5,000 กิโลเมตร! จากเมืองไทยถึงแชงกรี-ลา China

สุดยอดปราชญ์จีนอย่างขงจื้อเคยกล่าวไว้ว่า “เดินทางแค่ลี้เดียว ดีกว่าอ่านหนังสือร้อยเล่ม” คำกล่าวนี้จริงแท้แน่นอน และถ้าเป็นการเดินทางสัก 5,000 กิโลเมตรล่ะ! เราจะได้ประสบการณ์มากมายมหาศาลแค่ไหน? ผมยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ จนกระทั่งได้เดินทาง ด้วยวิธีการขับรถจากเมืองไทยไปสู่ดินแดนชายขอบหลังคาโลก “แชงกรี-ลา” (เมืองจงเตี้ยนของจีน) ติดประตูบ้านทิเบตตะวันออก โดยใช้เวลาไป-กลับถึง 17 วัน แชงกรี-ลา (Shangri-la) คือเมืองที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสสายลมแห่งขุนเขาหิมะคำราม แผ่ปกด้วยทุ่งดอกไม้ ทะเลสาบ วัดวาอารามเก่าแก่ และวิถีวัฒนธรรมสุดอลังการ

การเดินทางจากไทยไปเมืองแชงกรี ลา มีทั้งแบบง่ายๆ ชิลชิล และแบบผจญภัยสุดขั้ว คือไปได้ง่ายๆ แบบนั่งเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมงถึง หรือจะเดินทางด้วยรถยนต์จากเมืองระยะทางไปกลับ 5,500 กิโลเมตร! ขับรถ 10-14 วัน เส้นทางไทย (อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย) – ลาว (เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว) – เมืองเชียงรุ้ง (แคว้นสิบสองปันนา) – เมืองคุนหมิง – เมืองต้าลี่ – เมืองลี่เจียง – เมืองแชงกรี ลา

26

แชงกรี ลา ได้รับการเอ่ยถึงในโลกตะวันตกพร้อมวรรณกรรมชื่อก้องโลก “ขอบฟ้าที่สาบสูญ” หรือ The Lost Horizon ของนักเขียนนวนิยายแนวผจญภัยชื่อดัง เจมส์ ฮิลตัน (James Hilton) ซึ่งใช้ข้อมูลจากการเดินทางของนักสำรวจจีนโดยสมาคมแนชั่นแนลจีโอกราฟิกชื่อ โจเซฟ ร็อก (Joseph Rock) บวกกับจินตนาการของเขา เนรมิตดินแดนแชงกรี ลา ขึ้นมาในโลกแห่งวรรณกรรม โดยคำว่า “แชงกรี ลา” นี้ แท้จริงมีรากศัพท์มาจากภาษาทิเบตว่า “ชัมบาลา” (Shambala) หมายถึงชีวิตอันสงบสันติ ตามแนวพระพุทธศาสนานิกายวัชรยาน และเป็นดินแดนในอุดมคติที่หลุดพ้นจากตัณหากิเลสทั้งปวง ต่อมารัฐบาลจีนได้จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติออกค้นหาดินแดนแชงกรี ลา ว่าอยู่ในส่วนใดของจีน ก็มาพบ เมืองจงเตี้ยน (Zhongdian) ที่มีภูมิประเทศใกล้เคียงกับนวนิยายของเจมส์ ฮิลตัน มากที่สุด รัฐบาลจีนจึงเปลี่ยนชื่อ “เมืองจงเตี้ยน” เป็น “แชงกรี ลา”   นับเป็นแผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จสุดๆ เพราะหลังจากนั้นเงินทอง ความเจริญ และนักท่องเที่ยว ก็หลั่งไหลเข้าสู่จงเตี้ยน ชาวจีนจึงเรียกเมืองแชงกรี ลา ใหม่นี้ว่า “เชียงเก๋อหลี่ลา” (Xiang-ge-li-la) ซึ่งนี่อาจเป็นตัวแทนของแชงกรี ลา ในฝัน ที่เราสัมผัสได้จริง

