เที่ยวเกาหลีสไตล์ TEATA หมู่บ้าน Way Am (ตอน 5)
วันที่ 5 วันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชุมชนของเกาหลีกับ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) ความเข้มข้นก็มิได้ลดน้อยลงเลยสักนิดเดียว แต่มาถึงไฮไลท์ของหมู่บ้านที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดในการจัดทำท่องเที่ยวโดยชุมชน คือ ‘หมู่บ้านวัฒนธรรมเวอัม’ (Way Am Folk Village) เมืองอาซาน (Asan) จังหวัดชุงชองนัม (Chungcheongnam) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลเพียงระยะรถวิ่งแค่ 1.30 ชั่วโมง เท่านั้น
หมู่บ้านเวอัม มีขนาดไม่ใหญ่โตเลย แต่ตั้งอยู่ในโลเกชั่นสวยงามสุดๆ ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่กลางทุ่งนา ในหุบเขาที่มีเทือกทิวเขาสองแนวโอบล้อมเป็นฉากหลังอย่างกับภาพวาด คือ ภูเขากวางด็อก (Gwangdeok Mountain) และภูเขาซุลวา (Sulhwa Mountain) แถมยังเที่ยวได้ 4 ฤดู ในความงามต่างกัน โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนหมู่บ้านเวอัมจะมีชีวิตชีวาสุดๆ มีสีสันคัลเลอร์ฟูลของดอกไม้นานาชนิด เคียงคู่ผืนนาสีเขียวขจี บึงบัวบาน และกิจกรรมท่องเที่ยวอันคึกคัก ปัจจุบันหมู่บ้านเวอัมมีชื่อเสียงมากในแง่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ในลักษณะ ‘พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต’ หรือ Living Museum เพราะเขาสามารถปลุกชีวิตหมู่บ้านชนบทอายุ 500 ปี ที่มีอาชีพหลักทำเกษตรกรรมทำไร่ทำนาปลูกผัก ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชุมชนได้อย่างสนุกสนาน เพราะมีการสนับสนุนงบส่วนหนึ่งจากรัฐบาลกลาง และชาวบ้านก็สามัคคี สร้างกิจกรรมสนุกๆ ให้นักท่องเที่ยว ผู้มาเยือน อีกทั้งมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ ความสะอาด เที่ยวได้สบายใจจริงเมื่อข้ามลำธารสายเล็กๆ เข้าสู่หมู่บ้านแล้ว ก็พบบรรยากาศราวกับว่าเราได้พาตัวเองย้อนเวลาไปในอดีตเมื่อ 500 ปีก่อน เพราะในหมู่บ้านยังคงมีบ้านไม้โบราณที่มุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา บ้างมุงหลังคาด้วยฟางข้าว และมีแนวกำแพงหินก่อเรียงกันไปเหมือนกับที่เราเห็นในละครเกาหลีจริงๆ เลยกังหันน้ำโบราณตรงทางเข้าหมู่บ้าน เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งฟังเสียงน้ำไหลซู่ซ่าให้เย็นใจการเดินชมหมู่บ้านโบราณอายุ 500 ปีแห่งนี้ ถ้าให้ดีก็ต้องเช่าชุดฮันบก (ชุดประจำชาติเกาหลี) ใส่ให้สวยๆ เดินเฉิดฉายถ่ายรูปไปเที่ยวไป แหม Happy ดีจริงเนอะหมู่บ้านเวอัมเปิดให้ท่องเที่ยวทุกวัน และได้รับความนิมอย่างสูง เพราะมีเสน่ห์ดึงดูดทั้งสถานที่ ธรรมชาติ กิจกรรม และวิถีชีวิตแบบย้อนยุคจากปากทางเข้าหมู่บ้าน เรานั่งรถแทร็กเตอร์พ่วงเข้าไปเพื่อประหยัดเวลา (พวกบ้านไกลเวลาน้อยก็อย่างนี้ล่ะครับ ฮาฮาฮา)แม้จะเป็นหมู่บ้านโบราณที่มีอายุถึง 500 ปี ทว่าเวอัมก็ได้รับการดูแลอย่างดี มีความสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ โดดเด่นด้วยเรือนไม้โบราณมุงหลังคาฟางข้าว และแนวกำแพงก่อด้วยหินยาวเหยียด อีกทั้งร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เคียงคู่นาข้าว เป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ หรือการไปพักในโรงแรมหรูห้าดาว เพราะนี่คือจิตวิญญาณที่แท้จริงของแดนกิมจิล่ะครับอาหารเที่ยง เป็นอาหารมื้อแรกในหมู่บ้านเวอัม เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ตักเติมได้ไม่อั้น โดยต้องมากินรวมกันที่โรงครัวสำหรับนักท่องเที่ยวครับอาหารแบบง่ายๆ แต่นั่งกินกับคนรู้ใจ มันก็เลยอร่อยไงล่ะ ‘พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต’ หรือ Living Museum แห่งหมู่บ้านเวอัม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโฮมสเตย์ของหมู่บ้านนที่โดดเด่นจริงๆ เพราะเราจะได้เข้าไปนอนค้างคืนในบ้านไม้โบราณอายุเป็นร้อยๆ ปี ที่ยังมีเจ้าบ้านอาศัยอยู่ และเขาแบ่งห้องให้เรานอน แบ่งครัวให้เราทำกับข้าว ซึ่งแม้จะพูดคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะชาวบ้านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทว่าน่าแปลกที่ภาษากายของเราช่วยให้สื่อสารกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหมูบ้านเวอัม คือแนวกำแพงหินที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกสำคัญของชาติเกาหลีไปแล้ว ว้าว!หลังจากอาหารเที่ยง กิจกรรมสนุกๆ ก็เริ่มต้นขึ้น อย่างแรกคือ ‘การโม่ถั่วเหลือง’ เพื่อทำเต้าหู้แบบโบราณ กิจกรรมนี้ทำให้ใครหลายคนย้อนรำลึกถึงวัยเด็ก ที่ยังช่วยคุณแม่เข้าครัวโม่แป้งโม่ถั่วเหลืองอยู่ ซึ่งปัจจุบันคงหาอะไรแบบนี้ยากแล้ว ส่วนน้องๆ รุ่นใหม่ที่ร่วมทริปด้วย ก็ได้ฟังคำบอกเล่าจากปากของท่านผู้อาวุโส เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และย้อนเวลาหาอดีตได้อย่างสนุกสนาน
น้ำถั่วเหลืองที่บดแล้วจะไหลมารวมกันในหม้อต้ม เมื่อคนไปคนมาสักพัก แล้วเติมน้ำทะเลลงไปในขั้นตอนสุดท้าย ก็จะได้น้ำเต้าหู้และฟองเต้าหู้แยกจากกันชัดเจนนำน้ำถั่วเหลือง (น้ำเต้าหู้) ที่ต้มดีแล้ว กรองในถุงขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้ความใสสะอาดจากนั้นนำกากถั่วเหลืองมาบีบบดคั้นเอาน้ำออกมาให้ได้มากที่สุด โดยชาวบ้านจะทิ้งน้ำเต้าหู้ (น้ำถั่วเหลือง) ที่เราช่วยกันคั้นนี้ ทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนำมาทำเต้าหู้แสนอร่อยให้เรารับประทานกันเต้าหู้หมู่บ้านเวอัมจากฝีมือเราเอง ขอบอกว่าเนื้อนุ่ม รสชาตินวลเป็นธรรมชาติ แทบไม่ต้องเคี้ยวเพราะละลายในปากได้เลย กินคู่กับผักดองกิมจิต่างๆ บำรุงสุขภาพเพราะอุดมด้วยคุณค่าทางอาหารมากมายครับหลังกิจกรรมทำเต้าหู้ ก็ได้เวลาออกเดินเที่ยวชมบรรยากาศของหมู่บ้านโบราณ ที่ไม่มีการสร้างตึกสูงหรืออาคารสมัยใหม่แทรกแซมเข้าไปเลย เรียกว่าเขายังอนุรักษ์สถาปัตยกรรมจากอดีตไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ตัวเรือนไม้โบราณที่ตั้งหลบอยู่ในดงต้นสนและเมเปิลอย่างนิ่งสงบ ช่วยให้ใจเราสงบไปด้วย อยากนั่งอยู่เฉยๆ สักพัก ชมแนวกำแพงหินเคียงคู่ดอกไม้ ป่าสน ลำธาร เป็นความงามเปี่ยมคุณค่า ถึงขนาดรัฐบาลเกาหลีประกาศให้ 3 สิ่งในหมู่บ้านวัฒนธรรมเวอัมกลายเป็น ‘มรดกสำคัญของชาติ’ (National Important Folk Material) คือ บ้านโบราณ, แนวกำแพงหินโบราณยาว 3 กิโลเมตร และทางน้ำแบบโบราณ ว้าว! แนวกำแพงหินที่แลดูธรรมดา บัดนี้กลายเป็นโลเกชั่นถ่ายแบบของสาวน้อยแสนน่ารักชาว TEATA ไปแล้ว
แนวกำแพงหินโบราณกลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้งในฤดูร้อน เมื่อดอกไม้เล็กๆ เบ่งบานขึ้นมาทักทายกันอย่างน่ารักน่าชังใบเมเปิลแดงหลงฤดู ที่หมู่บ้านเวอัม นี่คือศิลปะในธรรมชาติที่มีคุณค่ายิ่งต่อจิตใจมนุษย์ต้นไม้โบราณเก่าแก่หลายชั่วอายุคน ยืนต้นตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขา เปลือกของมันแตกออกเป็นร่องเป็นเกล็ดเหมือนลวดลายที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นประดับประดาหมู่บ้านเวอัมเดินเที่ยวหมู่บ้านด้วยความเพลิดเพลิน เพราะแดดไม่ร้อนจัด แถมยังมีดอกไม้หลากสีเบ่งบานดึงดูดเราไปตลอดทางถนนเดินผ่านกลางหมู่บ้าน นำเราย้อนอดีตในทุกย่างก้าว ท่ามกลางโอบกอดของธรรมชาติและแนวกำแพงหินนิ่งสงบ แลดูมั่นคง
ชีวิตเรียบง่ายในเวอัม สะท้อนออกมาในทุกย่างก้าวของชีวิตผู้อยู่อาศัยพักคลายร้อนในห้องแอร์เย็นฉ่ำ กับการฟังบรรยายสรุปความเป็นมาของหมู่บ้าน และรูปแบบการจัดท่องเที่ยวโดยชุมชน สมาชิกชาว TEATA ได้ความรู้กันไปเต็มๆ ครับงานนี้ถัดมาเป็นกิจกรรม DIY (Do It Yourself) ที่เขาให้เราลองประดิษฐ์ตกแต่งพัดแบบเกาหลีด้วยตัวเอง เพื่อนำกลับไปเป็นของที่ระลึกน่ารักๆ สไตล์เกาหลีครับ โดยเขาจะแจกพัดกระดาษสีขาวโล่งๆ ให้คนละอัน พร้อมกาว และกระดาษสีที่ตัดเป็นรูปดอกไม้ต่างๆ จากนั้นก็ใช้จินตนาการของใครของมัน ปะติดให้เกิดลวดลายตามชอบเลยจ้า
เสร็จแล้วจ้า พัดเกาหลีสวยแบบ Minimal ตาม character ของน้องสาวแสนน่ารัก เสร็จแล้วจ้า ผลงานสวยๆ ของแต่ละคน มีชิ้นเดียวในโลกเลยนะเนี่ย กิจกรรมถัดมา เป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนรอคอยมาทั้งวัน นั่นคือการใส่ชุดฮันบก ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของเกาหลี เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เลือกกันได้ตามใจชอบเลยจ้า ผู้ชายหน้าหวานกับดอกซากุระบนหมวก เขาคือนักปราชญ์ราชบัณฑิตหรือขุนนางจากยุคไหนไม่มีใครรู้ รู้แต่แน่ๆ ว่า มีแต่คนเหลียวมองชายผู้นี้ ตลอดเวลาที่เขาสวมหมวกใบนั้น!!!
