เที่ยวนครพนมริมโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้าน (ตอน 2)

52

หลังจากเราได้เที่ยวชมเส้นทางท่องเที่ยวริมโขง ของอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมกันไปในวันแรกแล้ว (เรื่องตอนที่ 1) ทริปเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน ไทย-ลาว ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 ก็ยังดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน เต็มอิ่มกับจุดหมายทางด้านศาสนา วัฒนธรรม ผสานกับความเชื่อความศรัทธาเกี่ยวกับตำนาน “พญานาค” ที่ชาวนครพนมเคารพกันมาหลายชั่วอายุคน

54

หลังจากตะวันขึ้นริมโขง มองเห็นได้ชัดเจนจากฝั่งไทยไปทางฝั่งเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว อากาศตอนเช้าๆ อย่างนี้เย็นสบายมาก เหมาะสำหรับการตื่นเช้ามาตักบาตรริมโขง โดยธรรมเนียมของชาวอีสานแล้ว เป็นการตักบาตรข้าวเหนียว คือการตักบาตรเฉพาะการใส่ข้าวเหนียวเท่านั้น ส่วนกับข้าวจะนำไปถวายวัดทีหลัง เรียกว่า จังหัน แต่ด้วยวิถีชีวิตของคนปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ต้องรีบไปทำงาน ไม่มีเวลาไปถวายจังหันที่วัด ก็สามารถถวายกับข้าวและปัจจัยได้เลย ไม่ถือว่าผิดอะไร

55 56 57

จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปตักบาตรยามเช้ากันตรงริมโขง ก็คือบริเวณหน้า “วัดมหาธาตุ” อันเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุนคร” ซึ่งเป็นองค์พระธาตุประจำคนเกิดวันเสาร์ กราบขอพระองค์พระธาตุแล้ว ถ้ามีโอกาส อย่าลืมถวายผ้าห่มองค์พระธาตุด้วย ชีวิตจะได้ร่มเย็น มีสิ่งปกปักษ์รักษาตัวเรา หรือใครจะเข้าไปฟังเทศน์ฟังธรรม ถวายสังฆทานร่วมด้วยก็ได้ สมแล้วที่ นครพนมเป็นจังหวัดที่มีพระธาตุประจำวันเกิด ครบ 7 วัน และเป็นเมืองพุทธริมโขงที่เนิบช้า สงบร่มเย็นจริงๆ

58 59.1 59

ในทริปนี้ ท่านบัวมิน จ้วงลาสี หัวหน้าห้องการพัวพันต่างประเทศ แขวงคำม่วน ประเทศลาว ได้ให้เกียรติอย่างสูง มาร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงวัฒนธรรมสองฝั่งโขงกับเราด้วย โดยท่านได้เป็นประธานถวายปัจจัยสังฆทาน ณ วัดมหาธาตุ

61

หลังจากอาหารเช้าแสนอร่อย ก็ได้เวลาสำคัญ ร่วมกันล่องเรือชมแม่น้ำโขง พร้อมกับประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ บูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง โดยพวกเราได้ล่องเรือแม่โขงพาราไดซ์ เป็นเรือสำราญทันสมัย โอ่โถง บริการนักท่องเที่ยวเพียงลำเดียวในขณะนี้ เราจะล่องเรือจากหน้าเมืองนครพนม ลอดใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 จนไปถึงหน้าวัดพระพุทธบาทเวินปลา แล้วประกอบพิธีบูชาพญานาคกัน ณ จุดนั้น

62

 บายศรีพญานาค พร้อมด้วยพานพุ่มหมากเบ็งแบบอีสาน จากฝีมือกลุ่มแม่บ้านดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ได้รับการนำมาจัดวางอย่างสวยงามไว้เรียบร้อยแล้วบนดาดฟ้าเรือสำราญ แม่โขงพาราไดซ์

6364

 ท่านผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครพนม สกลนคร มุกดาหาร พี่สาวคนสวยของเรา ก็มาร่วมล่องเรือด้วย สังเกตหน้าตาอิ่มเอิบมีความสุข เพราะวันนี้เราจะมาประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์เพื่อมงคลชีวิตร่วมกัน

65

สาวน้อยนักท่องเที่ยวที่ร่วมทริปไปด้วย กำลัง Happy กับการนั่งชิล ชมวิวสวยๆ กลางแม่น้ำโขง อย่างนี้ก็ต้องแช๊ะ ชักภาพไปแชร์กันต่อให้เยอะๆ แล้วล่ะ

66

ภาพอันคุ้นตา วิถีชีวิตความผูกพันของคนกับแม่น้ำโขง แม้ว่าทุกวันนี้ปลาในลำน้ำโขงจะลดปริมาณลงมาก ทว่าก็ยังมีเหลือให้ชาวประมงพื้นบ้านจับกินจับขาย เลี้ยงปากท้องและครอบครัวได้ ส่วนฝั่งแผ่นดินที่เห็น คือเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว ซึ่งยังไม่มีตึกสูง จึงยังแลร่มเย็นด้วยแนวต้นไม้เขียวสดชื่นสะอาดตา

67

เริ่มล่องเรือออกจากหน้าเมืองนครพนม ผ่านตลาดอินโดจีน และท่าเรือด่านศุลกากร ของเรือข้ามฟากไทย-ลาว

