เที่ยวทั่วโลก

Tana Toraja Land of Life & Dead, Indonesia

Tana Toraja 2สุลาเวสี (Sulawesi) ชื่อนี้หลายคนอาจไม่คุ้นเคย แต่ถ้าจับแผนที่หมู่เกาะของประเทศอินโดนีเซียมากางดู จะรู้ว่าสุลาเวสี คือหนึ่งในเกาะใหญ่ที่สุดทางตะวันออกของอินโดนีเซีย อยู่ถัดจากเกาะชวา เกาะบาหลี และลอมบอก ออกไป เกาะนี้เป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญ เพราะมีดินภูเขาไฟอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งมีเทือกทิวเขาสลับซับซ้อน มีภูเขาสูงเกินพันเมตรหลายลูก อากาศเย็นฉ่ำ กลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟ โกโก้ วานิลลา และที่สำคัญคือ สุลาเวสียังได้ชื่อว่าเป็น “หมู่เกาะเครื่องเทศ” ในอดีตอีกด้วย
Tana Toraja 3เมื่อเดินทางไปถึงตอนใต้ของเกาะสุลาเวสี ที่บริเวณ Tana Toraja เราจะได้ชื่นชมวิถีชีวิตการปลูกข้าว ที่ผูกพันกับผู้คนมาหลายร้อยปี
Tana Toraja 4และแน่นอนว่า เมื่อมีการเกษตรกรรมปลูกข้าว ควายก็คือเพื่อนแสนดีที่ชาวนาใน Tana Toraja สนิทที่สุด ทว่าด้วยความเชื่อในเรื่อง ‘ชีวิตหลังความตาย’ ควายจึงถูกนำไปเปรียบเสมือนพาหนะที่จะนำพาวิญญาณของผู้วายชนม์ไปสู่สุขติ ใน Tana Toraj จึงมีการบูชายัญควายในพิธีศพด้วย อีกทั้งยังมี ‘ตลาดควาย’ หรือ Buffalo Market ที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ทุกวันเสาร์และวันอังคาร จะมีควายหลายพันตัวมาสู่ตลาดซื้อขายนี้Tana Toraja 5เอกลัษณ์อย่างหนึ่งของชาว Torajan ที่อาศัยอยู่ในเขต Tana Toraja ของเกาะสุลาเวสีตอนใต้ ก็คือการสร้างบ้านหลังคาโค้งหน้าจั่วแหลมสูงที่เรียกว่า ‘ตองโกนัน’ (Tongkonan) โดยเหตุที่เขาต้องสร้างหลังคาในลักษณะนี้ก็เพราะ บรรพบุรุษของชาว Torajan ได้ล่องเรืออพยพมาจากกัมพูชาและจีนตอนใต้ เมื่อมาถึงเกาะสุลาเวสี ก็ล่องเรือลึกเข้ามาในแผ่นดินตามแม่น้ำสายใหญ่ และเมื่อเริ่มตั้งรกรากฐาวร ไม่อาศัยอยู่ในเรืออีกแล้ว จึงสร้างตัวแทนเรือไว้เป็นหลังคาบ้านแบบนี้ล่ะครับ โดยบ้านรุ่นเก่าจะมุงหลังคาด้วยไม้ไผ่และฟาง ส่วนเสาบ้านใช้ต้นปาล์มป่า หรือไม้เนื้อแข็งสี่เหลี่ยม บนบ้านมีไม่เกิน 4 ห้อง อาศัยอยู่ได้แค่ 4-5 คน
Tana Toraja 6หมู่บ้านปาลาวา (Palawa Village) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สุดของชาว Torajan ซึ่งยังมีบ้าน Tonganan ในลักษณะดั้งเดิมให้ชมหลายสิบหลัง ด้านนอกตัวบ้านจะมีการสลักไม้เป็นลวดลายต่างๆ ทั้งพระจันทร์ พระอาทิตย์ ไก่ ทุ่งนา ควาย ฯลฯ ล้วนสะท้อนถึงวิถีชีวิตเกษตรกรรม อีกทั้งเมื่อมีคนในบ้านเสียชีวิตลง ช่วงแรกเขาก็จะเก็บศพไว้ในบ้าน ทำทีว่าผู้นั้นยังมีชีวิต มีการจัดข้าวปลาอาหารเลี้ยงดูปกติ จากนั้นก็จะห่อศพคล้ายมัมมี่เก็บไว้ โดยในพิธีศพจะมีการเชือดควายบูชายัญมากน้อยตามฐานะผู้ตายTana Toraja 7ทิวเขา สายหมอก ป่าไม้ บ้าน Tongonan วัวควาย และทุ่งนา คือลมหายใจและจิตวิญญาณที่แท้จริงของ Tana TorajaTana Toraja 8รีสอร์ทบางแห่งสร้างห้องพักเลียนแบบบ้าน Tongonan อันมีเอกลักษณ์
Tana Toraja 9ชาว Torajan ในปัจจุบันปรับตัวมาใช้ชีวิตแบบคนเมืองแล้ว ส่วนใหญ่เปิดให้ท่องเที่ยว และขึ้นชมบ้านได้ รวมทั้งจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองที่หาชมที่อื่นไม่ได้แน่นอนTana Toraja 10การเต้นรำพื้นเมืองแบบ Torajan หาชมได้เฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ หรือในโรงแรมใหญ่ๆTana Toraja 11สาว Torajan ดูแทบไม่ออกเลยว่าบรรพบุรุษของเธอคือชาวกัมพูชา และคนจีนตอนใต้ที่อพยพสู่เกาะสุลาเวสีTana Toraja 12การเดินทางจากเมืองไทยไป Tana Toraja บนเกาะสุลาเวสีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป ช่วงแรกต้องบินจาก กทม.-จาการ์ต้า แล้วเปลี่ยนเครื่องภายในประเทศ จาการ์ต้า-มาคาซาร์ (Makassar) จากนั้นต้องนั่งรถยนต์อีก 300 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง จนถึงเขต Tana Toraja ตรงจุดกึ่งกลางครึ่งทางมีร้านกาแฟให้นั่งแวะพัก บริเวณ ภูเขาโนน่า (Gunung Nona)Tana Toraja 13เมื่อถึงเขต Tana Toraja ก็จะต้องผ่านเข้าสู่ประตู Toraja Gate เสียก่อน
Tana Toraja 14ก่อนที่จะเดินทางถึง เมืองมาคาเล่ (Makale) เมืองหลวงของ Tana Toraja เราจะผ่านหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรม และความศรัทธาของชาวคริสต์ที่นี่ (เนื่องจากคนเกิน 60 เปอร์เซนต์ ของ Toraja ปัจจุบันนับถือศาสนาคริสต์) คือ ‘รูปปั้นพระเยซูคริสต์แห่งมานาโด้’ (Jesus of Manado) ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้รูปปั้นพระเยซูคริสต์ที่บราซิลเลยแม้แต่น้อยTana Toraja 15ลงจากยอดเขา Jesus of Lemo สู่ ตัวเมือง Makale เพื่อเดินทางต่อไปยังเขตทะเลภูเขาสลับซับซ้อนของ Tana TorajaTana Toraja 16Land Above the Cloud หรือ แผ่นดินสูงเหนือเมฆ คือจุดชมวิวสวยที่สุดในยามเช้าของเขต TorajaTana Toraja 17 จาก Land Above the Cloud มองลงไปเบื้องล่าง งามไม่ต่างจากสวรรค์!
Tana Toraja 18ที่ Land Above the Cloud มีจุดกางเต็นท์และจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวเลือกหลายแห่ง วิวตรงหน้าก็จะงามต่างกันไป
Tana Toraja 19ด้วยความสูงไม่ต่ำกว่า 1,300-1,600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ภูเขาในแถบ Tana Toraja กลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟอะราบิก้าคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย ส่งออกไปทั่วโลกTana Toraja 20ต้องหากาแฟ Toraja Cofee ร้อนๆ ดื่มแก้หนาวกันหน่อยล่ะTana Toraja 21กาแฟ และผงโกโก้เข้มข้น ที่นี่หาซื้อง่าย แม้แต่ใน ตลาดเช้า หรือ Morning Market ก็มีให้เลือกซื้อเพียบTana Toraja 22บรรยากาศตลาดเช้าของเมือง Makale คึกคักทุกวัน พืชผักผลไม้มีให้เลือกซื้อหลากหลายจริงๆ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินTana Toraja 23การจะเข้าถึง Tana Toraja ให้ได้แบบถึงกึ๋นลึกซึ้ง เราต้องไปเยี่ยมชมสถานที่เกี่ยวกับ ‘ชีวิตหลังความตาย’ กันหน่อย! อย่าเพิ่งตกใจ เพราะคนที่นี่เขามองเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา เหมือน Cycle of Life นั่นล่ะ ที่ Tana Toraja จะไม่มีการเผาศพหรือฝังศพเด็ดขาด แต่จะใช้วิธีห่อศพคล้ายมัมมี่ แล้วนำไปเก็บไว้ตามถ้ำ ตามหน้าผา หรือสร้างบ้าน Tongonan หลังเล็กๆ เก็บไว้แทน เพื่อให้ลูกหลานได้รำลึกถึงบรรพบุรุษ อย่างที่ ‘ถ้ำลีโม่’ (Lemo Cave) จะมีการเจาะโพรงไว้บนหน้าผาสูงชัน หรือนำศพคนตายไปเก็บไว้ในถ้ำต่างๆTana Toraja 24.1หน้าผาเก็บศพแห่งลีโม่ มีการแกะสลักตุ๊กตาไม้ตัวแทนผู้ตาย ให้คนที่ยังอยู่ได้รำลึกถึง ตุ๊กตาเหล่านี้มีขนาดเท่าคนจริง เรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า ‘เตา-เตา’ (Tao-Tao)Tana Toraja 24ที่ ‘หมู่บ้านทัมปัง อัลโล’ (Tampang Allo Village) มีต้นไม้โบราณอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านใช้เก็บศพเด็กทารกที่ตายก่อนจะมีฟันน้ำนมขึ้น โดยเขาจะนำศพเด็กห่อผ้าเหมือนมัมมี่ นำไปใส่ไว้ในโพรงต้นไม้ เพราะต้นไม้นี้มียางขาวคล้ายน้ำนม วิญญาณเด็กจะได้ดื่มน้ำนมแล้วมาเกิดใหม่ มันจึงกลายเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่มีการเก็บกินผลเด็ดขาด ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงต้นเดียว ภายในบรรจุศพเด็กทารกไว้หลายสิบศพ
Tana Toraja 25ที่หมู่บ้าน Tampang Allo ยังมีอีกหนึ่งสถานที่น่าขนลุกซึ่งไม่ควรพลาดชม นั่นคือ ‘ถ้ำเก็บศพแห่งทัมปัง อัลโล่’ ภายในถ้ำขนาดใหญ่ที่เย็นชื้นและโบราณนี้ เต็มไปด้วยหัวกะโหลก โครงกระดูก โลงศพไม้โบราณ และตุ๊กตาเตา-เตา นับร้อยๆ ตัว วางระเกะระกะอยู่ทั่วไปในทุกซอกหลืบ บ้างแขวนอยู่บนเพิงผาหินปูนสูงชัน ปัจจุบันเหลือถ้ำเก็บศพลักษณะนี้อยู่ใน Tana Toraja เพียงไม่กี่แห่ง โดยส่วนใหญ่จะเป็นศพของชนชั้นปกครองหรือคนรวยTana Toraja 26ภายในถ้ำเก็บศพทัมปัง อัลโล่ คือที่พำนักสุดท้ายอันสงบสงัดของผู้วายชนม์!Tana Toraja 27ตุ๊กตาเตา-เตา ภายในถ้ำเก็บศพทัมปัง อัลโล่

หากคุณมีโอกาส และต้องการเดินทางสู่ดินแดนแปลกใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ในโลก หรือต้องการผจญภัยในดินแดนห่างไกลที่แทบจะไม่เคยมีใครย่างเหยียบไปถึง เราขอแนะนำ ดินแดน Tana Toraja แห่งเกาะสุลาเวสี ที่สุดแห่งการเดินทางครั้งหนึ่งในชีวิต!
Wonderful IndonesiaImNikon

