ผืนป่าอาลีซานจึงได้รับการอนุรักษ์ และพัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 7

ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาตัดไม้สนซีดา และสนไซเปรส ในป่าอาลีซาน ต้นไม้ยักษ์นับไม่ถ้วนถูกโค่นลง แต่ก็ดูเหมือนว่าธรรมชาติพยายามเยียวยาตัวเอง มีต้นใหม่งอกขึ้นมาจากตอของต้นแม่เดิมอย่างน่าอัศจรรย์!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 8

การท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติอาลีซานของเรา เร่ิมขึ้นในเช้ามืดอันหนาวเย็นกว่า 12 องศาเซลเซียส ของวันหนึ่งในเดือนมีนาคม ทริปวันนี้ต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อรีบมาซื้อตั๋วขึ้นรถไฟโบราณ ไปยังจุดชมวิว Jhushan ซึ่งจะมองเห็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน และยอดเขาสูงที่สุดของไต้หวันได้ด้วยอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 9

เข้าคิวซื้อตั๋วรถไฟโบราณอย่างเป็นระเบียบตามนิสัยคนไต้หวัน เช้านี้นักท่องเที่ยวเยอะ เขาเลยจัดรถไฟไว้ 2 ขบวน แต่ถ้าวันไหนคนน้อย ก็อาจเหลือ 1 ขบวนเท่านั้น (สำหรับไปชมพระอาทิตย์ขึ้น) ส่วนใครที่ไม่ชอบตื่นเช้า ก็ยังมีขบวนรถไฟวิ่งขึ้นเขาตลอดวัน ทำนองว่าไปชมวิวแบบชิลๆ ไม่ต้องการแสงแรกก็ได้น่ะอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 10

รถไฟขบวนแรกออกไปแล้ว เราจึงได้ขึ้นรถไฟขบวนที่ 2 แต่ก็ยังถือว่าเช้ามาก เพราะนี่ยังไม่ 6 โมงเลยนะพวกเราอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 11

เมื่อถึงชานชาลา ก็ต้องเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบอีกครั้งเพื่อตรวจตั๋ว
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 12

สถานีรถไฟนี้ยังอนุรักษ์บรรยากาศแบบโบราณเอาไว้ คือสร้างด้วยไม้สน แลคลาสสิกไม่เบา ส่วนการยืนเข้าคิวรอรถไฟก็ไม่ให้ยืนมั่วซั่วสะเปะสะปะ แต่มีเป็นช่องเป็นแถว เพื่อให้ผู้โดยสารขึ้นไปยังตู้โบกี้รถไฟที่กำหนดเอาไว้เลย จะได้ไม่ต้องแย่งกันให้วุ่นวาย
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 13

ตีห้าครึ่ง รถไฟขบวนที่สองก็เข้าเทียบชานชาลา วันนี้ไม่ใช่หัวรถจักรไอน้ำอย่างที่เราตั้งใจ แต่ก็ไม่เป็นไร อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 14

หัวจักรรถไฟโบราณของอาลีซาน ในอดีตเคยใช้ขนไม้ซุง ทว่าปัจจุบันเปลี่ยนหน้าที่มาขนส่งนักท่องเที่ยวแล้วจ้า
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 15

รถไฟใช้เวลาประมาณ 30 นาที วิ่งฝ่าความหนาวเย็นผ่านป่าสนมืดสลัวขึ้นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนขอใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ในการเล่นเกมส์ซ่อนตาดำ พักเอาแรงก่อนถึงยอดเขา ฮาฮาฮาอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 1

ในที่สุด เราก็ได้มาชมแสงแรกของอรุณเบิกฟ้า ณ จุดชมวิว Jhushan มองออกไปเห็น ยอดเขา Datashan สูง 2,663 เมตร และ ยอดเขา Yushan สูง 3,952 เมตร ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดของไต้หวัน อาบแสงยามเช้าอย่างชัดเจน จุดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักถ่ายภาพ ทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น ที่จะได้ภาพอัศจรรย์ของแสงสี ที่ต่างกันทุกวันเลยล่ะ

อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 16

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แสงสีบนท้องฟ้าจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนที่ขึ้นรถไฟมายังยอดเขาในเช้านี้ ก็สลายตัวไปในเกือบจะทันทีเช่นกัน คงเพราะอีกไม่เกิน 10 นาที รถไฟลงเขาขบวนแรกจะออกแล้วนั่นเอง แต่ถ้าไม่รีบ ก็อยู่กินชาร้อน หรือบะหมี่ร้อนๆ สักถ้วนก่อนก็ยังได้
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 17

ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ในช่วงลงเขา หากมีโอกาสลงที่สถานีระหว่างทาง แล้วรอรถไฟขบวนต่อไปวิ่งลงมา เราก็จะได้เห็นหัวรถไฟโบราณแล่นผ่านดงต้นซากุระสีขาวแบบญี่ปุ่น ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน มุมนี้ขอมอบใจให้ไปเลย หลงรักอาลีซานเข้าเต็มเปา!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 18พอดูระไฟโบราณวิ่งผ่านดงซากุระเสร็จแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาออกแรง ชวนกันเดินป่าตามเส้นทาง Giant Trees Trail เพื่อไปชมป่าสนซีด้า และสนไซเปรส อายุหลายพันปี! ระหว่างทางผ่านสะพานและมุมสวยๆ ให้เก็บภาพกันอย่างไม่รู้เบื่อ
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 19

มุมสวยๆ แจ่มๆ แบบนี้ ใช่ว่าจะมาสัมผัสกันง่ายๆ ของใช้เวลาไม่เร่งรีบ เก็บเกี่ยวความสุข ณ เวลานี้ให้เต็มที่ใน Alishan Forest Park สวนป่าที่มีซากุระเบ่งบานนับพันต้น!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 20 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 21 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 22 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 23

ซากุระสายพันธุ์ไต้หวันแท้ มีดอกขนาดเล็ก ออกเป็นช่อละหลายดอก แต่ละดอกสีชมพูเข้มจี๊ดจ๊าด!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 24

ซากุระสายพันธุ์ไต้หวันแท้
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 25

ใน Giant Trees Trail มีการจัดทำเส้นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะเข้าไปในป่าสนแน่นทึบ โดยสนที่เห็น ส่วนหนึ่งเกิดใหม่ตามธรรมชาติ ผสมกับที่ปลูกเพิ่ม ขนาดลำต้นจึงไม่ใหญ่โตมากนัก เพราะต้นสนดั้งเดิมที่มีอายุนับพันๆ ปี ได้ถูกตัดส่งไปขายให้ญี่ปุ่นหมดแล้วในอดีต ป่าสนแห่งอาลีซานจึงค่อยๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้งอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 26

ต้นสนยักษ์ของป่าอาลีซาน คือ ต้นสนไซเปรส (Cypress) ชนิด Chamaecyparis formosensis (ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ Formosan Cypress หรือ Taiwan Cypress) เป็นชนิดที่พบได้บนเกาะไต้หวันเท่านั้น มันชอบเติบโตอยู่บนภูเขาสูง 1,000-2,900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศชุ่มชื้นเย็นฉ่ำตลอดปี ต้นที่โตเต็มที่สูงได้ถึง 55-60 เมตร! เส้นรอบวงยาวกว่า 7 เมตร! จึงถือเป็นต้นสนยักษ์ผู้ครองความเป็นใหญ่แห่งป่าอาลีซานมาช้านานอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 27

ร่องรอยจากการตัดไม้สนไซเปรสเพื่อส่งออกในอดีตยังปรากฏอยู่ทั่วไปตลอดทางเดินป่านี้ พบรากและโคนสนไซเปรสขนาดยักษ์ ชวนให้จินตนาการได้เลยว่า ต้นของมันต้องมหึมาเพียงใด!?
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 28

โคนสนไซเปรสบางต้น มีขนาดใหญ่จนเป็นโพรงคล้ายถ้ำที่คนมุดเข้าไปข้างในได้เลย! แต่ใช่ว่าพอถูกตัดแล้วต้นแม่จะตาย ด้านบนตอไม้ยังมีต้นสนใหม่ถือกำเนิดขึ้นทดแทนต้นเก่าตามธรรมชาติด้วย สู้ๆ นะต้นสนไซเปรส!
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 29

พ้นออกจากป่าสนช่วงแรก เราก็ถึงบ่อน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง ชื่อ “บ่อน้องสาว” (Sister Pond) ซึ่งมีตำนานเล่าว่า พี่น้องคู่หนึ่งดันไปรักชายหนุ่มคนเดียวกัน ทั้งสองเลยมากระโดดน้ำตาย น้องสาวโดดบ่อนี้ ส่วนพี่สาวไปโดดบ่อใหญ่ ซึ่งเราจะเดินต่อไปเจอในทางข้างหน้าอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 30

นอกจากป่าสนสวยๆ แล้ว บางจุดยังมีทางเดินแยกไปวัดด้วย โดยวัดเหล่านี้บางแห่ง ญี่ปุ่นเป็นคนมาสร้างไว้ตั้งแต่ยุคสัมปทานทำไม้ซุงโน่นเลยอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 31

ถึงแล้ว “บ่อพี่สาว” คล้ายทะเลสาบสีมรกตในโอบล้อมของป่าสนและหุบเขาโดยรอบ จากฝั่งมีสะพานทอดยาวเข้าสู่ศาลากลางน้ำให้นั่งเล่นด้วยอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 32

เมื่อพ้นสระน้ำทั้งสองมาแล้ว ทางเดินในป่าสนจะค่อยๆ ลาดลงไปตามไหล่เขา กลับลงสู่ที่ราบเบื้องล่างอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 33.1

ระหว่างทาง มี ดอกแม็กโนเลีย (Manolia) สีชมพูอมม่วง และสีขาว เบ่งบานอยู่สองข้างทาง ดอกไม้ตระกูลนี้หายากในเมืองไทย เพราะเป็นดอกไม้ของเมืองหนาว คนไต้หวันและคนจีนเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า “มู่หลาน”อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 33.2
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 33

ผ่านป่าสนและดงดอกแมกโนเลียออกมา เราก็พบกับวัดขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ชื่อ “วัด Shoujhen” เป็นวัดขนาดใหญ่ที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติอาลีซาน แถมยังเป็นวัดบนพื้นที่สูงที่สุดของไต้หวันอีกด้วย คืออยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,150 เมตรเลยทีเดียว! อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 34

