Taiwan 3 : อุทยานแห่งชาติอาลีซาน เมื่อสวรรค์จุมพิตพื้นโลก!
ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ TOP 5 ของประเทศไต้หวัน ดูเหมือนว่า “อุทยานแห่งชาติอาลีซาน” (Alishan National Park) จะเป็นอุทยทานแห่งชาติที่โด่งดังที่สุด สวยงามที่สุด และมีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด! แม้แต่คนจีนแผ่นดินใหญ่เองก็ยังกล่าวว่า ในชีวิตหนึ่งต้องมาเที่ยวอาลีซานให้ได้! โดยเฉพาะในช่วงดอกไม้บาน ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราวๆ เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
ในช่วงที่อากาศอบอุ่น ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดอกซากุระนับไม่ถ้วนจะพร้อมใจกันเบ่งบาน ประดับพงไพรบนภูเขาสูงเกือบ 3,000 เมตร ของอาลีซาน นั่งท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศหลั่งไหลไปชมความงาม ซึ่งจะปรากฏต่อสายตาเพียงปีละครั้งเท่านั้น!
อาลีซานจึงได้รับการเปรียบเปรยให้เหมือน “สวรรค์บนพื้นพิภพ” ที่คนทั่วไปอย่างเราๆ เข้าไปสัมผัสได้จริง
ผืนป่าอาลีซาน บนความสูงกว่า 2,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นที่รู้จักมาตั้งยุคปี ค.ศ.1900 เมื่อญี่ปุ่นซึ่งปกครองไต้หวันอยู่ในขณะนั้น ได้สร้างทางรถไฟสาย Alishan Forest Railway สำเร็จในปี ค.ศ.1912 เพื่อใช้เป็นเส้นทางขนส่งไม้ซุงจากอุตสาหกรรมทำไม้ เพราะในป่าเขาสลับซับซ้อนแถบนี้ เป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของไม้สนซีด้า และไม้สนไซเปรส ต้นใหญ่มหึมา อายุหลายพันปี! อันเป็นไม้ล้ำค่าที่ญี่ปุ่นต้องการอย่างยิ่ง
กระทั่งถึงยุคปี ค.ศ.1970 อุตสาหกรรมทำไม้ซุงในไต้หวันถูกรัฐบาลสั่งยกเลิก ผืนป่าอาลีซานจึงได้รับการอนุรักษ์ และพัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ
ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาตัดไม้สนซีดา และสนไซเปรส ในป่าอาลีซาน ต้นไม้ยักษ์นับไม่ถ้วนถูกโค่นลง แต่ก็ดูเหมือนว่าธรรมชาติพยายามเยียวยาตัวเอง มีต้นใหม่งอกขึ้นมาจากตอของต้นแม่เดิมอย่างน่าอัศจรรย์!
การท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติอาลีซานของเรา เร่ิมขึ้นในเช้ามืดอันหนาวเย็นกว่า 12 องศาเซลเซียส ของวันหนึ่งในเดือนมีนาคม ทริปวันนี้ต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อรีบมาซื้อตั๋วขึ้นรถไฟโบราณ ไปยังจุดชมวิว Jhushan ซึ่งจะมองเห็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน และยอดเขาสูงที่สุดของไต้หวันได้ด้วย
เข้าคิวซื้อตั๋วรถไฟโบราณอย่างเป็นระเบียบตามนิสัยคนไต้หวัน เช้านี้นักท่องเที่ยวเยอะ เขาเลยจัดรถไฟไว้ 2 ขบวน แต่ถ้าวันไหนคนน้อย ก็อาจเหลือ 1 ขบวนเท่านั้น (สำหรับไปชมพระอาทิตย์ขึ้น) ส่วนใครที่ไม่ชอบตื่นเช้า ก็ยังมีขบวนรถไฟวิ่งขึ้นเขาตลอดวัน ทำนองว่าไปชมวิวแบบชิลๆ ไม่ต้องการแสงแรกก็ได้น่ะ
รถไฟขบวนแรกออกไปแล้ว เราจึงได้ขึ้นรถไฟขบวนที่ 2 แต่ก็ยังถือว่าเช้ามาก เพราะนี่ยังไม่ 6 โมงเลยนะพวกเรา
เมื่อถึงชานชาลา ก็ต้องเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบอีกครั้งเพื่อตรวจตั๋ว
สถานีรถไฟนี้ยังอนุรักษ์บรรยากาศแบบโบราณเอาไว้ คือสร้างด้วยไม้สน แลคลาสสิกไม่เบา ส่วนการยืนเข้าคิวรอรถไฟก็ไม่ให้ยืนมั่วซั่วสะเปะสะปะ แต่มีเป็นช่องเป็นแถว เพื่อให้ผู้โดยสารขึ้นไปยังตู้โบกี้รถไฟที่กำหนดเอาไว้เลย จะได้ไม่ต้องแย่งกันให้วุ่นวาย