อพท ชวนเที่ยวเชื่อมโยง ตราด-เกาะกง กัมพูชา

cambodia 2“สุดปลายทางคือความเชื่อมโยง” นี่คือวลีเด็ดของ อพท. ตราด ที่ยังก้องอยู่ในความทรงจำของผม เพราะทุกวันนี้เราเปิดเสรีอาเซียนแล้ว การเดินทางเชื่อมโยงทั้งท่องเที่ยวและติดต่อธุรกิจค้าขาย ภายในกลุ่ม 10 ประเทศอาเซียน จึงเป็นไปได้แทบไร้ขีดจำกัด เรียกว่า ASEAN One Destination เลยทีเดียว คือหมายความว่า ไม่ว่าเราจะไปเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยว ณ จุดใดในอาเซียน ก็จะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้เสมอ

คุณสุธารักษ์ สุนทรวิภาต รักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง ของ อพท. ได้กล่าวว่า ตราด เป็นอีกหนึ่งจังหวัดชายแดนสุดปลายทางบูรพา (ทิศตะวันออก) ของสยาม เชื่อมโยงเข้าสู่จังหวัดเกาะกง ของกัมพูชา โดยสองพื้นที่นี้มีความคล้ายคลึงกันทั้งด้านชีวิตชุมชน ที่ยังผูกพันอยู่กับวิถีเกษตรและประมง รวมถึงมีอาณาเขตติดทะเล ธรรมชาติสวยสดงดงาม การเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงตราด-เกาะกง โดย อพท. (องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) จึงเป็นการเปิดประตูสู่มิติใหม่อย่างแท้จริง
cambodia 3การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้น ณ “พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด” เป็นอาคารไม้โบราณทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะเคยทำหน้าที่เป็นศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ทว่าเมื่อมีการย้ายศูนย์ราชการไป อาคารหลังนี้ก็ถูกทิ้งทรุดโทรม เพิ่งมีการบูรณะให้กลับมีชีวิตฟื้นคืนสภาพ จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวของเมืองตราดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กรมศิลปากรจึงได้อนุรักษ์เรือนไม้หลังนี้ให้เป็นโบราณสถานเรียบร้อยแล้วcambodia 4เพียงก้าวย่างแรกขึ้นสู่อาคารด้านบน ก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินย้อนคืนสู่อดีต คงเพราะแทบทุกส่วนสัดล้วนสร้างด้วยไม้ จึงทำให้เย็นสบาย อีกทั้งตามชายคาและหัวเสาก็มีการฉลุลายไม้เอาไว้ บ่งบอกถึงความประณีตบรรจงในงานช่างสมัยก่อน ชวนให้จินตนาการไปถึงห้วงเวลาที่อาคารนี้ยังเป็นศาลากลางจังหวัด คงจะมีผู้คนขึ้นมาเดินกันขวักไขว่เพื่อติดต่อราชการแบบหัวกระไดไม่แห้งทีเดียวcambodia 5จากระเบียงทางเดินด้านหน้าที่โปร่งโล่งสบาย ตอนนี้ก็ถึงเวลาเดินไปทางซ้าย เพื่อเข้าสู่ห้องนิทรรศการภายในที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ และมีบอร์ดนิทรรศการ พร้อมแสง สี เสียง ให้ชมอย่างดีเยี่ยมcambodia 6ภายในนี้แบ่งห้องนิทรรศการเป็น 6 โซน คือ มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด, ผู้คนเมืองตราด ภูมิศาสตร์ อากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ, ลำดับทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด, เหตุการณ์สำคัญสมัยในหลวงรัชกาลที่ 5 อาทิ การพระราชทานพระแสงราชศาสตราประจำเมือง และการเสด็จประพาสเมืองตราด ฯลฯ, ยุธนาวีที่เกาะช้าง และบรรยากาศตลาดเก่าเมืองตราด จากวันวานถึงวันนี้cambodia 7ชีวิตคนตราดสมัยก่อน กินอยู่กันอย่างเรียบง่าย ตั้งเป็นชุมชนใหญ่สุดในเขตอำเภอเมืองใกล้แม่น้ำตราด เกิดมีย่านตลาดการค้าอันคึกคัก ที่มีชาวจีนเป็นฟันเฟืองหลักในด้านเศรษฐกิจcambodia 8จะว่าไปแล้ว ตราดในสมัยก่อนถือเป็น HUB หรือเมืองศูนย์กลางการค้าขายของชายทะเลตะวันออกเลยทีเดียว เพราะทำเลที่ตั้งอยู่ติดทะเล จึงมีเรือ พ่อค้าวาณิชย์ และผู้คนหลายเชื้อชาติ เข้ามาตั้งรกรากอาศัยอยู่ปะปนกันอย่างกลมกลืน เกิดเป็นเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมที่นำมาสู่อัตลักษณ์ความเป็น ‘เมืองตราด’ ทุกวันนี้ คือมีทั้งชาวจีน ชาวชอง ชาวมุสลิม ชาวญวน (เวียดนาม) และไทย รวม 5 เชื้อชาติอาศัยเหมือนญาติ ร่วมกันสร้างตราดขึ้นcambodia 9หากสืบคืนไปให้ดีจะพบว่าแท้จริงแล้วตราดเป็นดินแดนที่เก่าแก่มาก เนื่องจากมีร่องรอยของผู้คนเข้ามาอาศัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว ดังปรากฏการขุดพบ ‘กลองมโหระทึก’ หล่อด้วยสำริด อายุตั้งแต่ 500-1,000 ปีก่อนคริสตกาล อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่แหล่งโบราณคดีบ้านท้ายไร่ ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด และแหล่งโบราณคดีบ้านสามง่าม ฯลฯ ซึ่งลวดลายดาวแฉกรัศมีบนกลองนี้บ่งบอกถึงอิทธิพลของวัฒธรรมดองซอน (เป็นวัฒนธรรมในยุคสำริด กำเนิดขึ้นในพื้นที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำแดงของเวียดนามเหนือ) ที่พบได้ทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วง 4,000 ปีก่อนคริสตกาลcambodia 10ค่อยๆ เดินไล่ชมไปทีละห้องอย่างตั้งใจ บางห้องก็จัดแสดงหม้อไหจานชามแบบจีนจากยุคอดีตที่ขุดพบตามวัดต่างๆ ในเมืองตราดcambodia 11มีมุมจัดแสดงสินค้าพื้นถิ่นที่ทำรายได้ให้ตราดในอดีต คือเครื่องเทศต่างๆ โดยเฉพาะกระวาน หรือ Cardamom, กานพลู และพริกไทย ที่เป็นทั้งพืชสมุนไพรและใช้ประกอบอาหาร ส่งออกไปในหลายสิบประเทศทั่วโลกcambodia 12จำลองบรรยากาศตลาดเก่าในอดีตใกล้ๆ แม่น้ำตราดcambodia 13เดินทางกันต่อไปในอำเภอเมืองตราด ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด นั่งรถต่อไปแค่ไม่กี่อึดใจเราก็มาถึงวัดเก่าแก่ที่สุดของตราด คือ ‘วัดบุปผาราม’ (วัดปลายคลอง) โดยประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2175 (บางตำราว่า พ.ศ. 2191 บางตำราว่า 2195) ในรัชกาลพระเจ้าปราสาททอง สมัยกรุงศรีอยุธยา เล่าสืบต่อกันมาว่าในครั้งที่มีการเสาะหาพื้นที่สร้างวัด เมื่อชาวบ้านเดินทางมาถึงจุดนี้ก็ได้กลิ่นดอกไม้หอมตลบอบอวลไปทั่ว แต่หาที่มาของกลิ่นไม่พบ จึงถือเป็นนิมิตรดี ช่วยกันสร้างวัดขึ้น แล้วตั้งชื่อให้ว่า ‘วัดบุปผาราม’ แปลว่า ‘อารามแห่งดอกไม้’ ชื่อไพเราะไม่ใช่เล่นเลย นับแต่นั้นวัดบุปผารามก็ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของคนตราดเรื่อยมาวัดบุปผาราม ตราด 2จุดห้ามพลาดชมของวัดบุปผารามมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลกาการเปรียญไม้ศิลปะอยุธยา ที่สร้างขึ้นด้วยเงินเพียง 1,500 บาท, พระบุทอง-เงิน และพระพุทธรูปทรงเครื่อง, วิหารพระพุทธไสยาสน์, พิพิธภัณฑ์, พระอุโบสถซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธเจ้าปางแสดงธรรมอันงดงาม, กุฎิเดี่ยวสำหรับพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ที่มีความกว้างเพียง 2 เมตร ยาว 4.50 เมตร, อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน รวมถึงหอระฆังสูงอันมีเอกลักษณ์วัดบุปผาราม ตราด 1ความเก่าแก่ของพระอุโบสถเก่าศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่ผ่านกาลเวลามานับร้อยปี กำลังได้รับการบูรณะ เพื่อให้กลับมาสวยงามดังเดิมcambodia 16บนศาลาการเปรียญมีรูปหล่อโลหะของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยทรงถอดพระมาลา (หมวก) ออก วัดบุปผารามอาจจะเป็นแห่งเดียวในเมืองไทยก็ได้ ที่มีรูปหล่อลักษณะนี้อยู่cambodia 17วัดบุปผาราม ตราด 3กุฎิไม้โบราณของพระสงฆ์ เพื่อใช้ในการปฏิวัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีขนาดกว้างเพียง 2 เมตร ยาว 4.50 เมตร เรียกว่าขนาดพระสงฆ์พออยู่ได้รูปเดียว เพื่อแสวงหาความสงบวิเวกอย่างแท้จริงวัดบุปผาราม ตราด 4พระบุเงินบุทองศิลปะพม่า และพระพุทธรูปทรงเครื่องเหลืองอร่ามงามตาวัดบุปผาราม ตราด 5ภายในพระอุโบสถหลังเก่า ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ พร้อมด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างท้องถิ่น สะท้อนเรื่องราววิถีชีวิตและศิลปะจีนที่เข้ามาเจือปนวัดบุปผาราม ตราด 6 พระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า พระพักตร์อิ่มเอิบเปี่ยมเมตตา น่าเลื่อมใสมาก เบื้องหลังพระประธานมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปดอกไม้เครือเถา ให้เข้าคู่กับชื่อวัดบุปผารามวัดบุปผาราม ตราด 7ภาพจิตรกรรมฝาผนังไฮไลท์ของวัดบุปผาราม พระพุทธเจ้าปางแสดงธรรมวัดบุปผาราม ตราด 8ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดบุปผาราม งดงามด้วยศิลปะจีนที่เข้ามาเจืออยู่กับศิลปะไทย บ่งบอกได้ถึงผู้บูรณะที่ต้องมีเชื้อสายจีนแน่นอนวัดบุปผาราม ตราด 9พิพิธภัณฑ์วัดบุปผาราม เก็บรักษาโบราณวัตถุล้ำค่าไว้นับพันๆ ชิ้น เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาอดีตความเป็นมาของเมืองตราดนี้วัดบุปผาราม ตราด 10จานชามเครื่องเคลือบแบบจีนโบราณที่มีลวดลายวิจิตรสวยงาม ภายในพิพิธภัณฑ์วัดบุปผารามcambodia 19จากอำเภอเมืองตราด เราใช้ทางหลวงหมายเลข 3 แล่นไปทางตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึง ‘ชุมชนบ้านไม้รูด’ อำเภอคลองใหญ่ ซึ่งเป็นชุมชนวิถีประมงเข้มแข็ง ที่ทาง อพท. ได้เข้าไปเป็นพี่เลี้ยง ให้ชาวบ้านสามารถดำเนินวิถีชีวิตของตนไปได้ ควบคู่กับ การท่องเที่ยวแนวนิเวศพิพิธภัณฑ์ หรือ Eco Museum คือนักท่องเที่ยวจะต้องเข้าไปอย่างเคารพชุมชน มีการเข้าไปพักค้างแรมกับชาวบ้าน กินอาหารพื้นถิ่น และทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน เรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ต้องลงไปใช้ชีวิตกับชาวบ้านจริงๆ ที่เขาเรียกว่าเป็นแนว Experiences ให้ได้ประสบการณ์ตรง มาบอกเล่ากัน