68.1

Landmark และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญริมโขงนครพนมแห่งหนึ่งก็คือ “วัดนักบุญอันนา หนองแสง” ซึ่งเป็นโบสถ์ของพี่น้องชาวคริสเตียนเชื่อสายไทย-ญวน (เวียดนาม) ที่อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในนครพนมกันนานแล้ว ตอนเย็นๆ เวลาล่องเรือเที่ยว จะเห็นโบสถ์ที่มีหอคอยแหลมคู่ เปิดไฟสวยงาม เคียงคู่กับท้องฟ้าเปล่งแสงสียามอัสดง บรรยาากศคลาสสิกมากๆ

69

ท่านพราหมณ์เร่ิมประกอบพิธีบูชาพญานาคกลางลำน้ำโขง ตามความเชื่อและธรรมเนียมของชาวนครพนม ที่เชื่อถือ ศรัทธากันมาหลายชั่วอายุคน บรรยากาศของพิธีเต็มไปด้วยกลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์

7071.1

เมื่อพิธีของพ่อพราหมณ์จบลง ผู้ที่เข้าร่วมพิธีทุกคนก็ได้มีโอกาสอธิษฐาน บูชาองค์พญานาคแห่งลำโขง ด้วยการโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงสู่แม่น้ำใหญ่สายนี้

7172

เรือแม่โขงพาราไดซ์ค่อยๆ แล่นลอดผ่านใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ซึ่งเปิดไปแล้วอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ปี 2011 ในเวลา 11.11 น. เชื่อมโยงการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ของอนุภูมิภาคอินโดจีนเข้าด้วยกัน ทำรายได้ให้ไทยในปี 2014 ไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท! ตรงตามคำทำนายของนครพนมในอดีต ว่าเมื่อถึงยุคหนึ่ง ในลำน้ำโขงนครพนมจะมีก้อนหินใหญ่ลอยผุดขึ้นเหนือน้ำ เมื่อมาตีความกันในปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นสะพานแห่งนี้นี่เอง

737475

เรือของเราไม่สามารถแล่นไปจนถึงหน้าวัดพระพุทธบาทเวินปลาได้ตามแผน เพราะฤดูนี้ลำน้ำโขงลดระดับต่ำเกินไป อาจติดแก่งหินได้ เราจึงประกอบพิธีลอยบายศรีบูชาพญานาคกัน เมื่อเรือลอดผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ไปแล้ว

7778

ล่องเรือชมบรรยากาศในลำน้ำโขงกันมากว่า 3 ชั่วโมง ก็ได้เวลาขึ้นมาหม่ำอาหารเที่ยงอร่อยๆ แล้วนั่งรถต่อไปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แถบ “เมืองโบราณริมโขง บ้านหนองจันทน์” ตำบลท่าค้อ อำเภอเมืองนครพนม ซึ่งริมลำน้ำโขงในบริเวณนี้ แท้จริงในอดีตคือส่วนเสี้ยวหนึ่งของอาณาจักรศรีโคตรบูร ที่กินอาณาเขตทั้งสองฝั่งโขงปัจจุบัน ทุกวันนี้มีการสำรวจพบซากโบราณสถานเก่าแก่ โดยเฉพาะวัด สิม (โบสถ์) ซากเจดีย์น้อยใหญ่ และวัตถุโบราณที่อยู่ใต้ดินในที่ทำกินของชาวบ้านนับไม่ถ้วน ซึ่งกรมศิลปากรณ์ได้มาทำการสำรวจไว้หมดแล้ว ทว่ายังไม่ได้บูรณะอย่างจริงจัง ในอนาคตอันใกล้นี้ จังหวัดนครพนมจะพัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์โบราณคดีบ้านหนองจันทน์ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ คงไม่นานเกินรอครับ

79

ภายในพระอุโบสถวัดหนองจันทน์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากริมโขงมากนัก มีพระพุทธรูปโบราณสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร อยู่เป็นจำนวนมาก สังเกตให้ดีจะเห็นร่องรอยอดีตความขลัง ของศิลปะล้านช้างลาว โดยเฉพาะพระพักตร์พระพุทธรูป ที่ต่างจากยุครัตนโกสินทร์ของสยาม (องค์สีทองที่อยู่ข้างๆ) อย่างชัดเจน

80

ภายในวัดหนองจันทน์ มีบ่อน้ำโบราณอายุหลายร้อยปี ลึกหลายสิบเมตร ก้นบ่อยังมีน้ำผุดขึ้นมา ไม่เคยเหือดแห้ง โดยขอบบ่อนี้มีการเรียงอิฐซ้อนกันลงไปตามผนัง เพื่อเสริมความแข็งแรงไม่ให้พังถล่ม เป็นอิฐสมัยเก่าของจริง

81

จากหน้าวัดหนองจันทน์ ในอดีตแม่น้ำโขงเคยกินอาณาเขตเข้ามาถึงตรงนี้ ทว่าปัจจุบันตะกอนได้สะสมกัน จนเกิดเป็นแผ่นดินใหม่งอกออกไปกว้างเกือบกิโลเมตร เป็นดินอุดมสมบูรณ์ที่ชาวบ้านมาปลูกพืชไร่และยาสูบกัน พ้นจุดนี้ไปก็คือแม่น้ำโขง และฝั่งตรงข้ามที่เห็นคือประเทศลาว (เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน) อันเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุศรีโคครบอง” ซึ่งประชาชนสองฟากฝั่งเคารพศรัทธา คู่กับองค์พระธาตุพนม และพระธาตุริมโขงอีกหลายองค์

82

ความ Unseen อย่างหนึ่งภายในวัดหนองจันทน์คือ จอมปลวกรูปพญานาค เราไม่เคยเห็นจอมปลกรูปทรงพิสดารแบบนี้ที่ไหนมาก่อนเลย!!!