2

3

4

5

6

7

 โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบเดินทางช้าๆ เก็บรายละเอียดต่างๆ ไปด้วย เพราะชอบถ่ายภาพ การเดินทางด้วยรถยนต์จึงเหมาะสุด เริ่มอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ข้ามเรือเฟอร์รี่เข้าสู่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว แล้วใช้ถนนสาย R3A ผ่าน เมืองหลวงน้ำทา (Luang Namtha) ต่อด้วยทางหลวงสาย 13B มุ่งหน้าสู่ เมืองบ่อเต็น (Boten) แล้วข้ามชายแดนลาว-จีน ที่ เมืองโมฮาน (Mohan)

            จากด่านโมฮาน ขับรถต่อไปอีก 101 กิโลเมตร ผ่าน เมืองลา (Mengla) จนถึง เมืองเชียงรุ่ง (Jinghong) สิบสองปันนา ผมชอบถนนช่วงนี้เพราะสวยแปลกตาดี สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้ สลับกับสวน และต้องวิ่งลอดอุโมงค์ที่รัฐบาลจีนเจาะภูเขาทะลุไปถึง 17 แห่ง ข้ามสะพานข้ามเหวสูงอีกกว่า 20 แห่ง นับเป็นความมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมเลยก็ว่าได้ครับ จากนั้นผ่านเมืองคุนหมิง (Kunming) เข้าสู่เมืองต้าหลี่

8

 ต้าหลี่ (Dali) เป็นเมืองโบราณของชนชาติไป๋ (Bai) ที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 ทั่วเมืองเต็มไปด้วยเสน่ห์ของการผสมผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน และมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อาทิ “เจดีย์สามองค์แห่งวัดฉงเซิ่ง” ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สุด โดยเจดีย์องค์กลางสูง 70 เมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมสร้างสมัยราชวงศ์ถัง ส่วนเจดีย์องค์เล็กสององค์ สูง 43 เมตร เป็นทรงแปดเหลี่ยมสร้างสมัยราชวงศ์ซ่ง ปัจจุบันเจดีย์องค์เล็กเอียงไป 4-6 องศา คล้ายหอเอนปิซ่าที่อิตาลี!

ตัวเมืองต้าหลี่ถูกขนาบด้วยทะเลสาบเอ๋อไห่ทางตะวันออก และเทือกเขาชานซานทางตะวันตก เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ใน พ.ศ. 1480-1796 เมืองต้าหลี่ตั้งอยู่บนความสูง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบายตลอดปี ทำให้การเดินเที่ยวของผมช่างรื่นรมย์ จากวัดเจดีย์สามองค์ไปต่อกันที่ “เมืองเก่าต้าหลี่” (Dali Old Town) อายุกว่า 1,000 ปี ผมค่อยๆ เดินเข้าไปตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ชมบ้านเก่าสไตล์จีนสร้างด้วยหิน มุงหลังคากระเบื้องดินเผาลอนโค้ง เก่าคร่ำคร่าจนมีมอสและดอกไม้งอกขึ้นราวสวนธรรมชาติ โครงหน้าต่างและเสาค้ำของบ้านเป็นไม้ท่อนใหญ่ และปูลาดทางเดินทั่วเมืองด้วยหินดั้งเดิมอายุนับพันปี ซึ่งคนไม่รู้กี่ชั่วอายุคนเดินเหยียบย่ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิศวกรจีนโบราณผู้เนรมิตเมืองต้าหลี่ชาญฉลาดนัก ออกแบบให้มีคลองส่งน้ำเล็กๆ ไหลหล่อเลี้ยงทั่วเมือง ให้คนได้ดื่มกินอาบใช้ น้ำใสไหลเย็นนี้ก่อเกิดจากหิมะละลายจากเทือกเขาชานซานที่ตระหง่านอยู่ข้างเมืองนั่นเอง