ตั้งแต่ได้รับการบูรณะเมื่อปี ค.ศ.1969 วัดนี้ก็เนืองแน่นไปด้วยเหล่าผู้ศรัทธา ต่างเดินทางมากราบไหว้ขอพร จากเทพต่างๆ โดยเฉพาะเทพเจ้าแห่งความยุติธรรม (Syuantian Emperor), เทพเจ้าแห่งการค้าขาย (Fude God), เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ (Jhusheng Goddess) และอื่นๆ

อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 35 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 36.1 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 36.2

สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขี้น ณ วัด Shoujhen ก็คือ ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี ซึ่งตรงกับงานฉลองวันเกิดของเทพแห่งความยุติธรรม (Syuantian Emperor) จะมีผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่จำนวนนับพันๆ หมื่นๆ ตัว แต่ละตัวมีปีกกว้างกว่า 15 เซนติเมตร (เรียกว่า Alishan kuciouluowun Moths) บินมาเกาะอยู่ที่รูปปั้นของเหล่าเทพเจ้า เป็นเวลานานถึง 15 วัน! โดยพวกมันไม่กินอะไรเลย

สันนิษฐานกันว่า ช่วงดังกล่าวตรงกับเวลาผสมพันธุ์ของผีเสื้อกลางคืนพวกนี้ อีกทั้งมันยังถูกดึงดูดด้วยกลิ่นธูป และแสงไฟจากวัดด้วย แต่ก็ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด ยังเป็นความลับของธรรมชาติต่อไป!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 36.3 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 36

ด้านข้าง วัด Shoujhen มีร้านค้าเรียงราย ใครหิวก็แวะเติมพลังก่อนได้นะ เพราะจากจุดนี้ยังต้องเดินเที่ยวป่าต่ออีก แนะนำชาร้อนๆ กับขนมต่างๆ เพิ่มน้ำตาลให้กระแสเลือดนิดนึง ฮาฮาฮาอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 37.1

เนื่องจากพื้นที่ป่าอาลีซานมีน้ำและอากาศบริสุทธิ์มาก จึงสามารถปลูกวาซาบิได้ดีไม่แพ้ญี่ปุ่น มีขายทั้งแบบหัวสด และบดเป็นผงไปผสมน้ำกิน คนที่ชอบหม่ำปลาดิบ ลองซื้อไปไม่ผิดหวังครับ
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 37

สระมรกตด้านข้าง วัด Shoujhenอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 38

จาก วัด Shoujhen ใครที่ไม่อยากเดินต่อ เขาก็มีบริการรถบัสรับส่งไปยังปากทางเข้าอุทยานด้วย
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 39

ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ขอเที่ยวให้ครบให้ทั่วกันเลย จะได้ไม่คาใจ จาก วัด Shoujhen พวกเราเดินป่าต่อไปยังจุดที่เป็นไฮไลท์ของ Trail เส้นนี้ เพื่อชมต้นสนไซเปรสยักษ์อายุนับพันปี บางต้นส่วนตอไม้ที่ตายแล้วมีลักษณะคล้ายใบหน้าของช้าง มีครบทั้งตาสองข้าง และงวง แปลกพิลึกดี!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 40

โคนสนไซเปรสบางต้น มีรูปร่างคล้ายหัวหมู เอ้อ… เหมือนจริงๆ ด้วย โอว! แม่เจ้าโว้ย!
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 41

โคนสนบางต้น ก็เปิดออกเป็นโพรงขนาดใหญ่คล้ายถ้ำลอด
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 42

ส่วนสนไซเปรสบางต้นที่เคยถูกตัดต้นดั้งเดิมไปแล้ว แต่มันกลับไม่ตาย พยายามต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอด โดยเกิดสนรุ่นใหม่งอกขึ้นมาบนตอเดิม อย่างต้นนี้ มีสนงอกขึ้นมาใหม่ถึง 2 ชั่วรุ่น รวมต้นแม่เดิมก็เป็น 3 รุ่น Amazing มากๆ!
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 43

ในที่สุดเราก็มาถึงต้นสนไซเปรสยักษ์อายุมากที่สุดต้นหนึ่งของอาลีซาน! ด้วยอายุกว่า 2,000-2,500 ปี ยืนตระหง่านท้าแดดลมมาเนิ่นนาน แต่ว่ากันว่าในป่าบริเวณนี้ยังมีสนอีกต้นอายุถึง 3,000 ปี ชื่อ Alishan Sacred Tree ถือเป็น 1 ใน 10 ต้นไม้อายุมากที่สุดของโลกด้วยล่ะ!
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 44

สนยักษ์แห่งอาลีซาน ต้องแหงนมองคอตั้งบ่าเลยล่ะกว่าจะเห็นส่วนยอด การถ่ายภาพก็ต้องใช้เลนส์มุมกว้างพิเศษ จึงจะเก็บภาพได้หมดทั้งต้น!อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 45 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 46

พ้นจากจุดชมต้นสนยักษ์ ไม่ไกลก็ถึงจุดสุดท้ายของเส้นทางเดินป่า เป็นสวนซากุระส่งท้ายให้ชื่นใจหายเหนื่อยอุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 47 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 48 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 49 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 50.1 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 50 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 51 อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 52วันนี้ตั้งแต่ตีสี่จนถึงเที่ยง เราใช้เวลาชื่นชมธรรมชาติในป่าอาลีซานกันจนเต็มอิ่ม ถึงเวลาเติมพลังให้อิ่มกายกันบ้าง กับอาหารเที่ยงมื้อใหญ่เป็นการฉลอง จากนั้นต่อด้วยการไปชิมชาเลื่องชื่อของไต้หวัน จะมีอะไรสุขกว่านี้อีกนะ ฮาฮาฮา
อุทยานแห่งชาติ อาลีซาน 53Special Thanks บริษัท Magic on Tour ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวไต้หวัน สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี สนใจ โทร. 02-444-3173, 08-9219-0822  

http://www.magic-ontours.com

logo_Magic_Final[createoutline]

Taiwan 1 : เที่ยวสวนดอกเผือก อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน

สวนดอกเผือก 2

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ห่างจากเมืองหลวงของไต้หวัน คือเขต Taipei City ไม่ไกล จะมีพื้นที่ธรรมชาติอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งอุดมสมบูรณ์ถึงขั้นได้เป็นอุทยานแห่งชาติ คนไต้หวันและนักท่องเที่ยวต่างชาตินับแสนคนหลั่งไหลไปสัมผัสธรรมชาติกันทุกปี แน่นอน เรากำลังพูดถึง “อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน” (Yangmingshan National Park) เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติเพียงไม่กี่แห่งของโลก ที่อยู่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุด!

คนไต้หวันจึงตั้งชื่อเล่นนิกเนมให้หยางหมิงซานว่าเป็น “สวนหลังบ้านของไทเป” (Backyard of Taipei) ไปโดยปริยาย
สวนดอกเผือก 3

นอกจากจะเป็นเขตป่าเขาสวยงาม 4 ฤดู เที่ยวได้ทั้ง 12 เดือนแล้ว หยางหมิงซานยังมีดินอุดม จนกลายเป็นแหล่งใหญ่ของการปลูกไม้ตัดดอกส่งขาย โดยเฉพาะ “ดอกเผือก” (คนไต้หวันเรียกว่า ไฮ่ยี่) ถือเป็นไม้เศรษฐกิจของแถบนี้เลย ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างก็มีแปลงดอกเผือกของตัวเอง ส่วนหนึ่งตัดส่งขาย และอีกส่วนเปิดแปลงให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม เก็บเงินนิดหน่อย ส่วนนักท่องเที่ยวก็สามารถเด็ดดอกเผือกกลับบ้านได้ด้วย เจ๋งไหมล่ะ?
สวนดอกเผือก 4

ดอกเผือกของหยางหมิงซาน จะบานตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม นักท่องเที่ยวเข้าไปเด็ดกลับบ้านได้ โดยจ่ายเพียงดอกละ 10 หยวนเท่านั้น เมื่อเก็บแล้ว ทางสวนจะห่อพลาสติกใสให้ถือกลับบ้านอย่างสะดวกเชียวสวนดอกเผือก 5

ก่อนเข้าชมสวน ก็ต้องดูแผนที่กันซะหน่อยสวนดอกเผือก 6

สวนดอกเผือกแต่ละแห่งมีเสน่ห์ต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือจะมีการปลูก 2 แบบ คือ ปลูกในน้ำ กับปลูกบนดิน เดินให้ดี อย่าเซตกลงไปในน้ำล่ะ ฮาฮาฮาสวนดอกเผือก 7

เริงร่ากับการชื่นชมและเก็บดอกเผือกกลับบ้าน เทคนิคการเด็ดคือ ต้องเด็ดตรงโคนที่ติดพื้นดินเลย จะได้ก้านยาวๆ ถือง่าย ปักแจกันง่ายครับสวนดอกเผือก 8

ดอกเผือกที่นักท่องเที่ยวเก็บเสร็จแล้ว ก็จะมี Package หน้าตาแบบนี้สวนดอกเผือก 9

สวนนี้ส่วนใหญ่ปลูกดอกเผือกในน้ำสวนดอกเผือก 10

เขตป่าเขาของอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน มีต้นซากุระกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งแบบสีชมพูเข้ม สีชมพูอ่อน และสีขาวสะอาดตา ไม่ต้องไปญี่ปุ่นให้เสียเวลา มาเที่ยวไต้หวันได้ Feel เหมือนกันเลยครับสวนดอกเผือก 11 สวนดอกเผือก 12

แม้แต่ที่ลานจอดรถ ก่อนเข้าสวนดอกเผือก ก็ยังมีต้นซากุระให้ชมสวนดอกเผือก 13 สวนดอกเผือก 14

ดอกซากุระ มองใกล้ๆ น่ารักน่าชัง น่าถนุถนอมจังสวนดอกเผือก 15

ชมดอกเผือกแล้ว ได้กำไรอีกต่อ คือชมดอกซากุระที่เบ่งบานอยู่รอบๆ สวน ถ่ายภาพกันได้ไม่เบื่อสวนดอกเผือก 16 สวนดอกเผือก 17 สวนดอกเผือก 18 สวนดอกเผือก 19

นอกจากดอกเผือก และซากุระแล้ว ในแถบนี้ยังมีเกษตรกรปลูกดอกไม้สวยๆ ใส่กระถางขายให้นักท่องเที่ยวด้วย คนที่รักธรรมชาติ ชอบดอกไม้ พรรณไม้ ลองมาสัมผัสอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซานสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักที่นี่ครับ