83

ออกเดินทางต่อไป จนถึง “พระธาตุมรุกขนคร” อดีตที่ตั้งเมืองศรีโคตรบูรโบราณ ก่อนย้ายมาอยู่ที่ตัวอำเภอเมืองนครพนมในปัจจุบัน พระธาตุองค์นี้ตั้งอยู่ในอำเภอธาตุพนม ห่างจากตัวเมืองนครพนมประมาณ 40 กิโลเมตร มีลักษณะคล้ายองค์พระธาตุพนมย่อส่วน คือสูงเพียง 50.9 เมตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เพื่อฉลองวาระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี

84

บนหน้าบันพระอุโบสถวัดพระธาตุมรุกขนคร มีรูปปั้นครุฑ ที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดองค์หนึ่งในเมืองไทย ด้วยท่วงท่าลีลาอันสง่างาม มีพลัง มีอำนาจ มีความแข็งแกร่ง ราวกับมีชีวิตจริง โดยเฉพาะดวงตาของครุฑองค์นี้ ไม่ว่าเราจะเดินไปในทิศทางใด ก็จะรู้สึกราวกับว่าดวงตาท่านจะมองตามเราไปในทุกที่ได้อย่างอัศจรรย์!

85

กลุ่มแม่บ้าน บ้านดอนนางหงส์ เป็นกลุ่มที่มีฝีมือด้านการทำบายศรีพานพุ่ม (หมากเบ็ง) เอาไว้บูชาพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวอีสาน แม่บ้านได้มาให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว ทดลองทำหมากเบ็งอันเล็กๆ ด้วยตนเอง เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นน่ารัก น่าสืบสานต่อไปไม่ให้สูญหาย

8687.1

ออกจากพระธาตุมรุกขนครแล้ว เรายังเดินทางต่อไปที่ “หมู่บ้านวัฒนธรรมไทกวน” บ้านนาถ่อนทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยชาวไทกวนถือเป็น 1 ใน 8 เผ่า ของนครพนม เป็นชุมชนโบราณผู้ทำหน้าที่ดูแลปกป้ององค์พระธาตุพนม จึงมีภูมิปัญญาด้านการตีดาบ สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน กลายเป็นอาชีพหลักอย่างหนึ่งของหมู่บ้าน มีออร์เดอร์ตีดาบตีมีดสั่งมาจากทั่วประเทศ ทว่าทุกวันนี้เหลืออยู่แค่ไม่เกินสองสามบ้านแล้ว ที่ยังคงตีดาบด้วยมือและเตาแบบโบราณจริงๆ เพราะวิธีนี้แม้จะได้มีดดาบคุณภาพดีเยี่ยมกว่า แต่ก็กินเวลา และแรงกำลังมาก จนไม่ทันกับใบสั่งซื้อ

878889

มีดาบ มีดอีโต้ มีดพร้า คุณภาพเยี่ยม จากฝีมือการตีแบบโบราณล้วนๆ เมื่อมาซื้อกันถึงแหล่งถึงที่แบบนี้แล้ว ราคาจึงถูกมาก ถ้าได้ไปเที่ยวก็ช่วยกันอุดหนุนให้กำลังใจชาวบ้านด้วยล่ะ เพื่อเป็นการต่ออายุภูมิปัญญานี้ไม่ให้สูญหาย

90

 ชุดพื้นบ้านแบบดั้งเดิมของชาวไทกวน นครพนม ของสตรีจะใช้สีดำและเหลืองเป็นหลัก โดยมีเครื่องประดับเงินต่างๆ ช่วยเพิ่มความงามล้ำ

9192

สาวน้อยชาวไทกวน มายืนต้อนรับนักท่องเที่ยว และฟ้อนรำสวยๆ ให้เราชมอย่างอ่อนช้อย น่าประทับใจเหลือเกิน

93

94

 ผลิตภัณฑ์งานฝีมือพื้นบ้านแบบ Hamnmade ของชาวไทกวน มีการประยุกต์ใช้วัสดุสมัยใหม่ มา Re-Design จนกลายเป็นกระเป๋าที่ผสมกลมกลืนระหว่างความ Modern และลวดลายเฉพาะตัว ได้งามจริงๆ ราคาก็ไม่แพงนะ

95

เย็นวันนั้น เรากลับเข้าตัวเมืองนครพนม เพื่อชิม ต้มเส้น อาหารอิทธิพลเวียดนาม ที่เข้ามาผสมกลมกลืนกับอาหารพื้นถิ่นนครพนม เมนูมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งโจ๊ก, ข้าวต้ม, ต้มเส้นหมูยอ ฯลฯ เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปอร่อยหอมขึ้นจมูก แนะนำร้านอาหารข้าวต้มเส้น 99 (โทร.  0-4251-4585)

96

เช้าวันสุดท้าย ของทริปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้านสองแผ่นดิน เราได้เข้าไปกราบสักการะองค์พระธาตุที่ว่ากันว่า สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในภาคอีสาน คือ “พระธาตุพนม” อันเป็นพระธาตุประจำวันเกิดคนวันอาทิตย์ โดยประวัติเล่าว่า สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 8 ในยุคที่อาณาจักรศรีโคตรบูรกำลังรุ่งเรืองสุดขีด เป็นพระธาตุที่ใช้ประดิษฐาน พระอุรังขธาตุ หรือกระดูกส่วนพระอุระ (ส่วนอก) ของพระพุทธเจ้า หากแม้นได้มากราบเพียงครั้งเดียวก็เป็นมงคลยิ่งแล้ว แต่ใครได้มากราบครบ 7 ครั้ง ก็จะถือว่าเป็นลูกพระธาตุอย่างแท้จริง

