พยาม เกาะหิมพานต์แห่งอันดามัน ฝันที่เป็นจริง

เกาะพยาม 2

ในขณะที่เรือสปีตโบ๊ทความเร็วสูงลำนั้น ค่อยๆ เร่งเครื่องฝ่าเกลียวคลื่น ตรงออกจากท่าเรือเทศบาลเมืองระนอง ออกสู่ปากน้ำมุ่งหน้าไปทางทะเลเปิดด้านทิศตะวันตก ผมก็พบว่าในที่สุด ก็ได้ตกอยู่ในวงล้อมของท้องทะเลสีคราม สายลม แสงแดด และความสดชื่นที่ธรรมชาติมอบให้ ณ วินาทีนั้น ผมอดจะอิจฉาตัวเองไม่ได้ เพราะความฝันหลายปีที่จะอยากไปเยือน “เกาะพยาม” จังหวัดระนอง บัดนี้เป็นจริงแล้วล่ะ เย้ๆ
เกาะพยาม 3

ความพยายามที่จะได้ไปเที่ยวเกาะพยาม จึงมาถึงวันเป็นจริง! ขณะที่เรือเที่ยวบ่ายสองทะยานเหนือเกลียวคลื่นต่อไปไม่หยุดยั้ง ในใจก็คิดจินตนาการวาดฝันไปต่างๆ นาๆ ว่าเกาะพยามหน้าตาจริงๆ เขาจะเป็นยังไงหนอ? เพราะเคยเห็นแต่ภาพที่เพื่อนๆ ถ่ายมาเย้ย! เอาล่ะ วันนี้ได้มาเห็นกับตาตัวเองซะทีเกาะพยาม 4

มาถึงท่าเรืออ่าวแม่หม้ายบนเกาะพยามก็บ่ายแก่แล้ว รีบเอาของเข้าที่พักแล้วออกมาเดินเล่นเก็บภาพแสงสุดท้ายที่ อ่าวใหญ่ ซึ่งเป็นอ่าวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ชายหาดสวยทอดยาวหลายกิโลเมตร บัดนี้น้ำกำลังลง เผยให้เห็นการถอยร่นของเกลียวคลื่น คู่กับแสงสุดท้ายอันงดงามบนฝากฟ้า และการปรากกฏตัวของริ้วทรายอันสวยงาม บรรยากาศช่างคลาสสิก โรแมนติก น่าเกี่ยวก้อยพาคนรักมาเดินเล่นซะจริงๆ นะเกาะพยาม 5

บางคนก็ปั่นจักรยานออกกำลังกายบนอ่าวใหญ่ ชมแสงสุดท้ายสุดอลังการ!เกาะพยาม 6 เกาะพยาม 7

ความรักเบ่งบานบนอ่าวใหญ่ เกาะพยาม แหม บรรยากาศโรแมนติกอย่างนี้ อดใจไม่ไหวที่จะจับมือคนรักไว้ แล้วหันไปบอกรักกันสักพันครั้ง
เกาะพยาม 8

ความสงบ และความงามของธรรมชาติบนอ่าวใหญ่ เกาะพยาม วันนี้ยังชวนหลงใหล เป็นอีกหนึ่งเกาะ Slow Life ที่ยังไม่ถูกความทันสมัย และสิ่งก่อสร้างมากมายเกินพอดีทำให้เสียความงามไปเกาะพยาม 9 เกาะพยาม 10.1 เกาะพยาม 10

นั่งเหม่อมองพระอาทิตย์ตกลงน้ำที่อ่าวใหญ่ พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้ว เท่านี้ก็คือความสุขเล็กๆ ของชีวิตแล้วล่ะเกาะพยาม 11

อีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งามไม่แพ้อ่าวใหญ่ ก็คือ “อ่าวเขาควาย” ที่ทอดยาวโค้งเป็นรูปวงพระจันทร์ และมีบาร์น่ารักๆ อยู่ริมทะเล ให้นั่งชิลกันได้ไปจนดึกดื่นเกาะพยาม 12เมื่อน้ำทะเลลดระดับต่ำสุดในยามเย็น อ่าวใหญ่บนเกาะพยาม ก็เผยริ้วลายแห่งประติมากรรมธรรมชาติลอนทราย ซึ่งถูกสลักเสลาฝากไว้โดยเกลียวคลื่นน้อย เป็นศิลปะในธรรมชาติที่น่าประทับใจเหลือเกิน
เกาะพยาม 13

Sunset พระอาทิตย์อัสดงลงที่อ่าวใหญ่ ยามนี้ใครๆ ก็ออกมาอยู่บนหาดทราย ซึมซับช่วงเวลาอันมีค่าของวัน อ่าวใหญ่จึงเป็นจุดพักผ่อนที่เพียบพร้อม เพราะมีรีสอร์ทเรียงรายอยู่หลายแห่ง ซึ่งมีข้อดีคือ ส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างรุกล้ำแนวหาด ธรรมชาติจึงยังงดงามจริงๆเกาะพยาม 14

รีสอร์ทที่อ่าวใหญ่ สร้างกลมกลืนกับธรรมชาติ หลบอยู่ใต้ทิวต้นสนทะเลขนาดใหญ่ และต้นมะพร้าวสูงลิ่ว ชวนกันไปนอนเล่นบนเก้าอี้ชายหาด ฟังเสียงคลื่นเสนาะโสต ช๊าตพลังให้ชีวิตเกาะพยาม 15

เกาะพยาม เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่กว่า 35 ตารางกิโลเมตร (ถัดลงไปในทะเลทิศใต้คือ เกาะช้าง จ.ระนอง) บนเกาะพยามมีคนอาศัยอยู่ราวๆ 160 ครอบครัว ส่วนใหญ่ทำสวนปลูกมะม่วงหิมพานต์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ผมเลยตั้งชื่อเล่นให้เกาะพยามว่า “เกาะหิมพานต์แห่งอันดามัน” ฮาฮาฮา ฟังดูน่ารักดีเนอะ

ชาวบ้านบนเกาะยังทำอาชีพประมง และก็มีบางส่วนที่เริ่มหันมาทำรีสอร์ทรับนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มคนชอบธรรมชาติ รักความสงบ ไม่ต้องการแสงสีเสียงอึกทึก ป่าเขาและธรรมชาติบนเกาะพยามจึงยังค่อนข้างดิบอยู่ เดินๆ เล่นอาจได้เห็นนกแก๊ก (นกเงือกขนาดเล็กชนิดหนึ่ง) บินข้ามหัวไปแบบเฟี้ยวฟ้าว! กิจกรรมของเราผู้ไปเยือน จึงมีทั้งการพักผ่อน เล่นน้ำ ปั่นจักรยานเที่ยว เดินป่า และไปดำน้ำดูปะการังที่ยังอุดมอยู่เกาะพยาม 16

