OK เบตง เมืองมหัศจรรย์ใต้สุดแดนสยาม
“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” นี่คือสโลแกนท่องเที่วของดินแดนสุดแสน Amazing “อำเภอเบตง” จังหวัดยะลา ที่ต้องบอกเลยว่ามีทั้งความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมผสมกลมกลืน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนภาคใต้ตอนล่างเขานิยมไปพักผ่อนตากอากาศกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง
ใครหลายคนอยากมาพักผ่อนตากอากาศ เนื่องจากเบตงเป็นเมืองในอ้อมกอดขุนเขาใหญ่โดยรอบ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกาลาคีรีกั้นพรมแดนไทย-มาเลเซีย สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,590 เมตร อากาศของเบตงจึงเย็นสบายตลอดปี หน้าร้อนไม่ร้อนอบอ้าว ส่วนหน้าหนาวเย็นเจี๊ยบจับใจไม่แพ้ภาคเหนือ แถมยังมีทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ให้ชมกันด้วย!
“ทะเลหมอกเขาไมโครเวฟ” ที่ตำบลอัยเยอร์เวง บนถนนหมายเลข 410 ตรงช่วง กม. 33 เป็นทะเลหมอกที่ Amazing มาก เพราะเราสามารถเที่ยวได้เกือบตลอดปี! โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ยิ่งถ้าเป็นวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ เหมือนธรรมชาติจะเป็นใจ บันดาลให้เกิดทะเลหมอกสีขาว หนาแน่นราวกับปุยนุ่น ลอยอ้อยอิ่งอาบแสงอาทิตย์ยามเช้าให้เราได้ตื่นตะลึงงงงันกันไปทุกคน! ผมขอ Confirm เลยว่า นี่คือธรรมชาติ Unseen เป็นทะเลหมอกสวยที่สุดในภาคใต้ และสู้ทะเลหมอกทางภาคเหนือได้สบาย!
ถ้าเอ่ยถึงชื่อ “เบตง” หลายคนคงยังนึกไม่ออกว่าหน้าตาเมืองนี้จะเป็นยังไง ก็ให้ลองจินตนาการถึงเมืองเล็กๆ อันสงบงาม โดยมีเทือกเขาน้อยใหญ่รายล้อมอยู่เหมือนปราการธรรมชาติ ในตัวเมืองมีตึกสูงอยู่ไม่กี่ตึก เวลามาเที่ยวเมืองนี้เราจึงยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเก่าๆ แบบย้อนอดีต หน้าตาของคนที่นี่ก็มีสองกลุ่มใหญ่ผสมกลมกลืนกัน คือชาวจีน และพี่น้องชาวอิสลาม ที่ผู้หญิงจะใช้ผ้าคลุมศีรษะหลากสีสวยงาม แลเรียบร้อยน่ารัก แถมคนเบตงยังยิ้มเก่งซะด้วยนะ และสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลไปเบตงกันมากมายก็เพราะ ภาพยนตร์ไทยเรื่อง OK เบตง ที่มาถ่ายทำกันที่นี่เป็นครั้งแรก ทำให้คนไทยในภาคอื่นๆ ได้พบเห็นความงามของเมืองสวยใต้สุดแดนสยาม ซึ่งมีด่านชายแดนต่อเนื่องเข้าสู่รัฐเปรักของมาเลเซียได้อย่างง่ายดาย
“สวนดอกไม้เมืองหนาว” ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ตั้งอยู่บนเขา อากาศเย็นสบาย พาคนพิเศษของเราไปทำโรแมนติก ชวนกันถ่ายรูปกับดอกกุหลาบ ดอกฮอลีฮ้อค ดอกแอสเตอร์ สีสันสวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ เสร็จแล้วจะนอนค้างในรีสอร์ทสวยของเขาได้สบาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าชายแดนใต้สุดของสยามจะมีดอกไม้เมืองหนาวให้ชมกันด้วย Amazing!