979899100

Special Thanks : จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดียิ่ง

เที่ยวนครพนมริมโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมเพื่อนบ้าน (ตอน 1)

1

นครพนม เมืองที่เคยได้รับการโหวตให้เป็น “เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก” เพราะเมืองริมลำน้ำโขงแห่งนี้มีบรรยากาศเนิบช้า น่าอยู่ ใครได้ไปสัมผัสก็จะรู้สึกเย็นกายเย็นใจ ที่สำคัญคือลำน้ำโขงที่ไหลเลียบตลอดริมฝั่งนครพนม ได้นำพาความชุ่มชื่นมาสู่คนถิ่นนี้ เชื่อมโยงไปถึงเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ในฝั่งลาวซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน โดยทุกวันนี้สามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปมาได้สบาย ด้วยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ทำให้นครพนม และเมืองท่าแขก กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่ชิลมากๆ

เมื่อวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม ได้สร้างสรรค์ทริปดีๆ “เส้นทางท่องเที่ยวแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน ไทย ลาว” มีกิจกรรมแห่งความสุข ณ นครพนม เพื่อพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง โดดเด่นด้วยการตระเวนกราบพระธาตุสำคัญหลายองค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต แถมยังได้ล่องเรือออกไปกลางลำน้ำโขง เพื่อบูชาพญานาค ซึ่งชาวนครพนมและพี่น้องฝั่งลาวต่างเคารพบูชามาหลายชั่วอายุคนแล้ว

2

เริ่มต้นทริปสุขสันต์ ด้วยการกราบไหว้ “พระธาตุท่าอุเทน” ในอำเภอท่าอุเทน ริมลำน้ำโขงนครพนม เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันศุกร์ และภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งนำมาจากเมืองย่างกุ้งของพม่าในครั้งอดีต พระธาตุท่าอุเทนมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยม สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูง 15 เมตร โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 เมื่อกราบพระธาตุ และถวายผ้าห่มองค์พระธาตุแล้ว ก็ควรเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรม ถวายสังฆทานกันด้วยหากมีเวลา ยิ่งกว่านั้น นครพนมยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของ “อาณาจักรศรีโคตรบูร” ซึ่งเคยกินอาณาเขตทั้งสองฝั่งโขงบริเวณนี้เลยในอดีต

3

อำเภอท่าอุเทน ยังเป็นถิ่นที่ตั้งชุมชนของชนเผ่า “ไทญ้อ” ซึ่งพวกเขามีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่เมืองหงสา แขวงไชยบุรี ประเทศลาวในครั้งอดีต ต่อมาจึงมีการอพยพข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาตั้งบ้านเมืองใหม่อยู่ที่เมืองไชยบุรี มาจวบจนปัจจุบัน

4

นี่คือบริเวณปากแม่น้ำสงคราม บริเวณตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยแม่น้ำสงครามได้ไหลออกมาบรรจบกับแม่นำ้โขง เกิดเป็นแม่น้ำสองสี สีเขียวสดใสที่เห็นคือแม่น้ำสงคราม ส่วนสีน้ำตาลด้วยตะกอนขุ่นข้นคือแม่น้ำโขง กลายเป็นแหล่งอาศัยของปลาชุกชุม หล่อเลี้ยงปากท้องและวิถีประมงของชาวไทญ้อที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว

5

มาถึงตำบลไชยบุรีแล้วห้ามพลาด ชิม “ปลาส้ม” ที่อร่อยจนหยุดไม่ได้ เพราะความเปรี้ยวกำลังดี เนื้อนุ่ม กินกับข้าวเหนียว ข้าวสวยร้อนๆ แล้วหยิบหอมแดงเจียวกับกระเทียมเจียวกินตามเข้าปากไป โอ้โห แซ่บอีหลี แต่ถ้ายังกินไม่สะใจ เขาก็มีเป็นของฝากให้ซื้อกลับไปกินต่อที่บ้านด้วยนะจ๊ะ

6

พี่อุ๊ CEO แห่งบริษัท Win Win Smile Co., Ltd. นำนักท่องเที่ยว พร้อมผู้ประกอบการท่องเที่ยว และสื่อมวลชน นั่งรถสามล้อสกายแลป และปั่นจักรยาน ตามเส้นทางท่องเที่ยวริมน้ำอำเภอไชยบุรี ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการปรับปรุงเป็นเส้นทางห้ามรถยนต์ผ่าน ปล่อยให้เป็นเส้นทางเดินเล่นชมวิวริมโขง เหมาะสำหรับการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ เกิดเป็นกิจกรรมใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวจ้า

7

ทริปนี้ มีพี่น้องสื่อมวลชนจากเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว เข้ามาร่วมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ริมโขงนครพนมด้วย นี่สิ ถึงจะเรียกว่าเป็นการเชื่อมโยงสายใยผู้คนและการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง

8

เส้นทางปั่นจักรยานและเดินชมวิวริมลำน้ำโขง ตำบลไชยบุรี ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร กำลังจะมีการปรับปรุงใหม่

9

ปั่นจักรยานกันสนุก วิวทั้งสวย แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ให้สัมผัสกันด้วยในเส้นทางนี้

