เที่ยวอุดรได้ตลอดปี ไม่ได้มีแต่ทะเลบัวแดง!

A1

มีเพื่อนๆ หลายคนชอบมาถามว่า ถ้าหมดฤดูท่องเที่ยวทะเลบัวแดงที่หนองหานแล้ว อุดรธานี จะมีที่เที่ยวที่ไหนให้ไปเยือนบ้างรึเปล่านะ??? ตอบง่ายๆ ได้เลยแบบดังๆ ว่า มีชัวร์! เพราะอุดรธานีเป็นเสมือนจังหวัดศูนย์กลางของภาคอีสานตอนบน นอกจากจะมีอารยธรรมบ้านเชียงอันเก่าแก่กว่า 5,000 ปี จนถึงขั้นเป็นมรดกโลกแล้ว ยังมีความน่าสนใจในอีกหลายแง่มุมให้ค้นหา ว่าแล้วก็รีบเก็บกระเป๋า ออกไปทัวร์อุดรธานีกันเลยดีกว่านะพวกเรา! เย้

A2

แหล่งโบราณสถานบ้านเชียง มรดกโลก ดินแดนที่เคยมีผู้คนอาศัยเมื่อกว่า 5,000-1,800 ปีล่วงมาแล้ว เป็นแหล่งชุมชนที่มีอารยธรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถเพาะปลูกพืชผล เลี้ยงสัตว์ ทำเกษตรกรรม หลอมโลหะ ประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะสามารถปั้นเครื่องปั้นดินเผาลายเชือกทาบสีแดง คล้ายรูปขดก้นหอย อันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียงแท้ๆ

A3 A4

แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้รับการค้นพบครั้งแรกโดยชาวบ้านในแถบนั้นเมื่อ พ.ศ. 2503 เพราะมีเศษภาชนะดินเผาแตกเกลื่อนกระจายอยู่ทั่วไปตามหัวไร่ปลายนา ต่อมาจึงมีการขุดค้นจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2515 วงการโบราณคดีทั่วโลกจึงตกตะลึง! เพราะพบว่าเป็นแหล่งชุมชนโบราณขนาดใหญ่ เก่าแก่กว่า 5,000 ปี ทุกวันนี้มีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างดี พร้อมด้วยหลุมขุดค้นจริงที่วัดโพธิ์ศรีใน เราจะได้เห็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณ พร้อมด้วยซากเครื่องปั้นดินเผามากมาย ถ้าใครมาเที่ยวบ้านเชียงตรงกับเดือนกุมภาพันธ์พอดี ก็จะได้ชม “งานมรดกโลกบ้านเชียง” มีขบวนแห่และงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่

A5

 CONTACT : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง อำเภอหนองหาน อุดรธานี โทร. 0-4220-8340 เปิดเวลา 08.30-16.30 น.

 A6

นอกจากบ้านเชียงจะเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญระดับโลกแล้ว ยังเป็นแหล่งผ้าทอย้อมคราม ของพี่น้องชาวไทยพวน ซึ่งอพยพข้ามมาจากฝั่งลาวในอดีตอีกด้วย โดยมีทั้งผ้าฝ้าย และผ้าไหมมัดหมี่ อันประณีตงดงาม หาซื้อได้ง่ายมาก เพราะมีหลายร้านเรียงรายอยู่ด้านหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์บ้านเชียงนั่นเอง

A7

ไม่น่าเชื่อเลยว่า บนเทือกเขาภูพานอันลึกเร้น เนื้อที่กว่า 3,430 ไร่ ในเขตตำบลบ้านผือปัจจุบันนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อ 2,000-3,000 ปีก่อน จะเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ พากันมาตั้งชุมชนทางศาสนาพุทธสมัยทวารวดี โดยใช้ภูมิประเทศอันโดดเด่น เป็นลานหิน ป่าละเมาะเตี้ยๆ และกลุ่มหินเทินรูปทรงประหลาดจำนวนมาก เป็นศาสนสถานและที่ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ที่นี่คือ “อุทยทานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ซึ่งมีหอนางอุษาเป็น Landmark โดดเด่นที่สุด

A9

 ตามซอกหลืบหิน ในโพรงถ้ำน้อยใหญ่ และใต้เพิงผาของภูพระบาท ยังปรากฏร่องรอยภาพเขียนสีโบราณอยู่หลายสิบภาพ ทั้งรูปทรงเรขาคณิต และภาพมนุษย์โบราณ รวมถึงมีหินสลักเป็นพระพุทธรูปแบบนูนสูงด้วย ทว่าน่าเสียดาย ส่วนใหญ่ถูกโจรใจบาปแอบมาตัดเศียรพระไปนานแล้ว! กระทั่งเพิ่งเข้ามามีการอนุรักษ์ภายหลัง เมื่อปี พ.ศ. 2524

A10 A11

CONTACT : อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตำบลเมือนพาน อำเภอบ้านผือ อุดรธานี โทร. 0-4225-0616, 0-4225-1350 เปิด 08.00-16.30 น.