 cambodia 20

ชุมชนบ้านไม้รูด มีความโดดเด่นในเรื่องการจับปูม้า ปูทะเล และปูดำที่อยู่ตามป่าชายเลน เพราะเขามีภูมิปัญญาท้องถิ่นสั่งสมกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงมีความเข้าใจในวิถีทะเลอย่างลึกซึ้ง ทุกวันเราจะเห็นภาพของเรือประมงที่แล่นเข้ามา ขนถ่ายกุ้งหอยปูปลาสดๆ ที่จับได้ขึ้นมาขาย บางบ้านนั่งแกะปูเตรียมส่งให้ร้านที่จะมารับซื้อ เป็นวิถีเรียบง่าย สงบงาม ที่ทำรายได้ให้อย่างยั่งยืน ตราบที่คนไม้รูดยังดูแลทะเลไว้อย่างดี
cambodia 21อพท. คือหน่วยงานหลักที่เป็นพี่เลี้ยงชาวบ้านไม้รูด ให้จัดตั้ง ‘ธนาคารปู’ เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ปูม้าไว้ในทะเลตราดมิให้สูญหาย หากชาวประมงรายใดจับปูไข่นอกกระดองได้มาขาย ก็จะไม่มีการรับซื้อ แต่มีข้อตกลงของชุมชนเป็นกฎกติการ่วมกันว่า ต้องนำแม่ปูไข่นอกกระดองไปให้ธนาคารปู เพื่อฟักและอนุบาลเป็นตัวอ่อน แล้วปล่อยคืนลงสู่ทะเลต่อไป ขอปรบมือให้เลยครับ
cambodia 22ธนาคารปูของบ้านไม้รูด ตั้งอยู่ในบริเวณสะพานปลา โดยการนำแม่ปูไข่นอกกระดองมาเลี้ยง ให้มีการสลัดไข่ลงในถังอนุบาล แม่ปูแต่ละตัวจะมีไข่ได้มากถึง 100,000-200,000 ฟอง แต่เมื่อปล่อยคืนสู่ทะเลแล้ว อัตราการรอดก็คงจะไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์ เพราะลูกปูตัวจิ๋วเหล่านี้มีลักษณะเป็นแพลงก์ตอนที่ล่องลอยไปในน้ำ จึงตกเป็นอาหารของสัตว์ทะเลอื่นๆ ตามห่วงโซ่อาหาร เติมเต็มระบบนิเวศน์ทะเลตราดให้สมบูรณ์ต่อไปcambodia 23มีกิจกรรมสนุกๆ และได้ประโยชน์สำหรับคนที่มาเยือนบ้านไม้รูด คือ ‘การปล่อยปูคืนสู่ทะเล’ แต่ที่นี่เขาไม่ได้ปล่อยปูตัวโตๆ ทว่าปล่อยลูกปูตัวจิ๋วเท่าหัวเข็มหมุด ที่ฟักออกจากแม่ปูไข่นอกกระดอง แล้วนำมาอนุบาลไว้ระยะหนึ่งที่ธนาคารปู การปล่อยปูจะใช้วิธีต่อท่อตรงลงสู่น้ำทะเล ในช่วงเวลาที่น้ำลงต่ำสุด เพื่อให้กระแสน้ำพัดพาเหล่าลูกปูนับล้านๆ ตัว ออกไปสู่ผืนทะเลกว้างในอ่าวตราดต่อไป
cambodia 24แม่ปูไข่นอกกระดอง ที่ธนาคารปูบ้านไม้รูดนำมาเลี้ยง รอให้ไข่ฝักออกเป็นตัวcambodia 25ดูกันชัดๆ เลยครับ แม่ปูไข่นอกกระดอง คือตัวเมียที่ท้องแก่เต็มที่ จะมีไข่ไม่ต่ำกว่า 200,000 ฟอง ฟูออกมาแบบนี้ และเมื่อไข่สุกเป็นสีดำสนิท ลูกปูกตัวน้อยก็จะฟักออกจากไข่ ว่ายน้ำล่องลอยไปในทะเลcambodia 26ภาพเปรียบเทียบปูม้าตัวผู้ (ตัวบน ขาสีฟ้า) กับแม่ปูม้าไข่นอกกระดอง (ตัวล่าง ขาสีส้ม)cambodia 27

จากอบต.บ้านไม้รูด และสะพานปลา ถ้าเดินมาอีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เราก็จะได้ตื่นตากับธรรมชาติหาดทรายอันเงียบสงบเป็นธรรมชาติของ ‘หาดไม้รูด’ ซึ่งมีลักษณะเป็นอ่าวรูปครึ่งวงกลม ทอดยาวหลายร้อยเมตร แต่ที่พิเศษสุดเป็น Unssen เลยก็คือ ที่ปลายสุดหาดด้านทิศตะวันออกจะมี ‘หาดทรายสองสี’ ทอดตัวท้าทายทุกสายตา คือมีทั้งส่วนที่เป็นทรายสีขาวสะอาดเนื้อละเอียดยิบ และทรายสีน้ำตาลอมแดงเนื้อหยาบกว่า ทั้งสองมาบรรจบกัน อยู่ติดกับแนวโขดหินและป่าละเมาะร่มรื่น น่ามาพักผ่อนหย่อนใจที่สุด

cambodia 28ดูกันชัดๆ หาดทรายสองสีบ้านไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มีเนื้อทรายสองแบบมาบรรจบกันอย่างน่าอัศจรรย์ cambodia 29

จากแนวโขดหินริมทะเล มองกลับเข้าไปบนฝั่ง จะเห็นหาดทรายสองสีได้แจ่มเต็มตา โดยเฉพาะในยามน้ำลดช่วงกลางวัน

cambodia 30เดินถัดจากหาดทรายสองสีเลียบชายหาดไปทางตะวันออกอีกราวๆ 300 เมตร เราก็มาถึงอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ + ธรรมชาติ ที่น่าสนใจ และ Amazing มากๆ นั่นคือ ‘บ่อญวน’ เป็นบ่อน้ำจืดธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาอยู่ติดชายหาดหลังวัดไม้รูดเลยล่ะ โดยน้ำจืดบ่อนี้มีรสจืดสนิท และไม่เคยเหือดแห้ง!

ประวัติบันทึกไว้ว่าในอดีตยุคจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ครั้งที่ญวน (เวียดนาม) ทำสงครามขับไล่ฝรั่งเศสออกจากประเทศตน ซึ่งขณะนั้นฝรั่งเศสตั้งฐานทัพอยู่ที่เกาะกง กัมพูชา ระหว่างตั้งทัพอยู่ที่เกาะกงเกิดขาดแคลนอาหารและน้ำ คนบ้านไม้รูดจึงได้ช่วยหาเสบียงกรังให้ มีนายทหาร 10 คน ออกหาแหล่งน้ำ ด้วยวิธีโบราณคือถือกะลามะพร้าวไปคว่ำไว้ตรงจุดที่ตนคิดว่ามีน้ำอยู่ จนกระทั่งไปพบบ่อญวนเข้า ทหารกว่า 300 คน จึงได้ดื่มน้ำจากบ่อนี้ นับเป็นเรื่องจริงที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
cambodia 31หลังจากเยี่ยมชมธนาคารปูม้า กิจกรรมของชาวบ้าน รวมถึงหาดทรายสองสี และบ่อญวนอายุกว่า 70 ปีแล้ว ก็ได้คิวพักเที่ยงชิมอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ เขาบอกว่าหาทานยาก นั่นคือ ‘ก๋วยเตี๋ยวกั้ง’ ซึ่งหลายคนอาจรู้สึกกลัว ไม่กล้ากิน คงเพราะหน้าตารูปร่างของกั้งมันออกจะแปลกๆ สักหน่อย แต่ขอบอกว่า ถ้าได้ชิมแล้วจะติดใจต้องต่อชามสอง! เนื่องจากเนื้อกั้งสดใหม่จากทะเลนี้ มีความเหนียวนุ่ม เนื้อหวาน ไม่คาว ไม่ต่างจากการกินเนื้อกุ้งเลย ในแต่ละชามนั้นนอกจากเนื้อกั้งที่ใส่กันไม่อั้นแล้ว ยังมีเนื้อปลา กุ้ง และหมึก เสริมเติมทัพเข้ามาอีก ร้านนี้อยู่ที่ฝั่งตรงข้ามธนาคารปูนั่นเอง (ชื่อร้านป้านา)cambodia 32ชุมชนบ้านไม้รูด เขาไม่ได้มีชื่อเสียงเฉพาะก๋วยเตี๋ยวกั้งหรอกนะครับ แต่ยังมีกะปิแท้อย่างดี บรรจุในแพ็กเกจสวยงาม รอให้เราไปอุดหนุนกระจายรายได้
cambodia 33ตบท้ายของหวานแบบบ้านๆ แต่เลิศรสในมื้อนั้น ด้วยขนมจากบ้านไม้รูด ที่ใส่มะพร้าวเยอะ เข้มข้น หอมหวนชวนรับประทานเป็นอย่างยิ่ง ปิ้งมาใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ แหม กินกันไปคนละเกือบสิบอัน ฮาฮาฮาcambodia 34อิ่มหนำกันโดยทั่วหน้า ก็ได้เวลาโบกมือลาอำเภอคลองใหญ่และบ้านไม้รูด เลียบทะเลตะวันออกใกล้ด่านชายแดนบ้านหาดเล็กเข้าไปทุกขณะ ลองสังเกตให้ดีทางด้านซ้ายมือจะเห็นจุดท่องเที่ยวเป็น Landmark ใหม่ล่าสุด คือ จุดถ่ายภาพ TRAT ตั้งอยู่บนเนินเขาด้านซ้ายมือ เพราะจุดนี้ถือเป็น ‘จุดแคบที่สุดในประเทศไทย’ มีความกว้างจากชายทะเลขึ้นไปถึงสันเขา (จุดแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา) กว้างเพียง 450 เมตร ลบล้างข้อมูลเก่าที่เคยเรียนกันมาว่า จุดแคบสุดในเมืองไทยอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ cambodia 35ทว่าก่อนจะถึงจุดถ่ายภาพนี้ ก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปหลายสิบขั้น เป็นบันไดค่อนข้างชัน เล่นเอาหอบแฮ๊กนิดๆ เหมือนกันนะ cambodia 36จากริมทางหลวงหมายเลข 3 ที่มุ่งหน้าจากอำเภอเมืองตราด-ด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก มองไปทางซ้ายจะเห็น Landmark TRAT จุดแคบสุดในประเทศไทยอย่างเด่นชัด จอดถ่ายรูปกันสักนิด อย่าผ่านเลยcambodia 37จากบนเนินเขา Landmark จุดแคบสุดในเมืองไทย มองออกไปในทะเลตะวันออก แลเห็นเกาะกูดทอดตัวอยู่ที่เส้นขอบฟ้าสีครามอย่างนิ่งสงบ สวยงาม เย้ายวนให้ออกไปสัมผัสcambodia 38ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ‘ด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก’ เป็นจุดผ่านแดนถาวรเชื่อมต่ออำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด – จังหวัดเกาะกง ของกัมพูชา ขอเตือนว่าอย่าลืมเอา Passport ติดตัวไปด้วยล่ะ เพราะต้องใช้ประทับตราตรวจคนเข้าเมืองผ่านแดน ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาcambodia 39วันนี้ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็กในฝั่งไทยดูคึกคักผิดหูผิดตา คงเพราะตรงกับช่วงฤดูผลไม้ภาคตะวันออกสุกงอมพอดี มีทั้งทุเรียนนานาพันธุ์ เงาะ มังคุด มะไฟ และอีกสารพัดผลไม้ บวกกับอาหารทะเลตากแห้ง อย่างกุ้งแห้งราคาไม่แพง รอให้ไปอุดหนุนcambodia 40เดินลึกจากริมถนนใหญ่เข้าไปตามซอยในตลาดชายแดน ก็มีเครื่องมือช่าง, เครื่องใช้ไฟฟ้า, โทรศัพท์, กระเป๋าแบรนด์เนม, รองเท้า, เสื้อผ้า, แว่นตา, นาฬิกา, น้ำหอม และอีกนานาสารพัดสินค้าราคาไม่แพงให้จับจ่าย เป็นเสน่ห์ของการกระจายรายได้ ก่อนข้ามแดนเข้าสู่เกาะกงของกัมพูชา หรือใครจะไปเที่ยวเกาะกงก่อน แล้วค่อยมาแวะช้อปปิ้งในตอนขากลับบ้านก็ดีเหมือนกันcambodia 41ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด สวรรค์ของนักช้อปราคาประหยัดcambodia 42เมื่อเดินไปสุดตลาดบ้านหาดเล็ก ก็จะไปจรดกับชายทะเลน้ำสีมรกตเคียงคู่ฟ้าสีครามcambodia 43เมื่อรถของเราแล่นผ่านด่านตรวจเอกสารของทั้งฝั่งไทยและกัมพูชามาแล้ว ก็เข้าสู่เขตแดนของ ‘จังหวัดเกาะกง’ โดยสมบูรณ์ ภาพแรกที่เห็นคือธงชาติคู่ไทย-กัมพูชา พร้อมพี่ทหารชักธงต้อนรับ ฮาฮาฮาcambodia 44 cambodia 45จากจุดผ่านแดนมาแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ทางขวามือคืออาคารทรงโรมันขนาดใหญ่ ไม่ต้องสงสัย นี่คือคาสิโนและโรงแรมหรูห้าดาวของเกาะกง สำหรับนักเดินทางอย่างเราซึ่งมีจุดหมายอยู่ที่อื่น ก็สามารถจอดรถแวะเข้าห้องน้ำ หรือเดินเข้าไปช้อปปิ้งสินค้า Duty Free ด้านในได้นะครับ เขา Open มาก
cambodia 46ฝั่งตรงข้ามคาสิโนเกาะกง เป็นซอยเล็กๆ ที่มีร้านค้าปลอดภาษีของชาวบ้านเรียงรายสองฟากฝั่ง แต่ดูๆ ไป ไม่คึกคักเท่าฝั่งไทย อีกทั้งสินค้าก็คล้ายๆ กับบ้านเราด้วย แนะนำว่าซื้อของที่นี่ต้องต่อราคาให้ดี และสามารถใช้เงินไทยซื้อได้เลย ไม่จำเป็นต้องแลกเงินเรียวของกัมพูชาแต่อย่างใดcambodia 47ถึงแล้ว ‘เกาะกง’ หรือ ‘เมืองปัจจันตคีรีเขตร’ ดินแดนซึ่งเคยเป็นของไทย และรัชกาลที่ 4 ทรงมีพระบรมราชโองการให้เกาะกงเป็นส่วนหนึ่งของเมืองตราด โดยพระราชทานนามว่า ‘ปัจจันตคีรีเขตร’ ให้คล้องจองกับชื่อเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพราะทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่บนแนวเส้นรุ้ง (เส้นละติจูด) เดียวกัน

