นางลอยข้ามสมุทร ที่สุดแห่ง Thai-Fusion!

นานๆ ทีจะได้มีโอกาสออกมาสังสรรค์กับเพื่อนสนิท และได้ชิมอาหารสไตล์ Private Chef Table ที่มีเชฟมืออาชีพชื่อดัง มาปรุงให้ทานในห้องส่วนตัว เพราะตอนนี้เป็นยุคโควิด เราเลยไม่ต้องการไปนั่งกินอาหารกับคนเยอะๆ ในที่แออัด พอได้ข่าวว่าเว็บไซต์ Potioneer เขาเปิดตัว เป็นสื่อกลาง platform ในการจอง Private Dining ที่ซอยสุขุมวิท 24 เราเลยไม่รอช้า ลองกดจองเข้าไปชิมอาหารไทยที่ชอบ โดยเลือกเป็นมื้อเย็นกินกับเพื่อนๆ รวม 12 คน สถานที่คือชั้นสองของอาคาร Curator ที่มีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
จริงๆ แล้ว Potioneer ก็เป็นเหมือน Hub หรือสื่อกลางที่นำเชฟชื่อดังตามโรงแรมต่างๆ รวมถึงเชฟหน้าใหม่ที่มีความสามารถ มาพบกับลูกค้า โดยเลือกเชฟที่ชอบ อาหารที่ชอบ เวลาที่ใช่ ในราคาจับต้องได้ และที่สำคัญคือสามารถกดจองทุกอย่างผ่าน online ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นทาง App บนมือถือ หรือจะเข้าเว็บไซต์ Potioneer ก็ได้ นี่คือประสบการณ์พิเศษที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่อยากมี Once in a life time กับ Chef Table Dining อันน่าจดจำวันนี้ เราเลือกชิมอาหารไทยฟิวชั่นที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และอัดแน่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ ของ เชฟฮูโต๋ (Chef Huto) หรือคุณเชฏฐ์ภูชิชย์ เถกิงศักดิ์ เชฟรุ่นใหม่ผู้โด่งดังจากรายการ Top Chef Thailand มีความสามารถพิเศษในการนำวัตถุดิบของอาหารไทยหลากหลายท้องถิ่น มารังสรรค์เป็นเมนูแปลกใหม่ได้อย่างลงตัวสุดๆ เชฟ Huto เป็นคนเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี โดยกำเนิด จึงคุ้นเคยกับอาหารไทยมาตั้งแต่เล็ก และความภาคภูมิใจมากๆ อย่างหนึ่งของเขาก็คือ ได้เคยดูแลพระกระยาหารของราชวงศ์จิ๊กมี่ แห่ง Bhutan คราวเสด็จเยือนประเทศไทยมาแล้ว
หลายๆ คนคงจะเข้าใจว่าการรับประทานอาหารแบบ Chef  Table เป็นอะไรที่ต้องจ่ายเงินแพงหูฉี่ แต่วันนี้ Potioneer ได้ทำให้ความฝันของใครหลายคนเป็นจริง ในงบประมาณที่เอื้อมถึง แต่ยังคงกลิ่นอายของ ความเป็นส่วนตัว (Private) และความ Luxury เล็กๆ จนทำให้เรายิ้มได้ ในแว่บแรกที่เห็นห้องจัดเลี้ยง การจัดโต๊ะอาหาร และความตั้งใจของทีมงานเชฟ Huto ที่ขมักเขม้นจัดเตรียมอาหารอร่อยๆ รอเราอยู่ ถือว่าบรรยากาศแบบนี้เหมาะทั้งการนั่งสังสรรค์กับเพื่อนๆ เลี้ยงวันเกิด มานั่งทำซึ้งกับคนรัก หรือพาลูกค้ามาเลี้ยงก็ได้ เพราะไม่ว่าจะมากันแค่ 1-2 คนเขาก็พร้อมต้อนรับ โดยรับสูงสุดครั้งละไม่เกิน 20 คน เพื่อคงคอนเซปต์ Private เอาไว้ ก่อนเร่ิมรับประทานอาหารค่ำกัน ทางทีมงานก็มีกิมมิคเก๋ๆ ให้เล่นสนุกก่อน โดยให้เรา load App บนมือถือ แล้ว scan ส่วนต่างๆ ของ Menu Card, ที่รองจาน, ที่รองแก้ว ก็จะเกิดภาพ AR สามมิติเคลื่อนไหวได้ ลอยขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ WOW Amazing! คอนเซปต์ของภาพ 3D ที่ว่าก็เกี่ยวข้องกับชื่อเมนูสำรับอาหารไทยในวันนี้ด้วยคือ “นางลอยข้ามสมุทร” โดยภาพ 3D จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปบนภาพคลื่นน้ำในมหาสมุทร ที่มีลายเส้นแบบไทยผสมผสานตะวันตก น่ารักเก๋ไก๋สไลเดอร์สุดติ่งไปเลยฮะ 555555 พระเอกของวันนี้ที่เราจะมาชิมกัน คือสำรับอาหารไทยชื่อเก๋ไก๋ “นางลอยข้ามสมุทร” ที่เชฟ Huto บรรจงรังสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งใจ โดยคอนเซปต์คือเป็นอาหาร Thai Fusion ที่มีความ Sexy เพราะเป็นการนำวัตถุดิบจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และสมุทรสงคราม มาผสานผสมให้กลมกลืนลงตัว ทั้งรสชาติ เครื่องปรุง และหน้าตา โดยรสชาติของนางลอยข้ามสมุทร จะมีความเป็นไทยสูง เผ็ดลึกและหวานซ่อนเปรี้ยวในทุกเมนู และต้องบอกเลยว่าวัตถุดิบจากทั้ง 2 จังหวัดดังกล่าว ถือว่ามีความรักจืด รักเค็ม เพราะเป็นพื้นที่ 3 น้ำ (น้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม) ที่บ่มเพาะให้วัตถุดิบต่างๆ มีรสเลิศเกินจะห้ามใจ

