เที่ยวเกาะแดนไวกิ้ง Lovund Island
ดินแดนสแกนดิเนเวียหรือยุโรปตอนเหนือใกล้ขั้วโลก เป็นที่ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากไปเยือน เพราะเป็นแถบที่มีภูมิทัศน์ธรรมชาติยิ่งใหญ่ตระการตา อีกทั้งเป็นดินแดนแห่งความหนาวเย็น จึงให้ความรู้สึกแปลกตาสำหรับคนเมืองร้อนอย่างเราๆ นอร์เวย์ (Norway) ก็เป็นประเทศหนึ่งในนั้น เพราะเราสามารถไปเที่ยวชมความงามของตัวเมืองอันเก่าแก่ แถมด้วยพระอาทิตย์เที่ยงคืน และยังมีแสงเหนือบนฟากฟ้ายามราตรีอันสุดมหัศจรรย์ในบางฤดูกาลให้ชมด้วย
การเดินทางทริปนี้ต้องอาศัยเสื้อกันหนาวหนาๆ หมวก ถุงมือ และแบตสำรองของกล้องค่อนข้างเยอะ เพราะอากาศที่เย็นเฉียบขนาดอุณหภูมิเลขตัวเดียวของนอร์เวย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้เราสั่นสะท้านได้ง่ายๆ ผมบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ออสโล (Oslo) เมืองหลวงอันสวยงามของนอร์เวย์ จากนั้นต่อเครื่องบินเล็กแบบใบพัด จุผู้โดยสารได้ไม่เกิน 20 คน บินผ่านทะเลเหนือที่กำลังจะเป็นน้ำแข็ง ไปลงที่เมืองแซเนสเชิน (Sandessjøen) แล้วลงเรือสู่ เกาะลูวุนด์ (Lovund Island) ตามที่วางแผนไว้
ถามว่าที่เกาะลูวุนด์มีอะไรให้ชม ก็ต้องบอกเลยว่ามันคือที่ที่สามารถดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้สวยที่สุด เกาะหนึ่งของนอร์เวย์ อีกทั้งยังจัดว่าเป็นอาณาจักรแห่งปลาแซลมอนเลยก็ว่าได้ เพราะในอดีตประเทศนอร์เวย์ไม่ได้เลี้ยงปลาแซลมอนส่งออกไปทั่วโลกดังเช่นทุกวันนี้ แต่อยู่ดีๆ ก็มีคนหัวใสบนเกาะลูวุนด์ ทดลองนำลูกปลาแซลมอนฝูงแรกขึ้นเครื่องบินไปทดลองทำฟาร์มเลี้ยงในทะเล จนประสบความสำเร็จเกินคาด เนื่องจากทะเลแถบนี้มีน้ำเย็นกำลังดี และมีอาหารในน้ำอุดมสมบูรณ์ ธุรกิจปลาแซลมอนในนอร์เวย์อันโด่งดังจึงถือกำเนิดขึ้นที่นี่ล่ะ ส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินปลาแซลมอนอยู่แล้ว การได้มาเยือนถิ่นแซลมอนจริงๆ จึงเป็นเรื่องน่าประทับใจไม่น้อย
หมู่เกาะและทะเลแถบนี้จะว่าไปแล้วงามเหมือนภาพในเทพนิยาย เพราะเกาะส่วนใหญ่มักจะมียอดเขาแหลมๆ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำทะเลสีครามเข้ม เต็มไปด้วยโขดหินแปลกๆ แถมยังมีป่าเปลี่ยนสีขึ้นเป็นแนวอยู่ตามชายฝั่ง บางเกาะมีหอคอยประภาคารโผล่ขึ้นมา เคียงคู่กับท่าเรือ และหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งนิยมสร้างบ้านด้วยไม้สนทาสีแดงเป็นหลัก บวกกับความเงียบสงบเป็นธรรมชาติสุดๆ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่นั่งเรือเร็วจากเมืองแซเนสเชินสู่เกาะลูวุนด์ ช่างมีความสุขมาก
ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงเกาะลูวุนด์ เกาะเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ ที่มีประชากรอยู่แค่ 400 คน คนที่อยู่บนเกาะนี้ดั้งเดิมจึงรู้จักกันหมด เหมือนสังคมขนาดเล็กที่เอื้ออารีต่อกัน ตัวเกาะที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ จึงเดินหรือปั่นจักรยานเที่ยวได้ง่าย เพื่อชมบ้านเรือนและฟาร์มแกะเล็กๆ แสนน่ารัก หลายบ้านจัดสวนสวยเอาไว้ชื่นชม ทำให้นักเดินทางจากแดนไกลอย่างเรารู้สึกสดชื่นเมื่อได้มาเห็น
คนบนเกาะลูวุนด์มักพูดว่า “คุณจะไม่มีวันหลงทางบนเกาะแห่งนี้!” ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเกาะมีพื้นที่เพียง 4.9 ตารางกิโลเมตร และมีถนนสายหลักวนรอบเกาะอยู่เส้นเดียว การหลงทางบนเกาะนี้จึงไม่น่าจะมีโอกาสเกินขึ้นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ฮาฮาฮา ชื่อเกาะนี้ก็น่าสนใจ คือคำว่า ‘Lovund’ นั้น เป็นศัพท์ภาษา Old Norse ของคำว่า ‘lauf’ (แปลว่า ใบไม้) และ ‘-und’ (แปลว่า ดินแดน) ชื่อเกาะลูวุนด์จึงหมายถึง ‘เกาะแห่งป่าไม้’ เพราะบนลาดเขาทางตะวันตกของเกาะมีป่าไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น
