TEATA พาเที่ยวปีใหม่ รวมใจไปตลาดน้อย
สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย หรือ TEATA ชื่อนี้หลายคนคงคุ้นหูอยู่บ้าง เพราะเป็นหนึ่งในสมาคมสำคัญของวงการท่องเที่ยวไทย ที่มีผลงานชั้นแนวหน้าด้านวิชาการ และทำงานเจาะลึกทั้งเรื่องชุมชน ธรรมชาติ ผจญภัย และเชิงวัฒนธรรมมานานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย
ในโอกาสต้อนรับปีใหม่ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2018 สมาคม TEATA จึงได้จัดงานพบปะสังสรรค์ระหว่างสมาชิก แต่จะธรรมดาได้ไง เพราะชาว TEATA เจอกันทีไร ก็ต้องทั้งสนุก เฮฮา และได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน ด้วยการจัดทริปเดินเที่ยวย้อนรอยอดีตย่านการค้าโบราณแห่งสยามริมน้ำเจ้าพระยา บริเวณเขตสัมพันธวงศ์ แถวๆ ตลาดน้อย แล้วนั่งเรือข้ามไปเขตคลองสานฝั่งธนบุรีด้วยล่ะ ชาว TEATA นัดรวมพลกันที่โรงแรม River City ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมฟังบรรยายสรุปจากวิทยากรผู้ทรงภูมิปัญญาอย่างยิ่ง
จุดแรกที่ได้สัมผัสคือ โบสถ์กาลหว่าร์ หรือ วัดแม่พระลูกประคำ (Holy Rosary Church) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทรงโกธิค ตั้งอยู่ที่ซอยวานิช 2 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กทม. โบสถ์แห่งนี้ไม่ใช่โบสถ์หลังแรก หากแต่เป็นโบสถ์หลังที่สาม ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อทดแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกทิ้งร้างภายหลังเพลิงไหม้ใหญ่ใน พ.ศ. 2470 โบสถ์ในปัจจุบันสร้างขึ้นโดยคุณพ่อแดซาลส์ ชาวฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2434 ปัจจุบันโบสถ์มีอายุ 126 ปี ถือเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ชาวสมาชิก TEATA ชักภาพพร้อมหน้าพร้อมตาด้านหน้าโบสถ์กาลหว่าร์ (โบสถ์กาลวาริโอ้) ถัดมาเราก็มาถึง ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย หรือชื่อเดิม แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ‘บุคคลัภย์’ (Book Club) เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งโดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2447 หลังจากการขยายตัวของบุคคลัภย์ ‘บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด’ ได้กำเนิดขึ้นจากพระบรมราชานุญาตของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ให้ดำเนินการเป็นธุรกิจธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของสยามอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2449 จวบจนทุกวันนี้จากที่ตั้งเดิมของบุคคลัภย์ ที่ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร ได้ใช้เป็นที่ทำการชั่วคราวของ ‘แบงค์สยามกัมมาจล’ เมื่อกิจการขยายตัวทำให้ต้องมีการขยายออฟฟิศ จึงย้ายธนาคารไปอยู่ที่ ‘ตลาดน้อย’ เพราะทำเลดี เนื่องจากติดแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ใกล้แหล่งค้าขายใหญ่อย่างเยาวราชและสำเพ็ง อีกทั้งยังมีคนไทยและจีนอาศัยอยู่บริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก โดยอาคารหลังใหม่นี้เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตก ออกแบบโดยนายช่าง Anibale Rigotti และ Mario Tamagno ชาวอิตาเลียน ใช้ทุนสร้างประมาณ 300,000 บาท จนเสร็จสมบูรณ์ แล้วย้ายมาเมื่อ พ.ศ. 2451ได้เวลาเดินลัดเลาะตรอกซอกซอยเข้าสู่ ‘ชุมชนตลาดน้อย’ หนึ่งในชุมชนเก่าแก่ที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา กำเนิดมาตั้งแต่ก่อนสมัยรัชกาลที่ 1 เลยด้วยซ้ำ ทุกวันนี้จึงมีวิถีชีวิตของชาวจีนเก่าๆ ให้เราได้สัมผัส บางตรอกซอกซอยของตลาดน้อยยังคมีสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมฝรั่งให้ชม โดยจุดนี้เคยเป็นตรอกโรงฝิ่นเมื่อครั้งอดีต‘บ้านโซวเฮงไถ่’ (หรือ บ้านดวงตะวัน) เป็นหนึ่งในคฤหาสน์ของคหบดีเก่าแก่ อายุกว่า 220 ปี ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในปัจจุบัน คฤหาสน์นี้สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบฮกเกี้ยนแต้จิ๋ว วางผังบ้านแบบคหบดีที่มั่งคั่งในสมัยนั้น ที่เรียกว่า 4 เรือนล้อมลาน ด้านหน้าประตูทางเข้ามีศิลปกรรมฝาผนังแบบจีนให้ชมอย่างวิจิตรงดงามมาก
