เที่ยวเกาหลีสไตล์ TEATA หมู่บ้านดูโม (ตอน 1)
เมื่อเอ่ยถึงชื่อประเทศ ‘เกาหลี’ หลายคนคงจะนึกถึงกิมจิ ผักดองแสนอร่อย, ย่านเมียงดง ถนนคนเดินช้อปปิ้งชื่อดังที่สุดในกรุงโซล, นึกถึงนักร้องหน้าใสวง Boy Band และนึกถึงละครซีรีส์เรื่องโปรด ที่ทำให้หลายคนออกเดินทางตามรอยพระเอกนางเอกที่ตนชื่นชอบไปยังประเทศนี้ ทว่าแท้จริงแล้วเกาหลียังมีเรื่องน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายให้เราค้นหาได้ไม่สิ้นสุด อย่างเช่นการเดินทางสุดพิเศษของ ‘สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย’ หรือ TEATA ในครั้งนี้ ที่กำลังนำเราไปรู้จักเกาหลีในมุมมองอันแตกต่าง
ทริปนี้ผมโชคดี ต้องขอบคุณ คุณนีรชา วงศ์มาศา นายสมาคม TEATA ที่มอบโอกาสให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะ 34 ชีวิต เดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน Study Trip ของ 4 หมู่บ้านชนบทเกาหลี ระหว่างวันที่ 7-11 มิถุนายน 2561 ด้วยความร่วมมือและสนับสนุนอย่างดีจาก Korea Rural Village Experience Council (KRVEC) ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกท่องเที่ยวหมู่บ้านกว่า 1,000 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศเกาหลี และกำลังเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวมาแรง ไม่ต่างจากการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-based Tourism) ของไทยเลยสักนิดเดียว คงเพราะคนปัจจุบันเบื่อหน่ายสังคมเมืองอันสับสนวุ่นวาย จึงโหยหาความสงบ ธรรมชาติ และเสน่ห์ของวิถีผู้คนในชุมชนท้องถิ่นนั่นเองครับ
วันแรกเราบินตรงจากไทยไปยังสนามบินปูซาน แล้วนั่งรถยนต์ต่ออีก 2 ชั่วโมงครึ่ง สู่ เกาะนัมเฮ (Namge Island) เกาะใหญ่ทางภาคใต้ของเกาหลี เยี่ยมเยือนหมุดหมายแรกที่เราตั้งใจ คือ ‘หมู่บ้านดูโม’ (Dumo Village) เมืองนัมเฮ (Namhe) จังหวัดคยองซาง (Geongsang) ที่มีชื่อเสียงในแง่ว่า ตัวหมู่บ้านแม้มีเนื้อที่ไม่มาก ทว่าถูกโอบล้อมด้วยป่าสน แถมอาชีพหลักของชาวบ้านคือทำนาปลูกข้าว เราจึงได้เห็นนาข้าวแบบผืนน้อยกับทะเลสีฟ้าครามอยู่คู่กันอย่างแปลกตา หาไม่ได้ง่ายๆ การมาเที่ยวหมู่บ้านดูโมจึงมีคอนเซปต์ที่ว่า ‘Farm & Fishing’ คือเราสามารถเที่ยวสัมผัสได้ทั้งวิถีเกษตรกรรม นาข้าว และวิถีประมง ท้องทะเล ในเวลาเดียวกัน เริ่ดจริงๆ อ่ะ
พอไปถึงปั๊ป ผู้นำชุมชนก็มารับเราไปทานอาหารเที่ยงกันก่อนเลย
วันนี้ผู้นำชุมชนและหน่วยงานท่องเที่ยวชนบทของเกาหลีหลายท่าน มาต้อนรับเราด้วยตนเอง โดยเฉพาะ Mr. Lee Kyujeong (ประธาน The Korean Rural Village Experience Council / คนใส่แว่น เสื้อสีฟ้า)
อาหารมื้อแรกในเกาหลีน่าประทับใจ เพราะเป็นอาหารแดนกินจิแท้ๆ นั่งกินกับพื้น มีเครื่องเคียงนานาชนิดยกมาเสิร์ฟ พร้อมด้วยซุปผัก ผัดหมูเกาหลี กินกับข้าวสวยร้อนๆ โดยใช้ช้อนและตะเกียบเหล็กแบบเกาหลี ทำให้รสชาติอาหารที่ว่าดีอยู่แล้ว อร่อยขึ้นอีกเป็นกองเลย ทีเด็ดคือ เครื่องเคียงทุกอย่างเติมได้ไม่อั้นครับ ฮาฮาฮา