ต่อมาในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 เมื่อฝรั่งเศสยึดเมืองตราดไว้เป็นประกัน หากไทยต้องการคืนจะต้องแลกเปลี่ยนด้วยการยอมยกดินแดนประเทศกัมพูชา ในส่วนมณฑลบูรพา คือ เมืองพระตะบอง, เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโศภณ ให้ ทว่าต่อมาฝรั่งเศสก็มิได้คืนเมืองปัจจันตคีรีเขตร (เกาะกง) ให้สยามตามเงื่อนไข จนกระทั่งเกาะกงกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศกัมพูชามาจนปัจจุบันcambodia 48จากด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก วิ่งรถไปราวๆ 30 นาที ก็ถึงแม่น้ำเกาะกง เป็นแม่น้ำใหญ่ที่ไหลไปออกทะเล แต่เดี๋ยวก่อน ขณะข้ามสะพานเหลียวมองไปทางด้านขวา จะพบกับ ‘เจดีย์ขุนช้างขุนแผน’ โบราณสถานอายุกว่า 900 ปี ที่คนเกาะกงนับถือศรัทธาว่าศักดิ์สิทธิ์มาก จึงมีชาวบ้านมากราบไหว้ขอพรให้สมหวัง ค้าขายร่ำรวย ทำมาค้าขึ้นcambodia 49

ตำนานเล่าว่า มีลูกสาวชาวบ้านชื่อ ทับทิม เป็นหญิงที่รักของขุนแผน ส่วนขุนช้างที่มีรูปร่างไม่งามทว่าร่ำรวยเงินทอง ครอบครัวของทับทิมจึงจับนางแต่งงานกับขุนช้าง หลังจากนั้นด้วยความที่ไม่ได้รักขุนช้าง เธอจึงไปรักกับผู้บัญชาการทหารชื่อ คุณเพ็ญ เมื่อขุนช้างรู้จึงนำความไปกราบทูลพระมหากษัตริย์ จึงมีพระบรมราชโองการให้ประหารตัดร่างนางทับทิมออกเป็นสองท่อน! ร่างของเธอถูกฝังไว้ ณ ลานประหาร หลังจากนั้นขุนช้างรู้สึกผิด อยากให้วิญญาณของเธอไปเกิดใหม่ จึงสร้างเจดีย์ขึ้นเพื่อรำลึกถึงความรักที่มีต่อนาง เป็นเจดีย์สูงประมาณ 4 เมตร ภายในบรรจุข้าวของมีค่าและพระพุทธรูปไว้ โดยเจดีย์นี้ยังคงยืนหยัดอยู่มาถึงปัจจุบัน อยู่ห่างจากตัวเมืองเกาะกงเพียง 1 กิโลเมตร คนละฝั่งแม่น้ำกันcambodia 50จากเจดีย์ขุนช้างขุนแผน ข้ามสะพานเกาะกงมาก็ถึงตัวเมืองเกาะกงแล้ว เชื่อหรือไม่ว่าสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นโดยความช่วยเหลือของทหารช่างไทย เมื่อปี ค.ศ. 2007cambodia 51ยามเย็นย่ำอาทิตย์อัสดง นั่งเหม่อมองแสงสีบนฟากฟ้าจากฝั่งตัวเมืองเกาะกง เต็มไปด้วยความโรแมนติกและคลาสสิกสุดๆ นี่ถ้าชวนคนพิเศษของเราไปด้วยก็คงวิเศษเลยcambodia 52ยามโพล้เพล้อาทิตย์เพิ่งลาลับ ก่อนท้องฟ้าจะมืดสนิทชวนกันไปเก็บภาพสะพานเกาะกง เริ่มเปิดไฟสะท้อนน้ำวิบวับมลังเมลือง แลแปลกตาดีcambodia 53ไฮไลท์ของการท่องเที่ยวเชื่อมโยงตราด-เกาะกง ในทริปนี้ คือการล่องเรือเข้าสู่น้ำตกที่โดยส่วนตัวขอบอกเลยว่า ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งใน ASEAN เลยทีเดียว! (ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ครับ ฮาฮาฮา) นั่นคือ การเดินทางสู่ ‘น้ำตกตาไต’ ที่ต้องล่องเรือของชาวบ้านเข้าไปประมาณ 30 นาที

น้ำตกตาไตอยู่ห่างจากตัวเมืองเกาะกงไปทางตะวันออกประมาณ 20 กิโลเมตร มีถนนสองเลนลาดยางอย่างดีไปจนถึงท่าเรือ โดยค่าล่องเรือเขาคิดคนละ 50 บาท แต่ถ้ามากันไม่กี่คน หรือไม่อยากแจมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น อยากจะเหมาลำก็ต่อรองราคากันเองได้cambodia 54ที่ท่าเรือมีแผงขายผลไม้นานาชนิด รีบปรี่เข้าไปซื้อชิม อ้าว! มาจากฝั่งไทยทั้งนั้นเลย ฮาฮาฮาcambodia 55ได้เวลาผจญภัยเที่ยวท่องล่องเรือชมธรรมชาติกันแล้ว วันนี้พลขับนายท้ายของเราเป็นหนุ่มน้อยชาวเกาะกง ที่มาช่วยพ่อขับเรือเครื่อง หน้าตาเข้มขรึมและผิวพรรณที่กร้านแดดลมของเขา นับว่าหล่อเหลาเอาการในสไตล์หนุ่มเขมรแท้ วันนี้เรามากันหลายคน เลยต้องใช้เรือประมาณ 4 ลำ ลำหนึ่งนั่งได้ไม่เกิน 10 คน เพื่อความปลอดภัย (ในเรือมีเสื้อชูชีพให้ครับ)
cambodia 56ระหว่างทางเข้าน้ำตก ช่างเป็นเวลา 30 นาทีที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะธรรมชาติแมกไม้สีเขียวสองฟากฝั่งนั้นอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก น้ำใสแจ๋วเย็นเจี๊ยบ อากาศปลอดโปร่งโล่งสบายหายใจได้เต็มปอด ถ่ายภาพกันสนุกเลยcambodia 57น้ำใสไหลเย็นของแม่น้ำเกาะกง คือสายน้ำที่ถือกำเนิดมาจากเทือกเขาบรรทัด ทอดยาวกางกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา และกินอาณาบริเวณเข้ามาในเกาะกงด้วย โดยแม่น้ำสายนี้เป็นน้ำกร่อย จึงมีทั้งต้นโกงกาง ป่าจาก และพืชหลายชนิดที่ทนน้ำกร่อยได้งอกงามอยู่หนาแน่นรกชัฏ
cambodia 58รากหายใจของต้นไม้ในเขตชายคลองน้ำกร่อยชูขึ้นเหนือผิวน้ำริมตลิ่งตื้น สะท้อนผิวน้ำวูบไหวไปมาราวกับภาพศิลปะของศิลปินเอกที่ชื่อ “ธรรมชาติ”cambodia 59วิถีชีวิตชาวบ้านเกาะกง ยังคงมีเรือแจวตามแบบ Slow Life ให้เห็น น่ารักจริงๆ
cambodia 60นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่กลับจากเที่ยวน้ำตกตาไต โบกไม้โบกมือทักทายเราพร้อมรอยยิ้ม เห็นแล้วอบอุ่นหัวใจจังcambodia 61ธรรมชาติพิสุทธิ์ได้กลืนกินหัวใจพวกเราไปจนหมดสิ้นแล้วcambodia 62พ้นโค้งน้ำสุดท้ายมา ในที่สุด “น้ำตกตาไต” ก็ปรากฏต่อสายตาเรา เผยความงามบริสุทธิ์ออกมาให้เห็นทีละน้อยๆ ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน!cambodia 63น้ำตกตาไตแห่งเกาะกง กัมพูชา เห็นกับตาแล้ววันนี้ ขอตั้งฉายาให้เลยว่า “น้ำตกไนแองการ่าแห่งเกาะกง” เพราะแม่น้ำทั้งสายทิ้งตัวลดระดับลงผ่านแก่งหินยักษ์ เสียงน้ำดังสนั่น ละอองน้ำเย็นฉ่ำปลิวว่อนเป็นละอองไอไปทั่ว ถ้าใครเคยไปเที่ยวน้ำตกคอนพะเพ็งที่เมืองปากเซ ของลาวใต้มาแล้ว จะรู้สึกเลยว่า น้ำตกตาไตเป็นฝาแฝดกับน้ำตกคอนพะเพ็ง ฮาฮาฮาcambodia 64ต้นฤดูฝนแบบนี้ สายน้ำที่น้ำตกตาไตไหลถาโถมอิ่มเอมเย็นฉ่ำ ปิดแก่งหินใหญ่มากมายไว้ใต้ม่านน้ำขาว แต่ถ้ามาเท่ียวช่วงฤดูแล้ง น้ำน้อย จะเห็นแผ่นหินเรียงรายจนขึ้นไปเดินเที่ยวได้เลยล่ะ
cambodia 65น้ำตกตาไต เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มากจริงๆ แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกสูงราวๆ 5-6 เมตร และชั้นที่สองสูง 12-15 เมตร ปัจจุบันถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่คนยังรู้จักน้อย แต่ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทว่าการจัดการยังไม่ดีเท่าที่ควร ระหว่างทางยังพบขยะทิ้งอยู่ในป่าสองข้างทางน้ำตกมากมาย น่าเป็นห่วงมากๆ ครับ! กลัวว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป น้ำตกตาไตอันยิ่งใหญ่และงดงามจะหมองลงน่ะสิ
cambodia 66จากจุดจอดเรือ มีทางเดินป่าระยะทางประมาณ 300 เมตร เลียบตลิ่งขึ้นไปจนถึงหัวน้ำตกชั้นแรก ซึ่งถ่ายภาพได้ใกล้ชิด มองข้ามไปอีกฝั่งจะเห็นเพิงพักของชาวบ้านที่มาปลูกไว้แบบชั่วคราว เพื่อใช้เป็นแคมป์ตกปลาcambodia 67ด้านหน้าน้ำตกตาไต มีจุดถ่ายภาพเจ๋งๆ แจ่มๆ ให้เลือกนับไม่ถ้วน แต่ต้องระวังลื่นด้วยล่ะ! แนะนำให้ถอดรองเท้าเลยดีกว่า ชัวร์ดีcambodia 68น้ำตกตาไต มีตำนานเล่าว่า ผู้ชายชื่อตาไต (ตาไท) และลูกชายได้ไปหาปลาที่น้ำตกนี้ เพราะเป็นจุดที่น้ำจืดและน้ำเค็มมาบรรจบกัน แต่อยู่ดีๆ ก็มีพายุฝนตกหนักจนน้ำท่วมฉับพลันพัดลูกตาไตหายไป หลังจากนั้น 4-5 วัน มีคนพบลูกตาไตในจุดที่หายไปนั่นเอง เด็กชายเล่าว่า มีคนพาเขาไปในสถานที่ลี้ลับ เพื่อหนีอะไรสักอย่างที่กำลังตามฆ่าเขา แต่ก็มีนักบวชปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือ หลังจากตาไตและเมียรู้เรื่อง จึงเชื่อว่าฤาษีได้มาช่วยลูกชายตนไว้ นับแต่นั้นมา น้ำตกแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “น้ำตกตาไต” หรือ “น้ำตกฤาษี”cambodia 69ม่านน้ำสีขาวอันอ่อนโยน ของน้ำตกตาไตยามต้นฤดูฝน
cambodia 70ม่านน้ำของน้ำตกตาไตแผ่กว้างออกนับร้อยเมตร ขวางลำน้ำไว้ทั้งสาย ยิ่งใหญ่มากcambodia 71การเดินทางของเราในทริปนี้สิ้นสุดลงแล้ว ทว่าความประทับใจในการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงยังคงไม่จบสิ้น เหมือนดังที่ อพท. หรือ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) ได้กล่าวไว้ไม่มีผิด เพราะมันคือการเชื่อมโยงวิถีชีวิตชุมชน ธรรมชาติ และวัฒนธรรมอันหลากหลายเข้าด้วยกัน ผ่านการเดินทางเรียนรู้โลกกว้างในอาเซียน ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย จนทั่วโลกอิจฉา ฮาฮาฮาlogoค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dasta.or.th  / โทร. 0-2357-3580-7