Special Thanks : บริษัท Magic on Tour ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวไต้หวัน สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี สนใจ โทร. 02-444-3173, 08-9219-0822

http://www.magic-ontours.com

logo_Magic_Final[createoutline]

จาก Fukuoka ถึง Tokyo เที่ยวสนุกทุกนาที!

tokyo 2

เคยมีคนบอกฉันว่า ถ้าได้เคยลองไปเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งจะติดใจ เพราะแดนอาทิตย์อุทัยนี้ช่างมีเสน่ห์ ทั้งธรรมชาติที่สวยงามหยดย้อย ผู้คนหน้าตาน่ารักคิกขุอาโนเนะ อาหารก็อร่อย แถมยังมีแหล่งช้อปปิ้งได้ไม่เบื่อ ฉันเห็นด้วยกับคำพูดนั้น เพราะฉันก็เป็นคนหนึ่งที่หลงรักญี่ปุ่นจนหมดหัวใจ และนี่คืออีกทริปแห่งความทรงจำ ที่ทำให้ฉันได้รู้จักญี่ปุ่นในมุมใหม่ๆ รับรองว่าต้องสนุกแน่นอนจ้า tokyo 3

ฉันบินเหินฟ้าสู่แดนปลาดิบพร้อมกับสายลมหนาวที่พัดแรงขึ้นทุกทีในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง จากไทยบินไปลงที่เมืองฟูกูโอกะ (Fukuoka) เมืองหลวงของเกาะคิวชู (Kyushu) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะญี่ปุ่น แผนการเดินทางของฉันคราวนี้แปลกกว่าทุกครั้ง เพราะฉันไม่ได้บินตรงไปลงโตเกียวเลย แต่เหตุผลที่มาลงฟูกูโอกะก่อน เพราะที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวน่ารักๆ ให้สัมผัสหลายแห่ง บรรยากาศแรกที่เห็นพอรถแล่นออกจากสนามบิน คือธรรมชาติขุนเขาสลับสายหมอก ป่าสน ต้นเมเปิลเปลี่ยนสี และทุ่งนาผืนเล็กๆ ตามหุบเขาน้อยๆ ช่างเป็นดินแดนที่น่ารักเสียนี่กระไร tokyo 4

นั่งรถมาชั่วโมงกว่าจากฟูกูโอกะ เข้าสู่ เมืองเบปปุ (Beppu) ในจังหวัดโออิตะ (Oita Prefecture) รู้สึกหนาวสะท้านจากทั้งลมและฝนที่กระหน่ำไม่หยุด เลยได้โอกาสแวะเข้าไปอาบทรายร้อน เหมือนสปาธรรมชาติที่มีชื่อเสียง เพราะเบปปุคือแหล่งที่มีแร่ธาตุใต้พิภพมากที่สุดของญี่ปุ่น ได้ไปนอนบนทรายสีดำอุ่นๆ ให้เขาเอาทรายกลบตัวเราจนเหลือแค่หัวโผล่ไว้หายใจ ทิ้งไว้ 15 นาที เท่านี้เลือดลมก็จะไหลเวียนดี ได้ผ่อนคลายทั้งกายและใจ ทำให้ฉันพร้อมจะตะลุยเที่ยวญี่ปุ่นแล้วล่ะจ้า tokyo 5 tokyo 7

ป่าเปลี่ยนสีที่หมู่บ้านยูฟูอินtokyo 8 tokyo 9

หลังจากอาหารเที่ยงแบบ Japanese Set สุขภาพที่เน้นไปทางปลา ผัก และผลไม้ แล้ว ก็ได้เวลาไปเที่ยวชม “หมู่บ้านยูฟูอิน” (Yufuin Village) หมู่บ้านแบบญี่ปุ่นย้อนยุค ตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดขุนเขา โดยมีทะเลสาบคินริน (Kinrin Lake) ทอดตัวนิ่งสงบอยู่ตรงกลาง ยูฟูอินเป็นหมู่บ้านต้นแบบสินค้า OVOP หรือ One Village One Product ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ จึงมีร้านค้าเรียงรายอยู่สองฝากถนนคนเดินนับร้อยๆ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นเมืองอันมีเอกลักษณ์ หาซื้อที่อื่นได้ยาก อย่างขนม ผ้าทอมือ เหล้าสาเก รวมถึงงานหัตถกรรมนานาชนิด ใครที่รักแมวเป็นชีวิตจิตใจ หมู่บ้านยูฟูอินเขามีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับแมวโดยเฉพาะด้วย ส่วนใครที่เป็นนักชิม ต้องไม่พลาดขนมโคร็อกเกะ หรือมันชุบเกล็ดขนมปังทอดกรอบๆ กินแก้หนาวได้ดีชะมัด tokyo 10

หมู่บ้านยูฟูอินtokyo 11 tokyo 12

ขนมอร่อยๆ แพ็กเกจน่ารักๆ คิกขุแบบญี่ปุ่น มีให้เลือกซื้อกันเพียบที่หมู่บ้านยูฟูอินtokyo 13 tokyo 14 tokyo 15

ใบเมเปิลเปลี่ยนสีแสนสวย ที่หมู่บ้านยูฟูอิน
tokyo 16

ทะเลสาบคินรินในยามฝนพรำtokyo 17 tokyo 18

เย็นวันนั้นฉันนั่งรถไฟหัวจรวดความเร็วสูงชิงงันเซนเข้าไปนอนเล่นที่เมืองคาโกชิม่า เพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้บินต่อไปสนามบินฮาเนดะ ที่โตเกียวได้เลย เพราะจริงๆ แล้วจุดหมายหลักของฉันอยู่ที่นั่นจ้าtokyo 19

เมืองคาโกชิมาtokyo 20tokyo 21

เมืองคาโกชิมาtokyo 22tokyo 23

โตเกียวเป็นเมืองใหญ่ไฮเทคที่มีคนหนาแน่น เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า และมีรถไฟใต้ดินบนดิน โยงไปมาราวกับเครือข่ายใยแมงมุม ทำให้ฉันเดินทางเที่ยวได้สะดวก ตั้งแต่ย่านชิบูยะ, ชินจูกุ, ฮาราจูกุ ไปจนถึงย่านของถูกอย่างตลาดอาเมโยโก๊ะ ก็เต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง งานหัตถกรรม ขนม ฯลฯ หลากหลายละลานตา แค่พกเงินกับขาที่แข็งแรงไปเดินช้อปกันได้ทั้งวัน ไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะที่ตลาดอาเมโยโก๊ะนั้น เป็นตลาดของถูกและของมือสองคุณภาพเยี่ยมที่คนไทยนิยมไปช้อปกันมากtokyo 24

ร้านบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ในย่านชินจูกุ กลางมหานครโตเกียวtokyo 25

ขาปูยักษ์หม้อไฟแสนอร่อยtokyo 26tokyo 27tokyo 28tokyo 30

กินอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาไปเดินละลายทรัพย์ ซื้อรองเท้ากีฬาของแท้ ราคาไม่แพง ที่ตลาดอาเมโยโกะtokyo 31

ฉันจัดตารางเที่ยวให้หนึ่งวันเต็มเลย สำหรับ “โตเกียว ดิสนีย์แลนด์” (Tokyo Disneyland) ดินแดนแห่งความสนุกเหมือนได้พาตัวเองย้อนเวลากลับไปสู่วัยเด็กอีกครั้ง ด้วยความกว้างใหญ่ถึง 7 โซน ในธีมต่างๆ ทำให้เราต้องใช้เวลาเที่ยว เวลาต่อคิวเครื่องเล่นกันนานเป็นชั่วโมงๆ
tokyo 32

วันนั้นพอดีตรงกับวันเสาร์ คนเลยเนืองแน่นเป็นพิเศษ ฉันรีบเดินตรงเข้าไปที่ Landmark ของดิสนี่แลนด์เพื่อเก็บภาพก่อนเลย คือบริเวณอนุสาวรีย์ของวอลท์ ดิสนีย์ กับเจ้าหนูมิกกี้เมาส์ ตัวการ์ตูนน่ารักสุดคลาสสิกตลอดกาล โดยโตเกียว ดิสนีย์แลนด์ ถือเป็นสวนสนุกดิสนีย์นอกประเทศอเมริกาแห่งแรกของโลก สร้างให้เหมือนกับดิสนีย์แลนด์ รัฐแคลิฟอเนีย รวมกับเมจิกคิงดอมในรัฐฟลอริดา จึงมีความยิ่งใหญ่อลังการมากtokyo 33

 ฉันชอบตรงปราสาทดิสนีย์ที่สุด เพราะให้ความรู้สึกถึงการเนรมิตรภาพในจินตนาการ ออกมาเป็นปราสาทจริงได้ บวกกับโซนอื่นๆ ทั้ง Adventureland, Westernland, Fantasyland, Tomorrowland และ Mickey’s Toontown ได้เห็นตัวการ์ตูนต่างๆ ออกมาโลดแล่นอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยจ้าtokyo 34tokyo 35tokyo 36tokyo 37tokyo 38tokyo 39tokyo 41tokyo 42tokyo 43

วันถัดมา ฉันชวนเพื่อนๆ นั่งรถออกไปเที่ยวรอบนอกโตเกียวกันบ้าง มาถึงแดนอาทิตย์อุทัยทั้งที ก็ต้องไปสัมผัสหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นกันหน่อย นั่นคือ “ภูเขาไฟฟูจิ” มหาคีรีทรงพีระมิด ที่ส่วนยอดถูกปกคลุมด้วยหิมะชั่วนาตาปี เป็นภูเขาไฟที่คนญี่ปุ่นนับถือประดุจเทพเจ้าฝ่ายหญิง เป็นภูเขาแห่งความโชคดี และคนญี่ปุ่นนิยมเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นรับวันปีใหม่กันด้วย ong outdoortokyo 44

วันนี้ฉันขอเที่ยวแบบชิลชิล ด้วยการนั่งรถบัสขึ้นไปแทน ฮาฮาฮา ทว่าหิมะที่ตกหนักบนยอดเขา ทำให้วันนี้รถขึ้นไปได้ถึงชั้นที่ 4 เท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วรถขึ้นได้สุดถึงชั้น 5 จากนั้นต้องเดินต่อไปจนถึงชั้น 8 บนความสูงสามพันกว่าเมตร! วันนี้ที่ชั้น 4 ของฟูจิฟ้าเปิดเป็นสีครามสวยงาม มองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล เพลินไปกับทะเลหมอก และปุยเมฆขาวราวฉันยืนอยู่บนสวรรค์ งามสมคำร่ำลือจริงๆtokyo 45tokyo 46