อ่าวเขาควาย คือหนึ่งในอ่าวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะพยาม เพราะนอกจากจะมีขนาดใหญ่ เป็นอ่าวรูปจันทร์เสี้ยวต่อเนื่องกันทอดโค้งยาวหลายกิโลเมตรแล้ว ริมอ่าวยังมีร้านอาหารหน้าตาแปลกๆ ให้ไปเยือนด้วย ชื่อ Hippy Bar เห็นรูปทรงการสร้างแล้วถึงกับอึ้ง!! เพราะเหมือนยกเรือโจรสลัดลำเบ้อเริ่มขึ้นมาตั้งไว้บนหาดจริงๆ เลยนะสิ!!
เกาะพยาม 17

เรือโจรสลัดที่ Hippy Bar อ่าวเขาควาย ไม่รู้จะใช้คำอะไรบรรยายนอกจาก “เจ๋งจริง” เอาเศษไม้ต่างๆ มาปะติดปะต่อขึ้นมาราวกับงานศิลป์ชิ้นมหึมา ด้านบนเป็นร้านอาหาร เหมาะมานั่งดื่มนั่งชิลกันได้ไปจนดึกดื่นเกาะพยาม 18 เกาะพยาม 19 เกาะพยาม 20 เกาะพยาม 21 เกาะพยาม 22

ด้านใน Hippy Bar ตกแต่งกลมกลืนกับธรรมชาติ ให้ความรู้สึกดิบๆ เหมือนหมู่บ้านโจรสลัดเลย ฮาฮาฮา แต่ถ้าคิดดูให้ดี คนที่สร้างสถานที่แบบนี้ขึ้นมาได้ ต้องมีหัวศิลปะระดับเทพเลยนะเนี่ยะ ขอปรบมือให้ครับเกาะพยาม 23 เกาะพยาม 24 เกาะพยาม 25

บริเวณอ่าวเขาควายบนเกาะพยาม มีหนึ่งภูมิประเทศสำคัญ หรือ Land Mark อันโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ ที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก นั่นคือ “หินทะลุ” นับเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่ต้องไปเห็นกับตาตัวเอง เพราะผมว่า Amazing จริงๆ!

ที่ตั้งของหินทะลุ บางช่วงเวลาน้ำลง จะสามารถเดินเข้าไปได้ แต่ยามน้ำขึ้นสูง จะกลายเป็นเกาะลอยน้ำ ต้องพายเรือเข้าไปครับ น่าสนุกดีใช่ป่ะล่ะเกาะพยาม 26

ความเจ๋งของหินทะลุเกาะพยาม ที่เกาะอื่นๆ ในเมืองไทยเลียบแบบไม่ได้ คือตรงจุดนี้มีช่องทะลุอยู่มากกว่า 1 ช่องครับ นับรวมๆ กันแล้ว ไม่น้อยกว่า 8 ช่องทีเดียว เวลาเดินสำรวจจึงให้บรรยากาศแบบลึกลับ น่าค้นหาดีเกาะพยาม 27

นอกจากหินทะลุแล้ว ในบริเวณเดียวกันยังมีหินตา หรือเสาหินสโตนเฮนจ์แห่งเกาะพยาม ตั้งโดดเด่นอยู่ด้วย เสาหินต้นนี้สูงราวๆ 3-4 เมตร เลยทีเดียวเกาะพยาม 28

บรรยากาศยามน้ำทะเลลดระดับต่ำสุดที่หินทะลุ อ่าวเขาควาย มองเห็นโขดหินที่มีเพรียงทะเลและหอยนางรมเกาะอยู่ กระจัดกระจายเต็มไปหมด บรรยากาศเงียบสงบ เวิ้งว้าง ชวนให้ขนลุกดีเหมือนกันเกาะพยาม 29 เกาะพยาม 30

ช่องโพรงทะลุขนาดใหญ่ เกิดจากน้ำทะเลกัดเซาะอยู่นานเป็นพันๆ หมื่นๆ ปีเกาะพยาม 31

โขดหินทรงประหลาด ที่หาดหินทะลุ เกาะพยาม
เกาะพยาม 32

อีกหนึ่งช่องทะลุอันแสนแปลกตา บนเกาะพยามเกาะพยาม 33ช่องทะลุ 3 พี่น้อง เล็ก กลาง ใหญ่ กับสะพานหินโค้งธรรมชาติด้านบน นี่คือประติมากรรมธรรมชาติโดยแท้เกาะพยาม 34 เกาะพยาม 35

มองลอดช่องหินทะลุและสะพานโค้งธรรมชาติออกไป เห็นเวิ้งทะเลและเรือประมงด้านหลังแล่นผ่านมาพอดี
เกาะพยาม 36

สังเกตดูให้ดี นี่คือช่องหินทะลุ “รูปหัวใจคว่ำ” เหมาะจะพาหวานใจมาบอกรักกันที่นี่นะครับ
เกาะพยาม 37

จากช่องหินนี้ มองออกไปเห็นหินตาตั้งเด่นเป็นสง่า โดยมีทะเลสีฟ้าใสแจ๋วรับอยู่เบื้องหลังเกาะพยาม 38

บนหาดทรายที่หินทะลุ มีปูลมตัวจิ๋ววิ่งกันให้พล่าน ตัวนี้มาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่ปากรูซึ่งมันขุดไว้ เกาะพยาม 39

ทางชายหาดด้านทิศตะวันออกของเกาะพยาม บริเวณท่าเรืออ่าวแม่หม้าย ยามน้ำลงจะกลายเป็นหาดทรายสีทองทอดยาวสุดสายตา งามด้วยลอนคลื่นบนผืนทรายที่ธรรมชาติสลักเสลาไว้อย่างลงตัวทีเดียว
เกาะพยาม 40

หาดทรายสวยแสนประทับใจ ใกล้ท่าเทียบเรืออ่าวแม่ม่าย และ Blue Sky Resortเกาะพยาม 41

Blue Sky Resort เป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงที่สุด และได้รับการกล่าวขวัญกันว่าสวยที่สุดบนเกาะพยามเกาะพยาม 42

แสงแดดอุ่น กับใบมะพร้าวล้อลม ที่ Blue Sky Resort เกาะพยาม
เกาะพยาม 43

ป่าชายเลนที่ Blue Sky Resort ใกล้ท่าเรืออ่าวแม่หม้าย เป็นเสมือนกำแพงกำบังคลื่นลมทะเลได้เป็นอย่างดี
เกาะพยาม 44

บนภูเขาสูงของเกาะพยาม มีจุดชมวิวสวยๆ อยู่หลายแห่ง อย่างด้านตะวันออก พอขึ้นไปบนภูเขาก็จะมองเห็นเกาะขามอยู่ไม่ไกลแล้ว บนภูเขาตรงนี้มีบาร์เล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมต้องตกกะใจ! เพราะนึกว่าพี่ Bob Marley นักร้องชื่อดังยังไม่ตาย! เห็นพี่เขานั่งร้องเพลงฝรั่ง ดีดกีต้าอยู่อย่างสบายอารมณ์เกาะพยาม 45 เกาะพยาม 46