11

เนื่องจากเมืองเก่าไชยบุรี (หรือตำบลไชยบุรี ปัจจุบัน) ความจริงแล้วเป็นเมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกโดยชาวไทญ้อ ที่อพยพมาจากแขวงไชยบุรี ประเทศลาว นับถึงปัจจุบันก็มีอายุไม่น้อยกว่า 204 ปีแล้ว ปัจจุบันจึงยังคงปรากฏซากโบราณสถานและวัดน้อยใหญ่ เป็นวัดโบราณที่เด่นด้วยศิลปะล้านช้างแบบลาว กระจายอยู่ตามริมโขงแถบนี้หลายสิบแห่ง ซึ่งทางจังหวัดนครพนมกำลังมีการบูรณะ พัฒนา เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายในปี 2558 นี้ล่ะ ใจเย็นๆ ได้เที่ยวกันแน่ โดยเฉพาะคนที่รักชอบเรื่องประวัติศาสตร์ อาทิ วัดไตรภูมิ และวัดกลาง เป็นต้น

121314

ลักษณะเด่นของวัดโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ริมโขงตำบลไชยบุรีก็คือ สิม (คือ โบสถ์) แบบอีสาน ที่มีลักษณะเล็กๆ แต่ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นแบบล้านช้าง แสดงถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม พืช และสัตว์ ของแถบนี้ในอดีต ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สร้างก็คือช่างพื้นบ้าน ลวดลายต่างๆ จึงสะท้อนวิถีประจำวันของชาวไทญ้อและชาวนครพนมเมื่อครั้งกาลก่อน

151622

บ้านพนอม ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน ยังมีแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้อยู่ด้วย นั่นคือ “แหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ อำเภอท่าอุเทน” ซึ่งมีรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุ 100 ล้านปี ฝังอยู่ในหินทรายสีแดงมากถึง 199 รอย แบ่งเป็นแนวยาวถึง 32 แนว โดยมีทั้งไดโนเสาร์กินพืชและกินเนื้อ ชนิดเด่นๆ เช่น อิกัวโนดอน, ออร์นิโธนิโมซอ (ไดโนเสาร์นกกระจอกเทศ), จระเข้ขนาดเล็ก ฯลฯ โดยเราสามารถเดินขึ้นไปชมได้อย่างสะดวกสบาย จะเห็นรอยเท้าของพวกมันปรากฏอยู่บนพื้นหินทรายอย่างชัดเจน เป็นรูปตีนสามนิ้ว Amazing มากๆ ลองนึกจินตนาการดูสิ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีไดโนเสาร์เดินท่อมๆ อยู่ในภาคอีสานด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ

252627

ออกจากแหล่งเรียนรู้ไดโนเสาร์ท่าอุเทน เราก็มุ่งหน้าไปต่อที่ “วัดพุทธนิมิต” ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน วัดนี้เป็นสถานปฏิบัติธรรมริมโขงในลักษณะวัดป่า แต่ส่วนหน้าสุดของวัด ก็มีพระอุโบสถอันสวยงามวิจิตรตระการตา แสดงถึงพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ร่วมกันก่อสร้าง ความโดดเด่นคือลวดลายตามช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้ง ของพระอุโบสถแห่งนี้ ได้เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะทำให้นึกถึงวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ราวกับเป็นฝาแฝดกัน

28.12829

ภายในพระอุโบสถของวัดพุทธนิมิต มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแนวร่วมสมัยฝีมือชั้นครู สะท้อนถึงเรื่องราววิถีพื้นถิ่นในอดีต บวกกับปริศนาธรรม และพุทธประวัติ ชวนให้นั่งชมอยู่นานๆ ก็ไม่เบื่อ

3031

เมื่อเดินจากพระอุโบสถ ลึกเข้าไปในพื้นที่ป่าด้านหลังวัด ใกล้แม่น้ำโขงเข้าไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบกับบรรยากาศอันวิเวก สงบสงัด เหมาะแก่การฝึกจิตปฏิบัติธรรมในลักษณะวัดป่าอย่างแท้จริง โดยท่านเจ้าอาวาสยังคงรักษาสภาพป่าไม้ และแม่ไม้ขนาดใหญ่ ต้นโตๆ หลายคนโอบ ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

32

3334

ในบริเวณริมลำน้ำโขงของวัดพุทธนิมิต กำลังมีการก่อสร้างพระปางสมาธิขนาดใหญ่ สูงไม่ต่ำกว่า 30-40 เมตร พร้อมกับมีการสร้างเขื่อนริมน้ำ และมีเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวริมลำน้ำโขง เตรียมต้อนรับเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ในอำเภอท่าอุเทน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกันภายในปี 2558 นี้ล่ะ

36

กลับจากอำเภอท่าอุเทน เข้าสู่ตัวเมืองนครพนม ก็ค่ำพอดี เราเลยชวนกันไปนั่งรถพ่วงเที่ยวเล่น ชมแสงสียามเย็น และความคึกคักของวิถีชีวิตริมโขงหน้าเมืองนครพนม

38

โชคดีมาเที่ยวตรงวันเสาร์ ที่ถนนเมืองเก่าริมโขงนครพนม เขาเลยมีการปิดถนน จัดเป็นถนนคนเดิน โดยเฉพาะตรงหน้าหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ถือเป็น Landmark สำคัญ มีสินค้าขายกันเพียบ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น ส่วนสินค้าพื้นบ้านวัฒนธรรมต่างๆ ยังไม่ค่อยมี

394041

 บ้านเก่าริมน้ำโขง ได้รับการฟื้นคืนชีวิต ตบแต่งหน้าตาใหม่จนสวดสดงดงาม ส่วนใหญ่กลายเป็นร้านอาหารวิวดี้ดี

4445

ตระเวนเที่ยวกันมาตลอดวันแล้ว ได้เวลามานั่งชิลริมโขง ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ พร้อมกับชมการแสดงของสาวเรณู ผู้ไท แห่งอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เชิดหน้าชูตาจังหวัด จากนั้น ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายธวัช ศิริวัธนนุกูล ก็ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการ “กิจกรรมท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน” ในวันที่ 19-21 มีนาคม 2558 เพราะปัจจุบันนครพนมได้กลายเป็น “ประตูสู่อินโดจีน” และ HUB ของเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยง ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 ก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาทต่อปี

