Seoul Sparkling! Korea
ขอต้อนรับสู่ “โซล” (Seoul) มหานครอันสวยงาม ทันสมัย ยิ่งใหญ่ บ้านของคนกว่า 10 ล้านคน ศูนย์กลางของเกาหลีใต้ ที่มีบรรยากาศน่าเที่ยว สงบ งดงาม แต่งแต้มด้วยธรรมชาติ ทว่าไม่ขาดสีสันการช้อปปิ้งและความทันสมัย โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ว่ากันว่าโซลเป็น “มหานครสีเขียวแห่งการอนุรักษ์” หรือ Eco-City ที่แท้จริงอีกด้วย
คลื่นนักท่องเที่ยวไทยที่หลั่งไหลไปโซลกันปีละหลายแสนคน! เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีถึงคำว่า “Korea Fever” หรือ “กระแสคลั่งเกาหลี!” ที่คนไทยแทบทุกระดับชั้นกำลังเป็นกันอยู่ขณะนี้!
“พระราชวังเคียงบกกุง” (Gyeongbokgung Palace) เป็นพระราชวังยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ เพราะถือเป็น 1 ใน 5 พระราชวังที่สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์โชซอน เมื่อ พ.ศ. 1937 เป็นพระราชวังหลวงสำหรับกษัตริย์ออกว่าราชการ รวมถึงเป็นที่ประทับของเหล่าเชื้อพระวงศ์มาโดยตลอด แม้ว่าพระราชวังเคียงบกกุงดั้งเดิม จะถูกกองทัพญี่ปุ่นบุกทำลายไปซะส่วนใหญ่เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ! (ประมาณ พ.ศ. 2135) แต่ภายหลังก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่จนงดงามวิจิตรใกล้เคียงของเดิม
ชื่อพระราชวังเคียงบกกุงในภาษาเกาหลี แปลว่า “พระราชวังแห่งพรที่ส่องสว่าง” (The Palace of Shining Blessings) อดีตเคยมีตำหนักต่างๆ อยู่มากถึง 200 หลัง! ทว่าปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 10 หลังเท่านั้น แต่ภายในพื้นที่กว่า 5.4 ล้านตารางฟุต! ก็ยังชวนให้จินตนาการถึงเศษเสี้ยวแห่งความอลังการในอดีตได้ดี จุดเด่นการท่องเที่ยวที่นี่คือการย้อนรำลึกบรรยากาศเก่าๆ ได้ชมสถาปัตยกรรมอันสวยสด โดยเฉพาะการก่อสร้างที่ยังใช้ไม้และหินเป็นวัสดุหลัก เราจะเห็นการจำหลักไม้อันวิจิตรน่าทึ่ง! แนะนำให้ไปเที่ยวในช่วงวันที่ 3 หรือ 4 ตุลาคม (วันชาติเกาหลี) จะมีพิธีเฉลิมฉลองใหญ่ ตื่นตาตื่นใจมาก
Info : เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) เดือนมีนาคม-ตุลาคม เปิด 9:00-18:00 น. เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ เปิด 9:00-17:00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 3,000 วอน เด็ก 1,500 วอน สอบถาม โทร. +82-2-3700-3900 การเดินทาง ใช้รถไฟใต้ดิน สาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung ออกทางออกที่ 5 หรือใช้รถไฟใต้ดิน สาย 5 ลงสถานี Ganghwamun ทางออกที่ 1 แล้วเดินต่ออีก 400 เมตร
หลายคนรู้จัก “โซลทาเวอร์” (Seoul Tower หรือ N Seoul Tower : N ย่อมาจากชื่อภูเขานัมซาน “Numsan” ที่หอคอยนี้ตั้งอยู่) ในฐานะ 1 ใน 18 หอคอย สูงที่สุดของโลก! คือสูงถึง 237 เมตร แต่อีกหลายคน กลับรู้จักหอคอยยักษ์แห่งนี้ในฐานะ “หอคอยแห่งความรักโรแมนติก” เพราะหนังเกาหลีเคยใช้ที่นี่เป็นโลเกชั่นมาแล้ว โดยเฉพาะฉากซึ้งๆ ที่พระเอกนางเอกจะนำแม่กุญแจมาคล้องล็อกความรักเอาไว้คู่กัน สาวกหนังเกาหลีเลยตามรอยมา! ทุกวันนี้จึงมีแม่กุญแจเป็นแสนๆ อันถูกแขวนไว้ในราวเหล็กรอบๆ โซลทาวเวอร์! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!
