จากนครพนม-เวียดนาม Beauty of the Far East
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวจากไทยสู่อาเซียนด้านทิศตะวันออก คงจะไม่มีเส้นทางไหนฮิตเกินจาก จังหวัดนครพนม-ลาว-เวียดนามกลาง เพราะเป็นเสมือน ‘ประตูสู่อาเซียนแห่งใหม่’ หลังจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 เปิดใช้ ก็ช่วยให้คนสามประเทศนี้ไปมาหาสู่กันสะดวกยิ่งขึ้น
เส้นทางเชื่อมโยง 3 ประเทศนี้มีศักภาพสูงมาก อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย แต่ที่พิเศษจริงๆ คือระยะทางยาวเพียง 367 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางขาไปแค่ 1 วันเท่านั้น เริ่มจากจังหวัดนครพนม ขับรถข้ามแม่น้ำโขงโดยสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เข้าสู่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของลาว แล้วเข้าสู่เวียดนามทางด่านน้ำพาว-กาวแจว ไปเมืองวินห์ เมืองฮาติงห์ เมืองดงเหย จากนั้นกลับเข้าไทยทางด่านนครพนม หรือมุกดาหารก็ได้ตามสะดวก
การขับรถเที่ยวบนเส้นทางนี้ไม่ลำบากแล้ว เพราะถนนดี อีกทั้งไม่ต้องทำวีซ่า ถนนช่วงแรกจากนครพนมเข้าลาวจะลัดเลาะไปตามภูเขาเตี้ยๆ มีป่าไม้และเรือกสวนไร่นาเขียวชอุ่ม ไฮไลท์อยู่ที่ ‘เขาหนามหน่อ’ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติซึ่งเด่นด้วยเทือกเขาหินปูนยอดแหลมตะปุ่มตะป่ำนับแสนๆ ยอด ต่อเนื่องเข้าไปจนถึงเวียดนาม โดยมีจุดแวะพักริมทาง ให้เราได้จอดรถชมวิวถ่ายภาพกันอย่างเต็มอิ่ม
เมื่อข้ามแดนจากลาวเข้าเวียดนาม เราจะได้สัมผัส 3 เมืองหลักในภาคกลางค่อนไปทางภาคใต้ คือ เมืองวินห์ (Vinh) เมืองฮาติงห์ (Ha Tinh) และ เมืองดงเหย (Dong Hoi) โดยสองเมืองแรกอยู่ในจังหวัดแหงะอาน และเมืองสุดท้ายอยู่ในจังหวัดกวางบิงห์ อันเป็นที่หมายตาของนักแบกเป้เที่ยว ที่ต้องการชื่นชมความบริสุทธิ์ของชายทะเลตะวันออกเวียดนาม
เมืองวินห์ เมืองหลวงของจังหวัดแหงะอาน (Nghe An Province) ได้ฉายาว่าเป็น ‘ประตูสู่ภาคใต้ของเวียดนาม’ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ ‘จัตุรัสโฮจิมินห์’ ซึ่งมีอนุสาวรีย์ของลุงโฮ หรือประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม สูงถึง 18 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ เพราะเมืองวินห์คือบ้านเกิดของท่าน โดยท่านเป็นผู้นำเวียดนามทวงคืนเอกราชจากฝรั่งเศสได้สำเร็จ และเมื่อขับรถออกไปนอกเมืองที่ ‘หมู่บ้านฮว่างจู่’ ก็จะได้เยี่ยมชมบ้านเกิดจริงๆ ของท่านโฮจิมินห์ด้วย
จากตัวเมืองวินห์นั่งรถออกไปแค่ 16 กิโลเมตร ก็ถึง ‘ชายหาดเกื๋อหล่อ’ ชายทะเลสวยที่สุดของเวียดนามกลาง หาดทรายที่นี่สงบ มีทิวมะพร้าวโอนเอน พร้อมด้วยร้านอาหารให้นั่งชิล
จากชายหาดเกื๋อหล่อขับรถไปอีกไม่ไกลก็จะถึง ‘วัดเฮืองติ๊ก’ วัดที่คนเวียดนามนิยมไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ทว่าการจะไปถึงวัดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย (แต่ก็คุ้มค่า) เพราะต้องนั่งเรือข้ามทะเลสาบ แล้วเดินป่า 2 กิโลเมตร เพื่อจะไปขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา แล้วเดินต่ออีก 500 เมตร จนถึงที่ตั้งของวัด
เมื่อขับรถเลียบทะเลลงมาทางทิศใต้เรื่อยๆ เราก็มาถึง ‘เมืองฮาติงห์’ เมืองท่าที่สวยงามอีกแห่ง ซึ่งยังคงมีอาคารยุคโคโลเนียลให้ชม คือบ้านมักสร้างเป็นทรงหน้าจั่ว และมีหอระฆังโบสถ์ยอดแหลมแบบโกธิค แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของฮาติงห์ คือ ‘สามแยกด่งหลก’ แหล่งประวัติศาสตร์ยุคสงครามเวียดนาม เพราะจุดนี้เป็นช่องเขาสำคัญ ที่ทหารเวียดมินห์ใช้ขนยุทธปัจจัยไปสู่กับทหารอเมริกันผู้รุกราน เครื่องบินอเมริกันจึงทิ้งระเบิดสามแยกด่งหลกเป็นว่าเล่น จนเกิดวีรกรรม 10 ทหารหญิงผู้พลีชีพอันโด่งดัง
จากเมืองฮาติงห์ ขับรถเลียบชายทะเลตะวันออกเวียดนาม จนมาถึง ‘เมืองดงเหย’ (Dong Hoi) เขตอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกใหม่ ทว่าก็ยังมีท่าเรือและตลาดปลาแบบบ้านๆ ให้เราเดินชมกันอย่างสนุก ยามที่มีเรือประมงเทียบท่า จะเห็นแม่ค้ารีบวิ่งกรูเข้าไปประมูลซื้อกุ้งหอยปูปลาแข่งกัน สะท้อนถึงความอุดมของทะเลเวียดนาม
และเมื่อเที่ยวในตัวเมืองจนอิ่มแล้ว ก็ต้องไปสัมผัส ‘ถ้ำฟองญา’ ถ้ำน้ำลอดที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก จนได้เป็นมรดกโลกไปเรียบร้อยแล้ว การเที่ยวถ้ำนี้ต้องนั่งเรือเข้าไป ภายในประกอบด้วยโถงถ้ำและหินงอกหินย้อยขนาดยักษ์นับไม่ถ้วน จนเราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง!
เส้นทางนี้ถ้าเที่ยวให้สนุกแบบไม่รีบ ควรใช้เวลา 4-5 วัน คุณจะได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และชีวิตผู้คน บนถนนสายอาเซียนตะวันออก ที่ยังคงความบริสุทธิ์มากจริงๆ
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!