A12

หลังจากเดินเที่ยวภูพระบาทกันจนเหนื่อยล้าแล้ว ก็ได้เวลาไปผ่อนคลายกายใจกันที่ “สปาเกลือ” ของบ้านกุญณภัทร อำเภอบ้านดุง แหล่งเกลือสินเธาว์ธรรมชาติจากใต้พิภพ ซึ่งอุดมคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีการนำเกลือจากแหล่งนี้ไปให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ผลปรากฏว่ามีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่เพียบ! ได้ลงอาบแช่ หรือแค่ขัดตัว พอกหน้า เท่านี้ก็จะมีสุขภาพดี ผิวใส อ่อนเยาว์เลยล่ะ จริงๆ นะไม่ได้โม้!

A13

 วิธีการทำนาเกลือสินเธาว์ (เกลือใต้ดิน) ก็คล้ายกับการทำเกลือสมุทร (เกลือทะเล) โดยเกลือสินเธาว์จะสูบน้ำเกลือจากใต้ดิน ขึ้นมาพักไว้ในบ่อตื่นๆ ให้แดดและไอร้อนเผา จนเกิดการตกตะกอนของผลึกเกลือ จนได้เกลือคุณภาพ เป็นเครื่องบ่งชี้ได้จริงๆ เลยว่า ในครั้งอดีตกาลนานโพ้น ภาคอีสานทั้งหมดเคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน จึงมีชั้นเกลือสะสมอยู่ใต้ดินอย่างมหาศาล

A14

 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าจริงๆ แล้วเกลือมีหลายเกรด หลายระดับคุณภาพ เกลือคุณภาพเยี่ยมที่สุดเรียกว่า “เกสรเกลือ” เป็นผลึกเกลือเล็กๆ ที่จับตัวลอยอยู่เหนือผิวน้ำนี่ละ แต่ถ้าปล่อยเกสรเกลือไว้โดยไม่ไปทำอะไรกับมันเลย ไม่นาน พอมันรวมตัวกันเยอะขึ้น หนักขึ้น ก็จะจมลงไปที่ก้นบ่อ จากนั้นเมื่อน้ำเกลือระเหยไปหมด ก็จะได้เกลือที่นำมาทำอาหาร หรือเกลือที่ใช้ในสปาต่อไป ถ้ามาเที่ยวที่ บ้านกุญณภัทร เขาจะมีกิจกรรมให้เราไปช้อนเกสรเกลือกลับบ้านกันอย่างสนุกสาน ใครขยันมากได้มาก ขอบอกเลยว่า ราคาเกสรเกลือแพงมากจริงๆ!

A15 A16 A17

 พอช้อนเกสรเกลือกันสนุกได้ที่แล้ว ก็มาพักผ่อนนั่งแช่เท้าในน้ำเกลืออุ่นๆ เพื่อผ่อนคลาย ให้เลือดวิ่งปรี๊ดไปทั่วตัว เพราะเท้าคนเราจริงๆ แล้วถือเป็นจุดศูนย์รวมประสาทที่สำคัญมาก หรือถ้าใครมีเวลามาก จะแช่ทั้งตัว หรือนวดหน้าก็ได้นะ เขามีบริการพร้อม เสร็จสามารถซื้อผลิตภัณฑ์จากเกลือธรรมชาตินี้กลับไปใช้เองที่บ้านได้อีก แหม ครบวงจรจริงๆ นะครับพี่

A19

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

CONTACT :  สปาบ้านกุญณภัทร ตั้งอยู่ที่ 214 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านดุง อำเภอบ้านดุง อุดรธานี โทร. 08-1975-6494

A20

ในตัวเมืองอุดรธานีวันนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะ “ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน (จ.อุดรธานี)” ซึ่งก่อสร้างขึ้นด้วยทุนกว่า 15 ล้านบาท โดยพี่น้องชาวจีนคณะกรรมการศาลเจ้าปู่-ย่า สมัยที่ 58 และเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวจีนพลัดถิ่น ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งรกรากประกอบธุรกิจการค้าจนรุ่งเรืองเป็นเจ้าสัวอยู่ในเมืองอุดรธานีมาถึงทุกวันนี้

A21

 ภายในศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี มีการจัดภูมิทัศน์ และสวนจีน เลียนแบบเมืองจีนแท้ๆ เข้าไปเดินเที่ยวแล้วนึกว่าอยู่ในเมืองจีนจริงๆ ด้วย! กลางสวนมีบ่อปลาคาร์พจักรพรรดิ์ห้าสี ขนาบด้วย อาคารเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ หอคุณธรรม ที่รวมคติความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวจีนในอุดร สอนลูกสอนหลานต่อเนื่องกันมา ให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อไป ถึงแม้เราจะไม่ใช่ชาวจีน ก็สามารถเข้าไปชมได้ เหมาะมากสำหรับทุกคนในครอบครัว

A22.1

A22.2A22A23

 CONTACT : ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี 889 ถนน 39 ศาลเจ้าเนรมิตร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โทร. 0-42242-444 , 0-4224-2333