9

10

 จากต้าลี่เดินทางต่ออีกแค่ 180 กิโลเมตร ก็ถึงเมืองโบราณ ลี่เจียง (Lijiang) ในเขต “เมืองเก่าซู่เหอ” (Shuhe Old Town) อายุกว่า 1,000 ปี! แม้วันนี้ซู่เหอจะมีสีสันสมัยใหม่เข้ามาแทรกซึมอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงกลิ่นอายโบราณไว้มาก ยังคงมีก้อนหิน เสาไม้ ลวดลายแกะสลัก และกระเบื้องมุงหลังคาแบบจีน   ผมเข้าไปนั่งจิบกาแฟร้อนๆ ริมสายน้ำใสไหล้เย็นใต้เงาต้นหลิว ปล่อยเวลาให้เคลื่อนผ่านโดยไม่ต้องกังวล ยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าใด ก็ยิ่งเห็นคุณย่าคุณยายชาวน่าซี (Naxi) ที่ยังคงแต่งกายแบบดั้งเดิม สวมเสื้อแขนยาว หมวกสีน้ำเงิน เดินไปมาอยู่ทั่วไป เมืองเก่าแห่งนี้มีสระน้ำที่มีต้นหลิวโอนเอนล้อลมน่ามอง สมแล้วที่ลี่เจียงได้ฉายาว่า “เมืองน้ำสวย” (ลี่ แปลว่า สวย และเจียง แปลว่า น้ำ)

11

12

13

14

15

16

18

19

20

 คนที่จะขับรถเส้นทางนี้ต้องมีทักษะในการขับรถบนเขาสูงชัน เพราะเส้นทางเมืองไทย-แชงกรี ลา เต็มไปด้วยหุบเขาสลับซับซ้อน

21

22

 จากลี่เจียงบนความสูงเพียง 2,400 เมตรเหนือน้ำทะเล ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงดินแดนในฝัน แชงกรี ลา บนความสูงกว่า 4,300 เมตรเหนือน้ำทะเล! จนได้ ช่วงที่ไปถึงเป็นฤดูใบไม้ร่วงพอดี ใบไม้ในราวไพรจึงผลัดใบเปลี่ยนสี ทำให้ภูเขาทั้งลูกเหมือนถูกระบายแต้มด้วยสีเหลือง ส้ม แดง น่าตื่นตามาก บางช่วงถนนคดโค้งเลียบลำธารใสและโขดหินใหญ่ ในทุ่งหญ้ามีฝูงม้า จามรี และแกะของชาวทิเบต เดินเลาะเล็มหญ้าหากินอยู่อย่างเสรี มีบ้านทิเบตที่สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยม โดยใช้อิฐ หิน และไม้ อย่างง่ายๆ เราพบเจดีย์ทิเบตที่เรียกว่า ชอร์เต็น (Chorten) มากมาย บางแห่งสร้างโดยเรียงก้อนหินขึ้นไปธรรมดาๆ แต่บางองค์สร้างเป็นเจดีย์ฉาบปูนทาสีขาวผูกโยงธงมนต์ปลิวไสว ถ้าสังเกตให้ดีธงมนต์จะมี 5 ตามสีมงคลของทิเบต คือ แดง ขาว เหลือง เขียว และน้ำเงิน บนธงมนต์มีรูป “ม้าลม” (Wind Horse ชาวทิเบตเรียกว่า ลุงตะ) เชื่อว่าม้าลมจะนำบทสวดมนต์บนผืนธง ให้ลอยไปสร้างสงบสานติทั่วโลก

23

 ผืนป่าบนภูเขาของแชงกรี ลา  ผลัดใบหลากสีสุดอลังการในต้นฤดูใบไม้ร่วง ราวภาพศิลปะของศิลปินเอก

