Explore Mie, Miracle of Kansai (Episode 4)
วันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยวใน จังหวัดมิเอะ (Mie) ความสนุกสนานเข้มข้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย แต่ยิ่งทวีความน่าสนใจขึ้น จนเราต้องรีบตื่นเช้านั่งรถขึ้นไปทางตอนเหนือของจังหวัดมิเอะ เข้าสู่เขตภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยผืนป่าร่มรื่นที่ เมืองอิงะ (Iga) เพราะที่นี่คือ ‘ต้นกำเนิดนินจาญี่ปุ่น’ ซึ่งราเห็นกันในหนังนั่นแหละ!
นินจาคือใคร และใครคือนินจา? พวกเขาคือนักรบนิรนามที่ทำงานในทางลับ เป็นภารกิจซ่อนเร้นอำพราง สอดแนม ล้วงความลับ โขมย ลอบฆ่า ที่โชกุนหรือไดเมียวในยุคอดีตสั่งให้ทำ ถือเป็นงานสกปรกที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น ผิดกับงานของเหล่าซามูไรที่ดูมีเกียรติในสังคม และสามารถเปิดเผยตัวออกสู่โลกได้ ทว่างานของนินจาก็สำคัญยิ่งยวด เพราะเป็นงานที่ช่วยให้เจ้านายของตนรบชนะ หรือคงอยู่ในอำนาจต่อไปได้ พวกนินจาจึงต้องฝึกฝนวิชากันอย่างหนักหน่วง ทั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การใช้อาวุธนานาชนิด การใช้ยาพิษ การรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ฝึกเทคนิคการอำพรางกาย การไต่ปีนที่สูง หรือแม้แต่การเดินบนผิวน้ำก็มีจริง ไม่ใช่เรื่องโกหก (เขามีรองเท้าชนิดพิเศษ ทำให้เดินบนผิวน้ำได้ ปัจจุบันจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์นินจาหมู่บ้านอิงะ)วันนี้เรามาเที่ยวชม ‘หมู่บ้านนินจาอิงะ’ (Iga Ninja Village) ซึ่งถือเป็นพื้นที่ดั้งเดิมแท้จริง ของนินจา 1 ใน 2 สำนัก ที่โด่งดังที่สุดในแดนอาทิตย์อุทัย สายแรกคือ อิงะนินจา (Iga Ninja) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในจังหวัดมิเอะ และสายที่สองคือ โคงะนินจา (Koga Ninja) โดยนินจาเหล่านี้ได้เริ่มปรากฏชื่อขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยนาราและสมัยคามาคุระ เมื่อผู้นำทางศาสนาในศาลเจ้าชินโตต่างๆ เร่ิมเสื่อมอำนาจ เพราะถูกทางการปฏิรูประบบศาสนา เหล่าพระและนักบวชจึงพัฒนาการบำเพ็ญตบะตามป่าเขาห่างไกล ให้กลายเป็นวิชานินจาขึ้นมา นำนินจาในสังกัดไปออกรบรับใช้โชกุนและไดเมียว เพื่อรักษาฐานอำนาจตนกระทั่งถึงยุคโชกุนโตกุกาวา อิเอยาสุ ถือเป็นยุคทองของเหล่านินจา เพราะโชกุนองค์นี้ได้นำนินจากว่า 200 คนจากก๊กของฮัตโตริ ฮันโซ เข้ามาใช้งาน ภาระกิจลับของนินจาจึงแพร่หลาย และถูกใช้งานรับใช้นายเพื่อความมั่นคงทางการเมือง กระทั่งล่วงเข้าปี ค.ศ. 1606 เมื่อโชกุนองค์อื่นๆ มีอำนาจขึ้นแทน ก็เลิกใช้งานนินจา เพราะถือว่าเป็นนักรบไร้เกียรติ เรื่องราวของนินจาอิงะและโคงะจึงค่อยๆ เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ และลดความสำคัญลงจนกระทั่งปัจจุบัน จนบางคนถึงกับกล่าวเย้ยหยันว่า เรื่องของนินจาเป็นเพียงตำนาน!!!แม้วิถีทางของนินจาจะดูไร้เกียรติและทำงานสกปรกในสายตาใครบางคน แต่ชื่อ ‘นินจา’ ก็ดูมีเสน่ห์ลึกลับเสมอ สามารถดึงดูดความสนใจผู้คนได้ทุกยุคสมัย วันนี้เราได้มาถึงหมู่บ้านนินจาอิงะแล้ว และได้ชมการแสดงของนินจารุ่นใหม่ เหมือนการปลุกชีวิตนินจาอิงะขึ้นมาให้ได้ชมอย่างสนุกตื่นเต้น!