4647

หลังจากนั้น ก็มีการจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ บูชาพญานาคแห่งลำน้ำโขง และลอยเรือไฟ (ไหลเรือไฟ) แบบโบราณด้วย ยังความชื่นมื่นสุขใจให้แก่ผู้เข้าร่วมทริปทุกคน

48

49

การไหลเรือไฟแบบโบราณ ชาวบ้านอีสานจะช่วยกันสร้างเรือไฟขนาดเล็กขึ้นด้วยวัสดุธรรมชาติที่หาได้ โดยใช้หยวกกล้วย (ต้นกล้วย) ทำเป็นโครง แล้วน้ำใบตองกับดอกไม้ต่างๆ มาประดับให้งดงาม จากนั้นผู้ที่จะร่วมพิธี จะตัดผมและเล็บของตนออกมาเล็กน้อย นำไปใส่ในเรือไฟ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ และมีการใส่เงินลงไปด้วย คล้ายๆ กับการลอยกระทงของคนไทยภาคกลางนั่นล่ะ

5051

Special Thanks : จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครพนม สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดียิ่ง

OK เบตง เมืองมหัศจรรย์ใต้สุดแดนสยาม

b2

“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” นี่คือสโลแกนท่องเที่วของดินแดนสุดแสน Amazing อำเภอเบตง” จังหวัดยะลา ที่ต้องบอกเลยว่ามีทั้งความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมผสมกลมกลืน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนภาคใต้ตอนล่างเขานิยมไปพักผ่อนตากอากาศกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง

b3.1

ใครหลายคนอยากมาพักผ่อนตากอากาศ เนื่องจากเบตงเป็นเมืองในอ้อมกอดขุนเขาใหญ่โดยรอบ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกาลาคีรีกั้นพรมแดนไทย-มาเลเซีย สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,590 เมตร อากาศของเบตงจึงเย็นสบายตลอดปี หน้าร้อนไม่ร้อนอบอ้าว ส่วนหน้าหนาวเย็นเจี๊ยบจับใจไม่แพ้ภาคเหนือ แถมยังมีทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ให้ชมกันด้วย!

b3 b4

“ทะเลหมอกเขาไมโครเวฟ” ที่ตำบลอัยเยอร์เวง บนถนนหมายเลข 410 ตรงช่วง กม. 33 เป็นทะเลหมอกที่ Amazing มาก เพราะเราสามารถเที่ยวได้เกือบตลอดปี! โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ยิ่งถ้าเป็นวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ เหมือนธรรมชาติจะเป็นใจ บันดาลให้เกิดทะเลหมอกสีขาว หนาแน่นราวกับปุยนุ่น ลอยอ้อยอิ่งอาบแสงอาทิตย์ยามเช้าให้เราได้ตื่นตะลึงงงงันกันไปทุกคน! ผมขอ Confirm เลยว่า นี่คือธรรมชาติ Unseen เป็นทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ และสู้ทะเลหมอกทางภาคเหนือได้สบาย!

b5 b6.1 b6.2

ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “เบตง” หลายคนคงยังนึกไม่ออกว่าหน้าตาเมืองนี้จะเป็นยังไง ก็ให้ลองจินตนาการถึงเมืองเล็กๆ อันสงบงาม โดยมีเทือกเขาน้อยใหญ่รายล้อมอยู่เหมือนปราการธรรมชาติ ในตัวเมืองมีตึกสูงอยู่ไม่กี่ตึก เวลามาเที่ยวเมืองนี้เราจึงยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเก่าๆ แบบย้อนอดีต หน้าตาของคนที่นี่ก็มีสองกลุ่มใหญ่ผสมกลมกลืนกัน คือชาวจีน และพี่น้องชาวอิสลาม ที่ผู้หญิงจะใช้ผ้าคลุมศีรษะหลากสีสวยงาม แลเรียบร้อยน่ารัก แถมคนเบตงยังยิ้มเก่งซะด้วยนะ และสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปเบตงกันมากมายก็เพราะ ภาพยนตร์ไทยเรื่อง OK เบตง ที่มาถ่ายทำกันที่นี่เป็นครั้งแรก ทำให้คนไทยในภาคอื่นๆ ได้พบเห็นความงามของเมืองสวยใต้สุดแดนสยาม ซึ่งมีด่านชายแดนต่อเนื่องเข้าสู่รัฐเปรักของมาเลเซียได้อย่างง่ายดาย

b6.3b6.4 b6

“สวนดอกไม้เมืองหนาว” ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ตั้งอยู่บนเขา อากาศเย็นสบาย พาคนพิเศษของเราไปทำโรแมนติก ชวนกันถ่ายรูปกับดอกกุหลาบ ดอกฮอลีฮ้อค ดอกแอสเตอร์ สีสันสวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ เสร็จแล้วจะนอนค้างในรีสอร์ทสวยของเขาได้สบาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าชายแดนใต้สุดของสยามจะมีดอกไม้เมืองหนาวให้ชมกันด้วย Amazing!