แรงบันดาลใจในการรังสรรค์สำรับ “นางลอยข้ามสมุทร” ของเชฟ Huto มาจากหนึ่งในวรรณกรรมของรามเกียรติ์ชื่อ “นางลอย” โดยมีเรื่องราวที่น่าสนใจจากการที่ นางลอยใช้อิทธิฤทธิ์จำแลงตัวเป็นศพนางสีดา ลอยข้ามสมุทรผ่านแม่น้ำ  เพื่อให้พระรามเข้าใจผิดคิดว่านางสีดาตายแล้ว แต่พระรามเกิดจับได้ จากร่างที่ยังคงกลิ่นหอม ยังสวยอยู่ แตกต่างจากร่างของมนุษย์ทั่วไป แถมนางลอยก็ยังลอยทวนน้ำด้วย อีกความหมายของ “นางลอย” ในพุทธชาดก คือนางเมขลาลอยมาจากฟ้า ช่วยให้พระมหาชนกข้ามมหาสมุทรได้ ที่มาของ “นางลอย” ทั้ง 2 ไอดอล จากภาคพื้นทะเลและแผ่นดิน จึงนำมาสู่ไอเดียการคัดเลือกวัตถุดิบในคอร์สอย่าง ปู ปลา กุ้ง ปลาวง ปลาหวาน เครื่องปรุงรส และผลไม้ประจำฤดูกาล ทีนี้ก็ได้เวลาชิมกันแล้วล่ะ

เมนูแรก “จับไม้ปู” ซึ่งมีความต่างจากจับไม้ (ทอดมันเสียบไม้ย่าง) ทั่วไปโดยสิ้นเชิง เพราะเชฟ Huto ใช้เนื้อปูนิ่ม คลุกเคล้าเครื่องแกงเผ็ดร้อนกำลังดี หอมเตะจมูก และกรอบนอกนุ่มใน ทานกับซอสกระเทียมใช้แทนน้ำอาจาดสไตล์ครีมมี่ ชูกลิ่นกระเทียมได้ดีมาก ส่วนตัวจับไม้แทนที่จะใช้ไม้ไผ่ธรรมดา เชฟใช้หน่อกะลาเกาะเกร็ดกินแกล้มกันได้ ร่วมกับใบติ้วผักอีสาน ถือว่าเป็นการ Mix and Match ที่ดีงามซะจริงๆ