ถ้ามาเที่ยวเบตงในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อน ป่ายางพาราของชาวบ้านที่อยู่สองฟากฝั่งถนน ก็จะผลัดใบเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง อย่างสดใสน่ามอง ถ่ายรูปมา Amazing ไปอีกแบบเนอะ
“บ่อน้ำร้อนเบตง” บ้านจะเราะปะไร ตำบลเนาะแม (ห่างจากตัวเมืองเบตง 5 กิโลเมตร บนถนนสาย 410) บ่อน้ำร้อนธรรมชาติแห่งนี้ มีควันฉุยตลอดเวลา น้ำอุ่นกำลังดี ต้มไข่สุกได้ใน 7 นาที นักท่องเที่ยวนิยมลงมาอาบแช่แก้เมื่อย รักษาสุขภาพ บ้างก็แก้หนาว โดยปัจจุบันมีการสร้างรีสอร์ทเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นอนพักค้างคืนกันด้วย ชิลมากๆ
จากบนภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงมาจะเห็นตัวเมืองเบตงทั้งหมดได้อย่างเต็มตา พาโนรามา นี่ล่ะเมืองหนาวกลางหุบเขาที่มีเสน่ห์ที่สุดในภาคใต้ตอนล่าง
ตัวเมืองเบตงยามค่ำคืน ถ้าตรงกับช่วงเทศกาลต่างๆ ก็จะมีการประดับประดาโคมไฟสว่างไสว เปี่ยมชีวิตชีวา สมเป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะในเบตงมีพี่น้องชาวจีนอาศัยอยู่เยอะ บรรยากาศ ร้านอาหาร รวมถึงหน้าตาผู้คน จึงมีทั้งจีน ไทย มุสลิม และมาเลเซีย ผสมกลมกลืนกัน
“วงเวียนหอนาฬิกา” เป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน เปรียบเสมือนสัญลักษณ์จุดศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม ในยามเย็นจะเห็นฝูงนกนางแอ่นนับหมื่นตัวบินมาเกาะหลับอยู่บนสายไฟรอบๆ หอนาฬิกา จนกลายเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกาไปแล้วโดยปริยาย คนเบตงเขามีอารมณ์ขัน บอกว่าถ้าใครมาเที่ยวเบตงแล้วถูกนกนางแอ่นอุจจาระใส่หัว จะต้องกลับมาเที่ยวที่นี่อีกแน่นอน! จริงหรือเปล่า อันนี้คงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ ฮาฮาฮา
“ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลก” แห่งเบตง มีประวัติว่า นายสงวน จิรจินดา นายกเทศมนตรีเทศบาลเบตงคนแรก และเป็นอดีตนายไปรษณีย์โทรเลข เห็นว่าอำเภอเบตงอยู่ห่างไกล จะติดต่อสื่อสารโดยช่องทางอื่นกับโลกภายนอกไม่ได้เลย ยกเว้นทางจดหมาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตงท่านจึงได้สร้างตู้ไปรษณีย์ยักษ์นี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2467 โดยสร้างขึ้นที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง ปัจจุบันมีการสร้างตู้ใบใหม่ที่มีขนาดใหญ่เป็น 3.5 เท่าอยู่ริมถนนหน้าศาลาประชาคม ถือเป็นตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน ตู้ทั้งสองใบสามารถใช้ส่งจดหมายได้จริงซะด้วย เท่ห์ไหมล่ะ? นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่อยากทำเก๋ ก็นิยมเขียนโปสการ์ดหรือจดหมาย ส่งกลับไปหาตัวเองหรือญาติมิตรที่บ้าน เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกไงล่ะครับ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาเยือนเมืองใต้สุดแดนสยามแล้ว ว้าว