A24

 ศาลเจ้าปู่ย่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ศูนย์รวมพลังศรัทธาและพลังสามัคคีของพี่น้องชาวจีนทุกตระกูลแส้ในอุดรธานี โดยภายในศาลนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรไปสักการะ 6 อย่าง คือ หนึ่ง “ทีตีแป่บ้อ” เรียกสั้นๆ ว่า “ทีกง” หรือชื่อในภาษาไทย คือ “ศาลเทพยดาฟ้าดิน” สอง “ปึงเถ่ากงม่า” คือ “เจ้าปู่เจ้าย่า” สาม “ศาลเจ้าพ่อหนองบัว” สี่ “ตี่จู๋เอี๊ย” หรือ ชื่อภาษาไทย คือ เจ้าที่เจ้าทางซึ่งก็คือสิ่งศกดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปักรักษาดูแลสถานที่นั้นๆ ห้า “พระสังกัจจายน์” และ หก คือ “ฉั่งง่วนส่วย” เป็นองค์เทพที่เชี่ยวชาญในการปราชญ์เป็นอย่างยิ่ง เป็นที่นิยมสักการะของนักเรียน นักศึกษา ในการจะไปสมัครสอบครั้งสำคัญ

CONTACT : ศาลเจ้าปู่ย่า ตั้งอยู่ที่ริมสระหนองบัว ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง อุดรธานี โทร. 0-4224-7291

A25.1

A26

หลังจากสักการะศาลเจ้าปู่ย่า และหาแหนมเนืองแสนอร่อยชิมกันจนอิ่มแปร้แล้ว ก็ได้เวลาตะลุยราตรี สัมผัสวิถีชีวิต Night Life ของเมืองอุดร ทุกวันนี้ดูเหมือนถ้าไม่ได้ไปเดินช้อปปิ้งที่ UD TOWN ถือว่าเชยแย่! เพราะที่นี่เป็นเหมือน Center Point หรือ Siam Square ของคนอุดรเขาล่ะ แต่ไม่เท่านั้น ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราจะเห็นคนลาว และรถยนต์จากฝั่งลาว ข้ามสะพานมิตรไทย-ลาว ที่หนองคาย เข้ามาเดินเที่ยวช้อปปิ้งกันเป็นพันคน!

A27

 คนที่รักธรรมชาติ ต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางผืนป่าเขียวๆ ในโอบล้อมขุนเขา เราแนะนำให้ไปเที่ยวที่ “หมู่บ้านคีรีวงกต” อำเภอนายูง ชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ที่จัดการท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย พาเราเข้าไปชื่นชมวิถีชีวิตแบบพอเพียง พึ่งพิงธรรมชาติ จนสามารถปลูกพืชผลพืชไร่ได้หลากหลายชนิด ตั้งแต่พืชผักสวนครัว, ข้าวไร่, อ้อย, ข้าวโพด, ยางพารา หรือแม้แต่สตรอว์เบอร์รี่สีแดงแสนอร่อย ซึ่งจะดกมากโดยเฉพาะในฤดูหนาว

A28

A29A30A31

 ทีเด็ดของการมาเที่ยวบ้านคีรีวงกต คือการนั่งรถอีแต๋นเที่ยวป่า! ลัดเลาะราวไพรเข้าไปตามลำห้วยชื่อ ห้วยใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จนไปถึงน้ำตกใสสะอาดที่มีน้ำไหลตลอดปี บ่งบอกเป็นนัยๆ ได้ว่า ผืนป่ารอบหมู่บ้านยังดีอยู่ จึงสามารถดูดซับและปล่อยน้ำออกมาให้ชาวบ้านได้ใช้สอย ดูสิ นอกจากจะได้ใช้อาบกินในบ้าน ในนาไร่แล้ว ยังเกื้อหนุนกับการท่องเที่ยวทำรายได้อย่างยั่งยืนแบบนี้ล่ะ น่าชื่นชมเอาตัวอย่างจริงๆ

A32

 ระหว่างทางก็จะได้ชื่นชม พร้อมกับเก็บภาพธรรมชาติสวยๆ มองไปไกลๆ ยังเห็นภูเขาทอดตัวอยู่เป็นเพื่อน เคียงคู่พงไพรและไม้ใหญ่ รวมถึงต้นค้อ และต้นยางนายักษ์เป็นจำนวนมาก นี่คือป่าชุมชนที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ

A33 A34

A35

A36

 สิ้นสุดการขี่รถอีแต๋นเที่ยว ก็คือการข้ามน้ำตกเล็กๆ มานั่งตั้งวงกินข้าวกันกลางป่า ฮาฮาฮา มีความสุขจริงๆ นะพวกเรา

A37

 จังหวะข้ามลำธารนี้เอง ที่ใครแอบชอบใครก็ขอจับมือทำทีช่วยข้ามลำธารกันตอนนี้ล่ะ! ฮาฮาฮา ล้อเล่นน่า

A38

 คุณลุงโชเฟอร์นักขับอีแต๋น ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวปิ้งไก่ให้เรากินด้วย แถมยังมีน้ำสมุนไพรต้มแสนชุ่มคอมาให้ชิมปิดท้ายอีกต่างหาก ใจดีจังนิ

A39

 อาหารพื้นบ้าน ง่ายๆ แต่แซ่บเวอร์! มื้อนี้มีทั้งปลาเผา ข้าวหลาม ส้มตำปลาร้า ปีกไก่ย่างถ่านหอมฉุย แจ่วรสเด็ด และต้มยำน้ำข้น ขอบอกว่ากินกันเกลี้ยงทุกสิ่งอย่าง!!!!