จากโกเท็มบะ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างเต็มตาtokyo 47

ปิดท้ายวันนี้ด้วยการลงเขา ไปช้อปปิ้งกันอย่างเมามันที่ “โกเท็มบะ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” แหล่งช้อปราคาถูกเหลือเชื่อในพื้นที่กว่า 400,000 ตารางฟุต กับ 165 แบรนด์ดัง เน้นไปทางเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของแท้ แหม รู้ใจสาวๆ ซะเหลือเกิน!tokyo 48tokyo 49tokyo 50

ลงจากเที่ยวภูเขาไฟฟูจิในช่วงเช้า มื้อเที่ยงต้องไปลิ้มลองเนื้อวัวย่างบนหินภูเขาไฟtokyo 51

เนื้อวัวญี่ปุ่น มีเส้นไขมันเป็นลายหินอ่อนแทรกอยู่ทั่ว ย่างให้สุกกำลังดี จิ้มน้ำจิ้ม ใส่เข้าปากแทบจะละลายได้เลยtokyo 52

บอกแล้วว่าเที่ยวญี่ปุ่นคราวนี้ ได้เห็นมุมมองใหม่มากมาย แต่น่าเสียดาย เพราะได้เวลาบินกลับบ้านแล้ว ได้ยินเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้าย บ้ายบายโตเกียว See You Again.equinox logo Png

Special Thanks : บริษัท Outdoor Innovation Co., Ltd. สนับสนุนเสื้อกันหนาว และเสื้อผ้าสำหรับชีวิตแบบ Outdoor

Tokyo Guide

Season : เที่ยวญี่ปุ่นสวยสุดใน 2 ฤดู คือ เดือนมีนาคม-เมษายน เป็นช่วงดอกซากุระบาน และช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก่อนเข้าฤดูหนาว ถ่ายรูปได้มีสีสันสวยงามจับใจ

How to go : จากเมืองไทยบินตรงไปลงที่สนามบินนาริตะได้เลย ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง เช่น การบินไทย (www.thaiairways.co.th) และ All Nippon Airways หรือ ANA (www.ana.co.jp/asw/wws/th/e/)

Where to stay : ในโตเกียว แนะนำ Keio Plaza Hotel (www.keioplaza.com) ส่วนที่เมืองคาโกชิม่า แนะนำ Shiroyama Kanto Hotel (จองผ่าน www.japanican.com)

What to eat : บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์, เนื้อวัวญี่ปุ่นย่างบนหินภูเขาไฟ, ชุดเซ็ทอาหารญี่ปุ่นสุขภาพ ฯลฯ

Souvenirs : ขนมโมจิไส้สรอว์เบอร์รี่ทั้งลูก จากหมู่บ้านยูฟูอิน, ช็อกโกแลต ROYCE, พวกกุญแจน่ารักๆ จากภูเขาไฟฟูจิ, ตุ๊กตาตัวการ์ตูนจากโตเกียวดิสนี่แลนด์ ฯลฯ

More info : www.yokosojapan.org/th/

10 สุดยอด ที่เที่ยว Taiwan!

1. ตึกไทเป 101  ความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมของคนไต้หวันเขาล่ะ เคยเป็นตึกสูงที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันกลายเป็นตึกสูงอันดับ 6 ของโลก ตั้งอยู่ในกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน ด้วยรูปลักษณ์ได้แรงบันดาลใจมาจากไม้ไผ่ 8 ปล้อง สัญลักษณ์แห่งความเจริญงอกงาม ด้านบนมีลูกตุ้มยักษ์คอยถ่วงน้ำหนักให้ตึกสมดุลย์ยามแผ่นดินไหว สุดยอด!
ตึกไทเป 101 ไทเป 101 หน้าตึก ไทเป 101

2. อุทยานหินเหย่าหลิ่ว  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก! ด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ แหลมหินยื่นยาวออกไปในทะเล เป็นส่วนของเปลือกโลกที่ยกตัวขึ้น แล้วถูกคลื่นและลมกัดเซาะอยู่นับล้านปี ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของหินทรงประหลาดนับพันๆ ก้อน โดยเฉพาะหินเศรียราชินี หินเสือดาว หินรูปดอกเห็ด หินรูปเทียน รูปเต้าหู้ ฯลฯ สุดแล้วแต่จินตนาการ นับว่ามีภูมิทัศน์ธรรมชาติงดงามยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจริงๆ

อุทยานหิน 1 อุทยานหิน 3 อุทยานหิน 4 อุทยานหิน 6 อุทยานหิน 7 อุทยานหิน 8

3. ทะเลสาบสุริยันจันทรา  เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไต้หวัน เกิดจากการรวมตัวกันของทะเลสาบ (อ่างเก็บน้ำ) สองแห่ง จนกลายเป็นทะเลสาบมหึมา รูปจันทร์เสี้ยว Sun Moon Lake ที่งามราวกับภาพวาด ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เราสามารถล่องเรือยนต์ไปยังอีกฝั่งของทะเลสาบ เพื่อเดินขึ้นไปสักการะวัดพระถังซำจั๋ง พระภิกษุนามกระเดื่องผู้เคยจาริกมายังอารามแห่งนี้ อีกทั้งยังมีเกาะขนาดเล็กที่สุดในโลกให้ชมด้วย!ทะเลสาบสุริยันจันทรา 1 ทะเลสาบสุริยันจันทรา 2 ทะเลสาบสุริยันจันทรา 3 ทะเลสาบสุริยันจันทรา 4

4. อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก  ท่านเจียงไคเช็ก คือบิดาแห่งไต้หวัน ผู้สร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้ ตั้งแต่ยุคปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งท่านได้นำชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ กว่า 1.5 ล้านคน มาตั้งรกรากบนเกาะแห่งนี้ จนปัจจุบันไต้หวันมีประชากรถึง 23 ล้านคน และกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแท้จริง เราสามารถไปสัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ได้ที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก อันเป็นที่บอกเล่าประวัติ และเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของท่านให้ชมด้วยอนุสรณ์เจียงไคเช็ค 1 อนุสรณ์เจียงไคเช็ค 3 อนุสรณ์เจียงไคเช็ค 4 อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค. 2JPG

5. วัดจงไถ่ฉานซื่อ  เป็นวัดที่ได้รับการกล่าวขวัญว่า คือศาสนสถานใหญ่อันดับ 3 ของโลก! รองจากนครรัฐวาติกัน ในอิตาลี และวัดพุทธนิกายวัชรยานในทิเบต วัดนี้ภายนอกดูแล้วเหมือนตึก Modern สุดๆ หลังหนึ่ง เพราะได้รับการออกแบบโดยวิศวกรคนเดียวกับที่ออกแบบตึกไทเป 101 นั่นเอง จึงมีความยิ่งใหญ่อลังการและโอ่โถงมาก สิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างในนี้มีขนาดมหึมา จนทำให้เรารู้สึกตัวเล็กกระจ้อยไปเลยทีเดียว แต่มีกฎว่าพอเข้าชมในวัดแล้ว ห้ามพูดกันเด็ดขาด! เพื่อรักษาความสงบของวัดครับ
วัดจงไถ่ฉานซื่อ 1 วัดจงไถ่ฉานซื่อ 2 วัดจงไถ่ฉานซื่อ 3 วัดจงไถ่ฉานซื่อ 4

6. วัดเหวินอู่  วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเชิงเราริมทะเลสาบสุริยันจันทราอันงดงาม จากตัววัดมองลงไปเห็นเวิ้งทะเลสาบสีครามเข้มได้อย่างชัดเจนเต็มตา โดยวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นเทพเจ้าแห่งปัญญา และเทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ รวมถึงสิงโตหินอ่อนสีแดงขนาดยักษ์ 2 ตัวหน้าวัด ซึ่งมีขนาดใหญ่มหึมา แต่ละตัวมีมูลค่าถึง 1 ล้านเหรียญไต้หวัน! ว้าว!
วัดเหวินอุ่ 1 วัดเหวินอุ่ 2 วัดเหวินอุ่ 4 วัดเหวินอุ่ 5 วัดเหวินอู่ 3

7. ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น  ตั้งอยู่ที่เมืองจี่หลง อันเป็นเขตภูเขาสูงสลับซับซ้อนริมทะเล ซึ่งทหารญี่ปุ่นได้ใช้ที่นี่เป็นเหมืองทอง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทว่าเมื่อสงครามยุติลง ก็ได้พลิกโฉมมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ในลักษณะ Walking Street แบบย้อนยุค มีทั้งอาหาร ขนม ของกิ๊ปเก๋ ที่จะชวนให้เรานึกถึงอดีตวันวานสมัยยังเด็ก โดยเฉพาะร้านของกินอร่อยๆ อย่างขนมโมจิ บัวลอยน้ำขิง หมูแผ่น เค้กสับปะรด เห็ดย่าง ลูกชิ้น และร้านชิมชาอู่หลงกลิ่นหอมหวลถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 1 ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 2 ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 3 ถนนเก่าจิ่วเฟิ่น 4

8. ตลาดซีเหมินติง  ย่านช้อปปิ้งใหญ่สุดแห่งหนึ่งในไทเป เป็นถนนคนเดินที่จะคึกคักสุดยามราตรี คล้ายสยามสแคว์กรุงเทพฯ บ้านเรา จึงเห็นคนแต่งตัวแฟชั่นล้ำสมัยเดินมาอวดโฉมกัน สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านของกิน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ฯลฯ ในราคาถูกกว่าไปช้อปที่ญี่ปุ่น เกาหลี และหลายอย่างถูกกว่าบ้านเรา จนต้องเหมากันมาเลยทีเดียว!ตลาดซีเหมินติง 1 ตลาดซีเหมินติง 2 ตลาดซีเหมินติง 3

9. ตลาดฟงเจี้ย Night Market  เป็นตลาดนัดกลางคืนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองไทจง เร่ิมคึกคักตั้งแต่ประมาณ 19.00 น. ไปจนถึง 23.00 น. ถนนช้อปปิ้งเส้นนี้ยาวเหยียด ร้านรวงเรียงรายไปตามสองฟากถนน โดยเฉพาะเสื้อผ้าแฟชั่นนำสมัย และรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง อย่าง Onisuka Tiger, New Balance, Nike,  Addidas ฯลฯ ล้วนถูกอย่างเหลือเชื่อ จนน่าตกใจ! แถมยังเป็นของแท้ มีกล่อง มีใบรับประกันให้ ราคาถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยครึ่งๆ ส่วนใหญ่เหมากันไปคนละสองสามคู่!ตลาดฟงเจี้ย Night Market 1 ตลาดฟงเจี้ย Night Market 2 ตลาดฟงเจี้ย Night Market 3

10. ศูนย์ปะการังแดง  ที่นี่เป็นศูนย์ปะการังแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดแสดงและจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพราะปะการังแดงถือเป็นอัญมณีล้ำค่าแห่งท้องทะเลลึก ในโลกพบเพียง 4 แห่ง คือ ไต้หวัน, เกาะโอกนาวา ญี่ปุ่น, ชายฝั่งตอนเหนือของอิตาลี และที่ประเทศโครเอเชีย อยู่ใต้น้ำระดับความลึกถึง 1,800 เมตร เร่ิมมีการนำมาทำเครื่องประดับในสมัยราชวงศ์ชิง แต่ใช้ได้เฉพาะกับขุนนางชั้นสูง เชื่อกันว่าเป็นปะการังที่พลังพิเศษ สวมใส่แล้วช่วยปรับสมดุลย์กายใจ ขอบอกว่าราคาสูงลิ่ว เริ่มตั้งแต่หลักหมื่นบาท ไปจนถึงหลายสิบล้าน!!!
ศูนย์ปะการังแดงNIKON-18-copy-copy

อลังการหวงกั่วซู่ น้ำตกใหญ่อันดับ 3 ของโลก!