จากวงเวียนหอนาฬิกาและตู้ไปรษณีย์ยักษ์ ถ้าเราเดินเที่ยวต่อลงมาทางทิศใต้แค่อีกไม่กี่อึดใจ ตามถนนอมรฤทธิ์ ก็จะถึง “อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์” ซึ่งสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างแข็งแรง ยาว 273 เมตร เป็นอุโมงค์ถนนลอดภูเขาแห่งแรกในเมืองไทย เปิดใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาในการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบัน กับชุมชนเมืองใหม่ ภายในอุโมงค์มีการติดไฟและโคมจีนสีแดงสดใสสวยงาม น่าถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่มีการเปิดไฟประดับประดาสว่างไสวอย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวพอกินอาหารเย็นอร่อยๆ เสร็จแล้ว ก็นิยมเดินชมเมือง ชมหอนาฬิกา ตู้ไปรษณีย์ยักษ์ แล้วเดินตรงมายังอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์นี่ล่ะครับ
“มัสยิดกลางเบตง” เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจของพี่น้องชาวมุสลิมเบตง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมอิสลาม ทาสีฟ้าขาวเย็นตาเย็นใจ ส่วนบนสุดสร้างเป็นโดมทรงหัวหอม มีรูปจันทร์เสี้ยวและดาวห้าแฉกเป็นสัญลักษณ์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ แต่ต้องแต่งกายให้เรียบร้อย สุภาพ ไม่ส่งเสียงดัง ถ่ายภาพห้ามใช้แฟลช และผู้หญิงควรหาผ้ามาคลุมศีรษะด้วย นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาชมการประกอบพิธีวันละ 5 ครั้ง ภายในมัสยิด
“วัดพุทธาธิวาส” เป็นวัดสำคัญตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา มีพระประธานในอุโบสถเหมือนหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเท่าองค์จริง ผู้คนมาสักการะกันไม่ได้ขาด ส่วนภายนอกมีพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ สีทองอร่ามงามเด่น กับพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดยักษ์ตั้งอยู่กลางแจ้ง ชื่อ พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ให้กราบไหว้กันด้วย
“พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง” ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ มีสองชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณๆ หาชมได้ยาก และประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันน่าสนใจของเบตง ไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะชั้นล่างมีการจัดแสดงกบภูเขา สัตว์หายากมากของเขตเทือกเขาสันกาลาคีรีให้ชมด้วย จากชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ฯ เดินต่อขึ้นไปบนหอคอยชมวิวสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองเบตงได้อย่างทั่วถึง เต็มอิ่ม เต็มตา แบบพาโนรามาเลยล่ะ
จากพิพิธภัณฑ์เบตง มองลงไปเบื้องล่างเห็นเมืองเบตงและขุนเขาโดยรอบได้อย่างเต็มตา
ว่ากันว่า สนามกีฬากลางของอำเภอเบตง เป็นสนามกีฬาที่มี location สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพราะมีเนินเขาลูกย่อมๆ ล้อมอยู่ทั้งสี่ด้านนั่นเอง ประกอบกับบางช่วงของปี ป่ายางพาราบนเนินเขาก็จะผลัดใบเป็นสีแดงฉาน บรรยากาศแปลกตามากๆ