Top 10 Akita เสน่ห์ Tohoku Japan

1 Akita Snow 11.อะคิตะ ดินแดนแห่งหิมะขาว (Akita the Snow Country of Tohoku) อาบอิ่มด้วยความฉ่ำเย็นทางภาคเหนือ หรือภูมิภาคโทโฮขุ (Tohoku) ของแดนอาทิตย์อุทัย นั่งรถกระเช้าขึ้นไปบนสกีรีสอร์ท ชมวิว ถ่ายภาพ เล่นสกี เล่นสโนว์บอร์ด เก็บเกี่ยวควาทรงจำดีๆ เอาไว้ในใจตลอดไป หิมะขาวของ Akita จะโปรยปรายให้ชื่นชม ระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนมีนาคม2 Akita Snow 2 3 Akita Snow 3 3.1 Akita Snow 3 4 Akita Snow 4 5 Akita Snow 5 6 Akita Snow 6 7 Akita Snow 7 8 Akita Snow 8 9 Tazawa Lake 12. ทะเลสาบทาซาวะ (Tazawa Lake) เมืองเซนโบขุ (Senboku) เป็นทะเลสาบลึกที่สุดของญี่ปุ่น คือลึกกว่า 420 เมตร ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นทะเลสาบในปากปล่องภูเขาไฟเก่าที่ดับสนิทแล้วนั่นเอง เราจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมในช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกหนัก น้ำในทะเลสาบจึงไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง คงเพราะมีความร้อนจากใต้พิภพผุดขึ้นมาจากก้นทะเลสาบนั่นเอง

ทะเลสาบทาซาวะมีตำนานความรักของเจ้าหญิง Tatsuko กับ Hachiro อันอบอุ่น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จึงไม่เคยเป็นน้ำแข็งเลย! ลองไปสัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวเอง แล้วจะรู้สึกเลยถึงความโรแมนติก คลาสสิก เหมาะกับการถ่ายภาพ ชมวิวสวยๆ แสนประทับใจ10 Tazawa Lake 2 11 Tazawa Lake 3tsurunoyu13. สึรุโนะยุ ออนเซน (Tsurunoyu Secret Onsen) เมืองเซนโบขุ (Senboku) เป็น 1 ใน 8 ที่พักไสตล์ออนเซนเรียวกังของย่าน นิวโตะ (Nyuto Onsen) สึรุโนะยุ ออนเซน เป็นบ่อน้ำแร่ร้อนออนเซนอันลี้ลับกลางหุบเขาหนาวเย็น ซึ่งไดเมียวและเหล่าซามูไรเคยมาอาบแช่เมื่อหลายร้อยปีก่อน นับเป็นหนึ่งในออนเซนที่คนญี่ปุ่นทั้งประเทศต้องการมาอาบแช่สักครั้งในชีวิต เพราะน้ำสีนมเทอร์ควอยต์ของที่นี่อุดมด้วยแร่ธาตุมากมาย ได้อาบแช่แล้วสบาย ผ่อนคลายกายใจ ช่วยให้สุขภาพดีkuroyu kuroyu1 kyukamura4 magoroku1 taenoyu4 15 Tsurunoyu onsen 4 16 Hanabi 14.  เทศกาลดอกไม้ไฟ ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (Omagari Firework Festival) ช่วงเสาร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมทุกปี ที่ เมืองโอมาการิ (Omagari City) ในจังหวัดอะคิตะ จะมีการจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดในญี่ปุ่น เพราะดินแดนโทโฮขุแถบนี้เป็นแหล่งผลิตดอกไม้ไฟอันมีชื่อเสียงมาแต่โบราณ งานนี้คนญี่ปุ่นเรียกว่า Hanabi Taikai เป็นช่วงซึ่งที่พักหายากมาก อาจต้องจองข้ามปีกันเลยทีเดียว

งานนี้เราจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการแข่งขันจุดพลุและดอกไม้ไฟ จากสุดยอดช่างทำพลุของญี่ปุ่น ที่มาโชว์ฝีมือแข่งกันอย่างเต็มที่
17 Hanabi 2 18 Hanabi 3 19 Hanabi 4 20 Samurai Village 15. หมู่บ้านซามูไร คาคุโนดาเตะ (Kakunodate Samurai Village) ใน เมืองเซนโบขุ (Senboku) เป็นย่านซามูไรอันเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ทำให้เราสัมผัสได้ถึงก้าวย่างสู่อดีตของญี่ปุ่นก่อนยุคเมจิ (ญี่ปุ่นสมัยใหม่) มีซามูไรกว่า 80 ตระกูล อาศัยทำการค้าขายอยู่ในแถบนี้ จึงมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้เรียนรู้ ปัจจุบันมีบ้านซามูไร 6-8 หลัง เปิดให้เข้าชมทั้งภายนอกภายใน แถมยังมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนและชุดซามูไร ใส่เดินเที่ยวถ่ายรูปได้ตลอดวัน สลับกับการนั่งพักดื่มชา หรือชิมอาหารอร่อยๆ ในย่านนี้ Happy จริงๆ เนอะ

หมู่บ้านซามูไรแห่งคาคุโนดาเตะ แบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ โซนหมู่บ้านซามูไร (Samurai District) และโซนค้าขาย (Merchant District) สร้างมาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1620 ใครที่โหยหาอดีตย้อนยุค มาเที่ยวที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระสีชมพูสองข้างถนนจะพร้อมใจกันเบ่งบานอลังการสุดๆ เลยล่ะ
21 Samurai Village 2 22 Samurai Village 3 23 Samurai Village 4 24 Samurai Village 5 25 Kanto Festival 16. เทศกาลโคมไฟ (Akita Kanto Festival) ถือเป็นเทศกาลโคมไฟที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น จัดกันที่จังหวัดอะคิตะในเมือง Akita City เป็นประจำทุกปีช่วงวันที่ 3-6 สิงหาคม โดยงานนี้ถือเป็น 1 ใน 6 เทศกาลใหญ่สุดของภูมิภาคโทโฮขุ จัดขึ้นเพื่อให้เกิดโชคดีสำหรับฤดูเก็บเกี่ยว โคมไฟแต่ละอันจะผูกติดอยู่กับก้านไม้ไผ่ยาวตั้งแต่ 2-6 เมตร! กวัดแกว่งไปมาอย่างพลิ้วไหวประดุจรวงข้าวต้องลม ผู้ถือโคมไฟจึงต้องมีทักษะความชำนาญในการ Balance หรือถืออย่างไรให้สมดุล โคมไฟไม่ตกลงมาซะก่อน
26 Kanto Festival 2 27 Kanto Festival 3 28 Kanto Festival 4 29 Namahake 17. อะคิตะ ดินแดนต้นกำเนิดนามาฮาเกะ (Namahake) เทพเจ้าหรือปีศาจแห่งขุนเขา ที่ออกมาหาผู้คนในช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่น เพื่อคอยย้ำเตือนให้ผู้คนทำดี และในวันสิ้นปีนามาฮาเกะจะไปตามบ้านเพื่อหาเด็กขี้เกียจ! เอกลักษณ์ของตัวนามาฮาเกะนั้น จะสวมหน้ากากออกแนวน่ากลัว ห่มคลุมด้วยชุดฟางข้าว มือถือมีดอีโต้ขนาดใหญ่ นามาฮาเกะถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัดอะคิตะ พบเห็นได้ทั่วไปทั้งในแบบรูปปั้น ภาพวาด ของที่ระลึก หรือแม้แต่ขนมกินเล่น นอกจากนี้ที่ เมืองโอกะ (Oga) ยังมีพิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ และศาลเจ้าต้นกำเนิดนามาฮาเกะ ให้ไปเที่ยวชมอีกด้วย

ทุกปีช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะมี งานเทศกาลนามาฮาเกะ เซนโด เป็นขบวนแห่นามาฮาเกะลงมาจากเขาหิมะอันน่าตื่นตาตื่นใจ (ปี 2017 งาน Namahake Sedo Festival จัดวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ ที่ศาลเจ้านามาฮาเกะ)30 Namahake 2 31 Namahake 3 32 Namahake 4 33 Sakura DIY 18. สนุกกับกิจกรรม นำเปลือกไม้ซากุระอันมีลวดลายสวยงาม มาประดิษฐ์ประดอยเป็นของที่ระลึกเก๋ไก๋น่ารัก (Sakura Bark Handmade Souvenir DIY) เป็นการนำเปลือกไม้จากต้นยามะซากุระ ซึ่งเติบโตอยู่บนภูเขาสูงและหายาก มาประดิษฐ์เป็นรูปทรงหรือตัวอักษรติดลงบนแผ่นไม้ จากนั้นรีดด้วยเหล็กร้อนจนเกิดกาวธรรมชาติ ผนึกเปลือกซากุระจนติดแน่น เก็บไว้ดูเป็นที่ระลึกเก๋ไก๋ ไปสนุกกันได้ที่ เมืองคาคุโนดาเตะ (Kakunodate) จ้า