ตีห้าครึ่ง รถไฟขบวนที่สองก็เข้าเทียบชานชาลา วันนี้ไม่ใช่หัวรถจักรไอน้ำอย่างที่เราตั้งใจ แต่ก็ไม่เป็นไร
หัวจักรรถไฟโบราณของอาลีซาน ในอดีตเคยใช้ขนไม้ซุง ทว่าปัจจุบันเปลี่ยนหน้าที่มาขนส่งนักท่องเที่ยวแล้วจ้า
รถไฟใช้เวลาประมาณ 30 นาที วิ่งฝ่าความหนาวเย็นผ่านป่าสนมืดสลัวขึ้นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนขอใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ในการเล่นเกมส์ซ่อนตาดำ พักเอาแรงก่อนถึงยอดเขา ฮาฮาฮา
ในที่สุด เราก็ได้มาชมแสงแรกของอรุณเบิกฟ้า ณ จุดชมวิว Jhushan มองออกไปเห็น ยอดเขา Datashan สูง 2,663 เมตร และ ยอดเขา Yushan สูง 3,952 เมตร ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดของไต้หวัน อาบแสงยามเช้าอย่างชัดเจน จุดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักถ่ายภาพ ทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น ที่จะได้ภาพอัศจรรย์ของแสงสี ที่ต่างกันทุกวันเลยล่ะ
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แสงสีบนท้องฟ้าจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนที่ขึ้นรถไฟมายังยอดเขาในเช้านี้ ก็สลายตัวไปในเกือบจะทันทีเช่นกัน คงเพราะอีกไม่เกิน 10 นาที รถไฟลงเขาขบวนแรกจะออกแล้วนั่นเอง แต่ถ้าไม่รีบ ก็อยู่กินชาร้อน หรือบะหมี่ร้อนๆ สักถ้วนก่อนก็ยังได้
ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ในช่วงลงเขา หากมีโอกาสลงที่สถานีระหว่างทาง แล้วรอรถไฟขบวนต่อไปวิ่งลงมา เราก็จะได้เห็นหัวรถไฟโบราณแล่นผ่านดงต้นซากุระสีขาวแบบญี่ปุ่น ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน มุมนี้ขอมอบใจให้ไปเลย หลงรักอาลีซานเข้าเต็มเปา!พอดูระไฟโบราณวิ่งผ่านดงซากุระเสร็จแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาออกแรง ชวนกันเดินป่าตามเส้นทาง Giant Trees Trail เพื่อไปชมป่าสนซีด้า และสนไซเปรส อายุหลายพันปี! ระหว่างทางผ่านสะพานและมุมสวยๆ ให้เก็บภาพกันอย่างไม่รู้เบื่อ
มุมสวยๆ แจ่มๆ แบบนี้ ใช่ว่าจะมาสัมผัสกันง่ายๆ ของใช้เวลาไม่เร่งรีบ เก็บเกี่ยวความสุข ณ เวลานี้ให้เต็มที่ใน Alishan Forest Park สวนป่าที่มีซากุระเบ่งบานนับพันต้น!
ซากุระสายพันธุ์ไต้หวันแท้ มีดอกขนาดเล็ก ออกเป็นช่อละหลายดอก แต่ละดอกสีชมพูเข้มจี๊ดจ๊าด!
ใน Giant Trees Trail มีการจัดทำเส้นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะเข้าไปในป่าสนแน่นทึบ โดยสนที่เห็น ส่วนหนึ่งเกิดใหม่ตามธรรมชาติ ผสมกับที่ปลูกเพิ่ม ขนาดลำต้นจึงไม่ใหญ่โตมากนัก เพราะต้นสนดั้งเดิมที่มีอายุนับพันๆ ปี ได้ถูกตัดส่งไปขายให้ญี่ปุ่นหมดแล้วในอดีต ป่าสนแห่งอาลีซานจึงค่อยๆ ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง
ต้นสนยักษ์ของป่าอาลีซาน คือ ต้นสนไซเปรส (Cypress) ชนิด Chamaecyparis formosensis (ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ Formosan Cypress หรือ Taiwan Cypress) เป็นชนิดที่พบได้บนเกาะไต้หวันเท่านั้น มันชอบเติบโตอยู่บนภูเขาสูง 1,000-2,900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศชุ่มชื้นเย็นฉ่ำตลอดปี ต้นที่โตเต็มที่สูงได้ถึง 55-60 เมตร! เส้นรอบวงยาวกว่า 7 เมตร! จึงถือเป็นต้นสนยักษ์ผู้ครองความเป็นใหญ่แห่งป่าอาลีซานมาช้านาน
ร่องรอยจากการตัดไม้สนไซเปรสเพื่อส่งออกในอดีตยังปรากฏอยู่ทั่วไปตลอดทางเดินป่านี้ พบรากและโคนสนไซเปรสขนาดยักษ์ ชวนให้จินตนาการได้เลยว่า ต้นของมันต้องมหึมาเพียงใด!?