พี่น้องสองสาว ในชุดฮันบกสีสดใส บันทึกภาพนี้ไว้ในความประทับใจตลอดไปเลยยิ้มกว้างขนาดนี้ เขินหรือว่าดีใจที่ได้ใส่ชุดฮันบกจ๊ะพี่หุย? ฮาฮาฮา
เย็นมากแล้ว เวลาผ่านไปไม่รอท่า ได้เวลาเช็คอินเข้าพักในบ้านโบราณ ตอนนี้เจ้าบ้านแต่ละหลังมารอรับพวกเราอยู่แล้ว บางบ้านมีบริการพาเรานั่งรถเล่นด้วย น่าอิจฉาจังคู่นี้ค่ำวันนั้น ทางเกาหลีได้จัดงานเลี้ยงส่ง Farewell Party ให้กับคณะ 34 ชีวิตของ TEATA ที่มาเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในทริปนี้ บรรยากาศงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา และเครื่องดื่มพื้นบ้านแบบเกาหลีหลายชนิด จนใครหลายคนมึนจัด หลงทาง เดินกลับบ้านพักไม่ถูกันเลยทีเดียว! ฮาฮาฮา
ในงานเลี้ยง มีการเชิญศิลปินแห่งชาติด้านการขับร้อง มาร้องเพลงอารีรัง (คนไทยรู้จักในชื่อเพลง อารีดัง) ให้เราฟังกันสดๆ ขอบอกว่าไพเราะจับใจมากจริงๆ ฟังจบปุ๊ปรู้สึกเลยว่ามาถึงเกาหลีแล้วการเดินทางมาเกาหลีเป็นเวลา 5 วัน ในครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างสองประเทศ ประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์อย่างดีเยี่ยม เช้าวัดสุดท้ายก่อนบินกลับไทย จึงเป็นวาระสำคัญยิ่งที่ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) จะได้เซ็นต์บันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ สภาส่งเสริมการท่องเที่ยวชนบทเกาหลี (Korean Rural Experience Village Council : KREVC) ซึ่งเป็นโอกาสที่พิเศษมาก เพราะไม่เคยเกิดบรรยากาศการทำงานร่วมกันในลักษณะนี้มาก่อน จึงถือเป็นมิติใหม่และความหวังใหม่ในการดำเนินงานท่องเที่ยวโดยชุมชนให้ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ระหว่างสองประเทศ โดยมี TEATA เป็นหัวหอกสำคัญเช้าวันสุดท้ายของการเดินทาง คณะ TEATA ทั้งหมดจึงเดินทางไปยังสถานที่จัดประชุมใกล้หมู่บ้านเวอัม พบปะตัวแทนด้านการท่องเที่ยวคนสำคัญๆ ของเกาหลี โดยเฉพาะ Mr. Lee Kyujeong ตำแหน่ง President of Korean Rural Experience Village Council และ Mr. Choi Bong-soon ตำแหน่ง Director of Rural Industry Division สังกัดกระทรวงเกษตร, อาหาร และกิจการชนบทเกาหลีบรรยากาศการประชุมอันอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจ ในการทำงานสู่ทิศทางเดียวกัน ก่อนที่จะมีการเซ็นต์ MOU
คุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคม TEATA เป็นตัวแทนเซ็นต์ MOU ร่วมกับ Mr. Lee Kyujeong (President of Korean Rural Experience Village Council) ซึ่งมีเครือข่ายท่องเที่ยวหมู่บ้านกว่า 1,000 แห่งทั่วเกาหลี
ผลจากการเซ็นต์ MOU ครั้งนี้ มีข้อผูกพันระหว่างกันหลายประการ ไม่ว่จะเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการทำท่องเที่ยวชุมชนให้ยั่งยืน, การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดูงาน, การฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน รวมถึงการจัดทริปเหย้าเยือนนักท่องเที่ยวระหว่างกันด้วย เป็นต้น โดยในเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่จะถึงนี้ คณะทำงานจากเกาหลีก็จะเดินทางมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยด้วย เตรียมตัวต้อนรับกันให้ดีนะครับหลังจากเซ็นต์ MOU เสร็จเรียบร้อย คุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคม TEATA ก็ได้นำเสนอความเป็นมา เป้าหมาย แนวคิด การทำงาน และผลงานของ TEATA ให้กับทางเกาหลีฟัง โดยได้รับความสนใจเป็นอย่างดีคุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคม TEATA ประเทศไทย มอบของที่ระลึกให้กับ Mr. Choi Bong-soon และทั้งหมดนี้ คือกิจกรรมสนุกๆ ของ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาวงการท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน บัดนี้เราได้ก้าวออกสู่เวทีโลกอย่างสง่าผ่าเผย และจะนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้ มาต่อยอดสร้างสรรค์พัฒนาวงการท่องเที่ยวไทยอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรมต่อไป
แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้านะครับ บ้ายบายสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) โทร. 08-3250-9343 (คุณน้ำ)
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!