ทั้งนี้งานศิลปะจากเปลือกไม้ซากุระ ถือเป็นหนึ่งในงานหัตศิลป์ที่คิดค้นขึ้นโดยเหล่าซามูไรในสมัยโบราณ เห็นไหมล่ะว่า ไม่ใช่แต่เก่งฟันดาบอย่างเดียวนะ ซามูไรยังต้องทำงานฝีมือ หรือแต่งกลอนเป็นด้วยล่ะ อย่างเมื่อมีเวลาว่า ซามูไรจะทำกล่องใส่ของไว้ใช้เอง เช่น กล่องอาหารเบนโตะ เป็นต้น
34 Sakura DIY 2 35 Sakura DIY 3 36 Sakura DIY 4 37 Soba Akita 19. อะคิตะ แหล่งผลิตเส้นโซบะสดและเส้นอูด้งแสนอร่อยของญี่ปุ่น (Yummy Soba & Udon) อะคิตะเป็นแหล่งผลิตเส้นโซบะและเส้นอูด้งที่ดีที่สุด 1 ใน 3 แห่งของญี่ปุ่น เนื้อเส้นเหนียวนุ่ม ละมุนลิ้น กินกับน้ำซุปร้อนๆ ช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นท่ามกลางอากาศหนาวเย็น หาชิมได้ทั่วไปในร้านอาหารทั้งเล็กใหญ่จ้า38 Soba Akita 2 39 Sake Akita 110. อะคิตะ แหล่งผลิตเครื่องดื่มสาเกคุณภาพเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น (Unique Sake of Japan) ผลิตโดยใช้ข้าวพันธุ์ท้องถิ่น นำมาบ่มหมักด้วยกรรมวิธีแบบโบราณ และด้วยความที่อากาศแถบนี้หนาวเย็นยาวนาน ทำให้ยีสที่ใช้ในการผลิตสาเก บ่มหมักไปอย่างช้าๆ เครื่องดื่มสาเกที่ได้จึงมีรสไม่ขม ทว่านุ่มลื่น ออกหวานนิดๆ นับเป็นรสชาติเฉพาะตัวของสาเกอะคิตะเลยทีเดียว โรงงานเครื่องดื่มสาเกหลายแห่งเปิดให้เข้าชมด้วย นับเป็นการเปิดประสบการณ์ที่หาได้ยาก
40 Sake Akita 2 41 Sake Akita 3 42 Sake Akita 4More info Contact : ปารี เทรเวล www.pareetravel.com และ Facebook.com/pareetravel

ล่องเรือดูนก เกาะ Langkawi Malaysia

_kbi5433 _kbi5446 _kbi5493อัญมณีแห่งรัฐเคดาห์ (The Jewel of Kedah) คือฉายาที่ใครๆ ยกย่องให้ เกาะลังกาวี (Langkawi) ในมาเลเซีย เกาะเพื่อนบ้านไม่ใกล้ไม่ไกลจากน่านน้ำอันดามันของไทยในจังหวัดสตูล ลังกาวีนี้เป็นหมู่เกาะใหญ่ รวมแล้วกว่า 99 เกาะ รวมเนื้อที่ถึง 477 ตารางกิโลเมตร ปกคลุมด้วยป่าดิบชื้นและป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์มาก _kbi5510ที่นี่คือแหล่งอาศัยของปักษากว่า 220 ชนิด โดยจะมีนกอพยพฤดูหนาวบินมาสมทบอีก 50 ชนิดทุกปี ช่วยเพิ่มมีชีวิตชีวา และกิจกรรมดูนกบนเกาะลังกาวีให้คึกคักตลอด ความง่ายของการสัมผัสธรรมชาติที่นี่คือ เราสามารถลงเรือยนต์ขนาดเล็กล่องไปตามป่าชายเลนร่มครึ้มเขียวขจี ค่อยๆ ซุ่มไปอย่างเงียบเชียบช้าๆ ใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตการณ์ เฝ้าดูพฤติกรรมความน่ารักของนกป่าและนกชายเลนนานาชนิด เพื่อช่วยให้เราเกิดความรัก ความเข้าใจ และความหวงแหนในนิเวศน์ธรรมชาติอันแสนเปราะบางของโลกใบนี้ _lak0735 _lak1052 _lak1482 _lak9242 _kbi5486 _lak9247 _lak9391 _lak9433ระหว่างล่องเรือดูนกในป่าชายเลน เมื่อน้ำลด จะเห็นเหล่าปลาตีนโผล่จากรูออกมาคืบคลานหากิน_lak9459

ในป่าชายเลนเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนของธรรมชาติ อย่างปูกับงูคู่นี้_lak9722 _lak9793 _lak9795 _lak9864เทือกเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา ที่เกาะลังกาวี_lak9917พายเรือคายัคล่องสัมผัสธรรมชาติป่าชายเลน เกาะลังกาวี_lak9922 %e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%b2นกกระเต็นน้อยธรรมดา%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%b2นกกระเต็นใหญ่ธรรมดา
%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95นอกจากเหยี่ยวแดง (Brahminy Kite) ที่ถือเป็นนกรับแขก และสัญลักษณ์ของเกาะลังกาวีแล้ว นกหายากสุด และในมาเลเซียพบได้เฉพาะที่เกาะลังกาวีเท่านั้น คือ นกกระเต็นใหญ่ปีกสีน้ำตาล (Brown-winged Kingfisher) ซึ่งอาศัยอยู่ตามริมน้ำในป่าชายเลน คอยดักจับปลาเล็กกินเป็นอาหาร %e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%87%e0%b8%81

นกแก็ก หรือ Oriental Pied Hornbill (ชนิดย่อย นกแก็กใต้)%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%9f%e0%b9%89%e0%b8%b2นกจาบคาหางสีฟ้า
%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b9%88นกยางโทนใหญ่%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%82%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%adนกหัวขวานสี่นิ้วหลังทอง%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9b%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94-%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%b5

เหยี่ยวแดง นกรับแขกของเกาะลังกาวี%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%aa%e0%b8%a1

Getting There

– เครื่องบิน โดยสายการบิน Malaysia Airlines (www.malaysiaairlines.com) เส้นทางกรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์-ลังกาวี มีออกจากกรุงเทพฯ วันละ 3 เที่ยว เวลา 06.00, 11.05, 14.15 น.

– เรือ ลงเรือเฟร์รี่ได้ที่ท่าเรือตำมะลัง จังหวัดสตูล วิ่งตรงสู่เกาะลังกาวี ใช้เวลา 45 นาที ติดต่อ บริษัท Satun Inter Ferry โทร. 0-7421-0662, 08-6284-5552 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Tourism Malaysia สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0-2636-3380 www.tourism.gov.my/th-th/th/

– ล่องเรือหรือเดินป่าดูนกที่ลังกาวี ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ http://junglewalla.com

ตามล่าหา Big 5 ในป่าซาฟารี Africa

big-5-africa-2

ที่นี่คือแอฟริกา กาฬทวีปซึ่งธรรมชาติและชีวิตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นสวรรค์ของคนรักการผจญภัยใช้ชีวิตกลางแจ้ง รวมถึงคนที่ต้องการหาโอกาสสักครั้งในชีวิต ไปใกล้ชิดสัตว์ยิ่งใหญ่ที่สุด 5 ชนิดของแอฟริกาในฉายา ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5” หรือ Big 5 คือ ช้าง, ควายป่า, แรด, เสือดาว และสิงโต แต่การจะเห็น Big 5 ให้ครบทั้งหมดในทริปเดียวนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะนอกจากจะต้องอาศัยโชคช่วยแล้ว ยังต้องอาศัยความชำนาญของไกด์ที่เรียกว่า เรนเจอร์ (Ranger) หรือผู้พิทักษ์ป่า ที่ทำหน้าที่เป็นนักแกะรอยสัตว์ (Tracker) ค่อยๆ ใช้ความชำนาญส่วนตัว ขับรถจี๊ปออกไปในทุ่งซาฟารี พาเราตระเวนค้นหากันตลอดวัน

big-5-africa-1 big-5-africa-3 big-5-africa-4 มีคนบอกว่าในบรรดา Big 5 ทั้งหมด เสือดาวหาตัวได้ยากสุด! เพราะมันชอบนอนอยู่บนต้นไม้ และมีลายพรางกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ทริปนี้ขอแนะนำว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งไกด์อย่างเคร่งครัด ไม่งั้นเราอาจกลายเป็นอาหารของ Big 5 ไปแทน! big-5-africa-5 big-5-africa-6 big-5-africa-7กิจกรรมการตามล่าหา Big 5 สามารถทำได้ทุกฤดูในผืนป่าอันกว้างใหญ่ของแอฟริกา โดยหากต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติแนะนำให้เลือกพักในเขตป่าสงวน และแม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีแล้ว แต่ควรปฏิบัติตามกฎและคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเข้มงวด เช่น ห้ามลงจากรถจี๊ปเด็ดขาด เป็นต้น big-5-africa-8 big-5-africa-9

Getting There

            South African Airways ให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ตรงสู่กรุงโจฮันเนสเบิร์ก หรือโจเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ รายละเอียดเกี่ยวกับเที่ยวบินค้นหาได้ที่ www.sa-airlines.co.za โดยเราสามารถซื้อแพ็กเก็จทัวร์สำหรับท่องป่าซาฟารีได้ที่สนามบิน ตัวแทนจำหน่ายทัวร์ท้องถิ่น หรือเลือกซื้อแพ็กเก็จทัวร์จากบริษัทนำเที่ยวในเมืองไทยไปก่อนล่วงหน้าก็สะดวกดี มีให้เลือกหลายบริษัท โดยทริปนี้ถ้าจะให้เต็มอิ่มเต็มตา ควรใช้เวลาอย่างน้อย 7-10 วัน พร้อมด้วยอุปกรณ์กล้องใช้ถ่ายภาพสัตว์โดยเฉพาะนำไปให้ครบถ้วน

เกาะ Redang โอเอซิสแห่งท้องทะเลมาเลย์

redang-island-malaysia-2 redang-island-malaysia-3

เมื่อกล่าวถึงแหล่งท่องเที่ยวในมาเลเซีย เชื่อเหลือเกินว่าคนส่วนใหญ่จะนึกถึงแต่ธรรมชาติ ป่าเขา น้ำตก ถ้ำ อะไรทำนองนี้ ทว่าเมื่อพูดถึงท้องทะเลอันสวยงามของดินแดนเสือเหลืองล่ะก็ บอกได้เลยว่า ยังมีหมู่เกาะและท้องทะเลสีครามน้ำใสแจ๋ว ให้ไปสัมผัสอีกมากมาย ไปง่ายๆ แต่สวยจับใจคงต้องยกให้ เกาะเรดัง” (Redang Island) เกาะใหญ่ 1 ใน 9 ของเขตอนุรักษ์ทางทะเลรัฐตรังกานู ความงามเด่นของเรดังเริ่มขึ้นตั้งแต่แวบแรกที่เห็น เพราะหาดทรายหน้าเกาะขาวจั๊วะ สะท้อนแดดเจิดจ้า เวลาถอดรองเท้าลงไปเดินย่ำรู้สึกนุ่มนวลราวปุยแป้งละเอียด! น้ำทะเลก็ใสแจ๋วราวแก้วเจียระไน! เลยออกไปนิดนึงเป็นแนวโขดปะการังใต้น้ำ ที่มีฝูงปลา ปะการังหลากสี และซากเรือจม ให้ดำน้ำตื้นน้ำลึก ผจญภัยชื่นชมกันอย่างสนุกสนาน และยังมีรีสอร์ทเรียบหรูกลืนไปกับธรรมชาติบนเกาะให้พักค้างแรมกันด้วย

redang-island-malaysia-4 redang-island-malaysia-5 redang-island-malaysia-6อากาศดีที่สุด ท้องฟ้าปลอดโปร่ง คลื่นลมสงบ เหมาะแก่การออกเรือเที่ยวทะเลหรือดำน้ำ ที่หมู่เกาะเรดัง คือ เดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิประมาณ 30 องศาเซลเซียส ส่วนเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ เป็นฤดูมรสุม คลื่นลมแรง ฝนตกชุก รีสอร์ทบนเกาะเรดังจะปิดบริการ เพราะเรือหยุดวิ่งด้วย redang-island-malaysia-7 redang-island-malaysia-8 redang-island-malaysia-9 redang-island-malaysia-10 redang-island-malaysia-11 redang-island-malaysia-12 redang-island-malaysia-13 redang-island-malaysia-14 redang-island-malaysia-15 redang-island-malaysia-16หน้าเกาะเรดัง มีซากเรือจมให้ดำน้ำผจญภัยสำรวจโลกใต้ทะเลกันด้วย