ภูเขานัมซานใจกลางกรุงโซลคือที่ตั้งของโซลทาวเวอร์ เป็นจุดชมวิว 360 องศา สุดสายตาพาโนรามา มองลงมาเห็นกรุงโซลจากมุมสูงได้เต็มตาเต็มอิ่ม บนนั้นแบ่งเป็น 3 โซน ทั้งโซนทาวเวอร์ โซนพลาซ่า และโซนล็อบบี้ ที่เจ๋งสุดของโซลทาวเวอร์น่าจะเป็นลิฟต์ขึ้นหอคอยที่มีความเร็วสูงถึง 4 เมตรต่อวินาที! สุดยอด!
ไฮไลท์อีกอย่างคือ “กุญแจคู่รัก” (N Seoul Tower Of Lover Keys) ด้วยความเชื่อว่า คู่รักคู่ใดมาคล้องกุญแจที่นี่จะทำให้รักยืนยาว จุดคล้องกุญแจอยู่ตรงฐานของโซลทาวเวอร์ เราต้องเขียนข้อความหรือชื่อคู่รักไว้บนแม่กุญแจ นำแม่กุญแจไปคล้องกับรั้วเหล็ก ส่วนลูกกุญแจต้องทิ้งไป
Info : โซลทาวเวอร์เปิดให้เที่ยวทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. ถ้าชมอยู่ภายนอกไม่เสียตังค์ แต่ถ้าเข้าชมภายในหอคอย และขึ้นลิฟต์ไปด้านบนด้วย ผู้ใหญ่ต้องจ่าย 8,500 วอน เด็ก 4,00 วอน คนชรา 6,000 วอน การเดินทางไปชม สามารถขึ้นกระเช้าจากสวนนัมซานที่ตีนเขา ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 6,300 วอน เด็ก 4,000 วอน หรือจะนั่งรถบัสขึ้นมาแล้วเดินต่ออีกนิดก็ได้ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
ท่ามกลางตึกสูงระฟ้า ท่ามกลางย่านช้อปปิ้งอันคึกคักเปี่ยมด้วยสีสัน ท่ามกลางจังหวะที่ก้าวไปไม่หยุดหย่อนในมหานครโซลแห่งนี้ ยังมีเมืองโบราณอายุกว่า 600 ปี ซุกซ่อนอยู่ในอ้อมกอดของความทันสมัยนั้น เรากำลังกล่าวถึง “เมืองเก่าบุกชน” (Bukchon Hanok Village) หมู่บ้านโบราณที่เป็นเสมือนแคปซูลเวลา สามารถพาเราย้อนกลับไปสู่โซลสมัยราชวงศ์โชซอนได้จริงๆ!