24

 “หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน” (Blue Moon Valley) บนระดับความสูงกว่า 3,800 เมตร ซึ่งเราต้องนั่งรถกระเช้ายาวเหยียดขึ้นสู่ยอดเขา บนนั้นแม้จะวิวสวย แต่ออกซิเจนเบาบางมาก บางคนจึงต้องพกออกซิเจนกระป๋องเล็กๆ ขึ้นไปใช้หายใจให้สะดวกขึ้น ผืนป่าในหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินยามนี้เปล่งปลั่งสุดขีด ผลัดใบเป็นสีเหลืองทั้งขุนเขา ยิ่งมองเลยออกไปลิบๆ จะเห็นภูเขาหิมะหนาวเย็นทอดยาวอยู่ตรงปลายฟ้า ทำให้รู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาเยือนสวรรค์ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจอยู่ บนเขามีสะพานทางเดินไปยังส่วนต่างๆ พร้อมกับมีชอร์เต็น 3 องค์ ผูกโยงธงมนต์ทิเบต ผมจึงอธิษฐานขอให้ได้กลับมาที่นี่อีกในฤดูหิมะหน้า

25

28

 “วัดซงซานหลิน” (Songzanlin Monastery) วัดอายุกว่า 300 ปี ซึ่งได้รับการสร้างโดยดาไลลามะองค์ที่ 5 นับเป็น 1 ใน 13 วัดสำคัญที่สุดของทิเบต วัดซงซานหลินเป็นวัดใหญ่ มีอารามหลักหลังคาสีทองอร่าม พร้อมด้วยกุฏิของพระเณรรายรอบ เมื่อมองจากระยะไกลมีสัณฐานคล้ายพระราชวังโปตาลาในนครลาซา เมืองหลวงของทิเบต วัดซงซานหลินจึงได้รับฉายาว่า “โปตาลาน้อย” ในวิหารกลางมีรูปปั้นดาไลลามะองค์ที่ 5 ใหญ่เท่าตึก 3 ชั้น! ผู้คนมากราบไหว้ไม่ขาด พร้อมกันนี้บนฝาผนังยังมีภาพปริศนาธรรม เทพพิทักษ์ธรรมในปางดุ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระศรรีอริยเมตรไตรย และผ้าพระบฏ (Thangka) โบราณอยู่มากมาย

29

30

 สาวแชงกรี ลา แท้จริงก็คือสาวเชื้อสายทิเบตนี่เอง เพราะสมัยโบราณเขตนี้คือดินแดนของทิเบตตะวันตก

31

 เมื่อมาถึงแชงกรี ลา แล้ว ก็ต้องฝึกพูดทักทายสวัสดีเป็นภาษาทิเบตไว้หน่อย เขาใช้คำว่า “ตาชิ เตเล่” (Tashi Delek) จำไว้ให้ขึ้นใจ ฝึกพูดไว้ให้ติดปาก จะได้รับการต้อนรับจากทุกคนทุกที่

32

 คาราวานขับรถเที่ยวในเมืองแชงกรี ลา (เมืองจงเตี้ยน) ผ่านหุบเขาสูงชัน คดเคี้ยว ลงสู่ทุ่งราบกว้างสุดลูกหูลูกตา

33

 ค่ำคืนในแชงกรี ลา อากาศหนาวจับใจ อุณหภูมิลดต่ำเหลือแค่ 5 องศาเซลเซียส! เช้าวันถัดมาจึงมีน้ำค้างแข็งเป็นเกล็ดขาวๆ เกาะพราวอยู่ทั่วไปตามพื้นถนนและบนหลังคารถ หนาวแบบนี้เริ่มทำให้ผมคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ของคนที่เมืองไทยซะแล้ว แต่ยังเหลือหนทางยาวไกลอีกตั้ง 2,500 กิโลเมตร กว่าจะกลับถึงบ้าน ที่ซึ่งผมจะนำประสบการณ์สุดพิเศษทั้งหมดนี้ ไปบอกเล่ากับทุกคน ว่า “แชงกรี ลา The Lost Horizon” มันคือขอบฟ้าที่สูญหายแห่งดินแดนหลังคาโลกอย่างแท้จริง

35

 รอยยิ้มหวานเจี๊ยบจากสาวสิบสองปันนาทางตอนใต้ของจีน ทำให้การเดินทางยาวไกลกว่า 5,500 กิโลเมตร หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ อิอิ