กิมจิ ผักดองเพื่อสุขภาพ เป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้ในทุกมื้ออาหารของคนเกาหลี แต่ละบ้านล้วนมีสูตรของตนเอง เมื่อกินบ่อยๆ จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ขับถ่ายดี เพราะผักดองกิมจิมีเอนไซม์ที่เป็นประโชน์ต่อร่างกายมาก
เครื่องเคียงนานาชนิด เติมได้ไม่อั้น แค่กินเครื่องเคียงอย่างเดียวก็อิ่มแปร้แล้วมั้ง ฮาฮาฮา
วัฒนธรรมการกินแบบเกาหลี คือต้องกินอาหารกับช้อนและตะเกียบเหล็กแบบนี้ ทีแรกอาจไม่ค่อยถนัด แต่พอสักพักจะรู้สึกว่าตักคีบอะไรได้มั่นคงดีมาก จึงทำให้ Speed การกินเราไม่ตกเลย อิอิ
ห้องรับประทานอาหารรวม ของหมู่บ้านดูโม ไม่ใหญ่โต แต่อบอุ่นด้วยมิตรไมตรีของคุณป้าๆ ที่มาคอยดูแลเราอย่างใกล้ชิด ไม่ขาดตกบกพร่อง โดยคนที่มาท่องเที่ยวหมู่บ้านดูโม ทั้งแบบ One Day Trip และ Overnight (ค้างคืน) ก็จะต้องมากินอาหารรวมกันที่นี่ทั้ง 3 มื้อครับ อาหารก็มีให้กินกันอิ่มแปร้ ไม่ต้องห่วง
ตัวหมู่บ้านดูโมมีที่ราบไม่มากนัก นาข้าวส่วนใหญ่อยู่ในหุบเขาหว่างกลาง มีแนวภูเขาขนาบสองด้าน จากใจกลางหมู่บ้านเราเดินหรือปั่นจักรยานชิลชิล ผ่านผืนนาไปแค่ไม่ถึง 10 นาที ก็จะถึงท่าเรือแล้ว ที่นี่เขาจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนกันเองอย่างน่ารัก มีการแบ่งหน้าที่กันทำ และรับนักท่องเที่ยวในปริมาณที่พอเหมาะ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวถูกใช้เป็นทั้งที่ให้ข้อมูล ที่กินอาหาร และด้านบนเป็นที่พักแบบง่ายๆ ซอยเป็นห้องๆ
ห้องพักแต่ละห้อง พักได้ 3-5 คน พร้อมห้องน้ำในตัว วิธีการนอนก็เป็นแบบเกาหลีแท้ คือปูฟูกบางๆ นอนบนพื้น จากห้องเปิดประตูไปมองเห็นนาข้าวและทิวเขา ได้ยินเสียงกบเขียด แมลง หรีดเรไร และนกต่างๆ ร้องระงม ใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศก็สดชื่นสุดๆ
ชีวิตชาวบ้านที่ยังผูกพันอยู่กับผืนนา และความพอเพียง
ต้นข้าวเขียวขจี รับไอแดดอุ่นของฤดูร้อนริมทะเล บนเกาะนัมเฮ แห่งนี้
ในนาข้าวยังมีกบ เขียด แมลงปอ แมลงต่างๆ และลูกอ๊อดว่ายไปมา บ่งบอกว่าผืนนาที่นี่เป็น Organic หรืออินทรีย์แท้ๆ
วิวโล่งโปร่งสบายของหมู่บ้านดูโม สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนแปลงกายเป็นพระเอกเกาหลี ไปโพสต์ท่าถ่ายภาพเก็บไว้
ความน่ารักอีกอย่างของหมู่บ้านดูโม คือเขามีการวาด ภาพบนฝาผนัง หรือ Wall Painting สวยๆ น่ารักๆ ไว้มากมาย เพื่อเพิ่มสีสัน เติมชีวิตชีวา และใช้เป็นฉากถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่รู้เบื่อเลย โดยภาพแต่ละอันก็สะท้อนเรื่องราว ความโดดเด่น หรือประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน
ภาพนี้คือหัวกระเทียมครับ ที่เขาบอกว่าหัวกระเทียมของเกาะนัมเฮอร่อยที่สุดในเกาหลี รสชาติเหมือนแอปเปิล! เพราะดินดี และลมทะเลพัดเข้ามาโดนต้นกระเทียม ทำให้รสชาติต่างจากที่อื่นๆ
สองสาวฮิปสเตอร์ โพสต์ท่าถ่ายภาพอย่างสนุกสนาน
ภาพ Wall Painting บนกำแพงของบางบ้าน ก็ละเอียดยิบ และสวยงามจนต้องหยุดเก็บภาพกันอย่างนานเลย
จะหล่อไปไหนเนี่ยะ พี่เล็ก?!