A40

A41 A42

CONTACT : หมู่บ้านคีรีวงกต อำเภอนายูง จ.อุดรธานี ไปพัก Homestay หรือนั่งรถอีแต๋นเที่ยวทัวร์ป่า ติดต่อ ผู้ใหญ่นรินทร์ โทร. 08-3147-9004 หรือ www.facebook.com/OonSonkeeree

A43

 อาชีพทำไม้กวาดดอกหญ้า คือภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สรรค์สร้างเป็นงานหัตถกรรมน่าซื้อ น่าใช้ ทุกครัวเรือนไทยเหมาะมาซื้อหากันถึงแหล่ง จะได้อุดหนุนชาวบ้านอย่างแท้จริง

 

 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี โทร. 0-4232-5406-7, 08-1486-2775

หรือติดต่อ กองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 08-9752-7552, 08-5295-0092

The Bloom อาณาจักรกล้วยไม้บาน 365 วัน! จ.ราชบุรี

B2 B3

 The Blooms Orchid Park แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดราชบุรี สวรรค์ของคนรักกล้วยไม้และธรรมชาติ ในบรรยากาศสวนสวยร่มรื่น เนื้อที่กว่า 100 ไร่! ในเขตอำเภอบางแพ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง ที่เที่ยวง่าย ได้ความสืดชื่น ส่วนคนที่ชอบถ่ายภาพ ขอบอกว่าอยู่ที่นี่ได้เป็นวันๆ ไม่เบื่อ เพราะเขามีมุมถ่ายภาพเซลฟี่สวยๆ นับไม่ถ้วน!

B4

 ความพิเศษสุดของสวนกล้วยไม้ The Blooms ก็คือ จะมีกล้วยไม้นับร้อยสายพันธุ์ หมุนเวียนเบ่งบานให้ชมตลอด 365 วัน! เรียกง่ายๆ ว่าเป็นดินแดนดอกไม้บานตลอดปีนั่นเอง ไปเที่ยวเมื่อไหร่ไม่ผิดหวังแน่นอน

B5

ฟ้ามุ่ย เป็นกล้วยไม้ในสกุล Vanda ที่สวยงามและหายาก อีกทัง้ยังเป็นพืชอนุรักษ์ตามอนุสัญญา CITES บัญชีที่ 1 อีกด้วย ลักษณะเป็นกล้วยไม้อิงอาศัย คือเกาะติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ ตามธรรมชาติออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม เมืองไทยพบมากทางภาคเหนือ แต่ทุกวันนี้สามารถเพาะพันธุ์ปลูกเลี้ยงกันได้แล้ว

B6

B7

 บอกไม่ถูกเลยนะ ว่าระหว่างคนกับดอกไม้ อะไรจะงามกว่ากัน? ฮาฮาฮา สรุปงามทั้งคู่

B8

เดินเที่ยวชมสวนไป เซลฟี่ไป สุขใจจะจริงๆ เลยนะสาวๆ

B9

 สวนกล้วยไม้ของ The Blooms เป็นการจัดสวนและ Landscape อย่างพิถีพิถัน ให้ดูเหมือนป่าธรรมชาติ โดยนำกล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ นับร้อยพันธุ์ ทั้งลูกผสมและธรรมชาติ ไปเกาะเกี่ยวไว้กับต้นไม้ใหญ่ เวลาเดินเข้าไปชมจึงรู้สึกว่าเราถูกโอบล้อมด้วยอ้อมกอดของป่าดงพงไพรเขียวขจีร่มรื่นจริงๆ กล้วยไม้เด่นๆ ของเขา มีทั้งสกุลหวาย, สกุลช้าง อย่างช้างแดง ช้างกระ, ไอยเรศ, เอื้องต่างๆ และยังมีเพชรหึง (ว่านหางช้าง) กล้วยไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกให้ชมกันด้วยล่ะ

B11

 หวายแดง กล้วยไม้สกุล Renanthera ที่สวยงามและหายากของไทย ตามธรรมชาติพบมากทางภาคเหนือ อีสาน และตะวันออก ในป่าดิบชื้นที่ไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนัก ที่เห็นในรูปเป็นพันธุ์ลูกผสม (Hybrid)

B12

 กล้วยไม้พวกหวาย หรือสกุล Dendrobium มักจะมีลักษณะกลีบเรียวยาวปลายแหลม สีสันสดใส และบานทนนาน เป็นเอกลักษณ์

B13B14B15

B16B17B18B19 B20B21B22B23B24B25B26 B27B28 B29

B30

B31B32B33

B34B35B36

B37

 เหลืองพิศมร เป็นกล้วยไม้ดินสกุล Spathohlottis สีสันสดใส ที่ออกดอกในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม

B38B39

 เอื้องเข็มแดง และเอื้องเข็มแสดพันธุ์ลูกผสม

B40

 เอื้องเข็มแสด กล้วยไม้สกุล Ascocentrum ที่มีช่อตั้งขนาดใหญ่สวยงาม แถมยังบานทนนานเป็นสัปดาห์ จึงนิยมเพาะเลี้ยงไว้ดูกันเล่น หรือเป็นกล้วยไม้ตัดดอกขายราคาเยี่ยม

B41B42

 หวายแดงลูกผสม

B43B44

B45

 ช้างกระ กล้วยไม้ในสกุล Rhynchostylis ช่อใหญ่ อวบอ้วน ดอกบานอยู่ได้นาน เป็นที่นิยมปลูกเลี้ยงของคนรักกล้วยไม้ทั่วไป