หวงกั่วซู่ 1

เครื่องบินเจ็ทลำใหญ่ลำนั้น ค่อยๆ ลดระดับลงอย่างช้าๆ บินฝ่ากลุ่มเมฆสีเทาทึบลงสัมผัสรันเวย์ของสนามบินเมืองกุ้ยหยาง (Guiyang) เป็นเมืองหลวงของมณฑลกุ้ยโจว (Guizhou Province) ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ของจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะเรากำลังจะไปเยือน น้ำตกใหญ่อันดับ 3 ของโลก! และใหญ่อันดับ 1 ของทวีปเอเชีย! น้ำตกหวงกั่วซู่” (Huangguoshu Waterfall)

หวงกั่วซู่ 4 หวงกั่วซู่ 5

ก่อนจะเข้าถึงน้ำตกหวงกั่วซู่ เราต้องเดินผ่านสวนหิน Tianxing Bridge ก่อน ภูมิประเทศตรงนี้น่าตื่นเต้นดี เพราะเป็นเหมือนโตรกเขาแคบให้เราเดินมุดลอดไปอย่างน่าสนุก
หวงกั่วซู่ 6

“สวนหิน Tianxing Bridge” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Tianxing Resort ตั้งอยู่ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ของอุทยานน้ำตกหวงกั่วซู่ ภูมิประเทศตรงนี้เด่นที่ภูเขาหินปูน ซึ่งในทางธรณีวิทยาเรียกว่า Limestone Karst เกิดจากภูเขาหินปูนผุกร่อนเกิดเป็นรูปร่างพิสดาร ทั้งภูเขายอดแหลมฟันเลื่อย แท่งหินทรงหอคอย ถ้ำ หินงอกหินย้อย ช่องเขาแคบๆ และโตรกธารสีมรกต พวกเราเข้าไปเดินเที่ยวชมภูมิทัศน์มหัศจรรย์นี้อย่างเพลิดเพลิน หวงกั่วซู่ 7 หวงกั่วซู่ 8.1

ระหว่างทางในสวนหินมีน้ำตกเล็กๆ แบบนี้ให้ชมหลายแห่งหวงกั่วซู่ 8

ก่อนเข้าไปถึงน้ำตกหวงกั่วซู่ ก็ต้องอ่านข้อมูลศึกษาไว้ล่วงหน้าก่อนล่ะ

หวงกั่วซู่ 11

ทางเดินค่อนข้างแคบ เปียกลื่นชื้นแฉะ จึงต้องเดินอย่างระวัง เพราะหน้าผาฝั่งตรงข้ามน้ำตกนี้ ถูกละอองไอจากน้ำตกหวงกั่วซู่ปลิวว่อนสาดมาปะทะตรงๆ เต็มๆ จนหลายคนต้องรีบเก็บกล้อง บางคนรีบควักเสื้อกันฝนมาสวม แต่ผมไม่มี เลยทำตัวชิลๆ เดินไปพักไป ถ่ายภาพไป ปล่อยให้ตัวเปียกปอน ราวกับกำลังตากฝนอยู่ก็ไม่ปาน! กล้องถ่ายภาพชุ่มโชกเหมือนมีคนเอาน้ำมาเทใส่สักสิบขัน ฮาฮาฮา หวงกั่วซู่ 12 หวงกั่วซู่ 13

แม้จะยังไม่ถึงหน้าน้ำตก แต่ก็ได้ยินเสียงสายน้ำคำรามกระหึ่มแต่ไกล นั่นไง หวงกั่วซู่!หวงกั่วซู่ 14

น้ำตกหวงกั่วซู่ สูงถึง 77.8 เมตร และม่านน้ำแผ่กว้างกว่า 101 เมตร จึงเป็นน้ำตกที่ทยิ่งใหญ่ และงดงามสุดๆหวงกั่วซู่ 15 หวงกั่วซู่ 17

มาถึงจุดชมวิวแรก บนหน้าผาที่อยู่ตรงหน้าฝั่งตรงข้ามน้ำตกพอดิบพอดี จุดนี้ชมวิวได้เจ๋งสุดๆ แต่ก็เปียกที่สุดเช่นกัน ละอองน้ำปลิวว่อนอยู่ในทุกอณูอากาศ บวกกับแรงลมขณะนั้น ทำให้รู้สึกคล้ายอยู่กลางพายุเฮอร์ริเคน หวงกั่วซู่ 18 หวงกั่วซู่ 19

เริ่มเดินวนจากด้านหน้าน้ำตก เพื่อลอดเข้าไปด้านหลังม่านน้ำอันทรงพลัง!
หวงกั่วซู่ 20

ภาพสายน้ำสีขาวอิ่มเอมถาโถมลงจากหน้าผาสูงลิบ เป็นม่านน้ำสีขาวคล้ายทางสำลียักษ์ ดิ่งลงกระแทกแอ่งน้ำและโขดหินผาเบื้องล่าง ปล่อยละอองไอปลิวว่อนฟุ้งไปในอากาศโดยรอบ ภาพนี้ทำให้รู้สึกคล้ายเราหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง!

หวงกั่วซู่ 21

จากหน้าผาฝั่งตรงข้ามน้ำตก ทางเดินเลียบหน้าผานำเราวนเข้าหาม่านน้ำตก ถามว่าเข้าไปทำไม? จะไปเล่นน้ำเหรอ? คำตอบคือเปล่า แต่หวงกั่วซู่เป็นน้ำตกเพียงไม่กี่แห่งในโลก ที่มีทางเดินให้ลอดผ่านด้านหลังม่านน้ำตกได้ด้วย! ว้าว Amazing สุดๆๆๆ! มันเป็นวินาทีน่าตื่นเต้น เพราะเรากำลังเดินเข้าไปหลังม่านน้ำสีขาวโพลนอันทรงพลังของน้ำตกใหญ่ที่สุดในเมืองจีน เผยให้เห็นสายน้ำสีขาวปริมาณมหาศาล ถาโถมลงมาเป็นสายเหนือหัว หวงกั่วซู่ 22 หวงกั่วซู่ 23

ผมลองแหงนมองคอตั้งบ่า เห็นม่านน้ำตกพุ่งลงมาผ่านตัวเราไป เสียงน้ำดังสนั่น จนพูดกันแทบไม่ได้ยิน หวงกั่วซู่ 24 หวงกั่วซู่ 25

ความชุ่มฉ่ำของสายน้ำที่หลากไหลอยู่ชั่วนาตาปี ไม่เคยเหือดแห้ง ช่วยให้พืชน้อยๆ น่ารักๆ อย่างเฟินและมอสที่ชอบความชื้น งอกงามอยู่ตามผาหินจนแลคล้ายผืนพรมสีเขียว เย็นตา
หวงกั่วซู่ 26

พอมุดผ่านหลังม่านน้ำตกแล้ว ทางเดินเลียบผาก็จะต่ำลงๆ จนไปถึงสะพานแขวนข้ามธารน้ำ กลับไปยังฝั่งตรงข้ามน้ำตก บัดนี้เราได้เดินเที่ยวน้ำตกหวงกั่วซู่มาเป็นวงรอบครบสมบูรณ์แล้ว จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อนยาวเหยียด กลับไปสู่จุดเริ่มต้นของเส้นทางอีกครั้ง หวงกั่วซู่ 27

ตัวผมยังเปียกชุ่มอยู่ขณะที่นั่งรถบัสของอุทยานฯ กลับออกมาต่อรถบัสกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม ช่วงเวลาแห่งความสุขช่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่หวงกั่วซู่ฝากตรึงไว้ในใจผมคือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่ทำให้รู้สึกว่า ตัวเราช่างเล็กกระจ้อยเหลือเกิน และคงไม่มีวันชนะพลังธรรมชาติได้อย่างแน่นอน.