 เมนูที่สอง “แกงคั่วลิ้นจี่เนื้อย่าง กับปลาหวาน” เป็นจานที่เต็มไปด้วยความ Creative เพราะเชฟ Huto ใช้น่องลายตุ๋น กินแกล้มกับลิ้นจี่สมุทรสาครซึ่งออกมากในช่วงเดือนพฤษภาคม เมื่อใช้มีดตัดลงไปตรงกลางจะเป็นเนื้อตุ๋นเย็นๆ โดยใช้เอ็นตุ๋นของน่องลายล้วนๆ เลย เจลาตินที่เกิดขึ้นมาจากน่องลายของเนื้อวัวเอง และเนื้อวัวเป็นของวิทยาลัยเกษตรกำแพงแสน จ.นครปฐม หลังจากชิมเลเยอร์แรกของน่องลายไปแล้ว เชฟจะเอาซอสแกงคั่วสีเหลืองหอมกรุ่นมาราดเพิ่มให้ จนเกิดเป็น texture การกินที่แตกต่าง และวิเศษอย่างยิ่ง บอกเลยว่าเนื้อวัวนุ่มสุดๆ แทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยว กินคู่กับไวน์แดงดีๆ สักแก้ว ก็ถือว่าเข้าคู่ Pairing กันได้อย่างแนบเนียน แต่สำหรับคนที่กินเผ็ดไม่ค่อยได้ ก็ต้องราดซอสแกงคั่วน้อยๆ เพราะกินไปสักพักจะรู้สึกเผ็ดร้อนลิ้นอยู่พอสมควร (คนที่ไม่กินเนื้อวัว แจ้งเชฟล่วงหน้าทาง App Potioneer ตอนทำ Booking เขาจะเปลี่ยนเป็นเนื้อหมูให้ ไม่มีปัญหา)

เมนูที่ 3 “ต้มสับปะรดหมึกแห้งมะพร้าวอ่อน” เป็นเมนูซดคล่องคอที่เกินความคาดหมาย ทีแรกเห็นหน้าตาธรรมดาๆ แต่รสชาติทำให้ทุกคนเอ่ยปากชมกันไม่หยุด เมนูนี้เชฟ Huto ใช้หัวและก้นสับปะรด มาต้มเคี่ยวกับหมึกจนนุ่ม เชฟเลือกใช้หมึกแดดเดียวที่มีไข่ เราว่าความโดดเด่นจริงๆ ของเมนูนี้คือการได้ลิ้มลองสัมผัสความจัดจ้านของน้ำซุป ที่มาจากการเคี่ยว สับปะรดพันธุ์ Siam Gold (หรือ พันธุ์หอมสุวรรณ) ถือเป็นสับปะรดที่ปลูกมากในอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และได้รับความนิยม จึงได้น้ำซุปหวานอมเปรี้ยวลงตัว ซดร้อนๆ ชื่นใจมาก

เมนูที่ 4 “ยำไตกุ้ง กับปลาวง” ชื่อแปลกๆ จนเชฟ Huto ต้องอธิบายให้ฟังว่า “ไตกุ้ง” จริงๆ แล้วก็คือน้ำเคย โดยชาวบ้านจะเอากุ้งมาตากแดด จนกว่าจะแห้งกลายเป็นกะปิอย่างที่เราคุ้นกัน น้ำที่ออกมาระหว่างขั้นตอนดังกล่าวนี้เอง ชาวบ้านจะเก็บไว้ใช้ในครัวเรือนแทนน้ำปลา รสชาติจะหวานและเค็มอ่อนๆ กำลังดี เชฟเอามาเคี่ยว แล้วหมักกับส่า คือเนื้อข้าวหมาก ซึ่งใช้ในการทำกุ้งสะดุ้งของภาคกลาง กิบแกล้มกับผักเคียงของอีสาน อย่างยอดกระโดน และตาลปัตรฤาษี ที่เข้ากันได้อย่างวิเศษ ตักกินไปเป็นชั้นๆ มีรสหวานซ่อนเปรี้ยว ตบท้ายด้วยเค็มนิดๆ ไม่เคยชิมที่ไหนมาก่อน ส่วนเนื้อกุ้งก็สดสู้ปากดีแท้