นินจาเป็นนักรบในเงามืดที่ต้องเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นดาบ มีด เคียว กระบองคู่ หอก ง้าว สามง่าม หน้าไม้ ธนู มีดสั้น เข็มพิษ ลูกดอกอาบยาพิษ ดาวกระจาย และอีกมากมาย โดยนินจาอิงะจะแบ่งเป็น 3 ระดับความเก่ง ไล่ตั้งแต่เก่งมากสุดไปจนถึงเก่งน้อย คือ โจนิน (Jonin) เป็นพวกเก่งสุด ชูนิน (Chunin) เป็นพวกเก่งกลางๆ และ เงนิน (Genin) เป็นพวกเก่งน้อยสุด ต้องฝึกอีกเยอะว่างั้น
การปีนป่ายขึ้นที่สูงด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ อย่างเชือกและตะขอ รวมถึงการปีนด้วยตัวเปล่า (คล้ายวิชาตัวเบาในหนังจีน) คือสิ่งที่นินจาทุกคนต้องฝึกจนชำนาญดาวกระจายคมกริบ คืออาวุธสังหารที่ถือเป็น Signature ของนินจาเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถซัดได้จากระยะไกล ทั้งเพื่อป้องกันตัว ใช้ถ่วงเวลาเพื่อหนี ทำให้ศัตรูหวาดกลัว และเพื่อสังหาร! การแสดงของอิงะนินจาวันนี้ เขาใช้ดาวกระจายจริงๆ ที่คมกริบ ทดลองซัดให้ดูเห็นๆ ขอบอกเลยว่าถ้าคนโดนเข้าไปคงไม่รอด!
ในการรบของนินจา อาวุธทำลายล้างแรงสูงชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กัน คือ ธนูติดระเบิด! ใครโดนเข้าไป แหลกชัวร์!!!
โชว์การต่อสู้ของนินจา ต้องอาศัยความทักษะ ความว่องไว และความกล้าอย่างมาก เพราะใช้อาวุธจริงกันเลยนิ
แค่มีเชือกเส้นเดียวก็สามารถแย่งดาบจากศัตรูมาได้ และท้ายที่สุดสามารถสังหารศัตรูได้ด้วยดาบของศัตรูเอง นี่คือสุดยอดนินจาอิงะโชว์น่าตื่นเต้นอีกอย่างคือ การสาธิตใช้ดาบคาตานะ (ดาบซามูไรญี่ปุ่น) ฟันท่อนฟางให้ขาด 3 ท่อน แบบเนียนๆ ภายในพริบตาแค่ไม่เกิน 3 วินาที!!!ตลอด 30 นาที ของการดูโชว์ เต็มไปด้วยความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ปนอารมณ์ขัน ไม่มีคำว่าน่าเบื่อเลย แต่เขาห้ามถ่ายภาพนะครับ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนสมาธินักแสดง เพราะเขาใช้อาวุธจริงแสดงทั้งหมด ใครที่พาเด็กไปดูด้วย ก็ต้องจับลูกหลานคุณไว้ให้ดี ส่วนใครที่อยากถ่ายภาพจริงๆ ก็ต้องขออนุญาตให้ถูกต้องก่อน
เมื่อชมโชว์นินจาจบแล้ว ก็ได้เวลาเข้าชมบ้านของนินจา ซึ่งต่างจากบ้านคนธรรมดานะจะบอกให้ เพราะในบ้านมีค่ายกล ห้องลับ และที่หลบซ่อน ทางหนีมากมาย จนศัตรูที่บุกเข้ามางงงวย นินจาจึงหนีออกไปได้ หรือสามารถย้อนกลับมาจัดการกับผู้บุกรุกได้สบายๆแม้แต่พื้นบ้านของนินจาก็ใช้แอบซ่อนดาบสั้น ดาวกระจาย เงิน และตะปูเรือใบ เพื่อใช้ในการต่อสู้หรือหลบหนีแบบฉุกเฉิน ถ้าคุณคิดจะบุกเข้าไปฆ่านินจาในบ้านของพวกเขาด้วยดาบคาตานะอย่างยาวล่ะก็ อย่าหวัง เพราะบ้านนี้มีเพดานเตี้ยมาก และมีคานเพดานถี่ การใช้ดาบยาวในบ้านจึงไม่คล่องตัว ต้องใช้ดาบสั้นแทนนะจ๊ะก่อนอำลา ถ่ายภาพกับเหล่านินอิงะนินจา โดยเฉพาะพี่นินจาชุดดำ แหม ทาคิ้วเข้มเหมือนกับจะไปเล่นงิ้วแน๊ะ ฮาฮาฮาออกจากหมู่บ้านนินจาอิงะ เรานั่งรถยิงยาวขึ้นไปทางเหนือของมิเอะ จนถึง เมืองคุวานะ (Kuwana) เพื่อกินข้าวเที่ยง และช้อปปิ้งรอ เตรียมขึ้นเครื่องบินกลับบ้านที่สนามบินนาโงย่าในตอนค่ำ และคงจะไม่มีสถานที่ไหนดีไปกว่าการไปช้อปปิ้งทิ้งท้ายที่ Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima เอาท์เล็ทที่มีสินค้าแบรนด์เนมละลานตาในราคาพิเศษ ให้เลือกกันอย่างจุใจ
เอาท์เล็ทแห่งนี้เปรียบเสมือนเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ที่เราสามารถเดินช้อปปิ้งกันได้ทั้งวัน เพราะมีสินค้าทั้งของเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย ให้เลือกกันนับร้อยๆ แบรนด์ใช้เวลาอยู่ที่นี่อย่างต่ำต้อง 3-4 ชั่วโมง หรือต้องจัดให้ครึ่งวันไปเลย จะได้สะใจ ไม่ต้องรีบร้อนเย็นมากแล้ว เรามุ่งหน้าไปอำลามิเอะกันที่แหล่งท่องเที่ยวสุดอลังการงานสร้าง ซึ่งมีการประดับประดาไฟในฤดูหนาวอย่างยิ่งใหญ่ ถือว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลย คือ Nabana No Sato สวนพฤกษศาสตร์สวย 4 ฤดู ที่เที่ยวชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะจุดเด่นคือ ‘อุโมงค์ไฟฤดูหนาว’ ที่เหมือนช่องทางเดินขึ้นสู่สวรรค์แต่ก่อนฟ้าจะมืดและไฟจะเปิดโชว์เต็มที่ ก็ได้เวลา Dinner ปิ้งย่างส่งท้ายทริปกันซะก่อนร้านอาหารของ Nabana No Sato บรรยากาศดีเยี่ยมยกมาเสิร์ฟแล้ว กับสารพัดเมนูปิ้งย่าง ที่เติมได้ตลอด Nabana No Sato เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ งดงามทั้ง 4 ฤดู มีดอกไม้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเบ่งบานให้ชมไม่รู้เบื่อ อย่างดอกไฮเดรนเยียในต้นฤดูร้อน ทุ่งคอสมอสในต้นฤดูใบไม้ร่วง และช่วงฤดูใบไม้ผลิเด่นด้วยดอกซากุระ ทิวลิป กุหลาบ แด๊ฟโฟดิล ฯลฯ บานสะพรั่ง ทว่าไฮไลท์จริงๆ อยู่ที่ การประดับไฟในฤดูหนาว (Winter Illumination) ที่มีหลอดไฟกว่า 200 ล้านหลอด และอุโมงค์ไฟอันน่าตื่นตา! โรแมนติกสุดๆ ถ้ามาเป็นคู่ เดินเที่ยวชมภายในสวนอันกว้างใหญ่ ทุกแห่งหนล้วนประดับไฟสว่างไสวเรืองรอง แม้แต่สวนดอกไม้ก็ยังเที่ยวชมได้ในยามราตรี เมื่อมีแสงไฟมาช่วยเติมแต่งให้สว่างไสวขึ้น ภาพนี้บอกไม่ถูกเลย ว่าคนหรือดอกไม้ ใครสวยกว่ากันเดินเที่ยวสวน Nabana No Sato ในคืนพระจันทร์เต็มดวง อากาศเย็นสบายกำลังดี และมีดอกไม้เบ่งบานอยู่รอบๆ ตัว นี่สวรรค์หรือโลกมนุษย์กันแน่นะ?อีกจุดที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ สวน Nabana No Sato คือโรงเรือนปลูกต้นบีโกเนีย (Begonia) เขาไม่ได้ปลูกกันแค่ต้นสองต้น แต่ะปลูกกันเป็นหมื่นๆ ต้น! ทั้งแบบใส่กระถางลงดิน และแบบห้อยระย้าลงมาจากเพดาน ละลานตาด้วยสีสัน Colorful ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่งเลยก็ว่าได้จะเดินถ่ายภาพให้จุใจ หรือนั่งเฉยๆ ปล่อยอารมณ์ไปกับดอกบีโกเนียรอบตัว ก็เอาที่สบายใจเลยสวยจริง สวยจัง ทั้งดอกไม้ทั้งคน นอกจากดอกบีโกเนียแล้ว ในโรงเรือนอื่นๆ ก็ยังมีดอกไม้นานาชนิดให้ชื่นชม โดยเฉพาะดอกทิวลิปหลากสี มุมน่ารักๆ เก๋ๆ มีให้เดินเก็บภาพนับไม่ถ้วนสุดท้ายคือโรงเรือนพรรณไม้เขตร้อน จำพวกเฟิน (Fern) อย่างในภาพนี้คือ เฟินต้น (Tree Fern) เป็นเฟินขนาดใหญ่มีลำต้นสูงเหมือนมะพร้าว และจัดเป็นเฟินโบราณที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคจูราสสิก ครั้งที่ยังมีไดโนเสาร์เดินดุ่มๆ อยู่บนโลกโน่นเลย! มาถึงแล้ว ไฮไลท์ของสวนพฤกษศาสตร์ Nabana No Sato คือ อุโมงค์ไฟ Winter Illumination ที่จะประดับประดาให้ชมกันเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น โดยอุโมงค์ไฟนี้ยาว 200-300 เมตร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกันมากที่สุด จึงต้องแบ่งๆ กันนะจ๊ะ ใจเย็นๆ จะได้ภาพสวยกันครบทุกคน
ภาพแห่งความประทับใจของเราสองคนเนอะไฮไลท์อีกอย่างของ Nabana No Sato คือสวนไฟนับแสนๆ ดวง ที่จัดแสดงเป็นภาพเคลื่อนไหวควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ โดยปีนี้มีคอนเซ็ปต์นำตัวการ์ตูนชื่อดัง Kumamon เจ้าหมีสีดำแก้มแดงอันแสนน่ารัก มาเป็นตัวพระเอกดำเนินเรื่อง นำเราท่องเที่ยวมิเอะใน 4 ฤดู งดงามอลังการ หาชมได้ยากจริงๆ
นอกจากอุโมงค์ไฟ สวนไฟ และโรงเรือนดอกไม้นับร้อยๆ ชนิดแล้ว การเดินชมแสงไฟที่ประดับอยู่ทั่วสวนและสระน้ำในยามราตรี ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่หาชมไม่ได้ในบ้านเรา
หอคอยจานบิน (อันนี้เราตั้งชื่อเอง) ให้คนขึ้นไปอยู่ข้างบน จากนั้นเสาจะยกตัวขึ้น พร้อมกับจานบินหมุนไปรอบๆ อย่างช้าๆ กลางอากาศ ให้เราได้ชมวิว 360 องศา ของดวงไฟนับล้านที่ประดับสวนในยามราตรี Amazing! ปิดท้ายลงอย่างน่าประทับใจ กับทริปเที่ยวจังหวัดมิเอะ 4 วัน 3 คืน ทำให้เราได้เห็นญี่ปุ่นในมุมมองที่ต่างไป ภาพของธรรมชาติงดงาม มิตรไมตรีของผู้คน อาหารแสนอร่อย ที่พักอุ่นสบาย และการช้อปปิ้งสุดมันส์ ทำให้เราบอกตัวเองว่า ต้องกลับมามิเอะอีกรอบแล้วรอบเล่า เพราะที่ได้สัมผัสมาใน 4 วันนี้ มันแค่เสี้ยวเดียวของมิเอะ ยังมีสถานที่แปลกใหม่น่าสนใจรอเราอยู่อีกนับไม่ถ้วน
แล้วเราจะกลับมาอีกนะ ดินแดนอันแสนน่ารักนามว่า ‘มิเอะ’
Special Thanks : บริษัท เวิล์ดโปร แทรเวิล จำกัด (World Pro Travel Co., Ltd.) สนับสนุนการเดินทางจัดทำสารคดีเรื่องนี้เป็นอย่างดีเยี่ยม
สนใจไปเที่ยวมิเอะ ติดต่อ โทร. 0-2026-3372, line id : wpoutbound หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.worldprotravel.com/tour-program
และ www.facebook.com/WorldProTravel หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ outbound@worldprotravel.com
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!