36

1841

Traveler’s Guide

Best season : เที่ยวได้ตลอดปี เดือนมีนาคม-เมษายนดอกไม้บาน เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนใบไม้เปลี่ยนสี และเดือนธันวาคม-มกราคมได้เล่นหิมะสมใจ

How to go : เส้นทางขับรถเที่ยว ไทย (อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย)-ลาว (เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว)-เมืองเชียงรุ้ง (แคว้นสิบสองปันนา)-เมืองคุนหมิง-เมืองต้าลี่-เมืองลี่เจียง-เมืองแชงกรี-ลา ระยะทางไปกลับประมาณ 5,000 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 10-14 วัน ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ และคนขับที่มีประสบการณ์ผ่านทางภูเขาคดเคี้ยว อีกทั้งต้องทำวีซ่าลาว-จีน, เอกสารประกันภัย-เอกสารรถให้พร้อม แต่ถ้าอยากไปแบบง่ายกว่านั้น ให้บินจากกรุงเทพฯ-เมืองคุนหมิง แนะนำสายการบินไทย โทร. 0-2356-1111 www.thaiairways.co.th แล้วบินเมืองคุนหมิง-เมืองแชงกรี-ลา   (สนามบินตี๋ชิ่ง : Diqing Airport) สายการบิน China Eastern Airlines โทร. 0-2636-6979-80 มีบินทุกวัน ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง

Where to stay : มีโรงแรมหลายระดับให้เลือก เช่น เมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา โรงแรม Gloden Zone โทร. 86-691-2150888 www.goldenzonehotel.com เมืองคุนหมิง โรงแรม Empark Grand Hotel โทร. 86-871-7388888 www.empark.com.cn เมืองต้าลี่ โรงแรม Asia Star Garden Hotel โทร. 86-872-2680199 www.asiastargroup.com เมืองลี่เจียง โรงแรม Treasure Harbour International Hotel โทร. 86-888-3116688 www.treasureharbour.cn เมืองแชงกรี-ลา โรงแรม Paradise Hotel โทร. 86-887-8228008 http://www.chinaodysseytours.com/hotels/Paradise-Hotel.html ค่าห้องพักรวมอาหารเช้าด้วย

What to eat : เส้นทางขับรถช่วงที่อยู่ในลาวอาหารยังคล้ายกับไทย แต่เมื่อข้ามแดนเข้าจีนแล้ว อาหารจะเป็นพวกข้าวสวย บะหมี่ หมูแดง เป็ด ไก่ หมั่นโถว ซาลาเปา ผัดผัก ปลานึ่ง ซุปต่างๆ ถ้าพักตามโรงแรมใหญ่ๆ จะมีอาหารตะวันตกด้วย ใครกลัวเลี่ยน แนะนำให้พกน้ำพริกไทยไปด้วย ที่แชงกรี-ลา อย่าลืมชิมเนื้อจามรีทอด (คนจีนเรียกว่าเนื้อเหมาหนิว) รวมถึงชาเนยทิเบต กินกับซัมปะ (แป้งข้าวบาร์เลย์คั่ว)

Souvenirs : ของที่ระลึกบนเส้นทางนี้มีมากมายให้เลือก ที่เมืองเชียงรุ้ง แนะนำใบชาปู้เอ่อ เครื่องไม้แกะสลัก และเครื่องหนัง ที่เมืองคุนหมิง แนะนำครีมบัวหิมะทาแก้น้ำร้อนลวก ที่เมืองต้าหลี่ แนะนำผ้าทอมือ และกระเป๋าถักของชนเผ่าไป๋ ที่เมืองลี่เจียง แนะนำผ้าคลุมไหล่ทอมือ และงานหัตถกรรมของชนเผ่าน่าซี ส่วนที่เมืองแชงกรี-ลา แนะนำหวีจากเขาจามรี แส้พู่หางจามรี และหินสีทิเบต (โปรดระวังของปลอม!)

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *