เที่ยวเมืองปากน้ำสุขใจ ในสายลมหนาว
เมื่อสายลมหนาวโบกโบยมาทีไร ชวนให้นึกถึงการท่องเที่ยวขึ้นดอยดูทะเลหมอกทางภาคเหนือ แต่นั่นคงต้องใช้เวลาและงบประมาณไม่น้อยในการเดินทาง ทริปนี้เลยอยากพาพวกเราไปเที่ยวง่ายๆ ใกล้ๆ กรุง รับลมหนาว รับรองว่าเป็นการเที่ยวแบบประหยัด และใช้เวลาแค่วันเดียวก็ Happy แล้ว เส้นทางนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ชวนกันขับรถสบายๆ ไปพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว แบ่งปันความสุขให้เต็มอิ่ม กับ “เมืองปากน้ำสมุทรปราการ” เมืองที่สายน้ำจืดของเจ้าพระยา มาบรรจบพบกับน้ำเค็มของอ่าวไทย หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างสรรค์ที่เที่ยวมากมายไว้ให้เราสัมผัส
เริ่มต้นกันที่ “สถานตากอากาศบางปู” ชายทะเลใกล้กรุงอันแสนคลาสสิก เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตทหารที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าสัมผัสได้ตลอดปี แต่สวยสุดต้องฤดูหนาว เพราะอากาศเย็นสบาย แถมมีนกนางนวลอพยพนับหมื่นตัว
พระอาทิตย์อัสดงที่ชายทะเลบางปู ในช่วงฤดูหนาวจะเห็นพระอาทิตย์เป็นดวงกลมโตสีแดงแบบนี้ล่ะ น่ามหัศจรรย์จริงๆ เลย!
ฝูงนกนางนวลเริงร่าท้าลมหนาว พากันมารวมฝูงรับแสงสุดท้ายของวัน พวกมันคือนกนางนวลที่น่ารักน่าชังจริงๆ
รัศมีแสงสุดท้ายของอาทิตย์ยามอัสดง อาบทาผืนฟ้าที่บางปูงามราวสรวงสวรรค์! ไม่ได้ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อ ว่าจริงๆ แล้วอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียวนะเนี่ย
เสน่ห์ของบางปูเป็นเช่นนี้มาหลายสิบปีไม่เคยเปลี่ยน เพราะเมื่อสายลมหนาวมาเยือน ทั้งฝูงนกนางนวลและผู้คน ต่างก็มารวมกัน ณ สถานที่นี้ “บางปู”
มาบางปูไม่ได้มีแค่นกนางนวลให้ชมอย่างเดียว แต่ยังมีร้านอาหารทะเลชายน้ำ ชื่อ “ศาลาสุขใจ” ลองไปชิมอาหารทะเลสดอร่อย ในราคาจ่ายสบาย แถมยังมีจุดเปิดโล่งให้ชมทะเลอย่างเต็มอิ่มด้วย
ฝูงนกนางนวลหางดำ ลอยน้ำรอรับอาหารจากนักท่องเที่ยว
อิริยาบทอันแสนน่ารักของนกนางนวลหางดำที่บางปู
จะว่าไปแล้ว นกนางนวลที่บางปูอาจเป็นนกที่ถ่ายรูปได้ง่ายที่สุดในโลก! ฮาฮาฮา เพราะมันคุ้นคน บินโฉบไปโฉบมาแบบใกล้ๆ เลย ถ่ายรูปง่าย ใช้เลนส์และกล้องธรรมดาก็ได้รูปสวยๆ แบบนี้มาอวดกันแล้วล่ะ
นกนางนวลหางดำ (Black-tailed Gull) เป็นฝูงนกอพยพที่มีจำนวนมากที่สุดของบางปู ทุกปีมันจะอพยพหนีหนาวจากตอนเหนือของโลก มาหากินและผสมพันธุ์กันในเมืองไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม
บางปูมีบริการรถตุ๊กๆ พานักท่องเที่ยวเข้าไปใน สะพานสุขตา ยื่นยาวออกไปในทะเล เป็นจุดที่ยืมชมและให้อาหารนกนางนวลได้อย่างใกล้ชิดสุดๆ
จากบางปู ขับรถต่อไปที่ “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” สถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลเมืองปากน้ำ ซึ่งไทยเคยใช้เป็นหน้าด่านป้องกันเรือรบข้าศึกที่จะเข้ามาโจมตีพระนคร
เรือรบหลวงแม่กลอง หลังปลดประจำการแล้ว ก็ได้รับการนำขึ้นมาตั้งเป็นอนุสรณ์และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ขึ้นไปชมได้อย่างใกล้ชิด แถมใกล้ๆ กันนั้น ยังมี ร้านอาหารท้ายเรือหลวงแม่กลอง ให้ไปชิมกันได้ทุกวัน
ป้อมปืนเสือหมอบ เป็นปืนใหญ่โบราณสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะพิเศษคือเวลายิง ปืนจะยกตัวขึ้นเหมือนคนยืน แต่พอยิงเสร็จปืนก็จะลดระดับลงมาแอบอยู่ในหลุมใต้ดิน! ปืนนี้เคยใช้ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศส ที่เข้าปิดปากน้ำเจ้าพระยา ในช่วงวิกฤตการณ์ รศ.112 เพื่อบีบบังคับให้ไทยยกดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงให้ จนในที่สุดไทยก็ต้องยอม เพราะช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสถือเป็นมหาอำนาจนักล่าอาณานิคมที่มีอำนาจมาก!
ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า ใกล้กับเรือรบหลวงแม่กลอง มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เป็นสะพานไม้ยกระดับอย่างดี พร้อมรากวันตก และมีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้เรื่องพืชพรรณต่างๆ เหมาะจะพาครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ ไปสัมผัสธรรมชาติกันบ้าง
พิพิธภัณธ์ราชนาวี ที่สมุทรปราการ เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของราชนาวีไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งส่วนจัดแสดงกลางแจ้งและในร่ม ไฮไลท์อยู่ที่โมเดลแสดงขบวนเรือพระราชพิธี เสด็จพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งโมเดลเรือแต่ละลำนั้น สร้างย่อส่วนมาได้สมจริง และมีรายละเอียดสวยงามมากๆ นิทรรศการที่น่าสนใจ เช่น เรือรบหลวงพระร่วง ในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งชาวไทยช่วยกันเรี่ยรายบริจาคเงินซื้อ จำนวน 3,514,604 บาท 1 สตางค์ ในปี พ.ศ. 2463 เป็นต้น
ไม่บอกไม่รู้! นี่คือห้องสะพานเดินเรือของ “เรือดำน้ำมัจฉานุ” 1 ใน 4 เรือดำน้ำของไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2481-2494
ดูกันชัดๆ นี่ล่ะ เครื่องบินน้ำของจริง ที่ราชนาวีไทยเคยใช้ในกิจการงานป้องกันประเทศมาแล้ว
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ Landmark สำคัญของสมุทรปราการ มหัศจรรย์แหล่งท่องเที่ยวของเอเชียอาคเนย์ เป็นประติมากรรมลอยตัวรูปช้างเอราวัณสามเศียรขนาดยักษ์ สูงถึง 43.60 เมตร! สร้างด้วยแผ่นทองแดงนำมาตีต่อกัน ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นประติมากรรมช้างทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก! สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจของ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ (ผู้สร้างเมืองโบราณ) เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้พุทธศาสนา ผ่านทางประณีตศิลป์ วิจิตรศิลป์ และสถาปัตกยกรรมไม่เหมือนใคร ได้ไปเห็นกับตาแล้วต้องอึ้งทึ่งในความใหญ่โตมโหฬารงดงามสุดๆ
“พระสมุทรเจดีย์” ศูนย์รวมศรัทธาคนปากน้ำ และยังเป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการด้วย พระสุทรเจดีย์เริ่มสร้างสมัยรัชกาลที่ 2 เสร็จสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์จุดสังเกตของคนเรือพ่อค้าวาณิชย์ที่ล่องสำเภามาค้าขายกับสยาม เมื่อมองจากอ่าวไทยเข้ามาเห็นพระสมุทรเจดีย์ (ซึ่งในอดีตอยู่บนเกาะกลางน้ำ แต่ปัจจุบันมีดินเลนงอกเข้าไปเชื่อม จนกลายเป็นแผ่นดินเดียวกัน) ก็จะรู้ว่ามาถึงสยามแล้ว
“หลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน” อันศักดิ์สิทธิ์ และขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดสมุทรปราการ ท่านเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองอร่าม งดงามและเก่าแก่มาก หลวงพ่อโตองค์นี้เป็น 1 ใน 3 พระพุทธรูปที่ชาวอยุธยาล่องหนีพม่าลงมาตามน้ำ เมื่อ 200 กว่าปีก่อน โดยแต่ละองค์ได้ไปหยุดอยู่ ณ ที่ต่างๆ กันคือ หลวงพ่อบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม, หลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และหลวงพ่อโต จังหวัดสมุทรปราการ ได้กราบแล้วเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง
กราบหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ในเสร็จแล้ว เดินไปใกล้ๆ ก็ถึง “ตลาดโบราณ 100 ปี บางพลีใหญ่ใน” ตลาดเก่าแก่ริมน้ำ มีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันขนานไปกับริมลำคลอง อิ่มเอมกับบรรยากาศน่ารักๆ โหยหาอดีต รอยยิ้มของผู้คน ของกินอร่อย และมีสินค้าย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงตอนเราเป็นเด็ก