ในชุมชนตลาดน้อย ยังมีบ้านทำหมอนจีนโบราณ หลังสุดท้าย ที่ผลิตหมอนทุกใบด้วยมืออย่างประณีตงดงาม โดยหมอนเหล่านี้จะนำไปใช้ในพิธีมงคลต่างๆ ล้วนสะท้อนความเชื่อ ความศรัทธาของชาวจีนโพ้นทะเล ที่อพยพมาตั้งรกรากพึ่งพระบรมโพธิสมภารบนแผ่นดินสยาม หมอนทุกใบเป็นงาน Handmade ล้วนๆ ต้องช่วยกันอุดหนุนแล้วล่ะ
ศาลเจ้าพ่อโจวซือกง เป็นศาลเจ้าใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชุมชนตลาดน้อย ในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจจะมีผู้คนนับหลายหมื่นหลั่งไหลเข้ามาสักการะ อีกทั้งมีการแสดงงิ้วที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย เป็นประจำทุกปี ชาวสมาชิก TEATA ชักภาพร่วมกันหน้าศาลเจ้าโจวซือกง ก่อนเข้าไปกราบสักการะขอพร มุมสุดคลาสิกในชุมชนตลาดน้อย เหมือนได้เดินย้อนอดีตเลยจริงๆ
จากตลาดน้อยเราเดินทะลุไปถึงชุมชนใน เขตสัมพันธวงศ์ ซึ่งมีชาวจีนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ตอนแรกเริ่มกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว โดยผู้คนได้ย้ายมาจากเขตพระนครในปัจจุบัน มีถนนวานิช 1 หรือ ‘ถนนสำเพ็ง’ เป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวจีน จวบจนสร้างถนนเยาวราชเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2435 เยาวราชจึงกลายเป็นศูนย์กลางชาวจีนมาแทนจนถึงปัจจุบัน สันนิษฐานกันว่าเขตสัมพันธวงศ์คงตั้งชื่อตามวัดที่ตั้งนั่นเอง (วัดสัมพันธวงศาราม)
เดินเตร็จเตร่เข้าไปในชุมชนเขตสัมพันธวงศ์ (ถนนที่จะไปถึงหน้าวัดสัมพันธวงศาราม) ด้านขวามือจะผ่านอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ของ บริษัท เจียไต๋ จำกัด ต้นกำเนิดเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ในปัจจุบัน จากถนนเล็กๆ เส้นนี้ถ้าเดินผ่านหน้าวัดสัมพันธวงศาราม ก็จะไปทะลุถึงถนนเยาวราชได้ใกล้นิดเดียว นับเป็นทำเลทองที่มีฮวงจุ้ยดีเลิศ ทำการค้าขายได้ร่ำรวยจากอดีตมาถึงปัจจุบันตึกฝรั่งในเขตวัดสัมพันธวงศาราม
ในสมัยรัชกาลที่ 3 ด้านหน้าวัดเกาะมีโรงพิมพ์ของบุคคลผู้มีชื่อเสียงมากจนถึงทุกวันนี้ คือ หมอบรัดเลย์ (แดเนียล บีช แบรดลีย์) ซึ่งชาวสยามในยุคนั้นเรียกทับศัพท์ว่า ‘หมอปลัดเล’ เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกันที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในสยาม และยังเป็นผู้เริ่มต้นการพิมพ์อักษรไทยในสยามเป็นครั้งแรก และทำการผ่าตัดในสยามเป็นครั้งแรกด้วย ท่านจึงเป็นบุคคลที่มีคุณูปการต่อสยามอย่างยิ่ง แม้ว่าการพิมพ์ครั้งแรกนั้นจะเป็นเอกสารเกี่ยวกับการเผยแพร่คริสตศาสนาก็ตามที ใกล้เที่ยงแล้ว แต่สมาชิก TEATA ก็ยังไม่หมดแรง พากันไปเที่ยวชม ‘วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร’ พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งพระนคร ถนนทรงวาด ติดต่อกับถนนสำเพ็ง แขวงสัมพันธวงศ์ เดิมชื่อ ‘วัดสำเพ็ง’ ตามชื่อถนนหน้าวัด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 พระราชทานนามใหม่ว่า ‘วัดปทุมคงคา’
วัดนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งแรกสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯ ให้พระยาธรรมาธิกรณ์ (บุญรอด บุณยรัตพันธ์) กับพระวิจิตรนาวี เป็นแม่กองคุมช่างและไพร่ไปกะที่สร้างพระนครใหม่ ณ ฝั่งตะวันออก โปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชาเศรษฐี และคนจีนย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่สวน ตั้งแต่คลองวัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิราชาวาส) ไปจนถึงคลองวัดสำเพ็ง (วัดปทุมคงคา) และเห็นว่าเป็นวัดโบราณที่ทรุดโทรมมาก สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมใหม่ทั้งวัด จากนั้นรัชกาลที่ 1 