B46

Travel Guide

Address : บริษัท เดอะบลูมส์ ออร์คิดปาร์ค จำกัด (The Blooms Orchid Park) เลขที่ 65 หมู่ 7 ตำบลวัดแก้ว อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี 70160

How to go : การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม ผ่านจังหวัดนครปฐม ตรงผ่านสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ข้ามสี่แยกบางแพ ตรงมาทางราชบุรีประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายที่คลองชลประทาน หลัก กม.84+380 ม. ตรงมาประมาณ 4 กิโลเมตร The Blooms Orchid Park อยู่ทางขวา  ส่วนการเดินทางมาจากอำเภอดำเนินสะดวก ใช้ถนนสายดำเนินสะดวก-บางแพ ผ่านวัดหลวงพ่อสด มาถึงแยกหัวโพ เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 3 กิโลเมตร จนถึงคลองชลประทาน จากนั้นเลี้ยวขวา วิ่งเลียบคลองชลประทานไป 2 กิโลเมตร จนถึงทางเข้า The Blooms Orchid Park มีลานจอดรถด้านหน้าสะดวก กว้างขวาง

Office Hour : เปิด จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-17.30 น.

Entrance Fee : ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท

Contact : โทร. 08-7111-4436, 08-6111-0084 / www.thebloomsorchidpark.com

สดชื่นสดใสวันดอกไม้บาน แก่นมะกรูด จ.อุทัยธานี

ชาธร 2

 ใครว่าภาคกลางไม่หนาว! ขอเถึยง โดยเฉพาะต้นปีนี้อากาศหนาวจัดไม่ใช่เล่น ใครแวะไปแถบอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี คงมีโอกาสได้ชมสีสันพรรณไม้เมืองหนาวเบ่งบานละลานตา ที่ตำบลแก่นมะกรูด โดยเฉพาะดอกลิลลี่และดอกทิวลิป ซึ่งสั่งตรงเข้ามาจากเนเธอร์แลนด์ ให้ได้ชมกันเฉพาะฤดูหนาวนี้ ประมาณปลายเดือนธันวาคม ถึงปลายเดือนมกราคม เท่านั้น

ชาธร 3

 

 

 

 

 

 

 

ชาธร 4 ชาธร 5

ดอกลิลลี่ที่แปลงดอกไม้เมืองหนาวแก่นมะกรูด มีทั้งสีส้ม สีเหลือง และสีขาว เวลาไปอยู่ใกล้ๆ จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจ แต่ของสวยแบบนี้ ดูแต่ตามืออย่าต้องเป็นดีที่สุด เก็บความงามไว้ให้คนอื่นได้ชื่นชมด้วย

ชาธร 6 ชาธร 7

ชาธร 9

 อากาศที่เย็นฉ่ำตลอดปีของแก่นมะกรูด ทำให้เกษตรชาวปกากะญอของที่นี่ สามารถปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้ โดยมีการนำพันธุ์มาจากจังหวัดเชียงใหม่ แต่ด้วยวิธีการปลูกและดูแลแบบธรรมชาติ ไม่ฉีดยาฆ่าแมลง ประกอบกับดินภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้สตรอว์เบอร์รี่แก่นมะกรูดมีรสชาติหวานชื่นใจ แม้จะเพิ่งปลูกมาแค่ไม่ถึง 3 ปี แต่ผลผลิตดีเยี่ยม ได้รับความนิยมอย่างสูง จนปลูกขายไม่ทันความต้องการลูกค้าในปัจจุบัน!!!

ชาธร 10

ชาธร 11

 แปลงสตรอว์เบอร์รี่อยู่ที่ หมู่ 1 บ้านใต้ ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ปัจจุบันแปลงนี้มีเนื้อที่ 2 ไร่ และแน่นนอนว่ากำลังขยายเพิ่มเติมกับความต้องการของนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด!

ชาธร 12

 สาวๆ ถ่ายรูปสวยๆ กับแปลงสตรอว์เบอร์รี่แก่นมะกรูด ท่ามกลางอากาศเย็นฉ่ำในช่วงฤดูหนาว เดินทางก็ง่าย เพราะอยู่ไม่ไกลจากแปลงดอกไม้เมืองหนาว

ชาธร 13

 เยอเอ๊เนอ เป็นภาษาปกากะญอ (กะเหรี่ยง) แปลว่า I Love You หรือฉันรักเธอ ใครอยากบอกรักกัน แต่ไม่กล้า ลองซื้อเสื้อตัวนี้ไปเป็นตัวแทนความรู้สึกดีๆ ก็ได้นะ

ชาธร 14

 จูงมือกันไปเซลฟี่ ท่ามกลางแปลงดอกไม้เบ่งบานละลานตา ฮาฮาฮา

ชาธร 15ชาธร 16ชาธร 17

ชาธร 18

 สาวสวยย่อมต้องคู่กับดอกไม้งาม เป็นเรื่องธรรมดา

ชาธร 19ชาธร 20ชาธร 22

ชาธร 23

 นอกจากแก่นมะกรูดจะโดดเด่นด้วยดอกลิลลี่แล้ว จริงๆ ยังมีดอกทิวลิป ที่แต่ละปีจะสั่งตรงเข้ามาจากเนเธอร์แลนด์นับพันๆ หัว และมีดอกไม้เมืองหนาวอีกหลายสิบชนิดเบ่งบานพร้อมๆ กัน ได้ไปสัมผัสแล้วสดชื่นมากๆ เหมือนการช๊าตพลังชีวิตในช่วงปีใหม่เลย