โคนสนไซเปรสบางต้น มีขนาดใหญ่จนเป็นโพรงคล้ายถ้ำที่คนมุดเข้าไปข้างในได้เลย! แต่ใช่ว่าพอถูกตัดแล้วต้นแม่จะตาย ด้านบนตอไม้ยังมีต้นสนใหม่ถือกำเนิดขึ้นทดแทนต้นเก่าตามธรรมชาติด้วย สู้ๆ นะต้นสนไซเปรส!
พ้นออกจากป่าสนช่วงแรก เราก็ถึงบ่อน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง ชื่อ “บ่อน้องสาว” (Sister Pond) ซึ่งมีตำนานเล่าว่า พี่น้องคู่หนึ่งดันไปรักชายหนุ่มคนเดียวกัน ทั้งสองเลยมากระโดดน้ำตาย น้องสาวโดดบ่อนี้ ส่วนพี่สาวไปโดดบ่อใหญ่ ซึ่งเราจะเดินต่อไปเจอในทางข้างหน้า
นอกจากป่าสนสวยๆ แล้ว บางจุดยังมีทางเดินแยกไปวัดด้วย โดยวัดเหล่านี้บางแห่ง ญี่ปุ่นเป็นคนมาสร้างไว้ตั้งแต่ยุคสัมปทานทำไม้ซุงโน่นเลย
ถึงแล้ว “บ่อพี่สาว” คล้ายทะเลสาบสีมรกตในโอบล้อมของป่าสนและหุบเขาโดยรอบ จากฝั่งมีสะพานทอดยาวเข้าสู่ศาลากลางน้ำให้นั่งเล่นด้วย
เมื่อพ้นสระน้ำทั้งสองมาแล้ว ทางเดินในป่าสนจะค่อยๆ ลาดลงไปตามไหล่เขา กลับลงสู่ที่ราบเบื้องล่าง
ระหว่างทาง มี ดอกแม็กโนเลีย (Manolia) สีชมพูอมม่วง และสีขาว เบ่งบานอยู่สองข้างทาง ดอกไม้ตระกูลนี้หายากในเมืองไทย เพราะเป็นดอกไม้ของเมืองหนาว คนไต้หวันและคนจีนเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า “มู่หลาน”
ผ่านป่าสนและดงดอกแมกโนเลียออกมา เราก็พบกับวัดขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ชื่อ “วัด Shoujhen” เป็นวัดขนาดใหญ่ที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติอาลีซาน แถมยังเป็นวัดบนพื้นที่สูงที่สุดของไต้หวันอีกด้วย คืออยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,150 เมตรเลยทีเดียว!
ตั้งแต่ได้รับการบูรณะเมื่อปี ค.ศ.1969 วัดนี้ก็เนืองแน่นไปด้วยเหล่าผู้ศรัทธา ต่างเดินทางมากราบไหว้ขอพร จากเทพต่างๆ โดยเฉพาะเทพเจ้าแห่งความยุติธรรม (Syuantian Emperor), เทพเจ้าแห่งการค้าขาย (Fude God), เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ (Jhusheng Goddess) และอื่นๆ
สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขี้น ณ วัด Shoujhen ก็คือ ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี ซึ่งตรงกับงานฉลองวันเกิดของเทพแห่งความยุติธรรม (Syuantian Emperor) จะมีผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่จำนวนนับพันๆ หมื่นๆ ตัว แต่ละตัวมีปีกกว้างกว่า 15 เซนติเมตร (เรียกว่า Alishan kuciouluowun Moths) บินมาเกาะอยู่ที่รูปปั้นของเหล่าเทพเจ้า เป็นเวลานานถึง 15 วัน! โดยพวกมันไม่กินอะไรเลย
สันนิษฐานกันว่า ช่วงดังกล่าวตรงกับเวลาผสมพันธุ์ของผีเสื้อกลางคืนพวกนี้ อีกทั้งมันยังถูกดึงดูดด้วยกลิ่นธูป และแสงไฟจากวัดด้วย แต่ก็ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด ยังเป็นความลับของธรรมชาติต่อไป!