เมนูที่ 5 “ข้าวมันกะทิ กับน้ำดอกดาหลา” เป็นเมนูข้าวจานน้ำ ภูมิปัญญาของคนไทยนิยมกินกันมาตั้งแต่โบราณ ในช่วงรอยต่อฤดูร้อน-ฝน ซึ่งคนมักจะปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทันจนป่วยบ่อย เพราะเกิดอาการ Heat Stroke เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เมนูข้าวจานน้ำจริงๆ คล้ายข้าวแช่ชาววัง โดยกินกับปลาสลิด ปลาแห้ง น้ำพริก หรือเครื่องยำที่เหลือในสำรับ ใส่น้ำเย็นลงไป กินแล้วย่อยง่าย มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายเย็นลง ข้าวสวยใช้หางกะทิในการหุง จึงมีความหอม หวาน มัน กินคู่กับปลาวง ปลาหวาน กระเทียมโทนดอง ใช้ตัดแกล้มตัดเลี่ยนได้เหมาะเจาะลงตัว ส่วนน้ำที่ใช้เทลงไปในข้าวจานน้ำ เชฟ Huto ใช้ “น้ำดอกดาหลา” ที่สกัดเอง กลิ่นรสเป็นน้ำดอกไม้หอมชื่นใจ อ่อนโยน บางเบา ไม่ต่างจากการกินข้าวแช่ชาววังเลย

น้ำดอกดาหลา สไตล์เชฟ Huto

กินคาวกันไป 5 เมนูแล้ว ก็ได้เวลาล้างปากกับของหวานที่ไม่ธรรมดา “ส้มฉุนน้ำข้าวหมาก” ซึ่งต้องบอกเลยว่าจัดจานมาดู Inter สีสันเย้ายวนชวนให้ตักเข้าปากซะจริงๆ

            ต้องอธิบายก่อนว่า จริงๆ แล้ว “ส้มฉุน” เป็นเมนูของเปรี้ยวที่คนไทยสมัยก่อนนิยมนำมาแช่อิ่มเก็บไว้ ช่วงเวลาที่ร้อนๆ กระหายน้ำ หรือเหงาปาก ก็มักจะเอามากินแทนเมี่ยง โดยเอาการบูรโรยกินกับขนมแช่อิ่ม ให้ความสดชื่นในฤดูร้อน หรือวันที่อบอ้าว ทว่าปัจจุบันการบูรไม่สามารถกินได้แล้ว เพราะเป็นการบูรสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ เชฟ Huto จึงใช้ความสดชื่นจากการแช่เย็นก่อนเสิร์ฟแทนการบูร และใช้ผลไม้แช่อิ่มตามฤดูกาล ทั้งมะม่วงสุก มะยงชิด และลูกพีช (ของภาคเหนือที่กำลังล้นตลาด) เมนูนี้พอดีเป็นช่วงที่มะยงชิดวายไปแล้ว เชฟ Huto จึงใช้ลูกพีช กินคู่กับเจลลี่ข้าวหมาก แกล้มกับเม็ดทับทิม ขิงอ่อนซอย และผิวส้มฉุนฝาน Topping มาอย่างจุ๋มจิ๋มน่ารัก

ส้มฉุน (Bitter Orange) พืชวงศ์ส้มที่หายากราคาสูงในปัจจุบัน แต่ครัวไทยนิยมนำผิวมาแต่งกลิ่นอาหาร ส้มฉุนมีกลิ่นเฉพาะตัว อยู่กึ่งกลางระหว่างมะกรูดกับมะนาว ทางจังหวัดเพชรบุรีนิยมใช้ใบอ่อนส้มฉุนใส่แกงคั่วหัวตาล ปัจจุบันถือว่าส้มฉุนเป็นพืชหายาก เพราะปลูกค่อนข้างยาก ชอบขึ้นอยู่ในบริเวณน้ำกึ่งแห้งกึ่งแฉะPrivate Dining ของเราในวันนั้น เต็มไปด้วยความสนุกสนานและอิ่มอร่อย เป็นประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่งที่ยากจะลืม โดยเฉพาะรอยยิ้มและมิตรไมตรีจากเพื่อนสนิท เคล้าเคียงกับรสชาติอาหารได้อย่างวิเศษ จนเวลาล่วงเลยไปดึกดื่นก็ต้องร่ำลา แต่สัญญากันไว้ว่าจะกลับมาพบกันอีกแน่นอน

สนใจจองรับประทานอาหาร และสอบถามข้อมลูเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท โพชั่นเนียร์ (ประเทศไทย) จํากัด

Paparitk@potioneer.com  Instagram.com/potioneerth. Facebook.com/potioneer

คุณพาพฤทธิ์ กาญจน์เกียรติกุล (แน็ก) โทร. 081-424-7887  Yanisat@potioneer.com
คุณญาณิศา ธรี กีรติกุล (เจ) โทร. 062-447-4249