หวงกั่วซู่ 28

Special Thanks : บริษัท Spirit of the World, บริษัท Himalayan Center และรายการโลกใบใหม่ by เมืองไทยดอทคอม สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

 Guiyang Guide

When to go : เที่ยวได้ตลอดปี แต่ฤดูฝนอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม

How to go : สามารถบินตรงจากสุวรรณภูมิ สู่สนามบินเมืองกุ้ยหยาง ใช้เวลา 2.40 ชั่วโมง ด้วยสายการบิน HNA Capital Airlines หรือจะบินมาจากเมืองกว่างโจว, กุ้ยหลิน, คุณหมิง, เฉิงตู, ปักกิ่ง ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีรถไฟภายในประเทศของจีนด้วย เช่น สาย Yunnan-Guizhou Railway และ Zhuzhou-Liupanshui II Track Railway เป็นต้น มีทั้งรถไฟธรรมดา และรถไฟหัวจรวด

Where to stay : แนะนำโรงแรมสี่ดาวสุดเจ๋งในเมืองกุ้ยหยาง Forest City Wanyi Hotel โทร. 0851-6878888 จองผ่าน www.agoda.com ส่วนที่เมืองขายลี่ แนะนำ โรงแรม Jai Jun Hotel เพราะอยู่ใกล้ปากทางเข้าอุทยานน้ำตกเลย จองผ่าน www.chinahotelbooking.com

What to eat : คนจีนภาคใต้ในกุ้ยหยาง นิยมกินอาหารเผ็ดร้อน โดยใส่เครื่องเทศชื่อ “หมาล่า” ลงไปด้วย ยิ่งใส่เยอะยิ่งเผ็ด หอม ชาลิ้นนิดๆ นิยมใส่ในผัดและน้ำซอสปิ้งย่าง มีให้ชิมทั่วไปทุกภัตตาคารและร้านริมทาง

Souvenirs : ของที่ระลึกสุดเก๋จากกุ้ยหยาง คือ เครื่องเงิน, เสื้อผ้าชาวเขา, ผลไม้สด ฯลฯ

More info : บริษัท Spirit of the World (http://sprtour.com), บริษัท Himalayan Center โทร. 0-2553-0996-7 www.himalaicenter.com, รายการโลกใบใหม่ by เมืองไทยดอทคอม โทร. 08-6666-7660

เสน่ห์อับยาเนห์ หมู่บ้านดินแดงมรดกโลก Iran

a1

ใครจะเชื่อว่าท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนแล้ง และห่างไกลทางตอนกลางของประเทศอิหร่าน จะมีหมู่บ้านที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งอยู่ในนามว่า “หมู่บ้านอับยาเนห์ (Abyaneh Village) ซึ่งคนทั่วโลกรู้จักกันในฉายา หมู่บ้านสีแดง” หรือ Red Village เพราะหมู่บ้านอายุ 1,500 ปีนี้ สร้างขึ้นด้วยการนำดินในแถบนั้นมาก่อขึ้นไปบนโครงไม้และหิน จนกลายเป็นหมู่บ้านดินอันมีลักษณะเฉพาะ เนื่องจากก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้าสู่อิหร่าน ชาวบ้านอับยาเนห์ยังนับถือลัทธิโซโรแอสเทรียน (ลัทธิบูชาไฟ) และเพิ่งมาเปลี่ยนเป็นอิสลามเมื่อหลังศตวรรษที่ 16 นี่เอง อับยาเนห์มีเนื้อที่ไม่มาก เดินเที่ยวสบาย ลัดเลาะเข้าไปตามตรอกซอกซอย ชื่นชมสถาปัตยกรรมทรงเรขาคณิต ตกแต่งน้อยๆ พองามแบบ Minimal ซึมซับมิตรไมตรีของชาวบ้านที่มีอยู่แค่ 300 กว่าคน นี่คือชุมชนเล็กๆ น่ารักซึ่งเต็มไปด้วยภาพอดีตอันมีชีวิต

a2

นอกจากคนที่อับยาเนห์จะยังคงพูดภาษาปาเธียน ซึ่งเป็นภาษาโบราณกันอยู่แล้ว ผู้หญิงทุกคนที่นี่ยังแต่งตัวไม่เหมือนสาวๆ ที่ไหนในโลก! เพราะยังสวมผ้าคลุมหัวผืนใหญ่สีขาว ชายทอดลงมาคลุมไหล่และหลัง โดยผ้านั้นเป็นลายดอกไม้สีสันสดใส ส่วนเสื้อและกระโปรงนิยมใช้ผ้าทอมือสีดำ สวมถุงน่องสีดำยาวปิดเรียวขา และสวมรองเท้าสานแบบโบราณ

a3 a4 a5 a6 a7.1a18

ไอศกรีมแซฟฟรอน มีให้ชิมที่นี่ที่เดียว เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยชื่นใจมาก

a17

ชิมปลาเทราต์ทอดกับเครื่องเทศน์แสนอร่อย

a16 a15 a13 a12 a11 a10 a9 a8 a7

 (ภาพทั้งหมด โดย คุณธนนา สภารักษ์ปัญญา / Photo by Thanana Sparakpanya)

Getting There

หมู่บ้านอับยาเนห์เที่ยวได้ตลอดปี แต่อากาศเย็นสบายที่สุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน จากเมืองไทยบินตรงไปลงที่เตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน โดยสายการบิน Mahan Air (www.mahan.aero/en) แล้วเช่ารถยนต์ต่อไปหมู่บ้านอับยาเนห์ เส้นทาง Tehran-Kasan ระยะทาง 254 กิโลเมตร เช่ารถพร้อมไกด์ติดต่อ www.irantravelingcenter.com/transportation_car_rental_iran.htm และ บริษัท Go Together Travel โทร. 0-2635-1255 www.gotogethertravel.com

ร่วมไว้อาลัย แผ่นดินไหวเนปาล เมืองมรดกโลก Patan!

p1

Go Travel Photo.com ขอแสดงความเสียใจกับชาวเนปาลทุกคน ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว 7.9 ริกเตอร์ ในเดือนเมษายน 2015 ณ เมืองกาฐมาณฑุ ทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เราขอส่งกำลังใจไปช่วย และขอร่วมไว้อาลัยกับทุกชีวิตที่จากไป พร้อมกับขอแสดงความอาลัยกับ เมืองปาตัน (Patan) เมืองโบราณมรดกโลกที่พังถล่มลงมาด้วย

ลลิตปูร์ (Lalitpur) “นครแห่งความงาม” หรือ The Cit of Beauty คือชื่อเรียกขานกันมาแต่โบราณของ เมืองปาตัน” (Patan) 1 ใน 4 เมืองใหญ่ที่สุดในหุบเขากาฐมาณฑุของราชอาณาจักรเนปาล โดยเมืองปาตันตั้งอยู่ริมแม่น้ำบักมาตี (Bagmati River) เป็นนครโบราณมรดกโลก สร้างขึ้นในยุคเดียวกับสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ยอมรับกันว่าเป็นศูนย์กลางทางศิลปะทุกแขนงของเนปาล โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรม การแกะสลักไม้ จำหลักหิน ภาพวาด และการทำเครื่องเงินเครื่องทอง! ศูนย์กลางเมืองปาตันอยู่ที่จัตุรัสดูบาร์ (Patan Dubar Square) ซึ่งมีปราสาทราชวัง เทวาลัยฮินดู สระน้ำ รูปสลัก และพิพิธภัณฑ์ให้ชม ความเฟื่องฟูของศิลปกรรมแบบเนวารีที่ใช้ก่อสร้าง คือสุดยอดผังเมือง ที่มีถนนโบราณตัดตามแนวทิศเหนือ-ใต้-ตะวันออก-ตะวันตก แบ่งเมืองเป็น 4 ส่วนเท่ากัน โดยใช้พระราชวังปาตันและจัตุรัสดูบาร์อันคึกคักเป็นศูนย์กลาง นี่คือนครโบราณที่ยังมีชีวิตอย่างแท้จริง

p2 p3 p4.1 p4.2 p4 p5 p6 p7 p8 p9.1 p9 p10 p11 p12 p13 p14 p15 p16

Getting There

จากไทย-กาฐมาณฑุบินตรง ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที เช่น การบินไทย โทร. 0-2288-7000 www.thaiair.com และ Nepal Airlines โทร. 02-2667146-7 www.nepalairlines.com.np

ปาตันอยู่ห่างจากกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 5 กิโลเมตร สภาพถนนดี เดินทางได้ด้วยรถแท็กซี่ รสบัส และรถไมโครบัส สำหรับรถแท็กซี่ค่าโดยสารต่อเที่ยว 200-350 รูปี แต่ถ้าจะให้รอรับกลับด้วย ก็ต้องคูณสอง ส่วนรถบัสมีสายสีน้ำเงินกับเขียว ค่าโดยสารคนละ 15-20 รูปี บอกคนเก็บตังค์ด้วยว่าจะลงที่ปาตัน รถบัสจะจอดริมถนน Ring Road จากนั้นเดินต่อไปอีก 15 นาที จนถึงปาตัน ดูบาร์สแควร์ ส่วนรถไมโครบัสขึ้นได้ที่ Ratnapark ในกาฐมาณฑุ ค่าโดยสารคนละ 12 รูปี

5,000 กิโลเมตร! จากเมืองไทยถึงแชงกรี-ลา China

สุดยอดปราชญ์จีนอย่างขงจื้อเคยกล่าวไว้ว่า “เดินทางแค่ลี้เดียว ดีกว่าอ่านหนังสือร้อยเล่ม” คำกล่าวนี้จริงแท้แน่นอน และถ้าเป็นการเดินทางสัก 5,000 กิโลเมตรล่ะ! เราจะได้ประสบการณ์มากมายมหาศาลแค่ไหน? ผมยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ จนกระทั่งได้เดินทาง ด้วยวิธีการขับรถจากเมืองไทยไปสู่ดินแดนชายขอบหลังคาโลก “แชงกรี-ลา” (เมืองจงเตี้ยนของจีน) ติดประตูบ้านทิเบตตะวันออก โดยใช้เวลาไป-กลับถึง 17 วัน แชงกรี-ลา (Shangri-la) คือเมืองที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสสายลมแห่งขุนเขาหิมะคำราม แผ่ปกด้วยทุ่งดอกไม้ ทะเลสาบ วัดวาอารามเก่าแก่ และวิถีวัฒนธรรมสุดอลังการ

การเดินทางจากไทยไปเมืองแชงกรี ลา มีทั้งแบบง่ายๆ ชิลชิล และแบบผจญภัยสุดขั้ว คือไปได้ง่ายๆ แบบนั่งเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมงถึง หรือจะเดินทางด้วยรถยนต์จากเมืองระยะทางไปกลับ 5,500 กิโลเมตร! ขับรถ 10-14 วัน เส้นทางไทย (อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย) – ลาว (เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว) – เมืองเชียงรุ้ง (แคว้นสิบสองปันนา) – เมืองคุนหมิง – เมืองต้าลี่ – เมืองลี่เจียง – เมืองแชงกรี ลา

26

แชงกรี ลา ได้รับการเอ่ยถึงในโลกตะวันตกพร้อมวรรณกรรมชื่อก้องโลก “ขอบฟ้าที่สาบสูญ” หรือ The Lost Horizon ของนักเขียนนวนิยายแนวผจญภัยชื่อดัง เจมส์ ฮิลตัน (James Hilton) ซึ่งใช้ข้อมูลจากการเดินทางของนักสำรวจจีนโดยสมาคมแนชั่นแนลจีโอกราฟิกชื่อ โจเซฟ ร็อก (Joseph Rock) บวกกับจินตนาการของเขา เนรมิตดินแดนแชงกรี ลา ขึ้นมาในโลกแห่งวรรณกรรม โดยคำว่า “แชงกรี ลา” นี้ แท้จริงมีรากศัพท์มาจากภาษาทิเบตว่า “ชัมบาลา” (Shambala) หมายถึงชีวิตอันสงบสันติ ตามแนวพระพุทธศาสนานิกายวัชรยาน และเป็นดินแดนในอุดมคติที่หลุดพ้นจากตัณหากิเลสทั้งปวง ต่อมารัฐบาลจีนได้จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติออกค้นหาดินแดนแชงกรี ลา ว่าอยู่ในส่วนใดของจีน ก็มาพบ เมืองจงเตี้ยน (Zhongdian) ที่มีภูมิประเทศใกล้เคียงกับนวนิยายของเจมส์ ฮิลตัน มากที่สุด รัฐบาลจีนจึงเปลี่ยนชื่อ “เมืองจงเตี้ยน” เป็น “แชงกรี ลา”   นับเป็นแผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จสุดๆ เพราะหลังจากนั้นเงินทอง ความเจริญ และนักท่องเที่ยว ก็หลั่งไหลเข้าสู่จงเตี้ยน ชาวจีนจึงเรียกเมืองแชงกรี ลา ใหม่นี้ว่า “เชียงเก๋อหลี่ลา” (Xiang-ge-li-la) ซึ่งนี่อาจเป็นตัวแทนของแชงกรี ลา ในฝัน ที่เราสัมผัสได้จริง

2

3

4

5

6

7

 โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบเดินทางช้าๆ เก็บรายละเอียดต่างๆ ไปด้วย เพราะชอบถ่ายภาพ การเดินทางด้วยรถยนต์จึงเหมาะสุด เริ่มอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามเรือเฟอร์รี่เข้าสู่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว แล้วใช้ถนนสาย R3A ผ่าน เมืองหลวงน้ำทา (Luang Namtha) ต่อด้วยทางหลวงสาย 13B มุ่งหน้าสู่ เมืองบ่อเต็น (Boten) แล้วข้ามชายแดนลาว-จีน ที่ เมืองโมฮาน (Mohan)

            จากด่านโมฮาน ขับรถต่อไปอีก 101 กิโลเมตร ผ่าน เมืองลา (Mengla) จนถึง เมืองเชียงรุ่ง (Jinghong) สิบสองปันนา ผมชอบถนนช่วงนี้เพราะสวยแปลกตาดี สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้ สลับกับสวน และต้องวิ่งลอดอุโมงค์ที่รัฐบาลจีนเจาะภูเขาทะลุไปถึง 17 แห่ง ข้ามสะพานข้ามเหวสูงอีกกว่า 20 แห่ง นับเป็นความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมเลยก็ว่าได้ครับ จากนั้นผ่านเมืองคุนหมิง (Kunming) เข้าสู่เมืองต้าหลี่

8

 ต้าหลี่ (Dali) เป็นเมืองโบราณของชนชาติไป๋ (Bai) ที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 ทั่วเมืองเต็มไปด้วยเสน่ห์ของการผสมผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน และมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อาทิ “เจดีย์สามองค์แห่งวัดฉงเซิ่ง” ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สุด โดยเจดีย์องค์กลางสูง 70 เมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมสร้างสมัยราชวงศ์ถัง ส่วนเจดีย์องค์เล็กสององค์ สูง 43 เมตร เป็นทรงแปดเหลี่ยมสร้างสมัยราชวงศ์ซ่ง ปัจจุบันเจดีย์องค์เล็กเอียงไป 4-6 องศา คล้ายหอเอนปิซ่าที่อิตาลี!

ตัวเมืองต้าหลี่ถูกขนาบด้วยทะเลสาบเอ๋อไห่ทางตะวันออก และเทือกเขาชานซานทางตะวันตก เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ใน พ.ศ. 1480-1796 เมืองต้าหลี่ตั้งอยู่บนความสูง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบายตลอดปี ทำให้การเดินเที่ยวของผมช่างรื่นรมย์ จากวัดเจดีย์สามองค์ไปต่อกันที่ “เมืองเก่าต้าหลี่” (Dali Old Town) อายุกว่า 1,000 ปี ผมค่อยๆ เดินเข้าไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ชมบ้านเก่าสไตล์จีนสร้างด้วยหิน มุงหลังคากระเบื้องดินเผาลอนโค้ง เก่าคร่ำคร่าจนมีมอสและดอกไม้งอกขึ้นราวสวนธรรมชาติ โครงหน้าต่างและเสาค้ำของบ้านเป็นไม้ท่อนใหญ่ และปูลาดทางเดินทั่วเมืองด้วยหินดั้งเดิมอายุนับพันปี ซึ่งคนไม่รู้กี่ชั่วอายุคนเดินเหยียบย่ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิศวกรจีนโบราณผู้เนรมิตเมืองต้าหลี่ชาญฉลาดนัก ออกแบบให้มีคลองส่งน้ำเล็กๆ ไหลหล่อเลี้ยงทั่วเมือง ให้คนได้ดื่มกินอาบใช้ น้ำใสไหลเย็นนี้ก่อเกิดจากหิมะละลายจากเทือกเขาชานซานที่ตระหง่านอยู่ข้างเมืองนั่นเอง

9

10

 จากต้าลี่เดินทางต่ออีกแค่ 180 กิโลเมตร ก็ถึงเมืองโบราณ ลี่เจียง (Lijiang) ในเขต “เมืองเก่าซู่เหอ” (Shuhe Old Town) อายุกว่า 1,000 ปี! แม้วันนี้ซู่เหอจะมีสีสันสมัยใหม่เข้ามาแทรกซึมอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงกลิ่นอายโบราณไว้มาก ยังคงมีก้อนหิน เสาไม้ ลวดลายแกะสลัก และกระเบื้องมุงหลังคาแบบจีน   ผมเข้าไปนั่งจิบกาแฟร้อนๆ ริมสายน้ำใสไหล้เย็นใต้เงาต้นหลิว ปล่อยเวลาให้เคลื่อนผ่านโดยไม่ต้องกังวล ยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าใด ก็ยิ่งเห็นคุณย่าคุณยายชาวน่าซี (Naxi) ที่ยังคงแต่งกายแบบดั้งเดิม สวมเสื้อแขนยาว หมวกสีน้ำเงิน เดินไปมาอยู่ทั่วไป เมืองเก่าแห่งนี้มีสระน้ำที่มีต้นหลิวโอนเอนล้อลมน่ามอง สมแล้วที่ลี่เจียงได้ฉายาว่า “เมืองน้ำสวย” (ลี่ แปลว่า สวย และเจียง แปลว่า น้ำ)

11

12

13

14

15

16

18

19

20

 คนที่จะขับรถเส้นทางนี้ต้องมีทักษะในการขับรถบนเขาสูงชัน เพราะเส้นทางเมืองไทย-แชงกรี ลา เต็มไปด้วยหุบเขาสลับซับซ้อน

21

22

 จากลี่เจียงบนความสูงเพียง 2,400 เมตรเหนือน้ำทะเล ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงดินแดนในฝัน แชงกรี ลา บนความสูงกว่า 4,300 เมตรเหนือน้ำทะเล! จนได้ ช่วงที่ไปถึงเป็นฤดูใบไม้ร่วงพอดี ใบไม้ในราวไพรจึงผลัดใบเปลี่ยนสี ทำให้ภูเขาทั้งลูกเหมือนถูกระบายแต้มด้วยสีเหลือง ส้ม แดง น่าตื่นตามาก บางช่วงถนนคดโค้งเลียบลำธารใสและโขดหินใหญ่ ในทุ่งหญ้ามีฝูงม้า จามรี และแกะของชาวทิเบต เดินเลาะเล็มหญ้าหากินอยู่อย่างเสรี มีบ้านทิเบตที่สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยม โดยใช้อิฐ หิน และไม้ อย่างง่ายๆ เราพบเจดีย์ทิเบตที่เรียกว่า ชอร์เต็น (Chorten) มากมาย บางแห่งสร้างโดยเรียงก้อนหินขึ้นไปธรรมดาๆ แต่บางองค์สร้างเป็นเจดีย์ฉาบปูนทาสีขาวผูกโยงธงมนต์ปลิวไสว ถ้าสังเกตให้ดีธงมนต์จะมี 5 ตามสีมงคลของทิเบต คือ แดง ขาว เหลือง เขียว และน้ำเงิน บนธงมนต์มีรูป “ม้าลม” (Wind Horse ชาวทิเบตเรียกว่า ลุงตะ) เชื่อว่าม้าลมจะนำบทสวดมนต์บนผืนธง ให้ลอยไปสร้างสงบสานติทั่วโลก

23

 ผืนป่าบนภูเขาของแชงกรี ลา  ผลัดใบหลากสีสุดอลังการในต้นฤดูใบไม้ร่วง ราวภาพศิลปะของศิลปินเอก

24

 “หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน” (Blue Moon Valley) บนระดับความสูงกว่า 3,800 เมตร ซึ่งเราต้องนั่งรถกระเช้ายาวเหยียดขึ้นสู่ยอดเขา บนนั้นแม้จะวิวสวย แต่ออกซิเจนเบาบางมาก บางคนจึงต้องพกออกซิเจนกระป๋องเล็กๆ ขึ้นไปใช้หายใจให้สะดวกขึ้น ผืนป่าในหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินยามนี้เปล่งปลั่งสุดขีด ผลัดใบเป็นสีเหลืองทั้งขุนเขา ยิ่งมองเลยออกไปลิบๆ จะเห็นภูเขาหิมะหนาวเย็นทอดยาวอยู่ตรงปลายฟ้า ทำให้รู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาเยือนสวรรค์ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจอยู่ บนเขามีสะพานทางเดินไปยังส่วนต่างๆ พร้อมกับมีชอร์เต็น 3 องค์ ผูกโยงธงมนต์ทิเบต ผมจึงอธิษฐานขอให้ได้กลับมาที่นี่อีกในฤดูหิมะหน้า

25

28

 “วัดซงซานหลิน” (Songzanlin Monastery) วัดอายุกว่า 300 ปี ซึ่งได้รับการสร้างโดยดาไลลามะองค์ที่ 5 นับเป็น 1 ใน 13 วัดสำคัญที่สุดของทิเบต วัดซงซานหลินเป็นวัดใหญ่ มีอารามหลักหลังคาสีทองอร่าม พร้อมด้วยกุฏิของพระเณรรายรอบ เมื่อมองจากระยะไกลมีสัณฐานคล้ายพระราชวังโปตาลาในนครลาซา เมืองหลวงของทิเบต วัดซงซานหลินจึงได้รับฉายาว่า “โปตาลาน้อย” ในวิหารกลางมีรูปปั้นดาไลลามะองค์ที่ 5 ใหญ่เท่าตึก 3 ชั้น! ผู้คนมากราบไหว้ไม่ขาด พร้อมกันนี้บนฝาผนังยังมีภาพปริศนาธรรม เทพพิทักษ์ธรรมในปางดุ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระศรรีอริยเมตรไตรย และผ้าพระบฏ (Thangka) โบราณอยู่มากมาย