DCIM101GOPROน้ำใสแจ๋ว แทบไม่มีตะกอนในน้ำ ทำให้แสงส่องลงไปสร้างความกระจ่างตาแก่แนวปะการังหน้าเกาะเรดัง

DCIM101GOPROดำน้ำสำรวจซากเรือจม หน้าเกาะเรดัง

DCIM101GOPRO

DCIM101GOPRO

DCIM101GOPRO

DCIM101GOPRO

DCIM101GOPRO

DCIM101GOPRO

DCIM101GOPRO

Getting There

– ไทย-กัวลาลัมเปอร์  ใช้เวลาประมาณ 1.58 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนเครื่องบินไปรัฐตรังกานู อีก 51 นาที แนะนำ Malaysian Airlines (www.malaysiaairlines.com) เพราะปัจจุบันยังไม่มีบินตรงไทย-รัฐตรังกานู

จากท่าเรือเมรัง (Merang) เมือง Kuala Terengganu ลงเรือเฟอร์รี่ต่อไปเกาะเรดัง ระยะทาง 45 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าตั๋วเรือไปเที่ยวเดียว 40 ริงกิต / ไปกลับ 80 ริงกิต

redang-island-malaysia-26 redang-island-malaysia-27

วิหารพาร์เธนอน สุดยอดสถาปัตยกรรมกรีก

pathenon-greece-3pathenon-greece-1

สุดยอดสถาปัตยกรรมกรีกยุคคลาสิก คือคำจำกัดความสั้นๆ ทว่าบ่งชี้ถึงคุณค่าความสำคัญขั้นสุดยอด ของ วิหารพาร์เธนอน แห่งนครเอเธนส์ ประเทศกรีซ สถานที่ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองกรีกยุครุ่งเรือง และเมืองผู้ให้กำเนิดการปกครองระบอบประชาธิปไตยของโลก เมื่อ 447-438 ปีก่อนคริสตกาล

pathenon-greece-4 pathenon-greece-5จากยอดเขาอะโครโปลิส มองเห็นตัวเมืองเอเธนส์ทอดตัวอยู่บนที่ราบสูงแอตติก้า จนสุดลูกหูลูกตา
pathenon-greece-6วิหารพาร์เธนอนตั้งอยู่บนยอดเขาอะโครโปลิสกลางเอเธนส์ ตัววิหารสร้างด้วยหินอ่อนชั้นเลิศสีขาวสะอาด จึงแลเห็นได้ชัดจากเมืองเบื้องล่าง โครงสร้างเสาหินอ่อนที่แลหนักแน่น มั่นคง รับน้ำหนักโครงหลังคาหน้าจั่วสูง มีรูปสลักหินอ่อนประดับประดา เคยใช้เป็นเทวสถานบูชาเทวีอธีนา (Athena) เทวีผู้ปกปักษ์นครเอเธนส์ ล้อมรอบด้วยวิหารอีกหลายหลัง อาทิ วิหารอธีนาไนกี้, วิหารอีแรกทีอุม, ซุ้มประตูโพรพีเลียขนาดยักษ์ และโรงละครรูปครึ่งวงกลม ฮีโรเดส แอตติคัส ฯลฯ pathenon-greece-7ทางขึ้นยอดเขาอะโครโปลิสpathenon-greece-8ตัววิหารพาร์เธนอนที่ยาวถึง 300 เมตร สูง 12 เมตรนั้น ไม่มีเส้นตรงที่แท้จริงอยู่เลย! ทั้งที่ตัวเสา หลังคา พื้น เพราะสถาปนิกออกแบบให้เป็นแนวโค้งเล็กน้อย เพื่อรับน้ำหนักหินอ่อนหลายหมื่นก้อนได้ดียิ่งขึ้น เส้นโค้งนี้หลอกสายตาผู้พบเห็นให้นึกว่าเป็นเส้นตรงได้อย่างอัศจรรย์! อีกทั้งยังมีการใช้สัดส่วนคำณวนก่อสร้าง แบบ Golden Ration คือ 1.618 :1 ทำให้พาร์เธนอนสง่าน่าเกรงขามทุกส่วนสัด ข้ามกาลเวลามานับพันๆ ปี pathenon-greece-9รูปสลักหินที่พาร์เธนอน ซึ่งได้รับการซ่อมแซมแกะสลักจำลองแบบขึ้นใหม่ ส่วนของจริงถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ในเอเธนส์pathenon-greece-10ยอดหัวเสาแบบไอโอนิค ที่พาร์เธนอนpathenon-greece-11 pathenon-greece-12

วิหารอีแรกทีอุม หนึ่งในวิหารสำคัญที่สุดบนยอดเขาอะโครโปลิสpathenon-greece-13

วิหารอีแรกทีอุมpathenon-greece-14 pathenon-greece-15

รูปสลักเทวีแห่งวิหารอีแรกทีอุม ซึ่งอดีตเคยถูกขโมยไป แต่ทางรัฐบาลกรีซตามกลับคืนมาได้pathenon-greece-16 pathenon-greece-17 pathenon-greece-18-1 pathenon-greece-18ในอดีต ยอดเขาอะโครโปลิส เคยใช้เป็นที่จุดไฟในคบเพลิงกีฬาโอลิมปิก ของชาวกรีกโบราณpathenon-greece-19รูปปั้นนางสฟิงซ์ ที่ขุดพบบนยอดเขาอะโครโปลิส
pathenon-greece-20

Getting There

            จากไทยไปเอเธนส์ มีหลายสายการบิน เช่น Amirates Airlines (โทร. 0-2664-1040-4 www.amirates.com/th) Turkish Airlines (ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่อินสตันบูล ประเทศตุรกี (โทร. 0-2231-0300-7 www.thy.com) การบินไทย (โทร. 0-2356-1111 www.thaiair.com) จากสนามบินเข้าเมืองใช้บริการรถเมล์ สาย X95 หรือจะนั่งแท็กซี่ ค่ารถ 25-30 ยูโร วิหารพาร์เธนอนเปิดให้เข้าชม เวลา 08.00-19.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 12 ยูโร แต่ไม่อนุญาตให้แบกเป้ใหญ่เข้าไปด้วย เราจึงต้อง check in เข้าโรงแรมเพื่อเก็บกระเป๋าก่อน จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินไปได้ ลงที่สถานี Akropoli Metro แล้วเดินต่ออีกนิดเดียว ก็ถึงทางขึ้นเขาอะโครโปลิส

pathenon-greece-22

Jungfrau นั่งรถไฟสายสูงสุดของยุโรป!

jungfrau-switzerland-2

เทือกเขาสวิสแอลป์ (Swiss Alp) เป็นหนึ่งในเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่และงดงามที่สุดในโลก เพราะอุดมด้วยธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ทุ่งดอกไม้ สายน้ำลำธาร น้ำตก แถมยังมียอดเขาหิมะขาวโพลน หนึ่งในสุดยอดเสน่ห์สวิสแอลป์ที่เราสัมผัสได้ก็คือ ยอดเขายุงค์ฟราวน์” (Jungfrau) สูง 4,158 เมตร ที่มองเห็นได้ชัดเจนจาก ยอดเขายุงค์ฟราวน์ย็อค (Jungfraujoch) สูง 3,466 เมตรจากระดับน้ำทะเล! ทว่าการขึ้นไปบนยอดเขาหิมะนี้กลับง่ายดาย เพราะมีเส้นทางรถไฟสูงที่สุดในยุโรปเชื่อมต่อ ขึ้นมาจากเมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) นำผู้คนขึ้นมาพบประสบการณ์บนทุ่งหิมะหนาวเย็น โดยบนยอดเขานี้มีจุดชมวิว อุโมงค์-ปราสาทน้ำแข็ง และมีตู้ไปรษณีย์บนที่สูงสุดของยุโรปให้ส่งจดหมายกันด้วย

jungfrau-switzerland-3 jungfrau-switzerland-4อากาศดีที่สุดคือฤดูร้อน เดือนมิถุนายน-สิงหาคม   และฤดูใบไม้ผลิ   เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ฤดูหนาวในเมืองอินเตอร์ลาเคนและยุงค์ฟราวน์ เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิ 0 ถึง -1 องศาเซลเซียส มีหิมะตกเกือบตลอดเวลา ส่วนในตัวเมืองอินเตอร์ลาเคนอุ่นกว่านี้เล็กน้อย ควรมีอุปกรณ์กันหนาวพร้อม jungfrau-switzerland-5 jungfrau-switzerland-6 jungfrau-switzerland-7 jungfrau-switzerland-8 jungfrau-switzerland-9 jungfrau-switzerland-10 jungfrau-switzerland-11 jungfrau-switzerland-12 jungfrau-switzerland-13 jungfrau-switzerland-14 jungfrau-switzerland-15 jungfrau-switzerland-16 jungfrau-switzerland-17 jungfrau-switzerland-18 jungfrau-switzerland-19 jungfrau-switzerland-20 jungfrau-switzerland-21 jungfrau-switzerland-22 jungfrau-switzerland-23 jungfrau-switzerland-24-1 jungfrau-switzerland-24 jungfrau-switzerland-25 jungfrau-switzerland-26 jungfrau-switzerland-27 jungfrau-switzerland-28 jungfrau-switzerland-29 jungfrau-switzerland-30 jungfrau-switzerland-31 jungfrau-switzerland-32 jungfrau-switzerland-33

Getting There

– กรุงเทพฯ-เบิร์น (Bern) เช่น การบินไทย (www.thaiairways.co.th) และ Swissair (www.swissair.com) ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง

– เบิร์น-อินเตอร์ลาเคน (Interlaken) นั่งรถไฟ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากเมืองไทยควรซื้อตั๋วรถไฟ Swiss Pass ไปก่อน เพื่อความรวดเร็วและได้ส่วนลด (บริษัท Diethelm Travel / www.diethelmtravel.com)

จากตัวเมืองอินเตอร์ลาเคน นั่งรถไฟสาย Jungfrau Railway จากสถานีอินเตอร์ลาเคน ออส (Interlaken Ost) ผ่านสถานีเลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen) สูง 796 เมตร – สถานีไคลน์ ชไนเดกก์ (Kleine Scheidegg) สูง 2,061 เมตร – สถานีไอเกอร์วานด์ (Eigerwand) สูง 2,865 เมตร จนถึงยอดเขายุงค์ฟราวน์ย็อค

jungfrau-switzerland-34 jungfrau-switzerland-35

Glacier Express รถไฟด่วนที่ช้าที่สุดในโลก!