ชาธร 4.1

ชาธร 24

ชาธร 25ชาธร 26

 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ททท. สำนักงานอุทัยธานี-นครสวรรค์ โทร. 0-5651-4651-2

หรือที่ “ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ 73” แปลงเรียนรู้เกษตรพอเพียงบนที่สูง ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี

สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านไร่ 0-5653-9117 , คุณวิโรจน์  08-3036-0943

เที่ยวเมืองปากน้ำสุขใจ ในสายลมหนาว

B2

เมื่อสายลมหนาวโบกโบยมาทีไร ชวนให้นึกถึงการท่องเที่ยวขึ้นดอยดูทะเลหมอกทางภาคเหนือ แต่นั่นคงต้องใช้เวลาและงบประมาณไม่น้อยในการเดินทาง ทริปนี้เลยอยากพาพวกเราไปเที่ยวง่ายๆ ใกล้ๆ กรุง รับลมหนาว รับรองว่าเป็นการเที่ยวแบบประหยัด และใช้เวลาแค่วันเดียวก็ Happy แล้ว เส้นทางนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ชวนกันขับรถสบายๆ ไปพร้อมกันได้ทั้งครอบครัว แบ่งปันความสุขให้เต็มอิ่ม กับ เมืองปากน้ำสมุทรปราการ เมืองที่สายน้ำจืดของเจ้าพระยา มาบรรจบพบกับน้ำเค็มของอ่าวไทย หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างสรรค์ที่เที่ยวมากมายไว้ให้เราสัมผัส

B3

 เริ่มต้นกันที่ “สถานตากอากาศบางปู” ชายทะเลใกล้กรุงอันแสนคลาสสิก เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตทหารที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าสัมผัสได้ตลอดปี แต่สวยสุดต้องฤดูหนาว เพราะอากาศเย็นสบาย แถมมีนกนางนวลอพยพนับหมื่นตัว

B4

 พระอาทิตย์อัสดงที่ชายทะเลบางปู ในช่วงฤดูหนาวจะเห็นพระอาทิตย์เป็นดวงกลมโตสีแดงแบบนี้ล่ะ น่ามหัศจรรย์จริงๆ เลย!

B5 B6

ฝูงนกนางนวลเริงร่าท้าลมหนาว พากันมารวมฝูงรับแสงสุดท้ายของวัน พวกมันคือนกนางนวลที่น่ารักน่าชังจริงๆ

B7 B8 B9B10

 รัศมีแสงสุดท้ายของอาทิตย์ยามอัสดง อาบทาผืนฟ้าที่บางปูงามราวสรวงสวรรค์! ไม่ได้ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อ ว่าจริงๆ แล้วอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียวนะเนี่ย

 B11

 เสน่ห์ของบางปูเป็นเช่นนี้มาหลายสิบปีไม่เคยเปลี่ยน เพราะเมื่อสายลมหนาวมาเยือน ทั้งฝูงนกนางนวลและผู้คน ต่างก็มารวมกัน ณ สถานที่นี้ “บางปู”

B12

 มาบางปูไม่ได้มีแค่นกนางนวลให้ชมอย่างเดียว แต่ยังมีร้านอาหารทะเลชายน้ำ ชื่อ “ศาลาสุขใจ” ลองไปชิมอาหารทะเลสดอร่อย ในราคาจ่ายสบาย แถมยังมีจุดเปิดโล่งให้ชมทะเลอย่างเต็มอิ่มด้วย

B13

 ฝูงนกนางนวลหางดำ ลอยน้ำรอรับอาหารจากนักท่องเที่ยว

B14

 อิริยาบทอันแสนน่ารักของนกนางนวลหางดำที่บางปู

B15

 จะว่าไปแล้ว นกนางนวลที่บางปูอาจเป็นนกที่ถ่ายรูปได้ง่ายที่สุดในโลก! ฮาฮาฮา เพราะมันคุ้นคน บินโฉบไปโฉบมาแบบใกล้ๆ เลย ถ่ายรูปง่าย ใช้เลนส์และกล้องธรรมดาก็ได้รูปสวยๆ แบบนี้มาอวดกันแล้วล่ะ

B16

 นกนางนวลหางดำ (Black-tailed Gull) เป็นฝูงนกอพยพที่มีจำนวนมากที่สุดของบางปู ทุกปีมันจะอพยพหนีหนาวจากตอนเหนือของโลก มาหากินและผสมพันธุ์กันในเมืองไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม

B17B18

 บางปูมีบริการรถตุ๊กๆ พานักท่องเที่ยวเข้าไปใน สะพานสุขตา ยื่นยาวออกไปในทะเล เป็นจุดที่ยืมชมและให้อาหารนกนางนวลได้อย่างใกล้ชิดสุดๆ

B19

B20

 จากบางปู ขับรถต่อไปที่ “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” สถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลเมืองปากน้ำ ซึ่งไทยเคยใช้เป็นหน้าด่านป้องกันเรือรบข้าศึกที่จะเข้ามาโจมตีพระนคร

