Once in a Life Time, ล่องเรือ Hokkaido-Ibaraki Japan (Episode 2)
ทริปล่องเรือเที่ยวเชื่อมโยงภาคเหนือของญี่ปุ่นลงมาสู่ภาคกลาง ตั้งแต่ เกาะฮอกไกโด (Hokkaid0) จนถึง จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki) ของเรา ช่างเร็วเหมือนโกหก! เพราะกินเวลาแค่ 1 คืน กับอีกครึ่งวันเท่านั้น
ราวๆ บ่าย 2 โมง เราก็มาถึง ท่าเรือโอเอไร (Oarai) อิบารากิ และเมื่อขึ้นบกมาแล้วมองกลับไป จึงทำให้เราได้เห็นเรือ Sunflower Ferry ที่เราโดยสารมาอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก
ท่าเรือโอเอไร จังหวัดอิบารากิ
นั่งรถบัสจากท่าเรือโอเอไรมาแค่ไม่ถึง 10 นาที เราก็ถึงที่เที่ยวยอดฮิตแห่งแรกของเมืองนี้ คือ Mentai Park ซึ่งจริงๆ เจ้าเมนไตก็คือ ‘ไข่ปลาเฮอร์ริ่ง’ ที่มีอยู่ดาษดื่นในน่านน้ำเย็นแถบนี้นั่นเอง และชาวญี่ปุ่นก็ชื่นชอบการกินไข่ปลาเหล่านี้ซะเหลือเกิน โดยเฉพาะการเอาไปดองเกลือแล้วกินสดๆ กับข้าวสวยร้อนๆ
ภายใน Mentai Park นอกจากมีส่วนที่เป็น Museum เล็กๆ ให้ความรู้เกี่ยวกับปลาเฮอร์ริ่งแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือ Super Market ขนาดใหญ่ ให้ลูกค้าได้ช้อปปิ้งซื้อไข่ปลากลับบ้านกันอย่างจุใจ
ก่อนกลับอย่าลืมชิม ซอฟท์ครีมไข่ปลาเฮอร์ริ่ง ที่ไม่คาวเลยสักนิด ในเนื้อซอฟท์ครีมหอมหวานกำลังดี จะมีเม็ดไข่ปลาเล็กๆ เจือปนอยู่ ใช้ลิ้นปี้ในปากรู้สึกกรุบๆ อร่อยเป็นบ้าเลย!
จากโอเอไร นั่งรถยนต์ต่อไปอีกพักเดียว ก็ถึงที่เที่ยวสุดฮิตซึ่งทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทยรู้จักกันดี โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนต้องไม่พลาด นั่นคือ ‘สวน Hitachi Seaside Park’ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าใครพักอยู่ในโตเกียว จะมาเที่ยวที่นี่แบบ One Day Trip ก็ยังได้ และไฮไลท์ของสวนนี้ก็คือ ทุ่งดอกโคเคีย (Kochia) สีแดง ทอดไกลออกไปเป็นวิวสุด Amazing!
Hitachi Seaside Park Hitachi Seaside Park Hitachi Seaside Parkถัดจากนั้น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดชมด้วยประการทั้งปวง คือ ‘น้ำตก Fukuroda Waterfall’ ณ เมืองไดโกะ (Daigo) น้ำตกขนาดใหญ่ 4 ชั้น ซึ่งมีความงามต่างกันไป ถือเป็น 1 ใน 4 น้ำตก ที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว การเดินทางเข้าไปนั้น ช่วงแรกต้องเดินผ่านอุโมงค์ที่เจาะภูเขาไว้ จนไปทะลุถึงจุดชมวิวของน้ำตกแต่ละชั้นได้ งดงามมาก ดูเหมือนว่าแสงอ่อนโยนยามเช้าจะช่วยทำให้ถ่ายภาพได้แจ่มที่สุดแล้วล่ะ
Fukuroda Waterfall
จากเมืองไดโกะ เราเดินทางต่อไปยัง เมืองมิโตะ (Mito) เที่ยวชมสวนไคราคุดเอน (Kairakuen) สวนดอกบ๊วยนับพันต้นที่จะออกดอกพร้อมกันในฤดูร้อน ยามย่างเข้าฤดูหนาวเช่นนี้ สวนไคราคุเอนจึงมีสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนอกจากตัวสวนอันงดงามแล้ว ยังมีคฤหาสถ์ขนาดใหญ่สร้างแบบญี่ปุ่นโบราณ ให้เราเข้าไปชมด้วย
ไม่ห่างจากสวนไคราคุเอน เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตเหล้าสาเกชั้นเยี่ยมของเมืองมิโตะ จังหวัดอิบารากิ ชื่อ ‘โรงงาน Meirishurui’ ที่เปิดมาไม่ต่ำกว่าสามชั่วอายุคนแล้ว โรงงานแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก ผลิตเหล้าสาเกส่งขายทั่วญี่ปุ่น โดยใช้พันธุ์ข้าวท้องถิ่นชนิดพิเศษมาทำ มีเหล้าสาเกให้เลือกหลายดีกรีความแรงตามชอบใจลูกค้า รวมถึงวอดก้าด้วยโรงงาน Meirishurui โรงงาน Meirishuruiจากเมืองมิโตะเรานั่งรถไกลนิดนึงจนไปถึง เมืองสึคุบะ (Tsukuba) เพื่อขึ้นไปเที่ยวท่องธรรมชาติภูเขาสูงบน ภูเขาสึคุบะ แต่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะจากลานจอดรถ ช่วงแรกเดินขึ้นเขาไปชิลชิลนิดเดียว จนถึงศาลเจ้าใหญ่ที่คนนิยมไปบนบานศาลกล่าวเรื่องความรัก สาวๆ หนุ่มๆ เลยตั้งใจขอกันยกใหญ่!
ศาลเจ้าอายุประมาณ 400 ปี บนภูเขาสึคุบะ
จากศาลเจ้าเดินขึ้นเขาต่อไปอีกแค่ราวๆ 10 นาที ก็ถึงจุดขึ้นรถเคเบิลคาร์ (จริงๆ มี Ropeway ให้เลือกด้วย) โดยรถขาขึ้นจะเป็นสีเขียว และรถขาลงจะเป็นสีแดง เพื่อสื่อถึงฤดูกาลที่ต่างกันบนภูเขานี้จุดชมวิวบนยอดเขาสึคุบะจุดชมวิวบนยอดเขาสึคุบะ จุดชมวิวบนยอดเขาสึคุบะ จุดชมวิวบนยอดเขาสึคุบะ จากจุดชมวิวยอดเขาสึคุบะ ถ้าเดินเข้าไปในแนวป่าเพียงไม่ถึง 50 เมตร เราก็จะพบกับ ‘ต้นไม้โบราณ’ หรือ Ancient Tree ที่มีอายุหลายร้อยปี ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าต้นสนยักษ์นี้คือ จุดรวมพลัง หรือ Power Spot ที่สำคัญบนยอดเขาสึคุบะ จึงมีผู้คนมาสัมผัสเพื่อขอพลังกันตลอดปีเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวป่าเที่ยวเขา มาไหว้พระกันบ้าง แต่ขอบอกว่าไม่ใช่พระธรรมดา แต่เป็นพระพุทธรูปปางยืนสูงอันดับ 3 ของโลก คือ พระใหญ่อุชิคุ ไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu) แห่งเมืองอุชิคุ นั่นเอง
พระใหญ่อุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu) ได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คเมื่อปี ค.ศ. 1995 ว่า เป็นพระพุทธรูปปางยืนหล่อจากทองสัมฤทธิ์ที่สูงที่สุดในโลก สูง 120 เมตร (ส่วนของรูปปั้นสูง 100 เมตร ส่วนฐานสูง 20 เมตร) พระพุทธรูปปางยืนองค์นี้สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ถ้าเทียบระดับความยิ่งใหญ่กับพระพุทธรูปไดบุทสึที่จังหวัดนารา (สูง 14.98 เมตร) ก็จะมีขนาดเพียงฝ่ามือของพระใหญ่อุชิคุไดบุทสึเท่านั้น!พระใหญ่อุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu) ในเงาสะท้อนกระจกสุดคลาสสิกสวนดอกไม้แสนงามตามฤดูกาล ที่พระใหญ่อุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu)นั่งรถจากจังหวัดอิบารากิไปทางตะวันตกไม่ไกล ในที่สุดเราก็ล่วงเข้าเขตจังหวัดน่าเที่ยวอีกแห่ง คือ จังหวัดโตชิกิ (Toshiki : บางคนออกเสียง ‘โทชิงิ’) โดยเราแวะพักเที่ยวกันที่ ‘สวนสัตว์ Nasu Oukoku’ อันแสนน่ารัก เปิดมากว่า 20 ปีแล้ว บางคนได้ยินคำว่าสวนสัตว์นึกไปถึงสัตว์ถูกขังกรง! แต่ขอบอกว่าไม่ใช่เลย เพราะมีสัตว์ส่วนหนึ่งออกเดินอย่างอิสระ และบางส่วนก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในสภาพแวดล้อมเหมาะสม
พระเอกของที่นี่คือ ‘ตัวคาปิบาร่า’ (Capybara) หรือ ‘หมูน้ำ’ จากทวีปอเมริกาใต้ แต่บางคนดูแล้วบอกว่าหน้าตามันเหมือน ‘หนูยักษ์’ มากกว่า ฮาฮาฮา
ตัวอัลปาก้ารับแขก กับหนูน้อยหน้าตาบ้องแบ๊ว ที่สวนสัตว์ Nasu Oukoku โชว์แมวเหมียวโดดลอดห่วง ที่สวนสัตว์ Nasu Oukoku น้องกระต่ายสุดน่ารัก ที่สวนสัตว์ Nasu Oukokuป่าดิบชื้นจำลอง พร้อมด้วยนกนานาชนิด ลิง มามัวเซท งูเหลือม ปลาปิรันย่า เต่า และอีกสารพัดสัตว์เมืองร้อนซึ่งญี่ปุ่นเขาไม่มี แต่สรรหาจากทั่วโลกมาให้เด็กๆ ได้ชมที่ สวนสัตว์ Nasu Oukokuนกมาคอว์จากทวีปอเมริกาใต้ ที่ สวนสัตว์ Nasu Oukokuลิงมาร์โมเซท (Marmoset) หรือ ลิงจิ๋ว จากป่าดิบชื้นแถบอเมริกาใต้ ก็มีโชว์ตัวอยู่ที่ สวนสัตว์ Nasu Oukoku เป็นฝูงใหญ่เลย
การเดินทางทริปนี้ยังไม่จบนะครับ ยังมี ตอน 3 ให้ติดตามกันต่อไป แล้วพบกันใหม่คร้าบ
Special Thanks : บริษัท Nikon Sales (Thailand) Co., Ltd. สนับสนุนกล้อง Nikon D5 และสุดยอดอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ
สนใจติดต่อ 195 อาคาร Empire Tower ชั้น 45 ถนน สาทรใต้ แขวง ยานนาวา เขต สาทร กรุงเทพมหานคร 10120 โทร. 0-2633-5100 / www.nikon.co.th
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!