“เมืองโบราณ” ของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ จำลองแบบสถานที่สำคัญของไทย 4 ภาค ด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจงภายในเนื้อที่กว่า 800 ไร่ เราจะได้ชมพระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท ซึ่งจำลองมาจากกรุงศรีอยุธยาก่อนถูกพม่าเผา ชมปราสาทเขาพระวิหารจำลอง และอีกมากมาย ถ่ายรูปกันมันส์ แต่ที่นี่เขาห้ามเอาขาตั้งกล้องเข้าไปนะจ๊ะ
“ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ” ฟาร์มจระเข้ใหญ่ที่สุดในโลก! เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2493 จนมีจระเข้เลี้ยงอยู่กว่า 100,000 ตัว! ชมการแสดงสุดระทึก น่าตื่นเต้น ระหว่างคนกับจระเข้ แถมยังมีสวนสัตว์นานาชนิดให้ชม ได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน
ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ ไม่ได้มีแต่จระเข้ให้ชมอย่างเดียว แต่ยังมี ละครลิงสนุกๆ ให้ฮากันเต็มที่จนท้องแข็ง ทั้งแสนรู้ ทั้งน่ารัก
เที่ยวกันมาเต็มอิ่มแล้ว ก่อนกลับบ้านแวะซื้อของฝากเจ๋งๆ กันสักนิด ปลาสลิดบางบ่อ เป็นปลาสลิดตากแห้งที่มีคุณภาพและขึ้นชื่อว่าอร่อย เพราะเนื้อแน่น รสไม่เค็มจัด มีขายทั้งแบบตากแห้งและที่ทอดเสร็จแล้วบรรจุเป็นกล่องๆ นำมากินกับข้าวต้มข้าวสวยร้อนๆ ได้เข้ากันดีจิรงๆ หาซื้อได้ทั่วไปตามริมถนนสุขุมวิท รวมถึงอำเภอบางบ่อ และตลาดปากน้ำสมุทรปราการ
แส้ปัดยุงไม้บงจาก เป็นหัตถกรรมโบราณที่กำลังจะสูญหายไปจากเมืองสมุทรปราการ เพราะเหลือผู้ผลิตอยู่แค่ไม่กี่ราย ลักษณะเป็นแส้ไม้ปัดยุงปัดแมลงเหมือนแส้ ทำจากก้านต้นจาก (บงจาก) นำมาตีให้แบนแล้วใช้แปรงลวดสางจนเป็นเส้นฝอยละเอียด หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องจักสานที่ตลาดปากน้ำสมุทรปราการ หรือโทรติดต่อกลุ่มผู้ผลิต โทร. 08-6615-3857, 08-6773-0695 เหตุที่มีแส้ไม้ปัดยุงขายในสมุทรปราการมานานโขก็เพราะ สมัยกรุงศรีอยุธยา พ่อค้าที่ล่องเรือผ่านปากน้ำเข้ามาต้องผ่านป่าชายเลนแน่นทึบ มีบันทึกว่ายุงที่นี่ตัวใหญ่ กัดเจ็บ สามารถกัดทะลุเสื้อผ้าได้! จึงมีการคิดทำแส้ไม้ปัดยุงบงจากขึ้น และใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน
เที่ยวเมืองปากน้ำ ก็ต้องไม่พลาดชิม Seafood อร่อย ที่ ศาลาสุขใจ สถานตากอากาศบางปู เมนูแนะนำ เช่น กุ้งเผา, กุ้งอบวุ้นเส้น, หมึกไข่นึ่งมะนาว, หอยหลอดผัดฉ่า, ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ฯลฯ และอื่นๆ อีกมากมาย
สมุทรปราการ Guide
How to go : รถยนต์ ใช้ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) และทางหลวงหมายเลข 303 (ถนนสุขสวัสดิ์) ระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร เข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดสมุทรปราการได้เลย จากนั้นถ้าจะไปดูนกนางนวลบางปู (มีเฉพาะฤดูหนาว) จากสามแยกสมุทรปราการ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ประมาณหลัก กม. 37 กลับรถ ทางเข้าสถานตากอากาศบางปูจะอยู่ริมถนนซ้ายมือ มีที่จอดรถจำนวนมาก
Where to stay : ถึงแม้สมุทรปราการจะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว แต่ถ้าอยากจะค้างคืนก็ได้ แนะนำ สถานตากอากาศบางปู กรมพลาธิการทหารบก มีที่พักเป็นบังกะโลสำหรับนักท่องเที่ยว โทร. 0-232-39911, 0-323-9530 ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวควรโทรจองล่วงหน้า เพราะมีจำนวนจำกัด
More info : ททท. สำนักงานสมุทรปราการ โทร. 0-2250-5500 ต่อ 2991-5 / พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โทร. 0-2371-3135-6 / ป้อมพระจุลฯ โทร. 0-2475-6109 / พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ โทร. 0-2394-1997, 0-2475-3808 / เมืองโบราณ โทร. 0-2323-4094-9 / ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ โทร. 0-2703-4891-95
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!