Winter_Glacier_Express2

_dsc4665 _dsc4682

ถ้ามีเพื่อนมาชวนไปนั่งรถไฟด่วนขบวนช้าที่สุดในโลก! ระยะทางแค่ 274 กิโลเมตร แต่วิ่งตั้ง 8 ชั่วโมง! ฟังอย่างนี้เราคงไม่อยากไป! แต่ถ้ามีเพื่อนอีกคนมาบอกว่า เราไปนั่งรถไฟชมวิวสายหิมะกันเถอะ เป็นรถไฟแบบ Panoramic View หน้าต่างและหลังคาตู้โบกี้เป็นกระจกใสชมวิวได้ตระการตา ถ่ายภาพได้แจ่ม แถมภายในตู้ที่นั่งยังหรู นุ่มสบาย ยังกับนั่งเครื่องบิน มีเครื่องดื่มและอาหารอร่อยเสิร์ฟด้วย ฟังอย่างนี้เราคงไปชัวร์! เพราะทั้งหมดนี้คือ รถไฟด่วนกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส” (Glacier Express) ของสวิตเซอร์แลนด์

_dsc4702 _dsc4712รถไฟขบวนนี้ วิ่งจากเมือง Zermatt (เมืองตั้งต้นขึ้นยอดเขาแมตเตอร์ฮอร์น) ไปยังเมือง St.Moritz (เมืองสกีสุดหรู) ตลอดทางของรถไฟชมวิวนี้ เราจะได้ชื่นชมกับขุนเขาสลับซับซ้อน ทุ่งหิมะ ป่าสน วิถีชีวิตผู้คน อุโมงค์ลอดภูเขา 91 แห่ง และสะพานข้ามเหว 291 แห่ง! โดยจุดสูงสุดของเส้นทางจะผ่านช่องเขาสูง 2,033 เมตร ที่ปกคลุมด้วยหิมะตระการตา จนเราลืมเวลาราวกับโลกหยุดหมุนไปเลย! _dsc4766_dsc4597 _dsc4609 _dsc4647 _dsc4676ทุกที่นั่งบนรถไฟกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส จะมีแผ่นพับข้อมูลเส้นทางให้อ่าน พร้อมกับมีหูฟังบรรยาย 6 ภาษา คือ อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี จีน และญี่ปุ่น พอถึงจุดที่จะมีคำบรรยาย ก็จะมีเสียงกระดิ่งพร้อมตัวอักษรวิ่งบนหน้าจอเหนือประตูขบวนรถไฟ บรรยายว่าขณะนี้เรากำลังอยู่จุดใด แต่ถ้าไม่ฟังคำบรรยาย ก็จะมีเพลงให้เลือกฟังแทน _dsc4688 _dsc4692 _dsc4696 _dsc4726 _dsc4728 _dsc4759 _dsc4791 _dsc4793 _dsc4799 _dsc4823

Getting There

ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-ซูริก (Zurich) มีหลายสายการบิน เช่น Thai Airways โทร. 0-2356-1111 (www.thaiair.com) และ Swiss International Airlines โทร. 0-2636-2150-60 (www.swiss.com)

ช่วงที่ 2 ซูริก-เมืองแซร์มัตต์ (Zermatt) โดยรถไฟ ใช้เวลา 3.30 ชั่วโมง (เช็คเวลาจาก www.sbb.ch/en/) จากเมืองไทยควรซื้อตั๋วรถไฟ Swiss Pass ไปก่อนที่ บริษัท Diethelm Travel โทร. 0-2660-7000 (www.diethelmtravel.com)

– ช่วงที่ 3 นั่งรถไฟ Glacier Express เส้นทางเมือง Zermatt-เมือง St.Moritz ใช้ตั๋วรถไฟ Swiss Pass ไปจองที่นั่งได้เลย โดยจ่ายค่าจองเพิ่มอีกเล็กน้อยเท่านั้น ค้นข้อมูลเพิ่มที่ www.glacierexpress.ch_dsc4742 _dsc4760

Madagascar เกาะมหัศจรรย์แห่งมหาสมุทรอินเดีย

baobab-road-madagascar-2

ชาวมาดากัสการ์เชื่อว่า ต้นเบาบับ” (Baobab) คือต้นไม้ของพระเจ้า หรือ Tree of God เพราะมันเป็นพรรณไม้อายุยืนนับพันปีที่ทั้งพิลึกพิลั่น และเปี่ยมคุณประโยชน์ที่สุดบนเกาะมาดากัสการ์! นอกจากผลจะกินได้แล้ว เปลือกยังใช้ทำเชือก เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ฟืน แถมลำต้นอวบป่องแสนน่ารักของมัน ยังเก็บกักน้ำให้สัตว์และผู้คนได้ดื่มกิน เคยมีบันทึกว่าเบาบับเพียง 1 ต้น กักเก็บน้ำได้มากสุดถึง 120,000 ลิตร! จุดชมต้นเบาบับได้เจ๋งสุดในมาดากัสการ์คือที่ ถนนแห่งต้นเบาบับ (Avenue du Baobao) อยู่ห่างขึ้นไปทางเหนือราว 15 กิโลเมตร จากเมืองมูรุนดาฟ (Morondava) เป็นถนนเชื่อมต่อไปเมืองเบโล-เซอร์-ชิริบินา (Belo-sur-Tsiribina) คนที่คลั่งไคล้ใหลหลงธรรมชาติต่างมุ่งหน้าไปที่นั่น เพื่อชมต้นเบาบับยักษ์นับร้อยเรียงรายเคียงคู่อาทิตย์อัสดง เป็นภาพมหัศจรรย์ซึ่งไม่มีที่ใดเหมือน!

baobab-road-madagascar-3baobab-road-madagascar-1มีนิทานเล่าว่า เบาบับเป็นพันธุ์ไม้ชนิดแรกที่อุบัติขึ้นบนโลก แต่เมื่อมันเห็นต้นปาล์มมีรูปร่างเพรียวงาม มันก็อยากจะสูงกว่า ต่อมามีต้นไม้อื่นผลิดอกสีแดง เจ้าเบาบับก็อิจฉา และเมื่อมันเห็นต้นไทรใหญ่มีผลดก มันก็อยากจะเป็นอย่างเขา พระเจ้าจึงพิโรธทรงถอนต้นเบาบับขึ้นมา แล้วปักยอดลงดิน รากชี้ฟ้า เพื่อให้เบาบับรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมี ทุกวันนี้ต้นเบาบับยามผลัดใบทิ้งหมดในฤดูแล้งจึงแลเหมือนรากชี้ฟ้า!baobab-road-madagascar-2-1baobab-road-madagascar-4

รอยยิ้มสดใส ของสองสาวน้อยแห่งมาดากัสการ์
baobab-road-madagascar-5

ถนนต้นเบาบับอันแสนแปลกตาbaobab-road-madagascar-6

สระบัวที่อยู่ข้างๆ ถนนต้นเบาบับimg_7313

ถนนต้นเบาบับในแสงสุดท้ายอันน่าประทับใจของวันimg_7319berenty-madagascar-6

มาดากัสการ์ (Madagascar) คือเกาะใหญ่อันดับ 4 ของโลก ซึ่งนักธรณีวิทยาเรียกว่าเป็นทวีปน้อย! เพราะมาดากัสการ์เป็นส่วนของแผ่นดินที่หลุดออกจากแอฟริกาเมื่อ 165 ล้านปีก่อน จึงมีสัตว์แปลกๆ วิวัฒนาการอยู่จำเพาะเพียงแห่งเดียวในโลก คือ ลีเมอร์” (Lemur) สัตว์ตระกูลวานรที่มีสายวิวัฒนาการเก่าแก่ที่สุด! มีตั้งแต่ตัวเท่าคนไปจนถึงตัวเท่าหนู! ถ้าอยากดูต้องไปที่ เขตอนุรักษ์เอกชนเบเรนตี้” (Berenty Private Reserve) ทางตอนใต้ของมาดากัสการ์ ห่าง 80 กิโลเมตร จากเมืองฟอร์ดโดแฟงก์ (Ford Dauphin) บริเวณนี้เป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย มีป่าหนาม (Spiny Forest) แห่งสุดท้ายให้ชม

berenty-madagascar-1

Mouse Lemur เป็นลีเมอร์ขนาดเล็กที่สุดของโลก ออกหากินเฉพาะตอนกลางคืน ดูน่าตาน่ารักเหมือนมิกกี้เมาส์ไม่มีผิดเลยนะ
berenty-madagascar-2เบเรนตี้ เป็นบ้านของลีเมอร์เด่น 3 ชนิด คือ ซิฟาก้า (Sifaka) ลีเมอร์หางแหวน (Ring-tailed Lemur) และลีเมอร์สีน้ำตาล (Brown Lemur) ทั้งหมดหากินเป็นฝูงเล็กๆ อยู่ในพื้นที่เดียวกันอย่างสงบ โดยเฉพาะซิฟาก้าที่ชอบลงมาโดดหย๋องแหย๋งอยู่บนพื้นอย่างน่ารัก เรียกว่า “ซิฟากาเริงระบำ(Sifaka Dance) berenty-madagascar-3นักชีววิทยาสันนิษฐานว่า ลีเมอร์รุ่นแรกมาถึงมาดากัสการ์โดยติดมากับเศษสวะลอยน้ำ หรือเศษของแผ่นดินในคราวที่ทวีปลอเรเซีย (Laurasia) และกอนด์วานา (Gondwana) แยกออกจากกันใหม่ๆ เมื่อ 250 ล้านปีก่อน พวกมันวิวัฒนาการแยกออกไปกว่า 70 สายพันธุ์ กระทั่งมนุษย์มาถึงมาดากัสการ์เมื่อ 2,000 ปีก่อน ลีเมอร์จึงสูญพันธุ์ไปกว่า 16 ชนิด เพราะถูกล่า และมนุษย์ทำลายป่าของพวกมันซะเหี้ยน! berenty-madagascar-4

Sifaka Dance คือลีลาท่าทางการเคลื่อนที่ของตัวซิฟาก้า แทนที่มันจะเดินแบบธรรมดาๆ ไม่! แต่มันกลับใช้วิธีกระโดดหย๋องๆ ไปมาแทน เพราะเท้ามันมีสปริงดีมาก
berenty-madagascar-5

ป่าหนามผืนสุดท้ายของมาดากัสการ์ ที่เบเรนตี้grand-tsingy-madagascar-1นี่อาจเป็นสถานที่หนึ่งบนพื้นพิภพ ซึ่งลึกลับ โดดเดี่ยว และพิสดารที่สุดเท่าที่เราจะจินตนาการได้! มันคืออาณาจักรของหินผาแหลมคมราวใบมีดนับล้านๆ พุ่งชูขึ้นสู่อากาศ มีกำแพงผาสูงชัน หลืบถ้ำ และร่องเหวลึกนับร้อยเมตรล้อมรอบ พืชและสัตว์ของที่นี่ต้องปรับตัวให้อยู่ในสภาพอากาศสุดขั้ว เพราะอุณหภูมิของทิวาและราตรีต่างกันถึง 20 องศาเซลเซียส! มันคือเทือกเขาหินปูนยาวที่สุดในโลก “ซิงงีแห่งเบมาราห์” (Tsingy de Bemaraha) ประเทศมาดากัสการ์ หรือที่นักท่องธรรมชาติรู้จักกันในนิกเนม “Grand Tsingy” เทือกเขาหินปูนแห่งนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของมาดากัสการ์ 60-80 กิโลเมตร ใกล้เมืองมูรุนดาฟกลางที่ราบสูงเบมาราห์ ทางตอนเหนือของแม่น้ำมานัมโบโล มันมีพื้นที่กว่า 1,520,000,000 ตารางเมตร! ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ยาว 200 กิโลเมตร สูง 150-700 เมตร แผ่กว้างเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด! grand-tsingy-madagascar-2

คำว่า “ซิงงี” (Tsingy) เป็นภาษามาลากาซีของชนพื้นเมืองดั้งเดิมมาดากัสการ์ แปลว่า “เข็ม” เพราะหินปูนมีลักษณะตั้งแหลมชูชัน เกิดจากการทับถมของซากปะการังในบริเวณน้ำตื้นใกล้ทวีปแอฟริกา เมื่อผืนดินถูกแรงเค้นยกตัวขึ้นเป็นเกาะมาดากัสการ์ ซากฟอสซิลจึงเปลี่ยนเป็นเทือกเขาหินปูนยาวที่สุดในโลก องค์การ UNESCO จึงประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อ พ.ศ. 2533

grand-tsingy-madagascar-3 grand-tsingy-madagascar-4 grand-tsingy-madagascar-5

สำรวจถ้ำใต้พิภพ ที่เทือกเขาหินปูนยักษ์แกรนด์ ซิงงี่
grand-tsingy-madagascar-6