B21

 เรือรบหลวงแม่กลอง หลังปลดประจำการแล้ว ก็ได้รับการนำขึ้นมาตั้งเป็นอนุสรณ์และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ขึ้นไปชมได้อย่างใกล้ชิด แถมใกล้ๆ กันนั้น ยังมี ร้านอาหารท้ายเรือหลวงแม่กลอง ให้ไปชิมกันได้ทุกวัน

B22

 ป้อมปืนเสือหมอบ เป็นปืนใหญ่โบราณสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะพิเศษคือเวลายิง ปืนจะยกตัวขึ้นเหมือนคนยืน แต่พอยิงเสร็จปืนก็จะลดระดับลงมาแอบอยู่ในหลุมใต้ดิน! ปืนนี้เคยใช้ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศส ที่เข้าปิดปากน้ำเจ้าพระยา ในช่วงวิกฤตการณ์ รศ.112 เพื่อบีบบังคับให้ไทยยกดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงให้ จนในที่สุดไทยก็ต้องยอม เพราะช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสถือเป็นมหาอำนาจนักล่าอาณานิคมที่มีอำนาจมาก!

B23.1

 ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า ใกล้กับเรือรบหลวงแม่กลอง มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เป็นสะพานไม้ยกระดับอย่างดี พร้อมรากวันตก และมีป้ายสื่อความหมายให้ความรู้เรื่องพืชพรรณต่างๆ เหมาะจะพาครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ ไปสัมผัสธรรมชาติกันบ้าง

B23

 พิพิธภัณธ์ราชนาวี ที่สมุทรปราการ เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของราชนาวีไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งส่วนจัดแสดงกลางแจ้งและในร่ม ไฮไลท์อยู่ที่โมเดลแสดงขบวนเรือพระราชพิธี เสด็จพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งโมเดลเรือแต่ละลำนั้น สร้างย่อส่วนมาได้สมจริง และมีรายละเอียดสวยงามมากๆ นิทรรศการที่น่าสนใจ เช่น เรือรบหลวงพระร่วง ในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งชาวไทยช่วยกันเรี่ยรายบริจาคเงินซื้อ จำนวน 3,514,604 บาท 1 สตางค์ ในปี พ.ศ. 2463 เป็นต้น

B24B25

 ไม่บอกไม่รู้! นี่คือห้องสะพานเดินเรือของ “เรือดำน้ำมัจฉานุ” 1 ใน 4 เรือดำน้ำของไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2481-2494

B26

 ดูกันชัดๆ นี่ล่ะ เครื่องบินน้ำของจริง ที่ราชนาวีไทยเคยใช้ในกิจการงานป้องกันประเทศมาแล้ว

B27

 พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ Landmark สำคัญของสมุทรปราการ มหัศจรรย์แหล่งท่องเที่ยวของเอเชียอาคเนย์ เป็นประติมากรรมลอยตัวรูปช้างเอราวัณสามเศียรขนาดยักษ์ สูงถึง 43.60 เมตร! สร้างด้วยแผ่นทองแดงนำมาตีต่อกัน ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นประติมากรรมช้างทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก! สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจของ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ (ผู้สร้างเมืองโบราณ) เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้พุทธศาสนา ผ่านทางประณีตศิลป์ วิจิตรศิลป์ และสถาปัตกยกรรมไม่เหมือนใคร ได้ไปเห็นกับตาแล้วต้องอึ้งทึ่งในความใหญ่โตมโหฬารงดงามสุดๆ

B28

 “พระสมุทรเจดีย์” ศูนย์รวมศรัทธาคนปากน้ำ และยังเป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการด้วย พระสุทรเจดีย์เริ่มสร้างสมัยรัชกาลที่ 2 เสร็จสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์จุดสังเกตของคนเรือพ่อค้าวาณิชย์ที่ล่องสำเภามาค้าขายกับสยาม เมื่อมองจากอ่าวไทยเข้ามาเห็นพระสมุทรเจดีย์ (ซึ่งในอดีตอยู่บนเกาะกลางน้ำ แต่ปัจจุบันมีดินเลนงอกเข้าไปเชื่อม จนกลายเป็นแผ่นดินเดียวกัน) ก็จะรู้ว่ามาถึงสยามแล้ว

B29

 “หลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน” อันศักดิ์สิทธิ์ และขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดสมุทรปราการ ท่านเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีทองอร่าม งดงามและเก่าแก่มาก หลวงพ่อโตองค์นี้เป็น 1 ใน 3 พระพุทธรูปที่ชาวอยุธยาล่องหนีพม่าลงมาตามน้ำ เมื่อ 200 กว่าปีก่อน โดยแต่ละองค์ได้ไปหยุดอยู่ ณ ที่ต่างๆ กันคือ หลวงพ่อบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม, หลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และหลวงพ่อโต จังหวัดสมุทรปราการ ได้กราบแล้วเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง

B30.1

 กราบหลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ในเสร็จแล้ว เดินไปใกล้ๆ ก็ถึง “ตลาดโบราณ 100 ปี บางพลีใหญ่ใน” ตลาดเก่าแก่ริมน้ำ มีทางเดินเชื่อมต่อถึงกันขนานไปกับริมลำคลอง อิ่มเอมกับบรรยากาศน่ารักๆ โหยหาอดีต รอยยิ้มของผู้คน ของกินอร่อย และมีสินค้าย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงตอนเราเป็นเด็ก

IslBG

 “เมืองโบราณ” ของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ จำลองแบบสถานที่สำคัญของไทย 4 ภาค ด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจงภายในเนื้อที่กว่า 800 ไร่ เราจะได้ชมพระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท ซึ่งจำลองมาจากกรุงศรีอยุธยาก่อนถูกพม่าเผา ชมปราสาทเขาพระวิหารจำลอง และอีกมากมาย ถ่ายรูปกันมันส์ แต่ที่นี่เขาห้ามเอาขาตั้งกล้องเข้าไปนะจ๊ะ

B31

 “ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ” ฟาร์มจระเข้ใหญ่ที่สุดในโลก! เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2493 จนมีจระเข้เลี้ยงอยู่กว่า 100,000 ตัว! ชมการแสดงสุดระทึก น่าตื่นเต้น ระหว่างคนกับจระเข้ แถมยังมีสวนสัตว์นานาชนิดให้ชม ได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน

B32

B33

 ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ ไม่ได้มีแต่จระเข้ให้ชมอย่างเดียว แต่ยังมี ละครลิงสนุกๆ ให้ฮากันเต็มที่จนท้องแข็ง ทั้งแสนรู้ ทั้งน่ารัก

B34

 เที่ยวกันมาเต็มอิ่มแล้ว ก่อนกลับบ้านแวะซื้อของฝากเจ๋งๆ กันสักนิด ปลาสลิดบางบ่อ เป็นปลาสลิดตากแห้งที่มีคุณภาพและขึ้นชื่อว่าอร่อย เพราะเนื้อแน่น รสไม่เค็มจัด มีขายทั้งแบบตากแห้งและที่ทอดเสร็จแล้วบรรจุเป็นกล่องๆ นำมากินกับข้าวต้มข้าวสวยร้อนๆ ได้เข้ากันดีจิรงๆ หาซื้อได้ทั่วไปตามริมถนนสุขุมวิท รวมถึงอำเภอบางบ่อ และตลาดปากน้ำสมุทรปราการ

 

 

B35

แส้ปัดยุงไม้บงจาก เป็นหัตถกรรมโบราณที่กำลังจะสูญหายไปจากเมืองสมุทรปราการ เพราะเหลือผู้ผลิตอยู่แค่ไม่กี่ราย ลักษณะเป็นแส้ไม้ปัดยุงปัดแมลงเหมือนแส้ ทำจากก้านต้นจาก (บงจาก) นำมาตีให้แบนแล้วใช้แปรงลวดสางจนเป็นเส้นฝอยละเอียด หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องจักสานที่ตลาดปากน้ำสมุทรปราการ หรือโทรติดต่อกลุ่มผู้ผลิต โทร. 08-6615-3857, 08-6773-0695 เหตุที่มีแส้ไม้ปัดยุงขายในสมุทรปราการมานานโขก็เพราะ สมัยกรุงศรีอยุธยา พ่อค้าที่ล่องเรือผ่านปากน้ำเข้ามาต้องผ่านป่าชายเลนแน่นทึบ มีบันทึกว่ายุงที่นี่ตัวใหญ่ กัดเจ็บ สามารถกัดทะลุเสื้อผ้าได้! จึงมีการคิดทำแส้ไม้ปัดยุงบงจากขึ้น และใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน

B36

 เที่ยวเมืองปากน้ำ ก็ต้องไม่พลาดชิม Seafood อร่อย ที่ ศาลาสุขใจ สถานตากอากาศบางปู เมนูแนะนำ เช่น กุ้งเผา, กุ้งอบวุ้นเส้น, หมึกไข่นึ่งมะนาว, หอยหลอดผัดฉ่า, ปลากะพงทอดราดน้ำปลา ฯลฯ และอื่นๆ อีกมากมาย

B37B38

 สมุทรปราการ Guide

How to go : รถยนต์ ใช้ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) และทางหลวงหมายเลข 303 (ถนนสุขสวัสดิ์) ระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร เข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดสมุทรปราการได้เลย จากนั้นถ้าจะไปดูนกนางนวลบางปู (มีเฉพาะฤดูหนาว) จากสามแยกสมุทรปราการ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ประมาณหลัก กม. 37 กลับรถ ทางเข้าสถานตากอากาศบางปูจะอยู่ริมถนนซ้ายมือ มีที่จอดรถจำนวนมาก

Where to stay : ถึงแม้สมุทรปราการจะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว แต่ถ้าอยากจะค้างคืนก็ได้ แนะนำ สถานตากอากาศบางปู กรมพลาธิการทหารบก มีที่พักเป็นบังกะโลสำหรับนักท่องเที่ยว โทร. 0-232-39911, 0-323-9530 ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวควรโทรจองล่วงหน้า เพราะมีจำนวนจำกัด

More info : ททท. สำนักงานสมุทรปราการ โทร. 0-2250-5500 ต่อ 2991-5 / พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โทร. 0-2371-3135-6 / ป้อมพระจุลฯ โทร. 0-2475-6109 / พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ โทร. 0-2394-1997, 0-2475-3808 / เมืองโบราณ โทร. 0-2323-4094-9 / ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ โทร. 0-2703-4891-95