29

30

 สาวแชงกรี ลา แท้จริงก็คือสาวเชื้อสายทิเบตนี่เอง เพราะสมัยโบราณเขตนี้คือดินแดนของทิเบตตะวันตก

31

 เมื่อมาถึงแชงกรี ลา แล้ว ก็ต้องฝึกพูดทักทายสวัสดีเป็นภาษาทิเบตไว้หน่อย เขาใช้คำว่า “ตาชิ เตเล่” (Tashi Delek) จำไว้ให้ขึ้นใจ ฝึกพูดไว้ให้ติดปาก จะได้รับการต้อนรับจากทุกคนทุกที่

32

 คาราวานขับรถเที่ยวในเมืองแชงกรี ลา (เมืองจงเตี้ยน) ผ่านหุบเขาสูงชัน คดเคี้ยว ลงสู่ทุ่งราบกว้างสุดลูกหูลูกตา

33

 ค่ำคืนในแชงกรี ลา อากาศหนาวจับใจ อุณหภูมิลดต่ำเหลือแค่ 5 องศาเซลเซียส! เช้าวันถัดมาจึงมีน้ำค้างแข็งเป็นเกล็ดขาวๆ เกาะพราวอยู่ทั่วไปตามพื้นถนนและบนหลังคารถ หนาวแบบนี้เริ่มทำให้ผมคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ของคนที่เมืองไทยซะแล้ว แต่ยังเหลือหนทางยาวไกลอีกตั้ง 2,500 กิโลเมตร กว่าจะกลับถึงบ้าน ที่ซึ่งผมจะนำประสบการณ์สุดพิเศษทั้งหมดนี้ ไปบอกเล่ากับทุกคน ว่า “แชงกรี ลา The Lost Horizon” มันคือขอบฟ้าที่สูญหายแห่งดินแดนหลังคาโลกอย่างแท้จริง

35

 รอยยิ้มหวานเจี๊ยบจากสาวสิบสองปันนาทางตอนใต้ของจีน ทำให้การเดินทางยาวไกลกว่า 5,500 กิโลเมตร หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ อิอิ

36

1841

Traveler’s Guide

Best season : เที่ยวได้ตลอดปี เดือนมีนาคม-เมษายนดอกไม้บาน เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนใบไม้เปลี่ยนสี และเดือนธันวาคม-มกราคมได้เล่นหิมะสมใจ

How to go : เส้นทางขับรถเที่ยว ไทย (อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย)-ลาว (เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว)-เมืองเชียงรุ้ง (แคว้นสิบสองปันนา)-เมืองคุนหมิง-เมืองต้าลี่-เมืองลี่เจียง-เมืองแชงกรี-ลา ระยะทางไปกลับประมาณ 5,000 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 10-14 วัน ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ และคนขับที่มีประสบการณ์ผ่านทางภูเขาคดเคี้ยว อีกทั้งต้องทำวีซ่าลาว-จีน, เอกสารประกันภัย-เอกสารรถให้พร้อม แต่ถ้าอยากไปแบบง่ายกว่านั้น ให้บินจากกรุงเทพฯ-เมืองคุนหมิง แนะนำสายการบินไทย โทร. 0-2356-1111 www.thaiairways.co.th แล้วบินเมืองคุนหมิง-เมืองแชงกรี-ลา   (สนามบินตี๋ชิ่ง : Diqing Airport) สายการบิน China Eastern Airlines โทร. 0-2636-6979-80 มีบินทุกวัน ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง

Where to stay : มีโรงแรมหลายระดับให้เลือก เช่น เมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา โรงแรม Gloden Zone โทร. 86-691-2150888 www.goldenzonehotel.com เมืองคุนหมิง โรงแรม Empark Grand Hotel โทร. 86-871-7388888 www.empark.com.cn เมืองต้าลี่ โรงแรม Asia Star Garden Hotel โทร. 86-872-2680199 www.asiastargroup.com เมืองลี่เจียง โรงแรม Treasure Harbour International Hotel โทร. 86-888-3116688 www.treasureharbour.cn เมืองแชงกรี-ลา โรงแรม Paradise Hotel โทร. 86-887-8228008 http://www.chinaodysseytours.com/hotels/Paradise-Hotel.html ค่าห้องพักรวมอาหารเช้าด้วย

What to eat : เส้นทางขับรถช่วงที่อยู่ในลาวอาหารยังคล้ายกับไทย แต่เมื่อข้ามแดนเข้าจีนแล้ว อาหารจะเป็นพวกข้าวสวย บะหมี่ หมูแดง เป็ด ไก่ หมั่นโถว ซาลาเปา ผัดผัก ปลานึ่ง ซุปต่างๆ ถ้าพักตามโรงแรมใหญ่ๆ จะมีอาหารตะวันตกด้วย ใครกลัวเลี่ยน แนะนำให้พกน้ำพริกไทยไปด้วย ที่แชงกรี-ลา อย่าลืมชิมเนื้อจามรีทอด (คนจีนเรียกว่าเนื้อเหมาหนิว) รวมถึงชาเนยทิเบต กินกับซัมปะ (แป้งข้าวบาร์เลย์คั่ว)

Souvenirs : ของที่ระลึกบนเส้นทางนี้มีมากมายให้เลือก ที่เมืองเชียงรุ้ง แนะนำใบชาปู้เอ่อ เครื่องไม้แกะสลัก และเครื่องหนัง ที่เมืองคุนหมิง แนะนำครีมบัวหิมะทาแก้น้ำร้อนลวก ที่เมืองต้าหลี่ แนะนำผ้าทอมือ และกระเป๋าถักของชนเผ่าไป๋ ที่เมืองลี่เจียง แนะนำผ้าคลุมไหล่ทอมือ และงานหัตถกรรมของชนเผ่าน่าซี ส่วนที่เมืองแชงกรี-ลา แนะนำหวีจากเขาจามรี แส้พู่หางจามรี และหินสีทิเบต (โปรดระวังของปลอม!)

Hokkaido Blooming Season

2

3

ณ ใจกลางเกาะฮอกไกโดที่เมืองบิเอะ (Biei) และเมืองฟุระโนะ (Furano) ถือเป็น 2 เมืองสุดยอดไฮไลท์ในการชมดอกไม้ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม การเดินทางท่องเที่ยวก็แสนง่ายดาย เพราะเมื่อบินจากไทยไปลงที่ซัปโปโร (Sapporo) เมืองหลวงของฮอกไกโดแล้ว เราสามารถซื้อแพ็กเกจทัวร์ เช่ารถยนต์ขับเอง เช่ารถแท็กซี่ หรือจะปั่นจักรยานเอง ไปเที่ยวเมืองดอกไม้ เชื่อมโยงกันเป็นเส้นทางได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย

4

5

โทมิตะฟาร์ม (Tomita Farm) เป็นฟาร์มดอกไม้ของตระกูลโทมิตะที่เริ่มปลูกดอกลาวเวนเดอร์มาตั้งแต่ ค.ศ. 1903 แล้ว จากฟาร์มเล็กๆ ที่เคยมีแต่ผลผลิตดอกลาเวนเดอร์สดอย่างเดียว ค่อยๆ เติบโตสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากดอกลาเวนเดอร์พันธุ์ดี จนทุกวันนี้โทมิตะฟาร์มมีเนื้อที่กว่า 120,000 ตารางเมตร! มีการแปรรูปลาเวนเดอร์เป็นสินค้ากลิ่นหอมจรุงใจหลายสิบอย่าง ทั้งน้ำมันลาเวนเดอร์ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หยดไว้ที่หมอนก่อนนอนสักสองสามหยด ก็จะทำให้หลับสบาย, น้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ติดทนนาน, สบู่ลาเวนเดอร์, ครีมทาผิวลาเวนเดอร์, ครีมอาบน้ำ น้ำยาสระผม ครีมนวดผมลาเวนเดอร์, แผ่นหอมลาเวนเดอร์เอาไว้ใส่ตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่น้ำดื่มกลิ่นลาเวนเดอร์ ไอศกรีมลาเวนเดอร์ และเมล็ดพันธุ์ลาเวนเดอร์ ก็มีจำหน่ายให้คนที่ชอบปลูกดอกไม้ทำสวนหลังบ้าน

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

Traveler’s Guide

Best seson : ดอกไม้บานมากที่สุดเดือนมิถุนายน-สิงหาคม

Getting there : จากเมืองไทยบินตรงจากสุวรรณภูมิ-ซัปโปโร เมืองหลวงของฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง 15 นาที ติดต่อ Thai Airways International โทร. 02-356-1111 เว็บไซต์ www.thaiairways.co.th

Overnight : ในซัปโปโร แนะนำ Mitsui Garden Hotel www.gardenhotels.co.jp/eng/sapporo/ เมืองฟูราโนะ แนะนำ Furano Natulux Hotel www.natulux.com/en/about/index.html เมืองบิเอะ แนะนำ Woody Life Cottages www.booking.com/hotel/jp/woody-life.th.html

Cuisine : ฮอกไกโดมีอาหารอร่อยให้ชิมเพียบ เช่น ปูยักษ์ทาราบะ, ปูขน, ปูดอกไม้, เนื้อวัววากิว, ไข่หอยเม่น, ข้าวหน้าปลาไหล, ข้าวหน้าปลาดิบรวม, เมล่อน, ขนมโมจิ, ช็อกโกแลต ROYCE, ช็อกโกแลตขาว, ซอฟครีม (เป็นไอศกรีมที่นุ่มกว่าปกติ), นมสดฮอกไกโด ฯลฯ

Souvenirs : แผ่นหอมลาเวนเดอร์, น้ำหอม, สบู่, ยาสระผม, ครีมอาบน้ำ, ครีมบำรุงผิว, ชาลาเวนเดอร์ ฯลฯ

Info : บริษัท World Pro Travel จำกัด เลขที่ 55 ML แมนชั่น ถนนวิภาวดี เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2617-6757-8 เว็บไซต์ www.worldprotravel.com อีเมล worldprotravel@yahoo.com