เสียงเพลงจากกีต้าโปร่ง Un Plug และวิวสวยๆ จากมุมสูงของเกาะพยาม ทำให้อารมณ์ศิลปินของผมชักจะขึ้น ฮาฮาฮา พี่เขาร้องแพลงแบบออกมาจาก Inner จริงๆ เลย ไพเราะมากๆ ครับ
เกาะพยาม 47

เพื่อนของพี่ Bob Marley บนจุดชมวิวเกาะพยาม
เกาะพยาม 48

Bob Marley Bar
เกาะพยาม 49

ในส่วนของใจกลางเกาะพยาม ก็มีบ้านเรือน ที่พัก และร้านค้าเล็กๆ น่ารัก กระจายอยู่ทั่วไป ริมสองฟากถนนเส้นหลักของเกาะ โดยถนนนี้มีลักษณะเป็นทางปูนแคบๆ พอรถมอเตอร์ไซค์สองคันวิ่งสวนทางกันได้ บนเกาะนี้จึงไม่มีรถยนต์เลย มีแต่รถมอเตอร์ไซค์ จักรยาน และรถแทร็กเตอร์ เท่านั้น
เกาะพยาม 50

ร้านค้าบนเกาะพยาม เล็กๆ น่ารัก สมกับบรรยากาศของเกาะที่ยังคงความเป็นธรรมชาติสูงเกาะพยาม 51

นั่งรถแทร็กเตอร์พ่วง ทัวร์บนถนนเส้นหลักของเกาะพยาม ผ่านป่าหิมพานต์ (สวนหิมพานต์) ของชาวบ้าน และป่ายางพารา ที่ดูเหมือนวันนี้จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที! ทดแทนวิถีชีวิตแบบเก่า ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเกาะพยาม 52

นั่งรถแทร็กเตอร์พ่วง ทัวร์รอบเกาะพยาม
เกาะพยาม 53

เรือไปเกาะพยาม สะดวกสุดมีออกจากท่าเรือเทศบาลปากน้ำระนอง มีทั้งเรือเร็วเรือช้าให้เลือกตามงบประมาณนะจ๊ะ

หวังว่าเพื่อนคนไหนที่ไม่เคยไปเยือนหมู่เกาะทะเลระนองเลย หรือบางคนที่ยังคิดไม่ออกว่าฤดูร้อนปีนี้จะไปพักผ่อนที่ไหนรับรองว่า “เกาะพยาม” จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าแน่นอนจ้าlogo123-300x300Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคใต้ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร ระนอง โทร. 0-7750-2775-6,  0-7750-1831 สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

เกาะพยาม Guide

การเดินทาง : ลงเรือที่ท่าเทียบเรือเทศบาลปากน้ำระนอง หรือท่าเทียบเรือชาวเกาะ ถนนสะพานปลา (ทางเข้าท่าเทียบเรือติดกับสถานีตำรวจภูธร ตำบลปากน้ำ จังหวัดระนอง) มีเรือบริการทุกวัน วันละหลายเที่ยว เรือเร็วสปีตโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางราวๆ 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 350 บาท โทร. 08-1270-4801, 0-7783-4082 แต่ถ้าเป็นเรือโดยสารธรรมดา หรือเรือช้า ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 150 บาท ส่วนการเดินทางบนเกาะ นิยมใช้รถมอเตอร์ไซค์เช่า, มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ มีบริการรถแทร็กเตอร์พ่วง

ฤดูกาลท่องเที่ยว : ช่วง High Season อยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

สอบถามเพิ่มเติม : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง (ชื่อเดิม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาม) โทร. 0-7781-3840

วันเดียวเที่ยวเกาะกำ ผจญภัยสุดสนุกที่ระนอง

เกาะกำ 2ไปเที่ยวทะเลมาก็หลายที่ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ได้เห็นความงดงามของท้องทะเลไทย ซึ่งเปรียบเสมือนปราการด่านสุดท้ายของนักผจญภัยอย่างผม โลกใต้ทะเลยังมีอะไรลึกลับให้ค้นหาอีกอย่างไม่รู้จบ และทะเลระนองก็เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายการเดินทาง ที่ผมจะต้องเจาะลึกต่อไป

ทริปนี้เราเดินทางท่องเที่ยวร่วมกับ ททท. สำนักงานชุมพร ระนอง และททท. ภูมิภาคภาคใต้ ใจดีพาเรามาล่องเรือชมความงามของ “หมู่เกาะกำ” ซึ่งเป็นทริปล่องเรือเที่ยวแบบ One Day Trip 3 เกาะ คือ เกาะค้างคาว เกาะญี่ปุ่น และเกาะกำตก พร้อมแล้วก็เปลี่ยนชุดออกไปลงเรือหัวโทงกันเลยดีกว่าพวกเรา เย้…
เกาะกำ 3

การล่องเรือออกไปเที่ยวหมู่เกาะกำ เริ่มต้นขึ้นที่ท่าเรือของ อุทยทานแห่งชาติแหลมสน โดยมีเรือหัวโทง ซึ่งเป็นเรือหางยาวแบบปักษ์ใต้จอดเรียงรายรอนักท่องเที่ยว สำหรับการเช่าเหมาลำออกไปดำน้ำเป็นรายวันครับ วันนี้ฟ้าใสแจ๋ว น้ำกับฟ้าดูเหมือนจะจุมพิตกันเลยทีเดียว ฮาฮาฮาเกาะกำ 4

ที่ท่าเรือเราได้เห็นวิถีชีวิตของพี่น้องชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ จริงๆ เรือที่พานักท่องเที่ยวออกไปในทะเล ก็เป็นเรือของพวกเขานั่นล่ะเกาะกำ 5

เรือของพี่บังโอ๋ ค่อยๆ เร่งเครื่องฝ่าเกลียวคลื่นออกไปสู่เวิ้งทะเลเบื้องหน้า กะว่าราวๆ ไม่เกิน 45 นาที ก็น่าจะถึงเกาะค้างคาวและเกาะญี่ปึ่นล่ะ กฎข้อหนึ่งของการนั่งเรือเที่ยวให้ปลอดภัยคือ ทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพด้วยนะจ๊ะ

เกาะกำ 6

วิ่งมาได้กลางทาง ก็มองเห็นเกาะค้างคาว เกาะญี่ปุ่น และเกาะกำตกอยู่ลิบๆ ที่เส้นขอบฟ้าแล้ว
เกาะกำ 7

ลมเย็นสลับกับลมร้อน บวกกับละอองน้ำทะเลที่กระเซ็นซ่าขึ้นมาต้องผิวกายเรา ทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อได้มาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ หลังจากต้องเหนื่อยล้าตรากตรำอยู่กับงานหนักๆ ในเมืองหลวงมาซะนาน แค่ได้เห็นผืนน้ำกว้างๆ ท้องฟ้าสีครามโล่งๆ และอากาศบริสุทธิ์หายใจได้เต็มปอด เท่านี้ก็มีความสุขแล้วครับเกาะกำ 8

เหมือนโชคไม่เข้าข้าง ธรรมชาติไม่เป็นใจ พอเรือแล่นมาถึงจุดหมาย คือเกาะค้างคาว และเกาะญี่ปุ่น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดสลัวลง เมฆฝนสีเทาเริ่มตั้งเค้า ประกอบกับระดับน้ำยังไม่อำนวย เราจึงต้องเบนหัวเรือไปขึ้นที่เกาะกำตกกันก่อนเกาะกำ 9

มาถึงแล้ว เกาะกำตก (อยู่ห่างากฝั่งประมาณ 15 กิโลเมตร) อันเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เป็นหน่วยย่อยของอุทยานแห่งชาติแหลมสน แม้ไม่ใช่เกาะใหญ่ แต่เกาะกำตกก็มีชื่อเสียง เพราะด้านหน้ามีหาดทรายขาวทอดโค้งยาว เรียกว่า อ่าวเขาควาย อ่าวโค้งยาวกว่า 300 เมตรเกาะกำ 10

บนเกาะกำตกมีทะเลแหวกเป็นสันทรายเชื่อมเกาะเล็กๆ เข้าหากัน ยามน้ำลดสามารถเดินเที่ยวบนสันทรายนี้ได้ด้วยเกาะกำ 11

ทะเลแหวกเกาะกำตกเกาะกำ 12

พอเรือเทียบท่าที่อ่าวเขาควาย เราก็ไม่รอช้า ให้เจ้าหน้าที่พาเดินป่าปีนเขาขึ้นไปยังจุดชมวิวแห่งใหม่ ซึ่งเพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่มองลงมาเห็นอ่าวเขาควายได้อย่างเต็มตาพาโนรามาเลยล่ะเกาะกำ 13.1

แต่กว่าจะขึ้นถึงจุดชมวิวได้ก็ต้องออกแรงกันไม่ใช่น้อย! โดยเฉพาะมีช่วงที่ต้องปีนไต่โหนตัวขึ้นไปตามเชือกนำ ซึ่งเจ้าหน้าที่เขาผูกไว้ให้แล้ว ดังนั้นสัมภารก เอ้ย สัมภาระอะไรไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องหิ้วขึ้นไปให้เมื่อยตุ้มนะครับ สองข้างทางเป็นป่าหวายหนาแน่น เป็นธรรมชาติสุดๆ

เกาะกำ 13

เห็นลีลาการปีนเชือกขึ้นเขาอย่างคล่องแคล่วแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่าน้องเขานักเที่ยวมือโปรคร้าบบบเกาะกำ 14

ใช้เวลาปีนไต่เขาขึ้นไปไม่เกิน 20 นาที ในที่สุดเราก็มาถึงจุดชมวิวที่ตั้งใจไว้ ว้าว! บนนี้วิวเปิดโล่งมาก มองเห็นได้กว้างไกลไปจนถึงเกาะญี่ปุ่นเลยล่ะ นอกจากนี้ยังมองเห็นสันทรายทะเลแหวก และอ่าวเขาควายโค้งเว้าสวยงามสมชื่อ เสียดายอย่างเดียวที่วันนี้ฟ้าไม่ใสปิ๊งปั๊ง แถมมีฝนเม็ดบางๆ โปรยลงมาให้ชุ่มฉ่ำเล่นซะงั้นเกาะกำ 15 เกาะกำ 16

จุดชมวิวมุมสูงบนเกาะกำตกอ่าวเขาควาย ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่ให้ภาพออกมาสวยงามน่าชม สามารถซึมซับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติได้เต็มที่ และให้บรรยากาศการผจญภัยเล็กๆ ตอนปีนไต่ขึ้นมาอีกด้วยเกาะกำ 17 เกาะกำ 18

นอกจากจุดชมวิวอ่าวเขาควายจะเป็นจุดท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดแล้ว ยังเป็นเส้นทางหนีคลื่นยักษ์สึนามิด้วย เพราะเมื่อคราวเกิดคลื่นยักษ์ซัดถล่มอันดามัน เกาะกำตกอ่าวเขาควายก็โดนเต็มๆ เขาจึงมีการจัดทำเส้นทางอพยพฉุกเฉินขึ้นเขานี้ไว้ครับ โดยในปัจจุบัน บนเกาะกำตกห้ามไม่ให้มีการค้างแรม มาเที่ยวได้แบบเช้ามา เย็นกลับ จ้าเกาะกำ 19

โดยปกติ เกาะกำตกจะเป็นจุดแวะกินข้าวเที่ยงของเรือทัวร์ หลังจากช่วงเช้าเรือพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำเล่น ที่เกาะค้างคาว และเดินสำรวจเกาะญี่ปุ่นกันมาแล้ว บนเกาะมีป่าสนทะเลร่มรื่น บรรยากาศผ่อนคลาย ลมโชยพัดชื่นใจ ในยามที่ลมทะเลพัดแรง ยอดสนก็จะสีกันดังเกรียวกราว โบกพลิ้วไปมาอย่างอ่อนโยนน่ามอง
เกาะกำ 20

อาหารเที่ยงสำหรับเราวันนี้ มีทั้งหมึก ปู กุ้ง เปรมกันเลยทีเดียว ฮาฮาฮาเกาะกำ 21 เกาะกำ 22 เกาะกำ 23

อิ่มข้าวแล้ว ฟ้ายิ่งมืดสลัวลง เป็นอันว่าวันนี้คงหมดโอกาสที่จะไปดำน้ำเล่นที่เกาะค้างคาวและเกาะญี่ปุ่นแล้วล่ะ เราเลยใช้เวลาอีกสองสามชั่วโมงที่เหลือก่อนกลับเข้าฝั่ง เดินถ่ายรูปเล่นบนอ่าวเขาควาย เดินต่อเนื่องไปบนสันทรายทะเลแหวก มีมุมแจ๋มๆ ให้ถ่ายรูปไม่น้อยเกาะกำ 24

นั่งเหม่อมองชมทะเล ปล่อยกายใจให้ธรรมชาติโอบกอด ขณะที่ลมทะเลพัดโชยชื่นใจ หัวใจเราก็ล่องลอยไป ณ ที่ใดสักแห่ง ธรรมชาติสอนให้เราเป็นคนอ่อนโยน ละเอียด และใส่ใจกับสิ่งรอบข้าง โดยเฉพาะทะเล ที่ผมรักมากที่สุด
เกาะกำ 25