บนเกาะลูวุนด์มีที่พักอยู่แห่งเดียวชื่อ Lovund Rorbu Hotel ซึ่งจัดว่าเป็นบูติกโฮเทลเล็กๆ หรูเรียบ น่ารักอย่างแท้จริง ผู้ก่อตั้งโรงแรมแห่งนี้ก็คือผู้ที่นำปลาแซลมอนฝูงแรกมาเลี้ยงบนเกาะนั่นเอง และปัจจุบันได้มอบให้รุ่นลูกชายดูแลกิจการแทน โรงแรมริมทะเลวิวสวยสุดๆ แห่งนี้ จึงมีเรื่องราวความเป็นมา และต้อนรับแขกผู้เข้าพักอย่างเป็นกันเองเหมือนญาติสนิท ที่สำคัญคือในร้านอาหารของเขามีเมนูแซลมอน ให้เราชิมคู่กับไวน์ชั้นเลิศของนอร์เวย์อย่างจุใจ จากระเบียงห้องพักหรือจากกระจกใสของร้านอาหาร เราจะเห็นเวิ้งทะเลเหนือทอดออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา โดยมีเกาะเล็กๆ เรียงตัวอยู่ห่างๆ กันอย่างงดงาม
กิจกรรมที่ถือว่าเจ๋งสุดบนเกาะลูวุนด์ ที่ถือว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง คือการชม ‘พระอาทิตย์เที่ยงคืน’ หรือ Midnight Sun เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติมหัศจรรย์ เมื่อเราสามารถเห็นพระอาทิตย์ลอยค้างเติ่งอยู่บนท้องฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า กล่าวกันว่าสถานที่ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ง่ายที่สุดจุดหนึ่งในนอร์เวย์ คือ เมืองทรมเซอ ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม ถึง 27 กรกฎาคม รวมถึงเมืองสฟาลบาร์ กลางมหาสมุทรอาร์กติก ระหว่างวันที่ 19 เมษายน ถึง 23 สิงหาคม แต่ถ้าใครอยากชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน และได้ดูการจับคู่ทำรังของนกพัฟฟินด้วย ก็ต้องเกาะลูวุนด์นี่ล่ะ
ปรากฏการณ์ ‘พระอาทิตย์เที่ยงคืน’ จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนของทวีปยุโรปและบริเวณใกล้เคียง ทางตอนเหนือของเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle : เส้นละติจูด 66°33′45.8″ ทางเหนือของเส้นศูนย์สูตร) โดยดวงอาทิตย์ยังคงมองเห็นได้ตอนเที่ยงคืน และเห็นตลอด 24 ชั่วโมง นอร์เวย์เคยมีพระอาทิย์เที่ยงคืนนานที่สุดในโลกถึง 73 วัน ที่เมืองสฟาลบาร์ รีบวางแผนเดินทางมาชมกันเลย
นอกจากการมาเที่ยวชมวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะอันสงบงาม และได้ชิมปลาแซนมอนสดๆ อร่อยล้ำแล้ว กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ การสะพายกล้องส่องทางไกล ออกไปซุ่มดูนกหายากในแถบโขดหินทางตอนเหนือของเกาะ พวกมันคือ ‘นกพัฟฟินแอตแลนติก’ (Atlantic Puffin) แสนน่ารัก ที่จับกลุ่มทำรังเลี้ยงลูกอยู่บนหน้าผาหินริมทะเลนับพันๆ หมื่นๆ ตัว นกพัฟฟินชนิดนี้เป็นนกทะเลขนาดเล็ก จากหัวถึงหางยาวแค่ 30 กว่าเซนติเมตรเอง และปีกก็สั้น ไม่ใช่นกทะเลปีกยาวที่มักร่อนไปมาในอากาศเพื่อหาเหยื่อ ทว่านกพัฟฟินเป็นนกที่ชอบว่ายน้ำ และดำน้ำจับปลา ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไวด้วยปากสั้นๆ แต่ทรงพลังของมัน โดยปากของมันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใส เพื่อใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามในฤดูผสมพันธุ์ ยิ่งกว่านั้นบางเกาะในทะเลแถบนี้ของนอร์เวย์ ยังยกย่องนกพัฟฟินโดยนำมันมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ทางราชการของเกาะเลยก็มีครับ
ภาพแห่งความบริสุทธิ์ของธรรมชาติบนเกาะน้อยๆ ในแดนไวกิ้งแห่งนี้ช่างน่าประทับใจ และผมหวังว่า คุณจะได้มาเห็นด้วยตัวเอง แล้วคุณจะรู้สึกว่า สวรรค์บนพื้นโลกมีอยู่จริง!
Lovund Guide
– ช่วงที่ 1 บินตรงไทย-ออสโล (เมืองหลวงของนอร์เวย์) โดยสายการบิน Scandinavian Airlines (www.flysas.com/en/th/) หรือ Thai Airways International (www.thaiairways.co.th) ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง 30 นาที แล้วบินต่อด้วยเครื่องบินเล็กจากออสโล-เมืองแซเนสเชิน (Sandessjøen)
– ช่วงที่ 2 นั่งเรือโดยสารจากเมืองแซเนสเชิน-เกาะลูวุนด์ เป็นเรือเฟอร์รี่ของบริษัท The Nordland Express Boat เช็คตารางเดินเรือและจองตั๋วได้ที่ www.nordnorge.com
– ที่พักบนเกาะ Lovund มีแห่งเดียว คือ Lovund Rorbu Hotel ติดต่อ www.lovund.no
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!