ด้านข้าง วัด Shoujhen มีร้านค้าเรียงราย ใครหิวก็แวะเติมพลังก่อนได้นะ เพราะจากจุดนี้ยังต้องเดินเที่ยวป่าต่ออีก แนะนำชาร้อนๆ กับขนมต่างๆ เพิ่มน้ำตาลให้กระแสเลือดนิดนึง ฮาฮาฮา
เนื่องจากพื้นที่ป่าอาลีซานมีน้ำและอากาศบริสุทธิ์มาก จึงสามารถปลูกวาซาบิได้ดีไม่แพ้ญี่ปุ่น มีขายทั้งแบบหัวสด และบดเป็นผงไปผสมน้ำกิน คนที่ชอบหม่ำปลาดิบ ลองซื้อไปไม่ผิดหวังครับ
จาก วัด Shoujhen ใครที่ไม่อยากเดินต่อ เขาก็มีบริการรถบัสรับส่งไปยังปากทางเข้าอุทยานด้วย
ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ขอเที่ยวให้ครบให้ทั่วกันเลย จะได้ไม่คาใจ จาก วัด Shoujhen พวกเราเดินป่าต่อไปยังจุดที่เป็นไฮไลท์ของ Trail เส้นนี้ เพื่อชมต้นสนไซเปรสยักษ์อายุนับพันปี บางต้นส่วนตอไม้ที่ตายแล้วมีลักษณะคล้ายใบหน้าของช้าง มีครบทั้งตาสองข้าง และงวง แปลกพิลึกดี!
โคนสนไซเปรสบางต้น มีรูปร่างคล้ายหัวหมู เอ้อ… เหมือนจริงๆ ด้วย โอว! แม่เจ้าโว้ย!
โคนสนบางต้น ก็เปิดออกเป็นโพรงขนาดใหญ่คล้ายถ้ำลอด
ส่วนสนไซเปรสบางต้นที่เคยถูกตัดต้นดั้งเดิมไปแล้ว แต่มันกลับไม่ตาย พยายามต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอด โดยเกิดสนรุ่นใหม่งอกขึ้นมาบนตอเดิม อย่างต้นนี้ มีสนงอกขึ้นมาใหม่ถึง 2 ชั่วรุ่น รวมต้นแม่เดิมก็เป็น 3 รุ่น Amazing มากๆ!
ในที่สุดเราก็มาถึงต้นสนไซเปรสยักษ์อายุมากที่สุดต้นหนึ่งของอาลีซาน! ด้วยอายุกว่า 2,000-2,500 ปี ยืนตระหง่านท้าแดดลมมาเนิ่นนาน แต่ว่ากันว่าในป่าบริเวณนี้ยังมีสนอีกต้นอายุถึง 3,000 ปี ชื่อ Alishan Sacred Tree ถือเป็น 1 ใน 10 ต้นไม้อายุมากที่สุดของโลกด้วยล่ะ!
สนยักษ์แห่งอาลีซาน ต้องแหงนมองคอตั้งบ่าเลยล่ะกว่าจะเห็นส่วนยอด การถ่ายภาพก็ต้องใช้เลนส์มุมกว้างพิเศษ จึงจะเก็บภาพได้หมดทั้งต้น!
พ้นจากจุดชมต้นสนยักษ์ ไม่ไกลก็ถึงจุดสุดท้ายของเส้นทางเดินป่า เป็นสวนซากุระส่งท้ายให้ชื่นใจหายเหนื่อย วันนี้ตั้งแต่ตีสี่จนถึงเที่ยง เราใช้เวลาชื่นชมธรรมชาติในป่าอาลีซานกันจนเต็มอิ่ม ถึงเวลาเติมพลังให้อิ่มกายกันบ้าง กับอาหารเที่ยงมื้อใหญ่เป็นการฉลอง จากนั้นต่อด้วยการไปชิมชาเลื่องชื่อของไต้หวัน จะมีอะไรสุขกว่านี้อีกนะ ฮาฮาฮา
Special Thanks : บริษัท Magic on Tour ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวไต้หวัน สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี สนใจ โทร. 02-444-3173, 08-9219-0822
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!