เมื่อสุดยังสันทรายทะเลแหวก เราจะพบกับป้ายสุสานหอย ซึ่งจริงๆ พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร มีซากหอยทะเลตัวจิ๋วๆ ถูกคลื่นพัดขึ้นมากองรวมกันอยู่จำนวนหนึ่ง สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นโขดหินมากกว่า เดินตรงนี้แนะนำว่าอย่าถอดรองเท้านะครับ เพราะเปลือกหอยคมๆ อาจบาดเท้าได้ เป็นห่วงนะจ๊ะเกาะกำ 26

หาดหินและสุสานหอยเกาะกำ 27

สำรวจระบบนิเวศน์หาดหินยามน้ำลด เกิดเป็นแอ่งน้ำขังเล็กๆ มีสิ่งมีชีวิตน่ารักๆ ทั้งหอย ปู ปลา ติดอยู่ในแอ่งนี้ รอเวลาน้ำขึ้นมันก็ว่ายกลับออกทะเลไปได้อีกครั้ง
เกาะกำ 28

จากหาดหินและสุสานหอย ด้านขวามือมีทางเดินขึ้นไปบนเนินเขาเตี้ยๆ นำไปสู่ผาด้านทิศตะวันตกของอ่าวเขาควาย บนยอดเนินนี้เต็มไปด้วยต้นเตยทะเลขนาดใหญ่ บ่งบอกถึงอายุของมันว่าหลายร้อยปีทีเดียวเกาะกำ 29 เกาะกำ 30

บนยอดเนินเป็นผาหินเปิดโล่ง ถ้าวันไหนฟ้าโปร่งๆ ช่วงเย็นคงจะเห็นพระอาทิตย์ตกได้งดงามแน่นอน
เกาะกำ 31

บนผาตะวันตกมีต้นปรงเขา (Cycas pectinata) ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ด้วย พรรณไม้พวกนี้เป็นพืชทนแล้ง พบได้ทั่วไปบนเกาะกลางทะเล ชอบขึ้นอยู่ตามโขดหิน หรือหน้าผาสูงเกาะกำ 32

ต้นเตยทะเลที่ผาตะวันตกของอ่าวเขาควายเกาะกำ 33

ในที่สุด ราวๆ สี่โมงเย็น เราก็ล่องเรือฝ่าคลื่นลมแรงกลับเข้ามาที่ท่าเรืออุทยานแห่งชาติแหลมสน โดยปลอดภัย พร้อมกับพกพาความประทับใจ และภาพงามๆ ที่เต็มปรี่ Memory Card ในกล้องดิจิตอลหมดแล้วเกาะกำ 34

ขอขอบคุณธรรมชาติ ท้องทะเล ที่สร้างสรรค์เกาะงามๆ ให้เราไปเยือน และขอขอบคุณใครก็ตาม ที่ยังช่วยกันรักษาสมบัติทางธรรมชาตินี้ไว้ให้เราได้พบเห็นเกาะกำ 35

หวังว่า หมู่เกาะกำแห่งทะเลระนอง จะยังคงความสวยงามเช่นนี้ไปอีกนานเท่านาน ตราบใดที่ทุกคนยังท่องเที่ยวกันอย่างมีจิตสำนึก ด้วยวิถียั่งยืน Sustainable Tourism ที่จะทำให้กิจกรรมการท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ สามารถดำเนินไปอย่างควบคู่และกลมกลืน ครับผม บ้ายบายlogo123-300x300Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคใต้ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร ระนอง โทร. 0-7750-2775-6,  0-7750-1831 สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

สอบถามเพิ่มเติม : อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง โทร. 0-7786-1431, 0-7786-1442,  0-7786-1432 

ปั่นท่องเที่ยว CSR ตามหาพลับพลึงธาร จ.ชุมพร-ระนอง

พลับพลึงธาร 2

พลับพลึงธาร หลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างแล้ว แต่อาจเป็นชื่อใหม่สำหรับใครหลายคน พลับพลึงธารได้รับฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งไม้น้ำในป่าปักษ์ใต้” เพราะเธอคือพรรณไม้สุดพิเศษ ตามธรรมชาติดั้งเดิมพบเพียงแห่งเดียวในโลกที่ คลองนาคา จังหวัดระนอง เท่านั้น

เธอจึงเป็นพรรณไม้อันแสนเปราะบาง ขึ้นอยู่ในลำธารน้ำใสกลางป่าดิบ ที่ปราศจากการรบกวนของมนุษย์ โดยลำธารที่เธอชอบขึ้นอยู่นั้น มักจะเป็นพื้นทรายปนกรวด น้ำไหลตลอด และคุณภาพน้ำใสสะอาดดีเยี่ยม
พลับพลึงธาร 3

ทว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผลกระทบจากการรุกล้ำของมนุษย์ ทำให้พลับพลึงธารตามธรรมชาติลดลงอย่างน่าใจหาย จนเป็นที่หวั่นเกรงกันว่ามันจะสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทย และจากโลก!

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร ระนอง จึงจับมือร่วมกับภาครัฐและเอกชน ที่เห็นความสำคัญของพรรณไม้หายากของโลกอย่างพลับพลึงธาร ร่วมกันจัดงานสำคัญ “ปั่นท่องเที่ยวและ CSR ตามหา…พลับพลึงธาร” ขึ้นเมื่อวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2559 นำนักปั่นที่มีจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม สู่เส้นทางสีเขียวชุมพร-ระนองพลับพลึงธาร 4 พลับพลึงธาร 5 พลับพลึงธาร 6

งาน CSR สุดเจ๋งในครั้งนี้ มีพิธีปล่อยตัวจักรยานตามหาพลับพลึงธารกันที่ ด้านหน้าที่ว่าการอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยมี ท่านเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน ปล่อยตัวจักรยานกว่า 300 คันออกไปตามเส้นทาง สู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา จังหวัดระนอง ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ไปนอนแค้มปิ้งกลางป่ากัน 1 คืน ก่อนจะได้ร่วมกันปลูกพลับพลึงธารกันในวันรุ่งขึ้นพลับพลึงธาร 7

พันธมิตรที่ร่วมกันจัดงานยิ่งใหญ่ขึ้นในครั้งนี้ ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร ระนอง, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา, อำเภอพะโต๊ะ, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดระนอง, ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดระนอง, สายการบินนกแอร์ (สถานีชุมพรและระนอง) และธนาคารกรุงเทพ จำกัดพลับพลึงธาร 8

เพื่อนนักปั่นน่องเหล็ก มาตั้งแถวรอปล่อยตัว บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพะโต๊ะ
พลับพลึงธาร 9

รอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้ทำความดีร่วมกัน ปั่นจักรยานไปปลูกพลับพลึงธาร ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา แต่ละคนมาในชุดจัดเต็มทั้งนั้นเลยนะ