เบตง เป็นเพียงอำเภอเดียวในเมืองไทย ที่ทางราชการอนุญาตให้สามารถออกทะเบียนรถเป็นชื่ออำเภอตัวเองได้! เนื่องจากเบตงอยู่ไกลจากตัวจังหวัดยะลามาก การเดินทางไปมากินเวลามาก จึงอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะออกทะเบียนรถใหม่ ออกในนาม “เบตง” ได้เลย เท่ห์อ่ะ
เบตง Smile ยิ้มหวานของสาวเบตง กับชีวิตสุขสงบ น่าอิจฉานิ
ไก่เบตง คืออาหารรสเลิศเลื่องชื่อไปทั่วประเทศ ของแท้ต้องมาชิมที่อำเภอเบตงเท่านั้น เนื้อไก่ของเขาเหนียวนุ่ม มันน้อย หวานในปาก เคี้ยวง่าย ส่วนหนังไก่เป็นสีเหลืองทอง กรอบ ไม่มีชั้นไขมันหนาอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนไก่เลี้ยงสายพันธุ์อื่น เพราะไก่เบตงเวลาเลี้ยงต้องปล่อยให้วิ่งเล่นไปมาอย่างอิสระ ว่ากันว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีชาวจีนนำพันธุ์ไก่เบตงเข้ามาจากจีนตอนใต้ จนเลี้ยงกันแพร่หลาย ทว่ากว่าจะจับขายได้แต่ละตัว ต้องรอถึง 6 เดือน หรือ 1 ปี จำนวนผู้เลี้ยงจึงลดลง ปัจจุบันเหลือเลี้ยงอยู่จริงไม่กี่เจ้า ถึงบอกไงล่ะ ว่าไก่เบตงของแท้หาชิมยากสุดๆ
นี่คือ “เบตง” เมืองหนาวสุด Amazing สุดชายแดนปักษ์ใต้สยาม เมืองงามสามฤดู ถ้าหากยังไม่เคยไปเยือนล่ะก็ ขอบอกเลยว่าคุณได้พลาดเมืองท่องเที่ยวดีที่สุดแห่งหนึ่งไปแล้วจริงๆ
Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส และโครงการต้นกล้าตากล้อง ท่องเที่ยวไทย สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี
เบตง Guide
Best season : เที่ยวได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ มีทะเลหมอกสวยงามตื่นตาอลังการให้ชม ไม่แพ้ในภาคเหนือเลยซักนิดเดียว
How to go : เพื่อความสะดวกรวดเร็ว แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลงที่อำเภอหาดใหญ่ จากนั้นนั่งรถตู้ (โทร. 08-1944-5325, 0-7323-1966) หรือเช่ารถยนต์ขับไปอำเภอเบตง เส้นทางหาดใหญ่-อำเภอเมืองยะลา-อำเภอเบตง (หาดใหญ่-ยะลา 100 กิโลเมตร ยะลา-เบตง 140 กิโลเมตร) หรืออาจใช้เส้นทางหาดใหญ่-รัฐเคดาห์ มาเลเซีย-เข้าอำเภอเบตง ทางรัฐเปรัก มาเลเซีย วิวสวย แต่ต้องเตรียมเอกสารผ่านแดนไปให้พร้อม โดยปัจจุบันมาเลเซียไม่อนุญาตให้รถตู้ไทยเข้าประเทศ เข้าได้เฉพาะรถเก๋งสี่ล้อที่ไม่ติดฟิล์มหนาเกินไปเท่านั้น
Where to stay : Garden View Betong Hotel ถนนอัยเยอร์เบอร์จัง เมืองเบตง โทร. 0-7324-6222-3
What to eat : อาหารขึ้นชื่อที่ห้ามพลาดชิมคือ ไก่เบตง ของแท้มีที่นี่ที่เดียว อยากชิมติดต่อ คุณหัสดี แซ่เยี่ยง (กรรมการหอการค้าจังหวัดยะลา) โทร. 08-6967-9888, 0-7323-2053 ส่วนขนมหวานอร่อยๆ แนะนำ ร้าน Sugared โทร. 08-1424-2236 มีเค้กและเครื่องดื่มเย็นชื่นใจให้ชิม
Souvenirs : เส้นหมี่เบตง, ส้มโชกุน, ปลาส้มคอกช้าง, กาแฟโบราณ, หมวกกาปิเยาะห์, กริชรามันห์, กล้วยหินฉาบ, ไม้นวดภูมิไท, ซีอิ๊วขาว ฯลฯ
More info : ททท. สำนักงานปัตตานี ยะลา นราธิวาส โทร. 0-7352-2411, 0-7354-2346, 08-1598-6624, 08-5123-1109 / คุณอุดม ลักษณะ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวยะลา-เบตง โทร. 0-7323-0970, 08-6294-1061 / ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเบตง โทร. 0-7323-4614
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!