b7b8b9b10.1

ถ้ามาเที่ยวเบตงในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อน ป่ายางพาราของชาวบ้านที่อยู่สองฟากฝั่งถนน ก็จะผลัดใบเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง อย่างสดใสน่ามอง ถ่ายรูปมา Amazing ไปอีกแบบเนอะ

b10

“บ่อน้ำร้อนเบตง” บ้านจะเราะปะไร ตำบลเนาะแม (ห่างจากตัวเมืองเบตง 5 กิโลเมตร บนถนนสาย 410) บ่อน้ำร้อนธรรมชาติแห่งนี้ มีควันฉุยตลอดเวลา น้ำอุ่นกำลังดี ต้มไข่สุกได้ใน 7 นาที นักท่องเที่ยวนิยมลงมาอาบแช่แก้เมื่อย รักษาสุขภาพ บ้างก็แก้หนาว โดยปัจจุบันมีการสร้างรีสอร์ทเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นอนพักค้างคืนกันด้วย ชิลมากๆ

b11b12

จากบนภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงมาจะเห็นตัวเมืองเบตงทั้งหมดได้อย่างเต็มตา พาโนรามา นี่ล่ะเมืองหนาวกลางหุบเขาที่มีเสน่ห์ที่สุดในภาคใต้ตอนล่าง

b14

ตัวเมืองเบตงยามค่ำคืน ถ้าตรงกับช่วงเทศกาลต่างๆ ก็จะมีการประดับประดาโคมไฟสว่างไสว เปี่ยมชีวิตชีวา สมเป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะในเบตงมีพี่น้องชาวจีนอาศัยอยู่เยอะ บรรยากาศ ร้านอาหาร รวมถึงหน้าตาผู้คน จึงมีทั้งจีน ไทย มุสลิม และมาเลเซีย ผสมกลมกลืนกัน

b15b16

วงเวียนหอนาฬิกา”  เป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน เปรียบเสมือนสัญลักษณ์จุดศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม ในยามเย็นจะเห็นฝูงนกนางแอ่นนับหมื่นตัวบินมาเกาะหลับอยู่บนสายไฟรอบๆ หอนาฬิกา จนกลายเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกาไปแล้วโดยปริยาย คนเบตงเขามีอารมณ์ขัน บอกว่าถ้าใครมาเที่ยวเบตงแล้วถูกนกนางแอ่นอุจจาระใส่หัว จะต้องกลับมาเที่ยวที่นี่อีกแน่นอน! จริงหรือเปล่า อันนี้คงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ ฮาฮาฮา

b17

ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลก แห่งเบตง มีประวัติว่า นายสงวน จิรจินดา นายกเทศมนตรีเทศบาลเบตงคนแรก และเป็นอดีตนายไปรษณีย์โทรเลข เห็นว่าอำเภอเบตงอยู่ห่างไกล จะติดต่อสื่อสารโดยช่องทางอื่นกับโลกภายนอกไม่ได้เลย ยกเว้นทางจดหมาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตงท่านจึงได้สร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์นี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2467 โดยสร้างขึ้นที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง ปัจจุบันมีการสร้างตู้ใบใหม่ที่มีขนาดใหญ่เป็น 3.5 เท่าอยู่ริมถนนหน้าศาลาประชาคม ถือเป็นตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน ตู้ทั้งสองใบสามารถใช้ส่งจดหมายได้จริงซะด้วย เท่ห์ไหมล่ะ? นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่อยากทำเก๋ ก็นิยมเขียนโปสการ์ดหรือจดหมาย ส่งกลับไปหาตัวเองหรือญาติมิตรที่บ้าน เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกไงล่ะครับ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาเยือนเมืองใต้สุดแดนสยามแล้ว ว้าว

b18

จากวงเวียนหอนาฬิกาและตู้ไปรษณีย์ยักษ์ ถ้าเราเดินเที่ยวต่อลงมาทางทิศใต้แค่อีกไม่กี่อึดใจ ตามถนนอมรฤทธิ์ ก็จะถึง “อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์” ซึ่งสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างแข็งแรง ยาว 273 เมตร เป็นอุโมงค์ถนนลอดภูเขาแห่งแรกในเมืองไทย เปิดใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาในการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบัน กับชุมชนเมืองใหม่ ภายในอุโมงค์มีการติดไฟและโคมจีนสีแดงสดใสสวยงาม น่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่มีการเปิดไฟประดับประดาสว่างไสวอย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวพอกินอาหารเย็นอร่อยๆ เสร็จแล้ว ก็นิยมเดินชมเมือง ชมหอนาฬิกา ตู้ไปรษณีย์ยักษ์ แล้วเดินตรงมายังอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์นี่ล่ะครับ

b19b20.1b20

“มัสยิดกลางเบตง” เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจของพี่น้องชาวมุสลิมเบตง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมอิสลาม ทาสีฟ้าขาวเย็นตาเย็นใจ ส่วนบนสุดสร้างเป็นโดมทรงหัวหอม มีรูปจันทร์เสี้ยวและดาวห้าแฉกเป็นสัญลักษณ์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ แต่ต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สุภาพ ไม่ส่งเสียงดัง ถ่ายภาพห้ามใช้แฟลช และผู้หญิงควรหาผ้ามาคลุมศีรษะด้วย นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาชมการประกอบพิธีวันละ 5 ครั้ง ภายในมัสยิด

b21

b22b23b24.1b24

วัดพุทธาธิวาสเป็นวัดสำคัญตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา มีพระประธานในอุโบสถเหมือนหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเท่าองค์จริง ผู้คนมาสักการะกันไม่ได้ขาด ส่วนภายนอกมีพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ สีทองอร่ามงามเด่น กับพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดยักษ์ตั้งอยู่กลางแจ้ง ชื่อ พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ให้กราบไหว้กันด้วย