นอกจากการปั่นจักรยานเที่ยวชมรอบๆ หมู่บ้านแล้ว กิจกรรมยอดฮิตที่ทำให้หมู่บ้านดูโมโด่งดังมาก ในประเทศเกาหลีคือ ‘การพายเรือคายัคในทะเล’ (Sea Kayak) โดยเขาจะมีไกด์ท้องถิ่นให้ความรู้ สอนก่อนว่าต้องพายยังไง มีเสื้อชูชีพให้ แล้วนำเราพายเรือคายัคจากท่าเรือเลาะเลียบชายฝั่งออกไปยังเกาะใกล้ๆ คลื่นลมไม่แรง พายสนุก ชมวิวเพลินๆ ใครเหนื่อยก็พายกลับได้เลย ไม่มีการบังคับกัน โดยกิจกรรมนี้ใช้เวลาราวๆ 1.30 ชั่วโมง นับเป็นกิจกรรม Eco-tourism ที่ไม่รบกวนธรรมชาติ อีกทั้งทำให้เราได้ใกล้ชิดทะเลแบบเอื้อมมือแตะน้ำได้เลย
สนุกสนานกันใหญ่กับการพายเรือคายัคในทะเลจริงๆ เทคนิคการพายง่ายๆ คือ ให้พายพร้อมกัน ซ้าย ขวา โดยให้คนหลังดูจังหวะคนหน้าเป็นหลัก วันนี้โชคดีคลื่นลมไม่แรง เลยไม่เหนื่อยมาก ชิลๆ
จากนั้นก็เป็นกิจกรรมนั่งเรือประมงออกไปตกปลาในทะเลแบบ Fishing with the Fisherman ที่สนุกสนาน และปลอดภัย เพราะเรือประมงของเกาหลีเขาดูทันสมัย สะอาดสะอ้านมาก
เรื่อเร่งเครื่องตัดผืนทะเลเรียบสีฟ้าครามสะอาดตา ออกสู่เวิ้งอ่าวเบื้องหน้า ที่มีเกาะน้อยใหญ่เรียงรายรอเราอยู่
แค่ 10 นาที ก็มาถึงจุดเหมาะ ที่กัปตันคิดว่ามีปลาให้เราได้ตกแล้ว
กัปตันใจดี สาธิตการตกปลาด้วยสายเอ็นเกี่ยวเบ็ดอย่างง่ายๆ หย่อนลงไปในน้ำลึกราวๆ 3 เมตร กระตุกเอ็นขึ้นลง ประเดี๋ยวเดียวก็ได้ปลาตัวเขื่องติดเบ็ดขึ้นมา แต่เราไม่ได้เอามันไปกินนะ ปล่อยมันกลับลงทะเลดีกว่า
เหยื่อที่ใช้เกี่ยวเบ็ด ลักษณะคล้ายไส้เดือนหรือหนอนทะเลก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คือ เป็นเหยื่อที่ปลาชอบกินมาก (กัปตันบอก)
ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 5 นาที ก็ได้ปลาตัวเบ้อเริ่ม! บ่งบอกถึงความอุดสมบูรณ์ของท้องทะเลแถบนี้ ที่ไม่ต้องแล่นเรือออกไปไกลฝั่งเลย
หน้าตาน้องปลาที่กำลังตกใจ ก่อนเราปล่อยเขากลับคืนลงสู่ท้องทะเลดังเดิม
พอตกปลากันหอมปากหอมคอแล้ว เรือประมงก็พาเราแล่นวนรอบเกาะใหญ่ ให้ได้ชมภูมิประเทศชายฝั่งโขดหินแปลกตา ทั้งสีสันและรูปทรง นี่คือเสน่ห์ของชายฝั่งทะเลตอนใต้ของเกาหลีล่ะ
เย็นย่ำแล้ว อาบน้ำเปลี่ยนชุดซะหอมฉุย ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแบบง่ายๆ แต่แสนอร่อยแล้ว มีครบทั้งคาร์โบไฮเดรต ผัก ปลา เนื้อสัตว์ สมกับที่มีคนบอกว่าอาหารเกาหลีเป็น Healthy Food จริงๆ
มื้อนี้มีปลาแดดเดียวทอดราดซอสพริกด้วย ออกจะเค็มๆ นะ ต้องกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ถึงจะพอดี แต่ตอนกินต้องระวังก้างด้วย
ชุมชนหมู่บ้านดูโม มีการแบ่งงานแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน และทำท่องเที่ยวใน scale ที่พอเหมาะเท่าที่ตนเองรับไหว ไม่เกินขีดจำกัด อย่างคุณป้าแม่ครัวก็จะผลัดเวรกันมาดูแลนักท่องเที่ยว เข้าครัว ทำความสะอาด ส่วนเวลาปกติก็กลับไปทำงานบ้านของตน ทำนาทำไร่ และช่วยสามีในอาชีพประมง เขาจึงทำท่องเที่ยวได้อย่าง Happy มีรอยยิ้ม เพราะใช้การท่องเที่ยวเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น นี่สิ ถึงจะก่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง
คุณคัง (Mrs. Kang) หญิงแกร่งหญิงเก่ง ผู้เป็นหัวหอกสำคัญกลับมาพัฒนาท่องเที่ยวในบ้านเกิดของเธอ จากที่ดูโมเคยทำอาชีพปลูกข้าวและประมงเท่านั้น ใช้เวลา 3-4 ปี กลับมีชื่อเสียงในแง่การท่องเที่ยวชุมชน ที่ดึงจุดเด่นของตนเองออกมาพัฒนาเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวอันมีเอกลักษณ์ คือ Farm & Fishing บวกกับกิจกรรมพายเรือคายัคในทะเล ที่โด่งดังไปทั่วเกาหลี นี่คือความภูมิใจของคนทำงานและรักบ้านเกิดอย่างแท้จริง
พี่หุย คุณนีรชา นายกสมาคม TEATA มอบของที่ระลึกให้คุณคัง ต่อไปนี้เราเป็นเพื่อนและเป็นเครือข่ายกันแล้วนะจ๊ะ
ผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่งที่คุณคังได้คิดค้นพัฒนาขึ้นเองมานานแล้วก็คือ ‘ชาดอกไม้’ (Flowers Tea) เพราะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของหมู่บ้านดูโม ในป่าบนภูเขาหรือตามท้องทุ่ง จะมีดอกไม้เบ่งบานละลานตา เธอจึงนำมาผลิตเป็นชาดอกไม้หลากชนิด ที่ให้กลิ่น สี และรสชาติต่างกัน กลายเป็นของที่ระลึกของหมู่บ้านดูโม ที่หมู่บ้านอื่นๆ บนเกาะนัมเฮทำเลียนแบบกันเพียบเลยในปัจจุบัน
ค่ำคืนในหมู่บ้านดูโมผ่านไปอย่างรวดเร็ว อากาศยามค่ำและยามเช้าตรู่ที่เย็นสบายกำลังดี ทำให้ไม่ต้องเปิดพัดลม แอร์ หรือเครื่องทำความร้อนแต่อย่างใด ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า ขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างงัวเงีย แต่ธรรมชาติบริสุทธิ์ของดูโม กลับทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดแรงบันดาลใจในการออกไปปั่นจักรยานชมหมู่บ้านยามเช้าอันสดใสเบิกบานเช่นนี้
ชาวนาที่ดูโมตื่นเช้ากว่าผมอีก ตอนนี้ถึงเวลาซ่อมต้นกล้า เติมน้ำเข้านา และถอนวัชพืชออกจากท้องนา อากาศเย็นสบาย มีสายหมอกบางๆ โรยตัวลงอย่างอ่อนโยน
ปั่นจักรยานแค่ไม่ถึง 10 นาที จากใจกลางหมู่บ้านที่เป็นทุ่งนา มาสู่ท่าเรือที่เราออกไปพายคายัคกันเมื่อวาน ขณะนี้ท้องน้ำนิ่งสงบ ไร้คลื่นลม พาให้จิตใจสงบไปด้วย ผมพบแล้วมุมแห่งความสุขที่ค้นหามานาน!
อาหารเช้าสไตล์หมู่บ้านดูโม มื้อนี้มีปลาแดดเดียวตัวใหญ่ทอดมาให้ชิมด้วย ว้าว!
ได้เวลาอำลาหมู่บ้านนารักนามว่า ดูโม แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 วัน 1 คืน แต่ก็เกิดภาพประทับใจและความทรงจำดีๆ มากมายที่นี่ น้ำใจไมตรีของชาวบ้าน รอยยิ้มอันอบอุ่น และผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง นำพาดูโมไปในทิศทางที่ควรจะเป็น โดยสามารถรักษาเอกลักษณ์และวิถีของตนไว้ได้อย่างเต็มร้อย ถ้ามีโอกาส ผมต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอนครับ
ก่อนจากลา พี่เอื้อง ท่านผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานอุบลราชธานี มอบของที่ระลึกเก๋ไก๋ไว้ให้คุณคัง แล้วพบกันใหม่นะจ๊ะ
Simple Smile @Dumo Village. I Never Forgot it!
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) โทร. 08-3250-9343 (คุณน้ำ)
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!