จึงพระราชทานนามใหม่ว่า ‘วัดปทุมคงคา’ภายในวัดปทุมคงคา มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองสีขาวสะอาดนับสิบองค์เรียงรายอยู่โดยรอบ กล่าวกันว่าในเขตเกาะรัตนโกสินทร์มีเพียงไม่กี่วัดที่มีลักษณะนี้ เพราะต้องเป็นวัดที่สำคัญจริงๆ เท่านั้นภายในพระอุโบสถวัดปทุมคงคา ประดับประดาด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังยุคต้นรัตนโกสินทร์ สังเกตได้จากภาพเทพชุมนุมบนฝาผนังสองด้าน อันเป็นลักษณะจำเพาะของช่วงรัชกาลที่ 1-3 ระเบียงคดสี่ด้านรอบโบสถ์วัดปทุมคงคา มีพระพุทธรูปปางต่างๆ นับร้อยองค์ประดิษฐานไว้ให้สักการะถ้าสังเกตให้ดี จะพบช่องบรรจุอัฐิของ ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และภริยา อยู่ที่ช่องเก็บในระเบียงคดวัดปทุมคงคานี้เอง ใครที่อยากรำลึกและแสดงความเคารพในคุณงามความดีของท่าน ก็ขอเชิญมาได้นะหินประหาร คือหินก้อนใหญ่ที่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานกันว่า น่าจะใ้ช้เป็นหินสำเร็จโทษเจ้านายที่กระทำความผิดร้ายแรงในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยเป็นเจ้านายพระองค์สุดท้ายของสยามที่ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์เดินเที่ยวกันมากว่าครึ่งวัน ตอนนี้ก็เริ่มหมดแรงแล้ว ได้เวลาเข้าห้องแอร์เย็นฉ่ำ กินเลี้ยงปีใหม่ในสไตล์ TEATA นอกจากสมาชิกของสมาคมเองแล้ว ยังมีพันธมิตรที่ดีจาก สกว. , CBTI , KTC , สื่อมวลชน และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้บรรยากาศการรรับประทานอาหารเที่ยงในวันนั้น เป็นไปอย่างอบอุ่นอย่างยิ่ง โดยมี คุณนีรชา วงศ์มาศา นายกสมาคม TEATA กล่าวต้อนรับเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกคน ระหว่างรับประทานอาหาร ยังมีการจับแจกลุ้นโชคของรางวัลรับปีใหม่ 2018 อย่างสนุกสนาน อิ่มหนำกันถ้วนหน้าจากอาหารเที่ยงแสนอร่อยที่ถนนเยาวราช เราก็เดินย้อนมาลงเรือข้ามฟาก ข้ามจากฝั่งกรุงเทพฯ ไปยังเขตคลองสาน ฝั่งธนบุรีเราข้ามเรือมาสู่ วัดทองธรรมชาติวรวิหาร (ชาวบ้านเรียกกันสั้นๆ ว่า ‘วัดทองธรรมชาติ’) ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงวัดทองนพคุณ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเยื้องฝั่งลำน้ำกับวัดปทุมคงคา วัดนี้เป็นวัดโบราณไม่ปรากฏว่าสร้างมาแต่สมัยใดและใครเป็นผู้สร้าง แต่เรียกกันว่า ‘วัดทองบน’ เนื่องจากมีวัดทองตั้งอยู่ใกล้กัน 2 วัด
สิ่งที่ห้ามพลาดชมด้วยประการทั้งปวงในวัดทองธรรมชาติ คือภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครู ที่ถือว่าเป็น 1 ใน 10 ภาพจิตรกรรมฝาผนังของยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่ยังสมบูรณ์ที่สุด โดยส่วนใหญ่วาดเป็นภาพพุทธประวัติในตอนต่างๆ นับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติที่เราต้องช่วยกันหวงแหน ผ้าพระบฎอายุนับร้อยปีใส่ไว้ในกรอบทองประดับเหนือประตูหน้าต่างทุกบาน ของพระอุโบสถวัดทองธรรมชาติ คืออีกหนึ่งมรดกแห่งแผ่นดินที่เราต้องช่วยกันรักษา
ทริปแสนสนุกในวันนี้ของ TEATA จบลงอย่าง Happy ที่ ‘ล้ง 1919’ โกดังสินค้าเก่าที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนท่าเรือประวัติศาสตร์ศิลป์ไทย-จีน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน ฝั่งธนบุรี นี่คือจุดเชื่อมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกว่า 167 ปีแล้ว
แม้วันนี้ทริปจะจบลงและเราต้องจากกัน แต่แน่นอนว่า ความผูกพันอันเหนียวแน่นของพี่น้องชาว TEATA ยังคงอยู่ เราจะกลับมาพบกันใหม่ เพื่อสรรค์สร้างกิจการงานดีๆ แก่วงการท่องเท่ียวไทย และผืนดินไทย ผืนดินที่เราเรียกว่าบ้านอันเป็นที่รักของเราทุกคน Happy New Year 2018 จ้าสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ TEATA เลขที่ 608/10 ชั้น 1 อาคารบี คอนโดเอสเปซ ถนนอโศก-ดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10170 โทร. 0-2006-0770, 08-3250-9343
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!