b25

พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ มีสองชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณๆ หาชมได้ยาก และประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันน่าสนใจของเบตง ไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะชั้นล่างมีการจัดแสดงกบภูเขา สัตว์หายากมากของเขตเทือกเขาสันกาลาคีรีให้ชมด้วย จากชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ฯ เดินต่อขึ้นไปบนหอคอยชมวิวสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองเบตงได้อย่างทั่วถึง เต็มอิ่ม เต็มตา แบบพาโนรามาเลยล่ะ

b26

b13

จากพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงไปเบื้องล่างเห็นเมืองเบตงและขุนเขาโดยรอบได้อย่างเต็มตา

b27b28

ว่ากันว่า สนามกีฬากลางของอำเภอเบตง เป็นสนามกีฬาที่มี location สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพราะมีเนินเขาลูกย่อมๆ ล้อมอยู่ทั้งสี่ด้านนั่นเอง ประกอบกับบางช่วงของปี ป่ายางพาราบนเนินเขาก็จะผลัดใบเป็นสีแดงฉาน บรรยากาศแปลกตามากๆ

b30b31

 เบตง เป็นเพียงอำเภอเดียวในเมืองไทย ที่ทางราชการอนุญาตให้สามารถออกทะเบียนรถเป็นชื่ออำเภอตัวเองได้! เนื่องจากเบตงอยู่ไกลจากตัวจังหวัดยะลามาก การเดินทางไปมากินเวลามาก จึงอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะออกทะเบียนรถใหม่ ออกในนาม “เบตง” ได้เลย เท่ห์อ่ะ

b32.1b32b33

เบตง Smile ยิ้มหวานของสาวเบตง กับชีวิตสุขสงบ น่าอิจฉานิ

b34b35b36b37 b38

ไก่เบตง คืออาหารรสเลิศเลื่องชื่อไปทั่วประเทศ ของแท้ต้องมาชิมที่อำเภอเบตงเท่านั้น เนื้อไก่ของเขาเหนียวนุ่ม มันน้อย หวานในปาก เคี้ยวง่าย ส่วนหนังไก่เป็นสีเหลืองทอง กรอบ ไม่มีชั้นไขมันหนาอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนไก่เลี้ยงสายพันธุ์อื่น เพราะไก่เบตงเวลาเลี้ยงต้องปล่อยให้วิ่งเล่นไปมาอย่างอิสระ ว่ากันว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีชาวจีนนำพันธุ์ไก่เบตงเข้ามาจากจีนตอนใต้ จนเลี้ยงกันแพร่หลาย ทว่ากว่าจะจับขายได้แต่ละตัว ต้องรอถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี จำนวนผู้เลี้ยงจึงลดลง ปัจจุบันเหลือเลี้ยงอยู่จริงไม่กี่เจ้า ถึงบอกไงล่ะ ว่าไก่เบตงของแท้หาชิมยากสุดๆ

b39b40b41b42b43

นี่คือ “เบตง” เมืองหนาวสุด Amazing สุดชายแดนปักษ์ใต้สยาม เมืองงามสามฤดู ถ้าหากยังไม่เคยไปเยือนล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคุณได้พลาดเมืองท่องเที่ยวดีที่สุดแห่งหนึ่งไปแล้วจริงๆ

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส และโครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

เบตง Guide

Best season : เที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ มีทะเลหมอกสวยงามตื่นตาอลังการให้ชม ไม่แพ้ในภาคเหนือเลยซักนิดเดียว

How to go : เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลงที่อำเภอหาดใหญ่ จากนั้นนั่งรถตู้ (โทร. 08-1944-5325, 0-7323-1966) หรือเช่ารถยนต์ขับไปอำเภอเบตง เส้นทางหาดใหญ่-อำเภอเมืองยะลา-อำเภอเบตง (หาดใหญ่-ยะลา 100 กิโลเมตร ยะลา-เบตง 140 กิโลเมตร) หรืออาจใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัฐเคดาห์ มาเลเซีย-เข้าอำเภอเบตง ทางรัฐเปรัก มาเลเซีย วิวสวย แต่ต้องเตรียมเอกสารผ่านแดนไปให้พร้อม โดยปัจจุบันมาเลเซียไม่อนุญาตให้รถตู้ไทยเข้าประเทศ เข้าได้เฉพาะรถเก๋งสี่ล้อที่ไม่ติดฟิล์มหนาเกินไปเท่านั้น

Where to stay : Garden View Betong Hotel ถนนอัยเยอร์เบอร์จัง เมืองเบตง โทร. 0-7324-6222-3

What to eat : อาหารขึ้นชื่อที่ห้ามพลาดชิมคือ ไก่เบตง ของแท้มีที่นี่ที่เดียว อยากชิมติดต่อ คุณหัสดี แซ่เยี่ยง (กรรมการหอการค้าจังหวัดยะลา) โทร. 08-6967-9888, 0-7323-2053 ส่วนขนมหวานอร่อยๆ แนะนำ ร้าน Sugared โทร. 08-1424-2236 มีเค้กและเครื่องดื่มเย็นชื่นใจให้ชิม

Souvenirs : เส้นหมี่เบตง, ส้มโชกุน, ปลาส้มคอกช้าง, กาแฟโบราณ, หมวกกาปิเยาะห์, กริชรามันห์, กล้วยหินฉาบ, ไม้นวดภูมิไท, ซีอิ๊วขาว ฯลฯ

More info : ททท. สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส โทร. 0-7352-2411, 0-7354-2346, 08-1598-6624, 08-5123-1109 / คุณอุดม ลักษณะ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวยะลา-เบตง โทร. 0-7323-0970, 08-6294-1061 / ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเบตง โทร. 0-7323-4614