คำว่า “ฮันอก” (Hanok) ในภาษาเกาหลีหมายถึง “บ้านสไตล์โบราณ” ถ้านึกไม่ออก ให้ลองนึกถึงบ้านของหนังจีนยุทธจักรที่เราเคยดูกันในทีวี คล้ายๆ แบบนั้นล่ะ มักจะเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วหินหรือไม้เตี้ยๆ ล้อม หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาลอนโค้ง ประตูมักจะเป็นไม้บานใหญ่ๆ แต่ที่นี่ดี เพราะทั้งหมดยังมีคนอยู่อาศัย จึงเป็นเมืองเก่าที่ยังมีลมหายใจ มีชีวิต บางส่วนเปลี่ยนโฉมเป็น Art Gallery ร้านอาหาร ร้านกาแฟน่านั่ง เป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของที่ระลึก งานทำมือ หรือบ้างก็เป็น Work Shop ที่เราสามารถเข้าไปลองทำงานศิลป์ได้ เมืองเก่าบุกชนตั้งอยู่ในพื้นที่กึ่งกลาง ระหว่างพระราชวังเคียงบกกุง กับพระราชวังชางด๊อก ภายในหมู่บ้านมีซอกหลืบทางเดินวกวนราวเขาวงกต บางส่วนตั้งอยู่บนพื้นราบ แต่บางส่วนตั้งอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันลงมา ยามเย็นสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างงดงามตรึงตรา
Info : เดินทางไปง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้าสายสีส้ม ลงสถานี Anguk ทางออก 2 แล้วเดินขึ้นไปทางทิศเหนือตามถนนใหญ่ไปอีก 300 เมตร ก็ถึง เมืองเก่าบุกชนเปิดให้เดินเที่ยวชมทุกวัน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เวลาเหมาะที่สุดคือตั้งแต่ 08.00-21.00 น. หลังจากนั้นจะมืด ค่อนข้างเปลี่ยว สอบถามเพิ่มเติม โทร. +82-2-3707-8388 http://bukchon.seoul.go.kr
จะว่าไปแล้ว ผู้นำเกาหลีเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถเปลี่ยนคลองน้ำเน่าสนิทสีดำปี๋ อย่าง คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon Stream) ให้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของโซลไปได้เหมือนทุกวันนี้! ว้าว สุดยอด!
คลองชองเกชอนเป็นคลองสำคัญไหลผ่านใจกลางกรุงโซล ถือเป็นคลองโบราณสมัยราชวงศ์โชซอน ที่มีอายุกว่า 600 ปี แต่ชุมชนแออัดสองฟากฝั่งก็ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไปจนน้ำเน่าเสียสุดๆ กระทั่ง ค.ศ. 2002 นายอี มย็อง-บัก ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโซล เขาจึงทำสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้เกิดขึ้น! ด้วยการของบจากรัฐ มากถึง 1 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาคลองชองเกชอนจนสำเร็จ โดยย้ายชุมชนทั้งหมดออกไป ปรับภูมิทัศน์สองฝั่งคลองใหม่ให้โล่งน่าเดิน ปลูกต้นไม้ ขุดลอกคลอง และขุดคลองส่งน้ำจากแม่น้ำฮัน นำน้ำสะอาดเข้าไปไหลเวียน จนคลองชองเกชอนใสสะอาด ใสแจ๋วจนเลี้ยงปลาคาร์พให้แหวกว่ายไปมาได้! มีสาหร่ายสวยๆ ไหลพลิ้วเอื่อยๆ ไปตามกระแสน้ำ สองฝั่งมีถนนคนเดิน พร้อมทิวไม้ร่มรื่นตลอดความยาว 5.8 กิโลเมตร โดยมีจุดให้นั่งพักนั่งเล่นเป็นระยะ จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะยามราตรีจะมีการแสดง Laser Dance ให้ชมฟรีด้วย บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
Info : คลองชองเกชอนเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน เดินทางมาง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สายสีม่วง ลงสถานี Gwanghwamun ทางออก 5
แม่น้ำฮัน (Han River) เป็นแม่น้ำสายหลักของกรุงโซล ไหลผ่านจากทิศตะวันออกไปตะวันตก ตัวแม่น้ำมีความกว้างขวาง มีสะพานข้ามมากถึง 23 แห่ง ตลอดความยาว 41.5 กิโลเมตร ที่ไหลผ่านโซล บริเวณริมตลิ่งเขาได้สร้างสวนสาธารณะไว้ให้ผู้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจมากถึง 12 แห่ง ทิวทัศน์โปร่งโล่งสบาย ไม่มีร้านค้าหรือบ้านเรือนรกตาสร้างรุกล้ำเข้าไปในแม่น้ำแม้แต่น้อย ส่วนน้ำนั้นก็ใสสะอาด แทบไม่มีขยะให้เห็นสักชิ้นเดียว! น่านับถือที่เขาดูแลสิ่งแวดล้อมได้ยอดเยี่ยมสุดๆ!
สวนสาธารณะเหล่านี้ไม่เคยเหงา เพราะจะมีผู้คนพาครอบครัวออกมาทำกิจกรรมกันทุกวัน ทั้งกางเต็นท์พักแรก ปิกนิกทำอาหารกินกัน นอนอาบแดดอ่านหนังสือ เล่นว่าว วิ่งเล่นกับสุขนัขของตน นอกจากนี้รัฐยังได้สร้างสนามฟุตบอล สนามบาสเกตบอล สนามวอลเล่ย์บอล สระว่ายน้ำ ท่าเรือ เพื่อให้คนลงไปพายเรือ แล่นเรือใบ ตกปลา เล่นเจ็ตสกี ส่วนบนบกก็มีสนามเด็กเล่น หลายคนมาปั่นจักรยาน วิ่งออกกำลังกาย เพราะเขาเชื่อว่าเมื่อแข็งแรงก็ไม่ต้องไปหาหมอ คนไทยเราน่าจะคิดแบบนี้มั่งเนอะ!
Info : สวนนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไปถึงได้ด้วยรถไฟใต้ดินหลายสาย เช่น สาย 7 ทางออก 2,3 สาย 5 และ 8 ทางออก 1 สาย 5 ทางออก 2,3 และสาย 2 ทางออก 4 ส่วนใครที่สนใจล่องเรือแม่น้ำฮัน ลงเรือเฟอร์รี่ได้ที่ท่า Yeouido, Jamsil, Ttukseom ค่าล่องเรือชมวิวปกติ ผู้ใหญ่ 11,000 วอน เด็ก 5,500 วอน ล่องเรือดินเนอร์ครุยส์ ผู้ใหญ่ 65,000 วอน เด็ก 33,000 วอน สอบถาม โทร. +82-2-3271-6900
ถ้าคุณเป็นคนรักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ รู้ตัวเองว่าไม่แพ้ขนแมว และต้องการหาอะไรแปลกใหม่ในโซล ล่ะก็ ขอเชิญไปเที่ยวที่ “คาเฟ่น้องเหมียว” (Cat Café) ร้านกาแฟน่ารักๆ ที่มีคอนเซ็ปต์เก๋ไม่เหมือนใคร จนกระทั่งทุกวันนี้เริ่มมีคนไทยเปิดตามกันหลายแห่งในกรุงเทพฯ เราลองไปดูต้นตำรับที่นั่นกันดีกว่า
คาเฟ่น้องเหมียวของโซลเป็นร้านเล็กๆ น่านั่ง บรรยากาศชิลชิล นอกจากจะได้ดื่มอะไรเย็นๆ ให้ชื่นใจแล้ว ยังได้เล่นกับน้องเหมียวเป็นสิบตัว ที่เดินวนเวียน โดดไปโดดมา ปีนป่ายโน่นนี่นั่น และเข้ามาเคล้าคลอเคลียเราอย่างน่ารักน่าชัง แมวที่นี่ทุกตัวมีชื่อ มีประวัติ ตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนอย่างดี คนที่เข้าไปเที่ยวจึงต้องสะอาดเช่นกัน เขาจะให้เราเปลี่ยนรองเท้า ล้างมือด้วยยาฆ่าเชื้อ แล้วเข้าไปเล่นกับน้องเหมียวได้ตามกฎซึ่งทำไม่ยาก เพื่อรักษาสวัสดิภาพให้น้องเหมียวทั้งหลาย เช่น ห้ามถ่ายรูปโดยใช้แฟลช, ห้ามดึงหางแมว, ห้ามให้อาหารอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารแมว, ห้ามรบกวนแมวที่หลับอยู่, ห้ามรบกวนแมวขณะมันกินอาหาร, ห้ามใช้สิ่งของอื่นใดหรือหลอดดูดน้ำไปเย้าเล่นกับแมว เพราะทางร้านได้จัดของเล่นแมวโดยเฉพาะไว้ให้แล้ว, ห้ามส่งเสียงดัง หรือทำท่าคุกคามแมว ฯลฯ
ความอ่อนโยน น่ารัก ขี้อ้อน ของน้องเหมียว จะทำให้เราใจเย็น มีความสุขจนลืมไม่ลงเลยล่ะ
Info : Cat Café อยู่ในย่านมหาวิทยาลัยฮงอิก นั่งรถไฟใต้ดิน สาย 2 ทางออก 6 เดินไปเรื่อยๆ ร้านอยู่ด้านหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยฮงอิก โดยร้านอยู่ฝั่งซ้ายมือ บนตึกชั้น 8 เปิดทุกวัน เวลา 12.00-23.00 น. ค่าเข้าคนละ 8,000 วอน (ประมาณ 250-260 บาท) ได้เครื่องดื่ม 1 แก้ว จะนั่งในร้านนานแค่ไหนก็ได้ ไม่จำกัดเวลา สอบถามเพิ่มเติม โทร. +82-2-1330
รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวไทยกว่า 95 เปอร์เซนต์ ที่ไปโซล ต้องเคยสัมผัส “ตลาดเมียงดง” (Myeongdong Market) มาแล้วแน่นอน! โดยเฉพาะสาวหลายคนฝันว่าสักวันจะไปช้อปปิ้งที่เมียงดงให้ได้! ก็เพราะตลาดเมียงดงเป็นย่าน Shopping & Walking Street ทันสมัย เปิดเป็นถนนคนเดินยาวเหยียด มีร้านค้านับพันๆ อยู่สองฟากฝั่ง ขนาบด้วยตึกสูง ร้านกิ๊บเก๋ กิ๊ฟต์ช็อฟต์ ร้านอาหาร คาเฟ่ต์ ร้านเสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนม และอีกสารพัดให้เดินกันทั้งวัน! จึงขอเตือนว่าอย่าเดินช้อปเพลินจนตังค์หมดล่ะ!
ความสนุกในการเดินย่านเมียงดง คือเสน่ห์ของสินค้านานาชนิดที่น่าซื้อหา น่าเสียตังค์ให้ทุกสิ่งอย่าง ที่นี่เป็นศูนย์รวมแฟชั่นล่าสุดของแดนกิมจิ! อะไรที่ In Trend สุดๆ เหมือนกับเพิ่งหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่นใหม่เอี่ยม หาดูหาซื้อได้ที่นี่ โดยเฉพาะเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก น้ำหอม ผ้าพันคอ เครื่องประดับวัยรุ่น และที่สำคัญสุดๆ คือ “เครื่องสำอาง” นับร้อยยี่ห้อ! ประทินผิวเสริมความงามกันตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายเท้า มีให้เลือกซื้อทุกขนาน เน้นกันที่ใบหน้า สาวๆ ไทยเดินหอบหิ้วกันมาคนละหลายๆ ถุง บ้างก็หลายกระเป๋า! ถึงขนาดในร้านมีพนักงานขายพูดไทยได้ มีป้ายภาษาไทย และลดแลกแจกแถมให้คนไทยเป็นพิเศษด้วย! อีกอย่างคือย่านเมียงดงเป็นเหมือน Fashion Square ที่หนุ่มสาววัยใสในโซลเขาจะแต่งองค์ทรงเครื่องกันสุดฤทธิ์สุดเดช ออกมาเดินอวดโฉมแข่งกันทุกวัน
Info : ตลาดเมียงดงเปิดทุกวัน ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดเวลา 07.00-21.00 น. ส่วนที่เป็นห้างใหญ่ๆ เปิด 10.00-21.00 น. แต่จะคึกคักสุดช่วงเย็นๆ ประมาณ 17.00 น. เป็นต้นไป ช่วงหัวค่ำคนเยอะมาก เดินเที่ยวระวังกระเป๋าสตางค์และข้าวของด้วย อย่าช้อปปิ้งจนเพลิน
วัยรุ่นนิสิตนักศึกษาของโซลเป็นพวก Art ตัวพ่อ Art ตัวแม่ ไม่แพ้ชาติใดในโลก! พอว่างจากการเรียน เขาเลยเจียดเวลามาทำงานศิลปะ Hand Made กิ๊บเก๋น่าออกมาขาย หารายได้ และฝึกฝนวิทยายุทธศิลปะให้เข้มแข็ง เราจะเจอพวกเขาได้ที่ไหนในโซล? คำตอบคือ “ตลาดนัดศิลปะฮงแด” (Hongdae Art Market) ในย่านมหาวิทยาลัยฮงแด ที่กลายเป็นแหล่งพบปะของคนรักงานศิลป์ไปแล้ว
ย่านมหาวิทยาลัยฮงแด-ฮงอิก เป็นย่านมหาวิทยาลัยที่มีนิสิตนักศึกษาหน้าแฉล้ม ใสๆ เดินกันเพียบ นักเรียนศิลปะจากมหาวิทยาลัยต่างนำผลงานของตนที่ไม่เหมือนใครออกมาจำหน่าย ในลักษณะ Free Market ที่เน้นขายเฉพาะ Art Product เท่านั้น มีทั้งสมุดโน๊ตทำมือ โปสการ์ด กิ๊บติดผม กำไล เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เสื้อเพนท์ลายแปลกๆ งานไม้แกะสลัก เครื่องเงินแบบมีชิ้นเดียวในโลก เครื่องแก้วจุ๋มจิ๋ม พวงกุญแจ ผ้าพันคอ งานถักไหมพรม ภาพวาด ภาพเหมือน และอีกสารพัด ราคาก็มีตั้งแต่แพงๆ (ต้องเข้าใจนะ เพราะเป็นงาน Art ทำมือ) ไปจนถึงราคาเป็นเจ้าของได้ ยิ่งกว่านั้นบางวันยังมีนักศึกษาวิชาดนตรี มาเปิดการแสดงสดแบบ Outdoor Free Concert ให้ดูฟรีด้วย บรรยากาศชิลมากๆ
Info : การเดินทางไปตลาดนัดศิลปะฮงแด นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 ลงสถานีฮงแดอิบกู ทางออกที่ 5 แล้วเดินไปหน้ามหาวิทยาลัยฮงอิก หรือลงสถานีมหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ทางออกที่ 9 หรือสาย 6 ลงสถานีซังซู (Sangsu) ทางออกที่ 1 หรือ 2 ตลาดนัดศิลปะมีทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤศจิกายน ในหน้าหนาวจะงด เพราะหนาวไป มาตั้งขายไม่ไหว!
Traveler’s Guide
When to go : เที่ยวโซลได้ตลอดปี แต่สำหรับคนไทยที่ฮิตๆ คงหนีไม่พ้นช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพราะอากาศเย็นสบายกำลังดี แถมมีใบไม้เปลี่ยนสีทั่วเมือง และที่สำคัญคือช่วงนี้ของลดราคาเยอะด้วยล่ะ
How to go : โชคดีคนไทยไปเที่ยวเกาหลีไม่ต้องทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน บินตรงสุวรรณภูมิ-โซล ได้เลย มีหลายสายการบินให้บริการ เช่น Korean Air (www.koreanair.com), Air Asia (www.airasia.com) ฯลฯ
Where to stay : แนะนำ Pencil Guesthouse 2 (ย่านฮงอิก) จองผ่าน www.hotelscombined.com
Info : www.visitseoul.net , http://english.visitkorea.or.kr
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!