พลับพลึงธาร 10

พร้อมค่ะ งานดีๆ แบบนี้นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง จะพลาดได้ไงนะพลับพลึงธาร 11 พลับพลึงธาร 12 พลับพลึงธาร 13 พลับพลึงธาร 14

ได้เวลาปล่อยตัว จักรยาน CSR ตามหา…พลับพลึงธาร โดยท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรพลับพลึงธาร 15.1

ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ร่วมถ่ายภาพกับคณะเยาวชนนักปั่น รวมถึงท่านผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร ระนอง, ตัวแทนจากนกแอร์, ธนาคารกรุงเทพ และมิตรสหายใจดีจากจังหวัดระนอง ชุมพร ที่ช่วยกันสร้างสรรค์ให้งาน CSR อันมีคุณค่านี้เป็นจริง
พลับพลึงธาร 15

ได้เวลาที่รอคอย ปั่นจักรยานไปตามหาพลับพลึงธาร ราชินีแห่งไม้น้ำ กันดีกว่านะพวกเราพลับพลึงธาร 16.1 พลับพลึงธาร 16

เส้นทางปั่นจักรยานจากจังหวัดชุมพร-ระนอง เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นลงเขา ผ่านป่าดิบอันอุดมสมบูรณ์ สวยงาม อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ไหล่ทางกว้าง ปริมาณรถน้อย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ และตามหาพลับพลึงธารในครั้งนี้พลับพลึงธาร 17 พลับพลึงธาร 18 พลับพลึงธาร 19 พลับพลึงธาร 20

จุดแรกที่นักปั่น CSR ตามหา…พลับพลึงธาร ได้หยุดพัก คือ บ้านดิน กลุ่มโฮมสเตย์เศรษฐกิจพอเพียงตำบลปากทรง อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร (โทร. 08-7287-2745, 09-1854-0074)พลับพลึงธาร 21

หมู่บ้านดินแห่งนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นรีสอร์ทเล็กๆ แนวเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์เรียนรู้ครบวงจร จึงมีนักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะชาวต่างชาติ) มาพักแบบ Long Stay เป็นจำนวนมากตลอดปี ที่นี่เขามีกิจกรรมเดินป่า, ล่องแพ, ศึกษาพรรณไม้, ปลูกผักกินเอง, กินอาหารพื้นบ้าน, เรียนรู้เรื่องสมุนไพร, เรียนรู้วิถีพอเพียง Sustainable Living และที่ขาดไม่ได้คือ มี Workshop สอนทำบ้านดินด้วย
พลับพลึงธาร 22.1 พลับพลึงธาร 22

ท่านผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานชุมพร ระนอง พร้อมตัวแทนจากหน่วยงานพันธมิตร มอบของที่ระลึกให้แก่บ้านดิน ที่นักปั่น CSR ตามหา…พลับพลึงธาร เข้าเยี่ยมชม เรียนรู้กิจกรรมวิถีพอเพียงพลับพลึงธาร 23 พลับพลึงธาร 24

เข้าเยี่ยมชมบ้านดิน และถือเป็นการพักเหนื่อยจากการปั่นจักรยานช่วงแรกด้วยพลับพลึงธาร 25

เจ้าของบ้านดิน รับเงินสมทบจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม CSR ตามหา…พลับพลึงธาร
พลับพลึงธาร 26

งานนี้สู้ตายค่ะ
พลับพลึงธาร 27

ในวันที่ 2 ของกิจกรรม หลังจากเมื่อคืนวาน นักปั่นกว่า 300 ชีวิต ได้ร่วมกันค้างแรมที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคาแล้ว ก็ได้เวลาเดินป่าเข้าไปยังลำธารกลางป่า เพื่อปลูกพลับพลึงธาร กลับคืนสู่ถิ่นเดิมตามธรรมชาติ
พลับพลึงธาร 28

แต่เดิมการปลูกพลับพลึงธารคือสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย! เพราะเธอเป็นพรรณไม้น้ำที่บอบบางมาก จนกระทั่งมีการคิดค้นเทคนิควิธีการปลูกพลับพลึงธารให้รอดได้สำเร็จ คือการนำหัวพลับพลึงธาร ซึ่งมีรูปทรงคล้ายหัวหอมนน้ำขนาดใหญ่ ไปเพาะเลี้ยงในตระกร้าหรือชะลอมสานใบเล็กๆ เมื่อโตได้ที่ ก็นำไปขุดหลุมตื้นๆ วางไว้ในลำธารน้ำใสกลางป่าพลับพลึงธาร 29

ปีนี้ถือเป็นกิจกรรมปลูกพลับพลึงธารอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกของโลก! โดยมีการปลูกจำนวน 200 ตะกร้า ตะกร้าละ 3-4 หัว และจะมีการดูแลประเมินผลหลังจากวันปลูกอย่างใกล้ชิดพลับพลึงธาร 30

ร่วมแรงร่วมใจ ฟื้นฟูพลับพลึงธารกลับคืนสู่คลองนาคา ให้เธอยิ่งใหญ่เป็นราชนินีแห่งไม้น้ำในป่าดิบปักษ์ใต้เหมือนเดิมนะจ๊ะพลับพลึงธาร 31ช่วยกันคนะลไม้คนละมือ มีรอยยิ้มเปื้อนหน้า เพราะวันนี้เราได้มาร่วมกันทำสิ่งดีๆ
พลับพลึงธาร 32 พลับพลึงธาร 33

เมื่อวางตะกร้าพลับพลึงธารลงในหลุมกลางลำธารแล้ว ก็ต้องโกยหินกรวดเข้ามาล้อมไว้ให้แน่น เพื่อไม่ให้น้ำซัดตะกร้าหลุดลอยเสียหาย
พลับพลึงธาร 34น้องๆ เยาวชนนักปั่นจักรยาน ไม่กลัวความลำบากแม้แต่น้อย เดินป่าเข้ามาปลูกพลับพลึงธารกันถึงที่เลย
พลับพลึงธาร 35 พลับพลึงธาร 36

หวังว่าอีกไม่นาน ราชินีแห่งไม้น้ำ “พลับพลึงธาร” จะกลับมาเบ่งบานทั่วคลองนาคาอีกครั้ง เพื่อต่อเติมระบบนิเวศน์ป่าให้สมบูรณ์ เพื่อเติมเต็มความมั่งคั่งของความหลากหลายทางชีวภาพเมืองไทย จนกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของลูกหลานพวกเรา ไปอีกนานแสนนานlogo123-300x300

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคใต้ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร ระนอง โทร. 0-7750-2775-6,  0-7750-1831 สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี

เที่ยวสนุกหลากสไตล์ ในเมืองแร่นอง

ระนอง 2

“โอ่โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา มีน้ำภูเขาทะเลกว้างไกล จะไปไหน ปักษ์ใต้บ้านเรา…” บทเพลงอมตะของวงดนตรี Hammer ยังคงก้องอยู่ในโสตของผมทุกครั้ง ยามเมื่อได้ล่องใต้ไปเยือน 14 จังหวัดด้ามขวานทองของไทย โดยเฉพาะจังหวัดระนอง เมืองที่ได้ฉายาว่า ฝน 8 แดด 4 เมืองมีเสน่ห์ครบเครื่องทั้งป่าเขา ท้องทะเล และผู้คน

ทริปนี้เลยอยากพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวลั้นลา กิน ช็อป แช๊ะ ด้วยกันเพลินๆ ล่ะคร้าบ
ระนอง 31. ภูเขาหญ้า สัญลักษณ์สำคัญของระนอง ที่ใครๆ ก็กล่าวขวัญถึง ตั้งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งถนนกับอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ภูเขาหญ้ามีลักษณะเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ซึ่งแทบจะไม่มีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่เลย ส่วนมากปกคลุมด้วยต้นหญ้าเตี้ยๆ ยามฤดูฝนจะเขียวสดงดงาม ส่วนฤดูร้อนหญ้าจะกลายเป็นสีทองอร่าม เขาบอกว่าการไปชมภูเขาหญ้าให้งามสุดๆ ต้องตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เพราะแสงสีทองจะอาบยอดหญ้ามลังเมลือง! ทว่าภูเขาหญ้าไม่ได้งามอย่างเดียว ยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และที่ออกกำลังกายของคนระนองเขาด้วยนะจ๊ะระนอง 4 ระนอง 5

2. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวารินทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมาเนิ่นนานหลายสิบปี จนทำให้ระนองได้ฉายาว่าเป็น เมืองแร่นอง หรือเมืองสปาธรรมชาติ มีน้ำแร่ร้อนผุดขึ้นมาหลายบ่อ ทั้งบ่อพ่อ บ่อแม่ บ่อลูก มีการต่อท่อออกมาให้นั่งแช่เท้า ลงไปว่ายน้ำเล่น เช่นเดียวกับมีการนำไปให้อาบเพื่อสุขภาพ รักษาโรคได้ต่างๆ นาๆ เพราะในน้ำแร่ร้อนเหล่านี้มีแร่ธาตุอันเป็นประโยชน์จากใต้พิภพเจือปนอยู่มากมาย ไม่ต้องไปไกลถึงออนเซนญี่ปุ่นแล้วล่ะ ฮาฮาฮา ยิ่งกว่านั้นยังมีการนำมาทำเป็นเสปร์น้ำแร่พ่นใบหน้า เพื่อให้สดชื่น บำรุงผิวพรรณดีแท้
ระนอง 6 ระนอง 7 ระนอง 8.1 ระนอง 8

3. พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองระนอง บริเวณเชิงเขานิเวศน์คีรี ใกล้ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกการเสด็จประพาส และประทับแรมของรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2433) รัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2452) และรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2471) ตัวพระราชวังสร้างด้วยไม้ตะเคียนทอง ภายในมี 3 ชั้น แบ่งเป็นห้องต่างๆ ทั้งห้องท้องพระโรง ห้องบรรทมพระราชินี และห้องบรรทมของพระเจ้าอยู่หัวบนชั้น 3 ปกติถ้าเดินเข้าไปเที่ยวเฉยๆ ก็เที่ยวชมได้แค่ด้านนอก แต่ถ้าอยากชมด้านในด้วยต้องติดต่อล่วงหน้าครับ โทร. 0-7781-1422, 0-7781-1161, 08-9645-2101
ระนอง 9 ระนอง 10

4. วัดบางนอน หรือวัดวารีบรรพต อยู่ในอำเภอเมืองระนอง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากในปัจจุบัน เพราะเป็นวัดสไตล์พม่า ที่ได้รับความเคารพสักการะ ทั้งจากคนไทย และคนพม่าในเมียนมาร์เดินทางมากราบไหว้ ส่งลูกหลานมาบวชเรียน ภายในวัดมีไฮไลท์ที่ห้ามพลาดชม คือ พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่, หลวงปู่ทวดจำลอง, รอยพระพุทธบาท (มีงานฉลองประจำปี ทุกวันที่ 11 เมษายน) รวมถึงยังมีเจดีย์ชเวดากองจำลององค์ใหญ่ สีทองอร่าม และสุดยอดไฮไลท์คือ ต้องเข้าไปกราบสักการะสังขารที่ไม่ไหม้ไฟของหลวงพ่อด่วน ถามวโร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ละสังขารไปแล้ว ได้สร้างปาฏิหาริย์ “สังขารไม่ไหม้ไฟ!”ระนอง 11 ระนอง 12 ระนอง 13 ระนอง 14 ระนอง 15 ระนอง 16 ระนอง 17

5. ตลาดพม่า ตั้งอยู่ใจกลางเมืองระนอง ในย่านชุมชนตลาดเก่า ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ให้บรรยากาศเหมือนกับยกเมียนมาร์มาอยู่บนแผ่นดินไทยยังไงยังงั้น! เพราะแม่ค้าแต่ละร้านล้วนเป็นคนพม่าจริงๆ สินค้าส่วนใหญ่เน้นไปทางเสื้อผ้า และของกินที่คนพม่านิยม โดยเฉพาะแป้งทานาคา ที่ใช้ทาหน้าให้ผิวผ่องแจ่มกระจ่าง รวมทั้งยังมีหมากพม่า และชาพม่า ให้เลือกซื้อกันอย่างจุใจด้วย จากปากทางเข้าด้านหน้าเมื่อเดินไปสุดแล้ว ก็จะมีตลาดปลาเล็กๆ อยู่ด้านหลัง ซึ่งตอนเช้าๆ จะคึกคักมาก ปลาดสดๆ ตัวใหญ่ๆ ราคาไม่แพงเลยล่ะ
ระนอง 18 ระนอง 19 ระนอง 20 ระนอง 21

6. ถนนคนเดินระนอง จัดกันบริเวณถนนเรืองราษฎร์ ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ เป็นถนนคนเดินสายสั้นๆ เล็กๆ น่ารัก เหมาะกับขนาดของเมือง และอารมณ์ความเป็น Slow Town ที่เงียบสงบ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส สินค้าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกินพื้นเมือง และของที่ระลึกเก๋ไก๋ เหมาะชวนกันไปเดินเล่นย่อยอาหารยามค่ำ เพราะเขาจัดกันตั้งแต่ประมาณ 18.00-22.30 น. และเมื่อเดินช็อปกันเหนื่อยแล้ว อยากเติมพลัง ลองแวะเข้าไปที่ ร้านดอกไม้ แต่ไม่ได้ขายดอกไม้ ฮาฮาฮา เขาขายน้ำเต้าหู้ น้ำขิง รสเด็ด ชื่อดังจ้า
ระนอง 22 ระนอง 23 ระนอง 24 ระนอง 25 ระนอง 26

7. ตลาดปลาระนอง (ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลาระนอง) เป็นจุดที่มีเรือประมงพม่าและไทยเข้ามาเทียบมากที่สุด จึงมีสัตว์น้ำนานาชนิดนำขึ้นมาคัดแยก เตรียมส่งขายไปยังร้านอาหารต่างๆ ใครไม่เคยเห็น ก็นับว่าเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจดี เพราะจะมีสัตว์ทะเลหน้าตาแปลกๆ ให้ชมเพียบ รวมถึงสัตว์ทะเลอนุรักษ์และหายากที่อาจติดอวนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย เวลาที่ควรไปชมคือ ประมาณ 05.00-06.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่เรือจะเข้าเทียบท่ามากที่สุด แต่ต้องเที่ยวแบบระวังอย่าไปเกะกะการทำงานของคนที่นั่นล่ะ
ระนอง 27 ระนอง 28 ระนอง 29

8. ชวนชิมอาหารระนอง เสน่ห์ปักษ์ใต้ที่ใครๆ ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะระนองเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ทั้งป่าเขาและท้องทะเล จึงมีอาหารให้กินบริบูรณ์ตลอดปี แน่นนอนว่า Seafood สดๆ ราคาไม่แพง คือตัวเลือกแรกที่เราต้องลิ้มลอง
ระนอง 30 ระนอง 31

แกงส้มปลากะพง ใส่ยอดมะพร้าว, อ้อดิบ (บอน), หัวมันขี้หนู รสจัดจ้าน กินคู่กับปลาเค็ม ข้าวสวยร้อนๆ หรอยจังหู! ไปกินแต่ละร้านรสชาติน้ำแกงจะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเครื่องแกงโขลกเอง แต่หลักๆ ที่เหมือนกันทุกร้านคือต้องมีขมิ้น เป็นส่วนผสมหลักที่ทำให้น้ำมีสีเหลือง บางร้านเผ็ดจัด บางร้านเผ็ดอ่อนๆ ระนอง 32

ปูนิ่ม ถือเป็นอาหาร Signature ของจังหวัดระนองเลยก็ว่าได้ เพราะมีให้ชิมตลอดปี ส่วนใหญ่ทำแบบทอดกระเทียมมา บางร้านเลือกปูไซต์พอดีคำ บางร้านเลือกใช้ปูตัวใหญ่ เคี้ยวได้ทันที Amazing จริงๆระนอง 33

ใบเหรียงผัดไข่ (บางจังหวัดเรียก ใบเหมียง) ถือเป็นพืชผักธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ตามป่าเขาของระนองมาแต่เดิม ในตลาดสดมีขายเป็นกำๆ กำละ 5 บาทบ้าง 10 บาทบ้าง นำมาปรุงได้หลายอย่าง ทั้งใบเหรียงผัดไข่, ใบเหรียงต้มกะทิ, ใบเหรียงลวกกินกับน้ำพริกกุ้งสด น้ำพริกกะปิ หรือจะสับเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในไข่เจียวก็อร่อยดี รสชาติไม่ขม ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว จึงเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากระนอง 34 ปลาทรายทอดขมิ้น หนึ่งอาหารจานเด็ดของระนอง ที่กินง่าย อร่อย ราคาไม่แพง สร้างความประทับใจให้ได้ทุกครั้งที่ลิ้มลอง หลังจากนำปลาทรายสดมาคลุกเคล้าเครื่องแกงที่มีขมิ้นเป็นส่วนผสมหลักแล้ว เขาจะนำลงทอดในน้ำมันร้อนฉ่า บางร้านทอดแบบกรอบ เคี้ยวกร๊วบ! แต่บางร้านก็ทอดมาแบบเนื้อยังนิ่ม กินง่าย มีให้ชิมตลอดปีจ้าระนอง 35

ปูผัดฉ่า และปูผัดผงกะหรี่ เป็นเมนูขึ้นชื่อของระนอง เพราะเป็นเมืองแห่งท้องทะเลอันดามันอันอุดมสมบูรณ์ มีปูจากน่านน้ำไทยและอันดามันให้ชิมเพียบ โดยเฉพาะปูม้าและปูทะเล (ปูดำ) ราคาต่างกันไปตามขนาดปู แหม พูดแล้วก็น้ำลายสอขึ้นมาทันที! ฮาฮาฮาระนอง 36

หอยตลับ เป็นเมนูที่คนระนองนิยมกินกันมาก เพราะยังหาได้ดาษดื่น ตัวก็ใหญ่ นำมาปรุงได้หลายแบบ ทั้งต้มซุป, ผัดน้ำพริกเผา, ผัดฉ่า และนึ่งกับใบโหระพา จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเด็ด ถ้าหอยสดจริง เนื้อจะแน่นหนึบสู้ปาก ต้องเคี้ยวกันนานพอดู แหม ดูซิ ขนาดสิ้นชีพแล้วยังไม่ยอมให้เรากินง่ายๆ เลยนะ ฮาฮาฮาระนอง 37

กุ้งผัดซอสมะขาม เป็นเมนูอาหารปักษ์ใต้ที่ไม่ได้พบเฉพาะในระนอง แต่มีให้ชิมทั่วไปในปัจจุบัน ทว่าที่ระนองได้เปรียบ เพราะมีวัตถุดิบคือกุ้งตัวใหญ่จากทะเลที่ใกล้แค่เอื้อม ความเจ๋งของเมนูนี้คือ น้ำซอสมะขามหวานอมเปรี้ยวปะแล่มๆ ซึ่งแต่ละร้านเขาจะมีสูตรเด็ด สูตรลับ สูตรเฉพาะของตัวเอง กินกับข้าวสวยร้อนๆ หยุดไม่ได้แน่นอน!
ระนอง 38

และสุดท้ายก่อนกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ได้ชิม หรือซื้อ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (คนใต้เรียกอีกหลายชื่อ เช่น เล็ดล่อ, กาหยู, ลูกหัวครก) คงจะเรียกว่ามาถึงระนองไม่ได้ เพราะนี่คือผลไม้ประจำจังหวัดครับ หาซื้อได้ทั่วไปในเมืองระนอง เขาแกะเปลือกคั่วมาเสร็จสรรพ จะกินเล่นกินจริงได้ทั้งนั้น เพราะมีความหวานมันอยู่ในตัวเอง

ทั้งหมดนี้คือบางส่วนของเสน่ห์เมืองระนองที่ผมหลงรัก เมืองฝน 8 แดด 4 ที่คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งครับlogo123-300x300

Special Thanks : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคใต้ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร ระนอง โทร. 0-7750-2775-6,  0-7750-1831 สนับสนุนการเดินทางเป็นอย่างดี